สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเซล โรดริกย์ ( 1 -10 ตอน)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ม.ค. 16, 2022 11:10 pm

(หนังสือ)✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (1) คุณพ่อมิเชล อัครสาวกยุคสุดท้าย

✍️ คุณพ่อมิเชลเล่าเรื่องราวชีวิตของคุณพ่อ
คุณพ่อเป็นน้องคนเล็กสุด จากเด็กทั้งหมด 23 คนในครอบครัว ตอนที่คุณพ่ออายุ สามขวบ
พระเป็นเจ้าพูดคุยกับท่านโดยใช้ภาษาและบทสนทนาทั่วไปในการพูดคุยกับเด็กที่มีอายุเพียงแค่
สามขวบ คุณพ่อจำได้ว่าตอนนั้นกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้และได้พูดคุยกับพระเป็นเจ้าว่า "ใครเป็น
คนสร้างต้นไม้หรือ
พระองค์ตอบ "เราเป็นคนสร้าง" เด็กน้อยมิเชลก็ถามคำถามมากมายที่เกี่ยวกับโลก จักรวาล
และตัวเองจนเข้าใจว่าสิ่งต่างๆที่สร้างขึ้นและมีอยู่เกิดขึ้นจากพระเป็นเจ้า คุณพ่อได้ยินเสียงพูด
ของพระบิดาจนกระทั่งอายุ หกขวบ และยังบอกกับคุณพ่ออีกว่า จะได้เป็นพระสงฆ์ คุณพ่อได้รู้จัก
บาปและ(ปีศาจ)ปีศาจเป็นครั้งแรก ท่านเห็นปีศาจควบคุมการกระทำของคนผู้หนึ่ง มันชักจูงความคิด
การกระทำ และการเคลื่อนไหวซึ่งคนๆนั้นมีจิตใจเย็นชาปิดกั้นความรักของพระเจ้า ท่านเห็นปีศาจ
ตนนั้นขยับมือ ขา และ ใบหน้าของคนผู้นั้นท่านถามพระเจ้าด้วยความตกใจว่า "นี้มันอะไรกัน"
พระเจ้าตอบท่านว่า " นั่นคือ(ปีศาจ)ปีศาจที่ควบคุมผู้ที่ตกอยู่ในบาป"
"บาปคืออะไร" "มนุษย์ทำบาปทุกครั้งเมื่อพวกเขากระทำสิ่งที่ขุ่นเคืองพระทัยเรา ขุ่นเคืองต่อพี่น้อง
ชายหญิง ขุ่นเคืองความตั้งใจของเรา และไม่เชื่อฟังคำสอนของเรา"
คุณพ่อเองก้อเคยทำบาปโกหกพ่อ แม่ ตอนนั้นพ่อยังเด็กเกินไปที่จะแก้บาป พ่อเลยต้องรอให้ถึงวันนั้น พ่อ
รู้สึกผิดต่อพระบิดา แต่พระองค์ทรงใจดี พระองค์ยังคงตรัสกับพ่อ
ตอนคุณพ่ออายุประมาณ 4-5 ขวบ ท่านได้รถบรรทุกของเล่นทำจากบล็อกไม้มีล้อสี่ล้อที่ทำจาก
ฝาขวด คุณพ่อชอบมาก วันหนึ่งขณะเล่นรถบรรทุกอยู่หน้าบ้านท่านได้ยินเสียงของพระเป็นเจ้าตรัส
กับท่าน "มิเชล"
"ครับ" คุณพ่อตอบรับแต่ยังคงจดจ่ออยู่กับรถของเล่น
"ลูกจะได้ออกเดินทางในวันหนึ่ง"
"อะไรคือการเดินทาง เหรอครับ"
"ลูกจะได้ไปที่อื่น"
"แม่ไม่ได้ไปด้วยเหรอครับ"
"ใช่แล้ว"
"โอ้ " แล้วท่านก้อเล่นรถต่อ สารฉบับนี้ทำให้คุณพ่อสงสัยแต่ครู่เดียวท่านก็เลิกใส่ใจ แต่แล้วคำพูด
ของพระบิดาเกิดขึ้นกับพ่อจริงๆในปี ค.ศ. 2017 - 2019 คุณพ่อได้เดินทางไปยังประเทศแคนาดา
และ สหรัฐฯ เพื่อไปเทศน์ และเข้าเงียบโดยที่คุณแม่ของท่านไม่ได้ไปด้วย...
ตอนคุณพ่ออายุ 6 ขวบ คุณพ่อได้ยินคนเรียกชื่ออีกครั้งตอนที่เล่นอยู่นอกบ้าน "มิเชล มิเชล"
แต่ท่านไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากพระเจ้า ท่านหันไปมองรอบๆแต่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลยท่านเดินกลับไป
หาคุณแม่ "แม่ครับเรียกผมหรือเปล่า"
"เปล่าจ้ะ"
"มีคนเรียกผม"
"ไม่มีใครเรียก ออกไปเล่นข้างนอกเถอะ" คุณพ่อก็เลยเดินออกมา แต่ก็ได้ยินคนเรียกชื่ออีก
"มิเชล มิเชล" เสียงนั้นเหมือนเรียกมาจากที่ไกลๆ ท่านจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
"แม่ครับ แม่เรียกผมหรือเปล่าผมได้ยินคนเรียกน่ะแม่"
"ไม่มีหรอกออกไปเล่นเถอะ" ท่านก็ออกมาเล่นนอกบ้านและมีเสียงเรียกท่านอีกเป็นครั้งที่สาม คุณแม่
ท่านบอกว่า"ถ้าหากลูกได้ยินเสียงเรียกอีกให้ลูกตอบไปว่า ข้าแต่พระเจ้าโปรดตรัสมาเถืด ข้ารับใช้
ของพระองค์กำลังฟังอยู่"
ตอนที่คุณพ่ออายุ 6 ขวบ พระเป็นเจ้าชักชวนคุณพ่อให้ฟังเสียงของพระองค์ผ่านทางพระวาจา
แทนการสนทนาด้วยเสียงกับคุณพ่อเสียงของพระองค์แตกต่างจากเสียงที่ได้ยินตอนอายุ สามขวบ...
วันหนึ่งท่านได้วิ่งไปหาคุนแม่ด้วยความกลัว "แม่ครับ ผมเจอตัวอะไรไม่รู้น่าเกลียด น่ากล้ว
สูงประมาณ 15 ฟุต ปรากฏตัวอยู่ในสวน อสูรกายตัวนั้นคือ(ปีศาจ)ปีศาจ
"ไม่ต้องกลัว" คุณแม่กล่าว "เรามาสวดสายประคำกัน" ตอนนั้นคุณพ่อเห็นว่า การสวดสายประคำทำ
ให้อสูรกายตัวนั้นกลับสู่นรกดังเดิม...
ในปีที่ผ่านมาคุณพ่อของท่านชื่อเออมิลต้องทรมานจากการหายใจลำบากแต่ว่าคุณพ่อก็ไม่เคย
เห็นคุณพ่อของท่านต่อต้านหรือต่อว่าพระองค์เพียงเพราะความเจ็บป่วยปอดของเออร์มิลต้องการ
ออกซิเจนอย่างมากแต่เครื่องช่วยหายใจไม่มีทุกคนในครอบครัวจะเปิดประตูและหน้าต่างเอาไ
ว้เพราะลมเย็นๆจะมีออกซิเจนเยอะ ทุกคนในครอบครัว 23 คนยอมทนหนาวเพื่อให้ เออร์มิลหายใจ
ดีขึ้น คุณพ่อมิเชลถามพระเจ้าว่า "ทำไมพ่อของผมถึงต้องเป็นโรคนี้ด้วย"
พระเป็นเจ้าตอบคุณพ่อว่า "ลูกจำที่เราพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับบาปกำเหนิดและส่งผลให้ร่างกายเรา
เจ็บป่วยได้ไหม นี้แหละคือผลจากบาปกำเหนิด"
"แต่ทำไมต้องเป็นโรคมะเร็งด้วย"
พระเจ้าตอบ "ความอ่อนแอในร่างกายทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อโรค แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก"
ในวันที่เกิดพายุขนาดใหญ่หิมะตกหนาถึง 5 ฟุต เออร์มิลเริ่มจะมีอาการแย่หายใจไม่ออก
คุณแม่ท่านได้กล่าวกับพี่ชายท่านให้ไปตามบาทหลวงมาที่บ้าน พระสงฆ์เดินเข้ามาในห้องนอน
เออร์มิลเพื่อมอบศิลเจิมคนไข้และสวดภาวนาให้เขา พระสงฆ์เดินออกมาหาแม่ท่านและหัวเราะออกมา
"ท่านหัวเราะทำไม" คุณแม่ถาม
"เขายังไม่ตายหรอกเพราะเขายังเล่าเรื่องตลกให้พ่อฟังอยู่เลย"
เออร์มิล มีชีวิตอยู่ต่ออีกสองปี...จากเหตุการณ์นี้พระบิดาทำให้คุณพ่อมิเชลเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพลัง
การเป็นคริสตชน
ยิ่งคุณพ่อมิเชลเติบโตขึ้นท่านก็พบเจอ(ปีศาจ)ปีศาจมากขึ้น มันสิงในบ้านของคุณพ่อ พี่สาว
และพี่ชายไปหาพระสงฆ์ประจำชุมชนวัดขอให้ท่านมาเสกบ้านให้ด้วย พระสงฆ์เปิดประตูบ้านเข้าไป
(ปีศาจ)ปิศาจก็ส่งเสียงคำรามน่ากลัวทำให้พระสงฆ์วิ่งหนีไป พวกพี่ น้องของคุณพ่อ ได้ไปขอร้อง
พระสังฆราชให้มาขับไล่แทน (ปีศาจ)ปีศาจก็แผดเสียงร้องน่ากล้วอีกครั้งทำให้พระสังฆราชร้องลั่น
ออกมาว่า "พ่อทำไม่ได้ พ่อทำไม่ได้ "
ตอนคุณพ่อมีอายุ 7 ปี ในตอนพระอาทิตย์ตกดินวันหนึ่ง คุณแม่ใช้ให้ท่านไปให้อาหารเป็ด
" แม่ครับ" แม่อยากให้ผมออกไปให้อาหารเป็ดจริงๆหรือครับ"
"ใช่ ลูกทำได้อยู่แล้ว "
"แม่ครับแต่ว่ามันจะมืดแล้ว เจ้า(ปีศาจ)ปิศาจมันจะจับตัวผม "
" ไม่ต้องกลัว " คุณแม่ปลอบ เกอเวส เป็นพี่ชายคุณพ่อรับอาสาจะไปด้วยกัน ทั้งสองกำลังจะเข้าไป
ใกล้บริเวณลำน้ำ ทันใดนั้นแผ่นดินตรงเท้าของคุณพ่อและพี่ชายก็แยกออกจากกัน มีมือประหลาด
เหมือนสัตว์โผล่ออกมาจากรอยแยกนั้น แล้วจับขาคุณพ่อไว้พร้อมกับดึงท่านให้ลงมาใต้ดิน เกอเวส
จับมือคุณพ่อแล้วออกแรงดึงคุนพ่อขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงมันได้คุนพ่อคิดในใจว่า "ผมไม่รอดแล้ว"
ท่านนึกถึงพระแม่มารีย์แล้วร้องตะโกนออกมาว่า " พระแม่มารีย์ พระชนนีแห่งพระเจ้าได้โปรดช่วยลูกด้วย "
ทันใดนั้นก็มีแรงดึงมหาศาลฉุดคุณพ่อขึ้นมา ทั้งสองจึงรีบวิ่งกลับเข้า🏡บ้าน
" ไม่ต้องให้พวกผมไปให้อาหารเป็ดอีกแล้วนะ" ทั้งสองคนตะโกนบอก
" เรามาสวดสายประคำกัน "
หลังจากคุณพ่อของท่านเสียชีวิตคนในครอบครัวได้หารือกันว่าต้องหาทางกำจัด (ปีศาจ)
ปิศาจที่อยู่กับพวกเขามานานคนในครอบครัวไม่มีอำนาจที่จะไล่มันออกไปจึงตัดสินใจเผาบ้านทิ้ง
คุณพ่อบอกกับคนในครอบครัวว่า " ผมจะเป็นคนจุดไฟเผาบ้านเอง" คุณพ่อเทน้ำมันลงไปในหลุม
ที่ขุดไว้แล้วจุดไม้ขีดไฟโยนลงไปในหลุม พอไฟลุกก็มีลมแรงพัดเปลวไฟให้ดับลง คุณพ่อจึงจุดไม้ขีด
ก้านทีสองแต่ก็ไม่ติด คุณพ่อจึงภาวนาต่อพระแม่มารีย์ จุดไฟครั้งที่สามว่าขอให้ไฟเผาบ้านนี้ จากนั้น
ไฟก็ลุกโชน คุณพ่อวิ่งผ่านเปลวไฟออกมาก็เหมือนมีมือยื่นออกมาจับตัวคุณพ่อ...คุณแม่เห็นดังนั้นจึง
(สวด)สวดภาวนา ถึงพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูคริสต์เจ้า ทันใดนั้นมือไฟทียื่นออกมาก็
หายกลับเข้าไปในบ้านที่ลุกไหม้...
ครอบครัวคุณพ่อได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกหมู่บ้านหนึ่ง แต่(ปีศาจ)ปิศาจก็หาวิธีที่จะมาอยู่กับ
คุณพ่ออีก คุณพ่อต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดใต้ผิวหนังอย่างมาก คุณแม่ท่านพาไปหาหมอรักษา
แต่หมอบอกว่า หมอยังไม่เคยเจอโรคแบบนี้เกิดกับเด็กอายุน้อยขนาดนี้ เพราะโรคนี้จะเกิดกับผู้สูง
อายุที่ใกล้เสียชีวิตเท่านั้น หมอให้ยามากินแต่อาการไม่ดีขึ้น มันเหมือนมีแมงมุมตัวใหญ่อยู่ใน
ร่างกาย แต่ถ้าพ่อเอนตัวอยู่บนเตาเผาไม้ พ่อรู้สึกดีขึ้น รู้สึกว่าร่างกายพ่อเมื่ออยู่ใกล้ความร้อนสิ่งที่
อยู่ในตัวพ่อมันตายไป แต่ตัวพ่อไม่รู้สึกร้อนเลย มันแปลก มากๆ คุณแม่ก็งงเช่นกัน วันหนึ่งคุณแม่
เข้ามาหาตอนที่คุณพ่อกำลังร้องไห้เพราะความเจ็บปวดมาก
" ฟังแม่นะ พระเป็นเจ้าไม่ได้ทรงกระทำสิ่งนี้ มันไม่ปกติแล้ว "
" ผมรู้ครับแม่ แต่มันอยู่ในตัวผมผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร" งั้นเรามาสวดภาวนาแล้วมองไปที่พระหฤทัย
ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้านะลูก " ท่านทั้งสองสวดภาวนาต่อหน้ารูปพระพระเยซูเจ้า " ทีนี้มองไปที่
ดวงหทัยอันนิรมลของพระแม่มารีย์ เราจะขอพระแม่ให้ลูกหลับเพื่อให้พระเยซูเจ้ารักษาลูก "
แล้วท่านทั้งสองก็สวดภาวนาขอแล้วก็หลับไป คุณพ่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นพบว่าร่างกายของท่าน
หายเป็นปกติไม่เจ็บปวดอีกแล้ว และสิ่งนั้นที่อยู่ในตัวของคุณพ่อได้ร่วงหล่นบนที่นอน คุณแม่
และคุณพ่อได้ถอดผ้าปูที่นอนออกแล้วเผาทิ้ง...
หลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อก็ได้รับศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรก.....

🌱🌱🌱ชีวิตของคุณพ่อจะเป็นอย่างไรหลังจากที่ได้รับศิลฯ ครั้งเเรก
อ่านต่อในตอนที่ (2) พรุ่งนี้
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 23, 2022 10:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ม.ค. 19, 2022 11:13 pm

(หนังสือ)✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (2) คุณพ่อมิเชล อัครสาวกยุคสุดท้าย

✍️ คุณพ่อมิเชลเล่าเรื่องราวชีวิตของคุณพ่อ

หลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อก็ได้รับศีลมหาสนิทเป็นครั้งแรกแต่ว่าครอบครัวของคุณพ่อไม่ใช่
ตระกูลที่มีเงินทองมากมายทำให้เสื้อสูทของคุณพ่อเป็นสูทธรรมดาทั่วไป คุณแม่ท่านเย็บ
ให้ใส่ด้วยตัวท่านเอง แต่ท่านก็ยังรู้สึกอายและไม่มั่นใจตรงที่ท่านใส่รองเท้าเก่าๅ ท่านเป็น
เด็กคนเดียวที่ไม่ได้สวมรองเท้าใหม่มันเงาเหมือนคนอื่นๆ
เมื่อถึงเวลาที่ท่านจะรับแผ่นศิลมหาสนิทครั้งแรก ใจของท่านไม่อยู่กับตัวแต่อยู่ที่รองเท้า
ในทุกย่างก้าวที่คุณพ่อก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับศิล ตาของท่านยังมองไปที่รองเท้า คุณพ่อเงย
หน้าขึ้นมามองคุณพ่อเจ้าอาวาสวัดที่นี่ชื่อคุณพ่อจีนส์ มาร์ค ท่านรู้จักครอบครัวของคุณพ่อมิเชล
เป็นอย่างดี คุณพ่อจีนส์ มาร์ค ยกแผ่นศืลขึ้นพร้อมกล่าวคำว่า " พระกายพระคริสต์เจ้า "
ในตอนนั้นแสงอาทิตย์ส่องสว่างทะลุผ่านกระจกด้านข้างโบสถ์มายังเด็กน้อยมิเชล และ
คุณพ่อจีนส์ มาร์ค เท่านั้น คุณพ่อ จีนส์ มาร์ค นิ่งค้างไปราวกับงุนงง ทำให้คุณพ่อมิเชลมีเวลา
พูดกับพระเจ้าว่า " ลูกขอโทษที่ใส่รองเท้าเก่ามา" และแล้วคุณพ่อก็ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรก
ตั้งแต่คุณพ่ออายุ 10 ขวบ ท่านมีพระสงฆ์องค์หนึ่งเป็นผู้ชี้นำฝ่ายจิตให้กับคุณพ่อ
พระสงฆ์องค์นี้รู้ว่าเด็กน้อยมิเชลกลัวความมืด และจะยิ่งกลัวมากขึ้นถ้าได้เห็นหน้าตาของ
(ปีศาจ)ปีศาจที่ชอบมาให้คุณพ่อเห็นอยู่บ่อยๆ และเมื่อคุณพ่ออายุ 12 ขวบ พระสงฆ์องค์นั้น
บอกกับท่านตอนที่กำลังทำงานที่โบสถ์หลังจบพิธีมิสซาว่า
" มิเชล คืนนี้เราจะสวดภาวนาร่วมกัน "
" หืม "
" ลูกมาหาพ่อที่หน้าพระแท่นแล้วเราจะสวดภาวนาร่วมกัน"
ในคืนนั้นพ่อมิเชล มาพบพระสงฆ์ในโบสถ์ ท่านพูดว่า " พ่อจะนั่งสวดอยู่ด้านนึงของโบสถ์
ส่วนลูกก็ให้นั่งสวดอยู่อีกด้านนึง" แล้วท่านก็ปิดไฟทั้งหมดเหลือแต่ความมืดมิด และ เงียบสงบ
มีเพียง🔥เปลวไฟจากตู้ศิล มหาสนิทที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืด
" ทำไมเราไม่เปิดไฟเอาไว้ล่ะครับ " เด็กน้อยมิเชลกล่าวด้วยความตื่นกลัว
" ไม่ต้องกลัว "
ทันใดนั้นประตูด้านหน้าโบสถ์ที่ปิดอยู่เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง พระสงฆ์องค์นั้นพูดกับ
คุณพ่อมิเชลว่า " เดินไปดูสิว่ามีอะไร "
" พระเจ้าช่วย " เด็กน้อย มิเชลตัวสั่นรู้สึกว่าตัวเองจะตายเพราะความกลัว
" เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วครับ "
" ไม่ ลูกต้องเดินไปดูเสียงนั้น ลูกต้องเดินไป พอไปถึงประตูก็เปิดออก "
เด็กน้อยทำตามที่บาทหลวงบอก และเดินตรงไปหาต้นตอของเสียงท่ามกลางความมืด
เสียงทุบ และกระแทกทำให้ประตูสั่นไหวเพราะ(ปีศาจ)ปิศาจมันต้องการเข้ามาด้านใน
คุณพ่อมิเชลควานหาประตูในความมืดด้วยมือที่สั่นเทาและรู้สึกกลัวถึงความตายที่ใกล้เข้ามา
ท่านเปิดประตูออกมาพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอก จึงเดินกลับมานั่งอยู่ด้านหลังบาทหลวง
เป็นเวลา สองถึงสามนาที เสียงกระแทกและทุบประตูก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
" ไปดูสิ"
" พระเจ้าช่วย "
" ไปดูอีกที "
" แต่ผมกลัวนะครับ "
" ลูก ลูกต้องเดินไปดู "
ขาของพ่อมิเชลสั่นที่ต้องเดินท่ามกลางความมืดด้วยความกลัวเพื่อไปยังประตูด้านหน้าโบสถ์
แล้วเปิดประตูด้วยตัวที่สั่นไม่หยุด ท่านเพ่งมองมาข้างในโบสถ์แต่ไม่มีใครเข้ามา ท่านจึงเดิน
กลับเข้ามาและนั่งที่เดิม เป็นแบบนี้อยู่สามรอบหลังจากกลับมานั่งเด็กน้อยมิเชลคิดในใจว่า
"ตายแน่ๆ ต้องตายแน่ๆ " อยู่ดีๆเปลวเทียนหน้าตู้ศิลก็ติดๆ ดับๆ
" ลูกต้องเดินกลับไปปิดไฟ"
" แต่ว่าเราปิดไฟไปแล้วนี่ครับ "
" ลูกต้องไปปิด "
คุณพ่อมิเชลเดินไปด้านหลังโบสถ์ผ่านประตูโถงก่อนประตูหน้าวัดเพื่อไปเปิดไฟแล้วปิดใหม่อีกครั้ง
ด้วยความกลัวจนน่าสงสาร แต่ว่าสวิตช์ไฟปิดอยู่ก่อนแล้ว คุณพ่อมิเชลกลับมานั่งที่เดิม ทันใดนั้น
กลอนหน้าต่างที่ล็อคอยู่ด็เปิดเองพร้อมกัน ท่านสะดุ้งจนรู้สึกว่าหัวใจจะหลุดออกมาพระสงฆ์ผู้คอย
ชี้นำคุณพ่อมาตลอดกล่าวขึ้นว่า " มันคือ(ปีศาจ)ปิศาจ แต่พระเยซูเจ้าประทับอยู่ที่นี่เมื่อลูกอยู่กับ
พระองค์ไม่มีอะไรทำให้ลูกกลัวได้ " คำพูดของพระสงฆ์ในวันนั้นทพให้คุนพ่อมิเชลไม่กลัวอีกต่อไป
พระสงฆ์องค์นั้นกล่าวว่า "ตอนนี้ลูกเป็นบาทหลวงได้แล้ว ".......

✍️ พักเบรค : อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ตอนที่ (3) (ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ม.ค. 19, 2022 11:18 pm

(หนังสือ)✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (3)คุณพ่อมิเชล อัครสาวกยุคสุดท้าย

✍️ คุณพ่อมิเชลจึงตัดสินใจเข้าเรียนในโรงเรียนบ้านเณรในเมืองควิเบก และพระเป็นเจ้า
ยังคงมอบกระแสเรียกให้กับท่าน วันหนึ่ง พระสงฆ์ชื่อ คุณพ่อจีนส์ มาร์ก มาหาท่านแล้วพูดว่า
"มิเชล ลูกยังจำตอนที่ลูกรับศีลมหาสนิทครั้งแรกเมื่อหลายปีที่แล้วได้ไหม "
" จำได้ครับ ผมจำได้แค่รองเท้าเก่าของผมตอนนั้น " ท่านทั้งสองก็หัวเราะกันออกมาดังลั่น
" มีสิ่งหนึ่งที่พ่อยังไม่เคยบอกลูกมาก่อน "
" อะไรหรือครับ "
" ลูกจำที่แสงอาทิตย์ส่องมาที่เราสองคนได้ไหม "
" จำได้ครับ ผมประทับใจมากๆ "
" ในตอนนั้นพ่อได้รับสารจากพระเยซูเจ้า "
" โอ้ พระองค์ว่าอย่างไรหรือครับ"
" ตอนที่พ่อชูแผ่นศิล พระเยซูตรัสกับพ่อว่า " ผู้ที่จะรับพระกายของเราในวันนี้ ผู้ที่อยู่หน้าลูก
ตรงนี้ เขาจะได้เป็นบาทหลวง " พอพ่อรู้ข่าวพ่อเลยอยากมาบอกเรื่องนี้ เพื่อให้ลูกมีกำลังใจที่
จะเรียนต่อไปในอนาคต "
คุณพ่อเข้าเรียนบ้านเณรตอนอายุ 16 ปี ในเดือนแรกท่านเป็นนักเรียนที่ได้คะแนนวิชา
ปรัชญาน้อยที่สุดในห้องจากนักเรียน 113 คน ท่านไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอนเลยทำให้ท่าน
หมดกำลังใจที่จะเรียนต่อ คุณพ่ออธิการให้คุณพ่อมิเชลมาเข้าพบ และกล่าวว่า "ลูกคงเรียนต่อ
ไม่ไหวแล้ว พ่อต้องส่งลูกกลับบ้าน ลูกไม่เหมาะที่จะเรียนที่นี่...
คุณพ่อมิเชลคิดในใจว่า " ไม่นะ เราไม่ใช่คนโง่ " ท่านจึงเข้าพบอาจารย์สอนปรัชญา อาจารย์
ดูเพี้ยนนิดๆ แต่ท่านก็เป็นคนที่เก่งมากๆ ท่านเป็นพระสงฆ์คณะพระหฤทัย ที่สอนวิชาฟิสิกส์ และ
จบปริญญาเอกทางด้านคณิตศาสตร์ และ ปรัชญา
" ผมอยากจะคุยกับอาจารย์สักหน่อยครับ "
" เข้ามาเลย "
คุณพ่อมิเชล เดินเข้ามาในห้องทำงานของอาจารย์ และเล่าเรื่องที่คุณพ่ออธิการบอกกับท่าน
อาจารย์หัวเราะดังลั่น
" พวกเขาไม่รู้อะไรซะแล้ว ไม่รู้จริงๆ "
" เอ๊ะ ! ไม่รู้อะไรหรือครับ "
" พวกเขาไม่รู้เลยจริงๆ เดี๋ยวพ่อจะเอาบทสวดมาให้ " แล้วก็ยื่นบทสวดนักบุญ โทมัส อไควนัส
ให้พ่อมิเชล

เชิญเสด็จมาพระจิตเจ้าข้าผู้เป็นแสงสว่างและ น้ำพุแห่งสติปัญญา โปรดประทานสติปัญญา
ของพระองค์มาเหนือลูก และปัดเป่าความมืดมิดจากบาปและการเมินเฉยที่ปกคลุมลูกให้จาง
หายไป ขอให้ลูกมีสติปัญญาหลักแหลมมี ความจำที่ดี มีวิธีการเรียนที่ดีและเข้าใจในบทเรียน
มีความเข้าใจที่กระจ่างขัด และพระคุณอันมากมายในการแสดงออกมา โปรดชี้แนะการเริ่มต้น
การทำงานและนำพาลูกไปสู่ผลสำเร็จ โดยอาศัยพระเยซูคริสต์เจ้า พระเจ้าแท้และมนุษย์แท้
ผู้ทรงจำเริญและครองราชร่วมกับพระบิดา ตลอดนิรันดร อาแมน

" ลูกต้องสวดบทนี้ เข้าใจไหม ทั้งตอนก่อนนอน และ ตื่นนอนแล้วลูกจะได้เห็น ไปได้แล้ว "
คุณพ่อเดินออกจากห้องทำงานของอาจารย์แล้วคิดในใจ " เราจะเลือกกลับบ้าน หรือทำ
ตามที่อาจารย์บอกดี " และแล้วคุณพ่อตัดสินใจเลือกที่จะสวดภาวนาตามที่อาจารย์บอกทุกวัน
แต่ท่านก็ยังไม่เข้าใจวิชาปรัชญาอยู่ดี ในวันที่คุณพ่อสวดภาวนาด้วยความเชื่อมั่นครบสามสิบวัน
คุณพ่อก็เข้าเรียนวิชาปรัชญาตามปกติเพื่อฟังอาจารย์สอน ท่านได้ยินแต่เสียง "บลา บลา บลา "
แต่ทันใดนั้นมีแสงพุ่งเข้ามาในหัวของคุณพ่อจนท่านได้ยินเสียงดัง " ปัง " แล้วคุณพ่อก็เข้าใจใน
สิ่งที่อาจารย์สอน รวมถึงสิ่งที่อาจารย์จะสอนด้วย ตอนนั้นคุณพ่อได้ยกมือขึ้น..
" ว่าไง มิเชล "
" อาจารย์ครับ สิ่งที่อาจารย์กำลังจะพูดคือ....."
พอคุณพ่อพูดจบ อาจารย์ก็กล่าวออกมาว่า " โอ้ ฮ่า ฮ่า เห็นไหม ลูกไม่ได้เพียงแค่เข้าใจสิ่งที่
อาจารย์สอน แต่ลูกยังสามารถบอกเรื่องที่อาจารย์จะสอนได้อีกด้วย"
หลังจากนั้นนักเรียนคนอื่นๆก็เข้ามาหาคุณพ่อมิเชลเพื่อให้คุณพ่ออธิบายปรัชญาให้เขาฟัง
จนท่านกลายเป็นอาจารย์อีกคน เวลาผ่านไป 2-3 ปี ท่านได้เข้ามหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาเทววิทยา
และเป็นอาจารย์ผู้ช่วยวิชานี้ คนที่นี่เรียกคุณพ่อว่า" กระทิงของคณะ" เพราะคุณพ่อสามารถโต้แย้ง
ต่อหน้าอาจารย์ เพราะคุณพ่อเรียนเทววิทยากับพระบิดาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ คุณพ่อได้ศึกษาเรื่องต่างๆ
มากขึ้นกว่าเดิมทำให้คุณพ่อได้เรียนวิชา เทววิทยา เรื่องพระแม่มารีย์ เทววิทยาเรื่องพระจิต และ
เทววิทยาเรื่องพระหรรษทาน และสาขาอื่นๆในวิชาเทววิทยาภายใต้การดูแลของคณะ.....

✍️ พักเบรค : อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ ตอนที่ (4) (บ๊ายบาย)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ม.ค. 19, 2022 11:22 pm

(หนังสือ)✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (4)

✍️ ช่วงที่คุณพ่อเรียนอยู่ที่โรงเรียนบ้านเณรเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับท่าน
ครั้งแรกที่พ่อเข้ามาเหยียบที่โรงเรียน พ่อเห็น(ปีศาจ)ปิศาจคอยนั่งเฝ้า และจ้องมอง
อยู่ที่หน้าห้อง พักของคุณพ่อ
ตอนนั้น กิจกรรมเกี่ยวกับการรักร่วมเพศเกิดขึ้นมากมาย และเพื่อนข้างห้องของ
คุณพ่อมักมีคนแวะเวียนมาหาในตอนกลางคืน คุณพ่อได้ยินทุกอย่างที่เกิดในห้องข้างๆ
ผ่านกำแพงห้อง และได้กลิ่นจางๆของแอลกอฮอล์ลอยออกมา ท่านจึงขอเข้าพบคุณพ่ออธิการ
และเล่าเรื่องที่คุณพ่อประสบมา และบอกชื่อของชายคนที่อยู่ข้างๆห้องของท่าน คุณพ่ออธิการ
กลับไล่คุณพ่อออกจากโรงเรียนแทน พวกเขาบอกพ่ออธิการว่า คุณพ่อมีจิตวิญญาณที่แรงกล้า
เกินไป และกล่าวหาว่าท่านสวดสายประคำเวลาอยู่ข้างนอกโรงเรียนเยอะเกินไป....
เรื่องนี้ทำให้คุณพ่อรู้สึกเสียใจจนเกือบจะเป็นลมขณะที่ฟังคำกล่าวหาเหล่านั้น คุณพ่อมา
รู้ทีหลังว่า อธิการคนนั้นก็เป็นแขกที่เข้าไปในห้องข้างๆของคุณพ่อในตอนกลางคืนด้วย
คุณพ่อมิเชลเลยกลับบ้าน ท่านจมอยู่กับความรู้สึกเสียใจ และความพ่ายแพ้ที่มีคนอยาก
ขัดขวางไม่ให้คุณพ่อได้เรียนในโรงเรียนบ้านเณร ความเจ็บปวดนี้มันเสียดแทง ❤️หัวใจ
คุณแม่ของท่านรับรู้ถึงความเจ็บปวดในจิตวิญญาณของคุณพ่อได้ทันทีและกล่าวว่า
"มิเชล มองมาที่แม่ " คุณพ่อเงยหน้ามองมาที่แม่ " ลูกจำที่เราสวดภาวนาต่อดวงหทัยอันนิรมล
ของพระแม่มารีย์ และ พระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้าด้วยกันได้ไหม "
" ลูกจำได้ครับแม่ "
" ถ้าหากพระเยซูเจ้าอยากให้ลูกเป็นพระสงฆ์ ใครหน้าไหนก็ขัดขวางลูกไม่ได้ ดังนั้นลูกต้อง
เชื่อมั่น และเชื่อใจในพระองค์ " คำพูดของแม่ท่านทำให้คุณพ่อมีกำลังใจท่านจึงโทรไปหา
ท่านหลุยส์ อัลเบิร์ต วากอน
" พ่อได้ยินว่าลูกโดนไล่ออก เกิดอะไรขึ้น " คุณพ่อได้เล่าทุกอย่างให้ท่านฟังแล้วบอกชื่อทุกคน
ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นไม่นานพระอัครสังฆราชก็สั่งว่า
" เก็บกระเป๋าแล้วออกไปจากที่นี่ซะ" แล้วท่านก็เดินไปเคาะประตูที่ห้องของอธิการ
" มีอะไรหรือ ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่ได้
" เรามาที่นี่้พราะนี่คือบ้านของเรา "
" เกิดอะไรขึ้น "
" เราเพิ่งไล่นักเรียนของท่านออก แล้วตอนนี้เราก็จะมาไล่ท่าน "
คืนนั้นพระอัครสังฆราชวากอนทำการเปลี่ยนแปลงโรงเรียนบ้านเณรแห่งนี้ใหม่
และคุณพ่อก็กลับมาศึกษาต่อได้เหมือนเดิม ท่านศึกษาเทววิทยาจนจบ และเรียนปรัชญาต่อ
แต่ใช่ว่าทุกคนจะรู้สึกยินดีที่คุณพ่อฟ้องเรื่องนี้ วันหนึ่งพระอัครสังฆราชจากเมืองรีมูสกี
มาพบคุณแม่ของคุณพ่อมิเชลเพื่อมาบอกท่านว่าจะไม่มีใครทำพิธีบวชให้คุณพ่อมิเชล และ
ท่านจะไม่ได้เรียนมี่โรงเรียนบ้านเณรอีกต่อไป คุณแม่มองไปที่พระอัครสังฆราชแล้วพูดว่า
" พระคุณเจ้า ลูกชายดิฉันเป็นผู้มีเจตจำนงเสรี และพระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำต่อเขาตาม
พระประสงค์ของพระองค์ ท่านอาจจะได้สวมหมวกไมทอร์ แต่ท่านก็ไม่ใช่องค์พระเยซูเจ้า
ท่านเป็นเพียงแค่ศิษย์ของพระองค์เชิญท่านกลับได้แล้ว "
คุณพ่อมิเชลเล่าว่า คุณแม่ของท่านเป็นคนใจบุญ ท่านดูแลเด็กในบ้านทั้ง 23 คน
และยังเตรียมที่ให้ขอทานเข้ามาพักอาศัย แต่กลับไม่มีที่ว่างให้พระอัครสังฆราชองค์นี้
คุณแม่ของท่านต้องทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส เพื่อคุณพ่อ ท่านยอมทำทุกอย่างเพื่อ
ทำให้คุณพ่อมิเชลได้เป็นพระสงฆ์.....

✍️ พักเบรค: อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ ตอนที่ (5) (ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ม.ค. 19, 2022 11:26 pm

(หนังสือ)✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (5)

✍️ คุณพ่อมิเชลยังคงรับใช้งานอภิบาลในศาสนจักร และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้
ชำนาญการพิธีกรรมของอัครสังฆมณฑลรามอนสกี และคอยดูแลวงจรพิธีกรรมอีก
สามสังฆมณฑล
คุณพ่อมิเชลกลับมาที่มอนทรีออล และเปิดศูนย์ช่วยเหลือเยาวชนที่มีปัญหา
อายุ 18-21 ปี ไร้ที่อยู่และติดยา หรือขายบริการ ในตอนนั้นคุณพ่อจบปริญญาเอก
ด้านจิตวิทยาแล้ว ท่านจึงคอยให้คำปรึกษา มอบความหวัง และอนาคตให้แก่เยาวชน
อีกทั้งรวบรวมคนมากมายเพื่อมาช่วยเหลือเด็กเหล่านี้
ในตอนนั้นคุณแม่ของคุณพ่อเป็นโรคมะเร็งและรู้ว่าจะอยู่กับคุณพ่อได้อีกไม่นาน
คืนก่อนที่จะเสียชีวิต คุณพ่อมิเชลกล่าวต่อพระแม่มารีย์ว่า " ผมทนเห็นแม่เป็นแบบนี้ไม่ได้
มันยากเกินไป ได้โปรดช่วยลูกทีเถิด พระองค์จะช่วยรักษาแม่ของลูก หรือว่าจะพาแม่
ของลูกไปก็ได้ " พอคุณพ่อเข้านอน ท่านฝันว่าท่านเห็นคุณพ่อของท่าน เออมิล ยืนอยู่กลาง
ทุ่งข้าวสาลีสีทองอยู่ทางด้านขวาไกลๆของคุณพ่อ ส่วนคุณแม่ของท่านปรากฏตัวขึ้น ทาง
ด้านซ้ายมือห่างออกไป คุณพ่อของท่านยื่นมือออกมาเพื่อให้คุณแม่ของท่านเดินมาหา
ในตอนนั้นเธอมองมาที่คุณพ่อและยิ้มให้ พ่อของท่านมองมาที่คุณพ่อมิเชลและผงกหัวให้
คุณพ่อรู้ว่าแม่ของท่านจะเสียชีวิตแล้ว เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางทุ่งเพื่อหันมามองคุณพ่อ
มิเชล และมองสามีของเธอที่เรียกเธออีกครั้ง เธอ(moon big smile)ยิ้มให้คุณพ่อเป็นครั้ง
สุดท้าย แล้วเดินตรงไปหาสามีของเธอ
คุณแม่ของคุณพ่อมิเชล เสียชีวิตในวันถัดมา ท่านหมดลมหายใจก่อนเที่ยงคืน 5 นาที
คุณพ่อเล่า ว่า " พ่อจะบอกให้ว่าแม่ของพ่อเป็นคนดีแค่ไหน สี่ชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตท่าน
ท่านทำให้ห้องพักผู้ป่วยของท่านสว่างจ้าด้วยแสงสว่างที่ออกมาจากร่างกายของท่าน หมอและ
พยาบาลทุกคน มามุงดูเหตุการณ์ที่พวกเขาเรียกว่า " ปรากฏการณ์ " พวกเขาไม่รู้เลยว่าแสงสว่าง
ที่ออกจากตัวท่านคือเครื่อง หมายของความศรัทธาของท่าน "
หลายอาทิตย์ผ่านไปหลังจากวันที่คุณแม่ของท่านเสียชีวิต คุณพ่อได้รับสายจากพระสงฆ์
ที่เป็นเพื่อนของท่าน ชวนท่านให้มาร้องเพลงในพิธีมิซซาบวชพระสงฆ์ ในเมืองออนแทรีโอ
ประเทศแคนนาดา ท่านต้องการให้คุณพ่อร้องเพลงบทเร้าวิงวอน และเพลงสรรเสริญพระจิตที่
มีคีย์เสียงสูงซึ่งไม่มีใครร้องได้ ท่านจึงตอบตกลง พระสังฆราช โรเจอร์ อัลเฟรด เดสพาทีย์
เป็นผู้ที่ทำพิธีในวันนั้น พระสังฆราช คุกเข่าอยู่ตรงหน้าพระแท่นสวดบทเร้าวิงวอน และท่านได้ยิน
เสียงหนึ่งพูดคุยกับท่าน " ลูกเอ๋ย ผู้ที่กำลังร้องบทเร้าวิงวอนเราอยากให้ท่านบวชให้เขา"
ตอนนั้นพระสังฆราชนึกออกแล้วว่าเสียงนั้นคือเสียงของพระเยซูเจ้า
หลังจากจบพิธีพระสังฆราชเดินเข้าไปหาพ่อมิเชลและถามว่า " ลูกอยากบวชเป็นพระสงฆ์ไหม "
ท่านตอบว่า " ใช่ครับผมอยากบวช "
" พ่อจะบวชให้ "
พ่อมิเชลก็หัวเราะ เพราะท่านเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเท่าไรนักกับพระสังฆราชองค์นี้มาก่อนทำ
ให้คิดว่าพระสังฆราชกำลังพูดล้อเล่นกับท่าน " ท่านพูดจริงหรือครับ "
" พ่อจะบวชให้ "
" โอเคนะครับ แต่ผมไม่ได้อยากบวชเป็นแค่ฆารวาสช่วยงานอภิบาล แต่ถ้าท่านอยาก
ให้ผมบวชจริงๆ ผมจะมาหาท่านในตอนที่ผมจะได้เป็นพระสงฆ์ "
" นั่นแหละที่พ่อต้องการจะบอก "
" ตกลงครับ "
วันต่อมาพระสังฆราช โทรมาหาคุณพ่อ " ลูกจะได้เข้าพิธีบวชและประจำที่วัดแม่พระ
รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ "
" เรื่องจริงหรือครับ "
" ทำไมเหรอ"
" เอ่อ ตกลงครับ " พ่อมิเชลพึมพำไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร ตอนนั้นใจของท่านร่วงไปที่ตาตุ่ม
เพราะตอนที่พ่ออายุประมาณ 11-12 ปี วันนั้นท่านสวดภาวนาต่อหน้ารูปปั้นแม่พระแจกจ่าย
พระหรรษทาน ในโบสถ์บ้านเกิดของท่าน พระแม่มารีย์ตรัสกับพ่อว่า
" วันหนึ่งลูกจะได้บวชเป็นพระสงฆ์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของดวงหทัยอันนิรมลของแม่ "
และพระแม่ยังกล่าวอีกว่า ท่านจะได้บวชและรับใช้ในโบสถ์แม่พระปฏิสนธินิรมล
" อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด " คุณพ่อคิดในใจ " วันนั้นผมอาจจะฟังพระแม่ผิดไป "
สอง สามวันต่อมาพ่อก็รับสายจากพระสังฆราช " มิเชล" ตอนนี้เรามีปัญหานิดหน่อย
พ่อย้ายพระสงฆ์ประจำวัด แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ไม่ได้ พ่อจะส่งลูกไปประจำวัด
แม่พระปฏิสนธินิรมลแทน ลูกจะได้บวชเป็นพระสงฆ์ที่นั่น "
" ได้ครับ ได้ครับ " คุณพ่อรีบตอบก่อนที่พระสังฆราชจะพูดจบ ทำให้ชายหนุ่มอายุ 30 ปี
ชื่อว่า มิเชลได้กลายเป็นคุณพ่อ มิเชล เต็มตัว แต่ก่อนที่ท่านจะเป็นพระสงฆ์ ท่านมักจะพูดกับ
เทวดาอารักขาของท่านเวลาที่เจะเข้าห้องว่า " เชิญท่านเข้าก่อนครับ " แต่เมื่อท่านได้บวชเป็น
พระสงฆ์แล้ว เวลาที่ท่านกล่าวกับเทวดาอารักขาก่อนเข้าห้องว่า "เชิญเดินนำผมเข้าไปก่อนครับ"
ท่านจะได้ยินเทวดาพูดกับท่านว่า "ไม่ได้หรอก ท่านต้องเดินนำเรา ท่านเป็นพระสงฆ์แล้ว ".....

✍️ พักเบรค : อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ ตอนที่(6) (ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ม.ค. 19, 2022 11:34 pm

(หนังสือ)✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (6)

✍️ คุณพ่อมิเชล ได้บวชเข้าสู่ชีวิตพระสงฆ์โดยพระสังฆราชโรเจอร์ อัลเฟรด
พระสังฆราชรับรู้ถึงพระพรพิเศษของพ่อมิเชล จึงแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการของคณะ
นักบวชก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต พระสังฆราชกล่าวกับคุณพ่อว่า " ลูกจงไปที่เมือง มอนทรีออล
และเข้าพบบาทหลวงจากคณะแซงต์ซูลปีช " ท่านได้นัดแนะให้พ่อมิเชลพบกับผู้มีตำแหน่งสูง
ของคณะที่พ่อมิเชลไม่เคยรู้จักมาก่อน หลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อมิเชลได้เป็นพระสงฆ์
คณะแซงต์ซูลปีซ และเป็นอาจารย์โรง เรียนสอนสามเณรในเมืองมอนทรีออล และท่านยังได้
รับหน้าที่ให้เป็นผู้ทำพิธีไล่(ปีศาจ)ปิศาจ อนุศาสนาจารย์ในโรงพยาบาล และเป็นอธิการโบสถ์
ให้กับเขตชุมชนวัด อีกสามแห่ง
ชีวิตพระสงฆ์ของคุณพ่อเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย วันคริสต์มาสอีฟในปี คศ 2009
โบสถ์ในเขตชุมชนวัดเมืองมอนทรีออล ไม่สามารถหาพระสงฆ์มาทำมิซซาเวลา 8โมง และ
10โมงได้ คุณพ่อมิเชล คิดว่า " เราจะไปเอง นักบุญมีคาแอล คือนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเรา"
พิธีมิสซาวันคริสมาสต์ อีฟ เริ่มตามปกติมีคนเข้ามาร่วมเต็มระเบียงวัดทั้ง สามแห่ง ทันใดนั้น
พระจิตเสด็จลงมาอยู่เหนือทุกคนที่นี่้หมือนในวันเพนเตคอส เหตุการณ์ที่คุณพ่อเห็นนั้นช่าง
งดงามเหนือคำบรรยาย เมื่อจิตวิญญาณของผู้คนที่นี้มีความสุข พวกเขาเปลี่ยนจากการร้อง
เพลงคริสต์มาส เป็น(ยกมือ)ยกมือสรรเสริญพระเจ้าด้วยภาษาแปลกๆ เสียงร้องดังออกไปข้าง
นอกวัด ทำให้คนข้างนอก และคนที่อยู่ในรถเดินเข้ามาข้างในเพื่อมาดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น ในตอน
ที่คุณพ่อกำลังเทศน์นั้นจิตวิญญาณของท่านรู้สึกล่องลอย และรู้สึกถึงกระแสไฟที่ไหลเข้ามาใน
ตัวพ่ออย่างรวดเร็ว " ช่างมีความสุขจริงๆ" ...
พิธีมิสซา 10โมง ได้เริ่มขึ้นแต่คุณพ่อยังคงรู้สึกกระฉับกระเฉงอยู่ พ่อคาดหวังว่าพระจิตจะ
สถิตย์อยู่กับผู้ที่มาร่วมมิสซาเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สัตบุรุษที่มาร่วมมิสซาที่นั่งบนเก้าอี้
ในโบสถ์ต่างก็ทำหน้าตาบึ้งตึง คุณพ่อคิดว่า "พระบิดา พระบุตรและ พระจิต ได้มอบลูกอมให้แล้ว
พระองค์คงไม่ให้ลูกอมเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สอง " คุณพ่อขอให้เกิด " เพนเตคอส " อีกครั้ง คุณพ่อ
จึงขอพระเจ้าว่า " โปรดทำอะไรสักอย่างเถิด" สักพักก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากระเบียงที่สาม
" ช่วยด้วย! " คุณพ่อคิดแล้วว่าต้องเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้น ท่านจึงหยุดการเทศน์ไว้แล้วรีบวิ่งไปดู
ท่านตะโกนถามคนในโบสถ์ว่า " มีใครเป็นหมอบ้างไหม" มีหมอ 4 คนวิ่งผ่านคุณพ่อขึ้นไปดูบน
ระเบียง เมื่อคุณพ่อเดินไปถึงด้วยความเหนื่อยหอบ หมอทั้งสี่คนนั้น กำลังช่วยกันปั้ม❤️หัวใจ
หญิงสาวที่นอนสลบอยู่ พวกเขาบอกคุณพ่อหลังจากพยายามช่วยชีวิตเธอ " คุณพ่อครับเราช่วย
เธอไม่สำเร็จ เธอเสียชีวิตแล้ว "
" อะไรนะ เธอเสียชีวิตแล้วในคืนนี้น่ะหรือ " หากเป็นก่อนหน้านี้คุณพ่อคงยอมรับเรื่องนี้ได้เพราะ
ท่านรู้ว่าในวันคริสต์มาส เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะตายเพราะวันนั้นจะเป็นวันที่พระเจ้าได้ต้อนรับ
ดวงวิญญาณหลายร้อยดวงเข้าสู่สวรรค์ แต่ว่าในตอนนี้คุณพ่อจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
(คุณพ่อไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม) ท่านคุกเข่าอยู่ข้างร่างของหญิงสาวที่เสียชีวิตทุกสิ่งรอบตัวท่านก็
หายไป คุณพ่อร้องไห้ออกมาพร้อมกับพูดว่า " ไม่รอดหรือ ทำไมล่ะพระบิดา หญิงสาวผู้นี้จะตายคืนนี้
ได้อย่างไร ผมยอมไม่ได้หรอก ท่านกำลังจะทำอะไรหรือ วันนี้คือวันคริสต์มาส วันที่พระบุตรของ
พระองค์ลงมาบังเกิดมิใช่หรือ ไม่ควรมีใครในที่นี้ต้องตาย ท่านต้องคืนชีวิตให้กับนาง "...
ท่านลืมไปว่าไมค์ที่ติดเสื้อของท่านยังเปิดอยู่ทำให้ ทุกคนในโบสถ์ได้ยินทุกอย่างที่คุณพ่อพูด
ชัดเจน ท่านวางมือไปบนอกของหญิงสาว และกล่าวออกมาเสียงดังออกไปถึงข้างนอกโบสถ์ด้วย
ความเสียใจว่า "ในพระนามของพระเยซู จงฟื้นเถิด" หญิงสาวคนนั้นหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และฟื้น
ขึ้นมา เธอลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นตรงหน้าคุณพ่อจนทำให้หมอที่ช่วยชีวิตเธองุนงง
" คุณพ่อคะดิฉันรู้สึกดีมากเลยไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย "
" หยุดก่อน หยุดก่อน ลูกต้องไปโรงพยาบาลนะ " คุณพ่อค้าน
" ไม่ต้องค่ะๆ ไม่ต้องไปแล้วค่ะ "
มีคนโทรเรียกรถพยาบาลจอดรออยู่ข้างนอก " ฟังพ่อนะ " " ลูกจะไปโรงพยาบาล พวกหมอจะ
ตรวจและไม่พบสิ่งผิดปกติ แล้วลูกก็จะกลับมาในตอนนั้นประตูด้านหลังโบสถ์จะเปิดออก ลูกจะเห็น
ทางเดินที่ปกคลุมด้วยไอหมอกจากแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์เข้ามาในตัววัด ลูกจะเดินผ่านไอหมอกเข้ามา
และลูกจะเดินออกมาจากม่านหมอกนั้น เพื่อมารับศีลมหาสนิทเหมือนกับลูกปรากฏตัวขึ้นมา "
เธอมองคุณพ่อและยอมทำตาม...
คุณพ่อเดินกลับมาที่แท่นบูชา และเห็นว่าทุกคนกำลังคุกเข่าด้วยความสงบ ท่านสงสัยว่า
" เราทำอะไรไปหรือเปล่า" ท่านทำพิธีต่อและเมื่อถึงเวลารับศิล ขณะที่ท่านกำลังส่งศิลให้กับคน
สุดท้ายที่มาต่อแถว ทุกคนในวัดได้ยินเสียงเหมือนกับอะไรกำลังแตกออก ประตูด้านหลังโบสถ์ที่
ไม่เคยเปิด ใช้งานมากว่า 100ปี ค่อยๆเปิดออกพร้อมกับไอหมอกจากแม่น้ำเชนต์ ลอว์เรนซ์ ลอย
เข้ามาข้างในเหมือนกับเป็นทางเดินเข้ามาข้างในตรงกลางวัด หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาข้างในวัด
ท่ามกลางเมฆหมอกที่บดบังเธอเอาไว้ เมื่อไอหมอกจางหายไป ตัวเธอก็ปรากฏขึ้นมา
" อย่างน่าอัศจรรย์ " ต่อหน้าคุณพ่อมิเชล เธอรับศีลมหาสนิท ในขณะที่ทุกคนในวัด รู้สึกทึ่ง และต่าง
ก็ลุกขึ้นมาปรบมือดังลั่นวัด....
พระเป็นเจ้าได้เตรียมเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีกท่ามกลางสายตาของผู้ที่มีความเชื่อ
จะได้เห็นสักครั้งในชีวิต การได้เห็นหญิงสาวฟื้นจากความตาย และได้รับพระกายพระเยซูคริสต์เจ้า
และมีเมฆหมอกล้อมรอบตัวเธอก่อนวันที่พระผู้ไถ่ลงมาบังเกิด....

✍️ พักเบรค : อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ ตอนที่(7)(ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ม.ค. 19, 2022 11:43 pm

(หนังสือ)✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (7)

✍️ พระบิดาเจ้าได้สอนบทสวดสายประคำถึงพระบิดาเจ้าที่คุณพ่อไม่เคยได้ยินมาก่อน
ตอนที่ท่านกำลังขับรถจากบ้านพักไปโรงเรียนบ้านเณร และพระบิดาได้สอนท่านเรื่องนี้
ตลอดทางกลับบ้าน คุณพ่อรู้สึกว่าตนได้รับพระหรรษาทานอันเหลือล้นจาพระบิดา
คำภาวนาต่อ " พระบิดาของเรา " ได้อาศัยในร่างของคุณพ่อ คุณพ่อรู้สึกถึงลมหายใจ
ขององค์พระผู้เป็นเจ้าในตัวของท่านจนทำให้คุณพ่อลอยเข้ามาในห้องนอนได้ คุณพ่อ
หัวเราะออกมาเล็กน้อย "พระเป็นเจ้า เราคงต้องนอนกันก่อนเพราะพรุ่งนี้เรามีอะไรให้ทำ
เยอะแยะเลย "
พระบิดาเจ้าทรงมีแผนการอื่น เวลาตี 2.30เตียงของคุนพ่อเลื่อน ไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
คุณพ่อเห็นนักบุญเบเนดิกต์ โยเซฟ ลาแบร์ ยืนอยู่ข้างๆเตียงท่าน แล้วเขย่าไหล่ให้คุณพ่อตื่น
หลังจากที่คุณพ่อตื่น พ่อก็พูดว่า " เราจำเสียงของพระบิดาได้ เราจำเสียงของพระเยซูได้
เราจำเสียงของพระแม่มารีย์ได้ และเราจำเสียงของอารักขาเทวดาของเราได้ แต่ว่าเสียงนี้
เราไม่รู้เป็นใคร เพราะเป็นเสียงที่ทุ้มตํ่า ไม่รู้ว่าใครกำลังพูดอยู่ อาจเป็นเสียงของ
พระตรีเอกภาพที่ตรัสออกมาพร้อมกัน "
แล้วท่านก็ได้ยินเสียงพูดกับท่านว่า " ยืนขึ้น " แล้วท่านก็ยืนขึ้น " เดินไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ "
ท่านเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน " ฟังเสียงเราและพิมพ์ตาม " พระบิดาทรงกล่าวถึงกฏระเบียบของ
คณะสงฆ์แห่งใหม่และให้คุณพ่อพิมพ์โดยใช้เวลา 63 คำ ต่อนาทีทำให้คุณพ่อไม่สามารถพิมพ์
ให้ทันได้ท่านจึงบ่นออกมา " ผมตามไม่ทันแล้ว พระองค์บอกเร็วเกินไป " คุณพ่อได้ยินเสียงพระองค์
หัวเราะออกมาเล็กน้อย และพระองค์ก็ให้คุณพ่อพิมพ์ช้าลง พระบิดากล่าวกับคุณพ่อว่า คณะสงฆ์
แห่งใหม่จะมีชื่อว่า Fraternite' Apostolique Saint Benoit-Joseph Labre คณะภราดาแห่ง
ธรรมฑูตนักบุญเบเนดิกต์ โยเซฟ ลาแบร์ โดยจะแยกเป็นคณะสำหรับครอบครัวที่ใช้ชีวิตคริสตชน
แห่งหนึ่ง สำหรับซิสเตอร์ผู้อุทิศตนแห่งหนึ่ง และสำหรับพระสงฆ์และสังฆานุกร ในอนาคตอีกแห่งหนึ่ง...
จากนั้นพระบิดาก็พาตัวคุณพ่อไป ท่านเห็นว่าตนเองนั้นลอยอยู่เหนือพื้นดินบริเวณสังฆมณฑล
อามอส ในตอนเหนือของเมืองควิเบกขึ่งเป็นสถานที่ที่พระเป็นเจ้าต้องการให้ก่อตั้งคณะภราดาของ
ผู้ที่ใช้ชีวิต กึ่งนักพรตอารามิก พระบิดายังทรงแสดงให้เห็นพื้นที่ที่จะก่อสร้างอารามขึ้น และมีแม่น้ำ
อยู่ทางด้านหลัง แล้วพระองค์ก็พาท่านเข้าไปข้างในอารามและห้องต่างๆ คุณพ่อเห็นรายละเอียดทุกๆ
อย่างซึ่งจำเป็นต่อการสร้างอารามแห่งใหม่ และควรเป็นลักษณะอย่างไรจากนั้นพระองค์ก็แสดงแบบ
อาคารของอารามและการตกแต่งภายในรวมทั้งแปลนสร้างอารามในหัวของคุณพ่อ
คุณพ่อเริ่มหวั่นใจเพราะว่าสิ่งที่พระบิดาขอให้คุณพ่อทำเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ใหญ่เกินไป
ตอนนั้นคุณพ่อเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนบ้านเณรเพื่อรวมตัวพระสงฆ์ยุคใหม่ของพระศาสนจักร
และท่านยังเป็นทั้งอธิการโบสถ์เขตชุมชนวัด พระสงฆ์ประจำอาสนวิหาร และเป็นผู้ทำพิธีไล่(ปีศาจ)ปิศาจ
พระองค์จะยังให้พ่อก่อตั้งชุมชนอีกแห่งหนึ่งได้อย่างไร คุณพ่อพูดกับพระบิดาว่า " ผมทำไม่ได้หรอก
พระบิดา ท่านก็รู้ว่าลูกเคยเป็นโรคหัวใจถึง 8 ครั้ง และยังเคยเป็นโรคมะเร็งอีก 3 ครั้ง ลูกใกล้จะตาย
อยู่แล้ว ทำไมท่านไม่เลือกคนที่ฉลาดรอบรู้ในเรื่องเทววิทยา ทำไมไม่เลือกคนที่แข็งแรงล่ะ "
ตอนนั้นคุณพ่อได้เรียนรู้ว่าไม่ควรจะถูกเถียงกับพระองค์จนเกินไป ทันใดนั้นทุกอย่างก็เลือน
หายไป และท่านก็กลายเป็นเหมือนเศษฝุ่นที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศ ท่านได้เห็นดาวเคราะห์ทั้งหมด
ทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวต่างๆ กาแล็คซี่และทุกๆสิ่ง รูปภาพของจักรวาลอันสวยงามที่ท่าน
เคยเปิดอ่านจากหนังสือดาราศาสตร์ ยังไม่สามารถเทียบได้กับความงดงามที่ล้อมรอบคุณพ่อไว้
ในเวลานั้น พระบิดาตรัสกับคุณพ่อด้วยเสียงอันดังกังวาน จนทำให้แม้แต่ภายในร่างกายของคุณพ่อ
สั่นไหวอย่างรุนแรงว่า " ลูกผู้เป็นมนุษย์ ผู้ที่เราสร้างขึ้นจากความรัก และผู้ที่กระทำบาป
" ตอนที่พระบิดาเอ่ยคำว่า " บาป " คุณพ่อคิดว่าตอนนี้ท่านต้องตายแน่ๆ แต่แล้วคุณพ่อก็ได้ยินเสียง
พระเยซูกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน แตกต่างจากน้ำเสียงของพระบิดาโดยสิ้นเชิง " มิเชล "
แล้วคุณพ่อก็เข้ามาอยู่ในพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้า คุณพ่อจำพระวาจาที่พระเยซูเจ้า
ตรัสได้ว่า...
ห้อง ❤️หัวใจ ห้องแรกมีไว้สำหรับนักบวชและพระสังฆราชผู้ที่ถูกเรียกให้เป็นตัวแทนของพระองค์
บนโลก
❤️ หัวใจห้องที่สอง สำหรับผู้ที่ได้รับพิธีล้าง
❤️ หัวใจห้องที่สามมีไว้สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าพระเยซูคือใคร ผู้ที่ต้องได้ฟังการประกาศข่าวดี
และ❤️ หัวใจห้องที่สีมีไว้สำหรับสิ่งที่พระเป็นเจ้าสร้างขึ้นบนโลกมนุษย์ และ ในจักรวาลนี้...
พ่อเข้าใจแล้วว่าในพระองค์และด้วยการอาศัยพระองค์เรามีที่อยู่ในดวงหทัยของพระเยซูเจ้าตาม
พระประสงค์ของพระบิดาเจ้า พ่อได้ยินเสียงหัวใจเต้นของพระเยซูที่สะท้อนเสียงแห่งความรักขององค์
พระผู้เป็นเจ้า พ่อเห็นพระโลหิตที่หลั่งไหลของพระเยซูเจ้าทรงทะนุบำรุงและมอบความสงบสุขให้กับ
สรรพสิ่ง พระโลหิตของพระเยซูเจ้าไหลผ่านทุกๆชีวิตของเรา และสัมผัสกับทุกสิ่งในจักรวาลทั้งมวล
พ่อจะไม่มีวันลืมเสียงหัวใจของพระองค์เลย
พระเยซูเจ้าเอ่ยนามของคุณพ่ออีกครั้ง " มิเชล " จากนั้นคุณพ่อก็เห็นอารามหลายแห่ง ที่ดิน
และสิ่งที่พระเป็นเจ้าแสดงให้คุณพ่อเห็นอีกครั้ง " ลูกไม่รู้หรือว่าสิ่งที่พระบิดาของเราขอให้ลูกทำนั้น
ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ลูกคือผู้รับใช้ของพระองค์ ลูกจะพบผู้ที่สามารถช่วยลูกได้ " "ได้ครับพระบิดาลูกจะทำ "
พ่อได้ยินเสียงของพระแม่มารีย์ตรัสกับพ่อว่า "เราได้เลือกอัครสาวกยุคสุดท้ายแล้ว"
(คุณพ่อมิเชล ยังได้ยินอัครเทวดามิคาเอลเรียกร้องต่อศาสนจักรว่า "จงสวดภาวนาพร้อมกับ
พระชนนีของพระเป็นเจ้าเพื่อให้มีอัครสาวกในยุคสุดท้ายเพิ่มขึ้น" คุณพ่อมิเชลจึงมิใช่คนเดียวที่
ได้เลือกให้เป็นพยานถึง " ยุคสุดท้าย ") และพ่อยังได้ยินพระแม่กล่าวว่า
" เราได้เลือกคณะสงฆ์แห่งใหม่ของพระศาสนจักรแล้ว "🌱🌱🌱

✍️ พักเบรค : อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ ตอนที่(8)(ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ม.ค. 21, 2022 1:46 pm

(หนังสือ) ✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (8)✍️ การผจญภัยของคุณพ่อมิเชล ในเมืองเมดจูกอเรย์
และ สารสำคัญของพระแม่มารีย์

การเป็นอาจารย์ในโรงเรียนบ้านเณรต้องมีความรอบรู้ในสาขาต่างๆ ทั้ง จิตวิทยา
ศาสนศาสตร์ผูกขาด ศิษยาภิบาลศาสตร์ เวทวิทยาการปฏิบัติ และการศึกษาหลักคำสอน
และเอกสารของพระศาสนจักรเกี่ยวกับพระแม่มารีย์ และการประจักษ์ของพระแม่ที่ได้รับ
การรับรองจากพระศาสนจักร
คุณพ่อมิเชลไม่เชื่อเรื่องแม่พระประจักษ์ที่เมืองเมดจูกอเรย์ เท่าที่คุณพ่อรู้ พระแม่มารีย์
ไม่เคยประจักษ์ และมอบสารต่อกันเป็นเวลานานแล้วในวิธีการแบบนี้...
แต่คุณพ่อก็ไม่เคยแย้งเรื่องการประจักษ์ของพระแม่มารีย์ตามที่มีกล่าวอ้าง แต่คุณพ่อ
เลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้แทน
ในวันที่ประเทศอิรักบุกประเทศคูเวต ในปี ค.ศ.1990 พระแม่มารีย์ประจักษ์ต่อหน้า
คุณพ่อมิเชล และให้ท่านสวดภาวนา และกล่าวว่าการรุกรานครั้งนี้จะทำให้เกิดสงครามโลก
ครั้งที่สาม แต่การสวดภาวนาสามารถยับยั้งได้ คูณพ่อสัญญากับพระแม่ว่าท่านจะสวดภาวนา
เพื่อมิให้สงครามเกิดขึ้น คุณพ่อถามพระแม่ว่า " ท่านคือใครกัน " เพราะว่าพระแม่ดูไม่เหมือน
พระแม่มารีย์ที่คุณพ่อเคยเห็นและคุณพ่อก็ไม่คุ้นเคยกับวิธีการที่พระแม่ประจักษ์ต่อผู้เห็นนิมิต
ในเมืองเมดจูกอเรย์ พระแม่กล่าวว่า " เราคือราชินีแห่งสันติสุข เราอยากให้ลูกไปที่เมือง
เมดจูกอเรย์ "คุณพ่อตอบกลับ " แต่ลูกไม่มีเงินไปที่นั่น " พระแม่ยิ้มให้แล้วจากไป
วันต่อมาคุณพ่อได้รับเช็คเงินสด 3,000 เหรียญ จากไปรษณีย์ซึ่งเป็นเงินที่คุณพ่อชำระ
เกินไปโดยลืมไปแล้ว ทั้งๆที่ช่วงนั้นเกิดการตึงเครียดทางการเมืองและชนชาติในประเทศ
ยูโกสลาเวียแยกตัวออกเป็นประเทศ และสงครามที่ยังคงยืดเยื้อ แต่คุณพ่อยังเชื่อในพระแม่มารีย์
และไม่กลัวที่จะเดินทาง ไปยังเมือง เมดจูกอเรย์ หลังจากที่คุณพ่อเดินทางถึงเมคจูกอเรย์ไม่นาน
พระสงฆ์ คณะฟรานซอสกันถามคุณพ่อว่า " คุณพ่อพูดภาษาฝรั่งเศสได้ไหม"
" ได้ครับ "
" คุนพ่อฟังแก้บาปภาษาฝรั่งเศสได้ไหม เพราะพวกเราไม่มีใครฟังได้ "
" ได้ครับไม่มีปัญหา " และแล้วคุณพ่อมิเชลก็ฟังแก้บาปให้ ฟังไปเรื่อยๆคนแล้วคนเล่า
จนสุดท้ายท่านพูดกับพระเจ้าว่า " ผมต้องเข้าห้องน้ำแล้ว " จากนั้นก็มีคนเข้ามาช่วยให้ท่าน
ได้ไปพักเข้าห้องน้ำ "ขอบพระคุณพระเจ้า ขอบพระคุณจริงๆ "
คุณพ่อกลับมาฟังแก้บาปอีกรอบ คนแล้วคนเล่า " พระบิดา ลูกหิวข้าวแล้ว " ทันใดก็มีคนเข้ามา
ในห้องแก้บาป แล้วบอกกับท่านว่า " ผมเอาแซนด์วิชมาให้คุณพ่อครับ "
" ขอบใจนะ " หลังจากนั้นท่านก็หิวน้ำ ท่านเอ่ยขอพระผู้เป็นเจ้า แล้วก็มีคนเอาน้ำมาให้คุณพ่อทันที...
ท่านเล่าว่า " ท่านได้รับพระหรรษาจากพระเจ้าจากที่นั่นเยอะเลย " มีวันหนึ่งท่านเดินตามถนน
และกล่าวว่า " พระเป็นเจ้าทรงแสดงเครื่องหมายให้ลูกมี พระแม่มารีย์ทรงแสดงเครื่องหมาย
ให้ลูกด้วย ลูกอยากได้สายสโตลาผืนหนึ่งที่ด้านหนึ่งเป็นสีเขียว และอีกด้านเป็นสีแดง และอีกผืน
มีรูปถ้วยกาลิกส์ " หลังจากที่คุณพ่อขอไปไม่นาน คุณพ่อเดินผ่านร้านอาหารและมีคนตะโกนออกมา
จากร้านว่า " คุณพ่อครับ คุณพ่อ " คุณพ่อหันไปมองแล้วถามว่า " เรียกเราเหรอ '
" ใช่ครับ " คุณพ่อไม่เคยเจอเขามาก่อน แต่คุณพ่อก็เดินไปหา
ชายคนนั้นพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า " คุณพ่อผมมีของขวัญจะให้ "
" ของขวัญให้พ่อเหรอ " ชายคนนั้นให้กล่องที่มีสายสโตลาอยู่ข้างใน ด้านหนึ่งเป็นสีเขียว ด้านหนึ่ง
เป็นสีแดง และอีกสายมีรูปถ้วย กาลิกส์ อยู่บนผ้ามีทุกอย่างตามที่คุณพ่อขอเลย...
คุณพ่อพูดกับพระแม่มารีย์ว่า " ว้าว " คุณพ่อไม่เชื่อเรื่องการประจักษ์ในเมืองเมดจูกอเรย์
ได้ยังงัยไม่อยากจะเชื่อ และพ่อก็ไปที่นั่นเพื่อรับเครื่องหมายอันมากมาย.....

✍️ พักเบรค : อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ ตอนที่ (9) (ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ม.ค. 22, 2022 11:40 pm

(หนังสือ) ✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (9)✍️ การผจญภัยของคุณพ่อมิเชล ในเมืองเมดจูกอเรย์
และ สารสำคัญของพระแม่มารีย์

เช้าวันหนึ่งคุณพ่อยืนอยู่ริมถนน มีรถขับมาจอดอยู่ข้างๅคุณพ่อมิเชล " มากับผม "
ชายคนนั้นพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส " วันนี้มีเรื่องให้ทำเยอะมาก แต่เราจะไปกินอาหารเช้า
กันก่อน " บาทหลวงคนนี้เป็นใคร " คุณพ่อมิเชลสงสัย แลัวเขารู้ได้อย่างไรว่าคุณพ่อพูด
ฝรั่งเศษได้ แล้วทำไมจู่ๆคุณพ่อก็ไปไหนมาไหนกับเขาทั้งวัน
ชายคนนั้น คือคุณพ่อสลักโว บาร์บาร์ริก พระสงฆ์คณะฟรังซิสกัน ที่ถูกส่งมาอยู่ที่
เมืองเมดจูกอเรย์ในปี ค.ศ 1983 เพื่อมาสืบค้นการประจักษ์ของพระแม่ที่นี่ ท่านเป็นผู้ที่มี
ความเชื่อแรงกล้าจนทำให้คุณพ่อเป็นวิญญาณารักษ์ให้กับผู้ที่เห็นนิมิตเมืองเมดจูกอเรย์ทั้ง
6 คนเป็นเวลาหลายปี คุณพ่อเสียชีวิตอย่างกระทันหันบนภูเขา Krizevac
ในเดือน พฤศจิกายน ค.ศ 2000 ขณะที่ท่านกำลังสวดภาวนาที่สถานมรรคาศักดิ์สิทธิ์
ท่านเป็นผู้ก่อบทสวดให้กับผู้แสวงบุญชาวเมือง เมดจูกอเรย์ หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตได้ไม่กี่วัน
พระแม่มารีย์ได้ตรัสกับผู้เห็นนิมิตชื่อ มารียา ว่าท่านสลักโว ได้อยู่กับท่านบนสรวงสวรรค์แล้ว...
คุณพ่อมิเชลไม่เคยพบคุณพ่อสลักโวมาก่อน คุณพ่อก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณพ่อสลักโวถึงรู้ว่าพ่อ
เป็นใคร และกำลังจะไปไหน คุณพ่อสลักโวพาคุณพ่อมิเชล ขับรถเล่นในเมืองเมดจูกอเรย์ แล้ว
อธิบายความสำคัญ และ ประวัติของสถานที่ต่างๆที่เกิดการประจักษ์ของพระแม่ คุณพ่อสลักโว
พาคุณพ่อมิเชลเข้ามาในห้องเก็บเอกสารใกล้กับโบสถ์ เซนต์เจมส์ เชิร์ช ในห้องเต็มไปด้วย
เอกสารกองเป็นตั้งๆที่มีแต่ข้อมูลแม่พระประจักษ์เมืองเมดจูกอเวย์ รวมทั้งบันทึกการเกิดอัศจรรย์
และสารจากพระแม่ เก็บไว้ในห้องนี้ด้วย...
คุณพ่อสลักโวพูด "ตามผมมา" แล้วท่านอธิบายถึงความลับของเมดจูกอเรย์ 10 ประการว่า
ถูกเขียนบนกระดาษหนังสัตว์ได้อย่างไร และพระแม่มารีย์ได้ขอให้ผู้เห็นนิมิตชื่อ เมอร์จานาให้เป็น
ผู้เลือกพระสงฆ์ ที่จะเป็นผู้ที่เปิดเผยความลับนี้ต่อทุกคนบนโลก และเธอก็เลือก คุณพ่อปีตาร์
ก่อนถึงวันที่เกิดการประจักษ์ครั้งแรก 10 วัน เมอร์จานาจะต้องมอบหนังสือให้คุณพ่อปีตาร์เป็น
คนแรกที่ได้เห็นและอ่านความลับประการแรกได้ พวกเขาแต่ละคนจะอดอาหาร และสวดภาวนา
เป็นเวลา 7วัน และช่วงเวลา 3 วัน ก่อนที่ความลับแรกจะปรากฏขึ้น คุณพ่อปีตาร์ จะเป็นผู้เปิดเผย
ต่อพระสันตะปาปา และทั่วโลก หลังจากนั้นคุณพ่อก็จะคืนหนังสือให้ เมอร์จานา แล้วเธอก็จะนำ
หนังสือมาให้คุณพ่อใหม่อีกครั้ง ก่อนที่ความลับครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นใน 10 วัน " พระเป็นเจ้าทรง
รับประกันว่าทุกคนทั่วโลกจะได้รับสารนี้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง "...หนังสือนี้มาจากสวรรค์ หนังสือ
เล่มนี้ได้นำไปให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและวิเคราะห์มาแล้ว พวกเขาบอกว่าวัสดุของหนังสือไม่เคย
ปรากฏที่ไหนบนโลก
คุณพ่อสลักโวพูดกับพ่อมิเชลว่า " คุณพ่อนำสารมาให้เราใช่ไหม " สวรรค์ได้มอบสารให้
คุณพ่อมิเชลสำหรับวัดน้อย ในเมดจูกอเรย์โดยเฉพาะ คุณพ่อมิเชลเล่าสารที่ได้รับมาให้คุณพ่อสลักโว
จดบันทึก.....
คุณพ่อมิเชลก้าวเดินไปยังห้องประจักษ์ ซึ่งมีกลุ่มคนเล็กๆรวมตัวกัน และมีผู้เห็นนิมิต 6 คน
สวดภาวนารอการประจักษ์ของพระแม่มารีย์ เมื่อพระแม่ปรากฏ ผู้เห็นนิมิตทั้งหมดก็มองไปที่พระแม่
และเริ่มส่งเสียงพูดคุยและรับฟังพระแม่ ความเจ็บปวด แสงจากพื้นดิน และสิ่งต่างๆบนโลก เหมือน
ดับหายไป และในตอนนั้นพ่อมิเชลเห็นรูปร่างของพระแม่ตั้งแต่เริ่มปรากฏจนหายไป...
ในปี ค.ศ.1922 เกิดสงครามบอสเนีย เมืองเมคจูกอเรย์ได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์
ประเทศเซอร์ เบีย ได้ปล่อยเครื่องบินทิ้งระเบิดให้ระเบิดที่โบสถ์เซนต์เจมส์ในเมืองเมดจูกอเรย์
ขณะที่นักบินขับเครื่องบินเข้าใกล้เป้าหมาย อยู่ดีๆก็มีเมฆกลุ่มใหญ่ลอยมาบดบังโบสถ์ เอาไว้ทำ
ให้นักบินมองไม่เห็น แต่พวกเขาก็ยังจะทิ้งระเบิด แต่ระเบิดลูกนั้นกลับไม่ระเบิด และโบสถ์เซนต์เจมส์
ก็ไม่ได้รับความเสียหายอย่างน่าอัศจรรย์ ❤️😀

✍️ พักเบรค : อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ ตอนที่(10) (ไว้เจอกันใหม่)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ม.ค. 22, 2022 11:47 pm

(หนังสือ) ✍️ สารจากพระบิดา ถึง คุณพ่อมิเชล โรดริกย์

ตอนที่ (10) ✍️ แม่พระทรงเรียกอัครสาวกแห่งยุคสุดท้ายแล้ว

สารจากพระบิดาถึงคุณพ่อมิเชล
ลูกๆชายหญิงที่รักของเรา
เวลานั้นกำลังจะมาถึง และพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระบุตรผู้ทรงชีวิตจะประจักษ์แก่
มวลมนุษยชาติ คำภาวนา ของลูกๆ มีค่าและการพลีกรรมของลูกๆ จะบรรเทาความเจ็บปวด
ที่พวยพุ่งจากวิญญาณผู้ชอบธรรมมาหาเรา จงรับฟังและได้ยินเสียงร้องของผู้ที่ถูกฆ่า
ในครรภ์ของมารดา และผู้ที่ถูกฆ่า และถูกสังเวยเพราะอำนาจของเงินตราและ อำนาจแห่ง
ความมืด ความสุขจงมีแต่ผู้ที่มาชุมนุมกัน ณ ที่นี้ในพระนามของพระเยซูเจ้า พระบุตรสุด
ที่รักของเรา ผู้รับใช้ของเราจงฟัง และรู้ถึงพระประสงค์ของเรา จะไม่มีผมบนศีรษะสักเส้น
หากปราศจากพระประสงค์ของเรา ลูกจะได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบุตรส่องแสงอยู่บน
ท้องฟ้า และแสงสว่างของพระจิตเจ้าบนแผ่นดิน ซึ่งจะเผยให้เห็นสถานะวิญญาณของทุกคน
ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน การลงทัณฑ์จะตามมา หากมนุษยชาติยังคงดื้อดึงอยู่ในบาป
มารีย์ ลูกสาวของเราได้เรียกอัครสาวกสมัยสุดท้ายแล้ว (หมายเหตุ : คุณพ่อมิเชลยัง
ได้ยินอัครเทวดามีคาแอลเรียกร้องให้พระศาสนจักรอธิฐานภาวนาพร้อมกับพระมารดา
ของพระเจ้า เพื่อให้มีอัครสาวก ในยุคสุดท้ายเพิ่มขึ้น ! ดังนั้นคุณพ่อมิเชลจึงไม่ใช่ผู้เดียวที่
ถูกเรียกให้เป็นพยานใน " เวลาสิ้นยุค ") จงฟังเสียงของเราจากเสียงของพระมารดาของลูก
พระมารดาของพระบุตรสุดที่รักของเรา และจงพร้อมที่จะตอบรับเสียงเรียกของพระนาง
พระนางคือหีบพันธสัญญาใหม่ เสาเพลิงในเวลากลางคืน และน้ำค้างสดชื่นยามเช้าในเวลา
กลางวัน และพระเยซูเจ้าพระบุตรของเรา คือ ก้อนหิน ที่จะเปิดรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ที่พระสีข้าง
ของพระองค์ออก เพื่อปกป้องลูกจากศัตรูร้ายในยุคสุดท้าย จงรับพระเมตตาของพระองค์
และดื่มน้ำแห่งความรอด...
เราขอให้ลูกทำทุกอย่างเท่าที่ลูกจะทำได้เพื่อช่วยมิเชลในการสร้างอารามที่จะเตรียม
พระสงฆ์ที่ตระหนักรู้เรื่องยุคสุดท้ายนี้ และตอบสนองต่อเสียงเรียกของมารีย์ลูกสาวของเรา
ตอนนี้กลุ่มของบรรดานักบุญต่างพากันมายังโลกพร้อมกับมารีย์ลูกสาวของเรา และอันนา
ยายของลูก เพื่อช่วยลูกอ้อนวอนขอให้พระบุตรร้องขอต่อเรา เราจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่พระบุตร
ขอจากเรา เพราะพระบุตรและเราเป็นหนึ่งเดียวกัน...
จงฟังเสียงของเรา จงเตรียมพร้อม พระสงฆ์จากอารามเซนต์ เบเนดิกต์ โยเซฟ ลาแบร์ นี้
จะคอยช่วยเหลือและรับใช้ผู้เหลือรอดที่จะออกมาจากที่หลบภัยของเรา เราจะทวีกระแสเรียก
การเป็นพระสงฆ์ สำหรับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของเรา ในไม่ช้าบรรดาฑูตสวรรค์ของเรา จะทำให้
พระประสงค์ของเราสำหรับลูก และโลกสำเร็จไป ลูกจงติดตามแสงสว่างที่อยู่ต่อหน้าลูก
พวกเขาคือฑูตสวรรค์ของเรา ! ความรักของเราต่อลูกได้ส่งผ่านทางดวงหฤทัยของพระบุตร
สุดที่รักของเรา และผ่านลมหายใจของพระจิตเจ้า... เราอวยพรลูก !
พระบิดาของลูก....
คุณพ่อมิเชล พูดถึงการสร้างอารามทั้งสองหลังที่พระบิดาให้สร้างอารามคณะภราดร
แห่งธรรมฑูต นักบุญ โยเซฟ เบเนดิกต์ ลาแบร์ ในสังฆมณฑลอาโมส เมืองควีเบค ประเทศ
แคนาดา
เจ็ดปีที่แล้ว คุณพ่อมิเชลได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ให้เป็นผู้ที่ก่อตั้งคณะสงฆ์ใหม่นี้
พระเป็นเจ้าให้เวลาคุณพ่อ 5 ปี สร้างอาราม หลังจากครบ 5 ปี คุณพ่อต้องดูแลเขตวัด 3 เขต
และต้องดูแลทั้งสังฆมณฑลอาโมสคุณพ่ออยู่คนเดียว ไม่มีใครช่วยเมื่อคุณพ่อได้รับมอบหมาย
หน้าที่ใหม่ ที่ต้องดูแลเขตวัดเพิ่มอีก 3 เขต และสร้างอารามแห่งใหม่ ทางสังฆมณฑลต้อง
ใช้พระสงฆ์ถึง 6 องค์เพื่อทำงานแทนคุณพ่อ คุณพ่อบอกกับพระบิดาในเวลานั้นว่า
" ลูกอยู่ในปีที่ 5 แล้ว แต่ลูกยังไม่ได้ทำอะไรเลย ลูกรู้สึกผิด "
พระองค์ตรัสตอบว่า " เราจะให้เวลาลูกอีกหนึ่งปี "
คุณพ่อตอบพระองค์ว่า "พระบิดา พระองค์ทรงยอดเยี่ยมมาก "
พระองค์ตรัสตอบว่า "แต่ปีนี้จะต้องเป็นปีแห่งพระเมตตา"
คุณพ่อไปหาพระสังฆราชและพูดว่า " พระบิดาบอกกับผม พระองค์จะต่อเวลาของผม และ
พระคุณเจ้าต้องให้ผมพ้นหน้าที่ในการดูแล สังฆมณฑลอาโมส และวัดที่ผมดูแลอยู่
และผมจะต้องรับงานใหม่ "
พระสังฆราชตอบว่า " ตกลง และพระองค์ตรัสว่าอะไร ? "
คุณพ่อตอบว่า " พระองค์ตรัสว่าพวกเราจะมีปีแห่งพระเมตตา "
พระสังฆราชพูดว่า " เป็นไปไม่ได้เราเพิ่งปิดปีศักดิ์สิทธิ์ ของนักบุญเปาโล พระสันตะปาปา
จะไม่ประกาศเปิดปีศักดิ์สิทธิ์อีกเป็นแน่ "
คุณพ่อบอกกับพระสังฆราชว่า " เราจะมีปีศักดิ์สิทธิ์แน่นอน " และหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนครึ่ง
ก็มีประกาศปีแห่งพระเมตตา...

✍️ พักเบรค : อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ ตอนที่(11) (ไว้เจอกันใหม่)
ตอบกลับโพส