บะหมี่ หนึ่งชาม

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ พ.ย. 07, 2021 8:04 pm

“บะหมี่หนึ่งชาม”

เรื่องราวต้องย้อนหลังไปนานโข
ในร้านบะหมี่ชื่อ ฮอกไกเต เมืองซับโปโร

คนญี่ปุ่นมักถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
ต้องกินบะหมี่ในคืนส่งท้ายปีเก่า
ร้านบะหมี่ทุกร้านจึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน

ในคืนอันหนาวเหน็บที่หิมะกำลังโปรยปราย
หลังสี่ทุ่มไปแล้ว ถนนเริ่มเงียบ
ลูกค้าแทบไม่เหลือแล้ว
เจ้าของร้านฮอกไกเตเป็นผู้ใหญ่ใจดี
เมียเจ้าของร้านพูดเก่ง เป็นกันเอง
พอลูกค้าหมดร้าน ก็เตรียมตัวปิดร้าน

แต่แล้วประตูร้านก็ถูกเปิดออก
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมเด็กผู้ชายสองคน
เด็กอายุประมาณ 6 ขวบกับ 10 ขวบ
เด็กทั้งสองแต่งตัวด้วยชุดพละของโรงเรียน
ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อคลุมค่อนข้างหลวมและล้าสมัย

"เชิญนั่งครับ" เจ้าของร้านเชิญชวน
"ขอสั่งบะหมี่สักชามได้ไหมคะ" ผู้หญิงออกอาการเกรงใจ
"ได้สิครับ จัดให้เดี๋ยวนี้ เชิญนั่งครับ"
ทั้งสามถูกเชิญไปนั่งยังโต๊ะเบอร์ 2

ปกติบะหมี่ชามหนึ่งจะใช้เส้นบะหมี่จำนวนหนึ่งก้อน
เจ้าของร้านใจดีแอบเพิ่มไปให้อีกครึ่งก้อน
ทั้งสามไม่รู้หรอกว่าได้เส้นบะหมี่เพิ่ม
รวมทั้งเมียเจ้าของร้านก็ไม่รู้เช่นกัน
พี่น้องต่างกินด้วยความเอร็ดอร่อย
คนน้องคีบบะหมี่ให้แม่ บอกว่า
"อร่อยนะครับ แม่กินเยอะหน่อย"

พอกินเสร็จจ่ายค่าบะหมี่ไป 150 เยน
"อร่อยมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"ขอให้โชคดี มีความสุขตลอดปีใหม่นะ"
เจ้าของร้านทั้งสองอวยพรส่งท้าย

เวลาผ่านไปไว
วันส่งท้ายปีเก่าก็วนมาอีกรอบ
ร้านฮอกไกเตก็ยังเนืองแน่นไปด้วยลูกค้า
เลยสี่ทุ่มไปแล้ว
ลูกค้าหมดร้าน
กำลังจะปิด
หญิงวัยกลางคนพร้อมลูกชายทั้งสองก็ผลักประตูเข้ามา
เมียเจ้าของร้านจำเสื้อคลุมเก่าๆตัวนั้นได้
เป็นลูกค้าชุดสุดท้ายของปีที่แล้ว

"ขอบะหมี่สักชามนะคะ" คนเป็นแม่สั่งอย่างเกรงใจเหมือนเดิม
"เชิญนั่งเลยค่ะ"
แล้วแม่ลูกทั้งสามก็ถูกเชิญไปโต๊ะเบอร์ 2 เหมือนเดิม

พอเจ้าของร้านเริ่มลวกบะหมี่
เมียเดินเข้ามากระซิบข้างหู
"ทำบะหมี่ให้เขาสามชามเลยดีไหม"
"ไม่ได้หรอก ถ้าทำอย่างงั้นเขาก็เขิน คงไม่กล้ารับ"
ผัวตอบพร้อมหยิบเส้นบะหมี่เพิ่มไปอีกครึ่งก้อนเหมือนเดิม
"เออ เห็นเซ่อๆซ่าๆ แท้จริงจิตใจก็ดีใช้ได้นี่"
เมียแซวผัวก่อนยกบะหมี่ชามใหญ่ไปเสิร์ฟ

ทั้งสามกินด้วยความเอร็ดอร่อย
ชมไม่ขาดปาก
"โชคดีจังที่ได้มีโอกาสกินบะหมี่อร่อยของร้านฮอกไกเต"
"หวังว่าปีหน้าคงได้มาอีก"
พี่น้องสื่อสารกันอย่างสุขใจ
จ่ายเงิน 150 เยนหลังกินเสร็จ
"ขอให้โชคดีมีสุขตลอดปีใหม่นะ"
เจ้าของร้านทั้งสองอวยพรปีใหม่ส่งท้ายพร้อมรอยยิ้ม

วันส่งท้ายปีเก่าก็เวียนมาอีกรอบเป็นปีที่สาม
พอเลยเวลาสี่ทุ่ม
เมียเจ้าของร้านก็เอาป้าย"จอง"เล็กๆไปไว้บนโต๊ะเบอร์ 2
ค่อนข้างแน่ใจว่าจะได้ต้อนรับสมาชิกครอบครัวนี้เหมือนเดิม
ไม่นานนักทั้งสามแม่ลูกก็เดินเข้ามาในร้านเหมือนปีที่แล้ว
ลูกชายคนโตใส่ชุดนักเรียนมัธยม
น้องชายใส่เสื้อแจ็คเก็ตของพี่ชายเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนแม่ก็ยังคงใส่เสื้อคลุมตัวเก่าเหมือนเดิม

"เชิญนั่งค่ะ.....เชิญค่ะ"ต้อนรับด้วยอัธยาศัยอย่างดี
"เออ ขอรบกวนสั่งบะหมี่สองชามนะคะ"
แล้วทั้งสามก็ถูกเชิญไปนั่งโต๊ะเบอร์ 2 ที่ตั้งใจจองไว้ให้

ทั้งสามนั่งกินบะหมี่ด้วยรอยยิ้มและความสุข
เจ้าของร้านทั้งสองยืนอยู่หลังเค้าเตอร์ก็พลอยยินดีกับรอยยิ้มของพวกเขา

"ลูกของแม่ทั้งสองคน วันนี้แม่ต้องขอบใจลูกทั้งสอง"
"ทำไมต้องขอบใจพวกเราครับ"
"คืออย่างงี้ พ่อที่จากพวกลูกไปตอนเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนั้น
เนื่องจากพ่อเป็นผู้ทำให้มีผู้คนบาดเจ็บทั้งหมดถึงแปดคน
แต่บริษัทประกันไม่สามารถจ่ายให้หมด เพราะเกินวงเงินประกัน
หลายปีมานี้ แม่ต้องนำเงินไปชดใช้เดือนละห้าหมื่นเยน"
"เรื่องนี้พวกเรารู้หมดแล้ว"
"ความจริงแม่ต้องส่งเงินครบงวดสุดท้ายในอีกสามเดือนข้างหน้า
แต่วันนี้แม่ก็จ่ายครบไปหมดแล้ว"
"จริงหรือครับ แม่"
"จริงสิจ๊ะ ตลอดปีที่ผ่านมา พี่ได้ทำหน้าที่ส่งหนังสือพิมพ์อย่างขยันขันแข็ง
ส่วนน้องก็ต้องจ่ายตลาดซื้อกับข้าวหุงหาอาหารทุกวัน
ทำให้แม่สามารถทุ่มเทเต็มที่กับงาน
วันนี้บริษัทให้เงินรางวัลเป็นโบนัสพิเศษแก่แม่
แม่จึงเอาไปจ่ายหนี้จนหมด"

"ดีเลยครับ แม่ แต่ต่อนี้ไปผมก็ยังจะคงทำหน้าที่ทำครัวเหมือนเดิม"
"ส่วนผมก็จะทำหน้าที่ส่งหนังสือพิมพ์ต่อไปเหมือนเดินครับ"
"ขอบใจพวกเธอมาก ลูกๆที่น่ารักของแม่"

"แม่ครับ พวกเรามีความลับเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้บอกแม่
เมื่อกลางเดือนที่แล้ว โรงเรียนน้องเขาเชิญประชุมผู้ปกครอง
คุณครูประจำชั้นของน้องแนบจดหมายมาอีกฉบับ
บอกว่าเรียงความของน้องเรื่องหนึ่งถูกคัดเลือกเป็นตัวแทนของซัปโปโร
ที่จะถูกส่งไปประกวดระดับประเทศ
วันนั้นผมเห็นแม่ยุ่งกับงานมาก ผมเลยถือวิสาสะไปประชุมแทน"
"ดีแล้วลูก ขอบใจมาก"
"หัวข้อของเรียงความชื่อ (เป้าหมายในชีวิตฉัน)
น้องเขาเอาบะหมี่หนึ่งชามเป็นเนื้อเรื่อง
น้องเล่าเรื่องถึงการเสียชีวิตของพ่อ
ทิ้งหนี้สินจากอุบัติเหตุไว้มากมาย
แม่ต้องทำงานหนักมากมาใช้หนี้
ส่วนผมก็ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์
แล้วยังเล่าถึงบรรยากาศที่พวกเราสามแม่ลูกร่วมกันกินบะหมี่หนึ่งชามในคืนส่งท้ายปี
แม้เราจะสั่งแค่บะหมี่เพียงชามเดียว
แต่คุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านก็ใจดีมาก
ยังอวยพรให้พวกเรามีความสุขในปีใหม่
เหมือนเป็นการให้กำลังใจแก่พวกเราสู้ต่อไปด้วยความเข้มแข็ง
อีกไม่ช้าหนี้สินที่ค้างคาก็คงจะหมดไป"

"น้องเขาเขียนว่าเขาอยากเปิดร้านบะหมี่เมื่อโตขึ้น
เขาจะทำบะหมี่ที่อร่อยที่สุด
และจะขอบคุณและอวยพรลูกค้า
ขอให้สู้ ขอให้มีความสุขทุกๆคน"

ผัวเมียเจ้าของร้านทั้งสองต้องรีบก้มตัวลงหลังเค้าเตอร์
ต่างเอาผ้าเช็ดหน้าของตนเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมากด้วยความตื้นตัน

"น้องเราต้องขึ้นไปอ่านเรียงความบทนั้นต่อหน้านักเรียนและผู้ปกครองทั้งหมด
ทุกคนได้ปรบมือให้ด้วยเสียงดังกึกก้องเมื่อน้องอ่านจบแล้ว
ครูก็ให้ผมขึ้นไปพูดต่อในฐานะผู้ปกครอง"

"อุ้ย แล้วลูกทำยังไง"

"มันกระทันหันมาก และผมก็ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
ก็เลยเริ่มด้วยคำขอบคุณเพื่อนๆของน้องที่เอ็นดูน้องมาตลอด
แต่เพราะน้องมีภาระกิจที่ต้องรีบกลับบ้านไปทำครัวทำงานบ้าน
เลยไม่ค่อยมีเวลาร่วมงานกลุ่ม
รู้สึกจะเป็นการเอาเปรียบเพื่อนๆ
ต้องขออภัยหากนั่นคือความยุ่งยากที่ได้ก่อไว้

เห็นน้องอ่านเรียงความเรื่องบะหมี่หนึ่งชามแล้ว
ผมไม่มีวันลืมความรู้สึกของคุณแม่
ที่มีปัญญาสั่งแค่บะหมี่ชามเดียวสำหรับพวกเราสามคน
พวกเราพี่น้องจะไม่มีวันลืมความรู้สึกอันนี้
พวกเราสองพี่น้องจะพยายามต่อไปให้ดีที่สุด
สัญญาว่าจะช่วยกันดูแลคุณแม่อย่างดี
และผมขอรบกวนฝากน้องชายผมไว้กับเพื่อนๆด้วยครับ"

แม่ลูกทั้งสามยื่นมือมาประสานกัน
แม่ตบบ่าลูกทั้งสองเบาๆ
บรรยากาศดีกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา
หลังจ่ายเงินค่าบะหมี่ 300 เยนเสร็จพร้อมคำขอบคุณ
เจ้าของร้านทั้งสองรีบอวยพรเหมือนเดิม
"สุขสันต์ตลอดปีใหม่นะ"

ปีถัดมา ใกล้เวลาสี่ทุ่ม
ป้าย"จอง"ถูกนำไปวางไว้โต๊ะเบอร์ 2 เหมือนเดิม
แต่ปีนี้แม่ลูกทั้งสามไม่ได้ปรากฏตัว
และปีถัดๆมาก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย

ร้านบะหมี่ฮอกไกเต ก็ยังขายดีเหมือนเดิม
ร้านได้ตกแต่งใหม่หมดทั้งร้าน
โต๊ะเก้าอี้เปลี่ยนใหม่หมดทั้งร้าน
ยกเว้นโต๊ะเก้าอี้ชุดเบอร์ 2
ยังคงรักษาสภาพเดิมไว้ทุกอย่าง

"นี่มันเรื่องอะไรกัน"
ลูกค้าเกือบทุกคนสงสัยเกี่ยวกับโต๊ะเบอร์ 2
จนเจ้าของร้านต้องเล่าเรื่องบะหมี่หนึ่งชามให้ฟัง
โต๊ะเบอร์ 2 ที่โดดเด่นอยู่กลางร้าน
จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกำลังใจแก่ทุกคนที่พบเห็น
ไม่แน่ สักวันในอนาคต
โต๊ะเบอร์ 2 อาจได้ต้อนรับพวกเขาอีกครั้ง
เจ้าของร้านแอบหวังลึกๆ

โต๊ะเบอร์ 2 กลายเป็น "โต๊ะแห่งความโชคดี"
บางคนตั้งใจเดินทางมาเพื่อขอดูโต๊ะตัวนี้
มีนักเรียนยอมเข้าแถวรอเพื่อนั่งโต๊ะตัวนี้
คนส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกเป็นพิเศษเมื่อได้นั่งโต๊ะตัวนี้

แล้ววันส่งท้ายปีก็เวียนมาถึงอีกรอบ
หลายปีที่ผ่านมา ร้านฮอกไกเตกลายเป็นที่ชุมนุมของชาวร้านค้าละแวกใกล้เคียง
นอกจากมาร่วมกันกินบะหมี่เป็นการส่งท้ายปีแล้ว
ยังช่วยกันนำกับข้าวกับปลามาแบ่งกันกิน
มาชุมนุมกันเพื่อรอฟังเสียงระฆังวัดเคาะต้อนรับปีใหม่
ยกเว้นโต๊ะเบอร์ 2 ที่มีแต่ป้าย"จอง"วางไว้
แต่ยังคงว่างเปล่าเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

เวลาสี่ทุ่มครึ่ง
ประตูร้านถูกผลักออก
ชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในร้าน
ใส่สูทเรียบร้อยดูดีมีราศี
มีเสื้อโค้ทพาดไว้ที่มือ
ทุกคนในร้านหันไปมองด้วยความตื่นเต้นเพราะคาดหวังไว้
แต่เมื่อเห็นแค่คนหนุ่มเพียงสองคน
ความตื่นเต้นก็พาลหายไป

เมียเจ้าของร้านกำลังจะบอกว่า
"ขอโทษค่ะ ร้านเต็มหมดไม่มีที่นั่งแล้ว"
ทันใดนั้น ก็มีผู้หญิงค่อนข้างสูงวัยในชุดประเพณีของชาวญี่ปุ่น
ก้าวเข้ามาในร้านพร้อมยืนอยู่ตรงกลางของหนุ่มทั้งสอง

ทุกคนในร้านเริ่มเงียบอีกครั้ง
ก่อนที่หล่อนจะพูดออกมาอย่างเบาๆว่า
"ขอโทษค่ะ ขอบะหมี่สามชามได้ไหมคะ"

เมียเจ้าของร้านมีสีหน้าตกใจ
สิบกว่าปีที่แล้ว.....
หล่อนพยายามนึกทบทวนภาพสามแม่ลูกในอดีต
มาเปรียบเทียบกับสามแม่ลูกที่ยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ มันใช่หรือ.....

คุณลุงเจ้าของร้านที่ยืนอยู่หลังเค้าเตอร์
ก็ตกใจพร้อมกับชี้มือไปที่พวกเขา
"พวกคุณ....พวกคุณ....."

หนึ่งในชายหนุ่มเห็นเจ้าของร้านทั้งสองตกใจจนพูดไม่ออก
เลยบอกว่า "พวกเราแม่ลูกสามคนเคยมาสั่งบะหมี่หนึ่งชามเมื่อสิบสี่ปีที่แล้ว
ด้วยกำลังใจจากบะหมี่ชามนั้น
และคำอวยพรของคุณลุงคุณป้า
เราสามคนแม่ลูกจึงมุ่งสู้ชีวิตไม่เคยท้อถอยจนทุกวันนี้"

"หลังจากปลดหนี้เรียบร้อยแล้ว
พวกเราย้ายไปอยู่บ้านคุณยายที่เมืองเกียวโต
ปีนี้ผมเรียนจบหมอเรียบร้อยแล้ว
กำลังทำหน้าที่แพทย์ฝึกหัดในแผนกกุมารเวชที่โรงพยาบาลเกียวโต
แล้วปีหน้าผมจะย้ายมาประจำที่นี่ที่โรงพยาบาลซัปโปโรครับ"

"วันนี้ผมมาเยี่ยมเยือนโรงพยาบาลซัปโปโรตามมารยาท
เสร็จแล้วพวกเราได้ไปเคารพหลุมศพคุณพ่อที่สุสาน
และนี่คือน้องผมที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเปิดร้านขายบะหมี่
แต่ตอนนี้น้องผมทำงานที่ธนาคารในเกียวโต
เราปรึกษากันว่า จะพาคุณแม่แวะมาเยี่ยมเยือนร้านบะหมี่ฮอกไกเตอีกครั้ง
มาสวัสดีทักทายคุณลุงคุณป้า
พร้อมกับจะขอลิ้มรสบะหมี่ที่อร่อยที่สุดในชีวิตสักสามชาม"

ผัวเมียเจ้าของร้านทั้งสองน้ำตาคลอเบ้า
ทำอะไรไม่ถูกแล้วในตอนนี้

กลับกลายเป็นเพื่อนบ้านคนขายผักมีสติดีกว่า รีบตะโกนขึ้นว่า
"จะช้าอยู่ทำไม
โต๊ะเบอร์ 2 ที่ตั้งป้าย"จอง"มาเป็นสิบๆปีแล้ว
ไม่ใช่เพื่อรอต้อนรับพวกเขาเหรอ
รีบต้อนรับแขกเร็ว"

พอได้สติ เมียเจ้าของร้านรีบตะโกนเชื้อเชิญแขกด้วยเสียงที่ตื้นตัน
"เชิญค่ะ เชิญโต๊ะเบอร์ 2 เลยค่ะ บะหมี่สามชาม..."
ผัวรีบเช็ดน้ำตา
"ครับ.....บะหมี่สามชาม.....ได้เดี๋ยวนี้"

******************

กำลังใจจากเจ้าของร้าน
แม้จะเป็นเส้นบะหมี่เพียงก้อนสองก้อนที่แถมให้
กับคำอวยพรที่มาจากใจจริงของคนทั้งสอง
กลับสามารถสร้างกำลังใจให้กับคนที่กำลังทุกข์ระทมอยู่ก้นเหว
ให้เป็นแสงสว่างสู้ชีวิตต่อไป

อย่าดูหมิ่นกำลังใจที่เราหยิบยื่นให้คนอื่น
อาจเป็นเพราะกำลังใจจากใจจริงของเรา
แต่สามารถเป็นแสงสว่างนำทางให้ผู้อื่น

เพราะฉะนั้น อย่าตระหนี่ความรักความหวังดีที่เรามีต่อคนอื่น
จงแสดงออกไปด้วยความจริงใจ
แม้อาจเป็นแค่แสงริบหรี่ในคืนอันหนาวเหน็บ
แต่มันคือความอบอุ่นและแสงสว่างที่แท้จริง
ที่มนุษย์เราควรมอบให้กันด้วยความรักและห่วงใย

ห้องสมุดฟลิ้นท์
"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง
Credit: Social forwards
ตอบกลับโพส