“ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน” ( ตอนที่ 16-30 )
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 25, 2022 9:59 pm
"ด้วยดวงใจอันเร่าร้อน" ตอนที่ ( 16 )
โดย เฮนรี่ เจ. เอ็ม. นูเวน, แปลและเรียบเรียงโดย มงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์
การหยั่งรู้ถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า " นี่คือพระวาจาของพระเจ้า "
ขณะที่พระเยซูคริสต์ร่วมเดินทางกับพวกเราบนถนน และอธิบายพระคัมภีร์ให้แก่พวกเรา
พวกเราต้องฟังพระองค์ด้วยชีวิตจิตใจทั้งครบ ไว้วางใจว่า พระวาจานั้นเนรมิตชีวิตใหม่ และ
เยียวยารักษาชีวิตของพวกเรา พระเจ้าปรารถนาที่จะประทับอยู่กับพวกเรา และต้องการจะแปร
เปลี่ยนหัวใจของพวกเราที่ระแวงหวาดกลัวออกไปอย่างถอนรากถอนโคน.....
พระวาจาในการถวายบูชาขอบพระคุณทำให้พวกเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
แห่งความรอดอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา เหตุการณ์ในชีวิตของพวกเราเพียง เล็ก ๆ น้อย ๆ ถูกยก
ระดับขึ้นให้เข้าไปสู่เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และที่นั่นแหละพวกเราถูกจัดให้อยู่ในที่พิเศษ
เฉพาะจริง ๆ พระวาจายกระดับชีวิตของพวกเราให้สูงขึ้น ทำให้พวกเราเห็นชีวิตประจำวัน ชีวิต
ธรรมดา ๆ ที่เรียบง่ายเป็นชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีบทบาทสำคัญมากทีเดียว ที่จะทำให้พระสัญญา
ของพระเจ้าสำเร็จบริบูรณ์ พระวาจาของพระเจ้าที่ถูกบันทึก และถูกประกาศนั้น ทำให้พวกเรา
สามารถกล่าวพร้อมกับพระมารดามารีย์ว่า " พระ องค์ทรงดูแลห่วงใยฐานะอันต่ำต้อยแห่งข้ารับ
ใช้ของพระองค์ ใช่แล้วแต่นี้คนทุกยุค ทุกสมัยจะเรียกข้าพเจ้าว่า ผู้มีบุญ เพราะว่าพระผู้ทรงฤทธิ์
ได้ทรงทำสิ่งมหัศจรรย์กับข้าพเจ้า.... พระองค์ทรงเมตตากรุณาต่ออับราฮัม และลูกหลานพงศ์พันธุ์
ของท่านสืบไปเป็นนิตย์ "....
ณ ตรงนี้ พวกเราต้องเข้าใจและมองให้เห็นว่า การถวายบูชาขอบพระคุณ ที่พวกเราถวาย
หรือร่วมถวายนั้น เป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเรียกพวกเราให้เจริญชีวิตแห่งศีลมหาสนิท ชีวิตซึ่ง
มีความสำนึกอย่างต่อเนื่องในบทบาทของพวกเรากับเหตุการณ์ศักดิ์สิทธิ์ แห่งการประทับอยู่ของ
พระเจ้าเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ โดยผ่านทางบุคคลทุกยุคทุกสมัย การประจญล่อลวงตัวร้ายในชีวิต
พวกเรา คือ การปฏิเสธบทบาท หน้าที่ของพวกเราเองในฐานะที่เป็นประชากร ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร
อันนี้แหละ คือ กับดัก ที่ทำให้ตัวของพวกเราเองต้องตกอยู่ในสภาพแห่งความกังวลและเป็นทุกข์
ตลอดเวลาในชีวิตประจำวันของพวกเรา ถ้าหากปราศจากพระวาจาของพระเจ้าที่ชุบชูชีวิตพวกเรา
ให้สูงขึ้น ในฐานะประชากรที่ได้รับเลือกสรร พวกเราก็คงจะเป็นประชากรที่ไร้คุณค่า ติดอยู่กับบ่วง
แห่งการเป็นคนขี้บ่น ....
ถ้าหากปราศจากพระวาจาของพระเจ้าที่ทำให้หัวใจของพวกเราเร่าร้อน พวกเราก็คงจะทำอะไร
ไม่ได้เลยนอกจากเดินคอตกกลับบ้าน....
หากปราศจากพระวาจาของพระเจ้าพวกเราก็คงเป็น เพียงแค่บุคคลที่มีค่าเล็กน้อย...
ถ้าปราศจากพระวาจาของพระเจ้าซึ่งเป็นข่าวประเสริฐ พวกเราอาจจะได้รับข่าวคราวในท้องถิ่น
หรือในระดับชาติตามหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งก็คงมีอยู่แค่วัน หรือ สองวัน แต่จะไม่มีคนในยุคใด สมัย
ใดเลยที่จะเรียกเราว่า ผู้มีบุญ -ผู้ผาสุข ข่าวคราวที่พวกเราได้ยินอาจจะดับพลังจิตภายใน และทำให้
พวกเราตกเป็นเหยื่อแห่งความขมขื่น และ ความขุ่นข้องหมองใจ และเศร้าสร้อยเหมือนเดิม.....
พวกเราจำเป็นต้องได้รับพระวาจาของพระเจ้าทั้งโดยการสนทนา หรือการธิบายจากผู้หนึ่งผู้ใด
และร่วมเดินทางบนถนนเพื่อทำให้การประทับอยู่ของพระองค์ กับพวกเราได้เป็นที่รับรู้กัน.....
โปรดติดตาม ตอนที่ (17) ในวันต่อไป
โดย เฮนรี่ เจ. เอ็ม. นูเวน, แปลและเรียบเรียงโดย มงซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์
การหยั่งรู้ถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า " นี่คือพระวาจาของพระเจ้า "
ขณะที่พระเยซูคริสต์ร่วมเดินทางกับพวกเราบนถนน และอธิบายพระคัมภีร์ให้แก่พวกเรา
พวกเราต้องฟังพระองค์ด้วยชีวิตจิตใจทั้งครบ ไว้วางใจว่า พระวาจานั้นเนรมิตชีวิตใหม่ และ
เยียวยารักษาชีวิตของพวกเรา พระเจ้าปรารถนาที่จะประทับอยู่กับพวกเรา และต้องการจะแปร
เปลี่ยนหัวใจของพวกเราที่ระแวงหวาดกลัวออกไปอย่างถอนรากถอนโคน.....
พระวาจาในการถวายบูชาขอบพระคุณทำให้พวกเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
แห่งความรอดอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา เหตุการณ์ในชีวิตของพวกเราเพียง เล็ก ๆ น้อย ๆ ถูกยก
ระดับขึ้นให้เข้าไปสู่เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และที่นั่นแหละพวกเราถูกจัดให้อยู่ในที่พิเศษ
เฉพาะจริง ๆ พระวาจายกระดับชีวิตของพวกเราให้สูงขึ้น ทำให้พวกเราเห็นชีวิตประจำวัน ชีวิต
ธรรมดา ๆ ที่เรียบง่ายเป็นชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีบทบาทสำคัญมากทีเดียว ที่จะทำให้พระสัญญา
ของพระเจ้าสำเร็จบริบูรณ์ พระวาจาของพระเจ้าที่ถูกบันทึก และถูกประกาศนั้น ทำให้พวกเรา
สามารถกล่าวพร้อมกับพระมารดามารีย์ว่า " พระ องค์ทรงดูแลห่วงใยฐานะอันต่ำต้อยแห่งข้ารับ
ใช้ของพระองค์ ใช่แล้วแต่นี้คนทุกยุค ทุกสมัยจะเรียกข้าพเจ้าว่า ผู้มีบุญ เพราะว่าพระผู้ทรงฤทธิ์
ได้ทรงทำสิ่งมหัศจรรย์กับข้าพเจ้า.... พระองค์ทรงเมตตากรุณาต่ออับราฮัม และลูกหลานพงศ์พันธุ์
ของท่านสืบไปเป็นนิตย์ "....
ณ ตรงนี้ พวกเราต้องเข้าใจและมองให้เห็นว่า การถวายบูชาขอบพระคุณ ที่พวกเราถวาย
หรือร่วมถวายนั้น เป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเรียกพวกเราให้เจริญชีวิตแห่งศีลมหาสนิท ชีวิตซึ่ง
มีความสำนึกอย่างต่อเนื่องในบทบาทของพวกเรากับเหตุการณ์ศักดิ์สิทธิ์ แห่งการประทับอยู่ของ
พระเจ้าเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ โดยผ่านทางบุคคลทุกยุคทุกสมัย การประจญล่อลวงตัวร้ายในชีวิต
พวกเรา คือ การปฏิเสธบทบาท หน้าที่ของพวกเราเองในฐานะที่เป็นประชากร ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร
อันนี้แหละ คือ กับดัก ที่ทำให้ตัวของพวกเราเองต้องตกอยู่ในสภาพแห่งความกังวลและเป็นทุกข์
ตลอดเวลาในชีวิตประจำวันของพวกเรา ถ้าหากปราศจากพระวาจาของพระเจ้าที่ชุบชูชีวิตพวกเรา
ให้สูงขึ้น ในฐานะประชากรที่ได้รับเลือกสรร พวกเราก็คงจะเป็นประชากรที่ไร้คุณค่า ติดอยู่กับบ่วง
แห่งการเป็นคนขี้บ่น ....
ถ้าหากปราศจากพระวาจาของพระเจ้าที่ทำให้หัวใจของพวกเราเร่าร้อน พวกเราก็คงจะทำอะไร
ไม่ได้เลยนอกจากเดินคอตกกลับบ้าน....
หากปราศจากพระวาจาของพระเจ้าพวกเราก็คงเป็น เพียงแค่บุคคลที่มีค่าเล็กน้อย...
ถ้าปราศจากพระวาจาของพระเจ้าซึ่งเป็นข่าวประเสริฐ พวกเราอาจจะได้รับข่าวคราวในท้องถิ่น
หรือในระดับชาติตามหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งก็คงมีอยู่แค่วัน หรือ สองวัน แต่จะไม่มีคนในยุคใด สมัย
ใดเลยที่จะเรียกเราว่า ผู้มีบุญ -ผู้ผาสุข ข่าวคราวที่พวกเราได้ยินอาจจะดับพลังจิตภายใน และทำให้
พวกเราตกเป็นเหยื่อแห่งความขมขื่น และ ความขุ่นข้องหมองใจ และเศร้าสร้อยเหมือนเดิม.....
พวกเราจำเป็นต้องได้รับพระวาจาของพระเจ้าทั้งโดยการสนทนา หรือการธิบายจากผู้หนึ่งผู้ใด
และร่วมเดินทางบนถนนเพื่อทำให้การประทับอยู่ของพระองค์ กับพวกเราได้เป็นที่รับรู้กัน.....
โปรดติดตาม ตอนที่ (17) ในวันต่อไป