บุรุษหัวใจสิงห์
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2021 7:51 pm
บุรุษหัวใจสิงห์
มีหนุ่มน้อยหน้ามนคนหนึ่ง ชื่อ ซีนก่าย ( Zenkai ) สืบเชื้อสายของซามูไร
แต่ไปเกิดอยู่ถิ่นบ้านนอก พอเข้าวัยหนุ่มพ่อแม่จึงส่งเข้าไปอาศัยอยู่กับขุนนาง
ผู้ใหญ่คนหนึ่ง ในกรุงเอโดะ คือโตเกียวในปัจจุบัน ในฐานะเป็นเด็กรับใช้อยู่
ในคฤหาสน์
ต่อมาหนุ่มซีนก่ายเป็นเด็กหน้าตาดี ทำงานเก่ง เฉลียวฉลาดว่องไว จึงได้เข้าไป
รับใช้ใกล้ชิดประจำตัวท่านขุนนาง อยู่มาไม่นานภรรยาของขุนนางได้ลอบเป็นชู้
กับซีนก่าย จนคืนหนึ่งขุนนางผู้นั้นจับได้ จึงกระชากดาบซามูไรที่แขวนไขว้อยู่ที่ฝา
หมายจะสังหารซีนก่าย ซีนก่ายเห็นจวนตัว ก็เอาเก้าอี้ และสิ่งที่ใกล้ตัว ป้องปัดรับ
ดาบไว้ พลางถอยไปรอบๆห้อง พอดี คุณนายผู้เป็นตัวการได้ตัดสินใจชักดาบที่
แขวนข้างฝาอีกเล่มหนึ่งมาแทงขุนนาง เมื่อเห็นท่านขุนนางตายแล้ว คุณนายก็สั่ง
ให้ซีนก่าย รีบหนีออกจากบ้านไปพร้อมกันในตอนดึกคืนนั้นเองหลังจากนั้นชีวิตก็
เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซีนก่ายที่หมายมั่นจะมาสร้างความเจริญก้าวหน้า แต่ได้มา
อยู่ในฐานะสามีของคุณนายที่ต้องอยู่กันอย่างหลบๆซ่อนๆ ทีแรกก็พอจะมีสิ่งของ
แลกเปลี่ยนซื้ออาหารการกินบ้าง แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรจะจับจ่าย จะไปทำงานทำ
การก็ไม่สามารถแสดงตัวต่อสังคมได้ ต้องจำใจลักขโมยเขากิน ตอนต้นก็นึกว่าพอ
ทนทำไปได้ เพราะเห็นแก่ความสุขในการได้เป็นผัวเป็นเมียกัน พอนานวันเข้า
ซีนก่ายเกิดมีความคิดขึ้นว่า แม้ตนจะตั้งความปรารถนาดีมาตั้งแต่บ้านว่าจะเข้ากรุง
เพื่อหาความเจริญก้าวหน้าให้แก่ชีวิต แต่เป็นเพราะตนทนต่อสิ่งยั่วยวนไม่ได้
วิถีชีวิตจึงต้องพังทลายเพราะตนตกอยู่ในอำนาจของกิเลส มีทางเดียวคือต้องรีบ
เปลี่ยนแปลงตนเอง พอคิดได้ดังนั้นก็จึงหลบหนีภรรยา เดินทางจากไปให้ไกลที่สุด
สู่อำเภอบ้านนอกแห่งหนึ่ง ในจังหวัดบูเส็น หัวเมืองทางฝ่ายใต้ โดยได้เข้าอาศัย
เป็นลูกศิษย์พระในวัดแห่งหนึ่ง ไม่นานก็ขอบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา
เมื่อมาได้ความเป็นอิสระแล้วก็ทำให้พระซีนก่ายอยากทำความดีเพื่อไถ่ถอนกรรม
ในอดีต ในถิ่นที่ท่านบวชอยู่นั้นชาวบ้านยากจนข้นแค้น เป็นอำเภอเล็กๆ ไปมาติดต่อ
กับตัวจังหวัดเพียงทางเท้าเล็กๆ ที่ต้องค่อยเดินเรียงหนึ่ง เลียบหน้าผาของภูเขาสูง
ที่ขวางกั้นอำเภอกับตัวจังหวัด ถ้าวันไหนฝนตก ฟ้าร้อง หิมะตก หรือลมแรง ก็ไปมา
ไม่ได้ แต่ละปีมีคนข้ามคนพลัดลื่น หล่นจากชะง่อนผาสูงลงไปตายแล้วหลายคน
โดยไม่มีใครคิดแก้ไขแต่ประการใด หากใครอยู่ทางกิ่งอำเภอหลังเขานี้แล้ว ก็จะ
ต้องอดอยากลำเค็ญ ชาวบ้านเพาะปลูกอะไร เพื่อเอามาแลกเปลี่ยนซื้อขายในเมือง
ไม่สะดวก เพราะนำไปนำมาไม่ได้มาก แม้มีใครเจ็บป่วยลง บางทีก็ต้องปล่อยให้ตายไป
เพราะไม่สามารถจะพากันหามคนไข้คนเจ็บไต่ไหล่เขาข้ามไปยังตัวจังหวัดได้ พระซีนก่าย
เห็นว่ามีทางเดียว คือเจาะอุโมงค์ลอดภูเขาใหญ่ เพราะไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ครั้นจะพูด
เรื่องนี้กับใครก็คงไม่มีใครเขาเห็นด้วย ความคิดอย่างนี้ มันคิดได้ แต่ใครจะทำ ฉะนั้น
ท่านจึงตัดสินใจเริ่มสกัดหิน เริ่มงานมันคนเดียวโดยไม่คำนึงว่าภูเขาที่เขาไปนั่งสกัดที
ละสะเก็ดๆอยู่นั้น มันตระหง่านสูงค้ำฟ้าเพียงไร
พระซีนก่าย ใช้เวลาตอนเช้าออกบิณฑบาต เวลานอกนั้น อุทิศให้แก่การเจาะหินที่ภูเขานั้น
ทั้งหมด เมื่อมันเหนื่อยก็พัก มีเรี่ยวแรงคืนมาก็ทำต่อ เป็นอย่างนี้ไม่ว่าจะค่ำจะมืด นานๆครั้ง
จะมีคนผ่านมาทางนั้น คนพวกนั้นก็ได้แต่หัวเราะ ถามว่าท่านจะสร้างถ้ำหรือจะสร้างวัด
แล้วต่างก็มองตากันอย่างไม่ไว้ใจว่า พระรูปนี้ สติยังบริบูรณ์อยู่หรือ ดูไม่มีความหมายอะไร
มากไปกว่าท่านทำเพราะไม่มีอะไรจะทำนั่นเอง
วันเวลาได้ผ่านไปนานถึง 30 ปี พระซีนก่ายที่เคยนั่งสกัดหินมาตั้งแต่ยังหนุ่ม บัดนี้ก็ยังคงนั่ง
สกัดเอา สกัดเอา ไม่ลดละ แม้ท่านจะมีอายุห้าสิบแล้ว ร่างกายของท่านก็ยังรับใช้จิตใจที่บึกบึน
แข็งกว่าหินได้เป็นอย่างดี ไม่มีใครรู้ว่าท่านเอาน้ำอดน้ำทนมาจากไหน เอาเรี่ยวแรง เอากำลังใจ
มาจากไหน นอกจากตัวท่านเอง เหตุการณ์เป็นไปเช่นนี้จึงทำให้จังหวัดบูเส็น( Buzen ) ที่ท่าน
เลือกเอาเป็นถิ่นปฏิบัติธรรมของท่านได้มีอุโมงค์เจาะลอดภูเขาใหญ่เชื่อมการคมนาคมติดต่อ
ระหว่างกิ่งอำเภอ ที่ครั้งหนึ่งแสนจะทุรกันดารให้เปิดมาสู่ความเจริญในเมืองได้ ในปัจจุบันนี้
ใครได้ไปญี่ปุ่น ไปเมืองบูเส็น ก็ยังพบอุโมงค์อันมีประวัติ ที่เจาะด้วยแรงคน และเป็นแรงคน
ที่เกิดจากพลังธรรมะ อุโมงค์นี้สมัยแรก มีแนวคดไม่เกลี้ยงเกลาอยู่บ้าง บัดนี้เป็นอุโมงค์ที่มี
ขนาด กว้าง10 เมตร สูง 6 เมตร ทะลุภูเขายาวกว่า 750 เมตร
ก่อนที่อุโมงค์จะสำเร็จใช้เดินถึงกันได้ สัก 2 ปีนั้นได้มีชายคนหนึ่งร่อนเร่มาจากเมืองกรุง
ปรากฏภายหลังว่าเป็นบุตรชายของท่านขุนนางเจ้านายเก่าที่ตายไป ชายหนุ่มคนนี้ขณะบิดาถูกฆ่า
เขายังเล็กอยู่ พอโตขึ้นก็ผูกใจเจ็บ เที่ยวถามติดตามมาหลายปี พร้อมกับหัดเป็นนักดาบมาอย่าง
ช่ำชอง พอเก่งแล้ว ก็จะเข้าเอาชีวิตเพื่อล้างแค้นให้พ่อ แต่ยังมีติดขัดอยู่ว่า มาเห็นคนฆ่าพ่อของเขา
บัดนี้ห่มจีวรพระแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการฆ่าผิดตัว จึงถามเอาตรงๆ พอพระซีนก่ายถูกถามเช่นนั้น
ก็รับว่าเป็นนายซีนก่ายที่เขาต้องการพบและต้องการฆ่า ท่านไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างไร
แต่พูดจาชี้แจงให้ชายหนุ่มคนนั้นฟังว่า ท่านกำลังทำงานที่จะเป็นประโยชน์ต่อมหาชนมากหลาย
และจะสำเร็จอยู่แล้ว ขอผ่อนผันให้ท่านได้สกัดหินต่อไป เท่าที่ชายหนุ่มนั้นก็เห็นอยู่แล้วว่าเหลือ
เพียงเล็กน้อย เมื่อเสร็จงานในวันใด ท่านยอมใช้กรรม ให้ตัดศีรษะในวันนั้นทีเดียว ชายหนุ่มคน
นั้นก็ตกลง เพราะมองเห็นจริงๆ ว่าถ้าท่านไม่ทำต่อ งานชิ้นสำคัญต่อสังคมส่วนใหญ่นี้ ก็จะต้องเป็น
อันถูกยกเลิกไปเสีย
ทีแรกหนุ่มชาวกรุงก็ยังไม่วางใจนัก ว่าคนที่เคยฆ่าพ่อของตนจะไม่เป็นคนลอบทำร้ายตนก่อน
จึงต้องเหน็บดาบและมีดระแวดระวังตัวอยู่เสมอ และคอยเวียนไปที่อุโมงค์นั้นเสมอๆ เพื่อจะรู้ว่า
ท่านชิงหนีไปก่อน หรือท่านจะคอยถ่วงเวลา สกัดหินช้าๆ ให้เวลาเนิ่นนานไป เมื่อมีการไปพบหลาย
หนหลายครั้ง และเคยยืนดูท่านกำลังทำงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ลดละทั้งคืนทั้งวัน ก็ทำให้รู้สึก
แปลกใจ นานเข้าก็มีการชวนท่านคุย และถามนั่นถามนี่ เป็นอยู่อย่างนี้หลายเดือน หินของภูเขา
ก็ถูกสกัดกร่อนบางไปเรื่อยๆ หนุ่มลูกชายท่านขุนนาง เมื่อยืนเฝ้าดู จนเมื่อยแล้วก็เริ่มนั่งคุย
การได้สนทนากันจึงแน่ใจว่าท่านรู้สึกนึกคิด เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ว่าอย่างไร เมื่ออยู่เฉยๆ ไม่รู้จะทำอะไร
ก็ลองสกัดหินช่วยพระซีนก่ายไปพลาง เรื่องเลยกลายเป็นได้ร่วมงาน ร่วมกิน ร่วมนอนด้วยกัน
ในอุโมงค์นั้นเอง ในที่สุดก็กลายเป็นผู้ช่วยที่รู้จักทำงานโดยตั้งจิตไว้ในธรรมปฏิบัติ ตามแบบที่
พระซีนก่ายแนะให้ ทำไปทำไปโดยไม่หยุดยั้งเหมือนกัน จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปกว่าขวบปีอย่าง
ไม่รู้สึกว่านาน ตลอดเวลา ชายหนุ่มได้เลียนลอกแบบเอาคุณธรรมที่ตนได้เห็น ได้ค้นพบ ที่เนื้อที่ตัว
ของพระซีนก่ายนั้นเอง ว่าพระรูปนี้ช่างเต็มไปด้วยบุคลิกภาพพิเศษและความเป็นผู้มีหัวใจสิงห์เหลือเกิน
ในที่สุด อุโมงค์ลอดภูเขาใหญ่ก็สำเร็จลุล่วง ผู้คนพากันมาดู และได้ใช้เป็นหนทางติดต่อกับตัวเมือง
ไม่ได้รับความยากลำบากที่จะต้องไต่ไปตามไหล่เขาชันอีกต่อไป พอเสร็จในวันนั้น พระซีนก่ายก็
เหลียวมายังชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่ข้างหลังกำลังมองดูความสำเร็จที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วย ท่านได้พูด
ขึ้นว่า เราตัดภูเขาแท่งทึบ เชื่อมให้คนติดต่อถึงกันได้แล้ว ทีนี้ก็ถึงตอนที่ คอที่ต่อศีรษะติดกับ
ร่างของฉัน ได้เวลาขาดออกจากกันตามสัญญาแล้ว พูดแล้วก็น้อมกายยื่นไปให้ชายหนุ่มลูกศิษย์
ของท่านโดยดี ชายหนุ่ม น้ำตานองหน้า ทรุดตัวลงคุกเข่า มือทั้งสองพนมไหว้ พลางกล่าวว่า
หลวงพ่อจะให้ผมตัดศีรษะของบุคคลที่เป็นอาจารย์ของผมได้อย่างไร
จากหนังสือ เล่านิทานเซ็น เล่าเรื่องโดย อ.อภิปัญโญ เผยแพร่โดย ธรรมสภา
Cr..เจาะเวลาหาอดีต
มีหนุ่มน้อยหน้ามนคนหนึ่ง ชื่อ ซีนก่าย ( Zenkai ) สืบเชื้อสายของซามูไร
แต่ไปเกิดอยู่ถิ่นบ้านนอก พอเข้าวัยหนุ่มพ่อแม่จึงส่งเข้าไปอาศัยอยู่กับขุนนาง
ผู้ใหญ่คนหนึ่ง ในกรุงเอโดะ คือโตเกียวในปัจจุบัน ในฐานะเป็นเด็กรับใช้อยู่
ในคฤหาสน์
ต่อมาหนุ่มซีนก่ายเป็นเด็กหน้าตาดี ทำงานเก่ง เฉลียวฉลาดว่องไว จึงได้เข้าไป
รับใช้ใกล้ชิดประจำตัวท่านขุนนาง อยู่มาไม่นานภรรยาของขุนนางได้ลอบเป็นชู้
กับซีนก่าย จนคืนหนึ่งขุนนางผู้นั้นจับได้ จึงกระชากดาบซามูไรที่แขวนไขว้อยู่ที่ฝา
หมายจะสังหารซีนก่าย ซีนก่ายเห็นจวนตัว ก็เอาเก้าอี้ และสิ่งที่ใกล้ตัว ป้องปัดรับ
ดาบไว้ พลางถอยไปรอบๆห้อง พอดี คุณนายผู้เป็นตัวการได้ตัดสินใจชักดาบที่
แขวนข้างฝาอีกเล่มหนึ่งมาแทงขุนนาง เมื่อเห็นท่านขุนนางตายแล้ว คุณนายก็สั่ง
ให้ซีนก่าย รีบหนีออกจากบ้านไปพร้อมกันในตอนดึกคืนนั้นเองหลังจากนั้นชีวิตก็
เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซีนก่ายที่หมายมั่นจะมาสร้างความเจริญก้าวหน้า แต่ได้มา
อยู่ในฐานะสามีของคุณนายที่ต้องอยู่กันอย่างหลบๆซ่อนๆ ทีแรกก็พอจะมีสิ่งของ
แลกเปลี่ยนซื้ออาหารการกินบ้าง แต่ในที่สุดก็ไม่มีอะไรจะจับจ่าย จะไปทำงานทำ
การก็ไม่สามารถแสดงตัวต่อสังคมได้ ต้องจำใจลักขโมยเขากิน ตอนต้นก็นึกว่าพอ
ทนทำไปได้ เพราะเห็นแก่ความสุขในการได้เป็นผัวเป็นเมียกัน พอนานวันเข้า
ซีนก่ายเกิดมีความคิดขึ้นว่า แม้ตนจะตั้งความปรารถนาดีมาตั้งแต่บ้านว่าจะเข้ากรุง
เพื่อหาความเจริญก้าวหน้าให้แก่ชีวิต แต่เป็นเพราะตนทนต่อสิ่งยั่วยวนไม่ได้
วิถีชีวิตจึงต้องพังทลายเพราะตนตกอยู่ในอำนาจของกิเลส มีทางเดียวคือต้องรีบ
เปลี่ยนแปลงตนเอง พอคิดได้ดังนั้นก็จึงหลบหนีภรรยา เดินทางจากไปให้ไกลที่สุด
สู่อำเภอบ้านนอกแห่งหนึ่ง ในจังหวัดบูเส็น หัวเมืองทางฝ่ายใต้ โดยได้เข้าอาศัย
เป็นลูกศิษย์พระในวัดแห่งหนึ่ง ไม่นานก็ขอบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา
เมื่อมาได้ความเป็นอิสระแล้วก็ทำให้พระซีนก่ายอยากทำความดีเพื่อไถ่ถอนกรรม
ในอดีต ในถิ่นที่ท่านบวชอยู่นั้นชาวบ้านยากจนข้นแค้น เป็นอำเภอเล็กๆ ไปมาติดต่อ
กับตัวจังหวัดเพียงทางเท้าเล็กๆ ที่ต้องค่อยเดินเรียงหนึ่ง เลียบหน้าผาของภูเขาสูง
ที่ขวางกั้นอำเภอกับตัวจังหวัด ถ้าวันไหนฝนตก ฟ้าร้อง หิมะตก หรือลมแรง ก็ไปมา
ไม่ได้ แต่ละปีมีคนข้ามคนพลัดลื่น หล่นจากชะง่อนผาสูงลงไปตายแล้วหลายคน
โดยไม่มีใครคิดแก้ไขแต่ประการใด หากใครอยู่ทางกิ่งอำเภอหลังเขานี้แล้ว ก็จะ
ต้องอดอยากลำเค็ญ ชาวบ้านเพาะปลูกอะไร เพื่อเอามาแลกเปลี่ยนซื้อขายในเมือง
ไม่สะดวก เพราะนำไปนำมาไม่ได้มาก แม้มีใครเจ็บป่วยลง บางทีก็ต้องปล่อยให้ตายไป
เพราะไม่สามารถจะพากันหามคนไข้คนเจ็บไต่ไหล่เขาข้ามไปยังตัวจังหวัดได้ พระซีนก่าย
เห็นว่ามีทางเดียว คือเจาะอุโมงค์ลอดภูเขาใหญ่ เพราะไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ครั้นจะพูด
เรื่องนี้กับใครก็คงไม่มีใครเขาเห็นด้วย ความคิดอย่างนี้ มันคิดได้ แต่ใครจะทำ ฉะนั้น
ท่านจึงตัดสินใจเริ่มสกัดหิน เริ่มงานมันคนเดียวโดยไม่คำนึงว่าภูเขาที่เขาไปนั่งสกัดที
ละสะเก็ดๆอยู่นั้น มันตระหง่านสูงค้ำฟ้าเพียงไร
พระซีนก่าย ใช้เวลาตอนเช้าออกบิณฑบาต เวลานอกนั้น อุทิศให้แก่การเจาะหินที่ภูเขานั้น
ทั้งหมด เมื่อมันเหนื่อยก็พัก มีเรี่ยวแรงคืนมาก็ทำต่อ เป็นอย่างนี้ไม่ว่าจะค่ำจะมืด นานๆครั้ง
จะมีคนผ่านมาทางนั้น คนพวกนั้นก็ได้แต่หัวเราะ ถามว่าท่านจะสร้างถ้ำหรือจะสร้างวัด
แล้วต่างก็มองตากันอย่างไม่ไว้ใจว่า พระรูปนี้ สติยังบริบูรณ์อยู่หรือ ดูไม่มีความหมายอะไร
มากไปกว่าท่านทำเพราะไม่มีอะไรจะทำนั่นเอง
วันเวลาได้ผ่านไปนานถึง 30 ปี พระซีนก่ายที่เคยนั่งสกัดหินมาตั้งแต่ยังหนุ่ม บัดนี้ก็ยังคงนั่ง
สกัดเอา สกัดเอา ไม่ลดละ แม้ท่านจะมีอายุห้าสิบแล้ว ร่างกายของท่านก็ยังรับใช้จิตใจที่บึกบึน
แข็งกว่าหินได้เป็นอย่างดี ไม่มีใครรู้ว่าท่านเอาน้ำอดน้ำทนมาจากไหน เอาเรี่ยวแรง เอากำลังใจ
มาจากไหน นอกจากตัวท่านเอง เหตุการณ์เป็นไปเช่นนี้จึงทำให้จังหวัดบูเส็น( Buzen ) ที่ท่าน
เลือกเอาเป็นถิ่นปฏิบัติธรรมของท่านได้มีอุโมงค์เจาะลอดภูเขาใหญ่เชื่อมการคมนาคมติดต่อ
ระหว่างกิ่งอำเภอ ที่ครั้งหนึ่งแสนจะทุรกันดารให้เปิดมาสู่ความเจริญในเมืองได้ ในปัจจุบันนี้
ใครได้ไปญี่ปุ่น ไปเมืองบูเส็น ก็ยังพบอุโมงค์อันมีประวัติ ที่เจาะด้วยแรงคน และเป็นแรงคน
ที่เกิดจากพลังธรรมะ อุโมงค์นี้สมัยแรก มีแนวคดไม่เกลี้ยงเกลาอยู่บ้าง บัดนี้เป็นอุโมงค์ที่มี
ขนาด กว้าง10 เมตร สูง 6 เมตร ทะลุภูเขายาวกว่า 750 เมตร
ก่อนที่อุโมงค์จะสำเร็จใช้เดินถึงกันได้ สัก 2 ปีนั้นได้มีชายคนหนึ่งร่อนเร่มาจากเมืองกรุง
ปรากฏภายหลังว่าเป็นบุตรชายของท่านขุนนางเจ้านายเก่าที่ตายไป ชายหนุ่มคนนี้ขณะบิดาถูกฆ่า
เขายังเล็กอยู่ พอโตขึ้นก็ผูกใจเจ็บ เที่ยวถามติดตามมาหลายปี พร้อมกับหัดเป็นนักดาบมาอย่าง
ช่ำชอง พอเก่งแล้ว ก็จะเข้าเอาชีวิตเพื่อล้างแค้นให้พ่อ แต่ยังมีติดขัดอยู่ว่า มาเห็นคนฆ่าพ่อของเขา
บัดนี้ห่มจีวรพระแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการฆ่าผิดตัว จึงถามเอาตรงๆ พอพระซีนก่ายถูกถามเช่นนั้น
ก็รับว่าเป็นนายซีนก่ายที่เขาต้องการพบและต้องการฆ่า ท่านไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างไร
แต่พูดจาชี้แจงให้ชายหนุ่มคนนั้นฟังว่า ท่านกำลังทำงานที่จะเป็นประโยชน์ต่อมหาชนมากหลาย
และจะสำเร็จอยู่แล้ว ขอผ่อนผันให้ท่านได้สกัดหินต่อไป เท่าที่ชายหนุ่มนั้นก็เห็นอยู่แล้วว่าเหลือ
เพียงเล็กน้อย เมื่อเสร็จงานในวันใด ท่านยอมใช้กรรม ให้ตัดศีรษะในวันนั้นทีเดียว ชายหนุ่มคน
นั้นก็ตกลง เพราะมองเห็นจริงๆ ว่าถ้าท่านไม่ทำต่อ งานชิ้นสำคัญต่อสังคมส่วนใหญ่นี้ ก็จะต้องเป็น
อันถูกยกเลิกไปเสีย
ทีแรกหนุ่มชาวกรุงก็ยังไม่วางใจนัก ว่าคนที่เคยฆ่าพ่อของตนจะไม่เป็นคนลอบทำร้ายตนก่อน
จึงต้องเหน็บดาบและมีดระแวดระวังตัวอยู่เสมอ และคอยเวียนไปที่อุโมงค์นั้นเสมอๆ เพื่อจะรู้ว่า
ท่านชิงหนีไปก่อน หรือท่านจะคอยถ่วงเวลา สกัดหินช้าๆ ให้เวลาเนิ่นนานไป เมื่อมีการไปพบหลาย
หนหลายครั้ง และเคยยืนดูท่านกำลังทำงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ลดละทั้งคืนทั้งวัน ก็ทำให้รู้สึก
แปลกใจ นานเข้าก็มีการชวนท่านคุย และถามนั่นถามนี่ เป็นอยู่อย่างนี้หลายเดือน หินของภูเขา
ก็ถูกสกัดกร่อนบางไปเรื่อยๆ หนุ่มลูกชายท่านขุนนาง เมื่อยืนเฝ้าดู จนเมื่อยแล้วก็เริ่มนั่งคุย
การได้สนทนากันจึงแน่ใจว่าท่านรู้สึกนึกคิด เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ว่าอย่างไร เมื่ออยู่เฉยๆ ไม่รู้จะทำอะไร
ก็ลองสกัดหินช่วยพระซีนก่ายไปพลาง เรื่องเลยกลายเป็นได้ร่วมงาน ร่วมกิน ร่วมนอนด้วยกัน
ในอุโมงค์นั้นเอง ในที่สุดก็กลายเป็นผู้ช่วยที่รู้จักทำงานโดยตั้งจิตไว้ในธรรมปฏิบัติ ตามแบบที่
พระซีนก่ายแนะให้ ทำไปทำไปโดยไม่หยุดยั้งเหมือนกัน จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปกว่าขวบปีอย่าง
ไม่รู้สึกว่านาน ตลอดเวลา ชายหนุ่มได้เลียนลอกแบบเอาคุณธรรมที่ตนได้เห็น ได้ค้นพบ ที่เนื้อที่ตัว
ของพระซีนก่ายนั้นเอง ว่าพระรูปนี้ช่างเต็มไปด้วยบุคลิกภาพพิเศษและความเป็นผู้มีหัวใจสิงห์เหลือเกิน
ในที่สุด อุโมงค์ลอดภูเขาใหญ่ก็สำเร็จลุล่วง ผู้คนพากันมาดู และได้ใช้เป็นหนทางติดต่อกับตัวเมือง
ไม่ได้รับความยากลำบากที่จะต้องไต่ไปตามไหล่เขาชันอีกต่อไป พอเสร็จในวันนั้น พระซีนก่ายก็
เหลียวมายังชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่ข้างหลังกำลังมองดูความสำเร็จที่ตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วย ท่านได้พูด
ขึ้นว่า เราตัดภูเขาแท่งทึบ เชื่อมให้คนติดต่อถึงกันได้แล้ว ทีนี้ก็ถึงตอนที่ คอที่ต่อศีรษะติดกับ
ร่างของฉัน ได้เวลาขาดออกจากกันตามสัญญาแล้ว พูดแล้วก็น้อมกายยื่นไปให้ชายหนุ่มลูกศิษย์
ของท่านโดยดี ชายหนุ่ม น้ำตานองหน้า ทรุดตัวลงคุกเข่า มือทั้งสองพนมไหว้ พลางกล่าวว่า
หลวงพ่อจะให้ผมตัดศีรษะของบุคคลที่เป็นอาจารย์ของผมได้อย่างไร
จากหนังสือ เล่านิทานเซ็น เล่าเรื่องโดย อ.อภิปัญโญ เผยแพร่โดย ธรรมสภา
Cr..เจาะเวลาหาอดีต