“คำพิพากษา”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มิ.ย. 04, 2021 11:21 am

คำพิพากษา: ประสบการณ์ของพระสงฆ์องค์หนึ่ง
(ถอดความจากเทปบันทึกเสียงการสัมภาษณ์ คุณพ่อ สตีเวน ไชเออร์ /Steven Scheier)
ทางสถานี EWTM สหรัฐอเมริกา

....................................

คุณพ่อสตีเวนไซเออร์ ได้รับศีลบรรพชาเป็นพระสงฆ์คาทอลิค ในปี 1973
คุณพ่อได้รับมอบหมายให้ดูแลวัดเล็กๆแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียง
ใต้ของรัฐแคนซัส ซึ่งมีชื่อว่า "วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์"
วันหนึ่งในปี 1985 คุณพ่อไซเออร์ ได้เดินทางไปเยี่ยมพระสงฆ์องค์หนึ่งที่เมืองวิชิต้า
ซึ่งอยู่ห่างออกไป 86 ไมล์ ขณะที่เดินทางกลับ ท่านขับรถอยู่บนถนนสาย 96 รถของท่าน
ได้ประสบอุบัติเหตุประสานงากับรถกระบะ ไม่มีใครเสียชีวิตแต่ตัวคุณพ่อเองบาดเจ็บสาหัส
ท่านถูกเหวี่ยงออกนอกรถสมองด้านขวาถูกเฉือนหลุดออก เซลล์สมองบางส่วนถูกทำลาย
กระดูกคอหัก ท่านจำได้ว่าท่านพยายามสวดบทวันทามารีอา ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลา
คุณพ่อ ไชเออร์ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพสาหัสปางตาย แพทย์คาดว่า
โอกาสรอดชีวิตมีเพียง 15 % ในคืนนั้นหลายเขตวัดที่ทราบเรื่องอุบัติเหตุ รวมทั้งวัดของท่าน
ในแคนซัส ได้เปิดประตูวัดตลอด 24 ชม. ให้สัตบุรุษเข้าไปภาวนาและสวดสายประคำ
รวมทั้งวัดนิกายเม โธดิสท์ วัดหนึ่งด้วยหลังจากออกจากโรงพยาบาลในเดือนธันวาคม
อาการของคุณพ่อดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่านใช้เวลาพักฟื้นที่บ้านของท่านจนถึงเดือนเมษายน
และกลับไปรับหน้าที่เดิมในเดือนพฤษภาคม
วันหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังถวายมิสซาในวัดของท่าน ท่านได้อ่านพระวรสารของนักบุญลูกา
เรื่องมะเดื่อที่ปลูกอยู่ในสวนองุ่น แต่ไม่มีผล เมื่อเจ้าของสวนองุ่นสั่งให้คนดูแลสวน โค่นต้นมะเดื่อนี้
คนดูแลได้ขอผลัดผ่อนโดยสัญญาจะพรวนดินใส่ปุ๋ย ถ้ามันยังไม่ได้ผลจึงค่อยโค่นทิ้ง
ขณะที่ท่านกำลังอ่านพระวรสารนี้ หน้าหนังสือได้เรืองแสงขึ้น ตัวหนังสือขายใหญ่
ท่านถวายมิสซาต่อจนจบแล้วจึงกลับไปที่บ้านพัก และในบ่ายวันเดียวกันท่านก็ถูกนำไปอยู่
เบื้องหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเยซูคริสตเจ้า
คุณพ่อไม่ทราบว่าประสบการณ์ของท่านดำเนินไปนานเท่าไร ท่านได้ยินแต่เพียงเสียง
ซึ่งกล่าวโทษความผิดที่ท่านได้กระทำมาตลอดทั้งชีวิต ซึ่งท่านได้แต่ยอมรับ ท่านเคยคิดว่า
วันใดที่ท่านต้องการถูกพิพากษาท่านจะสามารถหาเหตุผลมาหักล้างความผิดของท่านได้
ท่านอาจทูลพระเป็นเจ้าว่าท่านรู้สึกไม่ค่อยสบาย
ในวันนั้น หรือใครบางคนกำลังพยายามกดดันให้ท่านทำสิ่งนั้นๆแต่ความจริงหาได้เป็น
เช่นนั้นไม่ท่านกำลังเผชิญหน้ากับความจริง และเบื้องหน้าความจริงย่อมไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ
ท้ายที่สุดคำพูดที่ท่านได้ยินคือ " คำพิพากษาของเราคือ นรก " ท่านรู้ตัวดีว่า
นั้นคือสิ่งที่ท่านสมควรได้รับ
จากนั้น ท่านได้ยินเสียงของสตรีเอ่ยขึ้นว่า " ลูกแม่ ลูกจะไว้ชีวิตของเขา วิญญาณ
อันเป็นนิรันดรของเขาได้ไหม? "
พระเยซูเจ้าตรัสว่า : "พระมารดา เขาเป็นพระสงฆ์มา 12 ปี เพื่อตนเอง มิใช่เพื่อลูก
ให้เขาได้รับโทษที่เขาสมควรได้รับเถิด"
พระนางตรัสต่อไปว่า : "แต่ถ้าเราให้พระหรรษทานพิเศษ และพละกำลังแก่เขาแล้วคอยดูผล
ถ้าไม่เกิดผลก็ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์เถิด"
หลังจากทรงเงียบอยู่ช่วงเวลาสั้นๆ พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า "พระมารดาเขาเป็นของท่าน"
และคุณพ่อสตีเวน ไซเออร์ ก็ถวายตัวเป็นของแม่พระ นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ทั้งๆที่ท่านเอง
ก็ยอมรับว่าท่านไม่เคยมีความศรัทธาต่อแม่พระเป็นพิเศษมาก่อนเลย หลังอุบัติเหตุ คุณพ่อจึง
ได้สำนึกว่าโลกนี้ไม่ใช่บ้านของเรา สิ่งแรกที่เราควรทำคือ เอาวิญญาณของตนเองให้รอด
รวมทั้งช่วยเหลือวิญญาณอื่นๆให้รอดด้วยซึ่งก็เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์อยู่แล้ว สิ่งเดียวที่
สำคัญที่สุดคือพระเป็นเจ้าเพราะเมื่อเราตายลงเราต้องไปอยู่เบื้องหน้าพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น ...
อีกประการหนึ่งคือบทบาทของแม่พระเมื่อพระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขน พระองค์ทรงมอบ
ศิษย์ที่พระองค์รักให้แก่พระมารดา ซึ่งหมายความว่าทรงมอบพระศาสนจักรทั้งมวลให้พระนาง
ดูแลด้วย พระนางทรงรับหน้าที่นี้อย่างเต็มที่และจริงจัง...
ประสบการณ์ของคุณพ่อ คือ พระเมตตาของพระเป็นเจ้า และคุณพ่อได้รับพระเมตตานี้
ผ่านการแทรกแซงช่วยเหลือของพระแม่นั่นเอง
คุณพ่อ ไชเออร์ ได้เรียนรู้ความจริงข้อหนึ่งคือ " ทุกพระบุคคลแห่งพระตรีเอกภาพทั้ง
พระบิดา พระบุตร และพระจิต " จะไม่ทรงปฏิเสธพระนางในสิ่งใดเลย...
เมื่อถูกถามถึงความหมายของ " การเป็นพระสงฆ์เพื่อตนเอง" ของท่านท่านอธิบายว่าเป็น
ทัศนคติที่ท่านมีต่อศักดิ์ศรีของสังฆภาพ(Prestige of priesthood) และภาพพยายามทำตัว
ให้เทียมหน้าเทียมตากับเพื่อนพระสงฆ์ ท่านทำงานในแต่ละวันเพื่อให้คนทั่วไป
นิยมชมชอบเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อประชากรของพระเป็นเจ้า พระสงฆ์ที่ท่านรู้จักต่างก็ไม่พูดคุยหรือ
ปรึกษาถึงปัญหาฝ่ายวิญญาณ...
ท่านยกตัวอย่างว่า เมื่อพระสงฆ์ไปเยี่ยมเยียนกัน เขาจะชวนกันดื่มและคุยเรื่องกีฬาแต่
ในส่วนลึกของจิตใจท่านทราบว่าท่านไม่ได้ทำสิ่งอันสมควร ท่านเพียงแต่สวมบทพระสงฆ์เท่านั้น
ท่านไม่ได้ " เป็นพระสงฆ์ "
คุณพ่อ ไชเออร์ เล่าว่าแม้ว่าท่านไม่เคยมีปัญหาในการถวายบูชามิสซา หรือ ฟังมิสซา
แต่ท่านหลีกเลี่ยงกางเขนมาโดยตลอด ท่านไม่ยอมรับความทุกข์ ท่านเพิ่งจะสำนึกได้ว่าหากเรา
วิ่งหนีกางเขนเราจะพบได้ว่ามีกางเขนอันใหญ่กว่ารออยู่เบื้องหน้าเสมอ...
ชีวิตในสามเณราลัย ของท่านไม่ได้เตรียมรับชีวิตแห่งความทุกข์เหมือนกับพระสงฆ์
ในอดีตพระสงฆ์ควรยอมรับชีวิตที่เสียสละ ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ควรเป็นพระสงฆ์เสียเลย
สาเหตุหนึ่งที่ท่านได้รับคำพิพากษาหนักเช่นนั้นคือท่านได้ละเมิดพระบัญญัติด้วย
แม้ว่าท่านจะสารภาพบาปเป็นประจำแต่ก็ทำไปอย่างไม่ถูกต้อง
การสารภาพบาปที่ถูกต้องต้องประกอบด้วยการสำนึกผิดด้วยหัวใจ และความตั้งใจ
จะเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วย คุณพ่อเปรียบการสารภาพบาปของท่านว่าเหมือนกับการซื้อ
ประกันอัคคีภัยเท่านั้น...
คุณพ่อ ไชเออร์ ได้ให้คำแนะนำแก่เพื่อนพระสงฆ์ว่า การเป็นพระสงฆ์รับใช้พระเยซูคริสตเจ้านั้น
ต้องการสวดภาวนาเสมอ เมื่อใดที่การสวดภาวนาจบสิ้นลง สังฆภาพก็จบลงด้วย พระสงฆ์ควรกล้าพูด
ในสิ่งที่ควรพูด แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้ไม่เป็นที่นิยมของสัตบุรุษก็ตาม พระคริสตเจ้า ไม่เคยทรงสัญญาว่า
ผู้ที่ติดตามพระองค์จะเป็นที่นิยมของคนทั่วไป พระองค์ทรงสัญญาจะให้แต่กางเขน แต่กางเขนนั้น
จะเบาพอแบกได้ เพราะพระองค์ประทับอยู่กับเรา พร้อมกับพระมารดาของพระองค์
สิ่งสำคัญที่พระสงฆ์จะขาดเสียไม่ได้คือ การสวดภาวนา ศืลศักดิ์สิทธิ์ และแม่พระ สิ่งสำคัญ
อีกประการหนึ่งที่ท่านมองข้ามไป คือ เวลา ท่านเคยคิดว่าท่านยังมีเวลากลับใจ แต่พระเยซูเจ้า
ทรงบอกท่านว่า "สตีเวนเวลาหมดลงแล้ว" คุณพ่อ ไซเออร์ พูดถึงการสารภาพบาปว่าเป็นศีลแห่ง
การกลับคืนดี ที่พระศาสนาจักรเสนอให้แก่สัตบุรุษ ทุกคนต้องยืดถือพระบัญญัติ
และเมื่อใดที่ทำบาป ก็ต้องสารภาพบาป...
ครั้งหนึ่งที่ท่านฟังการสารภาพบาป ท่านรู้สึกเศร้าใจที่สุดในชีวิต เมื่อคนที่มาสารภาพบาป
เพื่อเตรียมรับเทศกาลพระคริสตสมภพ เขาบอกท่านว่าพวกเขาไม่มีบาป หลังจากไม่ได้สารภาพบาป
มานาน 8 ปีบ้าง 14 ปีบ้าง ....

คนทั่วไปหลงเชื่อนักจิตวิทยาที่พร่ำบอกว่าเราไม่ควรรู้สึกผิด เราพลาดเพราะพ่อแม่
หรือสภาพแวดล้อม ฯลฯ.. เมื่อเราไม่รู้สึกผิด เราก็ไม่คิดว่าเราได้ทำบาป
และย่อมไม่สารภาพบาป นั้นๆและ นั่นคือสาเหตุของความเสื่อมของพระศาสนาจักรในอเมริกา...

จบ: คำพิพากษา
ตอบกลับโพส