“ทหารผู้อ่อนโยน”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. เม.ย. 15, 2021 10:59 pm

......ทหารผู้อ่อนโยน (ตอนที่ 1)
โดยทาเนีย ไดเอตต์;
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2548/2005,
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

.......ฉันยังจำได้เมื่อไปถึงมืองอาเด็ก การเดินทางเป็นดั่งฝันร้าย รถเคลื่อนขบวนตั้งแต่ตอนบ่ายที่ร้อนอบอ้าวของวันวานและมาถึงวันรุ่งขึ้น พวกเราแออัดกันอยู่ในตู้รถไฟและต้องนั่งซ้อนตักกัน อากาศอับชื้นอุดอู้ เด็ก ๆ เริ่มอาเจียน ผู้หญิงคนหนึ่งคุมสติไม่อยู่ ทหารยามชาวญี่ปุ่นเดินมาตบหน้าเธออย่างแรงหลายฉาด
ขณะนั้นเป็นปี 2485/1942 พวกญี่ปุ่นเพิ่งบุกชวา ฉันกับแม่ถูกกวาดต้อนไปพร้อมกับผู้หญิงและเด็กอื่น ๆ และกำลังถูกส่งไปค่ายกักกักแห่งหนึ่งในมลายู (มาเลเซีย)
ระหว่างช่วงสองปีที่แสนนานนั้น เมืองอาเด็กเป็นบ้านของเรา และในเวลานั้นเราได้พบทหารญี่ปุ่นผู้โหดเหี้ยมหลายคน ได้ยินแต่เสียงตะคอกที่ฟังไม่รู้เรื่องและความโกรธเกรี้ยวโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวของพวกญี่ปุ่น บัดนี้ส่วนใหญ่กลายเป็นเพียงความทรงจำที่เลือนราง ฉันจำได้เลา ๆ ว่าเคยถูกทหารญี่ปุ่นเข้ามาตบหน้าเพราะฉันไม่โค้งคำนับเมื่อเขาขี่จักรยานผ่านมา และทหารญี่ปุ่นอีกคนเอาขนมให้เด็ก ๆ ก่อนตบหน้าแม่ของเด็กอย่างสุดแรงเนื่องจากผู้เป็นแม่ไม่ได้โค้งคำนับเขา แต่บังอาจยิ้มให้เขาด้วยความรู้คุณ แต่มีทหารคนหนึ่งที่ฉันจำได้เป็นอย่างดี เป็นทหารคนเดียวที่ฉันจะไม่มีวันลืม เขาชื่อทากาชิ เขาแตกต่างจากทหารญี่ปุ่นคนอื่นมาก
วันหนึ่งส้วมที่ค่ายเต็ม พวก“ผู้หญิงที่แข็งแรง” ซึ่งหมายถึงผู้หญิงอายุระหว่าง 15-25 ปีที่พอจะทำงานหนักได้ถูกเกณฑ์ให้ไปขุดร่องที่ใช้แทนส้วม เราตรากตรำขุดร่องอยู่นานนับเดือน งานหนักแสนหนัก แดดก็ร้อนเปรี้ยงโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ไม่เคยทำงานใช้แรงและขาดอาหาร ทุกวันเราทำงานกันจนถึงเวลาอาหารกลางวัน มีทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งนอนอยู่ใต้ร่มไม้คอยเฝ้ากำชับให้เราทำงานแข็งขัน วันหนึ่งยามคนเดิมหายไป มีทากาชิมาแทน เขาตัวเล็กและท่าทางไม่ได้เป็นคนสำคัญ
ตอนแรกเราก้มหน้าก้มตาทำงานกันตามปกติโดยไม่ใส่ใจเขา ทว่าทากาชิไม่มัวนอนอยู่ใต้ต้นไม้เหมือนยามคนก่อน เขาเดินไปตามร่องดินทุกร่องและขบขันที่เห็นพวกเราไต่บันไดเชือกเพื่อขึ้นลงร่อง เขาพยายามคุยกับเราแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนักเพราะเราพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ และเขาก็พูดภาษามาเลย์ได้งู ๆ ปลา ๆ
เมื่อถึงเวลาเที่ยง เราหยุดพักกินอาหารกลางวันหนึ่งชั่วโมง อาหารที่เรากินมีเพียงขนมปังแป้งมันสำปะหลังแห้ง ๆ สีเทาเปื้อนจุดดำ ๆ และเนื้อเหนียวเหมือนยาง
โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. เม.ย. 15, 2021 11:00 pm

  • ......ทหารผู้อ่อนโยน (ตอนที่ 2)
    โดยทาเนีย ไดเอตต์;
    จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2548/2005,
    รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
    ........ทากาชิกินอาหารอยู่คนเดียวที่ใต้ต้นไม้ แล้วสิ่งที่แสนประหลาดก็เกิดขึ้น เขาเดินมายังที่ซึ่งพวกเรานั่งกันอยู่ แล้วยื่นอาหารที่เหลือให้แก่ฉันกับเด็กผู้หญิงอีกคน เป็นขนมปังสีขาวแถมทาเนยด้วย ฉันขอบคุณเขาด้วยเสียงดังเป็นภาษามาเลย์
    ทากาชิโบกมือแล้วลงนั่งใกล้ ๆ เรา จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเหมือนตะคอกพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือไปที่จอบ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากรู้ว่ามันเรียกว่าอะไร
    “ปัดโจเอล” เด็กคนหนึ่งบอก เขายิ้มอย่างพอใจและพูดตาม
    นั่นก็คือบทเรียนภาษามาเลย์บทแรกของทากาชิ เขาตั้งใจเรียนมาก แล้วจู่ ๆ เวลาพักกินอาหารกลางวันก็ยาวเป็นสองชั่วโมง คงไม่ต้องบอกว่าพวกเราแทบไม่อยากเชื่อว่าจะโชคดีขนาดนี้
    วันรุ่งขึ้น ทากาชิเอาขนมมาถุงหนึ่งกับบุหรี่ 2 ซอง เขาพูดกับเราด้วยภาษาใบ้ ผายมือไปทุกทิศทุกทาง เอามือปิดปากและชี้ไปที่ขนมกับบุหรี่ สั่นศีรษะจนเขาคงต้องเวียนหัวแล้วยืนระวังตรง จากนั้นก็ตบแก้มตัวเอง 2 ฉาดใหญ่
    เมื่อละครใบ้จบลง พวกเราก็หัวเราะกันเสียงดังลั่น ทากาชิหน้าบานที่ความพยายามของเขาได้ผล พวกเราทุกคนเข้าใจชัดว่าเขาไม่ต้องการให้เราบอกเรื่องของขวัญเหล่านี้กับใคร นับแต่นั้นมา ทากาชิก็เอาของมาฝากพวกเราเสมอ เขาอนุญาตให้เราหยุดขุดร่องและพักได้นาน ๆ ต่อมาเราพบว่าเขามีความจำดีมากสามารถจดจำคำที่เราสอนเมื่อวันก่อนได้ทุกคำ เขาเรียนภาษามาเลย์ได้เร็วมาก ส่วนเราเองก็เรียนภาษาญี่ปุ่นจากเขา
    ทากาชิเล่าให้ฟังว่า เขามาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ มีภรรยาและลูกสาวอายุ 3 ขวบ เขายังถามคำถามเรามากมาย เราเล่าถึงประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภูมิศาสตร์ที่เรียนมาให้เขาฟัง ทากาชิยิ้มและผงกศีรษะด้วยความชื่นชม
    วันหนึ่งเมื่อทากาชิไม่ปรากฏตัวให้เห็นแต่มียามอีกคนหนึ่งมาแทน พวกเราทุกคนคิดถึงเขามาก เราไม่ได้คิดถึงแค่ผลไม้หรือขนมของทากาชิ แต่คิดถึงอุปนิสัยอันอ่อนโยนและรอยยิ้มอารมณ์ดีของเขา
    ทากาชิสอนบทเรียนมีค่าให้แก่พวกเราโดยเขาไม่รู้ตัว เขาแสดงให้เราเห็นว่า ค่าของคนมิใช่สิ่งที่ผู้นั้นคิดหรือรู้สึก แต่อยู่ที่ว่า เขาได้ใช้ความคิดและความรู้สึกนั้นช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไร เขาแตกต่างจากทหารญี่ปุ่นคนอื่นตรงที่เขาไม่เคยประสงค์ร้ายต่อใคร เขามีแต่ความกรุณา ความใฝ่รู้ และอารมณ์ขัน เขาคือทหารญี่ปุ่นผู้สุภาพอ่อนโยนอย่างแท้จริง และเป็นผู้ทำให้ฉันตระหนักว่า การที่จะรังเกียจคนอื่นเพราะเชื้อชาติ สีผิว หรือศาสนาของเขานั้นเป็นสิ่งที่ผิดอย่างยิ่ง
    ********************
    จบบริบูรณ์
ตอบกลับโพส