ข้อคิดดีๆ มีหลายตอน ( 2)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร พ.ค. 18, 2021 3:38 pm

ความหวังอยู่ที่ไหน?
1. ความหวังอยู่ที่วันพรุ่งนี้
2. ความหวังอยู่ตรงหน้า
3. ความหวังอยู่ที่นอนตื่นเช้า
4. ความหวังอยู่ที่ขยันหมั่นเพียร
5. ความหวังอยู่ที่ใฝ่ศึกษาเรียนรู้
6. ความหวังอยู่ที่ความกระตือรือร้น
7. ความหวังอยู่ที่ความตั้งใจ
8. ความหวังอยู่ที่มีน้ำใจ
ความหวังอยู่ที่ไหน?
ความหวังเกิดขึ้นจากใจของเธอ!

☆ ☆ ☆

มนุษย์ทุกคนต่างก็เกิดมาเพียงลำพัง
ฉะนั้น ไม่มีใครตายหรอก หากใครคนหนึ่งทิ้งอีกคนหนึ่งไป!
และอย่าคิดไปเองว่า "วันใดขาดเธอแล้วฉันจะรู้สึก!"
เพราะวันที่เธอเดินจากไป พระอาทิตย์ก็ยังขึ้นทางทิศตะวันออกเหมือนเช่นเคยทุกวัน!
จำไว้นะ เธอไม่ใช่สิ่งสำคัญจนโลกขาดเธอไม่ได้!
☆ ☆ ☆

เธอรู้ไหม คนที่ยืนเด่นเป็นสง่า ออร่ากระจาย
เขาก็มีความเจ็บปวดและบาดแผลมากมายที่คนอื่นไม่รู้!
อยู่กับคนที่ไม่ชอบ ก็แค่ยิ้ม และอธิษฐานให้พวกเขาเจอกับสิ่งที่ดี วันใดปัจจัยจบ
จะได้ไม่ค้างคา
อยู่กับคนที่ชอบ ก็แค่ให้ความจริงใจ และถนอมวาสนาที่มีต่อกัน วันใดปัจจัยสิ้น
จะได้เหลือความรู้สึกที่ดีไว้ให้ระลึกถึงกัน

.....
นุสนธิ์บุคส์
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร พ.ค. 18, 2021 3:41 pm

…... การเดินทางนี้สั้นนัก ...…

หญิงชราคนหนึ่งก้าวขึ้นรถประจำทางแล้วนั่งลง ป้ายต่อมามีหญิงสาวสีหน้าบูดบึ้งแข็งแรง
ก้าวขึ้นรถ และนั่งลงข้างหญิงชรา ถุงกระเป๋าพะรุงพะรังกระแทกถูกหญิงชรา เมื่อเห็นหญิงชรา
คงนั่งเงียบ หญิงสาวถามว่าทำไมไม่โวยเมื่อถูกถุงของตนกระแทกใส่?

หญิงชราตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่มีความจำเป็นต้องหยาบคายหรือไปเถียง
ในเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ เพราะการเดินทางที่ฉันจะอยู่ข้างคุณนี้สั้นมาก ป้ายหน้าฉันก็ลงแล้ว"

คำตอบนี้คู่ควรจะจารด้วยอักษรสีทอง "ไม่มีความจำเป็นที่จะถกเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้
เพราะการเดินทางด้วยกันของเรานั้นแสนสั้น"

เราแต่ละคนต้องเข้าใจว่า เวลาของเราบนโลกนี้สั้นนัก การทำให้มันดำมืดลงด้วยการถกเถียง
ที่ไร้ประโยชน์ ความอิจฉาริษยา การไม่ให้อภัยคนอื่น การไม่พอใจกับอะไรเลย และทัศนคติเลวร้าย
ล้วนเป็นการสูญเสียเวลากับพลังงานอย่างน่าขัน

มีคนหักอกคุณหรือ? คงความสงบ
การเดินทางนี้สั้นนัก

มีคนทรยศคุณ คุกคามคุณ โกงหรือหมิ่นคุณหรือ? ผ่อนคลาย อย่าเครียด
การเดินทางนี้สั้นนัก

มีคนเหยียดหยามคุณอย่างไร้เหตุผลหรือ? นิ่ง ไม่สนใจ
การเดินทางนี้สั้นนัก

เพื่อนบ้านวิจารณ์ซึ่งคุณไม่ชอบหรือ? สงบ ไม่สนใจ ให้อภัยไป
การเดินทางนี้สั้นนัก

ไม่ว่าปัญหาใดๆ ที่มีคนนำมาให้เรา จำไว้ว่า การเดินทางร่วมกันของเรานี้สั้นมาก

ไม่มีใครรู้ระยะทางการเดินทางของเรา ไม่มีใครรู้ว่ามันจะไปถึงจุดสุดท้ายเมื่อใด
การเดินทางด้วยกันของเรานั้นสั้นเกินไป

ขอเราขอบคุณมิตรและครอบครัว
ขอเรามีความนับถือ ความกรุณา และให้อภัย

เพราะเราจะได้เต็มด้วยความรู้คุณ และความยินดี จะว่าไปแล้ว การเดินทางร่วมกันของเรานั้นสั้นแสนสั้น

ยิ้มให้ทุกคน ...
การเดินทางของเราสั้นนัก

... ไม่ทราบผู้เขียน
... วิภาดา กิตติโกวิท แปล ©#MADMAN_BOOKS
... นาโอยูกิ โอดาโนะ 小田野尚之 เขียนภาพ

... The journey is short ...

An elderly woman got on a bus and sat down. At the next stop, a strong,
grumpy young woman climbed up and sat down beside the old woman,
hitting her with her numerous bags.
When she saw that the elderly woman remained silent, the young woman
asked her why she had not complained when she hit her with her bags?
The elderly woman replied with a Smile: "There is no need to be rude or discuss
something so insignificant, as my trip next to you is so short, because
I am going to get off at the next stop."
This answer deserves to be written in gold letters: "There is no need to discuss
something so insignificant, because our journey together is too short."
Each of us must understand that our time in this world is so short, that darkening
it with useless arguments, jealousy, not forgiving others, discontentment and bad
attitudes are a ridiculous waste of time and energy.
Did someone break your heart? Stay calm.
The trip is too short.
Did someone betray you, intimidate, cheat or humiliate you? Relax - Don't be Stressed
The trip is too short.️
Did someone insult you without reason? Stay calm. Ignore it.
The trip is too short.️
Did a neighbor make a comment that you didn't like? Stay calm. Ignore him. Forgive that.
The trip is too short.️
Whatever the problem someone has brought us, remember that our journey together is too short.
No one knows the length of our trip. Nobody knows when it will arrive at its stop.
Our trip together is too short.
Let us appreciate friends and family.
Let us be respectful, kind and forgiving.
Because we will be filled with gratitude and joy, after all
Our trip together is very short.
Share your smile to everyone....
Our trip is Very Short!
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร พ.ค. 18, 2021 3:50 pm

ทุกคนแปลกใจไหมว่า ทำไมงานวิจัยเกี่ยวกับ “ประเทศที่มีความสุขของโลก” ไม่ว่าจะปีไหน
ประเทศแถบสแกนดิเนเวียมักจะติดโผเป็นอันดับต้น ๆ อยู่เสมอ เขามี Mindset อะไรที่พิเศษ
และทำให้ประเทศแถบนี้มีคำดังอย่าง Hyyge และ Sisu ในการดำเนินชีวิต
.

Mindset ที่ว่านั้นก็คือ “Law of Jante” หรือ กฏของยานเต้ คือ ค่านิยมที่คนประเทศแถบสแกนดิเนเวีย
(นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก) ใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตเพื่อเป็น “การเป็นคนในระดับค่าเฉลี่ย“
หรือ “ความคิดที่ว่าเราไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่น” ทำให้คนประเทศนี้มีความถ่อมตน รักความเท่าเทียม
และนำไปสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
.

กฏของยานเต้ 10 ข้อ (The Ten Rules of Jante)

1. อย่าคิดว่าตัวเองพิเศษ
2. อย่าคิดว่าตัวเองดี
3. อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น
4. อย่าบอกตัวเองว่าตัวเองดีกว่าใคร
5. อย่าคิดว่าตัวเองมีมากกว่าใคร
6. อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญกว่าใคร
7. อย่าคิดว่าตัวเองเก่งไปซะทุกอย่าง
8. ห้ามหัวเราะเยาะคนอื่น
9. อย่าคิดว่ามีคนสนใจเกี่ยวกับตัวเองนัก
10. อย่าคิดว่าตัวเองสามารถสอนคนอื่นได้
.

การที่คนในประเทศแถบนี้แต่งตัวคล้าย ๆ กัน มีรถเหมือน ๆ กัน หรือบ้านขนาดไม่ใหญ่มาก
ล้วนมีแนวคิดมาจากกฎนี้เพื่อให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกัน ไม่มีใครเหนือกว่าใคร และการกระทำ
ที่เป็นการโอ้อวดจะถูกคนในสังคมไม่ยอมรับ
.
จากหนังสือ #TheAlmostNearlyPerfect กล่าวว่า กฏของยานเต้ ยังคงใช้อย่างแพร่หลาย
ในเดนมาร์ก และข้อดีของเด็กที่เกิดจากสังคมที่รายล้อมไปด้วยคนที่ใช้กฏนี้ คือ เด็กมีแนวโน้ม
ที่จะตั้งเป้าหมายในชีวิตแบบธรรมดา แต่ในทางกลับกันหากมันผลลัพธ์เกินคาด
จะทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากที่สุด
.
และจาก #งานวิจัยด้านความสุข ของ University College of London กล่าวว่า
“Low expectations helped boost happiness” หมายถึง การตั้งความหวังไว้ต่ำ
จะทำให้เรามีความสุขมากกว่าอีกด้วย
.
อย่างไรก็ตาม เริ่มมีคนค้านความคิดดังกล่าวที่ใช้มาอย่างยาวนานของกฎนี้ว่า
“เป็นการจำกัดความคิดสร้างสรรค์ และจำกัดความฝัน” แต่กฎของยานเต้ยังเป็นข้อคิดที่ดี
ในการถ่อมตน และเคารพทุกคนอย่างเท่าเทียม
.
ดังนั้น กฏของยานเต้จึงเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันของคนอย่างเท่าเทียมโดย
#ไม่อวดตัวเองว่าเก่งและใหญ่กว่าใคร แต่เน้นที่การ
#ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่กับตัวเอง แล้วจึงทำให้เราทุกคนในสังคมโดยรวมรู้สึกมีความสุข

:s012:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ พ.ค. 19, 2021 11:16 pm

อาซา
ต้องเดินทางจากชุมแสง. เข้าไปทำธุระที่กรุงเทพหลายวัน

เลยวานให้น้องชาย..อาสี่. มาช่วยเฝ้าบ้านให้หน่อย

ก่อนเดินทาง. ได้กำชับน้องชายไว้ว่า..

สุนัขพันธุ์บางแก้วที่เลี้ยงไว้ในบ้าน จะหยอกล้อยังไงก็ได้

แต่อย่าทำให้นกแก้วในบ้าน โกรธเด็ดขาด !!

ช่วงที่..อาสี่..เฝ้าบ้านให้อาซา ไม่ว่าอาสี่จะหยอกล้อ
กลั่นแกล้งสุนัขบางแก้วขนาดไหน มันก็ไม่โกรธไม่กัด

อาสี่คิดในใจว่า สุนัขยังเชื่องขนาดนี้
แล้วนกแก้วตัวแค่นี้จะมีฤทธิ์เดชอะไร

อาสี่เริ่มหันมาหยอกล้อ กลั่นแกล้งนกแก้วบ้าง

พอแกล้งมากเข้าจนนกแก้วโกรธจัด มันเลยตะโกนออกไปว่า
"กำจัดมัน"

ยังไม่ทันขาดคำ สุนัขบางแก้วก็กระโจนใส่อาสี่ไม่ยั้ง

อาสี่.. จบชีวิตด้วยวัยเพียง 23 ปี

*******
"ข้อคิดเห็น"

นกแก้วตัวนี้ไม่ได้น่ากลัว. แต่เราไม่รู้หรอกว่า
ข้างหลังนกแก้วเขาซ่อนอะไรไว้อยู่

เช่นเดียวกับมนุษย์. คนที่แลดูดุร้ายอาจจะไม่น่ากลัวที่สุด

แต่คนที่รู้จักค้นหา "ทรัพยากร" ออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น

คนพวกนี้น่ากลัวน่าเกรงขามกว่าเยอะ เพราะเราไม่มีวันรู้หรอกว่า
เขาซ่อนอาวุธอะไรไว้ข้างหลัง

อาซากลับจากกรุงเทพ. พร้อมนกขุนทองมาตัวหนึ่ง

เห็นสภาพศพของอาสี่แล้ว โศกเศร้าเสียใจเป็นยิ่งนัก

ถามนกแก้วว่าเกิดอะไรขึ้น นกแก้วก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง

อาซาโกรธมาก ตะโกนบอกสุนัขบางแก้วว่า
"กำจัดมัน"

แล้วนกแก้วตัวนั้น ก็เละเป็นจุลภายในชั่วพริบตา
สิริอายุแค่ 1 ขวบครึ่ง

******
"ข้อคิดเห็น"

บางครั้งจะทำอะไรหรือพูดอะไร ต้องตระหนักเสมอว่า
ใครคือเจ้านายที่แท้จริงของคุณ

อย่าวางมาดให้ผิดคน ชีวิตไปต่อไม่ได้..อย่างแน่นอน

หลังจากนกแก้วตายไปแล้ว นกขุนทองก็ได้แทนที่ตำแหน่งนกแก้ว

สุนัขบางแก้วของเรามีเรื่องไม่สบายใจยิ่งนัก

หันไปถามนกขุนทองว่า ทำไมทุกครั้งที่เกิดเรื่อง
เขาจะเป็นฆาตกรที่ลงมือสังหารทุกครั้ง

แต่ทำไมเจ้านาย จึงไม่คิดกำจัดเขาทิ้ง ??

นกขุนทองตอบแบบสั้นๆให้ครุ่นคิด "เพราะความซื่อสัตย์ของเอ็ง เป็นเกราะกำบัง"

*****
"ข้อคิดเห็น"

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในเรื่องนี้ ก็คือสุนัขบางแก้วที่แสนดุร้ายตัวนี้

แต่ความน่ากลัว ไม่ได้มาจากความดุร้ายเพียงอย่างเดียว

แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ความซื่อสัตย์ของมัน ที่ภักดีต่อเจ้านาย

โดยแยกแยะไม่เป็นว่า อะไรถูกอะไรผิด อะไรดีอะไรชั่ว
แต่จะขอทำตามที่เจ้านายสั่งทุกอย่าง

มนุษย์ก็เช่นกัน การภักดีต่อเจ้านาย หรือต่อองค์กรนั้นเป็นเรื่องดี

แต่ต้องแยกแยะให้เป็น การพลีชีพเพื่อเจ้านายโดยไม่แยกดีชั่ว
เป็นความซื่อสัตย์ที่น่ากังวล อาจเป็นภัยต่อสังคม

และคนประเภทนี้ สามารถหาได้ง่าย.. ในสังคมแบบเราๆ

หลายปีผ่านไป..
อาซาก็ต้องจากบ้านชุมแสงไปหลายวัน

เลยขอร้องคุณแม่ย้อย จากปากน้ำโพมาช่วยเฝ้าบ้าน

อาซากำชับแม่ย้อยว่า สุนัขบางแก้วล้อเล่นได้สบายๆ
แต่อย่ายั่วโมโหนกขุนทองเด็ดขาด

ถ้ามันโกรธเมื่อไหร่ มันจะน่ากลัวเหมือนโดนคุณไสยเข้าสิง

แม่ย้อยอยู่เย็นเป็นสุขอยู่หลายวัน
แกล้งหยอกล้อหมาบ้าง นกขุนทองบ้าง

ก็ไม่เห็นมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น ได้ยินแต่นกขุนทองพูดซ้ำๆ
อยู่ประโยคเดียวว่า..

" แม่ย้อยใจดีจัง " " แม่ย้อยใจดีจัง "

สุนัขบางแก้วไม่เข้าใจ ในพฤติกรรมของนกขุนทอง

ถามนกขุนทองว่า ทำไมไม่สั่งให้ตนกำจัดแม่ย้อย

นกขุนทองตอบสุนัขไปว่า "..เอ็งลืมไปแล้วเหรอ
ทำไมนกแก้วจึงต้องตายอย่างน่าเวทนา"

******
"ข้อคิดเห็น"

จงมีสติ และใช้ความชาญฉลาดในการเลือกข้าง

หากเลือกข้างผิด ชีวิตอาจถึงฆาต

เชิญกดไลค์กดแชร์เพจ มูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร
ในพระบรมราชูปถัมภ์
ที่ facebook https://m.facebook.com/yorsorsor/
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ พ.ค. 22, 2021 8:19 pm

....."ความเงียบที่น่ายกย่อง"......

"เบื้องหลังของความเงียบ
มันประกอบไปด้วยความอบอุ่นและความน่ายกย่อง
จากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสด้วยตัวเราเองในประเทศเยอรมัน"

ในตอนเย็นวันหนึ่งของฤดูหนาว
เรากำลังเข้าแถวรอรถประจำทาง
มีคนรออยู่ในแถวห้าหกคน
ทุกคนล้วนยืนรอด้วยความสงบและเป็นระเบียบ

ในเวลาเดียวกัน มีคนจูงสุนัขเดินมาแต่ไกล
พอทั้งคู่เดินใกล้เข้ามา
ภาพที่ได้เห็นคือ
ชายหนุ่มสูงใหญ่ หลังตรงงามสง่า
มีสุนัขที่เดินนำหน้า เป็นสุนัขที่ถูกฝึกมาเป็นพิเศษ
มันถูกฝึกมาสำหรับคนพิการทางสายตาโดยเฉพาะ
สังเกตเห็นได้จากสายรัดคอของสุนัข
เป็นสายรัดที่มีสัญลักษณ์โดยเฉพาะ

เขาเป็นชายหนุ่มที่พิการทางสายตา
ชายหนุ่มค่อยๆเดินตรงมายังป้ายรถประจำทาง
แล้วก็หยุดยืนอยู่ห่างจากแถวพวกเราเล็กน้อย

ไม่มีใครทักทายให้เสียงกับชายหนุ่มคนนั้น
เรากำลังคิดจะเดินไปนำพาเขามาเข้าแถว
แต่คุณผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่หัวแถว
รีบเก็บพับหนังสือเล่มที่กำลังอ่าน
แล้วเดินตรงไปยืนอยู่หลังชายหนุ่ม
คนอื่นๆที่อยู่ในแถว ก็ทยอยเดินไปต่อแถวกันใหม่
ไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว

หญิงสาวผมสั้นสีแดงที่ยืนติดกับเรา
มองหน้าสุนัขอย่างครุ่นคิด
คงเกรงว่ากลิ่นบุหรี่จะไปรบกวนโสตประสาทการดมกลิ่นของสุนัข
เธอลังเลอยู่แป๊บหนึ่ง
ก่อนจะดับบุหรี่ที่เพิ่งจุด
แล้วก็เดินตามกันไปต่อแถวใหม่

แถวใหม่เกิดขึ้นอย่างเรียบร้อย
เป็นแถวที่ชายหนุ่มกับสุนัขของเขาอยู่หัวแถว
เป็นการร่วมกันกระทำของกลุ่มคนแปลกหน้า
เป็นการกระทำที่ไม่ได้นัดแนะ
เป็นการกระทำที่ไม่ต้องใช้เสียง
ทุกคนทำเหมือนเป็นหน้าที่
เรารู้สึกทึ่งอย่างบอกไม่ถูก

ทุกคนยังคงรอคอยด้วยความเงียบสงบ
แล้วรถประจำทางก็มาถึง
"รอสักครู่ ผมจะลงไปรับ......"
พนักงานขับรถกำลังขยับตัวจะลุกจากที่นั่งคนขับ
"ขอบคุณครับ ไม่ต้องรบกวนหรอกครับ"
ชายหนุ่มรีบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ภายใต้การนำของสุนัขฝึกหัดตัวนั้น
ทั้งสองค่อยๆก้าวขึ้นรถไป

เวลานั้นเป็นเวลาหลังเลิกงาน
ผู้โดยสารก็เต็มคันรถอยู่แล้ว
แต่พอชายหนุ่มกำลังก้าวขึ้นรถ
ทุกคนรีบขยับตัวถอยร่นไปข้างหลัง
ทำให้มีพื้นที่ว่างที่บริเวณทางขึ้นทันที

ที่นั่งหลังคนขับ
มีเด็กผู้ชายอายุ 6-7 ขวบนั่งอยู่
คุณแม่รีบสะกิดลูกชายให้ลุกขึ้น
เพื่อสละที่นั่งให้ชายหนุ่ม
การกระทำที่ค่อนข้างกระทันหันของคุณแม่
ไม่ได้ทำให้เด็กผู้ชายงอแง
หนูน้อยรีบลุกขึ้นด้วยความเต็มใจ

สุนัขเห็นมีที่นั่งว่างอยู่
จึงนำพาเจ้าของเดินไปยังที่นั่ง
ส่วนตัวสุนัขเองก็นั่งตัวตรงอยู่ข้างๆบนทางเดิน
เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ชายหนุ่มไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้ใดๆทั้งสิ้น

"สวัสดีครับ จะไปลงรถที่ไหนครับ"
"สวัสดีครับ ผมจะไปถนนมอร์ครับ"
"พะยะค่ะ ฝ่าบาท......"
ทุกคนหัวเราะในคำหยอกล้อด้วยอารมณ์ขันของคนขับ
แล้วรถประจำทางก็นำพาผู้คนเดินทางต่อไปด้วยบรรยากาศของความสดใส

ทุกคนบนรถเฝ้าสังเกตดูท่าทีอันสง่างามของสุนัข
แม้เวลาเลี้ยวรถ
สุนัขก็จะพยายามเอี้ยวตัวเพื่อรักษาการทรงตัวของตน
สายตาเพ่งมองไปข้างหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
คงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสุนัขที่เลี้ยงดูกันตามบ้าน

ไม่มีใครคิดจะยื่นมือไปลูบหัวสุนัข
ไม่มีใครนำเอามือถือออกมาถ่ายรูป
เด็กน้อยที่คิดจะยื่นขนมปังครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่ในมือไปป้อนเขา
ก็ถูกคุณแม่ดึงมือกลับ
กระซิบข้างหูเด็กน้อยแบบเบาๆ
"เขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ มีงานต้องรับผิดชอบ อย่าไปรบกวน"
พอได้ยินคำว่า "ปฏิบัติหน้าที่"
เด็กน้อยพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ
ไม่นานนักก็มาถึงจุดหมาย
เมื่ออำลากับคนขับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ก้าวลงจากรถไป
ภายใต้การนำทางของสุนัขฝึกของเขา

รถประจำทางเดินทางต่อไป
แต่ความเงียบสงบยังคงครอบครองอยู่เต็มคันรถ
เราได้รับรู้ถึงความรักและความห่วงใยที่เกิดขึ้นภายใต้ความเงียบ
เป็นความน่ายกย่องที่รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก
ภายนอกรถ ลมหนาวเย็นยะเยือก
แต่ภายในใจ เต็มไปด้วยความอบอุ่น

เรื่องราวที่น่าประทับใจนี้
คงไม่ใช่เพียงเพราะผู้คนเดินไปต่อแถวใหม่หลังชายหนุ่ม
คงไม่ใช่เพียงเพราะผู้คนรีบขยับถอยร่นให้มีพื้นที่ว่างเกิดขึ้น
และก็ไม่ใช่เพียงเพราะเด็กน้อยสละที่นั่งให้
แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือ
เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เป็นการกระทำที่ไร้เสียงแบบน่ายกย่องที่สุด

ความรัก ความห่วงใย ความเอื้ออาทรที่มีให้กับผู้อื่น
ไม่มีความจำเป็นต้องไปป่าวประกาศ
ไปเที่ยวบอกให้ผู้คนรับรู้ว่า
"พวกเรารักคุณ ห่วงใยคุณ"
บางเวลา
รักหรือห่วงใย ก็เป็นเรื่องเรียบๆง่ายๆ
แต่เป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้ด้วยด้วยใจ ด้วยความรู้สึก

ความก้าวหน้าของประเทศ
คงไม่ได้วัดกันด้วยสภาพทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
แต่ยังมีวัฒนธรรมของสังคม
ที่จะช่วยชี้วัดความน่ายกย่องด้านจิตวิญญาณ.......
จิตวิญญาณอันสูงส่งของมวลมนุษยชาตินั้นๆ

ขจรศักดิ์ แปลและเรียบเรียง
Cr. FB ภูษิต ไล้ทอง

https://www.facebook.com/34462851904986 ... 982851744/
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ พ.ค. 29, 2021 1:52 pm

ขอบคุณ “10 สิ่งที่ดีที่สุด” ในชีวิต!

1 “ความผิดหวัง”

ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่า
อย่าคาดหวังกับอะไรมากไป
และยอมรับบางสิ่งในแบบที่มันเป็น

2 “ความเจ็บปวด”

ขอบคุณที่ทำให้เข้มแข็งขึ้น
และเริ่มมีสติในการมองสิ่งต่างๆ มากขึ้น

3 “ความล้มเหลว”

ขอบคุณที่ทำให้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์
และทำให้ความสำเร็จยิ่งมีค่ามากขึ้น

4 “ความผิดพลาด”

ขอบคุณที่ทำให้ได้บทเรียนที่มีค่า
และได้รู้จักการใช้ชีวิตอย่างฉลาดขึ้น

5 “ความลำบาก”

ขอบคุณที่ทำให้รู้จักอดทน แข็งแกร่ง
และต่อสู้เพื่อเอาชนะโชคชะตา

6 “ความฝัน”

ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าการมีชีวิตอยู่
ไม่มีคุณค่าเท่าอยู่เพื่อบางสิ่งที่มีความหมาย

7 “ความเปลี่ยนแปลง”

ขอบคุณที่ทำให้รู้จักความไม่แน่นอนของชีวิต
และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันเสมอ

8 “ความทุกข์”

ขอบคุณที่ทำให้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง
และเห็นค่าของความสุขมากขึ้น

9 “ความอ่อนแอ”

ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าอ่อนแอ
ไม่ใช่ทางเลือกของชีวิต
ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
ก็ต้องลุกขึ้นและใช้ชีวิตต่อไป

10 “ความรัก”

ขอบคุณที่ทำให้ได้เรียนรู้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่
ไม่ว่าจะช่วงเวลาที่ดีหรือแย่
ก็ทำให้โลกนี้สวยงาม


เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล
ตอบกลับโพส