“พระเยซูเจ้าทรงรักท่านเสมอ”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ม.ค. 22, 2021 1:45 pm

....พระเยซูเจ้าทรงรักท่านเสมอ...
แปลจากเรื่อง Jesus really loves you โดย กอบกิจ ครุวรรณ
ปกติทุกบ่ายวันอาทิตย์หลังไปร่วมพิธีนมัสการที่โบสถ์ในตอนเช้าแล้ว ศิษยาภิบาลกับลูกชายวัย 11 ขวบจะไปแจก “แผ่นพับพระกิตติคุณ” (Gospel tracts) ในเมืองที่ทั้งสองอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตามบ่ายของวันที่ผู้เขียนกล่าวถึงนี้ ฝนตกหนักและอากาศข้างนอกหนาวมาก กระนั้นก็ดีหลังอาหารกลางวัน ลูกชายของศิษยาภิบาลท่านนี้เริ่มใส่เสื้อผ้าชุดที่อบอุ่นที่สุดและพูดกับบิดาว่า “ผมพร้อมแล้วครับ”
บิดาจึงถามว่า “ลูกพร้อมเรื่องอะไรหรือ”
ลูกชายตอบว่า “ตอนนี้ได้เวลาที่เราจะเอาแผ่นพับไปแจกกันแล้วครับพ่อ”
บิดาตอบว่า “ลูกรัก บ่ายนี้อากาศหนาวเกินไป และฝนก็ยังเทลงมาไม่ขาดสายอยู่”
ลูกชายมีสีหน้ามึนงงกับคำตอบของบิดา และถามว่า “แต่พ่อเคยบอกไม่ใช่หรือครับว่า แม้แต่ตอนที่ฝนกำลังตกอยู่ ก็ยังมีคนไปนรกนะครับ”
บิดาพูดตัดบทว่า “อากาศอย่างนี้ พ่อขอตัวอยู่บ้าน”
ลูกชายรู้สึกหมดหวัง แต่ก็พยายามถามบิดาเป็นครั้งสุดท้ายว่า “งั้นผมขออนุญาตออกไปแจกแผ่นพับคนเดียวนะครับ พ่อ”
บิดารีรออยู่สักครู่ก่อนจะพูดว่า “ก็ได้ ปึกแผ่นพับวางอยู่ที่ตรงนี้ ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะลูก”
“ขอบคุณครับ พ่อ”
ลูกชายหยิบปึกแผ่นพับและเปิดประตูบ้านออกไปฝ่าฝนตามถนนสายต่าง ๆ ในเมือง เขาเริ่มแจกแผ่นพับเมื่อพบผู้คน และเคาะประตูบ้านแต่ละหลังเพื่อแจกแผ่นพับให้ หลังจากเดินตากฝนแจกไปได้ 2 ชั่วโมงเศษ เขารู้สึกหนาวเหน็บและเนื้อตัวเปียกปอนไปหมด ตอนนั้นขาเหลือแผ่นพับอีกเพียงแผ่นเดียว เขาหยุดรออยู่ที่มุมถนนสักครู่แต่ก็ไม่มีผู้คนในบริเวณนั้นเลย เขาจึงเดินไปยังบ้านหลังแรกที่อยู่ใกล้ที่สุด หยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านและสั่นกระดิ่งที่ประตูเรียก
เขารออยู่ครู่ใหญ่แต่ก็ไม่มีผู้ใดเปิดประตูให้ เขาจึงสั่นกระดิ่งซ้ำไปมาและหยุดรออีกหลายครั้งโดยไร้ผล ที่สุดเขาก็ตัดสินใจจะเดินจากไป ขณะนั้นเองเขาเกิดมีความรู้สึกแปลก ๆ จึงยังคงหยุดอยู่ที่เดิม ครั้งนี้เขาจับกระดิ่งสั่นอย่างแรงและรอต่อไป ผลก็ยังคงเหมือนเดิม เขาจึงสั่นกระดิ่งแรงยิ่งขึ้นอีก ครู่ต่อมาก็มีหญิงชราใบหน้าซีดเซียวอมทุกข์เปิดประตูบ้านอย่างเชื่องช้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “มีอะไรให้ยายช่วยหรือหนู” หนูน้อยของเรามีนัยน์ตาเปล่งเป็นประกายด้วยความดีใจพร้อมกับส่งยิ้มต้อนรับและพูดว่า “คุณยายครับ ผมต้องขอโทษที่รบกวนคุณยายมากทีเดียว ผมเพียงแต่อยากจะเรียนให้คุณยายทราบว่า พระเยซูเจ้าทรงรักคุณยายเสมอครับ กรุณารับแผ่นพับใบสุดท้ายของผมด้วยครับ เป็นแผ่นพับที่กล่าวถึงเรื่องราวทั้งหมดและความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ครับ” หลังจากนั้นพระเอกของเราก็โค้งคำนับคุณยายและหันหลังก่อนจะเดินกลับบ้าน แต่คุณยายส่งเรียกเขา จากนั้นก็พูดว่า “ขอบใจมากนะหลาน และขอให้พระเป็นเจ้าโปรดอำนวยพระพรให้หนูด้วย”
เช้าวันอาทิตย์ต่อมาระหว่างพิธีนมัสการที่โบสถ์ ศิษยาภิบาลบิดาของเด็กชายคนเดิมดำเนินพิธีนมัสการตามปกติ ท่านเริ่มพิธีด้วยการตั้งคำถามกับผู้ร่วมพิธีว่า “มีใครเป็นประจักษ์พยานเกี่ยวกับพระ หรือมีใครอยากจะกล่าวอะไรบ้างไหมครับ”
ครู่ต่อมา ที่บริเวณแถวด้านหลังของโบสถ์ มีสตรีสูงวัยท่านหนึ่งลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเธอสดใสเปล่งปลั่ง เธอเริ่มกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “ในโบสถ์นี้คงไม่มีใครรู้จักดิฉันหรอกค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ดิฉันไม่เคยมาที่โบสถ์นี้เลย ดิฉันไม่ได้เป็นคริสเตียน สามีของดิฉันก็เสียไปหลายปีแล้ว หลังจากนั้นดิฉันก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดียวเดียวดายในโลก จนเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันที่อากาศหนาวเหน็บและฝนก็ตกหนักตลอดทั้งวัน จิตใจของดิฉันห่อเหี่ยวมากจนรู้สึกไม่สามารถจะอดทนมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกนี้ได้แล้ว ดังนั้น ดิฉันจึงคว้าเชือกและเก้าอี้ตัวหนึ่งเดินขึ้นไปชั้นบนที่ห้องใต้หลังคา ผูกเชือกไว้กับขื่อและขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ก่อนจะเอาปลายเชือกอีกข้างหนึ่งมาผูกรอบคอ จากนั้นก็เตรียมก้าวออกจากเก้าอี้ที่ยืนอยู่ แต่ทันใดนั้นเอง ดิฉันได้ยินเสียงกระดิ่งที่ประตูบ้านดังผิดปกติจนดิฉันตกใจและคิดว่า รออีกสักนาทีเดี๋ยวคนที่สั่นกระดิ่งก็คงจะจากไปเอง แต่หลังจากรออยู่นานปรากฏว่า เจ้าคนนั้นไม่ยอมไปสักที เสียงกระดิ่งยังคงสั่นเรียกอยู่เป็นระยะ ๆ และดูเหมือนยิ่งทียิ่งดังขึ้นกว่าเดิมด้วย ดิฉันรู้สึกแปลกใจมากเพราะเป็นเวลานานแสนนานที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครสั่นกระดิ่งหน้าบ้านเรียกดิฉันเลย ด้วยความแปลกใจนี้เอง ดิฉันจึงคลายห่วงเชือกที่คอออก ลงจากเก้าอี้และค่อย ๆ เดินลงไปเปิดประตูบ้าน
ทันทีที่เปิดประตูบ้าน ดิฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ดิฉันเห็นเด็กน้อยคนหนึ่ง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสราวกับเทวดาน้อยที่ดิฉันไม่เคยพบเห็นมาก่อนตั้งแต่เกิด รอยยิ้มของเขาบ่งบอกถึงความสุขที่แสนหวาน ดิฉันไม่สามารถบรรยายความรู้สึกประทับใจทั้งหมดได้ค่ะ หลังจากนั้นคำพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะของเทวดาน้อยคนนั้นฉุดกระชากหัวใจที่ตายด้านของดิฉันให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อย่างเหลือเชื่อ : คุณยายครับ ผมเพียงแต่อยากจะเรียนคุณยายว่า พระเยซูเจ้าทรงรักคุณยายเสมอครับ. ก่อนจากไป เขาได้มอบแผ่นพับกิตติคุณแผ่นที่ดิฉันถืออยู่ในมือนี้ แล้วเขาก็เดินฝ่าฝนและความหนาวจากไป ดิฉันปิดประตูบ้านและเริ่มอ่านแผ่นพับทีละคำ จากนั้นก็ขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคา เก็บเชือกและเก้าอี้ที่ดิฉันคงไม่มีวันจะใช้มันอีกต่อไป”
“ทุกท่านค่ะ บัดนี้ดิฉันเป็นบุตรที่มีความสุขเปี่ยมล้นคนหนึ่งของ“พระมหากษัตริย์” และเนื่องจากดิฉันเห็นที่อยู่ของโบสถ์ที่ด้านหลังของแผ่นพับ ดิฉันจึงมาร่วมพิธีนมัสการที่นี่ในวันนี้ด้วยตัวเองเพื่อจะกล่าวว่า : ดิฉันอยากจะขอบใจเทวดาน้อยของพระเป็นเจ้าที่มาพบดิฉัน ณ เสี้ยวเวลาแห่งความเป็นความตายและทำให้วิญญาณของดิฉันรอดพ้นจากขุมนรกตลอดนิรันดร”
ถึงตอนนี้ผู้ร่วมพิธีนมัสการทุกคนมีน้ำตานองหน้า ต่างเปล่งเสียงสรรเสริญกึกก้องถวายเกียรติแด่ “พระมหากษัตริย์” ขณะที่ศิษยาภิบาลผู้บิดาเดินไปยังที่นั่งแถวหน้าที่ลูกชายนั่งอยู่ ท่านสะอื้นไห้ขณะอุ้มเขาไว้ในวงแขน และคงมีแต่“พระบิดาเจ้าสวรรค์” เท่านั้นที่มีความสุขมากกว่าท่านหลังจากที่พระองค์ทรงสละ“พระบุตรองค์เดียว” ลงมาเจริญพระชนม์ชีพในความมืดและความเย็นชาในโลก ก่อนจะรับพระบุตรกลับไปประทับเบื้องขวาของพระองค์
**************
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2021 5:26 pm

22 มกราคม เรื่องราวของทหารอากาศ หนุ่มชาวออสเตรเลีย รับศีลล้างบาปในครอบครัวคาทอลิก

เมื่อโตขึ้น คิดว่าเรื่องพระเจ้าเป็นเพียงนิยาย ...จึงห่างวัด..

เป็นทหาร..คราวหนึ่ง นั่งเฮลีคอปเตอร์ เครื่องขัดข้องกำลังตก..

เขาอุทาน "พระเจ้า ..อย่าเพิ่งให้ผมตาย"

เพื่อนของเขาเสียชีวิต แต่เขารอดตาย..เขาแปลกใจมากกว่า

เขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า แต่พอเจออุบัติเหตุ..กลับอุทานถึงพระ

...เขาจึงแสวงหาความหมายของชีวิต..

ที่สุด จึงขอเรียนคำสอน(RCIA) จนรับศีลกำลัง ในเดือนสิงหาคม 2019...

เขากลับเข้าวัด ปฏิบัติตามหลักคำสอน ..กลับมารักพระเยซูเจ้า... รู้สึกมีสันติสุขในใจ

#บทความแปล
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ม.ค. 24, 2021 5:27 pm

..... ยิ้มทำไม.....
แปลจากเรื่อง Smile โดย กอบกิจ ครุวรรณ
เด็กหญิงคนหนึ่งเดินกลับบ้านทุกวันหลังจากโรงเรียนเลิก แม้ว่าเช้าวันนั้นหมู่ก้อนเมฆเริ่มก่อตัว
และบ่ายวันนั้นมีลมพัดแรง ฟ้าแลบฟ้าร้อง ผู้เป็นแม่ของเธอรู้สึกเป็นห่วงว่าลูกสาวจะหวาดกลัว
กับสภาพอากาศเช่นนี้ขณะเดินกลับบ้าน เพราะตัวเธอเองก็กลัวอันตรายเมื่อเกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง
ดังนั้นเธอจึงรีบขับรถตรงไปที่โรงเรียนที่ลูกเรียนอยู่
ราวครึ่งทางก่อนจะถึงโรงเรียน เธอก็สังเกตเห็นลูกสาวกำลังเดินบนทางเท้าตามทางกลับบ้าน
เมื่อกลับรถเพื่อจะรับลูกขึ้นรถ เธอรู้สึกแปลกใจที่ทุกครั้งเมื่อฟ้าแลบ ลูกของเธอจะหยุดเดินและ
ยิ้มให้กับท้องฟ้าที่มีแสงของฟ้าแลบ หลังจากขับรถช้า ๆ ตามหลังลูกสาวได้สักครู่ใหญ่
เธอก็ลดกระจกหน้าต่างรถลงและร้องถามลูกสาวว่า ทำไมเธอจึงหยุดทุกครั้งที่ฟ้าแลบ
ลูกสาวตอบว่า “หนูกำลังยืนนิ่งทำท่ายิ้มสวยค่ะ เพราะพระเป็นเจ้าทรงถ่ายรูปหนูอยู่”
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 28, 2021 10:33 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ม.ค. 28, 2021 9:24 pm

....“Going beyond…”....
พลทหารคาทอลิกคนหนึ่งอ่านพระคัมภีร์และสวดภาวนาก่อนนอนทุกคืนเป็นกิจวัตร
ในขณะที่เพื่อนๆทหารกลับเข้าแคมป์แล้วก็เข้านอน เขาจะคุกเข่าลงที่ข้างเตียงและ
สวดภาวนา เพื่อนๆทหารที่เห็นก็จะเย้ยหยันแล้วก็เริ่มรังควานเขา มีอยู่คืนหนึ่งการรังควาน
ด้วยคำพูดจาต่างๆนานา เปลี่ยนมาเป็นการกระทำ เมื่อเขาก้มหน้าลงเพื่อสวดภาวนา
ทหารคนหนึ่งก็ขว้างรองเท้าบูทของเขาทั้งสองข้างฝ่าความมืดและโดนที่ใบหน้าของเขา
ทหารคนอื่นๆก็หัวเราะเยาะแล้วก็พูดเย้ยหยันหวังจะให้เกิดการต่อสู้กัน แต่ก็ไม่มีการโต้ตอบ
จากเขาเลย เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อทหารที่ขว้างรองเท้าบูทใส่เขาตื่นขึ้นมา เขาพบว่ามีบางอย่างวาง
อยู่ที่ปลายเตียงของเขา ทุกคนในแคมป์ก็เห็นเช่นกันว่า ที่ปลายเตียงของเขานั้นเป็นรองเท้าบูท
ของเขาเองและรองเท้าได้ถูกขัดจนเงางับทีเดียว (his boots, returned and polished.)
(Stephen Lawson in Absolutely Sure). บางคนอาจจะมองว่าจิตตารมณ์คริสตชนนี้คือ
ความอ่อนแอ แท้ที่จริงถ้าหากคนไม่เข้มแข็งจริงๆแล้ว คงไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
คงไม่สามารถยื่นอีกแก้มหนึ่งให้เขาตบได้ คำภาวนาทุกวันช่วยให้เราเข้มแข็ง
ทำให้เราอยู่เหนือข้อขัดแย้งและช่วยกันสร้างสันติได้ Absolutely Sure.
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 28, 2021 10:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ม.ค. 28, 2021 9:38 pm

เย็นย่ำวันนั้น,
ความมืดมนห่มคลุมทั่วทุกมุมถนน ทุกบ้าน ทุกเมือง
ท่ามกลางฝนปรอยสายจนค่ำคืนเปียกโชก
ชายผู้แบกศรัทธาคนทั้งโลกไว้บนหลังไหล่
เดินดุ่มเดียวดายผ่านลานมหาวิหารอันว่างเปล่า...
.

เย็นย่ำวันนั้น,
กลางคลื่นลมบ้าและพายุคลั่ง
เรือลำหนึ่งกำลังตื่นตระหนกตกใจกลัว
พวกเขาร้องปลุกชายคนหนึ่งที่กำลังหลับใหล
“ท่านไม่ห่วงพวกเราหรืออย่างไร”
ชายคนนั้นลุกขึ้น บอกลมและพายุให้สงบลง
แล้วถามคนเหล่านั้นว่า
“ตกใจกลัวทำไม ยังไม่มีความเชื่ออีกหรือ?” *
.

เราต่างอยู่ในเย็นย่ำเดียวกัน
เราต่างอยู่ในเรือลำนั้น
เผชิญพายุแห่งความสับสน
โลกซึ่งเคยอึงอลกลับเงียบงันไร้เสียงแห่งความหวัง
โลกซึ่งเคยสว่างแม้ยามกลางคืน กลับสูญสิ้นแสงแห่งชีวิต
เรากำลังอยู่ในเรือลำนั้น
ที่ทุกคนต้องช่วยกันลงมือพาย ฝ่าฝนฟ้าพายุไปด้วยกัน
.

อ ย่ า ก ลั ว

นี่ไม่ใช่การพิพาษาลงโทษจากพระเจ้า
หากเป็นสัญญาณเตือนให้เราใช้ชีวิตต่างจากเดิม
ไม่ใช่การตัดสินของพระองค์
แต่เป็นการตัดสินของเราเอง
ว่าสิ่งใดสำคัญ สิ่งใดควรสูญสิ้น
เป็นเวลาแยกแยะว่าสิ่งใดจำเป็น สิ่งใดไม่ใช่
เป็นเวลาที่จะนำพาชีวิตไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง
.

เธอเห็นตัวอย่างเหล่านั้นไหม...
หมอ พยาบาล พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต
คนทำความสะอาด คนดูแลผู้ป่วย ผู้ให้บริการขนส่ง
เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย, จิตอาสา, บาดหลวง
และคนอื่น ๆ อีกมากมายที่เข้าใจแล้วว่า
เราไม่สามารถรอดได้ด้วยตัวเองตามลำพัง
.

ยังมีคนมากมายแค่ไหนที่กำลังแสดงให้เห็นถึงความอดทน
และมอบความหวัง, ช่วยดูแลผู้อื่น
ไม่ตื่นตระหนกแต่ตระหนักในหน้าที่รับผิดชอบ
.

มีอีกหลากหลายคำอธิษฐาน
ภาวนาเพื่อวันที่ดีงามสำหรับทุกคน...

เหล่านี้คืออาวุธแห่งชัยชนะของเรา
.

ใช่... เราอยู่ในเรือลำนั้น
กลางคลื่นลมบ้าพายุคลั่ง
แต่อย่ากลัว อย่าสิ้นหวัง
เพราะพระเจ้ายังอยู่บนเรือลำนั้นกับเรา

จ ง ว า ง ใ จ
.

ปะการัง
.
.

[ บันทึกความคิด จากถอดความบางส่วน-บทเทศน์ของโป๊ปฟรานซิส
ในการนำภาวนาเป็นพิเศษและการอวยพระพรแด่โรมและโลก
เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2020 (ตามเวลากรุงโรม) ]
.

* ถอดเนื้อความ จากพระคัมภีร์ มก 4:35
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.พ. 15, 2021 7:26 pm

รถยนต์ยี่ห้อดังคันหนึ่งเข้ามาจอดที่หน้าคลินิกทำฟัน
จากนั้นหญิงชราและชายคนหนึ่งก็ลงจากรถซึ่งน่าจะเป็นลูกชายของนาง
เมื่อเข้ามาในคลินิก หญิงชราแจ้งความจำนงว่าต้องการทำฟันปลอม
และนางก็บอกกับคุณหมอว่า
“เอาแบบถูกที่สุด”
คุณหมอแนะนำฟันปลอมที่มีคุณภาพดีแต่ราคาแพงขึ้นมาอีกนิดให้นาง
แต่นางก็ยังพูดคำเดิม
“อิฉันขอแบบที่ถูกที่สุดดีแล้วค่ะคุณหมอ”

คุณหมอและนางพยาบาลมองไปที่ลูกชายของนาง หวังให้เขาเอ่ยอะไรขึ้นบ้าง
เพราะมองจากสภาพความเป็นอยู่ เขาไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับราคาฟันปลอม
ที่คุณหมอเสนอไป แต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ได้แต่นั่งเล่นโทรศัพท์ของตัวเอง

เมื่อคุณหมอจนด้วยเหตุผลของนาง ก็เลือกฟันปลอมแบบถูกที่สุดตามความต้องการของนาง
หลังจากแจ้งราคาฟันปลอมให้แก่นาง หญิงชราก็ได้ล้วงกระเป๋าตังค์ใบเก่าออกมา
จากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็นับเงินจนครบจำนวนยื่นให้แก่แคชเชียร์ จากนั้นคุณหมอก็นัด
ให้นางมาใส่ฟันปลอมอีกหนึ่งอาทิตย์

เมื่อคล้อยหลังของหญิงชราและลูกชายที่ไม่เอาไหนของนาง ทั้งนางพยาบาล แคชเชียร์และ
คนไข้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ลูกชายของนาง จู่ๆชายคนนั้นก็ผลักประตู
เข้ามาและเดินตรงมาหาคุณหมอ
“คุณหมอครับ รบกวนคุณหมอเลือกฟันปลอมที่ดีที่สุดให้แม่ผมด้วยนะครับ ส่วนค่าใช้จ่ายที่เป็น
ส่วนต่างทั้งหมดผมเป็นคนจ่ายเอง แพงเท่าไหร่ก็ไม่ว่ากัน แต่คุณหมออย่าบอกแม่ผมนะครับ
เพราะแม่ผมเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์มาก ผมไม่อยากให้แม่ของผมไม่สบายใจ”
“ได้ครับๆ” คุณหมอกล่าวออกไปด้วยความยินดี

ทั้งนางพยาบาลและแคชเชียร์รวมทั้งคนไข้ที่มาใช้บริการต่างก็พากันคาดไม่ถึง
ในสิ่งที่ได้ฟังจากปากของชายหนุ่ม
....................
ฟันเสียแล้ว เปลี่ยนใส่ฟันปลอมใหม่ได้
รถเก่าแล้ว เปลี่ยนรถคันใหม่ได้
เสื้อผ้าเก่าแล้ว ทิ้งขว้างซื้อหามาเพิ่มใหม่ได้
พ่อแม่เสียแล้ว หามาทดแทนใหม่ไม่ได้
รักท่าน ก่อนที่ท่านจะไม่อยู่ให้ได้รัก

นุสนธิ์บุคส์
ตอบกลับโพส