ประวัตินักบุญ(อย่างย่อ)เดือนกรกฎาคม (วันที่1-15)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 02, 2021 9:32 am

ฉลองนักบุญ วันที่ ๑ กรกฎาคม
นักบุญฮูนิเปอโร เซอร์รา
St. Junipero Serra

ฮูนิเปอโร เซอร์รา (ค.ศ.๑๗๑๓-๘๔) เป็นพระสงฆ์ฟรังซิสกันชาวสเปนที่บุกเบิก
งานแพร่ธรรมครั้งแรกในแคลิฟอร์เนีย ท่านเกิดที่เมือง Majorca ประเทศสเปน
ท่านเข้าคณะฟรังซิสกันและบวชเป็นพระสงฆ์ในปี ๑๗๓๗ หลังจากทำหน้าที่สอน
ระยะหนึ่ง ท่านไปที่ "สเปนใหม่" (ปัจจุบันคือเม็กซิโกและรัฐเท็กซัส) ในปี ๑๗๔๙
ท่านทำงานแพร่ธรรมที่นั่น ๒๐ ปี ท่านขยายงานแพร่ธรรมสู่ภาคเหนือของแคลิฟอร์เนีย
ในปี ๑๗๖๙ และก่อตั้งศูนย์แพร่ธรรม ๙ แห่งในทั้งหมด ๒๑ แห่งของคณะฟรังซิสกัน
ตามชายฝั่งแปซิฟิก ท่านล้างบาปผู้กลับใจถึง ๖ พันคน

กระบวนการแต่งตั้งท่านเป็นนักบุญกลายเป็นเหตุขัดแย้งระหว่างศาสนจักรคาทอลิก
กับผู้นำชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน พวกเขาประท้วงการกดขี่ของพวกมิสชันนารีฟรังซิสกัน
ที่กระทำต่อชาวชนเผ่าเพื่อให้กลับใจ แต่เซอร์ราเองเป็นผู้ปกป้องคนท้องถิ่นไม่ให้ถูก
ทำร้ายและฉกฉวยผลประโยชน์ท่านเน้นถึงความ
เสมอภาคต่อหน้าพระเจ้า ท่านเสียชีวิตที่ Monterey ในวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๑๗๘๔

ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของกระแสเรียกและได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบุญ
เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๐๑๕โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ค. 03, 2021 8:24 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๒ กรกฎาคม
นักบุญเบอร์นาร์ดิโน รีอาลิโน
St. Bernardino Realino

เบอร์นาร์ดิโน รีอาลิโน (ค.ศ.๑๕๓๐-๑๖๑๖) เป็นพระสงฆ์เยสุอิตชาวอิตาเลียน
ท่านทำงานเป็นพ่อเจ้าวัดใน Lecce (เลชเช) เป็นเวลา ๔๒ ปี ท่านทำมิสซา
เทศน์ฟังสารภาพบาป เยี่ยมคนป่วย สอนคำสอนเด็ก ให้คำแนะนำด้านจิตวิญญาณ
และเยี่ยมเยียนลูกวัด

ท่านเป็นที่รักเคารพอย่างยิ่งของชาวเมือง ผู้นำของเมืองมาเฝ้าข้างเตียงเมื่อ
ท่านใกล้ตาย ขอให้ท่านรับปากว่าจะเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ในสวรรค์ของ
ชาวเมืองเลชเช ท่านได้รับการประกาศเป็นนักบุญในปี ๑๙๔๗

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ค. 03, 2021 8:32 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๓ กรกฎาคม
นักบุญโทมัส อัครสาวก
St. Thomas, Apostle

โทมัส (ศตวรรษที่ ๑) ถูกเรียกว่า Didymus แปลว่า "ฝาแฝด" ท่านเป็นหนึ่ง
ในอัครสาวกสิบสองคน ท่านแสดงความกังขาเมื่อได้ยินว่าพระเยซูกลับคืนชีพ
ดังนั้น ท่านจึงถูกเรียกว่า "โทมัสผู้สงสัย" โทมัสเป็นอัครสาวกคนแรกที่ยืนยันว่า
ตนพร้อมจะตายกับพระเยซูในอาหารค่ำมื้อสุดท้าย โทมัสยอมรับว่าไม่ทราบว่า
พระเยซูจะไปไหน ซึ่งพระองค์ตอบว่าพระองค์เป็นหนทางความจริงและชีวิต
เมื่อโทมัสประกาศความเชื่อหลังจากได้พบพระเยซูผู้กลับคืนพระชนม์ โทมัสเรียก
พระเยซูว่าพระเจ้า ซึ่งเป็นการเรียกพระเยซูว่าเป็นพระเจ้าเพียงครั้งเดียวในพระธรรมใหม่

ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าโทมัสกระทำภารกิจใดหลังวันพระจิตเสด็จลงมา นักประวัติศาสตร์
Eusebius ระบุว่าท่านเทศน์สอนพวก Parthians ในดินแดนที่เป็นประเทศอิรักปัจจุบัน
มีธรรมประเพณีที่เชื่อมโยงท่านกับภาคใต้ของอินเดีย และระบุว่าท่านก่อตั้งพระศาสนจักร
ที่นั่นหลังการเทศน์สอนที่ซีเรียและเปอร์เซีย คริสตชนชาวซีเรียที่ Malabar ซึ่งถูกเรียกว่า
คริสตชนโทมัส อ้างว่าพวกเขาได้รับการประกาศ พระวรสารจากโทมัส

ท่านถูกสังหารด้วยหอกและถูกฝังไว้ที่ Mylapore ใกล้ Madres อย่างไรก็ตาม คริสตชน
ชาวอินเดียยืนยันว่าท่านถูกฝังในอินเดียที่ San Tome อันเป็นสถานที่ที่ท่านถูกสังหารและ
ต่อมาได้ถูกสร้างเป็นอาสนวิหารนักบุญโทมัส

ในศาสนจักรซีเรียที่ Malabar เชื่อกันว่าโทมัสเสียชีวิตในวันที่ ๓ กรกฎาคม ค.ศ.๗๒
เมื่อมีการปฏิรูปปฏิทินพิธีกรรมคาทอลิกในปี ๑๙๖๙ ศาสนจักรคาทอลิกและศาสนจักร
อังกฤษก็ฉลองท่านวันนี้

โทมัสเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของประเทศอินเดีย ปากีสถาน นักสำรวจ คนงานก่อสร้าง
ช่างไม้ และสถาปนิก

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ค. 03, 2021 8:38 pm

✝️ โธมัสอัครสาวกผู้ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ✝️

ผิดหรือที่สงสัย ผิดไหมถ้าพิสูจน์

ความเชื่อ หรือความศรัทธา ดูจะเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ถูกพร่ำสอนในคริสตศาสนา
และบางคนที่มีอคติ ก็ชอบสบประมาทดูถูกศาสนาคริสต์กล่าวหาว่า การสอนให้เชื่อ
หรือศรัทธา ทำให้คนงมงายไม่ใช้เหตุผล ทั้งที่จริงศาสนาคริสต์ไม่เคยห้ามการสงสัย
และไม่เคยกลัวการพิสูจน์ โดยเฉพาะหนึ่งในอัครสาวกของพระเยซู ผู้เป็นคนไม่เชื่ออะไร
ง่ายๆอย่าง โธมัส ซึ่งความสงสัยของท่าน นำสู่การพิสูจน์ และประกาศความเชื่อที่สำคัญ
ในพระคัมภีร์ และเป็นอัครสาวกผู้นำความศรัทธาในพระเยซูไปเผยแผ่ไกลถึงอินเดีย

“จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น” (1 เธสะโลนิกา 5:21)

เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ชื่อของ โธมัสอัครสาวก ชัดเด่นขึ้นในพระคัมภีร์ คือเหตุการณ์
เมื่อพระเยซูกลับคืนชีพ และกลับมาพบเหล่าสาวกที่พากันหลบในห้องเพราะหวาดกลัว
พวกยิวจะจับไปฆ่าแบบพระเยซู โธมัสนั้นพลาดโอกาส พบพระเยซูในครั้งแรก ขนาดบรรดา
เพื่อนๆยืนยันว่า พบพระเยซูแล้วจริงๆ เขาก็ยังไม่เชื่อและพูดว่า

ถ้าข้าไม่เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ของพระองค์ และไม่ได้เอานิ้วของข้าแยงเข้าไปที่รอยตะปูนั้น
และไม่ได้เอามือของข้าแยงเข้าไปที่สีข้างของพระองค์แล้ว ข้าจะไม่เชื่อเลย (ยอห์น 20:25)

หลังจากนั้น8วัน พระเยซูปรากฎกายกับพวกอัครสาวกอีกครั้ง คราวนี้โธมัสอยู้ด้วย พระองค์
พูดกับโธมัสทันทีว่า “เอานิ้วของท่านแยงที่นี่ และดูที่มือของเรา ยื่นมือของท่านออกมาคลำที่
สีข้างของเรา อย่าสงสัยเลย แต่จงเชื่อ”

พระคัมภีร์ไม่ได้เขียนว่าโธมัสลองแยงนิ้วดูตามที่พูดไหม แต่เขาประกาศความเชื่อทันทีว่า

“องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า”

พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพราะท่านเห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ? คนที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”

----------------------------------------

เรื่องราวนี้ทำให้มีวลี “โธมัสขี้สงสัย” (Doubting Thomas) จนบางคนเข้าใจไปว่า
ความสงสัยนั้นผิด ความเชื่อโดยไม่สงสัยจึงจะดี แต่หากเราตระหนักความจริงต่างๆ
เหล่านี้เราจะรู้ว่ามันไม่ใช่เช่นนั้นเลย

1 พระเยซูเลือกอัครสาวก12คนด้วยตนเอง และทรงทราบว่าใครมีนิสัยอย่างไร และนิสัย
การขอพิสูจน์ก่อนเชื่อของโธมัสก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเป็นอัครสาวกของพระองค์เลย
2พระเยซูไม่ได้ตำหนิโธมัสเลย ตรงข้าม เป็นความเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ พระองค์เข้าใจว่า
เรื่องนี้มันเหลือเชื่อ พระองค์เรียกเขาเข้ามาพิสูจน์ให้พอใจจะได้หายสงสัย คำว่า
"อย่าสงสัยเลยแต่จงเชื่อ" ไม่ใช่การดุว่า แต่เป็นการปลอบประโลมจิตใจอันสับสนของเขา
ให้เกิดสันติสุข เหมือนกับพ่อที่บอกกับลูกที่จำพ่อไม่ได้ว่า "นี่พ่อเองนะลูก"
3เมื่อพระเยซูพูดว่า “เพราะท่านเห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ? คนที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”
พระองค์ไม่ได้ตำหนิหรือประณามความสงสัยโธมัสเลย แต่พระองค์สงสารคนแบบโธมัส
เพราคนแบบเขานั้นที่ต้องพิสูจน์ทุกอย่างก่อน ย่อมจะทุกข์และเครียดจากความกังวลสับสน
เป็นเวลานาน

ยิ่งไปกว่านั้น นับจากนี้ เหล่าอัครสาวก จะต้องไปประกาศประสบการณ์ชีวิตที่พวกเขาเห็น
ให้คนอื่นที่ไม่เคยเจอพระเยซูตัวเป็นๆแบบพวกเขาให้มีความเชื่อ นับจากนี้ผู้คนอื่นๆ
จะรับเชื่อจากคำบอกเล่าของเหล่าสาวกแม้ไม่ได้เห็นพระเยซู ดังนั้นหากใครพูดแบบโธมัสว่า
ขอเห็นก่อนถึงเชื่อ เขาอาจต้องรอนานกว่า8วัน หรืออาจทั้งชีวิต ดังนั้นการพิสูจน์เรื่องพระเยซู
จากนี้จึงไม่ใช่จาก"การเห็น"พระเยซูปรากฎกายอีก แต่คือจากชีวิตของเหล่าผู้ประกาศความเชื่อ
นั้นเอง พระองค์จึงพูดประโยคนี้ไม่ใช่ด้วยเจตนาจะกล่าวโทษโธมัสเลย

ความสงสัยที่แท้จริง ย่อมนำสู่การพิสูจน์ความจริง และการพิสูจน์นำสู่การค้นพบความจริง
และพระเจ้าพึงพอใจผู้แสวงหาพระองค์เสมอ

“เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า” (เยเรมีย์29:13)

🕍 พระคัมภีร์ในสาระบบหลักบันทึกเรื่องราวของโธมัสไว้เท่านี้ แต่ในธรรมประเพณี
และหนังสือนอกสาระบบของคริสตจักรออโธดอกซ์ มีการบันทึกเรื่องราวของ โธมัสผู้นี้อีก
คราวนี้ในเหตุการณ์ขึ้นสู่สวรรค์ของมารีย์มารดาของพระคริสต์ และคราวนี้อีกเช่นเคย
โธมัสผู้ไปเผยแผ่ความศรัทธาในพระเยซูของเขาไกลถึงอินเดีย เดินทางกลับมาไม่ทัน
ในเวลาที่มารีย์ ผู้เป็นมารดาของเหล่าศิษย์ที่พระเยซูทรงรักได้จากไป เขามาช้าไปสามวัน
และเขายังคงเป็นโธมัสคนเดิม ผู้ขอไปให้สุดในทุกสิ่ง เขาได้ขอไปยังคูหาที่ฝังศพของพระมารดา
เพื่อจะได้เห็นร่างที่ไร้ชีวิตนั้นว่า แม่พระจากพวกเขาไปแล้วจริงๆ แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเพราะคูหา
นั้นว่างเปล่า และพระมารดาพระเจ้าก็เอ็นดูเขาเหมือนที่พระเยซูเอ็นดูเขา แม่ไม่อยากเห็นเขาต้อง
ทุกข์กับความกังวลและสับสนเช่นเคย แม่พระที่กำลังถูกเหล่าทูตสวรรค์ยกขึ้นสู่สวรรค์ ได้ถอด
ผ้าคาดเอวของตนแล้วหย่อนลงมาให้โธมัส เขาได้เงยหน้าและได้เห็นการถูกยกขึ้นสวรรค์ของ
พระมารดา และเขาก็มีหลักฐานยืนยันให้อัครสาวกคนอื่นได้เชื่อคือผ้าคาดเอวของแม่พระที่เหลืออยู่

หากเปโตร ต้องพูดว่า "รักพระเยซู" สามครั้ง เพื่อแก้การปฏิเสธพระองค์สามครั้ง โธมัส ก็ได้แก้ตัวเป็น
โธมัสผู้พิสูจน์ความจริงแทนโธมัสขี้สงสัย

โธมัสกลับไปประกาศความเชื่อเรื่องพระเยซูที่อินเดีย อย่างกล้าหาญและเป็นมรณสักขีราว ค.ศ. 72
ใกล้เมืองเชนไนในประเทศอินเดีย ศรัทธาที่แรงกล้าของคนที่พิสูจน์ก่อนเชื่อก็ พิสูจน์ด้วยชีวิต
ของท่านเองว่า ศรัทธา กล้าหาญ เข้มแข็งไม่แพ้ใครดังที่ท่านเคยประกาศไว้ต่อหน้าเพื่อนอัครสาวกว่า

“ให้เราไปด้วยกันกับพระองค์เพื่อจะได้ตายกับพระองค์”(ยอห์น 11:16)

พระธาตุผ้าคาดเอวของแม่พระนี้ อยู่กับพระธาตุ(ศพ)ของนักบุญโธมัสที่อินเดีย จนคศ.394
พระธาตผ้าคาดเอวของแม่พระถูกย้ายไปเก็บรักษาที่โบสถ์แม่พระแห่งผ้าคาดเอวศักดิ์สิทธิ์
(Saint Mary Church of the Holy Belt)ในซีเรีย ปัจจุบัน เป็นพระธาตุที่สำคัญชิ้นหนึ่ง
ในพระศาสนจักร ออโธดอกซ์

cr. www.facebook.com/holysmn

CR. : จิต ศรัทธา
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ก.ค. 04, 2021 10:05 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๔ กรกฎาคม
นักบุญเอลีซาเบธราชินีแห่งโปรตุเกส
St. Elizabeth of Portugal, Queen

เอลีซาเบธ (ค.ศ.๑๒๗๑-๑๓๓๖) เป็นราชินีแห่งโปรตุเกส ทรงสมรสกับกษัตริย์ Denis
ท่านเกิดที่เมืองZaragaza ประเทศสเปน เป็นธิดาของกษัตริย์แห่ง Aragon
มีพระนามว่าอิสซาเบลลา แต่ชีวิตสมรสของเอลีซาเบธไม่มีความสุข ท่านจึง
ทุ่มเทกำลังไปกับการสวดภาวนา การเอาใจใส่คนป่วย เด็กกำพร้า ผู้ยากไร้
นักจาริกแสวงบุญ และโสเภณี

หลังจากพระสวามีสิ้นพระชนม์ในปี ๑๓๒๕ เอลีซาเบธเข้าเป็นสมาชิกฆราวาส
คณะฟรังซิสกันและใช้ชีวิตอย่างสมถะ ท่านป้องกันไม่ให้เกิดสงครามระหว่าง
โปรตุเกสกับแคว้น Castile

ท่านเสียชีวิตที่ Estramoz ในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๑๓๓๖ และได้รับการประกาศ
เป็นนักบุญในปี ๑๖๒๕ท่านเป็นหนึ่งในบรรดานักบุญอุปถัมภ์ของประเทศโปรตุเกส

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 05, 2021 9:44 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๕ กรกฎาคม
นักบุญอันตน มารีย์ ซัคคาเรีย
Anthony Mary Zaccaria

อันตน มารีย์ ซัคคาเรีย (ค.ศ.๑๕๐๒-๓๙) เป็นผู้ก่อตั้งคณะ Barnabite
ท่านเกิดที่เมือง Cremona ในภาคเหนือของอิตาลี อันตนทำงานเป็นแพทย์
ในบ้านเกิดจนกระทั่งท่านตัดสินใจเปลี่ยนจากการบำบัดเยียวยาทางร่างกาย
มาเป็นทางจิตวิญญาณ

ท่านบวชเป็นพระสงฆ์ในปี ๑๕๒๘ และอีกสองปีต่อมา ท่านก็ก่อตั้งคณะสงฆ์
เพื่อฟื้นฟูความรักต่อพิธีกรรมและวิถีชีวิตคริสตชน โดยการเทศน์สอนเน้นถึง
งานเขียนของนักบุญเปาโลและการอภิบาลศีลศักดิ์สิทธิ์อย่างซื่อสัตย์

คณะของท่านได้รับการรับรองจากโรมในปี ๑๕๓๓ แรกเริ่ม คณะของท่านถูก
ต่อต้านจากสังฆราชและพระสงฆ์ท้องถิ่น แต่โรมหนุนหลัง คณะอันตนทำงานปฏิรูป
หลายประการ ท่านจัดสัมมนาให้พวกพระสงฆ์ ตั้งกลุ่มสมาพันธ์ฆราวาสผู้มีชีวิตสมรส
เทศน์สอนในที่กลางแจ้งและอภิบาลคนป่วย

ในปีสุดท้ายของชีวิต ท่านริเริ่มการก่อสร้างวัดนักบุญบาร์นาบัสในเมืองมิลาน
ซึ่งเป็นศูนย์กลางของคณะ ดังนั้นจึงเป็นที่มาที่สมาชิกในคณะเป็นที่รู้จักในชื่อว่า
Barnabites (ชาวบาร์นาบัส) ท่านเสียชีวิต
วันที่ ๕ กรกฎาคม ๑๕๓๙ ด้วยวัย ๓๗ ปี

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 08, 2021 11:58 am

ฉลองนักบุญ วันที่ ๖ กรกฎาคม
นักบุญมารีอา กอเร็ตตี พรหมจารีและมรณสักขี
St.Maria Goretti, Virgin and Martyr

มารีอา เทเรซา กอเร็ตตี (ค.ศ.๑๘๙๐-๑๙๐๒) เกิดในครอบครัวชาวนาในเมือง Corinaldo
ซึ่งอยู่ใกล้เมือง Ancona ประเทศอิตาลี หลังการเสียชีวิตของพ่อ มารีอาในวัย ๑๒ ปี
ถูกปล่อยให้ดูแลบ้านตามลำพัง

ขณะที่แม่ของเธอออกไปทำงานในไร่นา หนุ่มเพื่อนบ้านคนหนึ่งถือโอกาสพยายามละเมิด
ทางเพศเธอแต่มารีอาขัดขืน เขาแทงเธอหลายครั้ง มารีอาถูกนำตัวไปโรงพยาบาล
ที่เมือง Nettuno เธอเสียชีวิตในวันต่อมาคือวันที่ ๖ กรกฎาคม ๑๙๐๒ ก่อนสิ้นใจเธอกล่าว
ให้อภัยผู้ทำร้ายเธอ หนุ่มฆาตกรถูกตัดสินลงโทษจำคุก ๓๐ ปี ภายหลังเขาสำนึกผิดและ
ได้แสดงความเศร้าเสียใจต่อสิ่งที่ได้กระทำ เขามีชีวิตยืนยาวจนได้เห็นเหยื่อของเขาได้รับ
การประกาศเป็นบุญราศีในปี ๑๙๔๗ และเป็นนักบุญในปี ๑๙๕๐ในฐานะมรณสักขีแห่ง
ความบริสุทธิ์ มารีอา กอเร็ตตีเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของเด็กสาววัยรุ่น

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 08, 2021 12:02 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๗ กรกฎาคม
บุญราศีราล์ฟ ไมล์เนอร์
Blessed Ralph Milner

ท่านเกิดที่หมู่บ้าน Slackstead แคว้น Hampshire ประเทศอังกฤษ ในต้นศตวรรษที่ 16
ท่านเป็นชาวไร่ชาวนา ไม่รู้หนังสือ ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูภรรยาและลูก 8 คน
ท่านเติบโตโดยการอบรมแบบแองกลิกัน แต่ได้กลับใจเป็นคาทอลิก ในวันที่ท่าน
รับศีลมหาสนิทครั้งแรก ท่านถูกจับด้วยข้อหาเปลี่ยนศาสนาและถูกคุมขัง
ในคุกเมือง Winchester ด้วยอายุที่มากและความประพฤติดีทำให้ท่านได้รับอนุญาต
ให้ออกไปนอกคุกได้เสมอๆ และแม้กระทั่งได้รับความไว้วางใจให้ถือกุญแจเรือนจำ
ท่านใช้โอกาสนี้นำพระสงฆ์มาส่งศีลให้พวกนักโทษ และต่อมาก็เป็นผู้นำพระสงฆ์
ไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่ออภิบาลด้านศีลศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวบ้าน

ในที่สุด ท่านถูกจับพร้อมกับคุณพ่อ Dicconson ศาลขอให้ท่านเข้าร่วมพิธีในโบสถ์
โปรเตสแตนท์เพื่อจะไม่ต้องขึ้นตะแลงแกงแต่ท่านปฏิเสธขณะถูกนำตัวขึ้นแท่นประหาร
พวกเขาพาลูกๆ มาให้ท่านเห็นเพื่อท่านจะได้เปลี่ยนใจ แต่ท่านยังคงแน่วแน่
ท่านอวยพรลูกๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนถูกแขวนคอ

วันที่ท่านถูกประหารชีวิตตรงกับวันที่ 7 กรกฎาคม 1591 ท่านได้รับการยกย่องเป็น
มรณสักขีและได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศีในปี 1929

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 08, 2021 12:04 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๘ กรกฎาคม
นักบุญอาควิลาและพริสซิลลา มรณสักขี
Sts. Aquila and Priscilla, Martyrs

อาควิลาและพริสซิลลา (ศตวรรษที่หนึ่ง) เป็นสามีภรรยากัน ทั้งคู่เป็นศิษย์ของ
นักบุญเปาโล พวกท่านต้องอพยพออกจากอิตาลีช่วงเวลาหนึ่งเพราะมีประกาศ
ของจักรพรรดิในปี ๔๙ ห้ามพวกยิวอาศัยอยู่ในโรม

เปาโลเยี่ยมท่านทั้งสองที่เมืองโครินธ์และได้ทราบว่าอาควิลามีอาชีพทำเต๊นท์
เหมือนท่าน ดังนั้นเปาโลจึงพักอาศัยอยู่กับพวกท่านและทำงานด้วยกัน เมื่อเปาโล
ออกจากเมืองโครินธ์อาควิลาและพริสซิลลาร่วมเดินทางไปด้วยแต่ทั้งสองหยุดอยู่ที่
เมืองเอเฟซัส ขณะที่เปาโลไปต่อถึงซีเรีย ในเมืองเอเฟซัส ทั้งสองได้สอนอพอลโล
ซึ่งเป็นชาวยิวจากเมืองอเล็กซานเดรีย

อาควิลาและพริสซิลลาเสียชีวิตในเอเชียไมเนอร์ แต่มีธรรมประเพณีเล่าว่าพวกท่าน
ถูกสังหารเป็นมรณสักขีที่โรม ทั้งนี้อาจเป็นเพราะมีวัดชื่อนักบุญพริสซิลลา
อยู่บนเนินเขา Adventine ในโรม

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 09, 2021 10:27 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๙ กรกฎาคม
มรณสักขีแห่งกอร์คุม
Martyrs of Gorkum

วันนี้เราระลึกถึงมรณสักขี ๑๙ คน ที่ถูกสังหารโดยพวกโปรแตสแตนท์
นิกาย Calvinists ในอารามเมือง Reggen ประเทศเนเธอร์แลนด์
ในปี ๑๕๗๒ พวกท่านเหล่านี้ประกอบไปด้วย ภราดาคณะฟรังซิสกัน ๑๑ คน
พร้อมกับผู้ดูแลพวกเขาคือ Nocholas Pieck พระสงฆ์คณะ Norbetrines ๒ คน
คณะโดมินิกัน ๑ คน คณะออกัสติเนียน ๑ คน และพระสงฆ์สังฆมณฑล ๔ คน
พวกท่านถูกจับกุมตัวและคุมขังที่ Gorkum ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มิถุนายน
จนถึง ๖ กรกฎาคม จากนั้นถูกนำลงเรือไปที่ Briel พวกท่านได้รับข้อเสนอ
ให้อิสรภาพหากปฏิเสธคำสอนคาทอลิกเรื่องศีลมหาสนิทและอำนาจปกครอง
ของพระสันตะปาปา แต่พวกท่านไม่ยอมจึงถูกแขวนคอที่เมือง Ruggen
พวกท่านได้รับการประกาศเป็นนักบุญในปี ๑๘๖๗

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ก.ค. 11, 2021 8:35 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม
นักบุญเวโรนิกา กุยลิอานี
St. Veronica Giuliani

เวโรนิกา กุยลิอานี (ค.ศ.๑๖๖๐-๑๗๒๗) เป็นนักพรตหญิงคณะฟรังซิสกันที่ถือว่า
ให้ภาพตัวแทนมิสติคยุคบาโรคได้ดีที่สุด ท่านเกิดในครอบครัวคนชั้นกลาง
ในเมือง Urbino โดยมีชื่อว่า Orsola ปี ๑๖๗๗ ท่านเข้าอารามกาปูชินที่เมือง
Citta di Castello ในแคว้น Umbria ท่านรับชื่อว่าเวโรนิกา และเริ่มต้นชีวิต
นวกชนอย่างทรหดเพราะความเข้มงวดของอธิการิณี กล่าวกันว่าท่านได้รับ
อัศจรรย์หลายอย่างและได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีบาดแผลของมงกุฎหนาม
บนศีรษะท่านด้วย ท่านทำหน้าที่นวกจารย์เป็นเวลา ๓๔ ปี และเป็นอธิการิณี
ของอาราม ๑๐ ปี ท่านเขียนบันทึกชีวิตภายในซึ่งตกทอดมาถึงเราจำนวน ๑๐ เล่ม

ท่านเสียชีวิตในวันที่ ๙ กรกฎาคม ๑๗๒๗ และได้รับการประกาศเป็นนักบุญ
ในปี ๑๘๓๙

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ก.ค. 11, 2021 8:39 pm

ฉลองนักบุญวันที่ ๑๑ กรกฎาคม
นักบุญเบเนดิกต์แห่งนูร์เซีย
St. Benedict of Nursia, Abbot

เบเนดิกต์แห่งนูร์เซีย (ประมาณ ค.ศ.๔๘๐-๕๕๐) เป็นผู้สถาปนาอารามนิยมของตะวันตก
ท่านเขียนพระวินัยของชีวิตนักพรต ซึ่งพระวินัยนี้เป็นที่รู้จักและนำไปปฏิบัติกันทั่ว
ท่านเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของยุโรป
(ประกาศโดยพระสันตะปาปาเปาโล ที่ ๖ ในปี ๑๙๖๔) เราทราบเรื่องราวชีวิตของท่าน
จากเรื่องเล่าในหนังสือ "บทสนทนา" ของนักบุญเกรกอรีมหาราช

เบเนดิกต์เกิดในอิตาลีภาคกลาง ท่านไปศึกษาที่โรมแต่เห็นความไร้ศีลธรรม
ของสังคมที่นั่น จึงออกจากเมืองเมื่อประมาณปี ๕๐๐ ไปใช้ชีวิตเป็นฤษีที่ Subiaco
มีผู้ติดตามจำนวนไปอยู่ร่วมกับท่าน ท่านจัดแบ่งพวกเขาเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๑๐ คน
มีทั้งหมด ๑๒ กลุ่ม เบเนดิกต์ใช้ชีวิตอยู่ที่ Subiaco เป็นเวลา ๒๔ ปี จากนั้นท่านออก
เดินทาง พร้อมกับศิษย์จำนวนหนึ่งไปที่ Monte Cassino ใกล้เมืองเนเปิล ที่นี่เอง
ที่ท่านได้เขียนพระวินัยอันมีชื่อเสียงของท่านจนแล้วเสร็จ

พระวินัยของเบเนดิกต์เน้นเรื่องอำนาจและการนบนอบเชื่อฟังความสม่ำเสมอ
และชีวิตกลุ่ม ภารกิจหลักของพวกนักพรตคือการสวดทำวัตรร่วมกัน เสริมด้วย
การอ่านพระคัมภีร์และงานใช้มือประเภทต่างๆ ท่านยืนยันว่าอธิการต้องถูกเลือก
โดยนักพรตทั้งหมดของอาราม และควรเป็นบุคคลมีความปรีชา
ฉลาด รอบคอบ ผ่อนปรนและเรียนรู้พระบัญญัติของพระเจ้าและเป็นบิดาฝ่ายจิต
ของอาราม เช่นเดียวกับท่าน พระวินัยผ่อนปรนให้ปรับปรุงวิถีชีวิตนักพรตเหมาะสม
กับความต้องการของสังคม เพื่อให้อารามเป็นศูนย์กลางของวิชาการ
การเกษตรการแพทย์และสถานบำบัดเยียวยา เบเนดิกต์
เสียชีวิตที่ Monte Cassino ประมาณปี ๕๕๐

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 12, 2021 10:52 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม
นักบุญหลุยส์ มาร์แต็ง และมารี-อเซลีกูแรง
Sts. Louis Martin and Marie-Azélie Guérin

หลุยส์ มาร์แตงและมารี-อเซลีกูแรง มาร์แตง เป็นสองสามีภรรยาชาวฝรั่งเศส
พวกท่านเป็นบิดามารดาของนักบุญเทเรซาแห่งลิซิเออร์ทั้งสองท่านเป็นคู่สมรส
คู่แรกในประวัติศาสตร์พระศาสนจักรที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ

หลุยส์มาร์แตง เป็นลูกคนที่สามในจำนวนพี่น้อง ๕ คน คนอื่นๆ เสียชีวิตทั้งหมด
ก่อนอายุ ๓๐ ปี หลุยส์ตั้งใจจะเป็นนักพรต ท่านสมัครเข้าอารามคณะออกัสติเนียน
แต่ถูกปฏิเสธเพราะเรียนภาษาละตินไม่ผ่าน ท่านจึงเลือกจะเป็นช่างทำนาฬิกาและ
ได้ฝึกฝนอาชีพนี้ในเมือง Rennes และ Strasbourg

อเซลี-มารี (เรียกสั้นๆ ว่า เซลี) กูแรง เป็นลูกสาวคนที่สองของครอบครัว
พี่สาวคนหนึ่งของท่านเป็นซิสเตอร์คณะ Visitandine ส่วนน้องชายเป็นเภสัชกร
เซลีปรารถนาจะเป็นซิสเตอร์แต่คณะซิสเตอร์เมตตาธรรมของนักบุญวินเซนเดอปอล
ไม่รับท่าน เพราะปัญหาหืดหอบและอาการปวดหัวบ่อยๆ
ท่านได้ประกอบอาชีพเป็นช่างทำสร้อย

ในปี ๑๘๕๘ เซลีพบรักกับช่างทำนาฬิกา หลุยส์ มาร์แตง และอีกสามเดือนต่อมา
ทั้งสองก็แต่งงานกันธุรกิจของเซลีประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งจนกระทั่ง
ปี ๑๘๗๐ หลุยส์ก็ขายกิจการทำนาฬิกาของเขาเพื่อช่วยเธอ สิบเดือนแรกหลัง
ชีวิตสมรส หลุยส์และเซลียังอยู่กันเหมือนพี่ชายน้องสาวจนกระทั่งพ่อผู้แนะนำ
วิญญาณแนะให้พวกท่านอยู่กันฉันสามีภรรยา ทั้งสองมีลูก ๙ คน
แต่มีลูกสาวเพียง ๕ คนเท่านั้นที่อยู่รอดจนโต

หลุยส์รักธรรมชาติอย่างละเอียดอ่อนลึกซึ้งและถ่ายทอดสิ่งนี้ให้กับเทเรซา
ทำให้เธอรักต้นไม้ภูมิทัศน์ท้องถิ่น เมฆ ทะเลและดาว หลุยส์ยังเป็นนักแสวงบุญ
ที่เดินทางไปหลายแห่ง ซึ่งก็เป็นคุณสมบัติรักการผจญภัยที่เทเรซารับมาด้วยเช่นกัน
หลุยส์เป็นคนศรัทธา ท่านทำห้องใต้หลังคาเป็นที่สวดภาวนาอ่านหนังสือและ
รำพึงภาวนา ท่านแบ่งเวลาแต่ละวันเหมือนตารางเวลาชีวิตอารามคือมีช่วงสวด
นมัสการทำงานในสวน และพักผ่อน ท่านให้ชื่อเล่นแก่ลูกๆ ทุกคน
ท่านเรียกเทเรซาว่าราชินีองค์น้อย

เซลีเสียชีวิตด้วยมะเร็งทรวงอกในวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๑๘๗๗ ขณะอายุ ๔๕ ปี
ไม่กี่สัปดาห์ให้หลังหลุยส์ก็ขายกิจการทำสร้อยและบ้าน ท่านย้ายไปอยู่ที่ลิซิเออร์
แคว้นนอร์มังดีที่ซึ่งน้องชายของเซลีอยู่ที่นั่นกับภรรยาและลูกสาวสองคน
หลังจากเซลีสิ้นชีวิต ลูกสาว ๔ คนได้เป็นภคินีในอารามคาร์เมไลท์
ส่วนอีกคนหนึ่งเข้าคณะ Visitandine

ในปี ๑๘๘๙ หลุยส์เป็นอัมพฤกษ์หลังอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ท่านต้องอยู่
ในโรงพยาบาลผู้ป่วยทางจิตเป็นเวลา ๓ ปี และเมื่อออกมาก็ได้รับการดูแล
จากลูกๆ อย่างเอาใจใส่จนสิ้นชีวิตในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๑๘๙๔

พระสันตะปาปาฟรังซิสได้สถาปนาหลุยส์และเซลีเป็นนักบุญ
ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๐๑๕

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 13, 2021 7:55 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม
นักบุญเคลลีอา บาร์บิเอรี
St. Clelia Barbieri
(๑๓ ก.พ. ๑๘๔๗ - ๑๓ ก.ค. ๑๘๗๐)

เคลลีอา บาร์บิเอรีเป็นนักบุญชาวอิตาเลียนและเป็นผู้ก่อตั้งคณะ
ใ Little Sisters of the Mother of Sorrows ท่านเป็นผู้ตั้งคณะนักบวช
ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรคาทอลิก

เคลลีอาเกิดในเมือง Bologna ประเทศอิตาลีบิดามารดาเป็นคนงานยากไร้
ท่านมีน้องสาวหนึงคน บิดาเสียชีวิตเมื่อท่านมีอายุเพียง ๘ ปีท่านต้องช่วยแม่
ปั่นเชือกป่านทำงานเลี้ยงครอบครัวแต่แม้จะเติบโตในสภาพยากจน เคลลีอา
ก็ได้รับการอบรมให้มีความศรัทธา ท่านเริ่มใช้เวลาในการสวดภาวนา
ตั้งแต่อายุยังน้อย

เคลลีอาช่วยเป็นครูคำสอนเมื่ออายุ ๑๔ ปีท่านแสดงถึงความเป็นผู้นำจนคุณพ่อเจ้าวัด
มอบหมายให้สอนข้อความเชื่อทางศาสนาแก่พวกเด็กสาว เมื่ออายุ๑๗ ปีเคลลีอา
ปฏิเสธคำขอแต่งงาน ท่านมุ่งจะดำเนินชีวิตอุทิศตนตามความศรัทธา

ในปี ๑๘๖๘ เคลลีอาได้ตั้งคณะนักบวช ขณะนั้นท่านมีอายุเพียง ๒๑ ปีสมาชิกคณะ
ของท่านทำงานช่วยเหลือคนยากไร้และเจ็บป่วยในท้องถิ่น สองปีหลังการตั้งคณะ
ท่านก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี ๑๘๗๐

ปัจจุบัน คณะที่ท่านก่อตั้งยังคงดำเนินภารกิจในอิตาลีอินเดียแทนซาเนียและบราซิล
มีบ้านของคณะ๓๕ แห่ง มีสมาชิกทั้งหมด ๒๙๖ คน

พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒ ประกาศแต่งตั้งท่านเป็นนักบุญในวันที่ ๙ เมษายน ๑๙๘๙

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ค. 14, 2021 9:54 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม
นักบุญคามิลโลเดอเลลลิส
St. Camillus de Lellis

คามิลโลเดอเลลลิส (ค.ศ.๑๕๕๐-๑๖๑๔) เป็นผู้ก่อตั้งคณะนักบวชคามิลเลียน
ท่านเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของโรงพยาบาล (ร่วมกับนักบุญยอห์นแห่งพระเจ้า)
ของพยาบาลและคนป่วย

คามิลโลเกิดที่เมือง Bucchioanico ประเทศอิตาลี เมื่ออายุ ๑๗ ปีท่านเข้าร่วม
กองทัพรบสู้กับพวกเติร์กท่านติดเชื้อที่รักษาไม่หายที่ขา ในปี ๑๕๗๔-๗๕ คามิลโล
สิ้นเนื้อประดาตัวเพราะการพนัน ท่านเกิดประสบการณ์กลับใจและสมัครเข้า
คณะฟรังซิสกันแต่ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ท่านจึงเข้าทำงานใน
โรงพยาบาล San Giacomo ในโรม ที่ซึ่งท่านเคยเป็นผู้ป่วยที่นั่นมาก่อน
คามิลโลดูแลเอาใจใส่พวกคนป่วยที่เป็นโรคไม่อาจรักษาให้หาย แต่ท่านตกใจ
กับสภาพย่ำแย่ของการดูแลคนป่วยของโรงพยาบาล ดังนั้นเอง ตามคำแนะนำ
ของพ่อวิญญาณของท่านคือนักบุญฟิลิป เนรีคามิลโลจึงออกมาตั้งโรงพยาบาล
ของท่านเอง

ท่านบวชเป็นพระสงฆ์ในปี ๑๕๘๔ และร่างพระวินัยที่เรียบง่ายสำหรับตัวท่านและ
ผู้ช่วยที่อาสาดูแลเหยื่อโรคระบาด คนป่วยในโรงพยาบาล ที่บ้านและที่คุก

ในปี ๑๕๙๑ คณะได้รับการรับรองและเปิดบ้านใหม่ที่เมืองเนเปิลคามิลโลและ
เพื่อนอีก ๒๕ คนได้เพิ่มข้อปฏิญาณตนพิเศษอีกประการหนึ่งคือ
"จะดูแลผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจโดยเฉพาะผู้เจ็บป่วยเพราะโรคระบาด"
เครื่องแบบของสมาชิกในคณะเป็นสีดำ มีไม้กางเขนสีแดงขนาดใหญ่บนหน้าอกเสื้อ

ในปี ๑๕๙๕ และ ๑๖๐๑ สมาชิกบางคนในคณะได้ช่วยเหลือผู้รับบาดเจ็บในการรบ
ที่ฮังการีและโครเอเชีย ซึ่งเป็นบันทึกแรกสุดของการมีหน่วยพยาบาลในสงคราม
คามิลโลเสียชีวิตที่โรมในวันที่ ๑๔กรกฎาคม ๑๖๑๔
ท่านได้รับการประกาศเป็นนักบุญในปี ๑๗๔๖

CR. : Sinapis
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 15, 2021 4:22 pm

ฉลองนักบุญ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม
นักบุญโบนาเวนตูรา นักปราชญ์ของพระศาสนจักร
St. Bonaventure, Doctor of the Church

โบนาเวนตูรา (ค.ศ.๑๒๒๑-๗๔) มีฉายาว่านักปราชญ์เทวดา ท่านเป็น
นักเทววิทยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร
ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ก่อตั้งคณะฟรังซิสกันคนที่สอง

โบนาเวนตูราเกิดในครอบครัวขุนนางใกล้เมือง Orvieto มีชื่อว่า
Giovanni de Fidanza ท่านเข้าคณะฟรังซิสกันในปี๑๒๔๓ และได้รับ
ศาสนนามว่าโบนาเวนตูรา พรสวรรค์ด้านสติปัญญาของท่านเป็นที่ประจักษ์
ในไม่ช้า ท่านถูกส่งไปศึกษาที่ปารีสกับนักเทววิทยาชาวฟรังซิสกันที่มีชื่อเสียง
อีกคนหนึ่งคือ Alexander แห่ง Hales โบนาเวนตูราได้เป็นอาจารย์ของสำนัก
ศึกษาของคณะฟรังซิสกันในปารีสในปี๑๒๕๓ แนวคิดทางเทววิทยาของท่าน
สืบสายนักบุญออกัสตินมากกว่าอริสโตเติ้ล ท่านเน้นเรื่องความรักยิ่งกว่าการ
ใช้สติปัญญาหาเหตุผล สำหรับท่านแล้วเป้าหมายของความรู้ของมนุษย์รวมทั้ง
เทววิทยาไม่ใช่เพื่อคิด แต่เพื่อให้รัก

ในปี ๑๒๕๗ เมื่อโบนาเวนตูราอายุ ๓๖ ปีท่านได้รับเลือกเป็นมหาอธิการของ
คณะฟรังซิสกัน ท่านผดุงรักษาอุดมคติของคณะอย่างเข้มแข็ง แต่ท่านก็มีสิ่งที่ต่าง
ไปจากนักบุญฟรังซิส โดยท่านเน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องศึกษาเล่าเรียน และดังนั้น
จำเป็นต้องครอบครองหนังสือและมีอาคาร ท่านยืนยันให้
สมาชิกคณะปฏิบัติตามจิตตารมณ์ฟรังซิสกันในขณะที่ทำหน้าที่สอนในมหาวิทยาลัย
ทำงานเทศน์สอนแนะนำชีวิตจิต และในทุกภารกิจ ท่านดำเนินชีวิตเรียบง่ายและเคร่งครัด
ท่านต้องรับตำแหน่งสังฆราชอย่างไม่เต็มใจ และมีบทบาทผู้นำในการประชุมสังคายนา
เมืองลียงครั้งที่ ๒ ในปี ๑๒๗๔

ท่านเสียชีวิตที่เมืองลียงในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๑๒๗๔ ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบุญ
ในปี ๑๔๘๒และถูกประกาศเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรในปี ๑๕๘๘

CR. : Sinapis
ตอบกลับโพส