ฉลองนักบุญ วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
นักบุญอันดรูว์ดุง-ลัก และเพื่อนมรณสักขีชาวเวียดนาม
St. Andrew Dung-Lac and Companions
วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๑๙๘๘ พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ ๒ ทรงประกาศตั้ง
มรณสักขี ๑๑๗ คน ให้เป็นนักบุญ พวกเขาเหล่านี้ตายเพื่อยืนยันความเชื่อ
คาทอลิกในประเทศเวียดนามในระหว่างศตวรรษที่ ๑๙
ในกลุ่มนี้มีชาวเวียดนาม ๙๖ คน ชาวสเปน ๑๑ คน และชาวฝรั่งเศส ๑๐ คน
มีแปดคนเป็นพระสังฆราชห้าสิบเป็นพระสงฆ์ และห้าสิบเก้าคนเป็นฆราวาส
คาทอลิก พระสงฆ์จำนวนหนึ่งเป็นคณะโดมินิกันคนอื่นๆ เป็นสงฆ์มิสซังต่าง
ประเทศแห่งกรุงปารีส
อันดรูว์ดุง-ลัก เป็นสงฆ์สังฆมณฑลชาวเวียดนาม เขามาจากครอบครัวยากจน
ที่ไม่เป็นคาทอลิก ครูคำสอนคนหนึ่งได้สอนเรื่องความเชื่อให้เขา เขาทำงาน
ธรรมทูตร่วมกับพวกพระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศห่งกรุงปารีส ต่อมาถูกจับกุม
และถูกทรมาน ระหว่างยุคเบียดเบียนของจักรพรรดิมินห์หมาง ปี ๑๘๒๐-๑๘๔๐
ในวันฉลองนี้ชีวิตของบรรดามรณสักขีเป็นสักขีพยานของความทุกข์ทรมานที่
พระศาสนจักรเวียดนามได้รับในประวัติศาสตร์ยาวนานแห่งการพลีชีพ
เพื่อความเชื่อของคริสตชน
CR. : Sinapis
+ ประวัตินักบุญมรณสักขีเวียดนาม 117 ท่าน
นักบุญอันดรูว์ หยุง หลาก (ดุงลัก) และนักบุญมรณสักขีชาวเวียดนาม
116 ท่าน
ได้สละชีวิตเพื่อพระศาสนาจักรที่เวียดนาม
ในศตวรรษที่ 17 และ 19 และได้รับการ
สถาปนาเป็นนักบุญเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 1988
ทันทีที่พระสงฆ์ผู้เผยแพร่ศาสนาชาวโปรตุเกส
ได้ค้นพบประเทศเวียดนาม
แล้ว
ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกก็ได้แพร่เข้าไป ในเวียดนาม
ในปี ค.ศ. 1533 โดยนักบวช
ชื่อ อีหยา (คาดว่าเป็นนักบวชชาวยุโรป) ระหว่างเดินทางไปประเทศจีน
ท่านได้แวะพัก
ที่เวียดนาม
เป็นเวลา 2 ปี พร้อมกับนักบวชท่านอื่นๆ ได้ร่วมกันทำงานอย่างยากลำบาก
เป็นเวลาหลาย สิบปีในผืนแผ่นดินที่น้อยคนนักจะเดินทางมา
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1615 บาดหลวง คณะเยสุอิต(Jesuits) ได้เปิดสำนักเผยแพร่ศาสนาขึ้น
เป็นแห่งแรกที่จังหวัดดานัง ซึ่งประกอบด้วยคุณพ่อ ฟรันซิสโก บูโยมี (Francisco Buzomi)
(ชาวอิตาลี) และคุณพ่อ ดีเอโก กาวาโล (Dieogo Cavalho) (ชาวปอร์ตุเกต) คุณพ่อสององค์นี้
เป็นผู้ดูแลคริสตชนชาวญี่ปุ่น
ที่ถูกข่มเหง บีบบังคับ และถูกขับออกจากประเทศญี่ปุ่น
พร้อมกัน
คุณพ่อ Alexandre de Rhode (1591-1660) คณะเยสุอิต(Jesuits) ซึ่งถือว่าเป็นผู้เผยแพร่
ศาสนาของเวียดนาม
จนถึงปี ค.ศ. 1624 และในปี ค.ศ. 1625 ท่านได้เดินทางไปเผยแพร่
ที่ฮานอย (ภาคเหนือของเวียดนาม
) และได้ประสบผล สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ โดยในปีแรก
ท่านทำการล้างบาปให้น้องสาวของกษัตริย์เวียดนาม
และผู้ใหญ่อีก 1,200 คน อีก 2 ปีต่อมา
ได้ล้างบาปอีก 5,500 คน จนกระทั้งปี ค.ศ. 1630 ท่านถูกเนรเทศออกจากเวียดนาม
และมี
คริสตชนคนหนึ่ง (ไม่ทราบชื่อ) ได้ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะเป็นคนแรกเพราะความเชื่อ
บาทหลวง อาเลส ซังเดอร์โรดได้กลับเข้าเวียดนามอีกครั้งใน ปี ค.ศ. 1639 ณ สถานที่แห่งหนึ่ง
โดยท่านได้รายงานว่ามีชาวคาทอลิกประมาณ 100,000 คน ต่อมาในปี ค.ศ. 1645 ท่านก็ถูก
ขับไล่ออกจากเวียดนาม
อีกครั้งหนึ่ง ท่านจึงเดินทางกลับไปยังประเทศฝรั่งเศส
และก่อ
ตั้งสมาคมเผยแพร่ศาสนาในต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส)
อาศัยจำนวนผู้เผยแพร่ศาสนาของคณะมิชชันนารีดังกล่าว จึงมีการแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว
ในปี คศ.1658 เฉพาะในภาคเหนือของเวียตนาม
มีคาทอลิกถึง 300,000 คน บ้านเณร
แห่งแรกได้เปิดดำเนินการในปี ค.ศ. 1666 และคณะรักไม้กางเขนซึ่งเป็นคณะนักบวชหญิง
ก็ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1670
ถึงแม้จะมีผู้หันมานับถือศาสนามากยิ่งขึ้น แต่การเบียดเบียนปราบปรามศาสนาก็เกิดขึ้น
อย่างประปรายจน กระทั้งปี ค.ศ. 1698 การปราบปราบได้ระเบิดขึ้นอย่างดุเดือดโหดเหี้ยม
และต่อเนือง ในเวลาต่อมาโดยเฉพาะในปี คศ. 1712, 1723 และ 1750 มีคริสตชนอย่างน้อย
100,000 คน ในจำนวนนี้รวมทั้งคนแรกที่ได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญ
(มีนามว่า GIL และ LEZINIANA ปี ค.ศ. 1745) เป็นมรณสักขี ต่อมาสถานการณ์ก็ได้สงบลง
ชั่วคราว ระยะหนึ่งเนื่องจากมีการเจรจาของสมณทูตและมีสนธิสัญญาในปี ค.ศ. 1787 ระหว่าง
รัฐบาลฝรั่งเศส
กับผู้ที่กำลังจะ ขึ้นครองราชย์คือ เหวียน อัน (Nguyen Anh) ซึ่งได้รับ
การสนับสนุนช่วยเหลือทางด้านทหารของฝรั่งเศส
ปี ค.ศ. 1806 เหวียน อัน ได้ขึ้นครองราชย์ ใช้นามว่าจักรพรรดิ์ ยา ลอง ต่อมากษัตริย์ 2 องค์
ที่สืบบรรลังก์ ต่อจากจักรพรรดิ์ ญา ลอง คือ ติง หม่าง และ ตึ ดึ้ก ได้ทำการปราบปรามอย่าง
รุนแรง และหนักยิ่งขึ้น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1820 จนถึงปี ค.ศ. 1841 โดยกษัตริย์มิงหม่างได้เนรเทศ
นักบวชต่างประเทศทั้งหมดออกจากเวียดนาม
และออกคำสั่งให้คริสตชนเวียตนามต้องทิ้ง
ศาสนาด้วยวิธีให้เดินก้าวข้ามไม้กางเขน หลังจากนั้นการปราบปรามก็ลดลงระยะหนึ่ง
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1847
การปราบปรามศาสนา ก็เกิดขึ้นอีก เนื่องจากกษัตริย์เกิดความสงสัยว่าบรรดาพระสงฆ์ต่าง
ประเทศและคริสตชน เวียดนาม
ให้การสนับสนุนการก่อกบฎของเจ้าฟ้าชายองค์หนึ่ง
คริสตชนทุกคนจึง ถูกสักคำว่า "ต่า ด่าว" บนใบหน้า (Tà Đạo มีความหมายว่าศาสนาที่ผิดๆ
เหลวไหล งมงาย)เป็นเหตุ
ให้สามีภรรยาต้อง แยกจากกัน บุตรหลานต้องพลัดพรากจากบิดามารดา ในศตวรรษที่ 19
มีคริสตชนประมาณ 100,000 ถึง 300,000 คนถูกข่มเหงทำร้าย ในจำนวนนี้มีบุคคลที่ได้
รับการสถาปนาเป็นนักบุญแล้วรวมอยู่ด้วย
เนื่องจากการถูกข่มเหงดังกล่าว จึงได้เกิดปฏิกริยาต่อต้านของคริสตชน ตามที่ได้บันทึก
ไว้คือการปกปิดซ่อน เร้นบรรดาพระสงฆ์ด้วยความกล้าหาญ ในระหว่างปี ค.ศ. 1857 ถึง
1862 มีคริสตชนประมาณ 5,000 คนเป็น มรณสักขี และมีพระสงฆ์นักบวชหญิงพื้นเมือง
และคริสตชนประมาณ 40,000 คน ถูกยึดทรัพย์สมบัติ และถูกเนรเทศ ออกจากถี่นที่
พวกเขาดำรงชีพอยู่
ในปี ค.ศ. 1917 มี 2,078 กรณีในกลุ่มคนเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นมาบรรยายชี้แจง
และในปี ค.ศ. 1951 มีจำนวน 25 คนที่เป็นสัญลักษณ์ได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศี
ถึงแม้แฟ้มเอกสารส่วนใหญ่ของมรณสักขีจะถูกเผาทำลาย เหลือเอกสารอยู่เพียง
ของ 117 ท่านซึ่งในจำนวนนี้มี 96 ท่านเป็นเวียดนาม
, 11 ท่านเป็นพระสงฆ์ชาว
โปรตุเกส
ของคณะโดมินิกัน และนักบวชฝรั่งเศส
, 10 ท่านของคณะมิสซัง
ต่างประเทศแห่งกรุงปารีสได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญ และในจำนวน 117 ท่านนั้น
มีพระสังฆราช 8 ท่าน , พระสงฆ์ 50 ท่าน (แบ่งเป็นพระสงฆ์คณะโดมินิกัน 15 ท่าน
, คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส 8 ท่าน , พระสงฆ์พื้นเมือง 27 ท่าน) , เณร 1 ท่าน
และฆราวาส 58 ท่าน (9 ท่านเป็นฆราวาสถวายตัวรับใช้พระเจ้าในคณะโดมินิกัน
และ 17 ท่านเป็นครูสอนคำสอน) ได้เป็นมรณสักขีที่จังหวัด บั๊ก ห่า
(ภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม
) ซี่งส่วนใหญ่เสียชีวิตด้วยการถูกตัดศีรษะ
(76 ท่าน) , 21 ท่านถูกรัดคอ , 9 ท่านเสียชีวิตเพราะถูกซ้อม , 6 ท่านถูกเผาทั้งเป็น
และ 5 ท่านถูกฉีกร่างกาย
บรรดานักบุญมรณสักขีเหล่านี้ได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศีใน 4 รุ่นด้วยกันคือ
64 ท่าน ในปี ค.ศ. 1900 โดยพระสันตะปาปาเลโอที่ 8 , จำนวน 8 ท่าน
ปี ค.ศ. 1906 โดยพระสันตะปาปา ปีโอที่ 10 (ทั้งหมดเป็นพระสงฆ์ คณะโดมินีกัน)
, 20 ท่าน
ปี ค.ศ. 1909 โดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 10 เช่นเดียวกัน และ 25 ท่าน
ในปี ค.ศ. 1951 โดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 12
CR. :
viewtopic.php?t=17117
🕰 ประวัติคร่าวๆ ของแม่พระแห่งลาวาง (Our Lady of La Vang)
‘แม่พระแห่งลาวาง’ ชาวญวนเชื่อว่า ในยุคสมัยพระเจ้ามินหมางและพระเจ้าเทียวตรี
ซึ่งมีการเบียดเบียนศาสนาและเข่นฆ่าชาวคริสต์ตายไปเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านก็หลบ
หนีเข้าไปซ่อนตัวในป่า พระนางมารีย์ได้ปรากฏพระองค์มาในรูปสตรีชาวญวนใน
จังหวัดกวางตรี เพื่อสอนให้พวกเขาสวดภาวนาเพื่อบรรเทาความทุกข์ยาก และปกปักษ์
หมู่บ้านให้รอดจากอันตราย จนปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่แสวงบุญสำคัญแห่งหนึ่ง
ในประเทศเวียดนาม
CR. :
https://readthecloud.co/vietnam-church-architecture/