“ลูกสาวผู้โชคดี” ( 4ตอนจบ)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ เม.ย. 16, 2021 3:43 pm

......ลูกสาวผู้โชคดี (ตอนที1)
โดย Sharon Liao;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนสิงหาคม 2544;
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
.......หน้าตาของฉันไม่ได้แตกต่างไปจากแขกคนอื่น ๆ ในห้องโถงของโรงแรมในเมืองจางเจียจีทางภาคกลางของประเทศจีน แต่คำพูดไม่กี่คำของฉันทำให้ฉันกลายเป็นตัวประหลาดทันที
“ยึ่นโต่ว” (熨斗--Yùndǒu) ฉันพูดกับพนักงานโรงแรม แล้วถามอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษว่า “ที่นี่มีห้องยิมไหม” เพราะคิดว่าเขาคงเข้าใจ แต่พนักงานทำตาปริบ ๆ พลางก้มลงหลังเคาน์เตอร์เพื่อหยิบเตารีดส่งให้
ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ขณะนึกศัพท์ภาษาจีนที่รู้อยู่เพียงไม่กี่คำ พ่อเดินมาพอดีพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเหมือนรู้ทัน
“เธออยากรู้ว่ามีห้องยิมไหม” พ่อพูดเป็นภาษาจีนกลางคล่องแคล่ว แล้วหันมาอธิบายให้ฉันฟังเสียงเรียบๆ “ยึ่นต้ง” (运动--Yùndòng) แปลว่า ‘การเคลื่อนไหว’ หรือ ‘ออกกำลัง’ ส่วน ‘ยึ่นโต่ว’ หมายถึง ‘เหล็ก’ หรือ ‘เตารีด’นะลูก”
ฉันพึมพำขอโทษพนักงานซึ่งหัวเราะอารมณ์ดี แล้วเหลือบมองหน้าพ่อ ความจริงเราทั้งคู่เจอเรื่องทำนองนี้บ่อย เพียงแต่คราวนี้สลับบทบาทกัน ทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่า พ่อแม่รู้สึกอย่างไรตลอดหลายสิบปีที่ใช้ชีวิตในสหรัฐฯ
เมื่อครั้งเป็นเด็ก ฉันพยายามวาดภาพพ่อแม่เติบโตในประเทศจีนกับไต้หวัน นึกทีไรก็เห็นแต่เด็ก ๆ ในภาพถ่ายขาวดำที่เก่าจนเหลือง ฉันนึกไม่ออกจริง ๆ ว่า “คนพูดภาษาอังกฤษตะกุกตะกักอย่างแม่ จะจบสาขาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยในไต้หวันได้อย่างไร ส่วนพ่อซึ่งชอบวิ่งไล่จับเป็ดไก่ที่บ้านเกิดในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ก็เป็นถึงวิศวกรไฟฟ้า
ฉันรู้สึกว่าชีวิตของพ่อแม่ก่อนไปตั้งรกรากในสหรัฐฯ ไม่ต่างไปจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ฉันต้องทำข้อสอบ ปี ค.ศ.1949 พ่อหนีจีนคอมมิวนิสต์ไปอยู่ไต้หวันเมื่ออายุเพียง 14 ปี คุณปู่(พ่อของพ่อ)เข้าร่วมรบกับพรรคชาตินิยมแต่พ่ายแพ้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ คุณตา(พ่อของแม่)ซึ่งมียศเป็นเรือเอกในกองทัพเรือก็หนีไปตั้งหลักในไต้หวันเช่นกัน แม่เกิดในไต้หวันและเติบโตมาพร้อมกับความคิดว่า ทั้งครอบครัวจะได้กลับสู่จีนแผ่นดินใหญ่หลังพรรคชาตินิยมยึดคืนได้สำเร็จ แต่ความหวังก็ไม่เคยเป็นจริง

โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ เม.ย. 17, 2021 11:06 am

......ลูกสาวผู้โชคดี (ตอนที่ (2)
โดย Sharon Liao;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนสิงหาคม 2544;
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
.......หลังแต่งงานได้ไม่นาน พ่อกับแม่จึงย้ายไปอยู่สหรัฐฯเพื่อชีวิตที่ดีกว่า และไม่เคยย่างกรายกลับแผ่นดินจีนเลยเป็นเวลากว่า 50 ปี จนเมื่อเพื่อน ๆ ของพ่อกับแม่จัดไปเที่ยว 6 เมืองในประเทศจีน พ่อแม่เลยชวนฉันไปด้วย
ฉันเพิ่งเรียนจบและอยากเริ่มทำงานทันทีจึงไม่อยากไปด้วยและทำหูทวนลม ขณะที่แม่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทาง เช่น “ทุกคนจะสวมหมวกสีฟ้าหรือสีชมพูสดเพื่อไม่ให้หลงกัน” แม่เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “รอบคอบดีนะ ลูกว่าไหม”
“คงงั้นมั้งคะ” ฉันตอบพร้อมกับทำหน้าหงิกใส่โทรศัพท์ โชคดีที่แม่ไม่เห็น
ฉันชั่งใจอยู่นานว่าจะทนนั่งเครื่องบินกับพ่อแม่นานกว่า 30 ชั่วโมงไหวไหม เพราะท่านชอบพูดเสียงดังและตั้งคำถามน่าเวียนหัวเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น
ถ้าไม่อยากไปจริง ๆ ฉันคงอ้างเหตุผลได้สารพัด แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันตอบตกลง
พอเครื่องบินลงจอดที่นครเซี่ยงไฮ้เป็นจุดแรก เหตุผลต่าง ๆ ที่ทำให้มาด้วยก็ฉายชัดบนใบหน้าของพ่อแม่ แม่นั่งกำมือแล้วเหยียดออกบนตักสลับกันไปมาด้วยความกระวนกระวาย ส่วนพ่อซึ่งปกติเก็บความรู้สึกเก่ง ไม่อาจซ่อนแววตาหม่นหมองจนฉันประหลาดใจ พ่อซุกมือที่เหี่ยวย่นตามวัยในฝ่ามือของฉัน
“ครั้งสุดท้ายที่พ่อมาเซี่ยงไฮ้คือตอนที่ปู่กับย่าอพยพจากเหนือลงใต้หนีภัยคอมมิวนิสต์” พ่อเล่า “ระเบิดลงไม่เว้นแต่ละวัน ผู้คนอดอยากหิวโหย” พ่อโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วกล่าวประโยคประจำตัวว่า “ลูกโชคดีแค่ไหนรู้มั้ย”
แต่ฉันไม่เคยสนใจว่าตัวเองโชคดีหรือไม่ แค่อยากเหมือนเด็กอเมริกันทั่วไป ทั้งที่พ่อแม่ตั้งใจปลูกฝังฉันให้เป็นแบบอย่างของเด็กอเมริกันเชื้อสายจีน เริ่มตั้งแต่ฉันอายุ 6 ขวบก็จะถูกลากจากหนังการ์ตูนทางโทรทัศน์ วันเสาร์ให้ไปเรียนภาษาจีน
พอ 9 ขวบฉันก็ไม่ยอมไปเรียนภาษาจีนอีกแล้ว “หนูทนไม่ได้ เพื่อน ๆ ไม่เห็นต้องไปเรียนพิเศษเลย แล้วทำไมหนูต้องไป” ฉันตะโกน
“เพราะลูกเป็นคนจีน” แม่ตอบอย่างใจเย็น
“ถ้างั้นหนูไม่อยากเป็นคนจีน” ฉันเถียงทันควัน “ไม่เห็นเข้าท่าเลย หนูอยากเป็นคนธรรมดา ทำไมพ่อแม่ถึงไม่ทำตัวให้เหมือนพ่อแม่คนอื่น ทำไมหนูไม่เกิดเป็นลูกคนอื่นให้รู้แล้วรู้รอด”

โปรดติดตามตอนที่ (3)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ เม.ย. 18, 2021 2:12 pm

.......ลูกสาวผู้โชคดี (ตอนที่3)
โดย Sharon Liao;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนสิงหาคม 2544;
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
..........ตอนแรกคิดว่าแม่คงตะโกนกลบเสียงฉัน แต่แม่กลับจ้องหน้าฉันด้วยดวงตาอ่อนระโหย “ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป” แม่พูดแล้วหันหลังจากไป
ฉันสลดใจเมื่อนึกถึงพฤติกรรมแต่หนหลัง ถ้าย้อนเวลาได้ ฉันอยากบอกตัวเองว่า อย่าตะโกนใส่หน้าพ่อแม่เพียงเพราะท่านแตกต่างจากคนอื่น เพราะนั่นคือตัวตนที่แท้จริงของท่าน จงตั้งใจฟังเวลาท่านสอนให้พูดภาษาจีน เพราะนั่นคือตัวตนที่แท้จริงของฉัน แต่ตอนนั้นฉันคิดแต่จะปฏิเสธรากเหง้าของพ่อแม่
ฉันเติบโตในสหรัฐฯเมื่อ 20 กว่าปีก่อน บ้านเราอยู่ในเขตชานเมือง ครอบครัวเราจัดเป็น “คนเอเชียผู้น่ารัก” โดยรวม ๆ แล้ว ฉันเข้ากับเพื่อนได้ดี แต่ทุกวันก็มีสิ่งคอยย้ำเตือนว่า ฉันต่างจากคนอื่น เช่น ในกล่องอาหารกลางวันของฉันเป็นเกี๊ยวหมู หรือเมื่อมองเงาของตนเองในกระจกห้องน้ำ ฉันเป็นคนชาติไหนกันแน่
แม้พ่อแม่จะอยู่ในสหรัฐฯมาหลายสิบปี แต่เวลาอยู่บ้านก็ยังดำเนินชีวิตแบบชาวจีน ท่านพูดกันด้วยภาษาจีนตลอดและอ่านหนังสือพิมพ์จีนจากไต้หวันเสมอ อาหารเช้ามีข้าวต้มกับผักกาดดองและเนื้อ หรือ ไม่ก็ไข่เจียวกับซีอิ๊ว... ฉันอิจฉาเพื่อน ๆ ที่เข้ากับพ่อแม่ได้ดี ไม่ต้องคอยห่วงว่าพ่อแม่จะทำให้ขายหน้าด้วยคำถามประเภท “แพงไปหรือเปล่า” และ “แปลว่าอะไร”
พ่อแม่ของเพื่อนพูดคุยกันกับครูได้สบาย รวมทั้งเข้าใจดีว่าควรเปิดโอกาสให้ลูกไปเที่ยวกับเพื่อนชายได้ แต่พ่อแม่ฉันคุยได้เฉพาะเรื่องผลการเรียน อาชีพ และเงินเดือนที่ควรได้
แม่พูดอังกฤษได้พอ ๆ กับที่ฉันพูดภาษาจีน คือพูดช้า ๆ ทีละคำ หนักไปทางเอ้อๆ อ้าๆ เวลามีคนพูดภาษาอังกฤษเร็ว แม่จะทำหน้างงๆ ซึ่งฉันรู้ทันทีว่าแม่ฟังไม่รู้เรื่องและฉันต้องช่วยอธิบาย
ระหว่างรอขึ้นเครื่องบินไปประเทศจีน เพื่อน ๆ ของพ่อแม่พากันมาห้อมล้อมฉัน “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวหนูมาก” ชายคนหนึ่งบอก “ท่านพูดถึงหนูอยู่บ่อย ๆ”
คำพูดของเขาทำให้ฉันประหลาดใจ เพราะรู้สึกว่าแทบจะไม่ได้พูดคุยกับพ่อแม่เลย ท่านรู้แน่หรือว่าลูกสาวมีนิสัยอย่างไร ...ฉันใกล้ชิดกับพ่อแม่มากพอจะเข้าใจท่านหรือเปล่า
การท่องเที่ยวครั้งนี้ใช้เวลา 17 วัน เราไปชมทะเลสาบที่เต็มไปด้วยดอกบัว ถ่ายรูปกับภูเขาหินตะปุ่มตะป่ำกลางแม่น้ำฮวงโห และไต่บันไดหินขึ้นไปชมวัดที่มีสีสันงามจับตา
ฉันเห็นนาข้าวตามเชิงเขาเป็นตารางสี่เหลี่ยมเขียวจัดเหมือนมรกต ทั้งได้เยี่ยมชมโรงงานที่มีคนงานปั่นเส้นไหมจนกลายเป็นผ้าแพรมันระยับ แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการเดินทางครั้งนี้คือ ฉันได้สังเกตอากัปกิริยาของพ่อแม่
โปรดติดตามตอนที่ (4)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ เม.ย. 19, 2021 12:01 pm

.....ลูกสาวผู้โชคดี (ตอนที่ (4)
โดย Sharon Liao;
จากหนังสือสรรสาระฉบับเดือนสิงหาคม 2544;
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
......... ท่านทั้งสองมีสีหน้าแจ่มใสที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น ท่านกลมกลืนกับชาวจีนที่เดินสวนกันไปมาอย่างแยกไม่ออก น้ำเสียงเต็มไปด้วยอำนาจ แม่แปลคำอธิบายภาษาจีนจากมัคคุเทศก์ให้ฉันฟังด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง พร้อมเล่าเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เพิ่มเติมให้ฟังจากที่ฉันเคยเรียน
ฉันเองที่ทำหน้าฟังไม่รู้เรื่องอยู่บ่อยๆ เวลากินข้าวพ่อกับแม่ต้องคอยตอบคำถามฉันว่า อาหารสีสันจัดจ้านแต่ละจานคืออะไร
พ่อแม่หัวเราะหึๆ เมื่อเห็นสีหน้าฉันตอนที่บริกรวางชามแกงจืดลงบนโต๊ะ เพื่อนร่วมคณะร้องด้วยความตื่นเต้น แต่ฉันขนลุกเมื่อเห็นเนื้อเต่าในน้ำแกง ทุกคนร้องด้วยความผิดหวังเมื่อฉันไม่ยอมกินแกงชามนั้น “น่าเสียดาย อาหารชั้นเลิศแท้ ๆ” ชายคนหนึ่งพูดพลางส่ายหน้า
ประสบการณ์ในจีนช่วยไขข้อข้องใจของฉันในตัวพ่อแม่ ฉันเห็นท่านเป็นตัวของตัวเองครั้งแรกท่ามกลางวัฒนธรรมที่หล่อหลอมท่านมา ไม่ใช่อยู่กลางวัฒนธรรมของฉัน
ฉันเพิ่งเห็นกับตาว่า การกระทำหลายอย่างของพ่อแม่ที่ฉันเห็นว่าน่าอาย หรือประหลาดเป็นเรื่องธรรมดาในประเทศจีน ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านจึงพูดหรือแสดงออกอย่างนั้น ข้อสำคัญคือ ทำไมพ่อถึงย้ำเสมอว่า “ฉันเกิดมาโชคดีแค่ไหน”
ระหว่างเดินทาง ฉันสนิทกับ ‘ราเชล’ลูกสาวของเพื่อนพ่อแม่ เธอพูดภาษาจีนได้คล่องไม่มีที่ติ ฉันเริ่มตั้งคำถามในใจว่า “ฉันมีความเป็นจีนน้อยไปหรือเปล่า ทำไมจึงรู้สึกเหมือนตัวเองแอบแฝงเข้ามาอยู่ในหมู่คนจีน”
ไม่กี่วันหลัง “เหตุการณ์ ‘เตารีด’ “ ซึ่งทุกคนในคณะทราบกันหมด ขณะที่พ่อกับแม่นั่งบนม้ายาวชื่นชมเสาหิน “แย่จังเลยที่หนูพูดภาษาจีนไม่ค่อยได้ ฉันปรารภ “หนูน่าจะสนใจตอนที่พ่อแม่สอนให้พูด”
ฉันอยากบอกพ่อแม่ว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะยอมรับความจริงว่า ตัวเองและพ่อแม่เป็นใคร
พ่อมองหน้าฉันด้วยสีหน้าเข้าใจ “ไม่เป็นไรลูก” พ่อบอก “ลูกกำลังเรียนรู้อยู่แล้วไง” แม่ยิ้มให้กำลังใจพร้อมกับพูดเสริมว่า “ไม่สายไปหรอกลูก”
ชีวิตฉันเปลี่ยนไปหลังเดินทางกลับจากประเทศจีน ทุกวันนี้ เราสามคนพ่อแม่ลูกเข้าใจกันมากขึ้นเวลาคุยกัน เราไม่ได้พูดคุยแต่เรื่องพื้น ๆ ฉันเล่าเรื่องส่วนตัวอย่างเปิดอก ส่วนพ่อแม่ก็เล่าให้ฟังว่าท่านทำอะไรบ้างตอนอายุเท่าฉัน คราวนี้ฉันเห็นภาพชัดเจนสมัยที่ท่านทั้งสองกำลังขะมักเขม้นกับการเรียนที่มหาวิทยาลัยในไต้หวัน
ฉันตระหนักแล้วว่า คำพูดที่พ่อย้ำมาตลอดนั้นเป็นความจริงคือ “ฉันโชคดีจริง ๆ”
*****************

จบบริบูรณ์
ตอบกลับโพส