เรื่อง “ผู้แคล้วคลาด”

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ส.ค. 05, 2021 9:55 pm

……เรื่อง "ผู้แคล้วคลาด" ตอนที่ (1)
โดย William M. Hendryx จากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนเมษายน 2545/2002, รวบรวมและเรียบเรียงโดย กอบกิจ ครุวรรณ
‘ เดล บัตเทนฮอฟ’ วัย 32 ปี ทำกิจส่วนตัวหลังตื่นนอนเหมือนทุกวัน เริ่มตั้งแต่
โกนหนวด อาบน้ำและสระผม จากนั้นก็เช็ดตัว สวมกางเกงยีนเก่าซีดและใส่รองเท้าบูท
แล้วเดินไปที่ประตูบ้าน แต่ก่อนจะถึงประตู เขาก็หยุดพลางเอามือล้วงกระเป๋าสตางค์
พวงกุญแจ และบัตรประจำตัวออกมาวางบนโต๊ะแต่งตัว เขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องพกของ
เหล่านี้เพื่อไปยังจุดหมายที่กำลังจะไป
อากาศเช้าตรู่เดือนมีนาคม 2000 เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ทั้งหนาวและชื้น
เดลเดิน มุ่งหน้าสู่แม่น้ำซึ่งต้องใช้เวลาราว 45 นาที ระหว่างเดินก็เห็นร้านค้าต่าง ๆ
เปิดประตูรอลูกค้า แต่ละก้าวที่เดินไปนั้น เขารู้สึกตัวลีบเล็กเพราะทั้งสมองและหัวใจไร้
ความรู้สึก เดลเริ่มเดินขึ้นไปตามบาทวิถีข้างสะพาน เขาเป็นคนถึงฆาตไม่ใช่แคล้วคลาด
แม้จะมีชีวิตรอด ทั้งที่ใช้ยาเสพติดมานาน 6 ปี และรอดชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ขณะเมายา
มาแล้วก็ตาม ชีวิตสมรสของเขาอับปางไปแล้ว เขาอยู่คนเดียวโดยไม่ติดต่อกับแม่ พี่น้อง 4 คน
และลูกสาววัย 10 ขวบ เดลละอายใจจนไม่กล้าสู้หน้าญาติพี่น้อง แต่ใจไม่แข็งพอจะหยุดเสพยา

**************
……ลินดา ยืนอยู่บนโป๊ะไม้ริมแม่น้ำ เบื้องหน้าคือสายน้ำขุ่น เธอตบมือเสียงดังก้อง 2 ครั้งกระตุ้น
ทุกคนให้ “ร่วมแรงร่วมใจกัน” แม้ว่าอากาศยามเช้าจะหนาวจัด แต่ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งซึ่งมาจากที่ต่าง ๆ
ในเมืองพอร์ตแลนด์กำลังร่วมกันฝึกพายเรือมังกรซึ่งเป็นเรือแคนูแบบเอเชีย ผู้หญิงกลุ่มนี้มีทั้งแม่
วัยสาว ยายสูงอายุ และหญิงโสด แต่สิ่งที่ดึงดูดให้ทุกคนมารวมกันคือมิตรภาพและชะตากรรมเดียวกัน
ลินดากับเพื่อนทุกคนสวมหมวกแก๊ปสีชมพูด้านหน้ามีคำว่า “ผู้แคล้วคลาด”
วันนี้ลินดารับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการฝึกซ้อม เธอนั่งประจำที่หัวเรือ ประจันหน้ากับฝีพายทั้ง 9 ที่นั่ง
ชิดจนไหล่ชนกันแถวละ 2 คนและมีคนคัดท้าย 1 คน เมื่อเทียบกับทีมอื่น ๆ ในพอร์ตแลนด์ ฝีพาย
ในทีมของลินดาจัดว่าอ่อนหัดเพราะแต่ละคนร่างกายอ่อนแอ แต่ทีมนี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาล่าถ้วยรางวัล
เป้าหมายแท้จริงคือการเอาชนะโรคมะเร็งเต้านม
“ชูพายขึ้น” ลินดาสั่ง “จ้วงน้ำ”
มีเวลาซ้อมในน้ำเพียงชั่วโมงเดียว และตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว 10 นาที ลินดาจึงตัดสินใจไม่พายออกไป
กลางแม่น้ำเหมือนอย่างเคย แต่เปลี่ยนมาซ้อมจังหวะการพายอยู่ใกล้ ๆ โป๊ะนั่นเอง

โปรดติดตามตอนที่ (2)ในวันพรุ่งนี้
:s030:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ส.ค. 05, 2021 10:00 pm

……เรื่อง "ผู้แคล้วคลาด" ตอนที่ (2)
โดย William M. Hendryx จากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนเมษายน 2545/2002, รวบรวมและเรียบเรียง
โดย กอบกิจ ครุวรรณ
…….เดลหยุดอยู่กลางสะพาน ขณะนั้นเวลา 7.30 น. ของวันเสาร์จึงมีรถผ่านไปมา
น้อยมาก ชายหนุ่มผู้สิ้นหวังดึงมือออกจากกระเป๋าเสื้อกันหนาว วางลงบนขอบ
สะพานคอนกรีตที่เย็นจัด
เบื้องล่างลงไปราว 40 เมตร คือสายน้ำขุ่นและเย็นเฉียบ การตกลงไปในแม่น้ำ
ก็ไม่ต่างจากการกระโดดจากตึกสูง 12 ชั้น “แค่นี้น่าจะทำให้ตายได้” เดลคิด หรือ
อย่างน้อยที่สุดก็คงสลบและจมน้ำตายแล้วถูกกระแสน้ำพัดออกทะเลไป ทั้งหมดนี้
คือสิ่งที่เขาต้องการ พูดง่าย ๆ ก็คือหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
ลินดาพบก้อนเนื้อในเต้านมขณะให้นมลูกคนที่สอง ตอนนั้นเป็นช่วงกลางปี 1997
หมอลงความเห็นว่า แม่วัย 36 ปีของลูกเล็ก ๆ สองคนเป็นมะเร็งเต้านมแบบร้ายแรง
และกำลังลุกลาม
ลินดารู้แก่ใจว่า ถ้าต่อสู้ตามลำพังเธอต้องแพ้แน่ ๆ ดังนั้นแทนที่จะหันหลังให้เพื่อนฝูง
และครอบครัว เธอยินดีรับกำลังใจจากทุกคน ที่หัวเตียงมีรูปถ่ายของลูกสาวทั้งสอง
วางไว้เสมอ และสามีก็คอยให้กำลังใจ ความรักจากญาติมิตรทำให้เธอเข้มแข็งพอ
จะต่อสู้กับความหวาดวิตกและความเจ็บปวดขณะรับการรักษา เริ่มตั้งแต่การตัดเต้านมทิ้ง
การทำเคมีบำบัดหลายเดือน การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ และการฉายรังสี
นอกจากนี้เธอยังเปิดใจรับความช่วยเหลือจากสังคมภายนอกด้วย ครั้งแรกที่ได้ยินข่าว
เกี่ยวกับทีมพายเรือ ลินดาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรือมังกรหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็ไปร่วมพายเรือ
เป็นครั้งแรกทั้งที่เล่นกีฬาไม่เป็นเลย
อากาศตอนนั้นชวนหดหู่อย่างยิ่ง ทั้งหนาวชื้นและมัวซัว แต่ทั้งทีมก็รู้สึกอบอุ่นและสดใสกันทั่วหน้า
ลินดาบอกตามตรงว่าไม่เคยจับพายมาก่อน แต่เรื่องนั้นไม่เป็นอุปสรรค การรวมตัวกันฝึกซ้อม
ที่แม่น้ำสัปดาห์ละครั้งเป็นภาพจำลองชีวิตจริงของผู้หญิงทุกคนในเรือซึ่งกำลังต่อสู้กับชะตากรรม
เดียวกันด้วยความกล้าหาญ
เดลชะโงกหน้ามองดูสายน้ำเบื้องล่าง “ใครก็ตามที่ฟังอยู่” เขาพึมพำ “ยกโทษให้ผมด้วย”
เขาสูดลมหายใจลึกก่อนกระโจนลงไป
“พวกเราโชคดีเหลือเกินที่มีชีวิตอยู่” ลินดาตะโกนบอกเพื่อนร่วมทีมขณะที่เรือแล่นลัดเลาะไปตาม
ชายฝั่งเว้าแหว่ง : “พายต่อไป”
ชีวิตประจำวันที่ไม่แน่นอนเป็นอุปสรรคทางใจอย่างใหญ่หลวงในการต่อสู้กับมะเร็งร้าย
แต่ถ้าต้องตายวันพรุ่งนี้ ลินดาก็หวังว่าจะทิ้งความทรงจำดี ๆ ไว้ให้ลูกสาวทั้งสอง เธอกอดลูก
พูดคุยและพยายามหาเวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุด นอกจากนี้ยังหาหัวดอกทิวลิปมาปลูกในสนาม
หน้าบ้าน เธออาจมีอายุไม่ยืนนานพอที่จะเห็นต้นทิวลิปงอกพ้นดิน แต่เธอรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่คิดว่า
ลูกทั้งสองจะได้ชื่นชมดอกทิวลิปแน่ ๆ
ณ วินาทีที่มือขวาหลุดจากขอบสะพาน เดลก็รู้ตัวว่า “คิดผิด” ขณะที่ลอยคว้างอยู่ราว 3 วินาทีดู
ยาวนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ เขาตะเกียกตะกายอยู่กลางอากาศ สองขากวัดแกว่งไร้จุดหมาย
ก่อนจะกระแทกผิวน้ำด้วยความเร็วเกือบ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นร่างก็จมดิ่งลง
ลินดาสะดุ้งเมื่อเห็นน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้างห่างออกไปราว 300 เมตร ทันใดนั้นเพื่อนร่วมทีม
คนหนึ่งก็ตะโกนว่า “อะไรก็ไม่รู้หล่นจากสะพาน”

โปรดติดตามตอนที่ (3)ในวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ส.ค. 05, 2021 10:07 pm

…….เรื่อง "ผู้แคล้วคลาด" ตอนที่ 3 (ตอนจบ)
โดย William M. Hendryx จากหนังสือสรรสาระ
ฉบับเดือนเมษายน 2545/2002, รวบรวมและเรียบเรียง
โดย กอบกิจ ครุวรรณ
……… “คนหล่นจากสะพาน” ผู้หญิงอีกคนบอก
ลินดาหันไปเห็นวัตถุสีแดงลอยผลุบ ๆ โผล่ๆ อยู่กลางแม่น้ำ เธอพยักหน้าบอกคน
คัดท้ายและตะโกนว่า “รีบพายเข้า อย่าช้า” ทั้งทีมร่วมแรงร่วมใจกันพาย “ทำใจดี ๆ
ไว้ เรามาช่วยแล้ว” ผู้หญิงในเรือร้องเสียงหลง แรงกระแทกรุนแรงพอ ๆ กับถูกรถชน
แต่เดลก็ยังไม่ถึงฆาต เขากระเสือกกระสนขึ้นมาถึงผิวน้ำด้วยความรู้สึกมึนงงแต่ยัง
ไม่หมดสติ ทีแรกเขาเคยหวังว่าจะตายทันที แต่ตอนนี้กลับดิ้นรนเอาชีวิตรอด
เดลพยายามว่ายน้ำ แต่เสื้อผ้าอุ้มน้ำเย็นเฉียบไว้จนหนักอึ้งและรองเท้าบูทก็ถ่วงให้
จมลึกลงไป เขาพยายามลอยตัวและเงยหน้าอยู่เหนือผิวน้ำ ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนฝัน
เมื่อได้ยินเสียงคนและเสียงพายกระทบน้ำ
ลินดาบอกให้ลูกทีมพายเรือเข้าไปหาชายหนุ่ม ไม่ถึง 2 นาทีเรือก็ลอยมาอยู่ข้าง ๆ
ร่างในน้ำ เห็นได้ชัดว่า เขากำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด
“เกาะเรือไว้” ลินดาบอก ลูกทีมเอาพายราน้ำไว้เพื่อให้เรือลอยนิ่ง ๆ ถ้าลากตัวเขาขึ้นมา
เรือจะต้องพลิกคว่ำแน่นอน ผู้หญิง 2 คนที่หัวเรือพยุงร่างให้ใบหน้าของเขาลอยเหนือน้ำไว้
“คุณปลอดภัยแล้ว” ฝีพายคนหนึ่งกระซิบข้างหูเดล “เดี๋ยวก็จะมีคนมาช่วย อยู่เฉย ๆ นะ”
เดลหอบ รู้สึกอ่อนเปลี้ยไปหมด “ผมขอโทษ” เขาพึมพำไม่หยุดปากเหมือนกับจะขอขมาต่อ
แม่และลูกสาว รวมทั้งบรรดาผู้หญิงที่ช่วยกันฉุดเขาไม่ให้จมน้ำ
ทุกคนในเรืออึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อรู้ว่า ชายหนุ่มคิดฆ่าตัวตายเพราะเหตุใด ทุกคนเข้าใจดี
ถึงความรู้สึกสิ้นหวังจึงไม่ตำหนิเขา
ขณะต่อสู้กับมะเร็ง ทุกคนต่างก็เคยคิดจะจบชีวิตตัวเองเช่นกันซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ญาติ ๆ
ที่อยู่ข้างหลังจะทำอย่างไร ขณะนี้โชคชะตาพลิกผันให้พวกเธอเป็นฝ่ายช่วยชีวิตชายแปลกหน้าไว้
บางทีเขาอาจเป็นผู้แคล้วคลาดอีกคนก็ได้
ร่างกายของเดลได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มีแผลถลอกที่ขา สะโพก และหลัง แต่ด้านจิตใจแล้ว
บาดแผลนั้นลึกเหลือเกิน ระหว่างนอนในโรงพยาบาลเป็นคืนที่สอง เดลก็ยอมรับกับแม่เป็นครั้งแรกว่า
เขาต้องการความช่วยเหลือ
ลินดารู้ดีว่ากำลังใจสำคัญเพียงใด จึงชวนเพื่อนร่วมทีมอีกคนไปเยี่ยมเดลพร้อมทั้งนำของขวัญไปให้
ได้แก่ กรอบรูปสำหรับใส่รูปลูกสาว คัมภีร์ไบเบิ้ล และช่อทิวลิป อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง
ของลินดา
“สวัสดีค่ะ เราสองคนอยู่บนเรือที่ช่วยคุณ” ลินดากล่าว
เดลยิ้มอาย ๆ เพราะรู้สึกกระดากใจระคนสำนึกบุญคุณ ก่อนหน้านี้แม่เล่าเรื่องทีมพายเรือซึ่ง
ประกอบด้วยฝีพายที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งให้เขาฟัง เขารู้สึกซาบซึ้งในความกล้าหาญ ความมุ่งมั่นที่
จะมีชีวิตรอดจากโรคร้าย น้ำใจเมตตา และจิตใจดีของสตรีกลุ่มนี้ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องการ
เป็นอย่างยิ่ง “ขอบคุณมากครับ” เดลกล่าว
เดือนต่อมา เดลเข้ารับการบำบัดอาการติดยาและเลิกได้ในที่สุด เขายังปวารณาตัวเป็นลูกทีม
ของลินดากับเพื่อน ๆ ซึ่งถือเป็นแม่แบบใหม่สำหรับเขา เดลไปร่วมกิจกรรมทุกอย่าง ส่งเสียงเชียร์
เวลาแข่งขัน และซึมซัมพลังของพวกเธอ ทุกวันนี้เขาไม่หวนไปหายาเสพติดอีกเลยและฟื้น
ความสัมพันธ์กับลูกสาวคนเดียวโดยเล่าความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตเหลวแหลกแต่หนหลัง
ปัจจุบันเขาตั้งใจจะศึกษาต่อ เพื่อทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ในโครงการบำบัดผู้ติดยาที่ช่วย
ให้เขาหลุดพ้นจากนรกของยาเสพติด
เดลยังคงผูกพันกับทีมพายเรือ “ผมอยากให้พวกเธอภูมิใจในตัวผม” เดลกล่าว
“ผมอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า การช่วยชีวิตผมไว้นั้นไม่เปล่าประโยชน์เลย”

****************************
จบบริบูรณ์

:s012:
ตอบกลับโพส