เรื่อง "มหัศจรรย์แห่งชีวิต" ตอนที่ 9(ตอนจบ)
โดย Brooke Ellison และ Jean Ellison
จากหนังสือสรรสาระ ฉบับเดือนเมษายน 2545/2002,
เรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
……พลังแห่งความหวัง
จีน : หลังบรูกกลับเข้าเรียนในชั้นมัธยมสอง ฉันกับเอ็ดต่างเห็นตรงกันว่า
ถ้าลูกจบมัธยมและทุกอย่างราบรื่นก็คงจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐใกล้ ๆ บ้าน
แต่แล้ววันหนึ่งบรูกถามฉันว่า “แม่จะว่ายังไง ถ้าหนูอยากไปเรียนไกล ๆ”
“เราจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันลูก” ฉันถาม “อยู่ที่นี่เรายังไม่มีเงินจ้างพยาบาลมาดูแลลูกเลย
ว่าแต่ว่าอยากไปเรียนที่ไหนล่ะ”
“มหาวิทยาลัยชื่อดังค่ะแม่”
ฉันไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ลูกรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่มีเงินส่งเสียขนาดนั้นหรอก”
“ลองดูก็ไม่เสียหายนี่คะแม่” ลูกพูด
“ลองดูก็ได้” ฉันว่า
จากนั้นฉันกับเอ็ดก็ปรึกษากันและตกลงว่าน่าจะให้ลูกสมัครดู บรูกตัดสินใจสมัครเรียน
รอบแรกที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ฉันกับบรูกรวบรวมเอกสารประกอบใบสมัครไปส่งให้เจ้าหน้าที่แนะแนวการศึกษา
“หนูพอจะมีหวังไหมคะ” บรูกถาม
“มีโอกาสเท่ากับคนอื่น ๆ” เจ้าหน้าที่ตอบพร้อมกับสอดใบแสดงผลการศึกษาและ
จดหมายรับรองลงในซอง หนึ่งในนั้นมาจากอาจารย์หัวหน้าแผนกที่โรงเรียนซึ่งเดิมไม่แน่ใจว่า
บรูกจะเรียนจบหลักสูตร แต่ต่อมากลับเป็นปากเสียงสำคัญให้ลูก
เมื่อส่งใบสมัครไปแล้วก็ได้แต่รอฟังผล สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ฉันสัญญากับลูกหลังเกิดอุบัติเหตุคือ
แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายของลูกได้ ฉันก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีชีวิต
ดีที่สุดไม่ว่าจะต้องเหนื่อยยากสักเพียงใดก็ตาม
บรูก : วันที่ 15 ธันวาคมเป็นวันประกาศผลการคัดเลือก ฉันตัดสินใจโทรฯไปถามแผนก
รับนักศึกษาของฮาร์วาร์ด
แม่กดโทรศัพท์ในห้องพยาบาลของโรงเรียนแล้วยกหูโทรศัพท์ให้ฉันพูด หลังแจ้งชื่อและ
รายละเอียดส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่า “ขอแสดงความยินดีและขอต้อนรับเข้า
เป็นนักศึกษาฮาร์วาร์ด”
ทั้งฉันและแม่ร้องไห้ ฉันแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นไปได้ รู้สึกว่าการได้เข้าเป็นนักศึกษา
ในสถาบันชื่อดังแห่งนี้ เป็นการตอบแทนความทุ่มเทที่ครอบครัวเราร่วมแรงร่วมใจกันมาตลอด 6 ปี
จีน : บรูกโทรฯไปบอกพ่อที่สำนักงานทันที เอ็ดตื่นเต้นดีใจแต่ก็เดินหัวหมุนเหมือนฉัน
เพราะคิดไม่ออกว่าจะหาเงินที่ไหนมาส่งเสียลูกเรียนจนจบ
พอวางโทรศัพท์ ฉันกับบรูกก็ออกไปเข้าห้องเรียน พอเข้าไปในห้องวิจัย
อาจารย์หัวหน้าแผนกก็ตะโกนถามว่า “ว่าไง โทรฯไปถามแล้วหรือยัง”
บรูกยิ้มแก้มแทบปริ เพราะฉะนั้นไม่ต้องตอบก็รู้ได้ อาจารย์วิ่งเข้ามาจูบบรูกที่หน้าผาก
และกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ดีใจด้วย นักศึกษาใหม่ของฮาร์วาร์ด”
บรูก : ฉันต้องแจ้งให้มหาวิทยาลัยทราบว่าตกลงใจจะเข้าเรียนที่นั่น ทางมหาวิทยาลัยเสนอ
ความช่วยเหลือทางการเงิน แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเพียงพอ
ครอบครัวเราตกลงใจขับรถไปดูสภาพมหาวิทยาลัยและพบผู้บริหารซึ่งบอกว่า “ไม่มีปัญหา”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทาง ห้องพักใหญ่พิเศษ ห้องน้ำที่เอาเก้าอี้ล้อเลื่อนเข้าไปได้
หรือแม้แต่การที่แม่ต้องมาอยู่ด้วย ท่าทางผู้บริหารกระตือรือร้นที่จะมีนักศึกษาพิเศษอย่างฉัน
แม้จะไม่อยากจากครอบครัวไปไกล ๆ แต่ฉันก็อยากไปเรียนมากเพื่อพัฒนาตัวเอง
ให้สูงที่สุดตามที่พ่อแม่พร่ำสอนมาตลอด
และเรื่องน่าตลกในท้ายที่สุดก็คือ พวกที่ชอบค่อนแคะฉันนี่เองที่ผลักดันให้ฉันตัดสินใจ
ไปเรียนฮาร์วาร์ด แม้ฉันจะได้เกรดสี่ทุกวิชา แต่บางคนก็ยังคิดว่ามหาวิทยาลัยรับฉัน
เพราะความพิการจนต้องนั่งรถเข็น พวกนี้ปรามาสว่าฉันจะเรียนไม่จบด้วยซ้ำไป
ฉันรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่รู้จักฉัน และพูดออกมาเพราะมีอคติที่เกิดจากความไม่รู้
ฉันจะต้องสอนบทเรียนบางอย่างแก่พวกเขา ดังนั้นจึงตัดสินใจไปเรียนที่ฮาร์วาร์ด
และบางทีก็ต้องสอนบทเรียนให้คนอื่นไปพร้อม ๆ กันด้วย
บรูกเรียนที่ฮาร์วาร์ด 4 ปีโดยมีแม่ตามไปด้วยและพ่อคอยสนับสนุนอย่างดี เธอเลือกเรียน
ประสาทวิทยาด้านการรับรู้เป็นวิชาเอก วิชานี้เน้นสองสาขาคือ จิตวิทยากับชีววิทยา
หัวข้อวิทยานิพนธ์ของเธอว่าด้วยเรื่องความหวัง ซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่เป้าหมาย
บรูกสำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยมในเดือนมิถุนายน 2000
ทุกวันนี้ บรูกทำงานแนะแนวแก่นักเรียนมัธยมและกลุ่มอื่น ๆ เธอตั้งใจจะศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น
“มหัศจรรย์มีจริง” บรูกกล่าว “เพราะเกิดขึ้นกับฉันมาแล้ว และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นกับพวกคุณ
แค่มองดูผู้คนรอบข้าง คุณก็จะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเสมอ”
****************************
จบบริบูรณ์