“ขอเพียงได้รัก” ( 3ตอนจบ )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2021 10:33 pm

เรื่อง "ขอเพียงได้รัก" ตอนที่ (1)
โดย Joyce Garbriel,
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนตุลาคม 2544/2001,
รวบรวมโดย กอบกิจ ครุวรรณ
……“ฉันพบ ริชชี่ ครั้งแรกตอนอายุ 9 ขวบ” เบ็ตตี้ เล่า “เราอยู่โรงเรียนเดียวกัน เขาชอบ
วิชาวิทยาศาสตร์และดนตรีมาก เราสองคนมักคุยกันตลอดทาง เวลาเขาเดินไปส่งฉันที่บ้าน”
ปี ค.ศ.1938 ก่อนฮิตเล่อร์ยกทัพรุกรานประเทศเชโกสโลวะเกียไม่นาน
ครอบครัวของเบ็ตตี้หนีภัยไปอยู่ฮังการี แล้วเธอก็พบกับริชชี่ที่นั่นอีก เมื่อย่างเข้าวัยรุ่น
มิตรภาพเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรัก
หนุ่มสาวทั้งสองฝันจะสร้างอนาคตร่วมกัน แม้กองทัพนาซีจะบุกยึดฮังการีในกลางปี 1943
“เราตั้งใจจะแต่งงานกัน” เบ็ตตี้เล่า “เราคุยกันว่าจะจัดงานฉลองที่โรงแรมโรยัลในกรุงบูดาเปสต์
ซึ่งริชชี่เคยเป็นมือกลองของวงดนตรีที่นั่น” ปลายปีเดียวกันนั้น กองทัพนาซีก็ต้อนเบ็ตตี้
พร้อมแม่และพี่น้องไปขังรวมกับชาวฮังการีเชื้อสายยิวอีก 5,000 คนในโรงงานอิฐแห่งหนึ่ง
นักโทษทุกคนถูกบังคับให้นั่งกลางสายฝนอันหนาวเหน็บ หลายคนทนไม่ไหวถึงกับขาดใจตาย
หรือเสียสติ ต่อมานักโทษที่เหลือต้องเดินฝ่าหิมะข้ามประเทศนาน 6 สัปดาห์ นักโทษที่รอดชีวิต
500 คนจากทั้งหมด 5,000 คนถูกนำไปขังไว้ในค่ายกักกันบนเนินเขาแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรีย
เมืองที่มองเห็นจากเนินเขาสวยแปลกตา แต่ภายในค่ายกลับมีแต่กลิ่นอายของความตาย
และการทรมาน ช่วง 2-3 เดือนแรก เบ็ตตี้เป็นไข้จนไม่ได้สติ แต่ก็พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด
จากไข้ไทฟอยด์จนได้
กองทัพอเมริกันช่วยชีวิตเด็กสาวไว้ได้ เมื่อปลดปล่อยค่ายกักกันสำเร็จในเดือนพฤษภาคม 1945
“ฉันดีใจที่ยังมีลมหายใจ” เบ็ตตี้กล่าว “แต่ก็ว้าเหว่เหลือเกินเพราะไม่รู้ว่าริชชี่อยู่ที่ไหน
เป็นตายร้ายดีอย่างไร” ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุ 16 ปี ตลอดปีต่อมา เธอต้องระหกระเหินจาก
ค่ายหนึ่งไปอีกค่ายหนึ่ง แต่ก็พยายามมองหาหนุ่มคนรักเสมอ ร่องรอยอย่างเดียวที่พบคือ
รายชื่อที่ระบุว่า ริชชี่หาชีวิตไม่แล้ว แม่ของเบ็ตตี้เป็นห่วงลูกสาวจึงแนะให้เธอออกไปพบปะผู้คนบ้าง
ในที่สุดก็มีชายหนุ่มมาหลงรักเบ็ตตี้ เขาชื่ออ็อตโต ซึ่งแม่ของเบ็ตตี้ทั้งชื่นชมและนับถือ
แต่เบ็ตตี้กลับตัดไมตรีอย่างไม่ไยดีหลายครั้ง กระนั้นก็ดี อ็อตโตผู้สูญเสียทุกคนในครอบครัวก็ยังปัก
ใจรักและต้องการเธอ กระทั่งหญิงสาวใจอ่อนยอมแต่งงานด้วย ทั้งที่เธอยังรักริชชี่อยู่เต็มหัวใจ
เธอเปิดเผยความจริงทุกอย่างให้อ็อตโตรู้ ชายหนุ่มสัญญาว่าจะยอมให้เธอไปหากริชชี่ปรากฏตัวขึ้น

โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2021 10:37 pm

เรื่อง "ขอเพียงได้รัก" (ตอนที่ 2)
โดย Joyce Garbriel,
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนตุลาคม 2544/2001,
รวบรวมโดย กอบกิจ ครุวรรณ
………ต่อมาครอบครัวของเบ็ตตี้อพยพไปอยู่สหรัฐฯ อ็อตโตเริ่มทำงานเป็นพนักงานเก็บโต๊ะ
ในภัตตาคาร จากนั้นก็เลื่อนเป็นบริกร แล้วจึงหันมายึดอาชีพทำเครื่องหนังซึ่งเป็นงานที่
เหน็ดเหนื่อยมาก แต่เขามีความรู้ด้านนี้ตั้งแต่ครั้งอยู่ในฮังการี เขาพัฒนาฝีมือและทักษะ
ภาษาอังกฤษดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนเบ็ตตี้ก็ให้กำเนิดลูกชาย 2 คนและลูกสาว 1 คน
เมื่อการงานของอ็อตโตก้าวหน้าจนตั้งโรงงานเองได้ ครอบครัวก็ย้ายไปปักหลักในรัฐแอริโซนา
เบ็ตตี้ได้อยู่บ้านแบบที่เคยฝันไว้พร้อมกับสามีและลูก ๆ
อ็อตโตมีภารกิจต้องเดินทางบ่อย ขณะที่เบ็ตตี้ยังไม่อาจลบภาพความเลวร้ายของสงคราม
จากความทรงจำได้ “เพราะว่าฉันยังไม่พบความสุขที่แท้จริง” เบ็ตตี้กล่าว “ฉันรู้สึกเหมือนทิ้ง
หัวใจไว้ในยุโรป”
วันเวลาผ่านไปจนถึงปี 1975 แม่ของเบ็ตตี้อยากกลับไปฮังการีอีกครั้งจึงขอให้ลูกสาวพาไป
สองแม่ลูกช่วยกันวางแผนการเดินทางแต่แม่กลับเสียชีวิตลงก่อน ด้วยความอาลัย เบ็ตตี้
จึงตัดสินใจไปฮังการีคนเดียวตามความตั้งใจของมารดา
ช่วงสัปดาห์แรกที่ไปถึงกรุงบูดาเปสต์ เบ็ตตี้แทบไม่ได้ย่างเท้าออกจากโรงแรมเลย
เพราะความทรงจำอันเลวร้ายยังตามหลอกหลอน กระทั่งเพื่อน ๆ ชวนไปกินอาหารเย็นและ
บังเอิญพาเธอไปที่โรงแรมโรยัลซึ่งครั้งหนึ่งเธอกับริชชี่เคยวางแผนจะแต่งงานกัน ณ สถานที่แห่งนั้น
ขณะกินอาหาร เบ็ตตี้ก็เหลือบมองไปอีกฟากหนึ่งของห้อง “แค่เห็นด้านหลัง ฉันก็รู้ทันทีว่าเป็นริชชี่
ฉันเดินตรงไปหาเขาและเอื้อมมือไปแตะที่แขน ‘ฉันว่าเรารู้จักกันนะคะ’ ฉันพูด แล้วเขาก็หันมามอง
ทันทีที่เห็นหน้าฉัน เขาสะดุ้งสุดตัวและกระโจนเข้าสวมกอดฉันพร้อมกับน้ำตาไหลพราก
ระหว่างที่อยู่ในอ้อมกอดของริชชี่ ฉันรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่ง”
“แต่ฉันจะอยู่ในกรุงบูดาเปสต์เป็นคืนสุดท้าย และต่อวีซ่าไม่ได้ เพราะขณะนั้นฮังการีปกครอง
ด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ริชชี่เพิ่งไปถึงกรุงบูดาเปสต์เป็นคืนแรก เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์
และมีกำหนดการจะต้องแสดงปาฐกถาในการประชุมจึงปลีกตัวไม่ได้ เรามีเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ในการรื้อฟื้นความหลังและกำหนดอนาคตด้วยกัน”

โปรดติดตามตอนที่ (3)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2021 10:41 pm

เรื่อง "ขอเพียงได้รัก" ตอนที่ (3)
โดย Joyce Garbriel,
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนตุลาคม 2544/2001,
รวบรวมโดย กอบกิจ ครุวรรณ
………ริชชี่เล่าให้ฟังว่า เขาถูกทหารนาซีจับตัวและถูกส่งไปอยู่ในค่ายบังคับใช้แรงงานในฮังการี
เมื่อได้รับอิสรภาพก็ออกตามหาเธอทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี ออสเตรีย หรือฝรั่งเศส
ในที่สุดริชชี่กับแม่ก็อพยพไปอยู่แคนาดา แต่เขาก็ยังคงตามหาเธออย่างไม่ลดละ
ความจริงแล้ว เขาตามหาเธอจนพบ
ริชชี่เล่าว่า เมื่อหลายปีก่อน เขาไปตามหาเบ็ตตี้ในนิวยอร์กและไปจนถึงอพาร์ตเมนต์ของเธอ
ตอนนั้น เบ็ตตี้กับอ็อตโตเพิ่งมีลูกคนแรก อ็อตโตเปิดประตูออกมาพบริชชี่ และไล่เขาไป
พร้อมกับเก็บเรื่องนี้ไว้เงียบ ทั้งที่เคยสัญญาว่าจะหลีกทางให้เมื่อริชชี่ปรากฏตัวอีกครั้ง
ปัจจุบันริชชี่อยู่ในสหรัฐฯ แต่งงานแล้วและมีลูก 3 คน แต่เขาก็อ้อนวอนให้เบ็ตตี้ทิ้งครอบครัวไปอยู่กับเขา
คืนนั้น กรุงบูดาเปสต์ชุ่มฉ่ำด้วยสายฝนขณะที่เบ็ตตี้เดินเคียงคู่ไปกับริชชี่ “ฉันจ้องดวงตาสีฟ้าสวยคู่นั้น
ซึ่งฉายแววอ่อนหวานตลอดเวลาที่เรานั่งเรือล่องแม่น้ำดานูบพร้อมด้วยความรักที่เรามีให้แก่กัน
“ฉันบอกริชชี่ว่า จะให้คำตอบตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ณ จุดนัดพบประจำของเรา”
จากนั้นเบ็ตตี้ก็โทรศัพท์ไปคาดคั้นอ็อตโตเรื่องที่เขาปิดบังเธอมานานหลายปี “อ็อตโตร้องไห้และ
ขอให้ฉันยกโทษ” เบ็ตตี้กล่าว “ด้วยความโกรธและช้ำใจ ฉันจึงวางสายไปดื้อ ๆ”
“แต่แล้วฉันก็แว่วเสียงแม่เตือนให้เห็นความสำคัญของครอบครัว และนึกถึงภาพอ็อตโตที่ยอม
ทำงานหนักวันละ 18 ชั่วโมงเพราะความรักที่มีต่อฉันและลูก ๆ”
เบ็ตตี้เดินไปมาอยู่ในห้องพักนานทีเดียวกว่าจะตัดสินใจได้ในที่สุด “ฉันฝากข้อความอำลาไว้ให้ริชชี่
แล้วร้องไห้ตลอดการเดินทางจนถึงกรุงปารีส”
“อ็อตโตมารอรับฉันอยู่ที่ปารีสในสภาพสับสนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ฉันบอกว่าจะกลับบ้านพร้อมกับเขา
และเป็นครั้งแรกที่ฉันรักเขาอย่างที่เขาเป็น”
“ฉันรู้ว่าฉันตัดสินใจไม่ผิดหลังฉลองการแต่งงานปีทื่ 54 โดยมีลูกหลานอยู่พร้อมหน้า ฉันเคยรักริชชี่
ซึ่งเป็นความรักในวัยเด็กช่วงอายุ 9-15 ขวบ แต่ต่อมาฉันก็โชคดีมากที่มีความรักแบบผู้ใหญ่
นั่นคือความรักที่ฉันมีให้อ็อตโต”

****************************
จบบริบูรณ์
ตอบกลับโพส