“ ฉันคือ พรหมจารีย์แห่งพระวิวรณ์ “

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ม.ค. 05, 2021 7:57 pm

+ ฉันคือ พรหมจารีย์แห่งพระวิวรณ์ +

ในปี 1947 สตรีผู้งดงาม ปรากฎกายอย่างรุ่งโรจน์ดุจดวงอาทิตย์ และบอกว่าเธอคือ พรหมจารีย์แห่งพระวิวรณ์(VIRGIN OF THE REVELATION) สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของการประจักษ์นี้ ตลอด2000ปีของปรากฎการณ์การปรากฏกายของ มารีย์ มารดาของพระเยซูคริสต์ต่อผู้คน นี่คือครั้งแรกที่มารดาพระเยซูผู้น่ารัก ปรากฎกายโดยกอดพระคัมภีร์(พระวจนะ)ไว้แนบอกแทนการโอบอุ้มพระกุมารเยซู(พระวจนะผู้มาบังเกิด)

เพราะครานี้เธอที่มีตัวตนจริงในพระคัมภีร์ผู้นี้ได้ปรากฎกายมาพบโปรแตสแตนท์

-ชายผู้เกลียดชังคาทอลิก-

นายบรูโน กอร์นักโชลา (Bruno Cornacchiola)(ภาพหมายเลข2) เป็นชาวอิตาลี เกิดปี 1913 วัยเด็กเติบโตมาเป็นคาทอลิก ปี 1936 เขาได้เปลี่ยนนิกายไปเป็น เซเว่นเดย์ แอดแวนทิส (นิกายโปรแตสแตนท์ใหม่ที่ก่อตั้งช่วงศ.19) เขาถูกเสี้ยมสอนว่า พระศาสนจักรคาทอลิก เป็น “ที่ซ่องสุมของปีศาจ” และหนังสือพระวิวรณ์ ถูกนำมาตีความในแบบให้ร้ายคาทอลิกว่าเป็นหญิงแพศยาแห่งบาบิโลน พระสันตะปาปาเป็นสัตว์ร้าย 666

จนปี 1939 บรูโนก็ถูกล้างสมองจนเป็นคนคลั่งศาสนาสุดโต่ง บรูโนไม่มีความคิดอะไรอื่นนอกจากทำลายล้างคาทอลิก หน้าแรกในหนังสือพระคัมภีร์ฉบับโปรเตสแตนด์ที่ซื้อมาเขาเขียนว่า “คาทอลิกต้องพินาศโป๊ปต้องตาย”

และเขาซื้อมีดเล่มหนึ่ง เพื่อถวายเกียรติพระเจ้าโดยการฆ่าพระสันตะปาปา ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็น “สัตว์ร้าย”ที่กล่าวถึงในหนังสือวิวรณ์ (ภาพหมายเลข3)

12 เมษายน 1947 บรูโนพาลูก3คนไปเที่ยวเล่นที่ป่าเล็กๆ ที่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอารามสามน้ำพุ(Tre Fontane) ในกรุงโรม ในขณะที่ลูกๆของเขากำลังเล่นบอลกัน เขาก็ร่างคำปราศรัยเพื่อโจมตีเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับพระแม่มารีย์ ของคาทอลิก ที่เขามองว่า สอนผิดพระคัมภีร์อย่างโง่เง่า เขาเขียนว่า "เธอไม่ใช่แม่ของพระเจ้า และไม่ใช่พรหมจารี"

+ สตรีผู้นี้คือใครกันหนอ ปรากฏตัวขึ้นมาดั่งรุ่งอรุณ
งามดั่งดวงจันทร์ รุ่งโรจน์ดั่งดวงอาทิตย์(พซม 6:10) +

ระหว่างนั้นเขาสังเกตว่าเจียนฟรังโกลูกชายคนเล็กหายไป เขาเดินหาถึงในถ้ำที่เคยใช้เป็นที่ทิ้งขยะ ก็ไปพบเด็กน้อย อยู่ในท่าคุกเข่าพนมมือเหมือนกำลังสวด นัยน์ตาเป็นประกายและยิ้ม เขาได้ยินลูกพูดย้ำว่า

“ผู้หญิงสวยจัง! ผู้หญิงสวยจริงๆ”

บรูโนตกใจถามลูกว่า “ลูกว่าอะไร เจียนฟรังโก? ลูกทำอะไร?”

แต่หนูน้อยไม่ตอบและไม่กระดุกกระดิก เพียงแต่ย้ำว่า “ผู้หญิงสวยจังเลย”

บรูโนจึงเรียกอิโซลาลูกสาวมาถามว่า” เจียนฟรังโกว่าอะไร? มีอะไรอยู่ข้างใน? เห็นอะไรบ้างไหม?”

“ไม่เห็นค่ะ” เด็กหญิงตอบ และในทันใดนั้นเองเธอก็คุกเข่าลงในมือถือดอกไม้ที่เก็บมา ตาจ้องเขม็ง พูดตะกุกตะกักเหมือนน้องชายว่า “ผู้หญิงสวยมาก! ผู้หญิงสวยเหลือเกิน!”

บรูโนรู้สึกหงุดหงิดเรียกการ์โลบ้าง “มานี่! รู้ไหมอิโชลากับเจียนฟรังโกทำอะไร ? หรือว่าลูกสามคนชวนกันเล่นแบบนี้?

“เอ๊ะ!” การ์โลแสดงอาการแปลกใจ แต่พอพูดเท่านี้เขาก็คุกเข่าลงเหมือนกัน พนมมือดวงตาสุกใสเหมือนกับคนถูกสะกดและพูดย้ำเช่นเดียวกันว่า “ผู้หญิงสวยเหลือเกิน!”

บรูโนร้องว่า “เกินไปแล้ว ยืนขึ้น การ์โล แล้วออกไป! พ่อเบื่อเจ้าสามคนนี้เต็มทีแล้ว” บรูโนพยายามจับการ์โลให้ลุกขึ้นแต่ยกไม่ขึ้น เพราะหนักเหลือเกิน บรูโนรู้สึกกลัว หันมาพูดกับอิโชลาว่า “คุกเข่าทำไม? ยืนขึ้นอย่าทำเหมือนการ์โล”

เขาออกแรงเต็มที่พยายามจับลูกสาวให้ลุกขึ้น แต่ไม่สำเร็จและก็ทำไม่สำเร็จเช่นเดียวกันสำหรับเจียนฟรังโก ลูกคนเล็ก

บรูโนมองดูลูกทั้งสามด้วยความตื่นตกใจ! ไม่ว่าจะทำยังไง ลูกก็คงอยู่เฉยๆ เหมือนกับกลายเป็นหิน โดยที่ตกใจสุดขีด บรูโนเงยหน้ามองฟ้า ร้องวิงวอนว่า

“พระเจ้า ช่วยเราด้วย!”

พอร้องขอให้พระเจ้าช่วย บรูโนก็เห็น มือขาวๆ สองมือเคลื่อนไปทางนัยน์ตาของเขาเหมือนกับจะยกม่านที่บังตาออก ทันใดนั้น แสงสว่างรุ่งโรจน์ดวงหนึ่งปรากฏขึ้นแจ่มจรัสยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างหายหมด ทั้งพื้นดินและพุ่มดอกไม้ ขณะเดียวกันเขารู้สึกตัวเบา เบาเหมือนกับว่าไม่มีร่างกายแล้วและบัดดลนั้นเอง ตรงศูนย์กลางความสว่าง เขามองเห็น “หญิงสวยงาม” คนนั้น ซึ่งลูกทั้งสามเห็นแล้ว

+ ฉันคือพรหมจารีแห่งพระวิวรณ์" +
+เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม?(กจ9:4)+

สตรีงามผู้นั้นเปล่งแสงสีทอง สว่างเจิดจ้า เท้าเปล่าของเธอยืนอยู่บนหินก้อนหนึ่ง เสื้อคลุมสีเขียวทับบนอาภรณ์สีขาว มีผ้าคาดเอวสีกุหลาบ และในมือ ถือหนังสือเล่มหนึ่งชิดกับตัว

“ฉันคือสตรีผู้สัมพันธ์(relate)กับพระตรีเอกภาพ ฉันคือธิดาของพระบิดา มารดาของพระบุตร และพระวิหารของพระจิต(พระวิญญาณบริสุทธิ์) ฉันคือพรหมจารีแห่งพระวิวรณ์"

" เธอนั้นข่มเหงฉัน แต่บัดนี้ หยุดได้แล้ว..."

+ แม่ก็คือแม่ +

บรูโนบรรยายว่า สตรีผู้นี้งดงามอย่างอัศจรรย์ มีความกรุณาปราณีอย่างมารดา แต่ก็แผ่ความรู้สึกเศร้ามาที่เขา จนเขารู้สึกสำนึกผิดมากเมื่อมองไปที่ดวงตาเศร้าที่มองมายังเขา แต่เขากลับไม่อาจละสายตาไปจากความงดงามอันมหัศจรรย์ของเธอได้เลย สตรีแห่งพระวิวรณ์เปิดเผยต่อไปว่า กิจศรัทธาที่เขาเคยทำเมื่อครั้งยังเด็ก และคำอธิษฐานของภรรยาของเขา ช่วยให้พ้นจากเส้นทางหลงผิดนี้

"พระสัญญาของพระเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลง และมั่นคงเสมอไป....คำอธิษฐานภาวนาเป็นดั่งศรทองพุ่งไปยังดวงพระทัยของพระเยซูเจ้า"

บรูโนรู้สึกว่าทุกคำพูดจากสตรีผู้นี้ เป็นดังเพลงสรรเสริญแห่งความรักที่ค่อยๆแทนที่ความเกลียดชังในใจของเขา

"แม่ขอมอบสัญญาพิเศษให้ จะบังเกิดปาร์ติหารย์ยิ่งใหญ่ ณ สถานที่นี้ ให้คนไม่มีความเชื่อและคนบาปมากมายกลับใจ”

"จงอธิษฐานภาวนามากๆ ให้คนบาป และผู้ไม่มีความศรัทธา กลับใจ และอธิษฐานให้แก่คริสตชน"ทั้งหมด"

"กลับมายังแหล่งกำเนิดอันบริสุทธิ์ของพระคัมภีร์เถิด" สตรีผู้เคยมีชีวิตอยู่ในยุคพระคัมภีร์ ยังได้อธิบาย แก้ไขการตีความพระคัมภีร์ต่างๆให้แก่บรูโน และยังเปิดเผยเหตุการณ์บางเรื่องในชีวิตของตนที่ไม่ได้ถูกบันทึกในพระคัมภีร์อีกด้วย

ทำให้การประจักษ์ครั้งนี้ยาวนานถึง 80 นาที

สตรีผู้นี้ยังขอให้บรูโน ไปพบพระสันตะปาปา เพื่อนำสาสน์ของเธอไปบอกท่าน และจะมีหมายสำคัญและผู้ที่จะช่วยนำไปหาพระสันตะปาปาได้

พอพูดจบ พรหมจารีย์แห่งพระวิวรณ์ก็เอามือวางบนอกก้มศีรษะพร้อมกับยิ้มแล้วก็หายไป ทันใดนั้นเด็กสามคนก็ออกจากภวังค์ การ์โลร้องว่า “ผู้หญิงสวย! ใส่เสื้อคลุมสีเขียว!” ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเช่นเดิม ผิดแต่ว่าแทนที่จะเหม็นกลิ่นขยะในถ้ำ บัดนี้กลับมีกลิ่นหอมอย่างอัศจรรย์

+ การกลับใจอย่างมากมาย +

ในที่สุดวันที่ 9 ธันวาคม 1949 บรูโนได้เข้าเฝ้าพระสันตะปาปา ปีโอที่ 12 เขามอบหนังสือพระคัมภีร์ที่เขียนคำสาปแช่งของเขา กับมีด ซึ่ง เขาเตรียมไว้เพื่อจะสังหารท่าน(ภาพที่3) และเล่าเรื่องราวทั้งหมด และขออภัยพระสันตะปาปา ท่านยิ้มและตอบว่า “ลูกที่รัก ถ้าลูกฆ่าเราก็แค่ทำให้พระศาสนจักรมีมรณสักขีเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง”

แล้วเรื่องราวของบรูโน ก็เผยแพร่โด่งดังไปทั่วอิตาลี หนังสือพิมพ์ในอิตาลีลงเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อนี้ (ภาพหมายเลข1) ในเวลาต่อมา พระศาสนจักรสอบสวนเรื่องนี้ และประกาศรับรองการประจักษ์นี้ว่า เผยแพร่และแสวงบุญได้

จากวันนั้นจนวันสุดท้ายของชีวิตในปี 2001 บรูโนอุทิศตนในการเป็นผู้ช่วยดูแล และเป็นไกด์เล่าคำพยานของตัวเองแก่ผู้แสวงบุญ ที่วัดที่สร้างขึ้นในจุดที่แม่พระประจักษ์มาหาเขา

และตามที่สตรีแห่งพระวิวรณ์สัญญาไว้อัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย มีคนกลับใจ มีคนหายป่วยจากโรคร้ายต่างๆอย่างอัศจรรย์ ผู้ที่หายป่วย นำเฝือก หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆของตนแขวนไว้ที่ถ้ำเพื่อเป็นประจักษ์พยานการหายป่วยของตน(ภาพที่4) ทุกวันนี้ยังคงแขวนไว้ที่ผนังถ้ำจำนวนมาก

(2คร 3:15-16)จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสสผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป

ท่านที่สนใจเพิ่มเติมสามารถอ่านเรื่องราวแบบละเอียดยิ่งขึ้นได้ที่

ภาษาไทยรูปใหญ่และเรื่องราวละเอียด
http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic. ... 75&start=0

ภาษาอังกฤษ ละเอียดกว่าแต่รูปน้อย
http://faithofthefathersapparitions.blo ... ntane.html
http://luisapiccarreta.co/?page_id=4780
ตอบกลับโพส