ถ้าหนูไม่มีเงินให้หมอสักบาท หมอจะรักษาให้มั๊ยะ? ( แด่คุณแม่)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ส.ค. 12, 2021 11:11 pm

🌸ถ้าหนูไม่มีเงินให้หมอสักบาท หมอจะรักษาให้มั๊ยะ?🌸

👩หมอคะหนูกำลังจะตายใช่มั๊ยะ?

เสียงพูดเบาๆ จากผู้หญิงตัวเล็กๆ
ในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวสิ่งเดียวที่เธอห่วงไม่ใช่ ชีวิต
แต่ คือ ลูกสาววัย 4 ขวบ



ย้อนหลังไปปีกว่าๆ
ช่วงที่ไวรัสโควิด19 ระบาดได้ไม่นาน
มีสาวโรงงานมากมาย เสียงานของเธอไป
จากเศรษฐกิจที่ไม่ปกติ
ในขณะที่ปากท้องยังต้องกินต้องใช้

คุณมาลัยพร
ก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบนั้น
พูดง่ายๆให้ชัดเจนก็คือ …
ตกงาน โรงงานปิดกระทันหัน

เธออายุ 34 ปี มีลูกสาววัย4 ขวบ
เป็นยอดดวงใจหนึ่งเดียว
เธอแยกทางกับสามีหลังเขาไปมีคนใหม่
เดิมทำงานโรงงานกับสามีที่ พนมสารคาม

หลังแยกย้ายกันเพราะสามีมีผู้หญิงคนใหม่
เธอจึงย้ายตัวเองมาสมัครงานใหม่
ได้งานเป็นสาวโรงงาน ในเขตบางพลีเมืองใหม่

จริงๆแล้วเธอมีลูกสาวสองคน แต่...
ปีที่แล้วลูกสาวคนโต อายุ 7 ขวบ
เสียไปด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
หรือ ลูคีเมีย ในวัยที่กำลังสดใสน่ารัก

ทุกคืนหัวใจของแม่ที่แตกสลาย
นอนร้องไห้หลับทั้งน้ำตาเป็นเวลานานแสนนาน

หัวอกคนเป็นแม่เฝ้าคิดถึงลูกสาวสุดหัวใจ



อยู่มาวันหนึ่งเธอมีเลือดไหลทางช่องคลอด
ไหลออกมาติดต่อกัน13วัน โดยไม่มีอาการเจ็บปวดใดใด
จึงอยากไปตรวจและพบแพทย์ แต่…

#ต้นทุนชีวิตของคนเรานั้นไม่เท่ากัน

เธอไม่เคยลางาน กลัวจะไม่ได้เบี้ยขยัน
ซึ่งอาจจะเป็นเงินที่ไม่มากสำหรับหลายๆคน
แต่สำหรับเธอเบี้ยขยันนั้นมีค่ากับเธอ
และลูกน้อยมากๆ
พวกเธอจะอิ่มไปได้หลายวันเลยครับ

💕💕💕

คุณมาลัยพรจึงอดทนไม่ไปหาหมอ
รอให้ถึงวันหยุดงานค่อยไป วันเสาร์
วันหนึ่งคุณมาลัยพรได้ใช้วันหยุดงานมาโรงพยาบาล
ที่เธอมีประกันสังคม
คุณพยาบาลสอบถามอาการเบื้องต้น
แล้วส่งพบคุณหมอสูตินรี ก็คือ
หมออรัณนี่แหละครับ

ผมตรวจดูอย่างละเอียด
พบว่าที่ปากมดลูกของคนไข้มีแผลเล็กๆ
ที่ดูแทบจะไม่ออกหากไม่ใส่ใจให้รอบคอบ
แผลนั้นหน้าตาคล้ายๆผิวของบ๊อคเคอรี่
คล้ายผิวคางคกเลยครับ

มีเลือดซึมออกมาตลอดเวลา
ในช่วงเวลานั้นผมรู้ทันทีว่า นี่คือมะเร็ง

แต่ก็ขอเงียบไว้ก่อน แล้วบอกคนไข้ว่า
พบก้อนอะไรไม่รู้ที่ปากมดลูก
ขอตัดชิ้นเนื้อไปตรวจดูนะครับ

……

คนไข้บอกว่าได้ค่ะ

คุณหมอคะ หนูเป็นมะเร็งใช่ไหม ?

คุณหมอบอกมาเถอะ หนูรับได้

แม้เธอจะบอกว่า รับได้
แต่เมื่อผมมองเข้าไปในดวงตา
อันเป็นหน้าต่างแห่งดวงใจ

ผมมองเห็นวงกลมสีดำ
ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ความเศร้า ความห่วงใยใครสักคน…🕷

ผมจึงไม่ตอบไปว่าคนไข้เป็นอะไร
แต่แนะนำให้เธอมาฟังผลตรวจในครั้งหน้าครับ

ผมได้สั่งยาฆ่าเชื้อ ยาหยุดเลือด
ยาแก้ปวดให้เธอไปทานก่อน
แล้วนัดมาพบกัน



คุณมาลัยพร รู้ตัวอยู่แล้วว่า
เธอน่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูก

เพราะเมียเก่าของสามีเธอ
ก็เป็นมะเร็งปากมดลูกเสียชีวิตไปแล้ว 🕷

สามีของเธอเป็นคนเจ้าชู้
คงนำพาเชื้อไวรัสเฮชพีวี
สายพันธุ์ก่อนมะเร็งมาให้เธอเป็นแน่ …

🦋🦋🦋

คุณมาลัยพร นอนกอดลูกทุกคืน
นอนร้องเพลงให้ลูกฟัง …

…แม่จ๋า
หนูชองฟังแม่ร้องเพลง 💕
แม่น้องร้องเพลงเพราะที่สุดในโลกเลย

…แม่จ๋า
แม่ร้องให้น้องลูกแก้วฟัง
จนน้องลูกแก้วตัวโตๆเลยได้ไหมจ๊ะ

…ถ้าน้องลูกแก้วโตจะ ร้องเพลงให้แม่ฟังบ้าง
เวลาแม่แก่นะ

แล้วเด็กน้อยก็หลับไปด้วยความไร้เดียงสา

คุณมาลัยพรนอนกอดลูกสาว
น้ำตาไหลออกมาแบบกลั้นไว้ไม่อยู่จริงๆ
ในใจของเธอได้เพียงสวดมนต์อ้อนวอนขอพรจากฟ้า
ขอให้เธอมีชีวิตที่ยืนยาว
เฝ้าดูลูกสาวสุดที่รักเติบโตในทุกๆวัน

หากเธอจะจากโลกนี้ไป
ก็ขอให้ลูกสาวโตกว่านี้
โตจนดูแลตัวเองได้ก่อน
จากนั้นเธอจะยอมจากโลกนี้ไปแต่โดยดี …

แต่ใครหล่ะจะฝืนชะตาฟ้ากำหนดได้
จริงไหมครับ

สุดท้ายเรื่องราวที่เศร้าที่สุดก็เกิดขึ้น



ครบกำหนดนัดฟังผลชิ้นเนื้อ
คุณมาลัยพร อุ้มน้องลูกแก้วมาด้วย

ผมเห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร เธอและลูกเหลือเกิน
ไม่รู้จะเริ่มการบอกข่าวร้ายกับเธอว่าอย่างไร

🦋🦋🦋
หลังจากแจ้งผลว่าเธอเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่1
การรักษาคงต้องรีบผ่าตัดโดยเร็วครับ
เพื่อให้มีโอกาสหาย
แต่การผ่าตัดต้องใช้เงินมาก ระหว่างการรักษา

บังเอิญ คุณมาลัยพรมีสิทธิ์ประกันสังคม
อยู่กับโรงพยาบาลที่คุณหมออรัณทำงานวันเสาร์พอดี
จึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดใด
อาจจะต้องมีค่าเดินทาง ค่ายายอกบัญชีบ้างนิดหน่อย
🦋🦋🦋

ระหว่างที่ผมกำลังอธิบายให้คนไข้ฟังอยู่นั้น
น้ำตาของคนไข้ก็ไหลนิดๆน้ำตาซึม
ผมเห็นเธอกอดลูกสาวแน่นกว่าเดิม แล้วจ้องตากัน

แล้วคุณมาลัยพรก็ยิ้มให้กับลูกสาวของเธอ
เป็นการส่งสัญญานว่า

…ไม่เป็นไรนะลูก แม่สบายดี

ผมหยุดอธิบายแป๊บนึง
เพื่อให้คนไข้ได้พักใจ
และเข้าใจว่าเธอคงกำลังทุ่มเทสมาธิ
อยู่กับน้องลูกแก้ว

อธิบายมากไปอาจจะไม่เข้าใจในตอนนี้
ผมจึงหันไปคุยเล่นกับน้องลูกแก้ว
เพื่อให้บรรยากาศบรรเทาลง



👨‍⚕️ตัวเล็ก กี่ขวบแล้วคะ
👨‍⚕️มีอะไรจะบอกคุณหมอหรือคุณแม่มั๊ยะครับ?

ถ้าหนูไม่มีเงินให้หมอสักบาท หมอจะรักษาให้มั๊ยะ?

เสียงใสใสของน้องลูกแก้ว
เด็กหญิงอายุ 4 ขวบ
ที่ผมเข้าใจว่าเธอนั่งอยู่กับแม่ไปงั้นๆ
คงไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง

แท้จริงแล้ว
เด็กนั่งฟังและเข้าใจในทุกอย่างที่ผมพูด
เธอรู้ว่าคุณแม่ที่รักคนเดียวของเธอ
ไม่สบาย ต้องผ่าตัด
คุณแม่อาจจะเสียชีวิต และ ต้องใช้เงิน

นี่คงเป็นประโยคคำถามที่ จริงใจที่สุด

และมันก็ทำให้ข้าพเจ้า คนที่ได้ฟังรู้สึก…เจ็บปวดที่สุด …

🦋🦋🦋

ถ้าหนูไม่มีเงินให้หมอสักบาท หมอจะรักษาให้มั๊ยะ?

แต่หนูร้องเพลงได้นะ
เดี๋ยวหนูร้องเพลงให้คุณหมอฟัง
แทนให้เงินได้ไหมคะ

ผมรีบดึงสติออกมาจากความสงสารแล้วตอบว่า

👨‍⚕️ไม่เป็นไรลูก ไม่เก็บเงินนะครับ
👨‍⚕️หนูเก็บไว้กินขนมเถอะ

เออ แล้วถ้าลุงอยากฟังเพลง
หนูจะร้องเพลงให้ฟังจริงๆเหรอ



น้องลูกแก้ว ยิ้มกว้าง
หลังจากได้ยินว่าลุงหมอจะผ่าตัด
ให้แม่ของเธอแบบไม่เก็บตังค์

เธอเลิกกอดกับแม่
ลงจากตัก
แล้วลงมายืนที่ขอบโต๊ะ
แล้วร้องเพลงให้ผมได้ฟังในทันที

🎶🎶🎶

… แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง
ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล
แม่เราเฝ้าโอละเห่
กล่อมลูกน้อยนอนเปล
ไม่ห่างหันเหไปจนไกล…

แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม
แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดจากรักลูกปักดวงใจ
เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่
นี่แหละหนาอาลัยมิใช่ใดหนา
เพราะค่าน้ำนม…

🎶🎶🎶🎶🎶🎶



ทุกคนในห้องตรวจ เงียบ นิ่งสนิท
คุณมาลัยพร คว้าน้องลูกแก้วไปกอดแน่น

พอแล้วลูกไม่ต้องร้องเพลงแล้วค่ะ
เดี๋ยวแม่ก็หายแล้วลูก…



ผมบรรยายไม่ถูกจริงๆครับ
ไม่รู้จะใช้อักษร หรือคำว่าอะไร
มาบรรยายในความรู้สึกดีครับ

คิดถึงแม่ตัวเองเหลือเกิน

คุณพยาบาลที่คอยช่วยกันอยู่ข้างๆ
จากเดิมที่คอยยืนเชียร์ ก็ยืนเช็ดน้ำตาเบาๆ
บอกว่ามีลูกสาวเหมือนกัน
ฉันเข้าใจเธอ

ผมไม่ได้ร้องไห้ด้วยครับ
แต่ก็ไม่แน่ใจว่า
นัยตาออกแดงๆไหมนะ



ด้วยพลังจิตที่น้องลูกแก้วถ่ายทอดเป็นเสียงเพลงออกมา
ผมทิ้งงานไป หนึ่งวัน เพื่อเอาเวลาว่าง
มาทำผ่าตัดให้คุณมาลัยพรเป็นกรณีพิเศษ
เอ็นดูน้องลูกแก้วเหลือเกิน
เกินต้านมากครับ


การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี
คนไข้นอนโรงพยาบาล7 วัน
เนื่องจากเป็นโรคมะเร็งการผ่าตัดซับซ้อน

ระหว่างนอนในโรงพยาบาล
เพื่อนๆและผู้จัดการโรงงาน ก็มาเยี่ยมคนไข้ทุกวัน
ทำให้ผมได้รู้ว่า คุณมาลัยพรเป็นคนดีมีแต่คนรัก
เถ้าแก่เจ้าของโรงงานก็ให้เลขานำเงินมาให้
ใส่ซองสีขาว เอาไว้ใช้จ่ายระหว่างไม่สบาย

ส่วนน้องลูกแก้วก็ฝากไว้กับยายที่พักอยู่ห้องข้างๆ
เมื่อคุณมาลัยพรหายดีกลับบ้านจึงไปรับลูกสาว

นี่คือ น้ำใจคนไทยครับ
บ้านใกล้เรือนเคียง

ผลชิ้นเนื้อออกมาว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก
การผ่าตัด Free margin _
แปลง่ายๆว่า ตัดมะเร็งออกมาหมดครับ
จึงไม่ต้องฉายรังสี ไม่ต้องรับเคโมเลย



วันที่กลับบ้าน ยายบ้านข้างๆ
พาน้องลูกแก้วมารับแม่ที่โรงพยาบาล
ผมบังเอิญเดินสวนกับเจ้าตัวเล็กที่ห้องจ่ายยาพอดี

เสียงใสใสที่คุ้นหูตะโกนเรียก…

คุณหมอจ๋าาา
หนูมารับแม่กลับบ้าน
หนูไม่มาหาหมอแล้วนะจ๊ะ

เธอวิ่งเข้ามาเหมือนจะกอดขา
แต่ผมหยุดเธอเอาไว้ก่อนกลัวจะเอาเชื้อโรค
ไปติดเด็กเพราะผมเพิ่งตรวจคนไข้โรคติดเชื้อมาครับ

น้องลูกแก้วยื่นซองสีขาวมาให้

เถ้าแก่เจ้าของโรงงานให้จดหมายแม่หนู

แม่บอกให้หนูเอามาให้คุณหมอจร๊ะ

ผมรับซองจดหมายของเจ้าตัวเล็กมาเปิดอ่าน

อ้าว นี่ไม่ใช่ซองจดหมาย

ข้างในมันมีแบงค์พัน 8 ใบครับ

🦋🦋

ผมพับซองกลับไป
แล้วยืนให้น้องลูกแก้ว
ลุงอ่านแล้วลูก ขอบคุณนะ
หนูเอาซองจดหมายนี้ไปให้แม่นะลูก

ฝากบอกแม่ว่า
ลุงหมอสั่งให้เก็บไว้นะครับ
ฝากแม่ของหนูเก็บไว้นะ…
รอให้หนูขึ้นโรงเรียน_อ่านหนังสือออก
ก็ให้จดหมายนี้กับลูกแก้วนะครับ

ลุงหมอขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆนะครับ💕

🦋🦋🦋

ถ้าหนูไม่มีเงินให้หมอสักบาท หมอจะรักษาให้มั๊ยะ?

และนี่ก็คือคำตอบทั้งหมด
ที่ลุงหมออยากจะตอบหนู

ต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากันก็จริง
แต่สิ่งที่คุณมาลัยพรมีอยู่
มีค่ามากกว่าเงินทองเยอะเลยครับ
นั่นคือแก้วตาดวงใจของแม่นั่นเอง

ขอให้หายไวไว มีสุขภาพที่แข็งแรง
มีชีวิตอยู่ยืนยาว ดูน้องลูกแก้วเติบโตในทุกวันนะครับ

ขอจบการเล่าเรื่องราวนี้ไปด้วยบทเพลง
จากน้องลูกแก้วนะครับ

… แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง

ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล

แม่เราเฝ้าโอละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปล

ไม่ห่างหันเหไปจนไกล…

แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม

แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดจากรักลูกปักดวงใจ

เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่

นี่แหละหนาอาลัยมิใช่ใดหนา

เพราะค่าน้ำนม…🎶🎶🎶

💕💕💕

หากวันนี้เรากำลังท้อแท้ใจ

ลองคิดถึงแม่ในวันวานนะครับ

แม่คงอยากเห็นเราเข้มแข็งนะ😊

ร้องไห้ให้ใจเบา กับไปกอดแม่เราที่บ้านกัน

...

สุขสันต์วันแม่นะครับเพื่อนๆที่รักทุกท่าน

ขอบคุณที่ติดตามเพจนะครับ เป็นกำลังใจให้กันนะ
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ จันทร์ ส.ค. 16, 2021 5:41 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ส.ค. 13, 2021 9:42 am

13เรื่องราวของแม่ที่ลูกทุกคนเกือบลืมไปแล้ว

1. เมื่อคุณเกิดมา คุณอาจรู้สึกว่าแม่ของคุณแก่จัง แต่คุณคงลืมไปว่า ครั้งหนึ่งแม่ของคุณเคยสาว เคยสวย เคยเป็นเด็กวัยรุ่นช่างฝัน ท่านฝันว่า วันหนึ่งท่านจะมีครอบครัวที่น่ารัก มีสามีที่ดี มีลูกที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ชีวิตไม่ใช่นิยามที่จะเขียนได้อย่างใจ “ช่างมันเถอะไม่เป็นไร” ท่านคงคิดอย่างนั้น เพราะอย่างน้อยที่สุด ชีวิตก็พาให้คุณกับท่านมาเจอกันจนได้

2. นอกจากต้องแบกน้ำหนักเกือบ 15 กิโลกรัม ตลอดระยะเวลาเกือบสิบเดือนแล้ว ในวันที่คุณลืมตาดูโลก ยังเป็นวันเดียวกับวันที่ท่านต้องเจ็บปวดที่สุดในชีวิต คุณอาจเคยได้ยินมาบ่อยๆ ว่าการคลอดลูกมันเจ็บมาก แต่คุณไม่มีวันรับรู้ความรู้สึกนั้นได้จริงๆ จนกว่าถึงวันที่คุณต้องคลอดลูกเอง ลองมองหน้าแม่ของคุณในวันนี้ คุณอาจลืมไปแล้วก็ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยเจ็บปวดเพื่อให้คุณเกิดมา

3. แม่ของคุณเคยรูปร่างดีกว่านี้ เคยมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่งกว่านี้ ท่านเคยสวยกว่านี้มาก จนถึงวันที่มีคุณ รูปร่างของท่าน ผิวพรรณของท่าน ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป คุณรู้ใช่ไหมว่า ท่านต้องแบ่งปันร่างกายของท่าน เพื่อสร้างร่างกายของคุณ คุณรู้ใช่ไหมว่า หลังจากคลอดคุณออกมา เส้นผมของท่านร่วงเป็นกระจุกๆ อยู่หลายเดือน คุณรู้ใช่ไหม ถ้าท่านไม่มีคุณ ท่านคงจะเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยกว่านี้อีกเยอะเลย

4. ในอดีต เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของแม่ เคยเป็นของท่านเอง ท่านจะไปไหนก็ได้ จะทำอะไรก็ได้ จะเที่ยวสนุกหรือทำเพื่อตัวเองแค่ไหนก็ได้ สิ่งนี้ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่คุณลืมตาดูโลก สองเดือนแรกที่คุณเกิดมา แม่ของคุณต้องอุ้มคุณตลอดเวลาเพราะคุณร้องไห้ตลอดเวลา คุณตื่นทุกๆ สองชั่วโมง ขับถ่ายทุกๆ สองชั่วโมง ทำให้ท่านต้องอยู่ใกล้ชิดคุณ ไม่มีเวลากิน ไม่มีเวลานอน ไม่มีเวลาไปไหนมาไหน หนึ่งปีแรก ที่คุณหัดเดิน แม่ของคุณต้องเดินตามคุณตลอดเวลาเพื่อไม่ให้คุณเป็นอันตราย เงินส่วนใหญ่ ถูกใช้เพื่อซื้อของจำเป็นให้คุณ ค่าคลอด ค่ารักษา ค่าฉีดวัคซีน ค่านม ค่าของ ค่าเสื้อผ้า มันไม่ง่ายเลยสำหรับเงินก้อนนั้นที่แม่ของคุณเพิ่มเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว

5. เมื่อคุณเข้าเรียนอนุบาล แม้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณกับท่านต้องห่างกัน แต่ท่านก็เป็นห่วงคุณอยู่ดี ท่านคิดในใจว่า “โอ้โห ค่าเรียนอนุบาลทำไมแพงจัง” เมื่อท่านคิดได้อย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของใช้ส่วนตัวของท่านจึงถูกลดคุณภาพลงทั้งหมด กินถูกๆ ใช้ของถูกๆ ใส่เสื้อผ้าถูกๆ ทำทุกอย่างเพื่อลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้คุณมีสิ่งที่ดีที่สุด ในเวลานี้ คุณรู้รึเปล่าว่า แม่ของคุณแทบไม่ได้ไปเที่ยวอีกต่อไป เวลาท่านคิดถึงอนาคต มันไม่ใช่อนาคตของท่านแต่เป็นอนาคตของคุณ ท่านไม่ใช่นางเอกในชีวิตของตัวเองอีกต่อไปแล้ว ความเป็นแม่ของท่านมากขึ้นทุกทีๆ ท่านได้ทำอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะทำได้ เพื่อที่คุณจะได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด

6. เมื่อคุณเป็นวัยรุ่น ทุกอย่างดูจะยากขึ้นอีกมาก จากแม่ที่เคยเป็นคนที่ให้คำปรึกษา ท่านกลายเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยในสายตาคุณ คุณเริ่มมีสังคมเป็นของตนเอง เริ่มมีความลับกับแม่ เริ่มพูดไม่เพราะกับแม่ เริ่มโกรธแม่บ่อยขึ้น แต่คุณรู้อะไรไหม คุณยังเป็นเด็กน้อยเสมอในสายตาแม่คนเดิม

7. ครั้งแรกที่คุณอกหัก แม่แอบมองคุณอยู่ห่างๆ ท่านอาจบอกว่าท่านไม่โกรธคนๆ นั้นที่ทิ้งคุณไป แต่ความจริงแล้วท่านโกรธมาก ท่านคิดเสมอว่า ทำไมคุณต้องไปเสียน้ำตาให้คนที่ไม่รักคุณ มันมีสิทธิ์อะไรมาทำให้คุณเสียใจ ทำไมคุณไม่หันกลับมามองที่ท่าน ตอนนั้นคุณลืมไปแล้วว่าใครรักคุณมากที่สุด ท่านอยากจะบอกคุณว่า “ใครจะทิ้งคุณก็ช่างแม่งมัน แต่ชั่วชีวิตนี้ท่านจะเป็นคนที่รักคุณจนวันตาย”

8. เมื่อคุณเรียนจบ แม่ของคุณยิ่งดีใจกว่าคุณหลายเท่า คุณได้ใบปริญญามาหนึ่งใบ แต่สำหรับท่านกว่าจะพาคุณมาถึงตรงนี้ได้ ท่านก็ผ่านอะไรมามากมาย ท่านมองคุณถ่ายรูปกับเพื่อนๆ คิดถึงเรื่องราวในอดีต คิดถึงวันเก่าๆ ไม่ว่าคุณจะแต่งหน้าได้ดูแก่ขนาดไหนในวันรับปริญญา คุณสง่างามที่สุดในสายตาท่านอยู่ดี

9. วันแรกของการทำงาน เหมือนวันเปิดโลกใบใหม่สำหรับคุณ คุณกำลังอยู่ในโลกใบใหม่ ขณะที่ท่านอยู่ในโลกใบเดิม คุณมองไปไกลถึงฝั่งฝัน ขณะที่ท่านยิ่งคิดถึงคุณในวันวานมากขึ้น คุณบอกท่านว่าคุณไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว และนั่นทำให้ท่านใจหาย คุณไม่ใช่เด็กได้อย่างไร เมื่อในห้วงความทรงจำของท่าน คุณยังร้องไห้งอแงอยู่เลย คุณไปไกลจากท่านทุกทีๆ มีความคิดเป็นของตนเอง มีเป้าหมายเป็นของตนเอง มีคนรักเป็นของตนเอง คุณฝันถึงการงานที่คุณอยากจะทำ คุณลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า แม่ของคุณเลี้ยงคุณมาด้วยอาชีพอะไร ชีวิตของคุณกำลังพุ่งทะยาน ขณะที่ชีวิตของท่านกำลังนับเวลาถอยหลัง

10. คุณได้เจอกับคนที่ใช่ และไม่ใช่อีกหลายคน มีคนเข้ามาและจากไป แต่ท่านก็ยังมองคุณอยู่ห่างๆ ในช่วงเวลานี้ แม้แต่จะเข้ามาใกล้ๆ ในชีวิตของคุณท่านยังไม่กล้า ท่านจะกล้าได้อย่างไร ในเมื่อท่านไม่รู้อะไรเลยในโลกของคุณ ท่านกลายเป็นคนไม่ทันโลก ตกยุค ขณะที่คุณกำลังสร้างโลกใบใหม่ที่ท่านไม่รู้จัก มีหลายอย่างในชีวิตคุณที่ท่านสงสัยแต่ไม่กล้าถาม ช่วงเวลานี้ ท่านได้กลายเป็นอากาศที่คุณมองไม่เห็นไปแล้ว

11. ในที่สุด ชีวิตของท่านก็เดินทางมาถึงจุดนี้จนได้ คุณมีครอบครัวเป็นของตนเอง กับใครคนหนึ่ง หรือคุณตัดสินใจอยู่เพียงลำพัง กับความคิดหนึ่งที่ท่านไม่เข้าใจ ถ้าคุณมีครอบครัว คุณจะเห็นว่าท่านเริ่มห่วงคุณมากขึ้น ถ้าคุณไม่มีครอบครัว คุณก็จะเห็นว่าท่านห่วงคุณมากขึ้นเหมือนกัน คุณรู้ไหม ท่านเริ่มคิดถึงความตายแล้ว แต่ท่านไม่เคยบอกคุณ คุณรู้ไหม ท่านเริ่มกลัวว่าท่านจะเป็นโรคร้าย เป็นโรคมะเร็ง หรือโรคอะไรที่คนแก่ๆ เขาเป็นกัน ท่านคิด ท่านกลัว แต่ท่านไม่เคยบอกคุณ มีเรื่องหนึ่งที่ผุดเข้ามาในใจของท่าน “คุณจะพบคนดีที่จะดูแลคุณได้ชั่วชีวิตรึเปล่า และถ้าคุณพบแล้ว เขาคนนั้นจะทอดทิ้งคุณไปหรือไม่” ท่านก็แค่คนแก่ๆ คนหนึ่งที่เป็นห่วงลูกตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่า ไม่ควรยึดติด แต่จะไม่ให้ยึดติดในความสุขความทุกข์ของคุณ ท่านไม่เคยทำมันได้เลย

12. ชีวิตของคุณกำลังรุ่งโรจน์ ขณะที่ชีวิตของท่านกำลังร่วงโรย ท่านอาจมองคุณในบางวัน นึกถึงคุณในวัยเยาว์แล้วบอกกับตนเองว่า “ทั้งหมดในชีวิต เราผ่านมันมาได้อย่างไร ช่างน่าอัศจรรย์” ทุกอย่างเป็นเหมือนฝัน ท่านเคยเป็นเด็ก เคยเล่นตุ๊กตา เคยเป็นสาวน้อยช่างฝัน แล้วท่านก็เป็นวัยรุ่น เคยมีสิ่งที่อยากมีและอยากเป็น ท่านพบพ่อของคุณ เกิดความรัก แล้วก็มีคุณ แล้วชีวิตก็พาท่านเดินทางมาไกลเกินกว่าที่ท่านจะคาดคิด เชื่อเถอะว่า ท่านแทบไม่เคยจินตนาการไว้เลยว่าท่านจะมีลูกอย่างคุณ แต่คุณก็เป็นลูกของท่าน แม้คุณจะเป็นลูกที่ดี แม้คุณจะเป็นลูกที่ไม่ดี คุณก็เป็นลูกของท่าน ชีวิตของท่านพาท่านมาไกลมาก และคุณซึ่งเป็นลูกของท่านก็พาท่านมาไกลมาก ไกลจนท่านเกือบลืมไปแล้ว ท่านแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ชีวิตของท่านก่อนที่คุณจะเกิดมานั้นเป็นอย่างไร

13. วันหนึ่ง ท่านเรียกคุณเข้าไปพบ ท่านพูดบางอย่าง เหมือนมันเลื่อนลอย คำพูดนั้นเบาบาง เหมือนไม่มีอะไร ท่านเริ่มรู้วาระของท่านแล้ว ท่านเริ่มตระหนักแล้วว่า คุณกับท่านต้องจากกันตลอดไป แต่คุณไม่รู้หรอกว่าคุณมีความหมายกับท่านมากแค่ไหน แม้คุณคิดว่าคุณรู้ แต่นั้นช่างห่างไกลกับความรู้สึกของท่านที่มีต่อคุณ คุณลืมเรื่องราวหลายอย่างระหว่างคุณกับท่าน
บางครั้งท่านมองดูคุณ
ภูมิใจ ดีใจ และเสียใจกับสิ่งที่คุณทำ
ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ ใกล้หมดเวลาของท่านเต็มที
สายลมพัดผ่านเบาๆ
แล้วชีวิตของคนที่รักคุณที่สุด…ก็ดับไป

***แด่ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ทั่วทั้งโลก
ขอให้ลูกทุกคนอ่านแล้วคิดตาม ขอให้แม่ทุกคนอ่านแล้วคิดตาม ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ
และมันจะเป็นเช่นนี้ไปชั่วกัลปาวสาน***

-พศิน อินทรวงค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 14, 2021 4:33 pm

เพื่อนๆต้องร้องไห้แน่เมื่ออ่านจบ
ตอนที่อายุ 18 ปี ความเกเรทำให้เขาทำร้ายคนอื่นบาดเจ็บสาหัส จึงถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้าคุก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเขาเลย แม่เป็นหม้าย เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ด้วยความทุกข์ยากลำบาก นึกไม่ถึงว่าเขากำลังจบมัธยมปลาย จะมาก่อเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้ เขาทำให้แม่เสียใจ และเขาก็เข้าใจดี แม่โกรธเขาก็สมควรแล้ว

ฤดูหนาวปีแรกในคุก เขาได้รับกล่องพัสดุข้างในบรรจุเสื้อไหมพรมตัวหนึ่ง ที่ชายเสื้อนั้นปักรูปดอกเหมยสีแดงอยู่ 1 ดอก บนดอกเหมยนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กๆ ข้อความว่า
“ขอให้ลูกปรับปรุงตัว ยามแม่แก่เฒ่า แม่หวังพึ่งเจ้าเลี้ยงดู”
ข้อความในกระดาษแผ่นเล็กนี้ ทำให้คนก้าวร้าวนิสัยแย่อย่างเขาร้องไห้น้ำตานองหน้า นี่เป็นเสื้อไหมพรมที่แม่เป็นคนถักเอง เขาจำลักษณะของลายเส้นได้ แม่เคยพูดกับเขาว่า
“คนเราจะต้องเอาอย่างดอกเหมย ยิ่งผจญกับความหนาวเหน็บทุกข์ยากเท่าใด ยิ่งจะทำให้ดอกเหมยผลิดอกได้งดงามมากยิ่งขึ้น”

4 ปีแล้ว แม่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาเยี่ยมเขา แต่ทว่า ทุกต้นฤดูหนาว แม่จะส่งเสื้อไหมพรมและข้อความเดิมมาให้ทุกครั้ง เขาพยายามปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ได้รับการพิจารณาลดโทษ และเมื่อปลายปีที่ 5 เขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก

เขาสะพายเป้เดินออกจากเรือนจำ เสื้อไหมพรม 5 ตัวคือสมบัติของเขา เมื่อเขาเดินทางมาถึงบ้าน ปรากฏว่าหน้าบ้านถูกล็อคด้วยกุญแจ และกุญแจนั้นก็ถูกสนิมกินเขรอะไปหมด ต้นหญ้าภายในบ้านก็ขึ้นสูงเกือบฟุต เขารู้สึกแปลกใจ แม่ไปไหม?
เมื่อเขาเข้าไปถามเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านต่างมองเขาด้วยความประหลาดใจ ต่างก็ถามเขาว่ายังอีกปีหนึ่งไม่ใช่เหรอ? เขาส่ายหน้าถามไปว่า
“แม่ผมล่ะ?”
เพื่อนบ้านก้มหน้าแล้วก็บอกกับเขาว่า
“แม่เธอตายไปแล้ว!”
เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อม เป็นไปได้ยังไง! แม่ของเขาอายุเพิ่งสี่สิบกว่าเอง จะตายได้ยังไง? เมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมาเขาเพิ่งได้รับเสื้อกันหนาวของแม่อยู่เลย

เพื่อนบ้านจึงพาเขาไปที่หลุมฝังศพ เขาคุกเข่าร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เพื่อนบ้านเล่าว่าหลังจากที่เขาทำร้ายคนอื่นจนบาดเจ็บสาหัส แม่ของเขาต้องไปกู้เงินจากเพื่อนบ้านเพื่อทำการรักษาคนบาดเจ็บนั้น เมื่อเขาถูกจำคุก แม่จึงย้ายไปรับจ้างในโรงงานประทัดที่ห่างจากบ้านประมาณ 100 กิโล นานๆ ถึงจะกลับมาที ส่วนเสื้อไหมพรมที่แม่ส่งไปให้เขานั้น แม่ฝากเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันเป็นผู้ส่งให้ และเมื่อตรุษจีนปีที่แล้ว โรงงานประทัดมีออเดอร์เป็นจำนวนมาก จึงให้พนักงานทำโอที แต่โชคร้ายโรงงานระเบิด คนงานต่างถิ่นที่ทำโอทีสิบกว่าคนหนึ่งในนั้นก็คือแม่ของเขารวมทั้งเจ้าของโรงงานและลูกหลานเสียชีวิตทั้งหมดในเหตุการณ์ครั้งนั้น
พูดถึงตรงนี้ เพื่อนบ้านก็ถอนหายใจ
“ยังมีเสื้อไหมพรมค้างอยู่ที่บ้านฉันอีกหนึ่งตัว เตรียมส่งให้เธอปีนี้!”
เขาตีอกชกตัวร้องไห้ไม่หยุดต่อหน้าหลุมฝังศพแม่ เขาเป็นคนทำให้แม่ตาย เขาเป็นลูกอกตัญญู เขาสมควรตกนรก
วันรุ่งขึ้น เขาขายบ้านแล้วก็นำสมบัติคือเสื้อไหมพรม 6 ตัว ติดตัวแล้วจากไป

4 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาเปิดร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมือง และแต่งงานกับเด็กสาวคนหนึ่งเป็นภรรยา
ร้านของเขากิจการดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาหารอร่อยราคาย่อมเยา อีกทั้งความอ่อนน้อมและความกระตือรือร้นของผู้เป็นภรรยาในการต้อนรับแขก
เพราะไม่ได้จ้างคนงาน เขาจึงต้องตื่นประมาณตีสี่เพื่อไปซื้อของมาทำอาหาร สองสามีภรรยาแม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็มีความสุข
อยู่มาวันหนึ่ง หญิงชราหลังคุ้มงอเดินขา
กระเพลกลากซาเล้งเข้ามาทำมือทำไม้ขอรับจ้างเป็นคนจ่ายตลาดแทนเขา หญิงชรารับประกันความสดใหม่ของผักและอื่นๆ อีกทั้งให้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด หญิงชราคนนี้เป็นใบ้ บนใบหน้ามีแผลเหมือนถูกไฟคลอกมาก่อน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสารและเวทนามาก
แต่ภรรยาของเขาไม่เห็นด้วย เพราะรู้สึกสงสารคนแก่ แต่เขาไม่สนใจความเห็นของภรรยา เขาตกลงให้หญิงชราเป็นผู้จ่ายตลาดแทนเขา ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขารู้สึกถูกชะตากับหญิงใบ้คนนี้เป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะลักษณะของนางเหมือนกับแม่ของเขามาก

หญิงใบ้เป็นคนมีสัจจะ ผักและอาหารอื่นๆ ที่นางจัดซื้อหามาให้ทั้งสวยและสดมาก ทุกเช้าประมาณ 6 โมง นางจะลากซาเล้งพร้อมกับผักเต็มลำมาส่งให้ชายหนุ่มที่ร้าน บ่อยครั้งที่เขาขอเลี้ยงบะหมี่หญิงชรา นางกินค่อนข้างช้า ดูเหมือนนางจะเป็นสุขอย่างมาก
เขารู้สึกสงสารนางจับใจ บอกกับหญิงชราว่า
“ยายมากินบะหมี่ได้ทุกวันนะ ผมเลี้ยงเอง”
เมื่อหญิงชรากินเสร็จก็ยิ้มแล้วเดิน
กระเพลกๆ ออกจากร้านไป
เขามองตามหญิงชรา ไม่รู้ทำไม เขาเห็นภาพของแม่ทาบอยู่บนร่างของนาง ทำให้เขาร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจ

ผ่านไป 2 ปีแล้ว จากร้านอาหารเล็กๆ ตอนนี้ร้านของเขากลายเป็นภัตตาคาร 4 ชั้น และด้วยเงินที่สะสมมาหลายปี เขาสามารถซื้อบ้านใหม่ได้อีกหลังหนึ่ง หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือ คนส่งผักยังเป็นหญิงใบ้คนเดิมอยู่

เช้าวันหนึ่ง เขายืนรอผักอยู่หน้าภัตตาคาร รอเป็นชั่วโมงก็ไม่เห็นหญิงชราเอาผักมาส่ง เขาไม่เคยสอบถามเบอร์โทรศัพท์หรือที่อยู่ของนางเลย แล้วจะติดต่อได้ที่ไหน? ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงหญิงชรา
เมื่อไม่เห็นเงาของหญิงชราว่าจะมาส่งผักได้เหมือนเดิม เขาจึงสั่งลูกน้องออกไปซื้อผักที่ตลาด ผ่านไป 2 ชั่วโมง คนงานก็กลับมาจากตลาดพร้อมกับผักและอาหารอื่นๆ เมื่อเขาตรวจสอบดู คุณภาพของผักไม่ได้ครึ่งของหญิงชราที่จัดหามาให้เขาเลย ผักที่หญิงชรานำมาส่งรู้สึกได้เลยว่าถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี
แต่จากวันนั้นเป็นต้นมา หญิงชราก็ไม่ได้มาส่งผักเหมือนเดิมอีกแล้ว

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ วันนั้นเป็นวันตรุษจีนพอดี ในขณะที่เขากำลังห่อเกี๊ยว เขาก็เอ่ยกับภรรยาว่าอยากจะเอาไปให้หญิงใบ้สักชามหนึ่ง และอยากจะไปดูด้วยว่านางเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เห็นนางมาส่งผักตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้ว ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง? ภรรยาเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดมา เมื่อทำเกี๊ยวเสร็จ เขาก็ยกชามเกี๊ยวใส่ตะกร้าออกจากบ้านเพื่อไปสอบถามถึงหญิงใบ้ที่เดินขากระเพลกกับชาวบ้านในตลาด และเขาก็ทราบว่า หญิงใบ้คนนั้นอาศัยอยู่บ้านเช่าห่างจากภัตตาคารของเขาเพียง 2 ซอยเท่านั้น

เมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านเช่าของนาง เขาเคาะประตูเรียกตั้งนาน ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตู เขาจึงถือวิสาสะผลักประตูเดินเข้าไปในบ้าน ในบ้านแคบๆ มืดๆ นั้น หญิงชรานอนอยู่บนเตียงสภาพหนังหุ้มกระดูก เมื่อหญิงชราเห็นเป็นเขาก็ตกใจ พยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่นางก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีแรง

เขาเอาชามเกี๊ยววางไว้ที่หัวเตียงและก็ถามว่า
“ยายเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?”
หญิงชราเอาแต่ขยับปากเหมือนอยากจะบอกอะไรกับเขา แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา
เขาเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟที่หัวเตียงแล้วเปลี่ยนจากยืนเป็นนั่งลงข้างๆ แทน
อยู่ๆ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรูปสองสามใบที่ติดอยู่ผนังห้อง เขาตกตะลึง อ้าปากค้างชาวาบไปทั้งตัว
มันเป็นภาพถ่ายของเขากับแม่! ภาพถ่ายเมื่อเขาอายุได้ 5 ขวบ 10 ขวบ และตอนอายุ 17 ปี
ที่มุมห้องมีห่อผ้าเก่าๆ ห่อหนึ่ง บนห่อผ้านั้นมีรูปดอกเหมยไหมพรมติดอยู่

เขาหันกลับมามองหญิงชราด้วยความตะลึง ถามออกไปว่ายายเป็นใครกัน?
หญิงชราก็ตกตะลึงไม่ต่างจากเขา สุดท้ายนางก็เอ่ยออกมาว่า
“ลูกแม่!”
เสียงเรียกว่า “ลูกแม่”นั้น เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เขาช็อกไปครู่หนึ่ง หญิงชราคนนี้ไม่ได้เป็นใบ้ คนส่งผักให้เขาเป็นเวลา 2 ปีคนนี้ ที่แท้เป็นแม่ของเขาเองหรือ!
เขารีบคุกเขากอดแม่ไว้แน่น สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้เสียงระงม
ไม่รู้ว่าเสียงร้องไห้นั้นดังเป็นเวลานานเท่าไหร่ เขาเงยหน้าขึ้นมอง เอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลไฟไหม้ของแม่
“เพื่อนบ้านพาผมไปกราบหลุมศพของแม่ บอกว่าแม่ตายไปแล้ว ผมจึงขายบ้านย้ายมาอยู่ที่นี่”

แม่ของเขาปาดน้ำตา บอกกับเขาว่านางเป็นผู้สั่งให้เพื่อนบ้านบอกกับเขาอย่างนั้น
ในวันที่โรงงานประทัดระเบิด นางรอดชีวิตออกมาได้ แต่ใบหน้าก็ถูกไฟครอกจนเสียโฉม เมื่อเห็นสภาพความน่าเกลียดของตัวเอง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ยากจน หากวันหนึ่งลูกชายออกจากคุกมา กลัวว่าจะไม่มีใครยอมแต่งงานกับลูกชายของนาง เพื่อไม่ให้เป็นภาระของลูก นางจึงบอกกับเพื่อนบ้านว่าให้บอกลูกชายของนางว่า นางได้ตายไปแล้ว เพื่อให้ทรัพย์สมบัตินี้เป็นของลูกอย่างชอบธรรม จะได้นำไปตั้งตัวสร้างครอบครัวใหม่ได้

เมื่อลูกชายของนางขายบ้านจากไปแล้ว นางจึงได้กลับไปสอบถามเพื่อนบ้านจึงรู้ว่าลูกชายมาเปิดร้านอาหารอยู่ในเมือง นางจึงเข้ามาเป็นคนเก็บขยะขายประทังชีวิต ใช้เวลาตามหาลูกชายถึง 4 ปี จึงได้เจอกับร้านอาหารของลูกชาย นางดีใจจนแทบจะเป็นบ้า แต่เมื่อเห็นลูกชายและลูกสะใภ้ทำงานด้วยความลำบาก จึงขันอาสารับเป็นผู้จ่ายตลาดให้ เพื่อแบ่งเบาภาระของลูก ทำมาก็ 2 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ขาของนางไม่มีแรง ไม่สามารถลุกเดินเหินได้เหมือนเดิมอีกต่อไป จึงไม่สามารถช่วยลูกชายได้อีกแล้ว
เขาฟังไปร้องไห้ไป ไม่รอให้แม่พูดจบ เขาลุกขึ้นไปหยิบห่อผ้าและอุ้มแม่เดินกลับไปที่บ้าน

เขาอุ้มแม่เดินมาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงบ้านของตัวเอง
แม่พูดกับเขามากมาย แม่บอกว่า วันที่เขาเข้าคุกแม่เกือบจะตาย แต่ก็แข็งใจรอให้ลูกออกจากคุกก่อน แม่ยังตายตอนนี้ไม่ได้จึงกัดฟันอยู่ต่อ เมื่อลูกออกจากคุกมา เห็นลูกยังไม่มีครอบครัว แม่ก็คิดว่าแม่ยังตายไม่ได้ เมื่อเห็นลูกมีครอบครัว มีกิจการงานที่ดี แต่ยังไม่มีหลาน ยังไงแม่ก็ตายไม่ได้ ถึงตรงนี้ นางพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
เขาก็ได้พูดกับแม่ถึงเรื่องราวของเขามากมาย แต่เรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกความจริงกับแม่ก็คือ คนที่เขาชกต่อยด้วยจนบาดเจ็บสาหัสนั้น เป็นเพราะชายคนนั้นใช้วาจาอันแสนหยาบคายพูดดูถูกแม่ของเขา เขาไม่กลัวหากใครจะมาชกต่อยหรือทำร้ายเขา เขาทนได้ แต่เขาทนไม่ได้ที่ชายคนนั้นดูถูกแม่ของเขาด้วยวาจาที่แสนต่ำช้าอย่างนั้น

แม่อยู่กับเขาได้ 3 วันก็สิ้นใจ คุณหมอบอกกับเขาว่า
“โรคมะเร็งกระดูกที่แม่คุณเป็น น่าจะเสียชีวิตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ที่ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อจนถึงตอนนี้ นี่ถือเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก ดังนั้น คุณไม่ต้องโศกเศร้าเสียใจหรอก ท่านได้อยู่กับคุณนานแล้ว”
“แม่ของผมเป็นโรคมะเร็งกระดูก!”
เขาอุทานออกไปด้วยความตกใจ

เมื่อเขาแกะห่อผ้าของแม่ ข้างในมีเสื้อไหมพรมถูกพับไว้อย่างดีอยู่หลายผืน มีเสื้อตัวเล็กที่เขียนกำกับว่า “หลาน” อีกผืนหนึ่งเขียนว่า “ลูกสะใภ้” และอีกผืนหนึ่งที่เขียนว่า “ลูกแม่”
ที่ชายเสื้อของทุกตัว จะมีรูปดอกเหมยที่ปักด้วยด้ายไหมพรมสีแดงอยู่
ใต้ห่อผ้านั้น มีใบรับรองแพทย์ของแม่ที่เขียนว่า “มะเร็งกระดูก” วันเวลา เป็นช่วงปีที่ 2 ที่เขาติดคุก
เขายืนตัวสั่น เหมือนมีมีดปลายแหลมหลายเล่มเสียบแทงไปที่หัวใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
...................
ร้อยพันความดีงาม ความกตัญญูมาเป็นอันดับหนึ่ง
ความรักของพ่อแม่คือสัจธรรมอันแท้จริง ความกตัญญูของบุตรธิดาก็ควรเป็นสัจธรรมอันแท้จริงเช่นกัน

:s002: :s002:
ตอบกลับโพส