“กลางสายนำ้และความมืดมิด” (3ตอนจบ)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร พ.ค. 11, 2021 11:57 am

เรื่อง "กลางสายน้ำและความมืดมิด" (ตอนที1)
โดย Nanette Watersholl,
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนธันวาคม 2544/2001,
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ

“ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา” ลอร่า พนักงานธนาคารวัย 24 ปี บอกสามีขณะปิดประตูหน้าบ้าน
พร้อมกับอุ้มทารกวัย 4 สัปดาห์แนบอก เธอนึกอยากกินไอศกรีมตามประสาแม่หลังคลอด
และตั้งใจพาลูกน้อยไปด้วย โดยจะขับรถไปที่ร้านในเมือง ส่วนเควิน สามีวัย 40 ปีรับหน้าที่
พาลูกสาววัย 4 ขวบเข้านอนแทน
เวลาเกือบสามทุ่มในคืนเดือนกรกฎาคม ลอร่าจัดแจงรัดสายเก้าอี้นั่งของลูกเข้ากับเบาะและ
ขับรถออกไป เธอหาวเพราะเหนื่อยมาตลอด 2 สัปดาห์ การคลอดเป็นไปเรียบร้อยดี แต่หลังจากนั้น
โรคเบาหวานกลับมากำเริบขึ้นอีก ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้น ๆ ลง ๆ จนต้องคอยตรวจวัดแทบ
ทุก 2-3 ชั่วโมง ลอร่าเป็นเบาหวานตั้งแต่เด็กจึงรู้ว่าระดับน้ำตาลที่ต่ำหรือสูงเกินไปอาจทำ
ให้หน้ามืดเป็นลมหมดสติซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
“ระดับน้ำตาลในเลือดของแม่ปกติดีจ้ะ” เธอกระซิบกับทารกน้อยซึ่งหลับปุ๋ย
“แม่ก็เลยอยากให้รางวัลตัวเองสักหน่อย เราไปด้วยกันนะ”
ขณะที่อีกฟากหนึ่งของเมือง เทรซี่ พยาบาลวัย 32 ปี รู้สึกเหนื่อยล้าเพราะต้องตื่นไปทำงาน
ตั้งแต่ 7.30 น. จึงอยากกินอาหารสบาย ๆ กับสามีและลูกชาย 2 คนที่สวนหลังบ้าน หลังจากนั้น
เธอกับลูก ๆ ก็นอนในรถตู้ซึ่งจอดอยู่ในสวน และขณะนั้นเธอกำลังพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ
ยามค่ำคืน ฟังเสียงจิ้งหรีดร้องและเสียงน้ำในแม่น้ำใกล้บ้านซึ่งเพิ่งเอ่อท่วมขึ้นมาเมื่อวันก่อน
ลอร่าขับรถไปตามถนนเข้าเมือง เธอคาดว่าจะขับรถเที่ยวแค่ประเดี๋ยวเดียวกลายเป็นใช้เวลา
วนไปวนมาอยู่ถึง 2 ชั่วโมง เธอขับรถอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าตัวเองใกล้หมดสติ และจำไม่ได้ว่า
เกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้น เธอทราบภายหลังว่า อินซูลินที่ฉีดเมื่อตอนเย็นเริ่มออกฤทธิ์ทำให้น้ำตาล
ในเลือดลดต่ำ แต่ในเวลาเดียวกัน ฮอร์โมนสำหรับสร้างน้ำนมให้ลูกกลับดึงน้ำตาล จากกระแสเลือด
จนร่างกายรับไม่ไหว เมื่อเลือดมีน้ำตาลน้อยกว่าปกติ ระบบประสาทส่วนกลางจะสูญเสียประสิทธิภาพ
เธอจึงไม่รู้สึกตัวว่าขับรถผ่านแต่ละโค้งและเลี้ยวเข้าถนนต่าง ๆ ได้อย่างไร
ห่างไปทางใต้ราว 5 กิโลเมตร ภายในรถตู้นอนซึ่งเปิดไฟสลัวอยู่ในสนามหลังบ้านเนื้อที่ 50 ไร่
เทรซี่ฟังเสียงหายใจเบา ๆ สม่ำเสมอของเด็ก ๆ แล้วปิดไฟ ส่วนแท็ดสามีวัย 33 ปี
ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านสุขอนามัย ขอนอนในบ้านเพราะเป็นโรคภูมิแพ้

โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อังคาร พ.ค. 11, 2021 12:03 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร พ.ค. 11, 2021 12:03 pm

เรื่อง "กลางสายน้ำและความมืดมิด" ตอนที่ (2)
โดย Nanette Watersholl,
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนธันวาคม 2544/2001,
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา เทรซี่ตกใจตื่นจากเสียงตูมในน้ำและเสียงแตรรถดังลั่น เมื่อมองลอด
หน้าต่างรถตู้นอนก็เห็นแสงไฟ 2 ดวงส่องสว่างใต้กระแสน้ำไหล เธอรู้ทันทีว่ามีคนขับรถพุ่งลงแม่น้ำ
รถเก๋งสีเทาของลอร่าวิ่งแหกโค้ง ทะลุรั้วลวดหนามสุดแนวที่ดินของเทรซี่กับแท็ด รถลากเศษรั้ว
ลวดหนามติดไปด้วยก่อนจะหักเลี้ยวไปอีกฟากถนนแล้วตีลังกาข้ามสะพานคอนกรีตเตี้ย ๆ หน้ารถ
พุ่งปักลงไปในโคลนริมฝั่งแม่น้ำอีกด้าน น้ำโคลนไหลทะลักเข้าไปตามโพรงในหลังคารถ
เมื่อฟื้นคืนสติจากแรงกระแทก ลอร่ารีบสูดหายใจเข้า แล้วก็ต้องตกใจเพราะน้ำเย็นไหลท่วมรอบตัว
เศษกระจกหน้ารถและหน้าต่างด้านข้างแตกกระจายบาดมือ
เธอขยับตัวทั้งที่เข็มขัดรัดอยู่และพยายามมองหาลูก ซึ่งยังอยู่ในที่นั่งสำหรับเด็ก แต่ตอนนี้หัวทิ่มตะแคง
ห่างจากระดับน้ำที่กำลังขึ้นสูงไม่ถึงคืบ ลอร่าขยับเขยื้อนตัวไม่ได้และนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นทุกอย่างก็มืดมิดและเงียบสนิท
เทรซี่กระโดดลงจากเตียงวิ่งไปที่บ้านพลางตะโกนลั่น “แท็ด มีคนขับรถตกสะพาน
โทรฯแจ้งตำรวจเร็ว” เธอวิ่งเข้าประตูหลังบ้านไปหยิบผ้าขนหนูกับไฟฉาย แล้วคว้ารองเท้ากีฬา
มาสวม เธอรู้ว่าถ้าวิ่งเท้าเปล่าจะต้องถูกเศษแก้วริมฝั่งบาดเอาแน่เพราะเคยมีคนขับรถตกแม่น้ำ
ตรงนั้นมาแล้ว
บ้านห่างจากแม่น้ำไม่ถึง 200 เมตร เทรซี่วิ่งสุดฝีเท้าตลอดทางแล้วกระโจนลงแม่น้ำสูงระดับอก
แหวกตัวผ่านวัชพืชหนา กิ่งไม้ และลวดหนาม ในความมืดเธอเห็นฟองน้ำผุดพรายจากเครื่องยนต์
ที่ยังติดอยู่. เทรซี่ขยับกระชากประตูหน้าที่นั่งผู้โดยสาร แต่เปิดออกได้ไม่ถึงครึ่งเมตรก็ติดดินเลนก้นแม่น้ำ
เธอจึงปีนขึ้นไปบนตัวรถและพยายามยื่นหน้าเข้าไปดูข้างใน แลเห็นร่างผู้หญิงคนขับแน่นิ่งอยู่ใต้เข็ม
ขัดนิรภัยโดยที่ศีรษะจมอยู่ใต้น้ำ เธอรีบคว้าผมสีทองประบ่าของคนขับแล้วยกศีรษะขึ้นให้พ้นน้ำ
แท็ดซึ่งตามมากระโดดลงแม่น้ำและลุยน้ำตรวจดูรอบ ๆ ว่ามีผู้โดยสารคนอื่นอีกหรือไม่ เมื่อถึงประตูหน้า
จึงเห็นขอบพลาสติกแข็งของที่นั่งเด็ก และเข็มขัดนิรภัยของเด็กทารก. เขาคลำหาเข็มขัดยึดที่นั่งเด็ก
แล้วกดปุ่มปลดสายรัด เมื่อไม่มีอะไรยึด ทั้งที่นั่งและเด็กก็ลงไปแช่ในน้ำชั่วอึดใจ แท็ดจับที่นั่งพลิกขึ้น
ให้ถูกด้านก่อนจะดึงร่างทารกซึ่งเปียกปอน ออกมาทางประตูที่แง้มค้างไว้ จากนั้นก็รีบลุยน้ำกลับขึ้นฝั่ง
และยื่นทารกให้เพื่อนบ้านอีกคนซึ่งวิ่งตามมายังที่เกิดเหตุ

โปรดติดตามตอนที่ (3)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ พ.ค. 12, 2021 1:55 pm

เรื่อง "กลางสายน้ำและความมืดมิด" ตอนที่ (3)
โดย Nanette Watersholl,
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนธันวาคม 2544/2001,
รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
เทรซี่มองไปที่แท็ดซึ่งกำลังว่ายน้ำกลับมาหา ทุกอย่างดูจะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า
“ฉันยกศีรษะเธอต่อไปไม่ไหวแล้ว” เทรซี่ตะโกนบอก แขนปวดและไหล่สั่นเพราะไม่อาจทาน
น้ำหนักศีรษะที่ประคองอยู่ แท็ดใช้ลำตัวยันร่างคนขับไว้ จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัยและ
ประคองร่างหญิงสาวเคลื่อนไปข้างหน้า แล้วจัดท่าให้ศีรษะพ้นน้ำ
“ผมคิดว่าเราไม่ควรเคลื่อนย้ายเธออีก” แท็ดตะโกนบอกเทรซี่ เธอพยักหน้ารับ หญิงคนนี้อาจ
ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะหรือกระดูกสันหลัง เทรซี่ลุยน้ำกลับไปที่ฝั่งเพื่อดูทารกน้อย
หลังแน่ใจว่าหัวใจเด็กน้อยเต้นปกติและหายใจสม่ำเสมอ เธอจึงกลับไปช่วยแท็ด
พลางคิดในใจว่า ถ้ามีรถพยาบาลมาสักคันก็คงดี
ลอร่ายังไม่หายมึนงง สมองอื้ออึงไปด้วยเสียงและความรู้สึกต่าง ๆ ที่ปนเปกัน
รวมทั้งน้ำเย็นจัดและเสียงแตรรถดังสนั่น นอกจากนั้นยังมีผู้หญิงอีกคนถามว่า
“คุณกินยาหรือเปล่า ดื่มเหล้าใช่ไหม” -- “ไม่ใช่” ลอร่าสับสนและเริ่มทุกข์ใจ
“ลูกฉันอยู่ไหน” เธออยากตะโกนถามแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
เทรซี่ยังคงถามต่อ “คุณชื่ออะไรคะ เบอร์โทรศัพท์อะไร มีใครในรถอีกไหมนอกจากคุณกับลูก”
“ฉันไม่รู้” ลอร่าพยายามเค้นคำพูด “ฉันชื่อลอร่า” จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก
เทรซี่มองหน้าหญิงสาว ปัดเส้นผมเปื้อนโคลนปรกนัยน์ตาออกไป “ลอร่า”
เธอทวนชื่อนั้นซ้ำ ๆ
เดี๋ยวก่อน และแล้วเทรซี่ก็คิดออก เหมือนชิ้นส่วนภาพตัวต่อจิ๊กซอที่ค่อย ๆ ประกอบเป็นภาพเต็ม
“ฉันรู้จักผู้หญิงคนนี้” เธอพูดพลางลุยน้ำไปถึงริมฝั่งแล้ววิ่งตัดทุ่งหญ้าไปที่ตัวบ้าน
“เราไม่มีเวลามากนัก”
นานหลายปีมาแล้ว เทรซี่คิดขณะกระชากประตูตู้เย็นเปิด “หวังว่าคงจะช่วยเธอทันเวลา”
เธอพูดกับตัวเอง
ความทรงจำย้อนกลับไปยังอดีต สาววัยรุ่นคนหนึ่งเป็นโรคเบาหวานและเท้าอักเสบอย่างรุนแรง
เทรซี่ดูแลเด็กคนนั้นนานหลายสัปดาห์. ระดับน้ำตาลในเลือดของเธอควบคุมยาก
เทรซี่ยังจำเหตุการณ์นั้นได้ และอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าชีวิตของลอร่าเป็นอย่างไร
หลังหมอช่วยรักษาขาเธอไว้ได้
เทรซี่คว้ากล่องน้ำตาลบริสุทธิ์และรีบวิ่งกลับไปทางประตูหลัง “เธอเป็นโรคเบาหวาน”
เทรซี่ตะโกนบอกแท็ด “เธอกำลังช็อก เราต้องรีบเพิ่มน้ำตาลในเลือดให้ด่วน”
แท็ดสอดมือเข้าที่ท้ายทอยของลอร่าแล้วประคองศีรษะให้หงายไปด้านหลัง ขณะหยอดน้ำหวาน
ให้เธอกลืนลงคอ
ทันใดนั้น ลอร่ามีอาการสำลัก ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ลืมตากว้างและถามว่า “ลูกฉันอยู่ไหน”
เทรซี่ถอนใจโล่งอก เมื่อได้ยินเสียงหวอของรถพยาบาลดังมาแต่ไกล เธอยิ้มให้อดีตคนไข้
และบอกว่า “ลูกคุณปลอดภัย คุณก็เหมือนกัน”
ลอร่าออกจากโรงพยาบาลในคืนนั้นโดยได้รับบาดแผลเล็กน้อยจากกระจกบาดที่เท้าและมือ
ส่วนทารกไม่เป็นอะไรเลย แพทย์ยืนยันว่าฮอร์โมนหลังคลอดของเธอเปลี่ยนแปลงมาก
เนื่องจากร่างกายสร้างน้ำนมจึงเป็นเหตุให้ภาวะขาดน้ำตาลในเลือดลดต่ำอย่างรวดเร็วจนหมดสติ
วันรุ่งขึ้น แพทย์แนะให้เธอเลิกให้นมลูกทันที และลอร่าก็ปฏิบัติตามโดยดี
**********************

จบบริบูรณ์
:s015:
ตอบกลับโพส