“ลูกผมเป็นฆาตกร”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร มี.ค. 30, 2021 3:17 pm

"ลูกผมเป็นฆาตรกร" ตอนที่ (1)
โดย Charles Hurt;
ย่อจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2544/2001 โดย กอบกิจ ครุวรรณ
เหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อนักศึกษาหญิงมิเชลวัย 19 กับนักศึกษาชายแกรนด์วัย 22 ขับรถไปจอดที่สวนสาธารณะซึ่งชาวเมืองนิยมไปปิกนิกตอนกลางวันและเป็นที่พลอดรักของพวกหนุ่มสาว หลังเที่ยงคืนเล็กน้อย มีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดต่อท้ายรถของนักศึกษาทั้งสอง จากนั้นคนขับก็ยกปืนไรเฟิล”เออาร์-15”ขึ้นกราดยิงใส่รถจนกระสุนหมด จากนั้นฆาตรกรก็เดินตรงไปที่รถของเหยื่อและควักปืนพกออกมากระหน่ำยิงอีก 5 นัดก่อนจะขับรถของตนออกไป
ตำรวจและพนักงานสืบสวนท้องถิ่นประสบปัญหาในการคลี่คลายคดีนี้เพราะพบหลักฐานเพียง ร่างที่ถูกฆ่าอย่างทารุณ 2 ศพ ปลอกกระสุนปืน 19 ปลอกจากปืน 2 กระบอก
จอห์นซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอผู้คร่ำหวอดในงานสืบสวนมาถึง 27 ปีติดตามความคืบหน้าคดีนี้อย่างใกล้ชิด ในฐานะพ่อของลูก 4 คน เขาคิดไม่ออกว่า ผู้เป็นพ่อแม่จะทุกข์ตรมเพียงไรหากต้องสูญเสียลูกไปอย่างน่าสยดสยองเช่นนั้น
จอห์นนึกย้อนไปถึงวันที่เขาบอกลูก ๆ ซึ่งยังเล็กด้วยความภูมิใจว่า “หน้าที่ของพ่อคือทำให้นอกบ้านปลอดภัยพอที่เด็ก ๆ จะออกไปวิ่งเล่น ผู้หญิงท้องและคนแก่ออกไปเดินสูดอากาศได้อย่างสบายใจ” ดังนั้นเมื่อพนักงานสืบสวน 22 คนจากท้องถิ่นและหน่วยงานที่ทางรัฐส่งมาสมทบช่วยกันคลี่คลายคดีนี้ จอห์นจึงนำลูกน้องจากสำนักงานเอฟบีไอประจำเมืองไปร่วมสืบสวนด้วย แต่หลักฐานมีน้อยเกินไป การสืบสวนจึงไม่คืบหน้า ทีมพนักงานสืบสวนลดจำนวนลงจนเหลือเพียง 2 นาย และเมื่อย่างเข้าปลายปี พ.ศ 2539/1996 การสืบหาร่องรอยของฆาตกรก็ดูเหมือนจะพบทางตัน
เย็นวันที่ 4 ธันวาคม 2539/1996 จอห์นรับโทรศัพท์ที่บ้าน ปรากฏว่าเป็น”แรนดี้”เจ้าหน้าที่สืบสวนซึ่งยังคงติดตามคดีนี้อยู่ แรนดี้เพิ่งสอบปากคำ “แอนดรูว์”ลูกชายของจอห์นเกี่ยวกับคดีนี้ และต้องการสอบปากคำเพิ่มเติมแต่ติดต่อไม่ได้ จอห์นรับปากว่าจะติดต่อลูกชายให้โดยเร็ว โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร มี.ค. 30, 2021 3:18 pm

"ลูกผมเป็นฆาตรกร" ตอนที่ (2)
โดย Charles Hurt;
ย่อจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2544/2001 โดย กอบกิจ ครุวรรณ
แอนดรูว์ วัย 22 ปีในขณะนั้นเป็นลูกคนสุดท้อง ปกติเป็นคนขี้อายและชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว
อย่างไรก็ตามสองพ่อลูกก็ผูกพันกันพอสมควร เมื่อพ่อกับแม่หย่าขาดกัน ลูกคนนี้เลือกอยู่กับพ่อ
เมื่อแอนดรูว์อายุ 12 ขวบเคยไปออกค่ายพักแรมที่ทางโบสถ์จัดขึ้น เด็กชายสนุกสนานกับกิจกรรมกลางแจ้งเช่นตกปลาและล่าสัตว์ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นตั้งแต่นั้นมา
จอห์นเรียกวิทยุติดตามตัวของแอนดรูว์และรออยู่จน 5 ทุ่ม ลูกจึงโทรฯกลับมา “เจ้าหน้าที่ฯต้องการพบลูกเกี่ยวกับคดีฆาตรกรรมที่สวนสาธารณะ ลูกรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า” เขาถาม
แอนดรูว์เคยมีปืนไรเฟิล”เออาร์-15”กระบอกหนึ่ง ชนิดเดียวกับที่ปลิดชีวิตนักศึกษาทั้งสอง แรนดี้เคยถามเรื่องนี้แล้ว แต่แอนดรูว์อ้างว่าเอาไปจำนำไว้และไม่รู้อะไรอีกเลย
แต่จอห์นรู้สึกว่า ลูกคงต้องรู้อะไรสักอย่าง
“พ่อครับ ผมบอกไม่ได้” แอนดรูว์บอกพ่อ “ถึงยังไงพ่อก็เป็นตำรวจ”
“เอาละ แอนดรูว์” จอห์นแย้ง “ข้อสำคัญคือพ่อเป็นพ่อของลูก” เขารู้สึกว่าต้องใช้ไหวพริบเหมือนกำลังสอบสวนผู้ต้องสงสัยจริง ๆ จึงซักต่อโดยเริ่มจากคำถามง่าย ๆ ว่า แดนดรูว์รู้เรื่องฆาตกรรมนั้นหรือไม่
“รู้ครับ” แอนดรูว์ตอบ
“ลูกอยู่ในที่เกิดเหตุหรือเปล่า”
“อยู่ครับ” แอนดรูว์ตอบรับอีกครั้ง
จอห์นกำหูโทรศัพท์แน่น หวังเพียงว่า ลูกจะเป็นแค่พยานรู้เห็นและไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ก็ต้องถามคำถามสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด
“ลูกยิงพวกเขาหรือเปล่า” ปลายสายทางโน้นเงียบไปนานจนผู้รอฟังเครียด
“ยิงครับ” แอนดรูว์ตอบในที่สุด โลกของพ่อหมุนคว้างไร้ทิศทาง ลูกชายของตัวเองก่ออาชญากรรมอันโหดเหี้ยม คืนนั้นทั้งคืนจอห์นนั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียว เฝ้าคิดหาคำตอบว่า ทำไมชีวิตของลูกรวมทั้งชีวิตของตัวเองถึงมาพบจุดหักเหเช่นนี้
เขายึดคำขวัญของเอฟบีไอเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตมาตลอด คือ “ซื่อสัตย์ กล้าหาญและสามัคคี” แต่ 3 คำนี้กำลังต้อนให้เขาจนมุม ในฐานะผู้รักษากฎหมาย จอห์นรู้ดีว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ในฐานะพ่อ เขาปวดร้าวเป็นที่สุดและเฝ้าคิดว่าตนผิดพลาดในเรื่องนี้ได้อย่างไร
โปรดติดตามตอนที่ (3)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ มี.ค. 31, 2021 11:19 pm

"ลูกผมเป็นฆาตรกร" ตอนที่ (3)
โดย Charles Hurt;
ย่อจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2544/2001 โดย กอบกิจ ครุวรรณ เช้าวันรุ่งขึ้น เขาไปพบบาดหลวง แต่ก็ไม่ช่วยให้สบายใจขึ้นเลย ดูเหมือนการเปลื้องทุกข์จากอกจะเป็นเพียงวิธีเดียว จอห์นไปพบเจ้าพนักงานเขตและเปิดเผยคำสารภาพของลูกชาย
เช้าวันเดียวกันนั้น แอนดรูว์ถูกจับในข้อหาล่าสัตว์โดยผิดกฎหมาย อีก 24 ชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่แรนดี้ก็ปักใจเชื่อว่าชายหนุ่มผู้นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่เกือบจะถึงทางตันอย่างแน่นอน แต่เขาไม่มีหลักฐานแน่นหนาพอจะจับกุม
“ผมขอพูดกับเขาได้ไหม” จอห์นขอร้อง เจ้าพนักงานเขตพาแอนดรูว์เข้ามาในห้อง จากนั้นก็ปล่อยให้สองพ่อลูกอยู่กันตามลำพัง “แอนดรูว์ เราต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง” เขาเกลี้ยกล่อมลูก “บอกความจริงกับพ่อมาเถอะ”
“ผมไม่ได้ทำครับ” แอนดรูว์เงียบไปพักหนึ่ง เนื้อตัวสั่นเทา “มีคนใส่ร้ายผม”
ต่อมาในวันเดียวกันนั้น แอนดรูว์ก็ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่ามิเชล กับแกรนด์ เขาไม่ยอมปริปากพูดถึงเรื่องนี้อีก
การพิพากษาลงโทษขึ้นกับรายงานเรื่องวิถีกระสุนและผลการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ แต่จอห์นรู้ดีว่าพยานสำคัญและหนักแน่นที่สุดอยู่ในมือเขา คือคำพูดถ่ายทอดจากปากของลูกชายนั่นเอง
จอห์นย้อนคิดถึงครั้งแรกที่รับทราบอาชญากรรมสะเทือนขวัญ ตอนนั้นยังนึกไม่ออกว่าพ่อแม่ที่สูญเสียลูกจะปวดร้าวเพียงไร แต่ตอนนี้เขาซาบซึ้งแล้ว
กว่าการพิจารณาคดีของแอนดรูว์จะเริ่มก็กินเวลากว่า 1 ปี แต่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่กระบวนการทางศาล
วันที่ 19 มีนาคม 2541/1998 จอห์นนั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดี ฟังพนักงานอัยการกล่าวบรรยายฟ้องลูกชายตัวเอง หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จอห์นพยายามไม่ให้คดีดำเนินมาถึงจุดนี้ เขาถึงกับยื่นคำให้การแทนแอนดรูว์เพื่อขอรับโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีการขอลดหย่อนโทษแทนการถูกตัดสินประหารชีวิตซึ่งได้รับการปฏิเสธ
ในที่สุด ทอมมี่ ฟลอยด์ อัยการเขตก็เบิกพยานปากสุดท้ายคือจอห์น
สายตาทุกคู่จับอยู่ที่ร่างชายซึ่งเดินไปที่คอกพยาน ท่าทางเหมือนนักโทษกำลังเดินเข้าสู่ลานประหาร เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์ในการก่อคดีคือสังหารโหดเหยื่อถึง 2 คนในคราวเดียวกัน แอนดรูว์ก็กำลังเผชิญกับโทษประหารชีวิต
โปรดติดตามตอนที่ (4)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ เม.ย. 02, 2021 11:34 pm

"ลูกผมเป็นฆาตรกร" ตอนที่ (4)
)โดย Charles Hurt;
ย่อจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2544/2001 โดย กอบกิจ ครุวรรณ จอห์นยกมือขวาขึ้นสาบานเหมือนทุกครั้งที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ “ท่านยินดีจะสาบานหรือไม่ว่า พยานหลักฐานและคำเบิกความทั้งหมดที่จะกล่าวอ้างในศาลแห่งนี้เป็นความจริงทั้งสิ้น”
“ข้าพเจ้าสาบาน” จอห์นกล่าวตอบทันที
อัยการฟลอยด์เริ่มการซักพยาน “พยานรู้จักจำเลยได้อย่างไร” จอห์นเหลือบตาไปทางโต๊ะจำเลยซึ่งแอนดรูว์นั่งก้มหน้ามองพื้น
“เขาเป็นลูกชายผม” จอห์นตอบ มือกวัดแกว่งด้วยความประหม่า เมื่ออัยการถามถึงคำสนทนาของเขากับลูกในห้องเจ้าพนักงานเขต คำตอบของจอห์นที่บอกว่า แอนดรูว์สารภาพว่า”ฆ่ามิเชล กับแกรนด์” ทำให้ทุกคนในห้องพิจารณาคดีเงียบกริบ
จอห์นเหลือบมองลูกขุนที่กำลังตั้งใจฟังคำเบิกความของพ่อผู้พยายามพร่ำสอนให้ลูกรู้จักผิดชอบชั่วดีและอย่าก่อความรุนแรง
จอห์นตอบคำถามด้วยเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น การสอบพยานปากนี้ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง
ขณะเดินออกจากห้องพิจารณาคดี จอห์นรวบรวมความกล้าเพื่อมองสบตากับครอบครัวมิเชลและแกรนด์พร้อมกับทำปากขมุบขมิบว่า “ผมขอโทษ”
คณะลูกขุนใช้เวลาพิจารณาคดีไม่ถึงชั่วโมงก็ลงความเห็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนรวมทั้งสิ้นสี่กระทง
จอห์นตรงกลับบ้านหลังฟังคำตัดสินในคดีลูกชายซึ่งเขารู้สึกว่าตัวเองมีส่วนรับผิดชอบด้วย เมื่อก้าวเท้าเข้าบ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี เหลือบดูหน้าจอโทรศัพท์ก็รู้ว่าโทรฯมาจากเรือนจำมอนโร เคาน์ตี เขาหยิบโทรศัพท์มาแนบหู
“พ่อไม่เป็นไร ใช่ไหมครับ” แอนดรูว์นั่นเอง เสียงนี้จอห์นคุ้นเคยดีเพราะออกไปตกปลาล่าสัตว์ด้วยกันมาหลายปี เขายังเป็นลูกติดพ่อเสมอมา เสียงของลูกอบอุ่นและเต็มไปด้วยความห่วงใย “แอนดรูว์ พ่อขอโทษที่ต้องทำตามหน้าที่” จอห์นตอบ
“ช่างมันเถอะพ่อ” แอนดรูว์ปลอบ “เดี๋ยวก็ดีเอง ผมรักพ่อครับ”
โปรดติดตามตอนที่ (5)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ เม.ย. 02, 2021 11:36 pm

"ลูกผมเป็นฆาตรกร" ตอนที่ (5) (ตอนจบ)
โดย Charles Hurt;
ย่อจากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2544/2001 โดย กอบกิจ ครุวรรณ ในสายตาคณะลูกขุน ลูกชายของจอห์นเป็นผู้ร้ายโดยสันดานและเป็นฆาตกรใจโหด แต่การที่ลูกโทรศัพท์มาให้กำลังใจ ทำให้เขาเชื่อมั่นขึ้นเมื่อปรากฏตัวในศาลอีกครั้งเพื่อวิงวอนขอชีวิตลูกในการพิจารณาโทษครั้งต่อไป
“ผมอยากขอให้ลูกขุนทุกท่านในฐานะผู้ผดุงความยุติธรรมได้โปรดหลับตาลงและสมมุติว่าตัวเองเป็นคนในครอบครัวมิเชลกับแกรนด์” จอห์นกล่าวต่อคณะลูกขุน “ลูกขุนเกือบทุกท่านมีลูกแล้ว คงจะเข้าใจความขมขื่นที่ต้องเสียลูกไป ถึงตอนนี้ ผมอยากให้ท่านลองหลับตาและคิดถึงหัวอกพ่ออย่างผมบ้าง พ่อแม่ทุกคนไม่เคยคิดว่าลูกจะทำสิ่งที่น่าชิงชังได้”
“แอนดรูว์ต้องทนทุกข์กับความอัปยศและไร้ศักดิ์ศรี เสียงประณามและการหยามหมิ่นชีวิตผมก็เช่นกัน รวมทั้งทุกคนในครอบครัวผม” จอห์นบอกว่าแอนดรูว์ประกอบอาชญากรรม “ด้วยใจอำมหิต แต่ผมไม่เชื่อว่าหัวใจเขาจะมีแต่ด้านมืด น่าจะมีแง่มุมที่อ่อนโยนซ่อนเร้นอยู่บ้าง”
แต่คณะลูกขุนมีความต่างจากจอห์น และตัดสินให้ประหารชีวิตแอนดรูว์ด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า
แอนดรูว์ถูกกำหนดให้จบชีวิตในช่วงสัปดาห์ที่ 20 เมษายน 2541/1998 แต่ลมหายใจก็ยืดออกไปเนื่องจากมีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงให้ชะลอการประหารชีวิตไว้ก่อน
อาชญากรรมที่แอนดรูว์ก่อขึ้นเปลี่ยนแปลงชีวิตหลายคนในหลายครอบครัวซึ่งไม่อาจปลอบประโลมได้ด้วยคำพูดใด ๆ ทั้งมิเชลและแกรนด์ เพราะต่างก็เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว พ่อแม่ของคนทั้งสองไม่เพียงสูญเสียลูกสุดที่รักไปเท่านั้น แต่ยังหมดสิทธิ์ชื่นชมหลานที่ไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก นั่นหมายความว่าไร้ทายาทสืบสกุลอีกด้วย
จอห์นกล่าวว่า หากแอนดรูว์ถูกประหารชีวิต เขาคงเสียใจแสนสาหัส แต่ก็คงเหมือนกับจะได้ปิดฉากเรื่องทั้งหมดเสียที “ผมไม่แน่ใจว่า รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นโดยตลอดหรือเปล่า” จอห์นกล่าว “ความจริงอาจเปิดเผยออกมาในวันสุดท้ายก็ได้ ผมไม่หวังอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว”
ความล้มเหลวในการช่วยชีวิตลูกคงจะตามหลอกหลอนจอห์นไปชั่วชีวิต “หากจะมีใครในโลกนี้ที่ผมควรปกป้องให้พ้นความชั่วร้าย คนคนนั้นก็น่าจะเป็นลูกชายผม” จอห์นรำพัน “แต่ผมไม่ได้ปกป้องลูกตัวเอง และกว่าจะรู้ ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว”
**********************
ตอบกลับโพส