“ข้อคิดดีๆ”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ มิ.ย. 19, 2021 10:52 am

อ่านกี่รอบก็ชอบอยู่ดี..ข้อคิดดีมาก.. ════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

1. เมื่อวาน ไม่สามารถกลับไป แก้ไขอะไรได้ จึงมีวันพรุ่งนี้ ให้เราได้ทำสิ่งดีๆต่อไป
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

2. คนเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยให้คุณผ่านทุกปัญหาได้คือ "ตัวคุณ"
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

3. เรื่องวุ่นวายบนโลกมีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นคือ"ไปหลงรัก" และ"ไปหลงเกลียด"
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

4. ความสบายใจไม่ได้เกิดจาก ทำทุกสิ่งให้ได้ดังใจ แต่เกิดจากใจ
ที่ยอมรับว่า ไม่มีอะไร ที่จะได้ดังใจเราไปทั้งหมด
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

5. ต่างคนต่างความคิด ต่างจิตต่างใจอย่าดูถูกความคิดใคร ถ้าความคิดต่าง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

6. อ่านหนังสือออก สำคัญ อ่านเหตุการณ์ออก สำคัญกว่า
อ่านคนอื่นออก สำคัญยิ่ง อ่านตนเองออก สำคัญที่สุด
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

7. ถ้าคิดได้ ให้ช่วยคิด ถ้าคิดไม่ได้ ให้ช่วยทำ ถ้าทำไม่ได้ ให้ความร่วมมือ
ถ้าร่วมมือไม่ได้ ให้กำลังใจ แม้ให้กำลังใจไม่ได้ ให้สงบนิ่ง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

8. ละได้ ใจก็สะอาด วางได้ ใจก็โล่ง ปลงได้ ใจก็เย็น อภัยได้ ใจก็สงบ
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

9. เงาจันทร์ เกิดจากความนิ่งของน้ำ ฉันใด ปัญญา เกิดจากความนิ่งของใจ ฉันนั้น
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

10. ไม่ใช่ความทุกข์ ที่ทำให้เราคิดมาก แต่เป็นเพราะเราคิดมาก ทำให้เกิดความทุกข์
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

11. รู้จักให้ รู้จักรับ รู้จักปรับ รู้จักให้อภัย รู้จักแบ่ง รู้จักได้
รู้จักแข็ง รู้จักคลาย ชีวิตจะเบาสบาย และมีความสุข
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

12. หาที่สงบร้อยที่ ยังไม่ดีเท่าสงบที่ใจตน
รู้จักคนร้อยคน ไม่ดีเท่ารู้จักตน เพียงคนเดียว
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

13. เมื่อมี จงรู้จักให้ เมื่อได้ จงรู้จักพอ เมื่อขอ จงรู้คุณค่า คนเราเกิดมา
ถึงเวลา.........ก็ ต้องจากไป
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

14. สิ่งที่ย้อนไม่ได้ คือเวลา สิ่งที่หนีไม่ได้ คือความตาย สิ่งที่ชื้อไม่ได้
คือ สุขภาพ&ชีวิต สิ่งที่มองไม่เห็น คือใจคน สิ่งที่ต้องอดทน คือใจตัวเอง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

15. ไฟไม่ได้ร้อน ถ้าเราไม่เอาตัวเข้าไปใกล้ ทุกข์ใดๆก็ไม่ทำให้เราหนัก
ถ้าเราไม่เอาใจเข้าไปแบก
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

16. กำลังใจอาจหาได้ จากคนรอบข้าง แต่ความเข้มแข็ง เราต้องสร้างมันขึ้นเอง
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

17. บางครั้งกำลังใจ นอกจากจะมีไว้ให้ใครๆ ก็ต้องเก็บไว้ให้ตัวเองด้วย
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

18. เมื่อตัดสินใจ ที่จะเดินไปข้างหน้า ก็อย่าหวั่นไหวกับปัญหา ที่จะต้องพบเจอ
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

19. คนมีปัญญา มักมองเห็นโอกาส ในทุกๆปัญหา คนขาดปัญญา
มักมองเห็นปัญหา ในทุกๆโอกาส
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

20. ทุกครั้งที่เรา ไม่เข้าใจกัน ไม่ผิดที่จะโกรธ แต่ผิดที่เราไม่ขอโทษกัน
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

21. จงเป็นคนดี คนเก่งและมีความสุข แค่นี้ก็เป็นคนโดยสมบูรณ์แล้ว
════ღஐƸ̵̡Ӝ̵̨̄Ʒஐღ═════

แชร์ไปให้คนที่ท่านรักโบราณกล่าวว่าได้บุญยิ่งนัก!

:s007: :s007:
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อังคาร พ.ย. 30, 2021 8:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ มิ.ย. 21, 2021 1:12 pm

“ประโยคดีๆไว้เตือนใจในการดำเนินชีวิต”

1. คนที่ถูกโกรธมักไม่มีความทุกข์ แต่คนที่โกรธมักทุรนทุราย
จงอย่าพยายามหาเรื่องไปโกรธคนอื่นเลย หาทุกข์ใส่ใจเราเองโดยใช่เหตุ
.
2. อย่าไปทะเลาะกับคนโง่เขลาเบาปัญญา มิเช่นนั้นอาจไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่โง่
.
3. ประวัติการศึกษาเป็นเหรียญทองแดง ความสามารถคือเหรียญเงิน
มนุษย์สัมพันธ์คือเหรียญทอง ความมีสติคือเจ้าแห่งเหรียญ
.
4. คนประสบความสำเร็จไม่ได้ชนะกันที่จุดเริ่มต้นแต่วัดที่การแก้ปัญหาเวลา
เจอจุดพลิกผันหรือวิกฤต
.
5. อย่าเพียรแค่บำรุงใบหน้า ต้องรู้จักบำรุงสมองบ้าง
หน้าตาดูดีแต่สมองไม่พัฒนา คุณเป็นได้แค่ตัวตลก
.
6. เกิดเป็นคนหน้าตาดี แล้วยังอ่อนน้อมถ่อมตน นั่นคือบุคลิกที่ดีเยี่ยม
เกิดเป็นคนมีเงินมีความสามารถแต่ไม่โอ้ไม่อวด นั่นคือคนเหนือคน
เกิดเป็นคนไม่หล่อไม่สวย แต่เปี่ยมความดีจากด้านใน นั่นคือเสน่ห์ที่เป็นอมตะ
.
7. การแสดงอารมณ์โกรธออกมา เป็นเรื่องปกติแต่หากสามารถระงับอารมณ์โกรธ
นั่นคือความสามารถ
.
8. ระวังปากระวังคำ อย่าพูดเอาแค่สะใจ พูดแบบไร้สติ
คำพูดดีจะทำให้รู้สึกอบอุ่นแม้ในฤดูหนาว
คำพูดที่ทำร้ายคนอื่นจะทำให้คนหนาวเหน็บแม้ในฤดูร้อน
ก่อนพูดควรตรึกตรองด้วยสมอง เรื่องละเอียดอ่อนยิ่งต้องระวังคำพูด
พูดมากไร้ประโยชน์ ไม่ทำร้ายคนอื่นด้วยคำพูด จะสามารถเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร
.
9. เสียใจย่อมจะเกิดขึ้นได้ แต่อย่าไปเสียใจกับเรื่องเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องเสียเวลา
.
10. หากศัตรูยังสามารถทำให้คุณโกรธ แสดงว่าคุณยังไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะ
เขาได้ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปสนใจว่าใครกำลังก่นด่าคุณแบบไร้เหตุผล ไม่ต้อง
ไปสนใจคำด่าที่ไร้สาระพวกนั้น เพราะถ้ามีหมาบ้ามากัดคุณ คุณคงไม่คิดไปกัดมันตอบ
.
11. ร่ม ถ้าไม่สามารถกันแดดกันฝนให้เขา ใครเขาจะชูไว้เหนือหัวคน
ถ้าไม่สามารถเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรปกป้องเขา ใครเขาจะทูนเราไว้เหนือหัว
.
12. ทุกๆวันอาจไม่ใช่วันดีๆ แต่มักมีสิ่งดีๆในทุกๆวัน จงอยู่กับมันอย่างเป็นสุข

“ขจรศักดิ์” แปลและเรียบเรียง

:s007: :s007:
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อังคาร พ.ย. 30, 2021 9:00 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ มิ.ย. 25, 2021 10:28 pm

ภาพตราตรึงใจ ณ.ลานประหาร

ที่ประเทศอิหร่าน

"ชายหนุ่ม" อายุ 24 ปีกำลังจะถูกแขวนคอ เพราะว่าเขามีส่วนทำให้มีผู้เสียชีวิต
วัยเดียวกับเขา เมื่อตอนอายุ 17 ปี

7 ปีผ่านไป เขาได้รับโทษแขวนคอ โดยให้ญาติของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเป็นฝ่ายกระทำคืน
โดยให้เตะเก้าอี้ใต้เท้าที่เขายืนออก

แม่ของผู้ตายตบหน้าฆาตกรอย่างแรงก่อนการแขวนคอ เพราะการที่ลูกของเธอ
โดนไอ้ชั่วนี่ฆ่า ทำให้เธอโกรธแค้นมากและเสียใจมาก

ส่วนแม่ของคนที่จะถูกแขวนคอ เมื่อเห็นลูกตัวเองกำลังจะตายไปต่อหน้า
ก็หมดเรี่ยวแรงทรุดลงไปกับพื้น

และแล้ววินาทีตราตรึงใจก็ปรากฏ สิ่งที่ไม่ได้คาดคิดคือ...

แม่ของผู้ตายไม่ได้เตะเก้าอี้ แต่เธอกลับเอื้อมมือไปคลายปลดเชือกประหารที่
คอของฆาตกร แม่ของฆาตกรเข้าไปก้มลงจูบแทบเท้าแม่ของผู้ตาย

ทั้งสองแม่ต่างหลั่งน้ำตา แม่ที่ลูกของเธอถูกปลิดชีพบอกว่า

"เพราะว่าฉันทนทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกรัก ฉันไม่ต้องการ
ให้แม่อีกคนทนทุกข์ทรมานเหมือนกับฉัน"

"นี่แหละความยิ่งใหญ่ของพลังแห่งการให้อภัย ความเมตตา
ความกล้าหาญของมนุษชาติ !

ความกล้าหาญที่เธอยกโทษให้ฆาตกรยิ่งใหญ่กว่าความกล้าหาญที่จะฆ่าเขาอีก

หวังว่าหลายๆ คนที่อ่าน คงได้เรียนรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของคำว่า "แม่"

" เรื่องการให้อภัย" ผู้อื่นนับเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวคนเรามากที่สุด เพราะในทุกๆ
ความสัมพันธ์ไม่ว่าจะในครอบครัว ในหมู่เพื่อน หรือแม้แต่กับคนที่เราไม่รู้จัก
ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นจนต้องมีการให้อภัยกัน

นักจิตวิทยาท่านนึงกล่าวอย่างน่าสนใจอย่างนี้ว่า สาเหตุที่ทำให้คนมีความสุขคือ
ความเป็นเพื่อนและการให้อภัย ไม่ใช่ความร่ำรวย คนที่มีความสุขที่สุดจะห้อมล้อม
ตนเองด้วยครอบครัวและเพื่อนฝูง ไม่สนใจที่จะแข่งรวยกับคนข้างบ้าน แต่จะสนุกกับ
กิจกรรมประจำวันอย่างเต็มที่ และที่สำคัญที่สุดคือ เขาเป็นคนที่ให้อภัยคนอื่นได้ง่าย

ความสามารถในการยกโทษให้ผู้อื่นนั้น เป็นคุณสมบัติที่สัมพันธ์กับความสุขมากที่สุด
ซึ่งเราเรียกว่าราชินีแห่งคุณงามความดีทั้งมวล และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากที่สุดด้วย

เราอาจยังถูกผูกติดอยู่กับความโกรธและความขมขื่น และรู้สึกว่าคนที่ทำผิดต่อเรานั้น
สมควรได้รับกรรมที่ก่อไว้ แต่เมื่อเราตระหนักว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษเรามากมาย
เพียงใด เราควรที่จะเมตตาผู้อื่นด้วย พระคัมภีร์หนุนใจให้เรา “สวมใจเมตตา ใจปรานี
ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน...องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด
ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน ”เราได้รับการอภัยมาเปล่าๆ เราจึงควรอภัยให้ผู้อื่นเปล่าๆ
ด้วยเช่นกัน"

สรุปที่แปลโดย : William Exotique

Credit : 佟毓耀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ค. 14, 2021 10:03 pm

ช่วงที่ชีวิต..“ตกต่ำถึงขีดสุด”..
คุณ..จะได้พบกับคน 4 คน

1. คนที่..ช่วยคุณโดย “ ไม่คิด ”
2. คนที่..“ ไม่คิด ” จะช่วยคุณ
3. คนที่..อยู่ “ เคียงข้าง ” คุณ
4. และคนที่..“ จาก ” คุณไป

หาก...ไม่มัวมานั่งโทษตัวเอง
และ...โทษแต่คนอื่น
แต่จง..พิจารณาให้เห็นว่า...
“ ทุกๆ อย่าง ในชีวิตย่อมไม่เที่ยง
ไม่มีอะไรแน่นอน
ทุกๆ อย่าง..ย่อมแปรเปลี่ยน ”

และ “ เรื่องแย่ๆ ในชีวิต ”
จะสอนให้เราได้คิดว่า ...

ใครที่ทำให้เรา..“ เสียใจร้องไห้ ”
ใครกัน..ที่ “ รักและจริงใจกับเรา ”
ใครกัน..ที่ “ พร้อมจะปล่อยมือและทิ้งเราไปทันที ”
ใครกัน..ที่ “ พร้อมจะเคียงข้างเราในวันไม่เหลือใคร ”
ใครกัน..ที่ “ พร้อมจะออกห่าง ”

ยามที่เราอยากได้ “ ความช่วยเหลือ ”

ใครกัน..“ พร้อมจะเข้าใจเราและยืนเคียงข้างเรา ”
ใครกัน..ที่ “ อคติแรงจนไม่ฟังเสียงใคร ”
ใคร..“ เป็นกลาง ใครหูเบา ใครพร้อมเผชิญหน้า ”
ใคร..“ พร้อมจะทำร้ายเราลับหลัง..ไม่เจ็บไม่ทุกข์ ”

เรา..จะมองคนทั้ง 4 แบบนี้ ไม่ออกหรอก
ยาม “ มีสุข ” เราแยกแยะคนไม่เป็น
เพราะ...“ ทุก คน ดี หมด ”...

พอ...ลองทุกข์หนักดู
เรา...จะได้เห็น “ น้ำใจ ”
ของคนที่..จะ “ ตัดสินใจ ” แทนเราว่า

คนไหน..“ ควรคบ ”
คนไหน..“ ควรถอยห่าง ”
คนไหน..“ ควรตัดทิ้ง ”
และคนไหน..“ ควรทดแทนบุญคุณ ”
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ค. 14, 2021 10:05 pm

"คุณพ่อของหมอเป็นคนดุมาก.. ท่านจะสอนให้ลูกมีศีลห้า"

ฟังดูก็คงไม่แปลกหรอก ถ้าพ่อแม่จะสอนให้ลูกมีศีลห้า

เเต่หมอบอกว่า"พ่อไม่ได้สอนให้มีศีลห้าเหมือนพ่อเเม่คนอื่น

พ่อบอกว่าถ้าเราเดินไปเจอเเก้วเเตก เเล้วเราไม่เก็บ เราเดินผ่านไปเฉย ๆ

มีคนเดินตามมาหรือผ่านมา เเล้วเขาเหยียบแก้วใบนั้น เเล้วเขาได้บาดเจ็บ
เรานั้นแหละ.. บาป"

"..ทีเเรกหมอก็เถียงพ่อ หนูไม่ได้เป็นคนทำ หนูจะบาปได้ไง"
เราเดินไปเจอ..ถ้าเราเก็บ จะไม่มีคนเดินมาโดน

เเต่เพราะเราเจอ..เเล้วเราไม่เก็บ คนที่เดินตามมาเเล้วเหยียบ เรานั้นแหละ
คือคนทำ เรามีโอกาสเก็บได้เเล้ว..เเต่เราไม่เก็บ

เราเดินไปเจอท่อระบายน้ำเปิดเราเกือบตก..เราก็เลยเดินอ้อมไป
มีคนเดินมาตกท่อขาแข้งหัหรือเด็กตกลงไปตาย เรานั้นแหละ.. บาป

หนู!ไม่ได้เป็นกทม.นะ ไม่ได้มีหน้าที่ เกี่ยวกับท่อระบายน้ำอะไรนี้เลย
เเล้วจะบาปอะไรเเล้วหนูก็ไม่ได้เป็นคนทำด้วย

ถ้าเราหยุดหากิ่งไม้เเถวนั้นมาปัก .. หาถุงพลาสติกมาผูก
มีคนเดินผ่านมาเห็น เขาจะเดินหลบ เขาจะไม่ตก

เราทำได้.. เเต่เราไม่ทำ เพราะการที่เราไม่ทำทั้ง ๆ ที่เราทำได้นั้นแหละ
เรานั้นแหละคือคนผิด !!

ออกจากห้องคนสุดท้าย เเล้วไม่ปิดไฟ
เรานั้นแหละเป็นคนผิด !!

เราไม่ใช่คนเปิด เเล้วจะให้ใครปิด?

วันนี้ สังคมคิดเเบบนี้กันหมด !!

ทุกคนเอาตัวรอด ทุกคนเห็นเเก่ตัว ทุกคนไม่เคยคิดถึงคนอื่นเลย
ความเป็นมนุษย์ไม่ใช่เเบบนี้ !!

มดฝูงหนึ่ง ออกจากรังของตัวเองในตอนเช้า ได้เศษขนมปัง เศษอาหาร
พากันเดินเป็นเเถวเเล้วก็ขนไปที่รัง มันไม่เคยเเวะถามรังข้าง ๆ
หรือรังระหว่างทางเลยว่า..มีรังไหนต้องการอาหารบ้างไหม
มดมันจะขนกลับไปกินของมัน ไม่เคยแบ่งปันให้ใครทั้งสิ้น
นั่น.. สัญชาติเดรัจฉาน

แต่.. มนุษย์ไม่ใช่

มนุษย์ต้องมีจิตใจที่เเบ่งปัน ไม่งั้น.. จะไม่มีรายชื่อของเจ้าภาพที่เกิดขึ้น
ไม่งั้นรอบตึกนี้...จะไม่มีป้ายเต็มไปหมดเลย มีคนบริจาคเข้ามาร่วมกันทำ ..
นี้คือมนุษย์ซึ่งต่างจากเดรัจฉาน !!
เเต่วันนี้มนุษย์จำนวนมาก เริ่มเข้าไปใกล้ความเป็นเดรัจฉานมากขึ้นเรื่อย ๆ
เห็นเเก่ตัว เอาเเต่ได้ คิดถึงเเต่เรื่องตัวเอง

เราออกจากบ้านไปเพื่อไปโกยๆๆๆ หามาเเล้วก็เก็บมากินในรังของพวกเรา
มีเเต่เรากิน มีเเต่ครอบครัวเรากิน เคยแบ่งปันให้ใครบ้างหรือเปล่า
เคยคิดถึงคนอื่นบ้างไหม

สมมุตินะ
ถ้าเจอเเก้วเเตกเเล้วไม่เก็บเดินผ่านไป ไม่ทันรู้เลยว่าคุณเเม่เดินตามมา
เเล้วเหยียบเข้าไปเต็มเท้าเลย เอ็นฉีก .. ล้มทั้งยืนเลย หามส่งโรงพยาบาล
หลังจากนั้น..นั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต ลูกคนที่เดินผ่านเเก้วใบนั้นไป..เเล้วไม่เก็บ
ดูสิว่าในใจจะคิดอะไรทีนี้
ตายเเล้ว! ถ้าฉันหยุดเเค่นาทีเดียว หรือครึ่งนาที ..เเล้วหยิบเเก้วใบนั้นใส่ถังขยะ
เเม่ก็ไม่โดนเเล้วละเนี่ย เเม่ไม่ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต

เพราะสิ่งที่เราทำหรือสิ่งที่เราไม่ทำ ทำไมพอมาเป็นเเม่ตัวเอง เเล้วมานั่งเสียใจ
แล้วถ้าเป็นเเม่คนอื่น เขาเหยียบไม่เป็นไรใช่ไหม
ถ้าลูกคนอื่นมาเหยียบไม่เป็นไร อย่าเป็นเเม่กู ลูกกู ก็เเล้วกัน

วันนี้.. สังคมเป็นอย่างนี้กันหมดเลย

งั้นวันนี้..เเค่หยุดไม่ถึงครึ่งนาที จะมีคนอีกมากมายที่ปลอดภัย
เเล้วทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต มันจะมีสิ่งให้เราช่วยเหลืออยู่เรื่อย ๆ

"หยุดที่จะช่วยเหลือคนอื่นบ้าง"

อย่าเดินไปให้ถึงเป้าหมาย เพื่อเป้าหมายของเราเอง

ในระหว่างทาง..ยังมีผู้ต้องการ ความช่วยเหลือเยอะแยะมากมาย
ไม่ว่าจะใครก็ตาม ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์
ทำอะไรได้ทำ ช่วยใครได้ ",.ช่วยในระหว่างทาง !!"

ขอบคุณบทความดีดีของคุณหมอ

:s005: :s005:
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อังคาร พ.ย. 30, 2021 8:45 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร พ.ย. 30, 2021 8:25 pm

"5 ไม่บ่น" ของลูกหลาน
"7 ไม่ติ" ของพ่อแม่

เกิดเป็นลูกหลาน ควรทำให้ได้กับ "5 ไม่บ่น"
คนเป็นพ่อเป็นแม่ ก็ควรจะทำให้ได้กับ "7 ไม่ติ"
ลองพยายามทำให้ได้ มีแต่ผลดีแน่นอน

"5 ไม่บ่น" ของลูกหลานที่รักพ่อแม่

1/ ไม่บ่นว่าพ่อแม่ไร้ความสามารถ

ไม่ควรบ่นว่า "พ่อควรจะสร้างฐานะได้ดีกว่านี้ แม่ควรจะเก่งกว่านี้"
พ่อแม่สู้เพื่อครอบครัวมาทั้งชีวิต ย่อมอยากที่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อลูก แต่ทุกอย่างมัน
อาจไม่ได้ดั่งใจ จึงควรบอกพ่อแม่ว่า "ลูกภูมิใจกับทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้ลูก"

2/ ไม่บ่นว่าพ่อแม่จู้จี้จุกจิก

มีแต่คนที่รักเราจริง ถึงมาจู้จี้กับเรา พ่อแม่คงไม่ไปจู้จี้กับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน

3/ ไม่บ่นว่าพ่อแม่เป็นคนขี้บ่น

เสียงบ่นของพ่อแม่ ก็เพราะยังไม่พอใจในสภาพปัจจุบันของเรา
แต่ถ้าเราสามารถทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ท่านก็ยังคงหวังให้เราพัฒนาให้ได้ดีกว่านั้นอีก
เสียงบ่นจึงอาจถือเป็นเสียงสวรรค์

4/ ไม่บ่นว่าพ่อแม่เชื่องช้า

อายุเยอะขึ้น การเคลื่อนไหวย่อมไม่คล่องแคล่ว จงอย่าบ่นเรื่องความเชื่องช้า
ของ พ่อแม่เด็ดขาด เพราะเราคงนึกไม่ออกว่า ตอนเรายังเป็นเด็กเล็กตัวน้อย
ท่านมีความอดทนแค่ไหนในการฝึกให้เราหัดเดินให้เป็น

5/ ไม่บ่นว่าพ่อแม่ขี้โรค

ตอนพ่อแม่ป่วยหรือเข้าสู่วัยชราภาพ จงมีความอดทนและใส่ใจกับท่าน
ที่กล่าวกันว่า "ป่วยนานไร้ลูกกตัญญู" มันคงไม่ได้เป็นเช่นนั้นทุกราย
ในสังคมมีคนทิ้งพ่อทิ้งแม่มากมายก่ายกอง แล้วเราจำเป็นต้องไปเหมือน
พวกเขาเหรอ

ชีวิตของพ่อแม่ไม่ควรจะมีไว้ให้เราบ่น
พอเราเติบโตขึ้น พ่อแม่ก็แก่เฒ่าลง จนกระทั่งจากเราไป....
ไม่มีพ่อแม่ ก็ไม่มีเรา
มัวแต่บ่นว่าพ่อแม่ สู้พยายามเข้าใจพ่อแม่จะดีกว่า
ถ้าเราไร้ความอดทน แม้กระทั่งกับพ่อแม่เราเอง
แล้วเราจะอดทนต่อสังคมรอบตัวเราได้ไง
ความกตัญญูรู้คุณเป็นมงคลชีวิตอันสูงสุดของคนเป็นลูก
หยุดบ่นพ่อแม่เถอะ

########

"7 ไม่ติ" กับลูกหลานของเรา

1/ ไม่ติเตียนลูกหลานต่อหน้าคนอื่น

ต่อหน้าธารกำนัล ไม่ควรติเตียนลูกหลาน เพราะนั่นจะเป็นการทำลายศักดิ์ศรี
ของลูกหลานเราเอง การทำให้ลูกหลานเสียหน้าในหมู่คนด้วยน้ำมือของคน
เป็นพ่อแม่ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุด

2/ ไม่ติเตียนเมื่อลูกหลานรู้สำนึกแล้ว

หากลูกหลานรู้สำนึกแล้วกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ไม่ควรจะติเตียนพวกเขาอีก
อภัยให้ได้ก็จงอภัยกันไป ถ้าเรายังตำหนิติเตียนไม่จบไม่สิ้นสักที
ผลลัพธ์อาจกลายเป็นร้ายแทนที่จะดี

3/ ไม่ติเตียนลูกหลานตอนกลางคืน

ก่อนนอนไม่ควรติเตียนลูกหลาน มันจะทำให้อารมณ์เขาเศร้าสร้อยหรือฉุนเฉียว
พาลทำให้หัวถึงหมอนก็หลับไม่ลง หรืออาจฝันร้ายนอนกระสับกระส่ายไปทั้งคืน
กลายเป็นความกดดันโดยใช่เหตุ และจะทำให้รุ่งขึ้นกลายเป็นวันที่ไม่สดใส

4/ ไม่ติเตียนลูกหลานตอนทานข้าว

มันจะทำให้ทานข้าวไม่อร่อย หรือกลืนลำบาก อารมณ์คงไม่เปรมปรีดิ์
แพทย์แนะนำไว้ว่า การย่อยของอาหารกับอารมณ์มีส่วนเกี่ยวข้องกันโดยตรง

5/ ไม่ติเตียนลูกหลานตอนพวกเขากำลังดีใจ

ตอนพวกเขากำลังอยู่ในอารมณ์ดีใจ ไม่ควรติเตียนพวกเขาในเวลานั้น
ช่วงอารมณ์ที่ดีสุดๆ แล้วต้องหยุดชะงักกระทันหันด้วยเสียงติเตียน
ไม่ดีต่อสภาวะจิตใจของลูกหลานแน่นอน

6/ ไม่ติเตียนลูกหลานตอนพวกเขากำลังโศกเศร้า

ยิ่งตอนกำลังร้องไห้ อย่าเพิ่งติเตียนซ้ำเติมเขาในช่วงนั้น
การร้องไห้นั้นคือการปลดปล่อยความทุกข์ออกจากตัว จงปล่อยให้พวกเขา
ร้องให้พอใจ อย่าไปซ้ำเติมเด็ดขาดในเวลานั้น โหดเกิน

7/ ไม่ติเตียนลูกหลานตอนเจ็บป่วย

ตอนป่วยเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอที่สุด อย่าซ้ำเติมให้ย่ำแย่ด้วยคำติเตียน
พวกเขากำลังต้องการความรักและความอบอุ่นจากพ่อแม่ มีผลดียิ่งกว่ายา
ขนานไหนๆทั้งนั้น

หวังว่าคนเป็นพ่อ แม่ ลูก หลาน จะมีโอกาสได้อ่านบทความบทนี้บ้าง
ลองพยายามปรับตัวปรับใจทำให้ได้ เชื่อว่ามีแต่ผลดีแน่นอน

www.facebook.com/Flintlibrary
"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง
Credit: 正能量家族
Photo:nielsbarto
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ธ.ค. 01, 2021 11:21 pm

ยาวิเศษเพิ่มความน่ารัก,น่านับถือ,น่าคบ

เม็ดที่ 1. รู้จักพูด รู้จักฟัง ยั้งใจคิด

เม็ดที่ 2. รู้ชีวิต รู้จังหวะ กะการได้

เม็ดที่ 3. ไม่ยุ่งเรื่อง ชาวบ้าน งานทำไป

เม็ดที่ 4. ช่วยเหลือไป เท่าที่ มีกำลัง

เม็ดที่ 5. ไม่มัวมอง พยาบาท อาฆาตแค้น

เม็ดที่ 6. ไม่คลอนแคลน หนักแน่นไว้ ด้วยใจหวัง

เม็ดที่ 7. ไม่ลุ่มหลง ถ่อมตัวไว้ ใจ..มีพลัง

เม็ดที่ 8. ไม่พลาดพลั้ง ไม่ใจร้าย ไม่พะวง

เม็ดที่ 9. ไม่คดโกง แม้ลับหลัง ตั้งใจจริง

เม็ดที่ 10. อยู่นิ่ง ๆ สติมั่น ไม่หวั่นเกรง...

Cr.กบกานดา
Photo:dreamjourneyz
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ธ.ค. 03, 2021 9:11 pm

เป็นบทเล่าที่ทรงคุณค่าบทหนึ่ง แนะนำให้โปรดอ่านดู

犯 錯
ทำผิดพลาด

作者:尤金
ผู้เขียน: อิ๋วจิน

在上海的一家餐館裡,負責為我們上菜的那位女侍
,年輕得像是樹上的一片嫩葉。
ณ ห้องอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ สาวเสิร์ฟที่รับผิดชอบเสิร์ฟอาหารให้กับ
พวกเรา ยังอ่อนเยาว์ดุจดังใบไม้อ่อนของต้นไม้

她捧上蒸魚時,盤子傾斜。
เมื่อเธอยกถาดปลานึ่งมานั้น จานลาดเอียง

腥羶的魚汁魯魯莽莽地直淋而下,潑灑在我擱於椅子的皮包上。
น้ำคาวของปลาก็ไหลหยดลง บนกระเป๋าหนังที่อยู่บนเก้าอี้

我本能地跳了起來,陰霾的臉,變成欲雨的天。
ข้าพเจ้าโดดขึ้นมาตามสัญชาติญาณ หน้าดำคล้ำดุจดังท้องฟ้าใกล้ฝนตก

可是,我還沒有發作,我親愛的女兒便以旋風般的速度站了起來,
แต่ทว่าข้าพเจ้ายังไม่ทันได้บันดาลโทสะ บุตรสาวของข้าพเจ้า ได้ลุกขึ้นรวดเร็วปานพายุ

快步走到女侍身旁,露出了極為溫柔的笑臉,
เดินตรงไปข้างตัวสาวเสิร์ฟ ทั้งยังส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นยิ่ง

拍了拍她的肩膀,說:「不礙事,沒關係。」
พร้อมทั้งตบบ่าเธอเบาๆ พูดว่า 「ไม่มีปัญหาไม่เป็นไร]

女侍如受驚的小犬,手足無措地看著我的皮包,
囁嚅地說:「我,我去拿布來抹……」
สาวเสิร์ฟเหมือนลูกสุนัขที่ตกใจกลัว มือเท้าทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนมองกระเป๋า
ของข้าพเจ้า พูดละล่ำละลักว่า หนู หนู จะเอาผ้ามาเช็ดให้

萬萬想不到,女兒居然說道:「沒事,回家洗洗就乾淨了。
แต่คาดไม่ถึงว่า บุตรสาวของข้าพเจ้าได้พูดขึ้นว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับบ้านล้างๆ
ก็สะอาดแล้ว

你去做事吧,真的,沒關係的,不必放在心上。」
เธอไปทำงานของเธอเถอะ ไม่เป็นไรจริงๆ อย่าเอามากังวลใจ

女兒的口氣是那麼的柔和,倒好似做錯事的人是她。
น้ำเสียงของบุตรสาวที่พูดนั้นอ่อนโยนมาก คล้ายดังผู้ทำผิดเป็นตัวเธอเสียเอง

我瞪著女兒,覺得自己像一隻氣球,氣裝得過滿,
要爆炸卻又爆不了,不免辛苦。
ข้าพเจ้าเพ่งมองดูบุตรสาว รู้สึกว่าตนเองคล้ายดังลูกโป่งลูกหนึ่ง บรรจุแก๊สจน
มากเกิน อยากจะระเบิดก็ระเบิดไม่ออก รู้สึกเป็นทุกข์มาก

女兒平靜地看著我,在餐館明亮的燈火下,
บุตรสาวมองข้าพเจ้าอย่างสงบ ภายใต้แสงสว่างในห้องอาหาร

我清清楚楚地看到,她大大的眸子里,竟然鍍著一層薄薄的淚光。
ข้าพเจ้าได้มองเห็นอย่างชัดเจน ถึงภายในดวงตากลมโตของเธอ ได้เคลือบ
เอาหยาดน้ำตาบางๆ ไว้ชั้นหนึ่ง

當天晚上,返回旅館之後,母女倆齊齊躺在床上,她這才亮出了葫蘆里所賣的藥:
ในคืนนั้นหลังจากได้กลับถึงโรงแรม เราสองแม่ลูกนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน
เธอจึงได้พูดถึงสิ่งที่เธอได้ทำลงไป

女兒倫敦求學三年,為了訓練她的獨立性,
บุตรสาวได้ไปเรียนที่ลอนดอน 3 ปี เพื่อให้เธอฝึกฝนการใช้ชีวิตอย่างอิสระ

我和先生在大學的假期里不讓她回家,我們要她自行策劃背包旅行,
也希望她在英國試試兼職打工的滋味兒。
ข้าพเจ้าและสามีจึงให้เธอไม่ต้องกลับบ้านตอนปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัย
พวกเราต้องการให้เธอรู้จักการวางแผนแบกเป้ท่องเที่ยวด้วยตนเอง และยังหวัง
ให้เธอรู้ถึงรสชาติของการเรียนพร้อมกับการทำงานในอังกฤษด้วย

活潑外向的女兒,在家裡十指不沾陽春水,
บุตรสาวที่อุปนิสัยร่าเริงและกระตือรือร้นต่อสิ่งภายนอก ขณะอยู่บ้านไม่เคย
ต้องซักผ้าถูบ้าน

粗工細活都輪不到她,
และไม่เคยต้องข้องแวะกับงานหนักงานเบาใดๆ

然而來到人生地不熟的英國 卻選擇當女侍來體驗生活。
ครั้นเมื่อมาอยู่ประเทศอังกฤษอันเป็นเมืองที่ไม่คุ้นเคย กลับเลือกมาเป็น
สาวเสิร์ฟเพื่อเรียนรู้การดำรงชีวิต

第一天上工,便闖禍了。
เพียงวันแรกที่เข้าทำงาน ก็ก่อเรื่องขึ้น

她被分配到廚房去清洗酒杯,
เธอถูกจัดสรรให้ทำหน้าที่ล้างแก้วเหล้าในห้องครัว

那些透亮細緻的高腳玻璃杯,一隻只薄如蟬翼,
แก้วเหล้าทรงสูงที่ประณีตและใสแจ๋วเหล่านั้น แต่ละใบบางดุจปีกจักจั่น

只要力道稍稍重一點,便會分崩離析,化成一堆晶亮的碎片。
เพียงแต่จับแรงไปนิดหน่อย ก็ทำให้แตกได้ กลายเป็นเศษแผ่นแก้วทันที

女兒戰戰兢兢,如履薄冰,บุตรสาวทำงานด้วยความหวาดหวั่น
เหมือนยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ

好不容易將那一大堆好似一輩子也洗不完的酒杯洗乾淨了,
กว่าจะล้างแก้วเหล้ากองโตซึ่งดูเหมือนล้างชั่วชีวิตก็ล้างไม่หมดนั้น
ก็ได้ล้างสะอาดจนหมดสิ้น

正松了一口氣時,沒有想到身子一歪,一個踉蹌,
ขณะที่กำลังถอนใจอย่างโล่งอกนั้น คาดไม่ถึงว่าขณะที่เอียงตัวนั้น ได้เซไป

撞倒了杯子,杯子應聲倒地,
ชนแก้วเหล้าจนล้มลง แก้วเหล้วทั้งหมดล้มลงกับพื้นเสียงดัง

「哐啷、哐啷」連續不斷的一串串清脆響聲過後,
酒杯全化成了地上閃閃爍爍的玻璃碎片。
โครงเครง โครงเครง หลังจากเสียงดังกังวาลต่อเนื่องอันสดใสผ่านไปแล้ว
แก้วเหล้าทั้งหมดได้แปรสภาพเป็นเศษกระจกระยิบระยับบนพื้น

「媽媽,那一刻,我真有墮入地獄的感覺。」
「คุณแม่ ชั่วขณะนั้นหนูรู้สึกเหมือนตกลงสู่นรก」

女兒的聲音還殘存著些許驚悸。
เสียงเล่าของบุตรสาวยังเหลือไว้ซึ่งความหวาดหวั่นตกใจอยู่

「可是,您知道領班有什麼反應嗎?她不慌不忙地走了過來,
摟住了我。說:親愛的,你沒事吧?
「แต่ว่า ท่านรู้หรือไม่ว่า หัวหน้างานมีปฏิกิริยาเช่นใด
เธอเดินเข้ามาหาอย่างไม่รีบร้อน กอดหนูเอาไว้ พูดว่า ที่รัก เธอไม่เป็นไรนะ?

接著,又轉過頭去吩咐其他員工:趕快把碎片打掃乾淨吧!
จากนั้น ก็หันไปสั่งคนงานอื่นๆ ให้รีบเก็บกวาดเศษกระจกจนหมดสิ้น

對我,她連一字半句責備的話都沒有
กับหนูแล้ว เธอไม่ได้ต่อว่าต่อขานแม้แต่คำเดียว

又有一次,女兒在倒酒時,
และอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่หนูรินเหล้า

不小心把鮮紅如血的葡萄酒倒在顧客乳白色的衣裙上,
ไม่ระวัง เหล้าองุ่นซึ่งแดงดังสีเลือด ได้หกลงไปบนกระโปรงชุดสีขาวของลูกค้า

好似刻意為她在衣裙上栽種了一季殘缺的九重葛。
คล้ายดั่งจงใจปลูกดอกเฟื่องฟ้าบนกระโปรงของเธอ

原以為顧客會大發雷霆,沒想到她反而倒過來安慰女兒,
ทีแรกคิดว่าลูกค้าคงจะโกรธจัด ไม่คาดคิด เธอกลับมาปลอบใจหนู

說:「沒關係,酒漬嘛,不難洗。」
พูดว่า 「ไม่เป็นไร คราบเหล้าล้างไม่ยาก」

說著,站起來,輕輕拍拍女兒的肩膀,
พูดแล้ว ก็ลุกขึ้น ตบไหล่หนูเบาๆ

便靜悄悄地走進了洗手間,不張揚,更不叫囂,
เดินไปห้องน้ำอย่างเงียบๆ ไม่โพนทะนา ไม่เอะอะโวยวาย

把眼前這只驚弓之鳥安撫成梁上的小燕子。
ทำเอาเบื้องหน้าซึ่งเหมือนดังลูกนกที่หวาดหวั่นต่อลูกศรของนายพรานได้รับ
การปลดปล่อย จนเหมือนดังนกนางแอ่นตัวน้อยบนขื่อ

女兒的聲音,充滿了感情:「媽媽,既然別人能原諒我的過失,
เสียงของบุตรสาวเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก「คุณแม่
ในเมื่อผู้อื่นยังสามารถให้อภัยต่อความผิดของหนูได้

您就把其他犯錯的人當成是您的女兒,原諒她們吧!」
ขอให้ท่านถือเสียว่าผู้ที่ทำผิดเหล่านั้นเป็นบุตรสาวของท่านเอง
ให้อภัยพวกเธอเถอะ

此刻,在這靜謐的夜裡,我眼眶全濕。
ขณะนั้นในคืนที่เงียบสงัด เบ้าตาของขัาพเจ้าเต็มไปด้วยน้ำตา

原諒別人便是放過自己。
การให้อภัยผู้อื่นคือการปลดปล่อยตนเอง

這個故事,讀了一遍眼角有淚,
บทความเรื่องนี้ อ่านไปเที่ยวหนึ่งปลายตาน้ำตาซึม

再讀一遍,依然有淚珠滑落 ...
อ่านอีกเที่ยว น้ำตาหยดไหลริน…

我想此刻,你的內心也無法平靜吧 ...
ข้าพเจ้าคิดว่าในใจของท่านก็ไม่อาจสงบนิ่งได้

檢視一下自己平日的言行,
ลองตรวจตราการพูดการกระทำของตนเองในแต่ละวัน

原來還有這麼大的提升空間 ...
ที่แท้ยังมีช่องว่างที่จะขยับเลื่อนขึ้นได้อีกมาก

原來,善意可以如此美妙 ...
ที่แท้ เจตนาดีมีความงดงามเช่นนี้

原來,善意可以如此接力般地傳遞 ...
ที่แท้ เจตนาดีสามารถผลัดกันส่งต่อได้

親愛的朋友,既然我們有幸欣賞到這篇文章,
เพื่อนที่รัก ในเมื่อพวกเรามีโชคได้มาอ่านบทความนี้

既然我們感動著對方的感動,
ในเมื่อพวกเราซาบซึ้งต่อความซาบซึ้งของอีกฝ่ายหนึ่ง

讓我們從當下改變自己的言行,
ทำให้พวกเราเปลี่ยนแปลงการพูดการกระทำในปัจุบัน

把這份善意長長久久地傳遞下去...,
ให้นำเอาเจตนาดีส่วนนี้ถ่ายทอดต่อไปให้นานแสนนาน

如此,我們每一天都是幸福和幸運的!
ดังนั้น พวกเราทุกๆ วันก็จะมีความสุข มีโชคดี

生活如此美好!好好珍惜身邊出現的每一個人,
การดำรงชีวิตที่งดงามเช่นนี้ ให้ทะนุถนอมทุกๆ คนที่ปรากฏขึ้นข้างกายคุณ

他們是來幫助我們修行的人。
พวกเขาล้วนมาช่วยในการบำเพ็ญตบะธรรมของพวกเราทั้งสิ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ธ.ค. 03, 2021 9:17 pm

"ยันต์กันผีแห่งความทุกข์"

หญิงวัยกลางคนเข้าพบหมอแผนจีน เธอเล่าอาการให้หมอฟังว่า “กินอะไรก็ไม่
ค่อยลง นอนก็ไม่ค่อยหลับ ร่างกายหมดเรี่ยวหมดแรง ผ่ายผอมลงไปทุกวัน”
หมอขอตรวจวัดชีพจรเธอ แลดูสีหน้าแววตา เช็คดูลิ้นและปาก ก่อนจะบอกคนไข้ว่า
"ใจคุณแบกความทุกข์ไว้เยอะไป มีอาการร้อนในอย่างสูง ไม่มีอะไรรุนแรงมากนัก"

พอฟังหมอพูดจบ ดูเธอรู้สึกผ่อนคลายลงทันที เหมือนมีคนพูดถูกใจแบบแทงใจดำ
จึงได้พลั่งพลูความทุกข์ต่างๆที่สะสมอยู่ในใจให้หมอฟังมากมาย ส่วนใหญ่เป็น
เรื่องมโนสาเร่ ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย จนกระทั่งหมอถามเธอว่า "สามีคุณรักคุณหรือเปล่า"

เธอยิ้มก่อนตอบหมอว่า "เขาน่าจะรักฉันมากนะ แต่งงานมาสิบกว่าปี แทบจะไม่เคย
ดุด่าฉันเลย" "แล้วพวกคุณมีลูกด้วยกันหรือเปล่า" เธอแลดูมีสายตาสดใสขึ้นมาทันที
"มีค่ะ ลูกสาวฉลาดและน่ารักมาก" หมอถามต่อ "ไร่นาที่เพาะปลูกช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง"
"ไร่นาสมบูรณ์ดี ให้ผลผลิตดีมาสามปีซ้อนแล้ว......"

หมอถามไปจดบันทึกไป เสร็จแล้วหมอก็วางกระดาษบันทึกสองแผ่นไว้ตรงข้างหน้าเธอ
หน้าหนึ่งบันทึกความทุกข์ต่างๆนาๆของเธอ ส่วนอีกหน้าบันทึกความสุขทั้งหลายทั้งปวง
ที่เธอเล่ามา หมอบอกเธอว่า "กระดาษสองแผ่นนี้คืออาการของคุณ และก็คือใบสั่งยา
สำหรับคุณ คุณให้ความสำคัญกับความทุกข์มากไป จนมองข้ามความสุขทั้งหลายที่อยู่
รอบตัวคุณกันไปหมด"

แล้วหมอก็สั่งให้ผู้ช่วยยกน้ำสะอาดมากะละมังหนึ่ง พร้อมนำถุงน้ำดีของหมูมาลูกหนึ่ง
หมอเจาะเอาน้ำจากถุงน้ำดีเทลงไปในน้ำสะอาด น้ำข้นๆเขียวเข้มเหล่านั้นค่อยๆเจือจาง
ปะปนไปกับน้ำที่อยู่ในกะละมัง สุดท้ายก็แทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของน้ำสะอาดเลย
หมอบอกเธอว่า "เมื่อน้ำสีเข้มจากถุงน้ำดีกระจายเจือปนไปกับน้ำ จะเห็นว่าสีสันเข้มข้น
เหล่านั้นจะจางหายจนหมดแทบมองไม่เห็นอีกเลยในที่สุด ชีวิตของพวกเราก็คล้ายคลึงกัน
ไม่ใช่เพราะเรามีความทุกข์ความโศกมากจนเกินไป แต่เป็นเพราะเราไม่รู้จักนำเอาน้ำแห่ง
ความสุขมาช่วยเจือจางความขมขื่นให้มลายหายไปต่างหาก"

ความรู้สึกที่เศร้าหมอง จะสะสมกลายเป็นจิตใจที่สิ้นหวัง
จิตใจที่สิ้นหวังจะลบเลือนความมุ่งมั่นของชีวิต
เพราะเรามัวแต่คิดลบ จึงไม่รู้สึกว่าชีวิตมีความหวัง
มองไม่เห็นแสงสว่าง หาทางออกไม่เจอ
คนที่มัวแต่คิดลบจะหมกมุ่นอยู่กับความเศร้าหมอง

ต้องรู้จักเตือนตัวเองตลอดว่า ชีวิตที่สมบูรณ์แบบหาไม่ได้หรอกในโลกมนุษย์
สุขบ้างทุกข์บ้าง คละเคล้ากันไป ความผิดหวังหรือสมหวังมาได้ทุกรูปแบบ
ต้องรู้จักจัดการกับมันอย่างเหมาะสม และมีสติ ความสมหวังให้ถือเป็นกำลังใจ
และความผิดหวังถือเป็นประสบการณ์ชีวิต จงอย่าจมปลักอยู่กับมันให้นาน

การจะเป็นคนมีความสุข จะว่ายากหรือง่าย มันขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล
แต่จงจำสามข้อต่อไปนี้ให้ได้ มันจะช่วยคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย

1/ อย่านำเอาความเศร้าหมองจากความผิดหวังของเรามาทับถมตนเอง
2/ อย่านำเอาความโกรธแค้นจากความผิดหวังของเราสาดใส่คนอื่น
3/ อย่านำเอาความเส็งเคร็งของคนอื่นมาแปดเปื้อนอารมณ์ของเรา

สวรรค์ในอก นรกในใจ ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราเอง
จะทุกข์จะสุข จะสวรรค์หรือนรก ตัวเราต้องพยายามกำหนดเองให้ได้
เก็บความทรงจำแห่งความสุขไว้กับตัวเยอะๆนานๆ
มันจะเป็นยันต์กันผีไม่ให้ความทุกข์ติดตัวเราไป

www.facebook.com/Flintlibrary
“ขจรศักดิ์”
แปลและเรียบเรียง
Credit 正能量家族
Photo:thismattexists
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ธ.ค. 04, 2021 9:14 pm

…..สองขั้วของความคิด……

ผู้เป็นสามีนั่งอยู่ในห้อง ครุ่นคิดอยู่คนเดียว ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมา
เขียนบันทึกไว้ว่า

1/ ปีที่แล้ว โดนโรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทเล่นงานอย่างรุนแรง
สุดท้ายก็ต้องเข้าโรงพยาบาลให้หมอผ่าตัด ต้องพักฟื้นและทำกายภาพ
บำบัดอยู่นานโข

2/ ในปีเดียวกัน พออายุครบ 60 ก็จำใจต้องเกษียณจากงานประจำที่ทำ
ซึ่งมันเป็นงานที่รักมากตลอด 30 ปีที่ผ่านมา

3/ ในปีเดียวกัน ต้องสูญเสียมารดาที่ผมรักและเคารพ ไม่ต้องพรรณนาว่า
ผมเสียใจแค่ไหน

4/ ในปีเดียวกัน ลูกชายผมประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงจากการขับรถ
ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลร่วมเดือน รถก็พังยับเยิน

สุดท้าย เขาเขียนทิ้งท้ายไว้ว่า "ช่างเป็นปีที่ย่ำแย่และโหดร้ายที่สุดของชีวิต"

ผู้เป็นภรรยาเดินเข้ามาในห้อง เห็นลักษณะท่าทางเศร้าสร้อยของสามีที่นั่งอย่าง
หมดอาลัยตายอยาก หล่อนเดินไปที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังสามี ก่อนจะหยิบกระดาษ
ที่สามีเขียนบันทึกไว้ขึ้นมาอ่าน แล้วหล่อนก็เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน หล่อนเดินกลับมาพร้อมนำแผ่นกระดาษของตนมาวางข้างๆ
กระดาษของสามี

บนกระดาษจากภรรยาเขียนไว้ว่า

1/ ปีที่แล้ว หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่หลายปี ผมก็ได้ปลดปล่อยจาก
ความเจ็บปวดของโรคปวดหลังสักที

2/ ในปีเดียวกัน แม้พอผมอายุครบ 60 แต่ร่างกายก็ยังแข็งแรง ได้เกษียณจากงาน
ตอนนี้ ผมสามารถจัดการเวลาของผมได้อย่างที่ใจต้องการ สามารถทำกิจกรรมต่างๆ
ที่ใจรักอย่างสบายใจ ผมถือว่า มันก็แค่การเกษียณจากงานประจำ แต่ไม่ใช่เกษียณ
จากชีวิต

3/ ในปีเดียวกัน มารดาของผมที่มีอายุ 90 แล้ว แต่วิถีการดำเนินชีวิตของท่านไม่
เคยต้องพึ่งพาคนอื่นเลย ไม่เจ็บไม่ป่วย แต่ก็ต้องจากพวกเราไปอย่างสงบสุข
แน่นอนที่สุด ไม่มีใครหนีความตายพ้น และนี่คือการจากลากันอย่างอบอุ่นใจที่สุด
เพราะท่านไม่ต้องทรมานเลย

4/ ในปีเดียวกัน ลูกชายผมซึ่งแม้จะประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรง รถพังยับเยิน
แต่ลูกชายก็สามารถรอดชีวิตกลับมาได้ ไม่ได้กลายเป็นคนพิการหรือเสียชีวิต

หล่อนเขียนทิ้งท้ายไว้ว่า "ปีที่แล้ว ต้องขอบคุณทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันฝึกให้ผม
แข็งแกร่งขึ้น และทำให้ผมรู้คุณค่าและหวงแหนชีวิตมากยิ่งๆขึ้น"

*************

เหตุการณ์เดียวกัน จะมีมุมมองในทางบวกหรือลบนั้น ทัศนคติที่ดีบวกกับ
ความเข้มแข็ง จะช่วยพยุงให้จิตใจเราเดินทางไปในทางที่สดใสกว่าได้แน่นนอน

Facebook: ห้องสมุดฟลิ้นท์
“ขจรศักดิ์”
แปลและเรียบเรียง
Cr: 溫暖的家
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ธ.ค. 06, 2021 9:15 pm

'หลี่ เจียเฉิง' อภิมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง ขณะที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล
ได้เขียนบทกวี ชื่อว่า “夕陽謠。”อาทิตย์ อัสดง”
++++++++++++++

1. ลิขิตฟ้ากำหนดมา ชีวิตทุกคนมาจากศูนย์
ดำเนินไปในทิศทางใด ยากดีมีจน รุ่งเรืองหรือรุ่งริ่ง
สุดท้ายต่างจบลงที่เลขศูนย์

2. ยามแก่ชรา เวลาเหลือน้อย อย่าคาดหวังร่ำรวยเงินทอง
แม้ชีวิตยังเหลืออยู่ หรือหลังความตาย
สมบัติพัสถานจะยังมีสิ่งใดเป็นของเจ้าล่ะ ?
ต้องตระหนักรู้สัจธรรมความจริง อย่าได้หลงผิด หลอกตัวเอง

3. รู้จักเพียงพอ ย่อมเกิดสุข
ชีวิตวัยชราต้องสงบสุข ไม่ตื่นเต้น ดีใจกับความร่ำรวย
ไม่เศร้าสร้อย เสียใจเพราะยากจน ยอมรับตามสภาพที่แท้จริง

4. ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ก่อศึกแย่งชิง
ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ดั่งความฝัน
เหมือนปุยเมฆ หมอกควัน ล่องลอยจางหายลับไป

5. ดวงตะวัน ดวงจันทร์ กาลเวลา และกระแสน้ำ
หมุนเวียน ผันแปรไปตลอดกาล
เคหะสถาน ที่ดิน ไร่นา ล้วนสลับสับเปลี่ยนเจ้าของถือครอง
เป็นมาตราบนิจนิรันดร์

6. สายใยรัก ความรักความเอื้ออาทรที่มีต่อกัน
เมื่อสิ้นใจก็สิ้นสลาย หายเข้าไปในปล่องควัน เมรุเผาศพ
เงินทองมากเพียงใดก็นำไปไม่ได้

7. ชื่อเสียงดีงาม หรือเลวร้าย ชัยชนะ หรือพ่ายแพ้
ผลได้หรือผลเสีย ต่างสะดุดหยุดลง
เมื่อชีวิตปิดฉากจบลงที่ปลายทาง

8. ยศฐาบรรดาศักดิ์ อำนาจวาสนา บุญบารมี
ไม่มีใครยึดครองได้ตลอดไป สุดท้าย รวยก็จบ จนก็จบ
ต้องตระหนักรู้ตัวตนที่แท้จริง ชีวิตก็เป็นเพียงเช่นนี้นั่นเอง

9. ฤดูวสันต์ผันผ่านตามด้วย คิมหันต์ ถึงสารทและเหมันต์
ฤดูกาล ทั้ง 4 อีกทั้ง นำ้ขึ้นนำ้ลง หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไม่จบสิ้น
มองทะลุ ทุกมิติชีวิตคน ทุกๆ ครัวเรือนต่างมีปัญหาที่แตกต่างกันไป
ต้องยอมรับและอย่าทุกข์ระทมขมขื่น ผูกเจ็บฝังใจไว้ทำไย ?

10. การมีบุตรชาย - หญิง เป็นภาระหน้าที่ของพ่อแม่
เลี้ยงดูอุ้มชูในอ้อมกอด ย่อมเป็นสุข
ลูกหลานต่างมีบุญวาสนาของตน อย่าควบคุมบังคับเหมือนใส่กรง
ยามแก่มีสุขภาพดีก็สุขแล้ว

11. ชีวิตมนุษย์เสมือนผึ้งน้อย เช้าโน่น เย็นนี่
ตระเวนดูดนำ้หวานจากเกสรดอกไม้ สร้างสมเป็นนำ้ผึ้ง
เหนื่อยยากมาทั้งชีวิตเพื่อใคร ? วาระสุดท้ายกลับสูญเปล่าไร้ค่าส่วนตน
มองเห็นธาตุแท้ รู้เช่นเห็นชาติ ควรผ่อนคลายการขับเคี่ยวลดละแย่งชิง
ทะนุถนอม รักษากายใจ เพื่อความสุขสมบูรณ์ในวัยชรา ดั่งใจปอง

12. มองจากไกลเห็นโรงพยาบาลคล้ายสวรรค์
มองเข้าใกล้ เหมือนธนาคาร ดึงดูดกอบโกยทรัพย์นับไม่ถ้วน
เข้าไปเหมือนห้องขัง ต้องป้องกันอย่าเข้าใกล้โดยเด็ดขาด

13. สุขภาพดีเป็นสินทรัพย์นับไม่ถ้วน สุขภาพดีเหมือนออมทรัพย์
โรคภัยไข้เจ็บคือการกู้เงิน- ใช้หนี้ ป่วยหนักอาจล้มละลายหมดตัว
ไม่ใช่พูดล้อเล่น เดี๋ยวจะสายเกินแก้

14. ลุกขึ้นปกป้องสุขภาพ ไม่นอนรอให้ใครมาหลอกเอาเงินไป
ไม่ดูแลสุขภาพ เท่ากับเลี้ยงดูหมอ ช่วยเหลือโรงพยาบาล
มองการณ์ไกล รักครอบครัว ต้องรักษาตัวตนก่อน

15. ชีวิตนั้นแสนสั้น อย่ามัววุ่นวายกับการหาเงินหาทอง
แม้มีมากเพียงใด ก็ใช้ห้ามตะวันตกดินไม่ได้ เงินทองซื้อสุขภาพไม่ได้
ความเป็นความตาย เป็นดวงชะตากรรม
มั่งคั่งร่ำรวยเป็นลิขิตฟ้า ยากจะฝ่าฝืนนำพา
แม้บุญไม่มาดิ้นไปก็ไร้ผล

ลูกหลานต่างมีบุญมาวาสนาเกิด
อย่าเป็นวัวเป็นควาย ฝ่าฟันเพื่อลูกหลาน ต้องวิเคราะห์เจาะลึก

รู้ซึ้งสิ่งใด หนัก - เบา ลาภยศสรรเสริญ เป็นเพียงปุยเมฆลอยผ่าน
มั่งมีศรีสุข เป็นแค่งานเลี้ยงเฉลิมฉลอง
แค่พริบตาเดียว เส้นผมขาวโพนเต็มศรีษะ

เรื่องราวทั้งหลายผ่านไปราวหมอกควัน ไม่ควรเอาเป็นเอาตาย
ทุกเรื่องราว รกจิต หมองใจ ทรมานกาย เปล่าๆ
++++++++++++++

:s003: :s003:
ตอบกลับโพส