หนังสือ หมายเหตุแห่งยุค ( 1)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ส.ค. 06, 2021 6:10 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
...............................
เรื่องที่ 1 :

🌱ท่านเจ้าขา...โปรดช่วยด้วยเถิด🌱

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องพิธีกรรมที่ยุ่งยาก ลึกลับซับซ้อนขั้นตอนยาวนาน

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรืองสูงสุดจนมนุษย์ธรรมดาเข้าไม่ถึง หรือห่างไกลจนไปไม่ได้

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องของการนับถือรูปปฏิมา เครื่องรางของขลัง เทวรูปมีฤทธิ์อำนาจวิเศษ

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องอภินิหาร แปลกประหลาด มหัศจรรย์ พิสดาร อยู่ยงคงกระพัน

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องธุรกิจ การค้า ชื้อขายแลกเปลี่ยน เป็นช่องทางทำมาหากิน

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องของสมณะนักบวชเท่านั้น ฆารวาสไม่มีส่วนร่วม

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องของคนชรา คนมีปัญหา คนว่างๆไม่มีอะไรทำ

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องของเฉพาะเชื้อชาติ ชนชั้น หรือกลุ่ม

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องส่วนตัวที่น่าปกปิด ต้องคุยในที่ลับ

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นสาเหตุให้เกิดความแตกแยกในครอบครัว ในสังคม ประเทศ และในโลก

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
ทำคนให้เป็นทาส ลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ตํ่าลง

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องการยึดติดกับสถานที่ต้องที่มหาวิหาร ที่บนเขา เข้าสำนัก ลงถํ้า

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องไร้เหตุผล งมงาย หลงผิด อวิชชา

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องของการพนัน แหล่งอบายมุข เข้าวัดเข้าวามองหาแต่ตัวเลข

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องการเมือง เป็นเครื่องมือของการเมือง หรือเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องการหงติดกับการนับถือบุคคลเป็นผู้วิเศษ แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเรื่องการบริจาค ทำบุญทำทาน ถวายปัจจัย ให้พระสงฆ์ นักบวช ให้ศาสนา

โปรดอย่าทำให้ศาสนา...
เป็นเพียงเรื่องที่ต้องทำตามระบบ ระเบียบ กฏ วินัย ประเพณีเท่านั้น

🌱🌱แต่...ท่านเจ้าขา🌱🌱
*** ขอโปรดให้ศาสนาเป็นเรื่องของชีวิตมนุษย์ทั้งครบ
*** เป็นความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เยี่ยงบิดากับบุตร
*** เป็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เยี่ยงพี่น้องกัน
*** เป็นเรื่องของจิตใจ เป็นความรัก เมตตาต่อกัน
*** เป็นทางนำไปสู่ความสว่าง สงบ สันติสุขในจิตใจ
*** ผู้ที่นมัสการพระเจ้าด้วยจิตใจ และความจริง

🌱🌱 ท่านเจ้าขา...โปรดช่วยด้วยเถิด...และรีบหน่อยนะเจ้าข้า !🌱🌱

✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 20 ปี 2540
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อังคาร ส.ค. 17, 2021 12:34 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ส.ค. 09, 2021 8:01 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
...................................
เรื่องที่ 2 :

🍀" เคียร่า ลูบิก " ทูตแห่งมิตรภาพ 🍀

……ในเช้าวันที่ 31 ธันวาคม 1996 เป็นวันสิ้นปีเก่าขณะที่ทุกคนเตรียม
ฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กัน

คนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก็ออกต่างจังหวัด เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ และชีวิตที่แออัด
จำเจ ไปตามชายทะเล เข้าป่า ฯลฯ ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัดก็กลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง
ธุรกิจทุกอย่างปิดเกือบสนิทการเจรจาในกรุงเทพฯ โล่งตลอด
บริเวณอาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก เงียบสงบเพราะโรงเรียน 3 แห่งบริเวณรอบๆ
ต่างหยุดกันตั้งแต่คริสต์มาสแล้วรอเพียงตอนเย็นจะมีมิสซาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
ประมาณ 9.30น.มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดและมีผู้ติดตาม 3 คน
หญิงวัยสูงอายุสวมชุดสีขาว ผิวขาว และเส้นผมสีขาวก้าวลงจากรถที่บริเวณหน้าโบสถ์ด้วย
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มดูสง่างาม
เธอคือ " เคียร่า ลูบิก " หญิงที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี เธอคือผู้ก่อตั้งคณะโฟโคลาเร
มีสมาชิกเป็นล้านๆคน ในหลายสิบประเทศ เธอคือผู้ที่ยูเนสโกมอบ :" รางวัลสันติภาพ"ให้
จุดประสงค์ในการมาเมืองไทยครั้งนี้ " อุดมสาร " ได้มีโอกาสพูดคุยและรับทราบว่า
มีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ พระมหาทองรัตน์ ซึ่งเคยได้รู้จักกับคณะโฟโคลาเร ได้มีโอกาสไป
สัมผัสกับการเจริญชีวิตของสมาชิก เคยเดินทางไปถึงล็อปเปียโน อิตาลี พระภิกษุอีกบางรูป
ที่เคยไปเยี่ยมชมคณะนี่ ก็จะได้มีโอกาสพบปะกันที่เมืองไทยด้วย
และอีกประการหนึ่งคือมีการพบปะกับสมาชิกคณะโฟโคลาเรในภูมิภาคเอเซีย
ประมาณ 700-800 คน ในวันที่ 4 ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และรับปริญญาดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์ สาขาสื่อสารมวลชน จากมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น
ในวันที่ 5 ธันวาคมด้วย
ชุดแต่งกายที่ดูสะอาด สง่า และสีขาวที่รับกับผิวของเธอช่างดูกลมกลืน น่าประทับใจ
ใบหน้าไม่มีร่องรอยของเครื่องสำอางค์ให้เห็นแม้นแต่น้อย รอยยิ้มและสายตาดูจริงใจ
เป็นกันเอง เรานั่งคุยกันที่ม้านั่งตอนท้ายในวัด มีล่ามคอยแปลเป็นภาษาอิตาเลี่ยนและภาษาไทย
อุดมสารได้ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาที่เกิดขึ้น เคียร่าได้มีโอกาสพบปะกับพระ
ในศาสนาต่างๆและโดยเฉพาะในศาสนาพุทธ ที่รู้จักและได้ตอบรับคำเชื้อเชิญ ว่ามีความรู้สึก
อย่างไรในความสัมพันธ์นี้ " ช่วยทำให้กำแพงทะลุ เกิดมีความรู้ความเข้าใจกันโดยอาศัย
ความรักซึ่งกันและกัน ความเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องซึ่งเป็นคำสอนของแต่ละศาสนา
จะทำให้เกิดมิตรภาพ สันติภาพในระหว่างศาสนาต่างๆ
การพบปะกันทำให้มีการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม ความรู้ทำให้เกิดความเข้าใจที่ดี
ต่อกันและกัน สิ่งที่เหลือต่อไป พระจิตเจ้าจะทรงนำทางเอง "
คณะโฟโคลาเร เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เป็นองค์กรที่มีกิจกรรมต่างๆเกี่ยวกับเยาวชนทั่ว
โลกเป็นจำนวนมาก มีงานชุมนุมประจำปีที่เรียกว่า "เยนเฟส" มีเยาวชนจากทั่วโลกหลายหมื่นคน
ไปร่วมงานกันเป็นประจำ..

🍀🍀 ในความคิดของเคียร่าต่อเยาวชน "เยาวชนคือความหวัง มีความสำคัญต่อโลก
และต่อพระศาสนจักรอย่างมาก และคณะโฟโคลาเรก็ให้ความสำคัญต่อเยาวชน
เป็นอย่างมากด้วย 🍀🍀

✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 3-4 ปี 2540
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ส.ค. 09, 2021 8:05 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
...............................
เรื่องที่ : 3

🌱 คุณแม่เทเรซา แห่ง กัลกัตตา แม่พระของคนจน 🌱

ถ้าจะร้องไห้ ก็ควรจะร้องให้กับคนดีๆที่ต้องจากไปเถิด

ถ้าจะคิดถึง ก็คิดถึงความดีที่เขาได้ทำไว้ และเป็นกำลังใจให้ทำตาม
จึงคุ้มกับคุณค่าของน้ำตาและเวลาแห่งการคิดถึง
แต่ถ้าคนดีๆเหนื่อยมากแล้ว ก็จงยินดีเถิดที่เขาจากไป ที่เหลือเป็นเรื่องของเรามั่ง

ข่าวชิสเตอร์เทเรซา แห่งกัลกัตตา อายุ87ปี พระได้ยกไปเมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 1997
ดึงดูดความสนใจของ คนทั่วโลกให้หันไปมองอินเดียอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะที่
เมืองกัลกัตตา ด้านตะวันออกของอินเดีย
ท่านเป็นชาวแอลเบเนีย และมาเป็นธรรมทูตในอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีพลเมือง
ถึง 900 กว่าล้านคน รองจากจีน ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดูถึง 80 กว่าเปอร์เซ็นต์
ประชาชนยากจน และอดอยาก มีจำนวนมาก

ซิสเตอร์เทเรซาท่านทำงานมาตั้งแต่วัยสาว จนกระทั่งแม้นท่านจะอายุมากแล้ว
เหน็ดเหนื่อยมากกับชีวิตที่ได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อความรักต่อพระเป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์
โดนเฉพาะคนที่ตํ่าต้อยยากจน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวการเจ็บป่วยเป็นระยะ
จนถึงที่สุดได้เลือกซิสเตอร์นิรมล เป็นผู้ที่รับตำแหน่งแทนเรียบร้อยแล้ว

การที่คน คนหนึ่งทำความดีคงไม่ยาก ถ้าทำแล้วมีผลตอบแทนกลับมาทันที
ถ้าทำเพียงครั้งสองครั้ง หรือเพียงระยะสั้นๆ ก็ไม่หนักเท่าไหร่ แต่นี่เป็นการอุทิศชีวิต
และทุ่มเทตลอดชีวิตจนนาทีสุดท้าย
ชีวิตนี้ท่านได้มอบแด่พระเจ้าในคนยากจนจนถึงที่สุด ท่านทำราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

พร้อมกับซิสเตอร์ในคณะของท่านที่ก้าวเข้ามาสู่ชีวิตนักบาชในคณะอีกถึง 4,000 คน
ที่ทำงานอยู่ทั่วโลกประมาณเกือบ 130 ประเทศ

ชีวิตของซิสเตอร์เทเรซา พร้อมด้วยสมาชิกในคณะทุกคนที่ร่วมสืบทอดเจตนารมณ์ของท่าน
ซึ่งมีรากฐานมาจากคำสอนของพระเยซูเจ้า เช่นเดียวกับองค์กรอื่นๆ อีกมากมายในพระศาสนาจักร

ชีวิตของพระศาสนจักร คือชีวิตคริสตชนทุกคน โดยเฉพาะพระสงฆ์ นักบวช
บุคคลากรของศาสนา คือผู้ร่วมอุดมการณ์ สืบทอดเจตนารมณ์ของพระเยซูคริสตเจ้า

พระศาสนจักรจะต้องเป็นประจักษ์พยานแห่งความเชื่อในพระเป็นเจ้า เป็นประจักษ์พยาน
แห่งความรักในพระเป็นเจ้าและเพื่อนพี่น้อง โดยเฉพาะผู้ที่ยากจน ผู้ที่ถูกทอดทิ้ง คนตํ่าต้อย ฯลฯ

เมื่อปีค.ศ.1991 ซิสเตอร์เทเรซา แห่งกัลกัตตา ได้มาเมืองไทยและได้แวะคำนับ
พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล กิจบุญชู ที่สำนักมิสซังกรุงเทพฯ ตอนนั้นท่านอายุ 81 ปี ร่างเล็ก
แต่ดูท่าทางยังแข็งแรงกระฉับกระเฉงทีเดียว

ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านของซิสเตอร์คณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรมแห่งหนึ่ง
ในประเทศโครเอเทีย หลายปีมาแล้ว เป็นบ้านเล็กๆ มีวัดน้อยติดกับห้องพัก
เเละบรรยากาศสงบเงียบ มีซิสเตอร์อยู่กันสาม สี่คน มีคนงานแจกอาหาร ดูแลคนเจ็บป่วย ฯลฯ

ที่บ้านมีแผ่นกระดาษเขียนเป็นข้อความสั้นๆของคุณแม่เทเรซาว่า...
❤️ ผลของความเงียบ คือการภาวนา
❤️ ผลของการภาวนา คือความเชื่อ
❤️ ผลของความเชื่อ คือความรัก
❤️ ผลของความรัก คือการรับใช้

🎉หมายเหตุ: พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้ทำพิธีสถาปนา คุณแม่เทเรซา
แห่งกัลกัตตา เป็น " บุญราศี " วันที่ 19 ตุลาคม 2003 ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร 🌱


✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 39 ปี 2540
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ส.ค. 12, 2021 10:52 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
...............................
เรื่องที่ 4 :

📽️ อ่านสื่อ ยากยิ่งกว่าอ่านหนังสือ 📚

" เราคิดอย่างไร เราก็เป็นอย่างนั้น... และ ความคิดของเราเป็นอย่างไร
ก็อยู่ที่ข่าวสารข้อมูลที่ได้รับมา "...

แต่...ข่าวสารความรู้ที่ได้รับมาควรเป็นบันใดให้ชีวิตเราก้าวหน้าดีขึ้น
" การเลือก " จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับยุคนี้ตั้งแต่แรก เลือกหนังสือ
เลือกรายการวิทยุโทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ
สังคมยุคนี้เหมือนกับห้องสมุด โลกอยู่ต่อหน้าเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ต
เหมือนตลาดสด ฯลฯ เราจะทำอย่างไรกับความรู้ที่เราได้รับมา

ระดับแรกเพียง " รับรู้ รับข้อมูลข่าวสาร " แต่ละวันมีมากมายมหาศาล
ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ ศาสนา กีฬา ฯลฯ
และสมัยนี้ การเสนอก็ออกมาในรูปของแยกส่วน เฉพาะกลุ่มมากขึ้น ใครสนใจ
อะไรก็สามารถแสวงหาได้สะดวก รวดเร็วเฉพาะเรื่อง ผ่านทางสื่อยุคนี้
ทำให้ความรู้กระจายสู่ทุกคน
แหล่งข้อมูลจึงเป็นเรื่องสำคัญ ใครมีแหล่งที่ดี มีจากหลายแหล่งมากกว่า
ก็ได้เปรียบ มีโอกาสดีกว่า

ระดับที่สอง "หล่อหลอม " คือเมื่อได้รู้แล้ว ก็นำมากลั่นกรองแยกแยะด้วยเหตุและผล
หล่อหลอมความรู้สึก ความคิดของตนเองขึ้นเป็นทัศนะคติเหล่านี้ อาจจะมีต่อบุคคล
สังคม หรือสถาบันก็ได้ เพราะเป็นได้ทั้งด้านดีและด้านลบ
และหากเป็นสังคมก็กลายเป็นความคิดเห็นระดับกว้างเกิดสำนึกร่วมกันกลายเป็น
"มติมหาชน" กลายเป็นพลังที่สำคัญ ในการผลักดันให้เกิดการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
ได้เช่น เรื่องการรณรงค์ ประหยัดน้ำ รักษาสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ในระดับนี้เป็นการอบรมบ่มนิสัย ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล แบบอย่างจะมีพลังอย่างมาก
เช่น ผู้ให้การอบรม ครู พระสงฆ์ นักบวช จะเป็นแม่พิมพ์ เป็นแม่ปู ฯ ที่จะก้าวไปสู่ระดับ
การเปลี่ยนแปลง

ระดับที่สามคือ " การปฏิบัติที่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม" เป็นขั้นที่ยากและลำยากคือ
การลงมือปฏิบัติทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ได้ผ่านขั้นตอนต่างๆเหล่านี้แล้วจะ
ต้องมาถึงการปฏิบัติ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เช่น การใช้จ่ายฟุ่มเฟือย กินทิ้ง กินขว้าง
เช่น ป.ปลานั้นหายาก...

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้รับสื่อต่างๆในสมัยนี้ เริ่มมีความรู้สึกและประสบการณ์ได้สอน
ให้เป็นคนที่รอบคอบมากขึ้นในการรับรู้ ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อใจสื่อที่นำเสนอ
แม้นในสิ่งที่ได้รู้ได้เห็นเพราะอาจจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง
ในอนาคตก็ได้

สังคมทุกวันนี้ เสรีภาพสังคมสื่อมวลชนวันนี้ เปิดโอกาสให้มีการสื่อสารกันหลายทาง
หลายมุมมอง ความจริงในเรื่องเดียวกัน อาจจะมองกันได้หลายแง่มุม มองเป็นลบ
มองเป็นบวก มองเป็นดีเป็นชั่วก็ได้ แล้วแต่คนมอง คนพูดว่ามีพื้นฐานหรือเป็นคนอย่างไร

ขณะที่สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยสื่อ และตัวเราแต่ละคนก็เป็นทั้งผู้รับ และผู้สื่อสารให้กับ
ผู้อื่นตลอดเวลา การพยายามเข้าใจ และเรียนรู้เรื่องการสื่อสาร หรือการพยายามอ่านสาร
จากสื่อให้ออก เหมือนอ่านหนังสือออก ซึ่งมีสารมากมายที่สื่อสารอยู่ในเวลานี้
มิใช่เพียงในตัวหนังสือเท่านั้น

การอ่านสื่อ ยากยิ่งกว่าอ่านภาษาหนังสือมากนัก และเรามักไม่ได้เรียนกัน
หลายคนจึงรับสื่อมากมายแต่อ่านสื่อไม่ออก เหมือนกับมีหนังสืออยู่เต็มบ้าน
แต่เราอ่านไม่ออก ได้แต่ดูรูปทำนองนั้น

และหากคนที่ได้รับรู้สื่อทางเดียวและไม่คิดด้วยเหตุและผลเท่าที่ควร
อาจจะโดนจูง หรือล้างหัวได้ง่าย...

🍠🥔ถ้ารู้ว่า "มัน" คือ "potato" (มันฝรั่ง) เท่านั้น...🥔🍠


✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 44 ปี 2540
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ส.ค. 12, 2021 10:55 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
...............................
เรื่องที่ : 5

👏👍 น้ำใจให้คนดี👏👍

ซึ้งจนน้ำตาซึมกับข่าวสามล้อคนดี นายชำนาญ ลอระพงษ์ ที่มีน้ำใจเข้าไปช่วยแม่ค้า
ที่ถูกกระตุกสร้อยคอไป โดยขับสามล้อตามผู้ร้าย 2 คนไปและเข้าแย่งเอาสร้อยคืนมา
ให้แม่ค้าแต่เกิดต่อสู้กันขึ้น จนถูกแทงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 1997 นี้

เขาพยายามทำหน้าที่พลเมืองดี ที่คนมีหน้าที่หลายๆคนยังไม่กล้า
เราๆ ท่านๆ ที่ได้ยินได้ฟังข่าวและเรื่องราวอย่างนี้ ก็รู้สึกสะเทือนใจ ทั้งเศร้าและซึ้ง
เขายังมีภรรยา และมีลูกอีกสองคนที่กำลังน่ารัก

ต่อมาก็ได้ทราบข่าวจากสื่อสารมวลชนทั่วไปว่า ได้มีผู้มีนํ้าใจดี แสดงน้ำใจดีต่อ
ครอบครัวกันอย่างท้วมท้น รวมทั้งยังบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัว และเป็นกำลังใจ
ส่งเสริมคนทำความดีธรรมดาๆ แม้นไม่ใช่คนมีชื่อเสียงอะไร เป็นเพียงคนขับสามล้อคนหนึ่ง

เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เห็นพลังน้ำใจของพี่น้องคนไทย ที่เป็นพลังเงียบ แต่เมื่อมีอะไร
เกิดขึ้นมา ก็หลั่งไหลมาสู่ผู้ทำความดีอย่างน่าปลาบปลื้มใจ ทำให้เห็นว่าบ้านเมืองเรา
คนดีและมีน้ำใจยังมีอีกมาก..

พี่น้องที่เคารพครับ การแสดงออกถึงการช่วยเหลือเป็นกำลังใจแก่คนดีครั้งนี้
เป็นนิมิตรหมายแห่งกาลเวลาในบ้านเมืองของเรา คนดีที่มีน้ำใจ ที่ทำความดีอยู่แล้วเวลานี้
ยังมีอีกมากมาย หากเราหันมาส่งเสริมกันให้เป็นที่ประจักษ์แจ้ง แม้นเขาจะทำสิ่งเล็กๆน้อยๆ

เพียงน้ำใจและรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นอย่างจริงใจ เพื่อนๆพี่น้องทำดีต่อเรา หรือต่อสังคม
ส่วนรวม จงพยายามเป็นคนแรกที่จะชื่นชมยกย่องเขาอย่างจริงใจ

อย่าไปขโมย หยิบเอาน้ำพักน้ำแรงของคนอื่นที่เขาทำดี เอามาเป็นของตนเอง เป็นสิ่ง
ที่มิใช่น่าอับอายเท่านั้น แต่ยังน่าประณามด้วยไม่ให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่างสืบต่อไป

แม้นคนกวาดถนน เก็บขยะ กระเป๋ารถเมล์ เราควรทักทาย ยิ้มแย้ม หรือมีน้ำสักแก้ว
ให้เขาเวลาเหนื่อย โอ้...ถนนจะสะอาดขึ้นอีกมากทีเดียว

แต่การให้กำลังใจ และชมขอให้พอดีๆ อย่าให้มันมากมายจนเกินไปไม่เป็นธรรมชาติ
ถ้าการให้กำลังใจ การส่งเสริมคนดีๆ กลายเป็นวัฒนธรรมของไทยเป็นแบบปกติ
บ้านเมืองเราก็จะอยู่เย็นเป็นสุข
ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจดีๆ ทหารดีๆ ฯลฯได้รับกำลังใจจากพวกเราประชาชนมากขึ้น
เชื่อว่าเราจะเห็นตำรวจดีๆ ทหารดีๆ มากขึ้น
ถ้าครูบาอาจารย์ อาสาสมัครที่ผู้ใหญ่ได้เห็นผู้น้อยได้ทำดี หรือแสดงความมีน้ำใจอย่างดี
ในหน้าที่ความรับผิดชอบ ก็จงอย่างคิดว่าจะเสียหน้า ที่จะยกย่อง ชอบใจเขา ถ้าผู้น้อย
ได้เห็นความรู้ ความสามารถของผู้ใหญ่ หัวหน้า ก็จงชื่นชมนายท่านเถิด เพราะความจริง
อาจจะมีอีกหลายอย่างที่เขากำลังตั้งใจจะทำ แต่ระวังอย่าทำเหมือนพวกเลียแข้ง เลียขา
ถ้าหมอ และพยาบาลได้ทุ่มเทดูแลรักษาคนเจ็บป่วยอย่างดี ด้วยน้ำใจ คำขอบคุณ
และน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ก็จะช่วยทำให้คนป่วยมีอายุยืนและรอดตายอีกมาก

💰🛌และที่สำคัญ ค่ารักษา และค่ายาอาจจะถูกลง 🛌💰


✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 51 ปี 2540
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ส.ค. 12, 2021 11:01 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
...............................
เรื่องที่ 6 :
🌱 ยาพิษ กับขนมหวาน🌱

ถ้ายาพิษ ติดสลากพร้อมตรากะโหลกไขว้ไว้ ก็คงไม่มีใครกล้ากิน..

แต่ถ้ายาพิษ เอาไปใส่ในขนมหวาน หรือข้างในเป็นยาพิษแต่ห่อหุ้มด้วยขนมหวาน
ผู้ที่กินก็คงมี และอันตรายก็กระจายไปอย่างน่ากลัว

และถ้าหากว่าคนที่ทำอย่างนี้ กระทำกับเด็กที่ไร้เดียงสา ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ทำให้เด็กที่บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต เสียอนาคต การกระทำอย่างนี้สมควรได้รับการลงโทษ
การประณามอย่างหนัก
ในปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้กำลังระบาดอยู่ทั่วไป แต่หลายคนยังมองไม่เห็น
มิหนำซ้ำยังชอบ

ในปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ที่กำลังมอมเมาประชาชน แม้นผู้ใหญ่ก็โดนหลอก
เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมกำลังหมายถึงสื่อที่ไม่ดีต่างๆ ที่มีอยู่เวลานี้ เช่น
สื่อสิ่งพิมพ์ ตั้งแต่ภาพปฏิทิน หนังสืออ่าน ภาพที่ลามกอนาจาร ภาพโป๊ วีดีโอ
มิวสิควิดีโอ สถานบริการต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย และกระจายทั่วไป
จนเด็กๆ ก็สามารถทองเห็นอยู่ตำตาซื้อหามาดูเองได้ง่าย
ความรุนแรงมากที่มีอยู่ในหนังสือ ภาพอาชญากรรม ภาพยนตร์ ละครที่มี
ความรุนแรง ฉากการฆ่ากัน ระเบิด การต่อสู้ด้วยอาวุธที่ร้ายแรง ฯลฯ
สื่อเหล่านี้ได้แฝงเข้ามาสู่จิตใจคนในสังคมทุกวันนี้ โดยที่หลายคนชื่นชอบ
สนุก สะใจกับสิ่งเหล่านี้
มันกลายเป็นความเป็นจริงในสังคม การปล้นร้านทอง ธนาคาร และปัญหา
สังคมทางเพศ การข่มขีน ตั้งแต่ในบ้าน ที่รุนแรงระบาดทั่วไปอย่างน่ากลัวเวลานี้
มันเป็นผลมาจากสื่อเหล่านี้ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความสนุก ภายใต้ความหวาน
และแสดงออกในสังคมที่เป็นอยู่และกำลังรุนแรงเพิ่มมากขึ้นๆ

ครั้งหนึ่งนักบุญหลุยส์ มารี กรีญอง เดอ มงฟอร์ต ผู้ก่อตั้งคณะเซนต์คาเบรียล
ได้ไปเทศน์สอนที่วัดแห่งหนึ่ง ที่เก่าโทรม และคนไม่มีความศรัทธา ท่านต้องการที่
จะฟื้นฟูศีลธรรมความเชื่อของวัดแห่งนี้ ก่อนที่ท่านจะเริ่มทำอะไร ท่านได้ประกาศขอ
ให้แต่ละบ้านที่มีหนังสือไม่ดี หนังสือลามกเอามา
กองรวมกันและเผาก่อน ได้กองโตที่เดียว

นักบุญยอห์น บอสโก ผู้ก่อตั้งคณะซาเลเซียนเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ก็ได้ระมัด
ระวังหนังสือที่ไม่ดีสำหรับเยาวชนมากๆท่านจึงได้พยายามส่งเสริมและจัดพิมพ์หนังสือดีๆ
ให้เยาวชนได้เลือกอ่านและสมาชิกก็ได้เดินตามรอยเท้าคุณพ่อเสมอมา

สื่อเหล่านี้มันทำลายมโนธรรม จิตสำนึก ถูกผิด ดีชั่ว ของเยาวชนทำลายอนาคต
ของเขาไปเลยเหมือนกับเป็น "ไวรัสในคอมพิวเตอร์" ที่เข้าไปทำลายข้อมูลที่มีอยู่ใน
"ฮาร์ดดิสก์" เลยทำลายคุณธรรมความดีที่เคยได้รับการอบรมสั่งสอนมา
ในปัจจุบัน คณะเซนต์คาเบรียล และคณะซาเลเซียนยังทำงานให้การศึกษาอบรม
กับเยาวชนชาย-หญิงอยู่เป็นจำนวนมาก
สิ่งเหล่านี้ น่าจะเป็น "การท้าทายใหม่ " ในยุคนี้ที่จะหาทางป้องกันไม่ให้สื่อที่ไม่ดี
ทั้งหลายเข้าไปในจิตใจของเด็กได้อย่างไร หรือสอนให้เขารู้จักเลือกอย่างเหมาะสม
ช่วยกันเสนอแนะสื่อที่ดี เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่เขามากขึ้น พยายามให้เขาได้มีส่วน
สร้างสรรค์สื่อที่ดีๆ ในสังคมที่เขาอยู่

ถ้าหากสภาการศึกษาคาทอลิกฯ จะนำขบวนรณรงค์ชี้ให้เห็นโทษและผลเสีย
ร่วมกันทำอย่างจริงจังสักที...

ถ้าวันใด สภาการศึกษาคาทอลิกฯ เริ่มเป็นผู้นำ แนวร่วมต่างๆจะออกมาร่วมด้วย
ช่วยกัน และสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทยก็พร้อมที่จะก้าวเดินไปพร้อมกัน

🔥📚" เราต้องช่วยกันเผาสื่อที่ไม่ดีต่างๆเหล่านี้ก่อน ก่อนที่มันจะเผาบ้านเผาเมือง
และตัวเราให้มอดไหม้ไปด้วยไฟตัณหา " 📚🔥


✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 1-2 ปี 2541
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ส.ค. 13, 2021 3:42 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
...............................
เรื่องที่ 7 :
🌱 โสโดมอุทยานของพระเจ้า🌱

" อุทยานของพระเจ้า " นี่เป็นคำยกย่องเมืองมีชื่อเสียงสวยงาม 2 เมือง
คือ เมืองโสโดม และ เมืองโกโมราห์

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนและความอุดมสมบูรณ์ของเมืองนี้
สมัยอับราฮัม หรือประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว
แต่... ในท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าและอุดมสมบรูณ์มีเรื่องน่าเศร้าคือประชาชน
ไม่มีศีลธรรม ผิดผัวผิดเมีย และ มีการสมสู่กันอย่างไม่มีกฏเกณฑ์ทางศีลธรรม
มีการสมสู่ระหว่างชายกับชาย อย่างออกหน้าออกตา
" เสียงร้องกล่าวโทษเมืองโสดม และ เมือง โกโมราห์ นั้นดังเหลือเกิน และบาป
ของเขาก็หนักมาก " (ปฐก. 18, 20)
" จะหาคนดีๆ สักเพียงสิบคนก็ยังไม่มี '
เย็นวันหนึ่ง มีชายหนุ่ม 2 คนมาเยี่ยมครอบครัวของ " โลท " พอพรรคพวกนี้ได้ข่าว
ตั้งแต่หนุ่มจนกระทั่งเฒ่าหัวงูรู้เข้าก็กระตู้ฮู้แห่กันมาที่บ้านของโลท คงจะกรี๊ดกร๊าด
ตาเป็นมันกัน ตะโกนใส่เข้าไปในบ้าน
" ขอให้เอาชายทั้ง 2 คนออกมา เพื่อเขาจะได้สมสู่ด้วย "
คิดดูเถิดคนในเมืองนี้จะขนาดไหน ได้ยินแล้วสะดุ้งครับ!!!

โลทและครอบครัวของเขาเป็นคนดีมีคุณธรรม ขอร้อง ห้ามปรามก็ไม่ฟัง
คิดจะพังประตูบ้านเข้าไป ชายทั้งสองที่จริงเป็น " ทูตสวรรค์ของพระเป็นเจ้า "
ใช้ให้มาลงโทษชาวเมืองนี้ พบเห็นเหตุการณ์ดังนี้เต็มๆ จึงทำให้คนพวกนั้นตาบอด
มองไม่เห็น จนพวกเขาวุ่นวาย
ชาย 2 คนนั้นสั่งให้โลทรีบพาครอบครัวออกจากเมืองนี้ เพราะพระเป็นเจ้าจะลงโทษ
ให้ไฟกำมะถันตกลงมาจากฟ้า เผาเมืองนี้ให้ราบคาบ เพราะคนในเมืองนี้ชั่วช้าเหลือที่
พระเจ้าจะทนได้แล้ว
ทันทีที่ครอบครัวของโลทออกมา พระเจ้าทรงให้กำมะถันและไฟจากฟ้าตกลงมาบนเมืองนี้
ทรงขยี้เมืองเหล่านี้ ลุ่มน้ำทั้งหมด และพืชผลต่างๆ ทั้งสิ้นของเมืองนี้
ที่สุดเมืองโสดม และ โกโมราห์ ก็กลายเป็น "ทะเลตาย"
เมืองทั้งสองนี้ต้องเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง มีผู้คนอาศัยอยู่มากและอุดมสมบูรณ์
ผู้คนจึงได้มีเวลาว่างมาแสวงหาความสุขปล่อยเนื้อปล่อยตัวกันแบบสุดๆอย่างนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์สมัยโน้น เป็นบาปผิดหนัก
ถึงขนาดเรียกร้องอาชญาโทษขั้นหนักจากพระเจ้าพระองค์ลงโทษโดยให้ไฟตกลงมา
จากฟ้าเผาเมืองทั้งสองนี้

ข่าวและภาพที่ปรากฎออกมาให้ได้ยินกัน กลุ่มที่มีพฤติกรรมทางเพศผิดปกติ
เป็นเกย์ ขอเป็นโฮโมเซ็กชวล หรือเลสเบี้ยน ชึ่งถือว่าเป็นความผิดปกติทางด้าน
ร่างกาย หรือจิตใจที่เกิดขึ้น
แต่ทุกวันนี้ สังคมดูเหมือนกลับส่งเสริม สนับสนุนมากยิ่งขึ้น กลุ่มเหล่านี้ก็
พยายามแสดงพฤติกรรมออกมาเพื่อให้สังคมยอมรับด้วยวิธีการต่างไป

นอกจากนี้พฤติกรรมที่เลวร้ายทางด้านสังคมที่รุนแรง เด็กมากมายที่ถูกผู้ใหญ่
ใจทราม และจากพ่อกระทำกับลูกของตนเอง
สื่อลามกอนาจารทั้งหลายที่มีอยู่มากมายในเวลานี้กลายเป็นเครื่องเร่งเร้ากระตุ้น
ความรุนแรงทางเพศ
# จะมีอะไรที่ร้ายแรงเท่า เมื่อเห็นความ ผิดปกติเป็นเรื่องธรรมดา
# จะมีอะไรที่จะร้ายแรงเท่ากับ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
# จะมีอะไรที่ร้ายแรงเท่ากับผู้ที่ควรจะเป็นที่ปกป้องคุ้มครองกลายเป็นผู้ทำลายเสียเอง
# เหมือนคนที่ป่วยหนัก แต่ยังไม่รู้ และไม่ยอมรับว่าป่วย
# บาปผิดที่มนุษย์กระทำในยุคนี้ เหมือนเป็นเสียงเรียกร้องอาชญาโทษจากพระเจ้า
ให้เร็วยิ่งขึ้น มันอาจจะไม่ใช่ไฟกำมะถันตกจากฟ้า แต่อาจจะเป็นยิ่งกว่าไฟก็ได้
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป จะมีศิลธรรมอะไรเหลือให้ถือ หรือสอนกันได้อีกหรือ

😭 คอที่เคยให้ขี่ ไม่มีอีกแล้ว อาจจะกลายเป็นเขียง สำหรับเด็ก " คิดแล้ววังเวงครับ !!! 😭


✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 45 ปี 2541
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 14, 2021 7:59 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
.................. .................
เรื่องที่ 8 :
🌱(?)มันคุ้มไหม(?)🌱

ขณะที่ได้ยินแต่เรื่องเลวร้ายทางเศรษฐกิจกันอยู่เวลานี้ ทั้งที่ยังไม่รู้เหมือนกันว่า
จะเกิดอะไรกับอนาคตของประเทศ ลูกหลานเราเขาจะเป็นอย่างไร จะอยู่กันอย่างไร...

ยิ่งพูดก็ดูเหมือนยิ่งเลวร้ายลง
ผมเองพยายามคิดเท่าที่สติปัญญาและเวลาจะพอทำได้ ก็อยากจะมองบ้าง
ที่ผ่านๆมา บ้านเมืองเราพูดแต่เรื่องเศรษฐกิจคิดแต่เรื่องเงิน การมีเงิน หาเงิน
ใช้เงินต่อเงิน ทุกอย่างมุ่งมาที่เงิน และยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน หรือเพื่อให้ได้มีเงิน..
นี่คือแผนการพัฒนาฯ ของประเทศที่พูดและทำกันในอดีตจนถึงวันนี้ เรื่องสำคัญอื่นๆ
เกือบจะไม่พูด ไม่ทำกันเลย
พื้นฐานทางศิลธรรม จริยธรรมทั้งๆ ที่สำคัญ ที่เป็นกฎกติกาวินัยของมนุษย์ ของสังคม
เราไม่เอา เราไม่พูด ทุกอย่างพูดจาภาษาเดียวกันคือภาษาเงิน.. โอ้...เงิน โอ้...พระเจ้า
โอ้...พระเงิน!
ที่ผ่านมา...เราเองจึงกลายเป็น ผู้ทำลายมากว่าผู้สร้าง ทำลายทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน
ทำลายสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร อากาศ แผ่นดิน มหาสมุทร ทรัพยากรของบ้านเมืองที่เรามี

*ได้ทำลายศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ระบบครอบครัว ความสัมพันธ์แบบญาติพี่น้อง
*ได้ทำลายแม้นกระทั่งศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรมสากลสำหรับมนุษย์
*ได้ทำลายแม้นกระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นคน ความภาคภูมิใจชื่อเสียงของบรรพบุรุษ
ของเราทั้งในอดีต และ ของลูกหลานเราในอนาคตโดยเฉพาะลูกสาวของเรา และ
กำลังเริ่มที่ลูกชายของเรา
*ได้ทำลายเสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย ที่กว่าจะได้มาจนทุกวันนี้ ต้องแลกมา
ด้วยเลือดเนื้อ ชีวิต และกาลเวลา
*ได้ทำลายคนของเราที่มีความรู้ความสามารถ คนที่รักบ้านรักเมืองเหมือนๆกัน
*ได้ทำลายแม้นกระทั่งมโนธรรม สำนึกดี-ชั่ว ถูก-ผิด ควร-ไม่ควร ได้เข้าไปทำลาย
ถึงแก่นของความเป็นคน

🍁ถ้า...วิกฤตครั้งนี้ทำให้คนในบ้านเมืองเราได้เกิดสำนึก รู้ตัว และหันกลับมายึดมั่น
ในหลักศาสนา ศีลธรรม จริยธรรมกฎเกณฑ์ของการอยู่ร่วมกันในสังคม
🍁ถ้า...คนไทยหันกลับมาส่งเสริมคนไทยด้วยกัน ให้กำลังใจกันและกัน คนทำดีได้รับ
การยกย่อง รับรางวัลแห่งความดีที่ได้ทำ ทำให้คนไทยเราไม่ดูถูกคนไทยด้วยกัน
และต่างสำนึกถึงสิทธิหน้าที่ของตน คิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
🍁ถ้า...ทำให้คนไทยหันมาพูดความจริง ตรงไปตรงมา เป็นคนซื่อสัตย์ต่อตนเอง
และผู้อื่น ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ความรับผิดชอบของตนคิดและมองอะไรไกลๆ
🍁ถ้า...ทำให้คนไทยไม่มัวเมาเอาแต่เงิน แต่หันกลับมาเอาใจใส่ความรู้ของคนแทน
ถ้า..เป็นดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้ได้ ผมว่ายูเทิร์น (เลี้ยวกลับ) ครั้งนี้น่าจะคุ้ม...👍


✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 48 ปี 2540
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ส.ค. 15, 2021 8:14 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
...............................
เรื่องที่ 9 :
🌱 ทางเลือกใหม่🌱

พี่น้องที่รัก บ้านเมืองของเราจะเป็นอย่างไร ?

จะดีขึ้น หรือแย่เหมือนแย้ลงรู
จะอยู่อย่างมีสีสันสวยงามสง่า หรือห่อหุ้ม ห่อเหี่ยว
จะอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี หรืออยู่แบบอายลูกหลาน
จะอยู่อย่างผู้เจริญ หรืออยู่อย่างด้อยพัฒนา

บ้านเมืองเรามาถึงทางเลือกใหม่ เป็นทางเลือกที่เราทุกคนเป็นคนเลือก
ไม่ใช่เพียงแค่บางคนเท่านั้นอีกต่อไป
ถ้าผู้ใหญ่อย่างพวกเราวันนี้ พยายามทำตัวเราให้เป็นแบบอย่างแก่รุ่นน้องๆ เด็กๆ
ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติต่อหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ เช่นเรื่อง การตรงต่อเวลา
ไม่เอาเวลาราชการไปทำธุระส่วนตัว เอาเวลาบริษัทที่ทำงานไปทำ "งานจ๊อบ" หรือทำงาน
ส่วนตัว หรือทำงานแบบขอไปที แต่ทำงานด้วยความกระตือรือร้น ขยันขันแข็ง อดทน
สร้างสรรค์ ทำงานร่วมกันเป็นทีมงานกับเพื่อน
เพียงแค่รับผิดชอบเฉพาะในส่วนงานของเรา ไม่ต้องไปรับผิดชอบทั้งประเทศ เพียงแค่
แต่ละคนพยายามทำของตนเองให้ดีเท่านั้น ทั้งประเทศก็ดีเอง
คิดดูเถิด ถ้าผู้ใหญ่แต่ละคนทำเป็นแบบอย่างให้เห็น เด็กๆ ลูกน้อง ที่ไหนจะกล้าทำตรงกันข้าม
ถ้าแต่ละคนเคารพในกฎหมาย วินัย ระเบียบสังคม เพียงแต่ละคนทำในส่วนของตน

ถ้าเราทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง เรารับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ ถ้าเราเก็บใส่ในถัง
ให้เป็นที่เรียบร้อย เพียงคนละ 1 ชิ้น ดูเถิดครับ ความสะอาดมันก็จะเกิดขึ้น
ตามถนนหนทาง ตามตรอกซอกซอย สวนสาธารณะ วนอุทยาน แม่น้ำลำคลอง
บ่อ บึง น้ำตก น้ำพุ สถานที่ที่สวยงาม สะอาด ก็ต้องมาสกปรก เปื้อนด้วยคนบางคน
ที่ทิ้งขยะของตนเอง คิดดูเถิดถ้าเพียงคนละชิ้นจะเกิดขยะที่ทำให้บ้านเมืองเราสกปรกเท่าไหร่
และต้องเสียเวลามากมายขนาดไหน มาเก็บขยะเหล่านี้เท่ากับเอาประเทศมาเป็นที่ทิ้งขยะ
เมื่อคนเก็บไม่มา รถไม่พอ ที่เก็บไม่มี ต้องกองๆแค่กองก็ดูไม่ดีต้องรอไว้นาน
ก็เกิดเน่าเหม็น และ "ใครเล่าที่ได้กลิ่น? "

🌿ถ้า...คนหนึ่งทิ้ง แต่อีกคนต้องมาเก็บ
🌿ถ้า...คนหนึ่งทิ้ง แต่ไม่มีคนมาเก็บ
🌿ถ้า...ทุกคนทิ้ง แต่ไม่มีคนเก็บ
🌿ถ้า...ทุกคนไม่ทิ้ง ทุกคนไม่ต้องเก็บ

อนิจจา ถ้าเราทำกันก่อนๆ บ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างนี้ !!!

✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 36 ปี 2540
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ส.ค. 16, 2021 5:27 pm

✍️ หนังสือ..หมายเหตุแห่งยุค
...............................
เรื่องที่ 10 :
🍵 ถ้วยกาแฟใบนั้น ☕
ผมมีถ้วยกาแฟสวยๆ อยู่หลายใบ ซึ่งมีทั้งของเก่าที่มีใช้อยู่แล้วสำหรับ
ในบ้านพัก และ ของใหม่ที่มีผู้มอบให้...
ผมมีถ้วยกาแฟเกือบ 20ใบ แต่จะมีอยู่สองสามใบที่มักจะใช้บ่อยๆ
🍵 ถ้วยใบแรกเป็นสีขาว มีรูปเด็กเล็กๆ 4 คน อายุน่าจะประมาณ 3-4 ขวบ
ยืนหันหลังให้ กำลังช่วยกันวาดรูปบนกำแพงขนาดใหญ่ที่อยู่ต่อหน้าเป็นรูปดวงอาทิตย์
กำลังส่องแสงสีเหลือง เป็นรูปผีเสื้อ รูปผึ้งกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า วาดต้นไม้
และที่พื้นก็มีดอกไม้กำลังออกดอกสีแดงสด สลับกับใบไม้สีเขียว
เด็กแต่ละคนที่ยืนหันหลัง กำลังตั้งอกตั้งใจวาดกันอย่างจริงจังยืดมือออกไปสุดแขน
ของตน แต่ละคนมีสีผม และ ผิวพรรณ เสื้อผ้าสวมใส่แตกต่างกันไป มีทั้งเด็กผู้ชาย
และผู้หญิง อย่างละ 2 คน
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งใช้มือซ้ายวาดรูป ผมถักเปีย 2 ข้างและปลายผูกโบว์สีชมพูดูน่ารักดี
มีอยู่คนหนึ่งยืนวาดรูปผึ้งตัวสีเหลือง และกำลังมองดูเพื่อนๆด้านขวาที่กำลังวาดอยู่
สังเกตว่า "ผึ้งน้อยตัวนี้ หันมายิ้มให้ "
ผู้วาดภาพชื่อ ราแชล อีซาโดร่า สหรัฐ (Rachel Isodora, USA) และยูเนสโกเป็นผู้
เผยแพร่จำหน่ายหาทุนช่วยเด็กๆ ทั่วโลก ตามโครงการต่างๆ ของเขา
ผมดูแล้วรู้สึกน่ารัก สบายใจ และให้ความหมายหลายสิ่งหลายอย่าง จากถ้วยใบนี้
ถ้วยใบนี้สอนและสื่อความหมายอย่างเงียบๆให้แก่ผม
" เราแต่ละคนเป็นเด็กคนใดคนหนึ่งที่ยืนช่วยกันวาดภาพนี้คือช่วยกันสร้างสังคม
หมู่บ้าน ประเทศชาติ โลกของเราแต่ละคนยืนคนละที่และเด็กแต่ละคนมีลักษณะที่
แตกต่างกัน แต่ก็พยายามช่วยกันวาดภาพนี้ให้เสร็จ ให้สวยงาม "
เด็กแต่ละคนอาจจะเป็นสื่อแทนคนแต่ละผิว คนละทวีป เชื้อชาติในโลกนี้

🍵 ถ้วยกาแฟอีกใบหนึ่งดูบอบบางกว่า ขนาดเล็กกว่าใบแรก แต่ดูว่ามีความสวยงาม
หูที่จับก็เล็กเรียวเพรียว เพียงใส่นิ้วชี้ลงไปจับได้
ถ้วยใบนี้สีขาว ข้างถ้วยมีรูปดอกไม้สีชมพูหวานๆอยู่สาม สี่ดอกเล็กบ้างใหญ่บ้าง
มีใบไม้แซมแทรกแตกต่างกันไปให้พอสวยงาม
เคยมีจานรองที่คู่กันมาและเคยใช้คู่กัน มาวันนี้ จานรองไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน จะแตกไปแล้ว
หรือว่าใครเอาไปใช้ หรือว่าผมลืมเอาทิ้งไว้ที่ไหนก็ไม่รู้...จำไม่ได้จริงๆ
เวลานี้ถ้วยใบนี้ปากบิ่น และมีรอยร้าวตรงที่บิ่นนั้นลึกลงไปเกือบถึงก้นถ้วย เป็นรอยเส้นเห็นชัด
ทุกครั้งที่ใช้ถ้วยใบนี้ ก็คิดถึงว่า คนเราแต่ละคนก็คงเหมือนถ้วยใบนี้ ทุกคนก็มีข้อบกพร่อง
รอยตำหนิ รอยร้าว ไม่มีใครหรอกที่จะดีครบบริบูรณ์จนไม่มีที่ติ
มันเป็นความจริงของชีวิต ต้องยอมรับรู้ทั้งเราและเขา !
เริ่มต้นคนเราอาจจะดูดี ดูสวย ซึ่งยังไม่ใช่ของจริง แต่พออยู่กันไป ทำงานกันไป ใกล้ชิดกัน
ก็อาจจะมีตำหนิ เกิดรอยร้าวขึ้นได้ ไม่ว่าในสำนักงาน ในบ้านในครอบครัวของตนเอง
ระหว่างสามีภรรยาและลูกๆ รวมทั้งญาติพี่น้องที่คลานตามกันออกมา
ถ้วยใบนี้ก็เหมือนตัวเอง มีข้อบกพร่อง มีรอยตำหนิ ซึ่งตัวเองรู้ดี อาจจะมีหลายรอยร้าว
และบิ่นมากกว่าถ้วยใบนี้ก็ได้ กลายเป็นปากเสียมากกว่าดีก็ได้...
ตราบใดที่ยังใส่น้ำแล้วไม่รั่วไหลเปียก ก็ใช้ได้ และทุกครั้งที่ดื่มก็มักจะลืมรอยร้าว
คิดถึงรสชาติกาแฟมากกว่า...
วันไหนที่เกิดอุบัตืในอารมณ์ ในความคิด ก็ทำให้คิดถึงถ้วยกาแฟใบนี้ ทำให้หายเครียดลงไปบ้าง

🍵 อีกใบหนึ่งก็ใช้บ้าง แต่เวลาใช้แล้วมักจะ " มึนๆ ตาลาย "
เพราะข้างในถ้วยใบนั้นเขียนเป็นภาษต่างประเทศ....☕


✍️ ตีพิมพ์ครั้งแรก อุดมสาร ฉบับที่ 47 ปี 2541
ตอบกลับโพส