“มารีโน เรสทรีโป “ เป็นใคร (3ตอนจบ)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5974
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ เม.ย. 30, 2021 11:29 am

เขาชื่อ มารีโน เรสทรีโปมาจากครอบครัว คาทอลิกที่มีความเชื่อเข็มแข็ง
แต่เพราะอะไรที่ทำให้เขา ขอแชร์ประสบการณ์ การกลับใจ ท่านผู้อ่านอยากทราบแล้วใช่มั่ยคะ
เนื่องจาก เรื่องของเขาเข้มข้น และน่าสนใจมาก (หนังสือ) จึงขอแบ่งความสนใจออกเป็น 3 ตอน
ขอให้ท่านผู้อ่านติดตามให้ครบนะคะ (หนังสือ)

ตอนที่ 1: มารีโน เรสทรีโป คือใคร.....

มารีโน เรสทรีโปเกิดในบริเวณเทือกเขาแอนดิสของประเทศโคลัมเบีย ในเมืองเล็กๆที่ชาวบ้าน
ปลูกกาแฟเป็นส่วนใหญ่ ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวคาทอลิกทีมีความเชื่อเข้มแข็ง
ปฏิบัติตามธรรมเนียม และคำสอนคาทอลิกทุกประการ มารีโนเป็นบุตรชายคนที่หกในบรรดาลูกสิบคน
ขณะที่อายุ14ปี เขาได้ย้ายไปอยู่ในกรุงโบโกตา เมืองหลวงของโคลัมเบีย และสำเร็จการศึกษา
ในระดับไฮสคูล เมื่ออายุ 20 ปีก็ได้แต่งงานและย้ายไปอยู่ที่เมืองแฮมเบิร์กในเยอรมนีเขาศึกษาต่อ
ที่มหาวิทยาลัยแฮมเบิร์ก ในคณะศิลป ศาสตร์ ลูกชายสองคนของเขาก็เกิดที่นี่ หลังจากอาศัยอยู่
ในเยอรมันหกปี เข้าก็ย้ายไปอยู่ในลอสแอนเจลิส คาลิฟอร์เนีย และอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดมา เขาได้ทำงาน
ในอุตสาหกรรมบันเทิงโดยเป็นนักแสดง และผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ ตั้งแต่ภาพยนตร์ การ์ตูน
สำหรับเด็กของวอลท์ดิสนีย์ ไปจนถึงภาพยนตร์เขย่าขวัญของฮอลลีวู้ด

ในปี1985 เขาเซ็นต์สัญญากับทางโซนี่มิวสิคในกรุงนิวยอร์กได้เป็นผู้อำนวยการใหญ่ของวงดนตรีซานตาเฟแบนด์
เขาได้ผลิต อัลบั้มเพลงออกมาจำนวนมากและเดินทางไปเปิดการแสดงที่ต่างๆทั่วโลก มารีโนอาศัยอยู่
ในโลกแห่งความบันเทิงนี้ เป็นเวลานาน 20 ปี และในช่วงเวลานี่เขาใช้ชีวิตอยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้า
เขาเริ่มถอยห่างจากความเชื่อคาทอลิกตั้งแต่เขาย้ายไปอยู่ที่กรุงโบโกตา
เขากลายเป็นคนนอกศาสนาและหันไปหาชีวิตทางโลกอย่างเต็มที่ ซึ่งให้ความสำคัญกับวัตถุอย่างเช่น
เงิน ชื่อเสียง และความพึงพอใจเขาเข้าร่วมกิจกรรมกับศาสนาตะวันออก และศาสตร์ลึกลับ
เช่นโหราศาสตร์ คริสตัล เทียน อโรมาเทลาปี่ ฟลอร่าเทลาปี่ ทำนายไพ่ การสะกดจิต และไสยศาสตร์ทุกชนิด

"ประสบการณ์เริ่มต้นขึ้น"

ชีวิตของมารีโนเริ่มหักเหในระหว่างที่เขาเดินทางไปเยี่ยมญาติของเขาที่บ้านเกิดในโคลัมเบีย
เที่ยงคืนก่อนวันคริสต์มาสปี 1997 ขณะที่เขากำลังขับรถไปยังบ้านของลุง ซึ่งเขาจะพำนักหลับนอนอยู่ด้วย
ในคืนนั้น เขาถูกลักพาตัวโดยกลุ่มกบฏโคลัมเบียชื่อ FARC เพื่อเรียกค่าไถ่ เขาถูกนำตัวเข้าไปอยู่ในป่า
เป็นเวลานานถึง 6 เดือน

15วันแรกของการลักพาตัวเขาถูกทิ้งไว้ในถ้ำที่มีฝูงค้างคาว และแมลงหลากชนิด ระหว่างที่รอ
ให้ผู้ก่อการร้ายกลับมานำตัวเขาไป

ภายในถ้ำแห่งนั้นเขาก็ได้ตระหนักใจว่าเขาถูกผู้ก่อการร้ายพิพากษาให้ต้องรับความตายแต่ภายใน
ถ้ำแห่งนั้นเขาได้รับประสบ การณ์ พิเศษกับพระเป็นเจ้าที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาตลอดไป

5 เดือนครึ่งต่อมา มารีโนถูกปล่อยตัวออกจากถ้ำอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อผู้ก่อการร้ายได้รับเงินค่าไถ่แล้ว
(ผู้ก่อการร้ายต้องการฆ่าปิดปากเขามากกว่า) และหลังจากถูกปล่อยตัว เขาได้กลับคืนสู่ความเชื่อคาทอลิก

18 เดือนต่อมาเขากลายเป็นมิชชันนารีเต็มตัวของพระศาสนาจักรคาทอลิก เขาละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในอดีต
ละทิ้งสิ่งของทุกอย่างที่เขาเป็นเจ้าของในโลกนี้

เมื่อออกจากถำ้เขาได้ไปสารภาพบาปต่อพระสงฆ์ฟรังซิสกัน ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้แนะนำฝ่ายวิญญาณของเขา
คือคุณพ่อ Fray Jose Maria de las cinco illagas ๆท่านเป็นพระสงฆ์อิตาเลียนผู้ก่อตั้ง
คณะสงฆ์ฟรังซิสกัน รีนิววัลออเดอร์ ในกรุงโคลัมเบีย มารีโนใช้เวลา 14 เดือนในคาลิฟฟอร์เนีย
ในการเรียนรู้การเป็นคาทอลิกอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่ามีภารกิจสำคัญกำลังรอเขาอยู่เบื้องหน้า

จบตอนที่ 1
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 30, 2021 2:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5974
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ เม.ย. 30, 2021 12:06 pm

ตอนที่: 2 มารีโน ได้รับกระแสเรียก....

......วันหนึ่งในระหว่างการเฉลิมฉลองมิสซาวันอาทิตย์ใบลานเขาได้รับประสบการณ์พิเศษ
อีกครั้งหนึ่งกับพระเยซูผู้อยู่บนไม้กางเขน พระองค์ทรงแจ้งให้เขารู้ถึงภารกิจของเขาและเขา
ต้องให้คำตอบว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธภารกิจนี้พระเยซูเจ้ามืได้ทรงบังคับให้เขาปฏิบัติตาม
พระประสงค์ของพระองค์ในไม่ช้าหลังจากสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ผ่านไปมารีโนก็เริ่มต้นภารกิจ
ด้วยการเป็นมิชชันนารีเต็มเวลาให้กับการบรรยายเรื่องราวประสบการณ์การกลับใจของเขา
ภารกิจเริ่มต้นในปี 1999และดำเนินต่อมาทั่วโลก

ในการบรรยายประสบการณ์ของเขา มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำสอนในหัวข้อต่างๆหลายเรื่อง
มารีโนอธิบายเรื่องต่างๆเหล่านี้อย่างชัดเจนด้วยเทววิทยาแบบง่ายๆสำหรับประสบการณ์พิเศษ
ของเขาถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเรียนเทววิทยามาก่อนเลยก็ตาม เขาให้ความรู้ที่น่าประทับใจแก่ผู้เข้าฟัง
เขาไม่เคยตระเตรียมคำพูดก่อนการทำการบรรยายนอกจากการสวดภาวนาและอ่านหนังสือพระวาจา
ของพระเป็นเจ้าชึ่งเขาจะอ่านให้ผู้ฟังก่อนที่เขาจะเริ่มต้นการบรรยาย

มารีโนมีภารกิจในหลายประเทศ และทุกภารกิจเกิดจากการได้รับเชืญให้ไปบรรยายเมื่อมีที่หนึ่ง
ที่อื่นๆก็ตามมา ไม่มีการรับเงินเพื่อการไปปรากฎตัว แต่เขาทำทุกสิ่งเพื่อพระคริสตเยซูและมอบ
ความวางใจทั้งหมดในพระเจ้า

มารีโน สังเกตุเห็นความยากจนในพระสงฆ์ที่อยู่ในกลุ่มประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกาอันได้แก่
โคลัมเบีย เอกัวดอร์ เปรู เวเนซุเอลาและ ปานามาเขาพบว่าในพิธีมิสซาพระสงฆ์ต้องใช้จอกกาลิกษ์
ที่ทำด้วยพลาสติก และเสื้อผ้าของพระสงฆ์ในการประกอบพิธีก็ดูไม่สมศักดิ์ศรี มารีโนจึงเริ่มต้น
ขอรับบริจาคภาชนะสำหรับพระแท่นที่ไม่ได้ใช้แล้วจากสังฆมณฑลอื่นในทวีปอเมริกาเหนือและ
ยุโรปที่รำ่รวยกว่า รวมทั้งเสื้อผ้าทีใช้สวมใส่ในพิธีด้วย สิ่งของเหล่านี้จะนำไปให้แก่สังฆมณฑล
ในประเทศที่ยากจนซึ่งยังไม่มีสิ่งจำเป็นเหล่านี้ แต่ก็ยังมีโบสถ์อีกนับร้อยที่ยังขาดแคลนสิ่งเหล่านี้
และมารีโนเองก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือได้

มารีโนยังได้รับกระแสเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ การจัดตั้งกลุ่ม "แสวงบุญแห่งความรัก"ซึ่งเป็นกลุ่มที่
ให้การดูแลทางด้านจิตใจให้แก่ชุมนุมชนที่ยากจนอันได้แก่การประกาศพระวาจาจากพระวรสาร
ไม่เพียงเท่านั้นทางกลุ่มยังช่วยจัดหาสิ่งจำเป็นฝ่ายร่างกายให้แก่พวกเขาด้วย ทั้งอาหาร ยา
การศึกษาและเครื่องนุ่งห่ม มารีโนสามารถสร้างโบสถ์และวัดน้อยให้แก่ชุมชนหลายแห่ง
รวมทั้งโรงเรียนและสถานบริการสาธารณสุขพื้นฐาน ภารกิจเหล่านี้มีความเชื่อคาทอลิกเป็น
จุดศูนย์กลาง มารีโนจะอบรมสมาชิกให้รักษาวินัยตามคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก
อย่างเคร่งครัด เขามีพรสังฆราชที่คอยให้คำแนะนำและสนับสนุนภารกิจของเขาคือ
ท่านมองซิเยอร์ โรเบอร์โตออสปิน่าซึ่งมาจากศูนย์อภิบาลของน.เปโตร ในกรุงโบโกตา
มารีโนพอใจในการสนับสนุนของพระศาสนจักรมาก และเขาจะไม่ทำสิ่งใดที่ขัดแย้งกับพระศาสนจักรเลย

มารีโนรวมรวมสายประคำ เหรียญพระรูป บทสวดและวัตถุทางศาสนาทุกชิ้นไว้ใช้ในภารกิจของเขา
ต่อคนยากจน มีคริสตชนจำนวนมากที่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้ที่เขาไม่ได้ใช้แล้วแก่คนที่ยากจนกว่า
มารีโนจึงได้รับกล่องสายประคำ เหรียญ และวัตถุทางศาสนามากมายจากประเทศต่างๆ และเขาก็ได้มอบ
สิ่งเหล่านั้น แก่คาทอลิกที่ยากจนซึ่งไม่สามารถซื้อหาสิ่งเหล่านี้ได้

มารีโนได้รับคำแนะนำในระหว่างที่เขามีประสบการณ์พิเศษภายในถ้ำที่โคลัมเบีย
ได้แก่ *สวดสายประคำทุกวัน *บนสวดต่อพระเยซูกุมารแห่งกรุงปาร์ก *บทสวดของนักบุญ
อัครเทวดามีคาแอล *บทสวดขับไล่ปีศาจของนักบุญแพทริค *อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน
ตามด้วยประวัตินักบุญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักบุญนักปราชญ์ของพระศาสนจักร *พยายามพินิจรำพึง
ในความเงียบขณะที่อยู่เบื้องหน้าศิลมหาสนิทในการเฝ้าศิล

มารีโนให้ความสำคัญต่อการนมัสการศิลมหาสนิทเป็นอย่างมากเขาบรรยายบ่อยๆเกี่ยวกับการ
ไปสารภาพบาปเพื่อรับศิลอภัยบาป เพื่อที่จะมีวิญญาณที่สะอาดบริสุทธิ์เบื้องพระพักตร์พระเยซูเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

ชีวิตฝ่ายจิตของมารีโนได้ใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์กับพระเยซูกุมารยิ่งวันยิ่งมากขึ้น และเขาไปเยี่ยม
คริสตชนคาทอลิกทุกคนเพื่อแบ่งปันความศรัทธานี้ เขาแนะนำทุกคนให้รู้ถึงความสำคัญของการเจริญเติบโตฝ่ายจิต

พระเยซูเจ้ายังให้พระพรการรักษาโรคแก่มารีโนด้วย หลายครั้งมีคนที่ได้รับการรักษาให้หายจาก
ความเจ็บป่วยในระหว่างที่เขาสวดภาวนาและวางมือของเขาบนตัวผู้ป่วย

มารีโนเองมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจ และต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดเวลานี้
สุขภาพของเขายังดีอยู่และสามารถเดินทางได้ เขาได้เดินทางเพื่อปฏืบ้ติภารกืจใน 21 ประเทศทั่วโลก

มารีโนได้เขียนหนังสือเล่าประสบการณ์ของเขาชื่อ "From Darkness into Light" และ(หนังสือ)
หนังสืออื่นๆอีกหลายเล่ม และผลิต (cd)CD, DVD ที่ให้ความสว่างและหล่อเลี้ยงจิตใจ และ
ให้การท้าทายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วย การบรรยายเทศน์สอนของเขามีพื้นฐานอยู่ที่พระวรสาร
พระคัมภีร์และ ธรรมเนียมอันศักสิทธิ์เท่านั้นซึ่งมีอยู่อย่าง เพียบพร้อมในพระศาสนจักรคาทอลิก

จบตอนที่: 2
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5974
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ พ.ค. 01, 2021 12:31 pm

ตอนที: 3 บทสรุป
มารีโน ได้เห็นเหตุการณ์อะไรในถ้ำที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป....

จาก Spiriudaily.com

เมื่อทางเราได้เขียนเมล์สอบถามมารีโนเกี่ยวกับประสบการณ์บางอย่างที่เขาได้รับขณะที่อยู่ภายในถ้ำ
มารีโนได้ตอบมาทางอีเมล์ดังนี้

"รอบตัวผมเต็มไปด้วยค้างคาวนับพันตัว พื้นถ้ำที่ผมตกลงไปเปียกชื้นและถูกปกคลุมด้วยขี้ค้างคาว
แมลงนับพันตัวออกมาจากขี้ค้างคาวและคลานขึ้นมาบนเสื้อของผม พวกมันกัดผมตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้า
การกัดแต่ละครั้งทำให้ผมได้รับความเจ็บปวดที่แตกต่างกัน บางครั้งมันเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต บางครั้งทำ
ให้ผิวหนังอักเสบ
แต่ในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเขาคิดว่ากำลังจะตาย มารีโนก็ได้รับประสบการณ์พิเศษเขาได้เห็นชีวิตทั้งหมด
ของเขาเหมือนกับบางคนที่ได้รับประสบการณ์ใกล้ตาย นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับใจของเขา
เมื่อเขาได้รับการปล่อยตัวออกจากถ้ำ เขาได้เล่าว่าพระเยซูเจ้าทรงมาหาเขาในเสียงที่ไม่อาจพรรณนาได้
พระองค์แสดงให้เขาเห็นชีวิตทั้งหมดของเขาเป็นฉากๅในภาพนิมิต

มารีโนได้เล่าว่า "ระหว่างที่ผมได้รับประสบการณ์พิเศษภายในถ้ำ ขณะที่อยู่ในความว่างเปล่าผมถูกนำตัว
ไปวางไว้ในทะเลสาบและนำ้ท่วมตัวผมถึงเอวผมเห็นหินก้อนใหญ่อยู่เบื้องหน้าผมและผมก็รู้ในทันทีว่า
พระเยซูเจ้ากำลังปรากฎแก่ผม "ตอนแรกผมได้ยินแต่เสียงของพระองค์เท่านั้นแต่เวลานี้ผมรู้ว่าผมกำลังจะ
ได้เห็นพระองค์ด้วย และผมก็รู้สึกตัวว่าผมไม่อาจมองพระองค์ได้เนื่องมาจากสถานะในบาปหนักของผม"

"ในเวลานั้นเองผมได้รับรู้ถึงการปรากฏอยู่ของปีศาจชั่วร้ายนับพันๆ ซึ่งอยู่ในทะเลสาบที่ผมจมอยู่"

"ปีศาจแต่ละตัวมีความเชื่อมโยงกับบาปของผม ผมรู้จักมันแต่ละตัวผมเคยเป็นหนึ่งเดียวกับพวกมัน
พวกมันคือบาปของผมในระยะเวลา 33 ปี"

"ผมเข้าใจทันทีถึงความร้ายแรงของการกระทำของผมที่เป็นการขัดสู้กับพระเป็นเจ้าพวกมันทั้งหมด
มาปรากฏตัวต่อพระพักตร์พระเยซูเจ้า มันคือการฟ้องร้องกล่าวหาของชีวิตที่อยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้า
และการกระทำทุกอย่างนั้นยังคงอยู่ บาปทุกประการที่ผมทำยังคงอยู่ จิตทุกจิตที่เชื่อมโยงกับบาปเหล่านั้น
ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในตัวของผมและมีช่องว่างหัวใจของผมกัวิญญาณ"
"ผมหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว"

"ผมถูกบดขยี้และผมรู้สึกถึงความชั่วร้ายความมืดมิดแสนสาหัสอยู่เหนือผม มันเหมือนเงาทะมึนใหญ่
ที่แผ่ปกคลุมชีวิตทั้งหมดของผมเหมือนผ้าห่มจากนรก"

"แต่เบื้องบนก้อนหินที่อยู่เบื้องหน้าทะเลสาบ อารักขเทวดาของผมปรากฏกายขึ้น ท่านสวมเสื้อคลุมยาว
สีงาช้าง สีที่คล้ายกับใบหน้าของท่านราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างของท่าน

"ผมรู้ทุกสิ่งที่ท่านพูด(โดยที่ไม่ได้ยินเสียง)มันเป็นความรู้อย่างสมบูรณ์ เทวดาพูดว่า "เจ้ากำลังยืนอยู่
ในดินแดนแห่งบาปทุกประการของเจ้า เจ้าดำเนินชีวิตในวิถีทางที่เป็นปฎิปักษ์กับพระบัญญัติของ
พระเป็นเจ้าทุกประการ" ท่านชี้ไปยังปีศาจ ทีอยู่รอบๆตัวผมและดวงตาของท่านเหมือนคบเพลิง
"ผมสามารถมองเห็นการปรากฏอยู่ของท่านในทุกขณะระหว่างที่ผมมีชีวิตอยู่และการกระทำของท่าน
ที่พยายามจะทำให้ผมต่อสู่กับชีวิตในบาปของผม"

"ผมยังมองเห็นการปรากฏของเทวดาองค์อื่นๆอีกมากมายด้วย คืออารักขเทวดาของญาติๆของผม
หรือของคนที่ผมได้ทำร้าย ผมได้เห็นสงครามการสู้รบของจิตวิญญาณตลอดชีวิตของผม การต่อสู้ของ
เหล่าฑูตสวรรค์ของพระเป็นเจ้ากับเหล่าเทวดาตกสวรรค์ (ปีศาจ) "ผมมีชีวิตอยู่กับพวกมันเป็นเวลานาน
โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลย"

"มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเศร้ามาก ทีได้เห็นพระหรรษาทานจำนวนมากที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
มันเจ็บปวดมาก" อย่างไรก็ตามในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ มีการปลอบประโลมใจจากพระแม่มารีย์
ผู้ทรงปรากฏแก่มารีโน"ทรงเป็นสุภาพสตรีในวัยรุ่นที่สวยงามที่สุดและทรงอำนาจในความบริสุทธิ์และ
ความถ่อมพระองค์อันหาที่เปรียบมิได้ จนทำให้ผมไม่อาจจ้องมองพระนางได้"

"ผมต้องหันไปมองทางอื่นที่นำ้ในทะเลสาบ และผมมีประสบการณ์ในแบบเดียวกันกับอารักขเทวดาของผม
ผมสามารถเข้าใจทุกสิ่งที่แม่พระตรัสกับผม ทั้งๆที่ไม่มีเสียงตรัส "พระนางตรัสกับผมว่า ลูกต้องวางใจ
ในพระเยซูเจ้า พระเจ้าของลูก ลูกต้องเปิดหัวใจให้พระองค์เข้าไป และยอมรับความรักและการให้อภัย
จากพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงรักลูก พระองค์ทรงให้อภัยแก่ลูก" เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะยอมรับ
พระวาจาของพระแม่ ผมไม่ยอมรับการให้อภัยของพระเยซูเจ้าเพราะผมไม่อาจให้อภัยตัวเองได้

"พระแม่ทรงแสดงให้ผมเห็น เวลาที่ผมได้รับการอวยพรที่ยิ่งใหญ่ในเวลาที่ผมเป็นเด็กเล็กๆ
เวลานั้นเป็นช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธ์ในบ้านเกิดเมืองนอนของผม ตอนนั้นผมเป็นคนเป่าทรัมเป็ต
ในโรงเรียนและผมได้เป่าทรัมเป็ตในขบวนแห่ของวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ พระแม่ทรงแสดงให้ผมเห็น
พระพรที่ผมได้รับในขณะที่ผมอยู่กับญาติที่เจ็บป่วย ตอนนั้นผมอายุ 7 ขวบ เวลาที่ผมอยู่กับพี่น้อง
ชายหญิงที่บ้าน และเวลานั้นพวกเขายังบริสุทธิ์ไร้เดียงสา พวกเราถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างอันสวยงาม"

"และในทันใดนั้น พระนางทรงแสดงให้ผมเห็นเวลาที่ผมสูญเสียความไร้เดียงสาและอันตรายที่ตามมา"

ภายในถ้ำประสบการณ์ในอันตรายเหล่านั้นติดตัวมารีโนอย่างถาวรไม่จางหายแม้แต่เมื่อเขาได้รับ
การปล่อยตัวออกจากถ้ำแล้ว เขาได้รับความรู้ความเข้าใจจากพระเยซูเจ้า เขารอบรู้ในทุกสิ่งตั้งแต่
การตกต่ำของมนุษยชาติไปจนถึงสาเหตุที่ปิศาจและสมุนของมันโจมตีพวกเรา ทุกหน้าในหนังสือที่
เขาเขียนเล่าประสบการณ์มีพลัง "พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ผมเห็นว่ายุคสมัยของเราที่เป็นอยู่เวลานี้
เลวร้ายยิ่งกว่าในสมัยบาบิโลนและเมืองโซโดมและโกโมราห์ ทุกสิ่งได้ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อที่เราจะ
ดำเนินชีวิตในโลกโดยไม่เกี่ยวข้องอย่างสิ้น เชิงกับพระบัญญัติสิบประการของพระเป็นเจ้า"
และสำหรับโลกนี้ มารีโนกล่าวว่าพระเยซูเจ้าทรงบอกกับเขาว่า "มันจะเป็นโลกที่ปราศจากพระเจ้า
และเป็นวัตถุนิยมมากยิ่งขึ้น"

*ศาสนาจะเป็นเพียงความสนใจส่วนบุคคลและไม่สามารถปฏิบัติในทีสาธารณะได้เพราะจะถูกเฝ้ามอง
และควบคุมจากรัฐบาล * พระศาสนจักรที่แท้จริงจะเป็นเหมือนคริสต์ ศาสนาในยุคแรกๆ พระองค์ทรง
บอกกับผมว่าการกลับใจของอิสราแอลจะเกิดขึ้น ก่อนการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า "การกลับใจนั้น
จะเกิดขึ้นในเวลากลางคืน ตลอดทั้งคืนและจะก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมากในหมู่ชาวยิว
หลายคนในพวกเขาจะฆ่ากันเองเมื่อการกลับใจเริ่มต้นขึ้น พระเยซูเจ้าทรงบอกว่ามันจะเป็นเหมือน
การพังทลายของกำแพงเบอร์ลิน การกลับใจของชาวยิวก็จะเป็นเช่นนั้นและเวลานั้นก็อยู่ไม่ไกลนัก
แต่ผมได้รู้บางอย่างเกี่ยวกับเวลาของพระเยซูเจ้า ***มันไม่เหมือน กับเวลาของมนุษย์เลย***

เกี่ยวกับคริสตชน มารีโนกล่าวว่า
หลายคนจะหลงออกจากความเชื่อภายในปีหน้า พระเยซูเจ้ากำลังทำ ความสะอาดบ้านของพระองค์
สิ่งสกปรกจำนวนมากกำลังถูกกำจัดออกไป สิ่งที่ซ่อนเร้นปิดบังตนเองอยู่ จะถูกนำมาอยู่ในแสงสว่าง
หลายคนจะสูญเสียความเชื่อของเขา พระศาสนจักรของเราจะเล็กลง แต่จะเป็นพระศาสนจักรของผู้มี
ความเชื่อที่แท้จริง ยุคสมัยที่เราต้องเผชิญจะเป็นสิ่งที่เกินจะทนทานได้ถ้าปราศจากความเชื่อ
อันมีจุดศูนย์กลางในความนบนอบเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์###

จบบริบูรณ์
ขอบคุณ ทื่ติดตามเรื่องของ มารีโนเรสทีโป ที่แชร์ประสบการณ์
การกลับใจ
ตอบกลับโพส