สายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2021 6:05 pm
...สายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด (ตอนที่ 1)
แปลจากเรื่อง Nothing Can Separate โดย กอบกิจ ครุวรรณ
รีเบกกา มองจากหน้าต่างห้องเห็นเด็ก ๆ กำลังเล่นขว้างปาหิมะกันอย่างสนุกสนานในสวนสาธารณะที่อยู่ติดกับบริเวณหลังบ้านของเธอ เธออยากจะไปเล่นกับพวกเขาด้วย แต่พ่อพูดกับเธอตั้งแต่เช้าวันนั้นว่า “วันนี้พ่อไม่ให้ลูกออกไปเล่นหิมะนะ” เธอถามเหตุผลกับพ่อ แต่พ่อตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “เชื่อพ่อเถอะ วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีที่สุดที่จะออกไปเล่นหิมะหรอกลูก” รีเบกกาตอบตกลงโดยหอมแก้มพ่อและบอกว่าวันนี้เธอจะอยู่บ้านอ่านหนังสือ จากนั้นพ่อก็เดินลงบันไดจากไป
ไม่นานต่อมา รีเบกกาก็ครุ่นคิดอีกครั้งหนึ่งว่า “แปลกจังนะ วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส แล้วทำไมพ่อถึงไม่อนุญาตให้ลูกไปเล่นหิมะ ทำไมต้องให้ลูกหมดสนุกอดเล่นกับเพื่อน ๆ ด้วยล่ะ” ขณะที่กำลังคิดหาคำตอบอยู่นั้นเอง มีหิมะกำมือหนึ่งลอยมากระทบแตกกระจายที่หน้าต่างด้านนอกห้องพอดี เธอไม่สามารถอดใจไม่ออกไปเล่นได้อีกต่อไป เธอจึงวางหนังสือที่เพิ่งเริ่มอ่านไว้บนโต๊ะและก้าวออกไปเล่นหิมะนอกบ้านกับเพื่อน ๆ
ขณะที่เล่นอยู่นอกบ้าน รีเบกกาพยายามบอกตัวเองว่า เธอกำลังมีความสุขอยู่ กระนั้นก็ดีเธอรู้สึกมีเสียงลึกลับในใจบอกเธอว่า เธอไม่ได้ทำตามสิ่งที่พ่อพูดกับเธอ
หลังจากเล่นอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงเธอก็ลาเพื่อน ๆ กลับเข้าบ้านโดยตั้งใจจะย่องเข้าบ้านโดยไม่ให้ใครเห็นและเก็บตัวอยู่ในห้องนอนก่อนที่พ่อจะกลับบ้าน ด้วยความที่เธอรีบจะไปให้ถึงห้องของเธอโดยเร็ว เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นถุงมือข้างหนึ่งของคนในบ้านตกอยู่ที่คั่นบันไดตอนบน และเมื่อเท้าของเธอเหยียบบนถุงมือ เธอก็ลื่นตกบันไดลงมาหลายขั้น ยิ่งกว่านั้นขณะที่ตกลงมามือข้างหนึ่งของเธอยังได้ไปปัดภาพที่พ่อชอบเป็นพิเศษที่แขวนอยู่ข้างบันไดตกลงมาจนภาพฉีกขาดอีกด้วย
ปกติเมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ เธอจะรีบบอกให้พ่อทราบ ซึ่งท่านก็จะกุลีกุจอช่วยปฐมพยาบาลให้ แต่ครั้งนี้เธอไม่กล้าสู้หน้าพ่อ เธอทราบดีว่าเธอไม่ได้เชื่อฟังพ่อและยังเป็นต้นเหตุทำให้ภาพโปรดของพ่อฉีกขาดอีกด้วย เธอกัดฟันอดทนไม่ให้มีเสียงใด ๆ ลอดออกจากปาก เก็บภาพที่เสียหายขึ้นมาและเขย่งเท้าไปที่ห้องของเธอ
ตลอดทั้งวันที่เหลือ เธอนอนทนเจ็บไปทั่วร่างเพราะรอยฟกช้ำจากการตกบันได นอกจากนั้นใจของเธอเป็นทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางร่างกายจนแทบจะทนไม่ได้ บัดนี้เธอแน่ใจว่าพ่อคงจะไม่รักเธออีกต่อไป ถูกแล้วในอดีตที่ผ่านมา เธอเคยก่อเรื่องยุ่งยากกับพ่ออยู่บ้าง แต่ก็ไม่หนักหนาสาหัสมากเท่าความผิดในครั้งนี้อย่างแน่นอน พ่อคงจะไม่พูดกับเธออีกแล้ว การกระทำของเธอครั้งนี้ยังจะทำให้พ่อรักเธอได้อีกหรือ
เธอนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นไปมาอยู่นาน ก่อนหน้านั้นเธอคลอเคลียหัวเราะเล่นกับพ่อ ปรับทุกข์ร้องไห้กับท่าน รวมทั้งเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ จากท่าน แต่สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว เวลาแห่งความทุกข์โศกคืบคลานไปอย่างเชื่องช้าอยู่นานทีเดียว ที่สุดเย็นวันนั้น พี่เลี้ยงที่รู้จักหนูรีเบกกาเป็นอย่างดีมาเคาะขอเข้าไปในห้อง ที่ผ่านมาเธอมีวิธีการพูดจนรู้ทุกเรื่องของรีเบกกา และครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากพูดคุยกันอยู่ไม่นาน พี่เลี้ยงก็ทราบความจริงทั้งหมด จากนั้นเธอก็ให้คำแนะนำที่ดีด้วยท่าทางที่จริงจังและใช้คำพูดที่อ่อนหวานว่า “หนูรีเบกกาจ๊ะ เรื่องของหนูร้ายแรงทีเดียว แต่หนูจะมานั่ง ๆ นอน ๆ จมอยู่กับความผิดอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ หนูต้องไปหาพ่อและถือภาพที่ขาดนี้ไปด้วย จากนั้นก็เล่าทุกอย่างให้พ่อทราบ”
รีเบกกา สะอื้นตอบว่า “โถ แต่หนูทำไม่ได้ หนูไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากพ่ออีกแล้ว” โปรดติดตามตอนที่ 2ในวันพรุ่งนี้
แปลจากเรื่อง Nothing Can Separate โดย กอบกิจ ครุวรรณ
รีเบกกา มองจากหน้าต่างห้องเห็นเด็ก ๆ กำลังเล่นขว้างปาหิมะกันอย่างสนุกสนานในสวนสาธารณะที่อยู่ติดกับบริเวณหลังบ้านของเธอ เธออยากจะไปเล่นกับพวกเขาด้วย แต่พ่อพูดกับเธอตั้งแต่เช้าวันนั้นว่า “วันนี้พ่อไม่ให้ลูกออกไปเล่นหิมะนะ” เธอถามเหตุผลกับพ่อ แต่พ่อตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “เชื่อพ่อเถอะ วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีที่สุดที่จะออกไปเล่นหิมะหรอกลูก” รีเบกกาตอบตกลงโดยหอมแก้มพ่อและบอกว่าวันนี้เธอจะอยู่บ้านอ่านหนังสือ จากนั้นพ่อก็เดินลงบันไดจากไป
ไม่นานต่อมา รีเบกกาก็ครุ่นคิดอีกครั้งหนึ่งว่า “แปลกจังนะ วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส แล้วทำไมพ่อถึงไม่อนุญาตให้ลูกไปเล่นหิมะ ทำไมต้องให้ลูกหมดสนุกอดเล่นกับเพื่อน ๆ ด้วยล่ะ” ขณะที่กำลังคิดหาคำตอบอยู่นั้นเอง มีหิมะกำมือหนึ่งลอยมากระทบแตกกระจายที่หน้าต่างด้านนอกห้องพอดี เธอไม่สามารถอดใจไม่ออกไปเล่นได้อีกต่อไป เธอจึงวางหนังสือที่เพิ่งเริ่มอ่านไว้บนโต๊ะและก้าวออกไปเล่นหิมะนอกบ้านกับเพื่อน ๆ
ขณะที่เล่นอยู่นอกบ้าน รีเบกกาพยายามบอกตัวเองว่า เธอกำลังมีความสุขอยู่ กระนั้นก็ดีเธอรู้สึกมีเสียงลึกลับในใจบอกเธอว่า เธอไม่ได้ทำตามสิ่งที่พ่อพูดกับเธอ
หลังจากเล่นอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงเธอก็ลาเพื่อน ๆ กลับเข้าบ้านโดยตั้งใจจะย่องเข้าบ้านโดยไม่ให้ใครเห็นและเก็บตัวอยู่ในห้องนอนก่อนที่พ่อจะกลับบ้าน ด้วยความที่เธอรีบจะไปให้ถึงห้องของเธอโดยเร็ว เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นถุงมือข้างหนึ่งของคนในบ้านตกอยู่ที่คั่นบันไดตอนบน และเมื่อเท้าของเธอเหยียบบนถุงมือ เธอก็ลื่นตกบันไดลงมาหลายขั้น ยิ่งกว่านั้นขณะที่ตกลงมามือข้างหนึ่งของเธอยังได้ไปปัดภาพที่พ่อชอบเป็นพิเศษที่แขวนอยู่ข้างบันไดตกลงมาจนภาพฉีกขาดอีกด้วย
ปกติเมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ เธอจะรีบบอกให้พ่อทราบ ซึ่งท่านก็จะกุลีกุจอช่วยปฐมพยาบาลให้ แต่ครั้งนี้เธอไม่กล้าสู้หน้าพ่อ เธอทราบดีว่าเธอไม่ได้เชื่อฟังพ่อและยังเป็นต้นเหตุทำให้ภาพโปรดของพ่อฉีกขาดอีกด้วย เธอกัดฟันอดทนไม่ให้มีเสียงใด ๆ ลอดออกจากปาก เก็บภาพที่เสียหายขึ้นมาและเขย่งเท้าไปที่ห้องของเธอ
ตลอดทั้งวันที่เหลือ เธอนอนทนเจ็บไปทั่วร่างเพราะรอยฟกช้ำจากการตกบันได นอกจากนั้นใจของเธอเป็นทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางร่างกายจนแทบจะทนไม่ได้ บัดนี้เธอแน่ใจว่าพ่อคงจะไม่รักเธออีกต่อไป ถูกแล้วในอดีตที่ผ่านมา เธอเคยก่อเรื่องยุ่งยากกับพ่ออยู่บ้าง แต่ก็ไม่หนักหนาสาหัสมากเท่าความผิดในครั้งนี้อย่างแน่นอน พ่อคงจะไม่พูดกับเธออีกแล้ว การกระทำของเธอครั้งนี้ยังจะทำให้พ่อรักเธอได้อีกหรือ
เธอนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นไปมาอยู่นาน ก่อนหน้านั้นเธอคลอเคลียหัวเราะเล่นกับพ่อ ปรับทุกข์ร้องไห้กับท่าน รวมทั้งเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ จากท่าน แต่สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว เวลาแห่งความทุกข์โศกคืบคลานไปอย่างเชื่องช้าอยู่นานทีเดียว ที่สุดเย็นวันนั้น พี่เลี้ยงที่รู้จักหนูรีเบกกาเป็นอย่างดีมาเคาะขอเข้าไปในห้อง ที่ผ่านมาเธอมีวิธีการพูดจนรู้ทุกเรื่องของรีเบกกา และครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากพูดคุยกันอยู่ไม่นาน พี่เลี้ยงก็ทราบความจริงทั้งหมด จากนั้นเธอก็ให้คำแนะนำที่ดีด้วยท่าทางที่จริงจังและใช้คำพูดที่อ่อนหวานว่า “หนูรีเบกกาจ๊ะ เรื่องของหนูร้ายแรงทีเดียว แต่หนูจะมานั่ง ๆ นอน ๆ จมอยู่กับความผิดอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ หนูต้องไปหาพ่อและถือภาพที่ขาดนี้ไปด้วย จากนั้นก็เล่าทุกอย่างให้พ่อทราบ”
รีเบกกา สะอื้นตอบว่า “โถ แต่หนูทำไม่ได้ หนูไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากพ่ออีกแล้ว” โปรดติดตามตอนที่ 2ในวันพรุ่งนี้