“ทางเลือกของเอมี่”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร เม.ย. 06, 2021 4:07 pm

.......ทางเลือกของเอมี่ (ตอนที่ (1)
โดย Rena Dictor LeBlanc;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมิถุนายน 2544/2001 รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

..........ชีวิตของเอมี่ต้องดิ้นตั้งแต่ลืมตาดูโลก แม่ติดยาเสพย์ติดขณะท้องเธอกับพี่แฝด เอมี่ไม่หายใจเมื่อคลอดออกมาแต่แพทย์ก็พยายามจนช่วยชีวิตเธอไว้ได้
หน้าที่ดูแลน้องตกเป็นของเธอตั้งแต่เด็ก อะแมนดาน้องคนแรกอายุอ่อนกว่า 4 ปี พอเอมี่อายุ 10 ขวบแม่ก็คลอด อดัม ตามด้วยโจอี้ และแอนโทนี เวลาแม่ไม่อยู่บ้านหรืออยู่แต่ไม่จับอะไร เอมี่ก็จะป้อนอาหารและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้อง บางคืนต้องกล่อมน้องนอนและดูแลยามเจ็บป่วย
แม่สร้างแต่ความวุ่นวายให้ลูก ๆ เพราะทำงานไม่เป็นที่ ซ้ำยังย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ จนบางครั้งต้องไปพักบ้านคนจรจัดหรือโรงแรมที่พวกติดยามั่วสุมกันอยู่
เธอกับน้อง ๆ เกาะกลุ่มกันเวลาอยู่โรงเรียนและไม่สุงสิงกับใคร เพื่อหลีกเลี่ยงคำถามของเพื่อน ๆ แต่เพื่อนก็รู้ความจริงจนได้เมื่อเห็นเธอกับเจสซิกาพี่แฝดต้องทนหิวเพราะไม่มีอาหารกลางวันกิน
เมื่อกลับถึงบ้าน สองฝาแฝดต้องรับหน้าที่ทำอาหารเย็น แม้แม่จะอยู่บ้านแต่แม่ก็ไม่ทำอะไร เอมี่เคยถูกเพื่อนชายของแม่จับเหวี่ยงกระแทกตู้เย็นเพราะไม่เตรียมอาหารเย็นให้ และถูกทุบตีบ่อยจนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์
เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่า ทำไมไม่บอกให้ทราบก่อนหน้านี้ เธอตอบว่า “หนูกลัวถูกจับแยกไปอยู่ที่อื่น”
แล้วฝันร้ายก็มาถึง 2 สัปดาห์หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่มาที่บ้านเธอในแคลิฟอร์เนียเพื่อพาเอมี่กับเจสสิกาไปอยู่บ้านสงเคราะห์เยาวชน ส่วนน้อง ๆ ถูกต้อนขึ้นรถแยกไปอยู่ที่อื่น เอมี่พูดเศร้า ๆ ว่า “พี่เสียใจ...”
เด็ก ๆ ว้าเหว่และเศร้าซึมตลอดเวลา 6 เดือนที่แยกกัน ในที่สุดทางการจึงส่งเด็กไปอยู่กับยายโดยไม่อนุญาตให้แม่อยู่ร่วมชายคาเดียวกับลูก แต่ยายสงสารแม่และปล่อยให้แม่มาสร้างความปั่นป่วนอีก จนเจสสิกาแฝดพี่วัย 14 หนีออกจากบ้านและไม่กลับมาอีกเลย ส่วนน้อง ๆ ทุกคนเรียนแย่ลงเป็นลำดับ เอมี่เองอยู่ชั้นมัธยมแล้วแต่อ่านหนังสือได้เท่าเด็กประถมสี่
วันหนึ่ง เอมี่เห็นแผ่นพับเชิญชวนนักเรียนเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษา เธอพลิกดูรูปอาคารมหาวิทยาลัยและรอยยิ้มบนใบหน้าของนักศึกษาด้วยความรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งเลิศหรูไกลเกินเอื้อม
ครูแนะแนวบอกเอมี่ในภายหลังว่า มีทุนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยให้ แต่เธอต้องทำคะแนนให้ดีขึ้น เอมี่จึงสมัครเข้าเรียนภาคฤดูร้อนทันทีและเข้าเรียนไม่เคยขาด เลิกเรียนก็ไปทำงานตั้งแต่ 15.30 ถึง 23.30 น.และทันทีที่ถึงบ้านยาย ก็รีบทำการบ้านจนถึงตีหนึ่งตีสองเป็นประจำ
เอมี่พบรักกับเจอรี่ เพื่อนร่วมโรงเรียน และรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกในช่วงชีวิตที่มีคนฟังและใส่ใจในตัวเธออย่างจริงจัง เธอเชื่อมั่นว่าจะได้แต่งงานกับเจอรี่และมีลูกด้วยกัน

โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อังคาร เม.ย. 06, 2021 4:14 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร เม.ย. 06, 2021 4:09 pm

............ทางเลือกของเอมี่ (ตอนที่ (2)
โดย Rena Dictor LeBlanc;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมิถุนายน 2544/2001 รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
............แม่ของเอมี่มาอาศัยอยู่กับยายอีกครั้งโดยเจ้าหน้าที่ไม่ทราบเรื่องและสร้างความวุ่นวายตามเคย แต่ยายก็ไม่กล้าไล่ลูกสาวออกจากบ้าน แม้จะรู้ว่าติดยาเสพย์ติดอย่างหนัก
บ่ายวันหนึ่งโรงเรียนเรียกเอมี่ไปพบโดยมีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์นั่งรออยู่ “เรารู้ว่าแม่พักอยู่กับเธอ และน้องชายเธอเล่นเข็มฉีดยาจนถูกนิ้วเลือดไหล” เจ้าหน้าที่บอก “เราจำเป็นต้องส่งพวกเธอไปอยู่บ้านสงเคราะห์”
“อย่าแยกพวกเราเลยนะคะ” เด็กสาวรีบบอก “ปล่อยให้เราอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้หรือคะ”
เจ้าหน้าที่ส่ายหน้า เสียงเอมี่แผดก้องเหมือนแม่สิงโตพยายามปกป้องลูกน้อย “ให้หนูดูแลน้อง ๆ ก็ได้ หนูดูแลน้องมาตลอดอยู่แล้ว”
เจ้าหน้าที่ลังเลอยู่อึดใจก่อนพูดว่า “ก็น่าจะได้ พออายุครบ 18 ปี เธอสามารถร้องขอเป็นผู้ดูแลน้องได้ เธอจะมีฐานะเป็นแม่บุญธรรมจนกว่าเราจะหาบ้านให้พวกเธอทุกคนอยู่ด้วยกันได้”
“หนูจะยื่นคำร้อง” เอมี่บอกโดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่า ตัวเองต้องแบกรับภาระอะไรบ้าง
วันหนึ่งขณะเดินกลับบ้าน เธอกำจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียไว้แน่น พร้อมกับเคลิบเคลิ้มถึงความฝันที่จะได้ไปอยู่ในสังคมใหม่ที่ไม่มีใครรู้ปูมหลังของเธอ และจะได้ศึกษาเพื่อสร้างชีวิตใหม่ ซึ่งอาจลงเอยด้วยการเป็นพยาบาลหรือทนาย
ตลอดทางกลับบ้าน เธอนึกภาพตัวเองเป็นนักศึกษาของสถาบันอันทรงเกียรติและไม่ต้องวิตกกังวลถึงภาระที่มีอยู่ แต่ทันทีที่เดินเลี้ยวมุมถนนก็เห็นน้องชาย 3 คนวิ่งเล่นสนุกสนานอยู่หน้าบ้านยาย เธอเคยป้อนอาหาร เปลี่ยนผ้าอ้อม อ่านนิทาน และร้องเพลงกล่อมน้อง ๆ ตั้งแต่ทุกคนยังแบเบาะ ความฝันที่ตนเองโหยหาคงเทียบไม่ได้กับความเอื้ออาทรที่มีต่อน้องทุกคน เธอขยำจดหมายขว้างทิ้ง
หนึ่งเดือนต่อมา หลังทำหนังสือเดินเรื่องกองโต เอมี่ก็มานั่งอยู่ต่อหน้าศาล “เธอยังอายุน้อยอยู่เลย” ผู้พิพากษาพูด “แน่ใจหรือว่าพร้อมจะรับผิดชอบ”
“ไม่มีวิธีอื่นที่จะทำให้ครอบครัวเราได้อยู่ด้วยกันนี่คะ” เอมี่ตอบสั้น ๆ
คำพิพากษาของศาลถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับสาวน้อยวัย 18 เอมี่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองน้องทุกคนโดยมีระยะทดลอง 6 เดือน
เอมี่เช่าอพาร์ตเมนต์ห้องนอนเดียวสภาพทรุดโทรม เงินเดือนจากงาน 2 แห่งคือเสมียนร้านขายดอกไม้และพนักงานเสิร์ฟ รวมกับเงินออมและเบี้ยบุตรบุญธรรมจากรัฐแคลิฟอร์เนียช่วยให้สามารถจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าได้
น้อง ๆ ในความดูแลไม่ได้ช่วยให้ภาระหน้าที่ของเธอเบาลงเลย บางครั้งน้องชายก็หนีโรงเรียนและตะโกนใส่หน้าเธอเวลาโกรธกัน เอมี่มีปากเสียงกับอะแมนดาน้องสาวหลายครั้ง “เธอไม่ใช่แม่ฉันนะ” สาวรุ่นวัย 14 มักขึ้นเสียงกับเอมี่เวลาเถียงกันแรง ๆ

โปรดติดตามตอนที่ (3)ในวันพรุ่งนี้
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อังคาร เม.ย. 06, 2021 4:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร เม.ย. 06, 2021 4:10 pm

.........ทางเลือกของเอมี่ (ตอนที่ (3)
โดย Rena Dictor LeBlanc;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมิถุนายน 2544/2001 รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
....วันหนึ่งอดัมไม่ยอมทำการบ้านและขว้างหนังสือทิ้ง เอมี่ต้องทั้งปลอบทั้งขู่กว่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริง “เพื่อนทุกคนในห้องอ่านหนังสือได้ แต่ผมอ่านไม่ได้” อดัมบอกน้ำตานองหน้า
เอมี่นึกถึงความอับอายเมื่อครั้งที่ตนเองยังอ่านหนังสือไม่ได้และเริ่มพาน้อง ๆ ไปห้องสมุด ต่อมาก็เจียดเวลาติวให้แต่ละคนเป็นพิเศษ อดัมภูมิใจมากที่อ่านหนังสือได้ดีขึ้น
พอปัญหาหนึ่งหมดไปก็มีปัญหาใหม่ตามมา เอมี่ตกใจมากเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์กับเจอรี่ทั้งที่ใช้ยาคุมกำเนิด แล้วเธอก็ได้สมาชิกใหม่ในครอบครัวชื่อโดนาวินขณะที่ตนเองอายุเพียง 19 ปี
ความตึงเครียดในครอบครัวถาโถมเข้ามาเหมือนฟ้าไม่ปรานี จุดแตกหักมาถึงคืนวันที่เอมี่กลับดึก น้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นสภาพบ้านเหมือนกองขยะ จานชามวางเกลื่อนอยู่หน้าโทรทัศน์ ของเล่นกระจัดกระจาย เสื้อผ้าและสมุดการบ้านกองอยู่ทั่วห้อง เธอขอให้อะแมนดาช่วยดูแลน้องและหลาน แต่อะแมนดากลับนอนหลับอยู่บนเตียงของเอมี่
“ฉันรับไม่ไหวแล้ว” เอมี่ร้องไห้ขณะที่ความกลัวแวบเข้ามาในหัวใจ เป็นไปได้ไหมที่ศาลจะพิพากษาว่าเธอไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ แล้วน้อง ๆ จะต้องทนทุกข์กับสภาพบ้านแตกอีกหรือนี่...เอมี่โกรธจนตัวสั่น นี่เป็นอีกครั้งที่เธอรู้รสของภาระอันยิ่งใหญ่ที่ต้องแบกรับ เธอไม่ยอมให้น้องต้องพลัดพรากจากกันอีก และอยากหาทางให้น้องทุกคนร่วมมือกันให้ได้
“ทุกคนเข้ามานี่เดี๋ยวนี้” เธอตะโกน ตัวสั่นด้วยความหงุดหงิด น้องชาย 3 คนเดินซึมเข้ามาในห้อง “พวกเธอทำแบบนี้ได้ยังไง” เอมี่ถาม คำพูดพรั่งพรูไม่ขาดสาย “พวกเธอรู้ว่าเจ้าหน้าที่จับตาตรวจสอบพวกเราอยู่”
เอมี่ค่อยคลายความโกรธและพูดนุ่มนวลขึ้น “พวกเรามีกันอยู่เท่านี้ ถ้าอยากอยู่ด้วยกันอีกหลังครบ 6 เดือน ก็ต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเรามีความรับผิดชอบ เราต้องทำให้บ้านมีระเบียบเรียบร้อย”
“และระวังคำพูดให้ดีด้วย รวมทั้งอย่ากินของที่ซื้อมาหมดทันทีที่เข้าตู้เย็น ไม่เช่นนั้นสัปดาห์หน้าจะไม่มีอะไรให้กิน อีกอย่าง ถ้าไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย ทุกคนต้องไปโรงเรียน” เด็กทุกคนตื่นจากภวังค์และหันหน้ามาร่วมมือกันนับแต่นั้นมา
ไม่นานต่อมา เจอรี่ขอให้เอมี่เลือกว่า จะใช้ชีวิตร่วมกับเขาและลูก หรือกับน้อง ๆ เมื่อเอมี่เลือกน้องๆของเธอ ความสัมพันธ์กับเจอรี่ก็ขาดสะบั้นลง แต่เธอก็ได้รางวัลจากความพากเพียรเมื่อผู้พิพากษาอนุญาตให้เป็นผู้ปกครองต่อไป
น้องชายพากันโล่งใจเมื่อได้ยินคำพิพากษา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเอมี่กับน้องสาววัย 15 กลับร้าวฉานยิ่งขึ้นจนอะแมนดาย้ายไปอยู่กับป้าในที่สุด
เอมี่เหลือน้องชาย 3 คนกับลูกชาย เธอพูดจาหว่านล้อมน้อง ๆ ว่า “ถ้าเก็บเงินฝากธนาคารได้พอ เราจะหาบ้านอยู่และหาหมามาเลี้ยงสักตัว”
โปรดติดตามตอนที่ (4)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร เม.ย. 06, 2021 4:17 pm

..........ทางเลือกของเอมี่ (ตอนที่ (4)
โดย Rena Dictor LeBlanc;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมิถุนายน 2544/2001 รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
............ แม้จะสบายใจที่ได้เป็นผู้ปกครอง แต่ภาระก็ยังคงหนักอึ้ง เพราะน้องทุกคนยังอยู่ในความดูแลของศาลและมีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์มาสอดส่องความเป็นอยู่ของเธอกับน้อง ๆ เสมอ วันหนึ่งเจ้าหน้าที่แวะมาเยี่ยมแล้วบอกว่า “เราอยากให้เด็กพ้นจากการดูแลของเธอ และหาคนรับไปเป็นบุตรบุญธรรม” สัญชาตญาณบอกว่า ครอบครัวกำลังจะพลัดพรากกันอีกแล้ว
“คุณจะเรียกว่ารับเป็นบุตรบุญธรรมก็ได้ แต่น้องฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เอมี่พูดตัดบท แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเจ้าหน้าที่อธิบายว่า “หากเธอรับน้อง ๆ เป็นบุตรบุญธรรม ทุกคนก็จะอยู่กันเหมือนครอบครัวปกติทั่วไปที่ดำเนินชีวิตอย่างอิสระโดยไม่ต้องมีใครมาติดตามตรวจสอบเช่นที่ผ่านมา”
เอมี่บอกเรื่องทั้งหมดให้เด็ก ๆ รับรู้ตอนอาหารค่ำ
ในที่สุด ศาลพิจารณาคำร้องในเดือนมีนาคม 2542 เอมี่และน้องทุกคนไปปรากฏตัวตัวหน้าผู้พิพากษา และศาลตัดสินระงับสิทธิของบิดามารดาในตัวเด็กทุกคน นี่เป็นก้าวแรกของเส้นทางสู่การรับน้อง ๆ เป็นบุตรบุญธรรมเต็มรูปแบบ
ผู้พิพากษาน้ำตาคลอขณะพูดกับเอมี่ว่า “ฉันภูมิใจในตัวเธอมาก มีน้อยคนที่จะทำได้อย่างเธอ โดยเฉพาะในกรณีที่มีเด็กหลายคนเช่นนี้”
จากนั้น ศาลหันไปทางเด็ก 3 คน “เมื่อฉันพบเธออีกครั้งคราวหน้า เธอจะมีสถานภาพเป็นบุตรบุญธรรม พวกเธอรู้สึกอย่างไรกันบ้าง”
“พวกเราไม่ต้องจากครอบครัวไปไหนอีกแล้วใช่ไหมครับ” โจอี้ถาม
ผู้พิพากษาสั่นศีรษะ “อีกไม่นานพวกเธอจะได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวตลอดไป”
ขั้นตอนสุดท้ายเสร็จสิ้นเมื่อพฤศจิกายน 2542/1999 เอมี่ลงนามในเอกสาร 3 ฉบับโดยมีน้องนั่งขนาบข้างในศาล เอกสารแต่ละฉบับมอบสิทธิให้เธอเป็นแม่บุญธรรมของเด็กแต่ละคน
วันหนึ่ง ขณะยืนอยู่หน้าบ้านชั้นเดียวที่สะอาดเป็นระเบียบ เอมี่มองตามน้อง 3 คนกำลังเล่นบาสเกตบอล และได้ยินเสียงสุนัขเห่าชวนเล่นสนุกด้วย สาวน้อยปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้ครบถ้วน มีบ้านอยู่ร่วมกันแม้ต้องเช่าก็ตามกับเลี้ยงสุนัขหนึ่งตัว
เอมี่ดีใจที่ครอบครัวย้ายมาอยู่ในโลกใหม่ซึ่งห่างไกลจากถนนที่มืดมนที่เคยอยู่ เสียงรถขายไอศกรีมดังใกล้เข้ามาราวกับนัดกันไว้ แล้วเอมี่ก็เรียกน้อง ๆ มารวมกลุ่มกันขณะกินไอศกรีมเหมือนที่แม่ทั้งหลายชอบทำ
*****************
จบบริบูรณ์
ตอบกลับโพส