สมโภชพระตรีเอกภาพ (ปีB)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ค. 24, 2021 3:23 pm

“พระธรรมชาติของพระเจ้าเรื่องพระตรีเอกภาพ เป็นความรักที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ให้มนุษย์เราได้เลียนแบบ สามีรักภรรยา ภรรยารักสามีและนำเอาความรัก
ที่เขาทั้งสองมีไปให้แก่ลูกน้อยที่ค่อยเติบโตต้องการการเอาใจใส่ดูแล
หรือนำไปให้แก่ข้างบ้าน เด็กๆที่ขาดแคลนในชนบท ผู้ด้อยโอกาสในสังคม”

สมโภชพระตรีเอกภาพ (ปี B)
บทอ่านที่ 1 หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ (ฉธบ 4 : 32-34,39-40) ขณะที่ชาวอิสราเอลพ้นจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์และกำลังเข้าไปยังดินแดนแห่งพระสัญญา ที่พระเจ้าประทานให้ โมเสสเทศน์จึงอบรมชาวอิสรเอลให้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ว่ามิใช่เรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้นกับชาติใดก็ได้ แต่เพราะพระเจ้าทรงเมตตาพวกเขาเป็นพิเศษ ไม่มีชาติใดเลยที่ถูกแยกออกมาอย่างได้รับสิทธิเช่นนี้ คือได้เป็นประชากรของพระเจ้า ลองไปค้นหาดูจากปลายแผ่นดินข้างหนึ่งจนจรดแผ่นดินอีกข้างหนึ่งซึ่งเป็นสำนวนของคนโบราณว่าทั่วโลกจักรวาล ไม่มีเรื่องแบบนี้หรอกมีแต่ชาวอิสราเอลเพียงชาติเดียวที่ได้รับสิทธิพิเศษสูงส่งนี้ ดังนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือชาวอิสราเองต้องประพฤติตนตามธรรมบัญญัติให้เหมาะสมกับที่เป็นประชากรพิเศษนี้ แต่บทอ่านตอนที่อ่านในวันนี้มีการเอ่ยถึงพระเจ้า “ดังนั้นในวันนี้ จงรู้และจำใส่ใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าทั้งในสวรรค์เบื้องบนและแผ่นดินเบื้องล่างและไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก” นี่เป็นเพียงความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าที่พวกเขามี แค่นี้เอง โมเสสมีชีวิตอยู่ก่อนพระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิดในโลกนี้ 1250 ปี(1250ก.ค.ศ.) เราลองย้อนกลับไปยังมนุษย์คนแรกที่พระเจ้าทรงเผยพระองค์แก่เขา อับราฮัม มีชีวิตอยู่ก่อนพระเยซูเจ้าถอยไป 1800 ปี (1800 ก.ค.ศ.) ตั้งแต่อับราฮัม มาถึงโมเสส และมาถึงองค์พระเยซูเจ้า ชาวอิสราเอลมีความรู้จักพระเจ้าว่าพระองค์ทรงพระนามว่า “ ยาห์เวห์” (พระเจ้าทรงเผยพระนามพระองค์แก่โมเสสที่พุ่มไม้ลุกเป็นไฟแต่ไม่ไห้ม) ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่หนึ่งเดียว พวกเขารู้จักพระเจ้าเพียงเท่านี้
ต้องรอจนถึงเวลาที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิดในโลกนี้ พระเยซูเจ้าเป็นผู้เผยแสดงแก่เราว่าพระเจ้าทรงมีสามพระบุคคล พระบิดา พระบุตร และพระจิต เรื่อง”พระตรีเอกภาพ” ความรู้เรื่องพระเจ้าหนึ่งเดียวแต่มีสามพระบุคคลเป็นหนึ่งเดียวกัน เท่าเสมอกัน ไม่มีใครเกิดก่อนเกิดหลัง เป็นพระธรรมชาติของพระเจ้าใครจะไปรู้ได้ถ้าพระเจ้าไม่ทรงเผยแสดงเรื่องนี้ให้แก่เรามนุษย์ทราบ พระเยซูเจ้าเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์แล้วพระองค์ทรงเปิดเผยเรื่องนี้แก่เรา ในพระวรสารทั้งสี่ บันทึกว่าบางโอกาสพระเยซูเจ้าทรงภาวนาต่อพระบิดาเจ้า และพระเยซูเจ้าตรัสถึงพระจิตเจ้าว่าจะเสด็จมาหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับสู่สวรรค์แล้ว แต่ที่พระเยซูเจ้าทรงเผยชัดเจนที่สุดก็ในวันที่พระองค์ทรงรับพิธีล้างจากท่านยอห์น บัปติสต์ พอเสด็จขึ้นจากน้ำ ท้องฟ้าก็เปิดออกและมีเสียงของพระบิดาจากท้องฟ้าว่าท่านผู้นี้คือบุตรที่เราโปรดปราน และมีนกพิราบสีขาวบินมาอยู่เหนือพระเยซูเจ้าอันหมายถึงพระจิตเจ้าได้เสด็จมาประทับสวมใส่อยู่ในองค์พระเยซูเจ้า เหตุการณ์ตอนนี้เราอาจจะมองได้ในแง่มุมว่าเป็นการเจิมแต่งตั้ง อภิเษกองค์พระเยซูเจ้าพระบุตรพระเจ้าอย่างเป็นทางการจากพระบิดาเจ้าให้ทรงเริ่มออกเทศน์สอนและปฏิบัติพระภารกิจไถ่บาปมนุษย์ เริ่มต้นยุคสมัยแห่งความรอดพ้นของพระเจ้า แต่ในขณะเดียวกันยังเป็นการเผยความจริงเรื่องพระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตรและพระจิต ทรงเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว
ความจริงเรื่อง “พระตรีเอกภาพ” จึงเป็นพระธรรมชาติของพระเจ้าที่ทรงเผยแสดงแก่เรา เราไม่อาจจะอธิบายว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร สามเป็นหนึ่ง หนึ่งเป็นสาม เป็นข้อความเชื่อที่พระเจ้าทรงเผยแสดงและเรารับไว้เป็นความเชื่อ ความเชื่อนี้เป็นของมีค่า ยกถวายดวงใจที่เชื่อแม้ไม่เข้าใจเป็นของถวายแด่พระเจ้าได้ พระองค์ทรงรับไว้เป็นเครื่องบูชาจากใจของเรา
จดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม (รม8: 14-17) อธิบายว่าพระจิตเจ้ามาประทับในจิตวิญญาณของเราและทำให้เรามีชีวิตพระเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า เพราะเราทุกคนมีพระจิตของพระเจ้าเราจึงกลายเป็นลูกของพระ พระจิตนี้จึงสอนเราเปล่งเสียงเรียกพระเจ้าว่า “อับบา” ซึ่งภาษาฮีบรูแปลว่า “พ่อจ๋า” หรือป่าป้า หรืออาปา ซึ่งเป็นภาษาชาวบ้านในชีวิตจริง เราเป็นมนุษย์แต่กลับได้รับการยกฐานะมามีส่วนแบ่งจิตวิญญาณของพระเจ้าและกลับมีธรรมชาติใก้ลเคียงกับพระเจ้าจนกลายเป็นบุตรของพระเจ้า เพื่อจะรับมรดก “พระจิตทรงเป็นพยานยืนยันร่วมกับจิตของเราว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า เมื่อเราเป็นบุตร เราก็เป็นทายาทด้วย เป็นทายาทของพระเจ้าและเป็นทายาทร่วมกับพระคริสตเจ้า ถ้าเรารับการทรมานร่วมกับพระองค์เราก็จะรับพระสิริรุ่งโรจน์ร่วมกับพระองค์ด้วย” ข้อความในบทจดหมายตอนนี้เป็นการอธิบายชีวิตใหม่แห่งการกลับมาเป็นลูกของพระเป็นเจ้าอาศัยการไถ่บาปของพระเยซูเจ้าที่มีต่อมนุษยชาติ และส่งผลให้เรามีพระจิตในชีวิตร่วมพระจิตเจ้าองค์เดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้า กลายเป็นลูกและเป็นทายาทร่วมมรดกในเมืองสวรรค์ แต่ก็เป็นเนื้อหาทางเทววิทยาของนักบุญเปาโลที่กล่าวถึง พระบิดา พระบุตรและพระจิต และความสัมพันธ์ที่ทั้งสามพระบุคคลมีต่อเรามนุษย์อย่างชัดเจนที่สุด
• พระบิดา คือ องค์พระผู้เป็นเจ้า เราเรียกพระองค์ว่า “อับบา” หรือพ่อจ๋า
• พระบุตร ทรงทำให้การเป็นพ่อเป็นลูก ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามนุษย์เป็นไปได้
• พระจิต ทรงเป็นพระเจ้าที่มาประทับในจิตวิญญาณ ชีวิตใหม่ในมนุษย์ที่ทำให้เราเป็นลูกของพระเพราะมีพระจิตของพระเจ้าในชีวิตองค์เดียวกัน
แต่ทั้งสามพระบุคคลเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร ไม่มีใครเกิดก่อนเกิดหลังและเป็นอยู่ในพระธรรมชาติพระเจ้าร่วมกัน
พระวรสารนักบุญมัตธิว (มธ 28 : 16-18) บันทึกเหตุการณ์การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า และมีพระดำรัสของพระเยซูเจ้าตรัสถึงพระตรีเอกภาพ ”ดังนั้น ท่านทั้งหลายจยไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดา พระบุตรและพระจิต จงสอนให้เขาปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่านแล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ”
ปัจจุบันเมื่อพูดถึงพระบิดา คริสตชนมักคิดถึงพระเป็นเจ้าผู้ทรงสร้างโลกจักรวาล สรรพสิ่งทั้งมวลทรงเป็นบิดาผู้เมตตาต่อมนุษยชาติและสรรสิ่งทั้งมวลแต่วันที่พระบิดาทรงสร้างโลกจักรวาลสรรพสิ่งทั้งมวล พระบุตและพระจิตก็ประทับอยู่กับพระบิดา ณ เวลานั้นแล้ว เมื่อพูดถึงพระบุตร เราก็จะคิดถึงพระเยซูเจ้า พระบุตรผู้เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ในโลก ในเวลาที่ทรงเห็นวาเหมาะสม แต่เมื่อเสด็จมาบังเกิดในโลก พระบิดาและพระจิตก็ประทับเป็นหนึ่งเดียวร่วมในพระชนม์ชีพของพระองค์ เมื่อพูดถึงพระจิต คริสตชนก้จะคิดถึงพระจิตที่เสด็จลงมายังอัครสาวกหลังจากพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์แล้ว พระจิตทรงผลักดันพระศาสนจักรให้ก้าวหน้าต่อไปหลังจากพระเยซูเจ้าทรงไถ่บาปมนุษยชาติและตั้งพระศาสนจักรบนโลกนี้แล้ว แต่พระบิดาและพระบุตรก้เป็นหนึ่งเดียวกับพระจิตในงานผลักดันพระศาสนจักรและโลกให้ไปถึงจุดหมายปลายทางในองค์พระผู้เป็นเจ้า ที่เราคิดเช่นนี้ก็เป็นเพียงการคิดตามธรรมชาติมนุษย์ที่อยู่ในเวลา มีลำดับก่อนหลัง แต่สำหรัลพระเจ้า พระตรีเอกภาพทรงเป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่นิรันดรจวบนิรันดร
ความจริงเรื่องพระตรีเอกภาพเป็นพระธรรมชาติพระเจ้า เรามนุษย์ไม่สามารถรู้ได้หากพระเยซูเจ้าไม่ทรงเผยแสดงเรื่องพระตรีเอกภาพนี้แก่เรา น่าสนใจตรงที่ว่าในยุคสมัยแห่งพระเมสสิยาห์ หรือยุคสมัยแห่งความรอดพ้นคือตั้งแต่วันที่พระเยซูเจ้าทรงออกเทศน์สอน นักบุญยอห์น ศิษย์ที่รักของพระเยซูเจ้าได้รับการดลใจจากพระเจ้าเขียนพระคัมภีร์ 1 ยน 4 : 7-21)ได้เขียนบันทึกไว้ว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” ถ้าพระเจ้าทรงเป็นความรัก พระธรรมชาติของพระจจึงเป็นความรักแห่งพระตรีเอกภาพ หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าความรักที่สมบูรณ์แบบพระเจ้า จะมิใช่รูปแบบที่มนุษย์หลงคิดว่า ฉันรักเธอ เอรักฉัน / ฉันรักเธอ เธอรักฉัน กันอยู่เช่นนี้ แต่ความรักของมนุษย์จะต้องเป็นไปในรูปแบบสามมิติพระตรีเอกภาพ ฉันรักเธอ เธอรักฉัน และนำเอาความรักที่เรามีไปให้แก่คนที่ลำบากกว่าเรา พระธรรมชาติของพระเจ้าเรื่องพระตรีเอกภาพ เป็นความรักที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้มนุษย์เราได้เลียนแบบ สามีรักภรรยา ภรรยารักสามีและนำเอาความรักที่เขาทั้งสองมีไปให้แก่ลูกน้อยที่ค่อยเติบโตต้องการการเอาใจใส่ดูแล หรือนำไปให้แก่ข้างบ้าน เด็กๆที่ขาดแคลนในชนบท ผู้ด้อยโอกาสในสังคม
พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระบิดา พระบุตรและพระจิต เหมือนในปฐมกาล บัดนี้ และทุกเมื่อตลอดนิรันดร อาแมน
แม่พระโปรดเอ็นดู พระเยซูทรงเมตตา
คุณพ่อยอห์น บัปติสต์ พงศ์เทพ ประมวลพร้อม
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ตอบกลับโพส