หน้า 1 จากทั้งหมด 1

“แม่มอลลี่ที่รัก.”

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 17, 2021 9:31 pm
โดย rosa-lee
....แม่มอลลี่ที่รัก (ตอนที่ (1)
โดย Phillip Williams; จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมกราคม 2544/2001; รวบรวม โดย กอบกิจ ครุวรรณ
ขณะกำลังขับรถกระบะโทรม ๆ ไปเมืองวิลลิส รัฐเทกซัส ใจผมมุ่งอยู่ที่อาหารเช้าซึ่งกินประจำ เช้าเดือนมกราคมวันนั้นอากาศหนาว เมื่อเหลือบไปเห็นหมาพันธุ์คอกเกอร์สแปเนียลขนสีทองแม่ลูกอ่อนที่ริมถนน ผมไม่อยากใส่ใจนักเพราะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว แม่หมาผอมจนซี่โครงปูดโปน ผมชะลอรถพลางนึกสงสัยในสภาพของมัน แววตาบอกถึงความกลัวของมันเสียดแทงหัวใจจนผมต้องต่อสู้กับมโนธรรมขณะแล่นรถต่อ ผมมีหมาอยู่ 2 ตัวแล้ว จะเลี้ยงตัวที่สามไหวหรือ
ขณะดื่มกาแฟถ้วยที่สอง ผมเริ่มคิดหาทางช่วยหมาเคราะห์ร้ายตัวนั้น ผมสั่งขนมปังไส้กรอกอีก 2 ชุดแล้วกลับไปตรงจุดที่พบมันครั้งแรก ผมส่งเสียงเรียกหลายครั้งแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมจึงวางขนมปังไว้ชุดหนึ่งแล้วขับรถออกไป ผมกลับไปที่นั่นอีกตอนบ่ายและพบว่าขนมปังไม่อยู่แล้ว แต่แม่หมาไม่ปรากฏตัวให้เห็น
คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับ เฝ้าเห็นแต่นัยน์ตาโศกเศร้าคู่นั้น มีบางอย่างบอกผมว่า ผมพลาดโอกาสช่วยสัตว์ผู้ตกยาก เช้าวันรุ่งขึ้น ผมอุ่นขนมปังไส้กรอกในเตาไมโครเวฟ เมื่อไปถึงบริเวณที่เดิมและก้าวไปยืนอยู่คนเดียวในหมู่ไม้หนาทึบริมถนน ผมส่งเสียงเรียกแม่หมาสักพักหนึ่ง สู้กับสายลมและฝนลูกเห็บที่กระแทกใบหน้า ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับก็ได้ยินเสียงใบไม้แกรกกราก ใบหน้าเศร้าและหวาดกลัวแอบมองออกมาจากพุ่มไม้ เราจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะยื่นขนมปังให้ เสียงครางหงิง ๆ น่าสมเพชบอกให้รู้ว่ามันกำลังคิดอยู่ว่าจะไว้ใจผมได้หรือไม่
ผมพูดเบา ๆ กับมันที่นอนราบลงแต่ยังลังเลที่จะเข้ามาใกล้กว่านั้น ผมวางขนมปังลงแล้วถอยออกช้า ๆ มันคลานเขยิบเข้ามาอย่างระวังตัว อ้าปากงับขนมปังอย่างรวดเร็วแล้วหลบไปทันที
สองวันต่อมา ผมไปหาแม่หมาตัวเดิมทั้งตอนเช้าและตอนเย็นโดยเอาขนมปังไปให้ มันเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นทีละน้อย นัยน์ตาส่องประกายไว้วางใจ แต่เช้าวันที่สามมันไม่ยอมรับขนมปัง เอาแต่ส่งเสียงครางและเห่าพร้อมกับมองไปที่พุ่มไม้ข้างหลัง “แกจะบอกอะไรฉันหรือ” ผมถาม มันหายเข้าไปในพุ่มไม้แล้วกลับออกมาโดยมีลูกหมาสีดำขาว 3 ตัวเดินเตาะแตะลิ้นห้อยตามหลังออกมาด้วย
(มีต่อวันพรุ่งนี้)

Re: “แม่มอลลี่ที่รัก.”

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 17, 2021 9:33 pm
โดย rosa-lee
....แม่มอลลี่ที่รัก (ตอนที่ (2) โดย Phillip Williams;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมกราคม 2544/2001; รวบรวม โดย กอบกิจ ครุวรรณ แม่หมาเดินผ่านผมไปโดยนำลูก ๆ มุ่งหน้าไปที่รถกระบะของผมแล้วหยุดยืนอยู่ จากนั้นก็เงยหน้ามองดูรถกระบะพลางส่งเสียงร้องหงิง ๆ แม้แต่เด็กประถมสี่ก็รู้ว่ามันต้องการอะไร พอผมเปิดประตูรถ มันก็กระโดดเข้าไป พวกลูกหมาตะกุยตะกายกันอย่างสุดแรงแต่ปีนไม่ถึง ผมจึงต้องอุ้มขึ้นรถ ผมขับรถกลับบ้านทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ รู้แต่ว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง
เวลาล่วงไปและหมาทุกตัวก็เป็นสุขโตวันโตคืน ความไว้วางใจและไมตรีจิตเกิดขึ้นระหว่างเรา ผมรู้ว่าแม่หมาจะต้องมีชื่อเพียงแต่ผมต้องเดาให้ถูกเท่านั้น ดูเหมือนมันไม่สนใจกับชื่อ “เดซี่, เบตซี่, หรือเนลลี่” แต่พอผมเรียก “มอลลี่” มันก็กระดิกหาง ผมจึงเชื่อว่าเป็นชื่อที่ถูกต้องแล้ว
มอลลี่กับลูก ๆ ชอบนั่งท้ายกระบะรถเวลาผมขับเข้าเมือง ผมจะซื้ออมยิ้มให้แล้วเอาใส่ปากแต่ละตัว คนที่เห็นแตกตื่นพอควรไม่ว่าเราจะไปไหน
ระหว่างนั้นผมก็ยังคงไปกินอาหารเช้าที่ร้านแม็คโดนัลด์ทุกวัน เช้าวันหนึ่งขณะที่กำลังเอร็ดอร่อยกับขนมปังไส้กรอก ตาก็เหลือบไปเห็นป้ายประกาศ ความกลัวเย็นเยือกแล่นไปทั่วตัว ที่นั่นมีรูปสุนัขหน้าตาเหมือนมอลลี่ติดอยู่ หัวใจผมเต้นรัวขณะอ่านคำประกอบภาพ “หายไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม สุนัขคอกเกอร์สแปเนียลสีทองกำลังท้อง รางวัล 500 เหรียญ ผู้ที่พบขอให้ติดต่อจิม แอนเดอร์สัน”
เย็นวันนั้น ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นหลายครั้งแล้วก็วางลงก่อนกดหมายเลข ผมจะรู้สึกอย่างไรถ้ามีคนเก็บหมาของผมได้แล้วไม่ยอมโทรฯบอก ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าแล้วโทรศัพท์ไป
“สวัสดีครับ” เสียงผู้ชายรับสาย
“ผมคิดวว่าผมพบสุนัขของคุณ”
เรานัดพบกันที่ร้านแม็คโดนัลด์เมืองวิลลิส ผมรู้ว่าการพบครั้งนี้จะทำให้เจ็บปวด
(มีต่อวันพรุ่งนี้)

Re: “แม่มอลลี่ที่รัก.”

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 17, 2021 9:34 pm
โดย rosa-lee
....แม่มอลลี่ที่รัก (ตอนจบ) โดย Phillip Williams;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมกราคม 2544/2001; รวบรวม โดย กอบกิจ ครุวรรณ วันสุดท้ายนั้น ผมเอามอลลี่กับลูก ๆ ใส่รถกระบะพาเข้าไปซื้ออมยิ้มในเมืองแล้วขับไปร้านแม็คโดนัลด์ ผมไปถึงก่อนเวลา 5 นาที แต่ไม่ทันไรก็เห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งกับเด็กสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ รถยนต์
เมื่อคนกลุ่มนั้นเห็นมอลลี่ก็ส่งเสียงดังและวิ่งเข้ามา ตลอดชีวิตผมไม่เคยเห็นความรักใคร่ระหว่างคนกับสัตว์ถึงขนาดนี้มาก่อน มอลลี่เองก็ลิงโลด มันส่งเสียงครางและเห่าวุ่นวาย
มีก้อนอะไรจุกที่ลำคอ ผมบอกตัวเองว่า คงไม่เข้าท่าหากคนมากินอาหารที่ร้านเห็นผู้ชายตัวโตร้องไห้
“หมาของเราหายไปจากที่นี่เดือนหนึ่งแล้วตอนที่เรากินอาหารเช้ากันอยู่” เจ้าของอธิบาย “เราค้นหาทุกหนแห่งแต่ไร้ร่องรอย เด็ก ๆ เสียใจมาก มันชื่อ‘โกลดี้’ เขาล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรที่พับอยู่ออกมาปึกหนึ่งยื่นส่งให้
“ไม่ต้องหรอกครับ” ผมบอกเขา “ผมต้องการอย่างเดียวคือขอให้หมาพวกนี้มีความสุข”
ผมตบหัวของมอลลี่ – ไม่ใช่ -- ของโกลดี้ เป็นครั้งสุดท้าย... ครอบครัวนั้นดูออกว่าผมใจเสียขณะที่เขาขับรถออกไป
ผมเดินเข้าไปดื่มกาแฟด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นรถของครอบครัวนั้นแล่นกลับมาอีก ผมรีบออกไปนอกร้าน ผู้หญิงก้าวลงจากรถ มีลูกสุนัขตัวหนึ่งอยู่ในมือ ผมเคยตั้งชื่อให้เจ้าตัวนี้ว่า “สป๊อต”
“คุณอยากได้ไว้สักตัวไหมคะ” เธอถาม
“อยากได้สิครับ” ผมตอบอย่างตื่นเต้น ผมมองเห็นโกลดี้เฝ้ามองจากหน้าต่างรถ มันไม่มีท่าทางว่าไม่พอใจ มีความไว้วางใจกันอยู่ระหว่างเรา เป็นพันธะที่เหนียวแน่น ผมเฝ้าดูรถของพวกเขาเร่งเร็วไปตามถนนจนลับตา
คราวนี้ก็เหลือแต่ผมกับสป็อต ผมเอามันใส่รถแล้วกลับไปซื้อขนมปังในร้าน ระหว่างทางกลับบ้านก็แวะซื้ออมยิ้มหนึ่งถุง
ผมคงไม่มีวันหายคิดถึงมอลลี่ แต่ผมกับสป็อตก็มีความสุขดี

************* จบบริบูรณ์