(1)“ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส พยากรณ์ (ตอน1-15)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 8:14 pm

หนังสือ"ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ"
โดย คุณสนธิ สารธรรม เนื้อหาทั้งหมด 60 ตอน

ตอนที่( 1-15 )

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (1)👈

🔥--- ประวัติย่อ ---🔥
สนธิ สารธรรม เกิดที่กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2480 ได้รับการศึกษาชั้นมัธยมที่
โรงเรียนดรุณานุเคราะห์ บางนกแขวก สมุทรสงคราม เข้าศึกษาขั้นอุดมศึกษา ณ ซานจูลีอาโนคอลเลจ
เวโรนา อิตาลี โดยได้ทุนจาก โรงพยาบาลคามิลเลียน ซอยทองหล่อ ศึกษาคณะศาสนศาสตร์เมเจอร์
ทางพระคริสตคัมภีร์และทางภาษา ภาษานั้นศึกษาทั้งภาษาลาติน สเปน และฝรั่งเศส เมื่อจบ 4 ปี จาก
อิตาลีแล้ว ได้ไปศึกษาภาษาสเปนอีก หนึ่งปีครึ่ง ณ กรุงมาดริด สเปน พอกลับถึงเมืองไทย เพื่อนสนิทซึ่ง
ทำงานที่บริษัทสายการบินแนะนำให้ทำงานเป็นมัคคุเทศก์ที่ บริษัท World Travel Service ของคุณกุศะ
ปันยารชุน ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดขณะนั้น กำลังต้องการคนพูดภาษาอิตาลี และภาษาสเปนพอดี
ทำงานเป็นมัคคุเทศก์ 3 ภาษาอยู่ 14 ปี ได้รู้จักพ่อค้าเพชรพลอยชาวอิตาเลียน และสเปนหลายคน จึงได้ออกมา
ทำการค้าเกี่ยวกับเพชรพลอย โดยร่วมงานแสดงสินค้าในยุโรปหลายปี แต่ไม่มีนิสัยพ่อค้า จึงคิดจัดทัวร์แสวงบุญ
สำหรับชาวคาทอลิก ซึ่งมักนิยมไปคารวะสถานที่สำคัญทางศาสนาในยุโรปและอิสราเอล อันเป็นงานที่ถนัด
และให้ผลทางใจมากกว่า ช่วงที่อิรักบุกยึดคูเวต ทัวร์ที่กำหนดจะไปอิสราเอลมีอันต้องล้มเลิก ใช้เวลาว่างอ่าน
เรื่องราวการทำนายของ นอสตราดามุส ภาษาไทยโดยใช้ต้นฉบับภาษาอังกฤษ รู้สึกทึ่งในอัจฉริยภาพของ
นอสตราดามุส จึงเกิดความคิดว่า น่าจะใช้ต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสจะได้อรรถรสที่ดีกว่า จึงได้ขอให้เพื่อนชาว
อิตาเลียนซื้อส่งมาให้ ทำให้ได้ต้นฉบับเป็นภาษาฝรั่งเศสและอิตาเลียน นับเป็นงานที่ท้าทาย เพราะเป็นเจตนา
ของนอสตราดามุส ที่จะหลบๆ หลีกๆ กรมการศาสนา จึงมักใช้ศัพท์กำกวม เฉไฉ และเข้าใจยากเป็นประจำ
โดยมากใช้ภาษาฝรั่งเศสปะปนกับภาษาลาติน กรีก สเปน และอิตาเลียน ผู้เขียนสารภาพว่า ภาษาโคลงกลอน
ของนอสตราดามุส ไม่ใช่กล้วยเหมือนภาษาตอนนำเที่ยว แต่ถือเป็นงานเขียนชิ้นแรก จึงพยายามกัดฟัน และ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื้อหาอันซ่อนเร้นแห่งอนาคตมันเร้าใจให้ติดตาม เพราะศรัทธาในตัวเขาผู้มีพรสวรรค์ที่
จะบอกอนาคตให้รู้ล่วงหน้า เช่นว่า อะไรจะเกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือ ใครคือผู้จุดชนวนสงครามล้างโลก

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 03, 2023 9:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 4 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 8:28 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (2)👈

🔥--- คำนำของผู้เขียน ---🔥
          เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ "คำทำนายของนอสตราดามุส" ฉบับภาษาไทยที่เขียนโดย
ใช้ต้นฉบับภาษาอังกฤษ รู้สึกทึ่งในอัจฉริยะภาพของเขา ในการทำนายเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งได้เป็นอดีต
ของพวกเราไปแล้วได้อย่างแม่นยำ ครั้งเกิดวิกฤติการณ์อ่าวเปอร์เซีย จึงเกิดอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาว่า
เขาได้ทำนายเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้ด้วยหรือเปล่า จึงได้ขอให้เพื่อนชาวอิตาเลียนช่วยซื้อต้นฉบับส่งมาให้
แล้วผู้เขียนก็ได้รับหนังสือ "คำทำนายของนอสตราดามุส" ฉบับสมบูรณ์ที่มีโคลงของเขาเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศส
และมีคำแปลเป็นภาษาอิตาเลียน พร้อมบทวิเคราะห์ด้วย การได้อ่านจากต้นฉบับเช่นนี้ ทำให้ได้อรรถรสที่ดีกว่า
มากทั้งในเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว และเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่กำลังเกิด
ในปัจบันนี้ด้วย เขาก็ได้ทำนายเมื่อ 400 กว่าปีมาแล้วอย่างถูกต้องจนเหลือเชื่อ เช่น เขาทำนายว่า สองอภิมหา
อำนาจจะกลับเป็นมิตรกัน (ธันวาคม 1989) รัฐเล็ก ๆ ทางตะวันตก (ลิทัวเนีย) ของโซเวียตจะแข็งข้อและจะ
ประกาศอิสรภาพ (11 มี.ค. 1990) ลัทธิคอมมิวนิสต์จะเสื่อมความนิยมในยุโรปตะวันออกก่อน แล้วสหภาพโซเวียต
ผู้เป็นแม่บทคอมมิวนิสต์ก็จะถึงกาลอวสานหลังจากการสถาปนามา 73 ปี 7 เดือน นั่นก็คือ ในเดือนมิถุนายน 1991
(ขณะที่เขียนนี้เป็นวันที่ 1 พ.ค. 1991) อเมริกาจะคุกคามเอเชียและร่วมกับพันธมิตรลงแขกอิรัก นอกจากนี้แล้ว
เขายังทำนายในอนาคตอันใกล้ ชาวมุสลิมจะบุกตะลุยยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 1999 ขณะที่สงครามได้เริ่ม
มาแล้วและมีต่อไปอย่างรุนแรงสุดขีด จะมีจอมมหากาฬทะยานจากฟากฟ้า Du ciel viendra un grand Roy
d' effrayeur จะมาปลุกวิญญาณจอมราชันแห่งมองโกลให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้นอสตราดามุสยัง
เผยโฉม ผู้ทำลายโลก (Antichrist) หรือปรปักษ์พระคริสต์ว่าเป็นใคร มาจากไหน ส่วนวันเดือนปีเกิดของ
Antichrist นั้น ผู้เขียนขอประยุกต์เข้ากับภาพนิมิตของนางจีน ดิกสัน และจากการทำนายของนักบุญบางท่าน
ผนวกกับการตีความของผู้เขียนเองจากคำโคลงของนอสตราดามุสบางบท จึงพร้อมที่รับการทักท้วง
แรกทีเดียว ผู้เขียนไม่ได้รับความกระจ่างจากฉบับภาษาไทยว่า นอสตราดามุสใช้วิธีใดในการทำนาย
จะใช้วิชาเร้นลับแห่งการเพ่งกสิณหรืออนาคตังสญาณ หรือใช้เวทมนตร์อาศัยภูตผีปีศาจกันแน่ ที่สุด เมื่อผู้เขียน
ได้อ่านต้นฉบับภาคสมบูรณ์ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสและภาษาอิตาเลียน ก็โล่งใจระคนปีติ เพราะพบคำตอบตั้งแต่
ในคำโคลง 2 บทแรกของเขา คำตอบก็คือ เขาสามารถทำนายเหตุการณ์โดยการดลใจจากเบื้องบน จากพระเจ้า
นั่นเอง เขาเรียกสิ่งนี้ว่า พรพิเศษ (charisma) ซึ่งพระเจ้าประทานให้แก่เขา เขาพยายามเตือนลูกชายที่ชื่อ ซีซาร์
ว่าอย่าพยายามแสวงหาความรู้ในการทำนายโดยทางอื่นเลย เช่น ในทางไสยศาสตร์ เพราะมันจะนำความเสื่อม
เสียมาให้ พระพรนี้คือ พรสวรรค์ ซึ่งพระเจ้าเลือกมอบให้เฉพาะบางคนเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้เขียนก็เกิดมีแรงบันดาลใจขึ้นมาอย่างประหลาด เพราะเห็นว่าคำทำนายนี้มิใช่ได้มาอาศัย
คาถาอาคมอย่างที่หวั่นในตอนแรก จึงอยากจะถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ชาวคาทอลิกด้วยกันจะได้รับรู้เหตุการณ์อัน
อาจเกิดขึ้น เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญกับเหตุการณ์ หากบางคนได้เดินนอกลู่นอกทาง หรือมีจิตใจห่างเหิน
ไปจากพระจะได้กลับอกกลับใจเสียใหม่ และโดยที่คำทำนายของนอสตราดามุสมักจะพาดพิงถึงศาสนาคริสต์
คาทอลิก จึงใคร่จะแนะนำศัพท์ทางศาสนา หรือความรู้ทางศาสนาคาทอลิกเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการประดับความรู้
สำหรับผู้ที่มิใช่ชาวคาทอลิกด้วย
ในศตวรรษที่ 10 สมัยของนอสตราดามุสนั้น พระศาสนจักรคาทอลิกเข้มงวดกวดขันในเรื่องพ่อมดหมอผี
มาก ทั้ง ๆ ที่เขาได้รับพระพรในการทำนายนี้จากพระเจ้า แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้เจ้าหน้าที่ของกรมการศาสนา
(ศาลศาสนา) ยอมรับได้ เขาจึงใช้วิธีเขียนแบบกำกวม ใช้ศัพท์แปลก ๆ ยาก ๆ โบราณ ๆ ผสมกันหลาย ๆ ภาษา
ทั้ง กรีก ลาติน สเปน และอิตาเลียน รวมทั้งภาษาท้องถิ่นด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ งงงวย แล้วก็
จับผิดเขาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ งานเขียนของนอสตราดามุสจึงยังเป็นปริศนาที่จะต้องวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์กัน
ไม่รู้จักจบจักสิ้นว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า แต่ละคำโคลง ผู้เขียนจะพยายามวิเคราะห์เท่า
ที่จะค้นคว้าหาข้อมูลมาได้ แต่ก็มีหลายคำโคลงที่ปล่อยว่างไว้ ด้วยเหตุสองประการคือ ประการแรก ชัดแจ้งอยู่แล้ว
ประการที่สอง ไม่อยากวิเคราะห์ แต่อยากให้ผู้อ่านวิเคราะห์เอง นอกจากนี้ ยังมีคำโคลงบางบทยังต้องใช้เวลา
ค้นคว้าอีกระยะหนึ่ง คิดว่าคงจะสามารถไขปริศนาบางเรื่องได้ในไม่ช้า เช่น คำ MABUS ALUS D.M. LORENA
อาจเป็นชื่อของ Antichrist ซึ่งผู้เขียนได้บอกรูปพรรณสัณฐานไว้แล้วก็เป็นได้ คงจะต้องรออีกระยะหนึ่ง ตอนนี้
เป็นการเสนอประเด็นที่น่าสนใจ รีบด่วนและทันกับเหตุการณ์ก่อน หวังว่าคงจะได้รับใช้ท่านผู้อ่านในโอกาสต่อไป
ผู้เขียนมิใช่เป็นนักเขียนอาชีพ เป็นแค่นักเขียนสมัครเล่น งานนี้เป็นงานเขียนชิ้นแรก จึงพร้อมที่จะน้อมรับคำ
ติชมจากท่านผู้อ่านด้วยใจกตัญญู นอกจากนี้ยังขอขอบพระคุณ "บางท่าน" ผู้ขอสงวนนาม ที่ได้ให้คำปรึกษาแนะนำ
ทางเนื้อหาและภาษา และผู้ที่จะอดกล่าวเสียมิได้เลย คือ คู่ชีวิตของผู้เขียนเองซึ่งได้ให้กำลังใจมาตลอด และช่วย
ขัดเกลาสำนวนภาษาไทย เพราะถึงแม้มิใช่นักเขียนอาชีพ แต่ก็มีชั่วโมงบินมากกว่า และดังพอสมควรมาแล้วใน
วงการคาทอลิกในนามปากกา "กะเหรี่ยงราชบุรี"
ยังต้องขอขอบคุณนิตยสาร Time ที่ได้เอื้อเฟื้อภาพข่าวเป็นจำนวนมากมา ณ ที่นี้ ด้วย
ท้ายสุด ขอพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุด ทรงอวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข หากมีความทุกข์มาเยือนท่าน
ก็ขอให้พระองค์ทรงขจัดปัดเป่าให้หมดสิ้นเทอญ
สนธิ สารธรรม
15 กันยายน 1991
ฉลองแม่พระมหาทุกข์

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 8:39 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (3)👈

🔥--- ประวัตินอสตราดามุส [A] ---🔥
          ณ ทางเข้าเมืองซาลอง แคว้นโปรวองซ์ ภาคใต้ของฝรั่งเศส มีแผ่นป้ายใหญ่เขียนว่า "ซาลอง เมือง
ของนอสเตอร์ดัม - พิพิธภัณฑ์ - โบสถ์ - อนุสาวรีย์" นักท่องเที่ยวไม่สนใจมักจะเร่งความเร็วรถยนต์ผ่านไป
ทั้ง ๆ ที่มีป้ายกำหนดความเร็วแค่ 50 กม. ต่อชั่วโมง มีน้อยคนนักที่ตั้งใจมาเที่ยวในเมืองเล็ก ๆ นี้ ซาลอง
เป็นเมืองเก่า ถนนหนทางคับแคบ แต่ที่นั่นมีบ้านของ "นอสตราดามุส" นักพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่ เขานิยมที่จะ
ใช้ชื่อ "นอสตราดามุส" อันเป็นการเขียนแบบละตินมากกว่าแบบฝรั่งเศส เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้
เป็นเวลานานจนกระทั่งสิ้นชีวิต
คนส่วนมากรู้จักนอสตราดามุสในฐานะนักพยากรณ์ และไม่สนใจมากไปกว่านั้น จริง ๆ แล้ว เขายัง
เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอาวีญอง และ มงเปอลีเย มีชื่อเสียงทั่วฝรั่งเศส
ในฐานะแพทย์รักษากาฬโรค เป็นที่ปรึกษาของพระราชินีแห่งฝรั่งเศส นักปรัชญา ผู้เชี่ยวชาญทางอาหาร
และยา คำพยากรณ์ของเขาทำให้โลกหวั่นไหว หนังสือของเขาได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1568
หลังการตายของเขา 2 ปี ก่อนหน้านั้น แพร่หลายโดยการคัดลอกกันต่อ ๆ ไป
ชาติตระกูลและภูมิหลังของนอสตราดามุสน่าสนใจ มีตำนาน คำบอกเล่าเกี่ยวกับตัวเขามากมาย มิเชล
นอสตราดามุส เกิดที่เมือง แซงต์ เรมี เดอโปรอองซ์ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ.1503 ตามปฏิทินจูเลียน ซึ่ง
จะตรงกับวันที่ 23 ธันวาคม ตามปฏิทินเกรโกเรียนที่ใช้กันปัจจุบัน เกรโกรี คือ พระนามของพระสันตะปาปา
เกรโกรีที่ 13 สืบตำแหน่งจากนักบุญเปโตร อัครสาวก ผู้เป็นสันตะปาปาองค์แรกของพระศาสนจักรคาทอลิก
พระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 13 เป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 226 พระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน คือ พระสันตะปาปา
จอห์น พอลที่ 2 ทรงเป็นสันตะปาปาองค์ที่ 264
นอสตราดามุสเชื้อสายยิว จากตระกูลอิสสัคคาร์ (ISSACHAR) หนึ่งในสิบสองตระกูลของชนชาติอิสราเอล
ตระกูลนี้มีความเชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์โบราณ สามารถแปลความหมายของปรากฏการณ์ที่ปรากฏบนท้องฟ้า
การโคจรของดวงดาว ดวงจันทร์ เล่ากันว่า บรรพบุรุษของนอสตราดามุสอพยพจากอิตาลี มาตั้งรกรากอยู่ที่เมือง
แซงต์เรมี ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 15 เมือง แซงค์เรมี ยังเป็นบ้านเกิดของกวีคนสำคัญชื่อ เฟดเดอริก มิสทรัล
และนักดนตรีผู้โด่งดังคือ ชาร์ล กูโนต์
สถานภาพของชาวยิวในยุโรปค่อนข้างลำบาก ถูกกีดกันอาชีพ ชาวยิวไม่มีสิทธิ์จับจองที่ดิน ประกอบอาชีพ
กสิกรรม ห้ามรับราชการ ชาวยิวจึงหันมามีอาชีพอิสระ เช่น แพทย์ พ่อค้า นายอากร ในรัชสมัยกษัตริย์ เรอเน
แห่งอองจู (ค.ศ. 1434 - 1480) ทรงปกครองแคว้นโปรวองซ์ อองจู และแมน มีบันทึกว่า แพทย์หลวงและโหราจารย์
ของพระองค์เป็นยิวชื่อ อับราฮัม โซโลมอน ต่อมาได้เปลี่ยนมานับถือคาทอลิกมีนามใหม่ว่า ฌองเดอแซงต์เรมี
ราชโอรสของกษัตริย์เรอเน ดำรงพระยศ ดยุคแห่งกาลาเบรีย มีแพทย์ประจำพระองค์ชื่อ ปีแอร์ นอสเตรอดาม
เดิมเป็นนายแพทย์มีชื่อเสียงจากเมืองอาร์ล ถูกเพื่อนแพทย์ขับออกมาจากเมืองข้อหาใช้ยาผิด ต่อมาดยุคแห่ง
กาลาเบรียสิ้นพระชนม์ ปีแอร์ นอสเตรอดามก็เข้าถวายตัวรับใช้กษัตริย์เรอเน และได้สนิทสนมกับ ฌองเดอแซงต์เรมี
แพทย์ทั้งสองท่านได้รับราชการเป็นแพทย์หลวง จนกระทั่งกษัตริย์เรอเนสวรรคตในปี 1480 ทั้งสองตกลงใจร่วมกัน
ตั้งรกรากที่เมืองแซงต์เรมีต่อไป
กษัตริย์ เรอเน สวรรคต ไม่มีรัชทายาท ดังนั้น อองจู, โปรวองซ์ และแมน จึงเป็นของกษัตริย์ฝรั่งเศส ปี
ค.ศ. 1488 กษัตริย์ชาร์ลที่ 8 มีพระราชประสงค์ให้ชาวยิวหันมานับถือศาสนาคาทอลิก เมื่อกษัตริย์หลุยส์ที่ 12
เสด็จขึ้นครองราชย์ มีพระบรมราชโองการ วันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1501 ให้ชาวยิวต้องนับถือศาสนาคาทอลิก
หรือไม่ก็ต้องออกนอกราชอาณาจักรภายใน 3 เดือน วันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1502 ในบัญชีรายชื่อผู้เสียภาษีของ
โปรวองซ์มีชื่อ ปีแอร์ นอสเตรอดาม และฌอง เดอแซงต์เรมี อยู่ในกลุ่มของคาทอลิกใหม่
นักค้นคว้าบางคนบอกว่า ปีแอร์ นอสเตรอดาม เป็นพ่อค้าข้าว มิใช่นายแพทย์ อยู่ที่เมืองอาวีญอง ปู่ปิแอร์
สมรสกับย่าบลองซ์ (BLANCHE) มีบุตรชื่อจาคส์ จาคส์ แต่งงานกับ เรอเน เดอแรงซ์เรมี บุตรสาวของฌอง
เดอแซงต์เรมี (JEAN DE SAINT REMY) ฌอง เคยเป็นแพทย์มาก่อนแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ หันมาทำอาชีพ
นายอากรรับจ้างเก็บภาษี
ชีวประวัติของนอสตราดามุสเขียนโดยศิษย์รักของเขา ฌอง เอมเม เดอ ชาวิญี เดอ โบม เขาจบปริญญาเอก
ทางกฎหมายและเทวศาสตร์ เคยเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองโบม เมื่อชีวประวัติของนอสตราดามุสเล่มนี้ได้ทูล
ถวายกษัตริย์อังรีที่ 4 และอยู่ในบทนำของหนังสือ THE CENTURY ซึ่งพิมพ์เสร็จสมบูรณ์เป็นครั้งแรกที่กรุง
อัมสเตอร์ดัมปี 1668
มีบางตอนในหนังสือชีวประวัติของนอสตราดามุสเขียนโดยลูกศิษย์ของเขามีดังนี้ 'มิเชล เดอ
นอสตราดามุส นักพยากรณ์นามกระเดื่อง โหราจารย์ เกิดที่เมืองแซงต์เรมี ในแคว้นโปรวองซ์ วันพฤหัสบดี
ที่ 14 ธันวาคม 1503 เวลาประมาณเที่ยงวัน บิดาของเขาชื่อ โฌเมต์ เดอ นอสเตรอดาม
(JEAUMET DE NOSTREDAME) นักกฎหมายประจังหวัด มารดาชื่อเรอเน เดอ แซงต์เรมี....'
นอสตราดามุสเป็นลูกคนโต มีน้องชายอีก 4 คน ชื่อ แบร์ทรองต์ (BERTRAND) แฮกตอร์ (HECTOR)
อองตัวน์ (ANTOINE) และ ฌอง (JEAN) ฌองได้เป็นสมาชิกสภาแห่งโปรวองซ์ แต่น้องคนอื่น ๆ ไม่มีใครกล่าวถึง
นอสตราดามุสมีแววฉลาดตั้งแต่เล็ก ๆ มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง เขาได้รับการสอนจากคุณปู่ปีแอร์
นักท่องเที่ยวผู้ยิ่งใหญ่ เขาเรียนวิชาคำนวณ ภาษากรีก ภาษาละติน ภาษาฮีบรู และวิชาโหราศาสตร์ เมื่อคุณปู่
ถึงแก่กรรม นอสตราดามุสกลับมาอยู่กับบิดามารดาที่ถนนเดอ แบร์รี โดยมีคุณตาดูแลการศึกษาของเขา
เขาถูกส่งตัวไปอาวีญอง ศูนย์กลางการศึกษาในสมัยนั้น เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน อาวีญอง ยังเป็นศูนย์กลางของ
พระศาสนจักรคาทอลิกชั่วระยะหนึ่งอีกด้วย
นอสตราดามุสเชี่ยวชาญวิชาไวยากรณ์ ปรัชญา เฉียบแหลม มีศิลปะในการพูดจูงใจ สนใจยิ่งยวดใน
วิชาโหราศาสตร์ ใคร ๆ เรียกเขาว่า "โหรน้อย" เขาใช้เวลานานหลายชั่วโมงในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย
หนังสือเล่มแรกที่เขาติดอกติดใจชื่อ DE MYSTERIIS AEGYPTIORUM ศาสตร์ลึกลับแห่งอียิปต์ เขาได้ใช้
เป็นแนวทางในการเขียนบทโคลงสี่ของเขา
ความคลั่งไคล้วิชาโหราศาสตร์ของเขาทำให้บิดามารดาเกิดความวิตกกังวล เพราะขัดกับคำสั่งของ
พระศาสนจักร เนื่องจากสมัยนั้นประชาชนคลั่งไคล้หมอดู ไสยศาสตร์ คาถาอาคม เวทย์มนตร์ และภูตผีปีศาจ
จึงเกิดการหลอกลวงประชาชนโดยพวกมิจฉาชีพ ทางพระศาสนจักรเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายปั่นป่วน จึง
ออกกฎไว้กำหนดโทษรุนแรงสำหรับผู้ตั้งตัวเป็นพ่อมด หมอผีไว้ถึงตาย
นอสตราดามุสถูกส่งตัวมาเรียนวิชาแพทย์ที่มหาวิทยาลัย เมือง มงเปอลีเย เป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อรอง
จากปารีส ขณะนั้นเขามีอายุเพียง 19 ปี 3 ปีแรกเขาอ่านหนังสือเรียนทุกวิชาตามหลักสูตรปริญญาตรี อาจารย์
ติวล้วนเป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงของยุโรปสมัยนั้น
การสอบเพื่อให้ได้ปริญญาในยุคนั้นยากมาก ใช้เวลานาน การสอบเริ่มจาก 08:00 - 13:00 น. สอบปาก
เปล่าเป็นภาษาละติน อาจารย์ตั้งคำถามยาก ๆ วกวนหลอกล่อเพื่อทดสอบความรู้ของลูกศิษย์ เมื่อผ่านทดสอบ
ปากเปล่าได้ นักศึกษาได้รับเสื้อครุยสีแดง แทนเสื้อครุยสีดำของนักศึกษา จากนั้นนักศึกษาจะต้องบรรยายเป็น
ภาษาละตินในอีก 5 หัวเรื่อง ซึ่งคณบดีจะเป็นผู้กำหนด ใช้เวลานานถึง 3 เดือน ต่อไปต้องเตรียมสอบอีก 4 วิชา
แต่ละวิชาให้เตรียมตัวล่วงหน้า 1 วัน นักศึกษาจะต้องตอบข้อซักถามอีก 1 ชั่วโมงหรือมากกว่า ถ้าหากพลาด
เพียงวิชาเดียวก็ต้องสอบใหม่หมดทุกวิชา
ยังไม่จบ ยังมีการสอบต่ออีก 8 วัน นักศึกษาต้องตอบข้อซักถามของคณาจารย์ในวิชาที่ไม่เคยสอบมาก่อน
และต้องทำวิทยานิพนธ์โดยเลือกจากทฤษฎีของฮิปโปเครติส บิดาแห่งวิชาแพทย์ วิทยานิพนธ์ให้ทำในวันถัดไป
การสอบ 2 ครั้งสุดท้ายเรียกว่า LES POINT RIGOREUX นักศึกษาที่สอบผ่านทุกขั้นตอนจะได้รับใบอนุญาต
ประกอบโรคศิลป์จากบิชอปแห่ง มงเปอลีเย นอสตราดามุสสำเร็จการศึกษาในปี 1525
ขณะนั้นเกิดกาฬโรคระบาดทางภาคใต้ของยุโรป นอสตราดามุสได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อช่วยรักษา
คนไข้ เขาจะกลับมาเรียนต่อปริญญาเอกทางปรัชญา เขามีวิธีรักษากาฬโรคตามแบบของตัวเองไม่เหมือนใคร
แถมยังไม่ยอมสวมเสื้อคลุมสี ซึ่งแพทย์สมัยนั้นสวมเพื่อถือเคล็ดว่าช่วยป้องกันโรคร้าย เขาเดินทางไปยังเมือง
นาร์บอน ที่นั่นมีข่าวลือว่า เขาไปเรียนกับนักเล่นแร่แปรธาตุชาวยิวคนหนึ่ง เขาย้ายไปเมือง การ์กัสซอน เพื่อช่วย
งานของอาร์คบิชอปแห่ง ฟัว เขาตระเวนไปยังเมืองตูลูส และบอร์โดซ์ ที่นั่นกาฬโรคระบาดรุนแรงกว่าที่อื่น ๆ
เขาประสบความสำเร็จที่นั่น เขาใช้วิธีรักษาโดยไม่ถ่ายเลือดแก่คนไข้ ใช้น้ำสะอาด และสูดอากาศบริสุทธิ์
สมัยก่อนแพทย์นิยมการถ่ายเลือด เชื่อว่าเป็นการรักษาโรคที่ดีที่สุด แต่นอสตราดามุสกลับมีความเห็นว่าทำให้
คนไข้ตายมากที่สุด
เขารักษาผู้ป่วยกาฬโรคถึง 4 ปี จึงกลับเข้าไปเรียนต่อเมื่อ วันที่ 23 ตุลาคม 1529 เขาเข้าสอบที่เรียกว่า
LES TRIDUANES นักศึกษาเสนอวิชาสอบ 12 วิชา แต่สอบจริงแค่ 6 วิชา คณบดีเป็นผู้เลือกวิชาสอบ 3 วิชา
ที่เหลืออีก 3 วิชาใช้วิธีจับฉลาก นักศึกษาต้องพยายามหาข้อมูลเหตุผลตอบโต้กับคำถามของคณาจารย์
ในระหว่างสอบเขาถูกซักไซร้มากมายเกี่ยวกับวิธีการรักษาแผนใหม่ของเขา เขาสามารถทำให้ทุกคนเข้าใจ
ถ่องแท้และจำนนต่อเหตุผลของเขา นอสตราดามุสได้รับหมวกปริญญา, แหวนทองคำ และหนังสือผลงานของ
ฮิปโปเครติส 1 เล่ม
นอสตราดามุสได้รับข้อเสนอให้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเมือง มงเปอลีเย เขาตอบตกลง แต่เขาต้อง
สอนนักศึกษาตามแนวทางเก่า ตามหนังสือเรียนที่มหาวิทยาลัยกำหนด ดังนั้น เขาจึงลาออกตระเวนไปเรื่อย ๆ
ตามวิสัย เขาอยู่เป็นที่เพียงระยะแรกของการสมรสครั้งที่หนึ่ง และหนต่อมาเขาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองซาลองกับ
ภรรยาคนที่ 2 อานน์ ปองสารด เจมเมลล์
เขาลาออกจากมหาวิทยาลัยในปี 1532 ได้รับความสำเร็จทุกเมืองที่ผ่านไป เขาไป บอร์โดซ์ ลาโรแชล
และ ตูลูส เขามีโอกาสพบทำความรู้จักกับ จูลส์ เซซาร์ สกาลิเยร์ (JULES CESAR SCALIGER) ผู้มีชื่อเสียง
ที่สุดคนหนึ่งของยุโรป สกาลิเยร์ เขียนจดหมายถึงนอสตราดามุส แจ้งว่า ได้ยินเสียงของนอสตราดามุสอยากพบ
นอสตราดามุสจึงเดินทางไปพบกับสกาลิเยร์ ที่เมืองอาเยง (AGEN) ทั้งสองสนิทสนมชอบพอรักใคร่กันอย่างรวดเร็ว
สกาลิเยร์ เป็นอาจารย์คณิตศาสตร์, ชีววิทยา และเภสัชศาสตร์ เป็นกวีและนักปรัชญา ความรอบรู้ของ สกาลิเยร์
ทำให้ความคิดอ่านของนอสตราดามุสกว้างไกลยิ่งขึ้น
นอสตราดามุสตกลงใจซื้อบ้านที่เมืองอาเยง แต่งงานกับสตรีสาวสวยและมั่งคั่ง อังเดรียตา ลูเบยัก
พ้องกับชื่อภรรยาของ สกาลิเยร์ หล่อนชื่อ อังเดรเธ เดอ โรค ลูเบยัก ทั้งสองครอบครัวต่างได้บุตรชายหญิง
แต่ไม่มีใครทราบชื่อบุตรชายของนอสตราดามุส

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 8:47 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (4)👈

🔥--- ประวัตินอสตราดามุส ---🔥
          3 ปีแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วโชคร้ายก็มาเยือน บุตร, ภรรยาของเขาตายด้วยกาฬโรค
เขาช่วยชีวิตคนอื่นได้ แต่น่าเสียใจเขาไม่สามารถรักษาลูกเมียให้พ้นจากกาฬโรค แถมยังบาดหมางกับ
สกาลิเยร์ โดยไม่มีใครรู้สาเหตุ สกาลิเยร์ โจมตีนอสตราดามุสไว้มากมาย แต่เขาไม่เคยตอบโต้ ปี 1552
เขาเขียนหนังสือชื่อ TRAITE DES FARDEMENS เขายังสดุดี สกาลิเยร์ "เป็นผู้มีวิญญาณของ ชิเซโร ทาง
วาทคิลป์ มีวิญญาณของ เวอร์จิล ทางกวี และมีวิญญาณของ กาลอง ในวิชาแพทย์ ข้าพเจ้าเป็นหนี้สกาลิเยร์
ยิ่งกว่าผู้ใดในโลก"
เขายังถูกฟ้องร้องเรียกค่าสินสอดคืนจากครอบครัวของภรรยาผู้วายชนม์ของเขาอีกด้วย มีคนกล่าวหา
ว่าเขาเคยสบประมาทพระแม่มารีอาว่าเหมือนผี เรื่องนั้นเกิดตั้งแต่ปี 1534 เรื่องมีอยู่ว่า เขาได้ตำหนิผลงานของ
ช่างหล่อบรอนซ์ในเชิงศิลปะเท่านั้น แต่ก็มีคนที่เกลียดชังเขาเอาไปฟ้องเจ้าหน้าที่ของพระศาสนจักร ผลก็คือ
นอสตราดามุสต้องหลบหนีอาญาโทษซึ่งอาจจะถึงตายได้
ระหว่างปี 1538 -1544 นอสตราดามุสตระเวนไปทั่วแคว้นลอเรน เวนิส ไกลจนไปถึงซิซิลี เพื่อหา
ประสบการณ์ความรู้ทางการแพทย์ ทางยา เยี่ยมเยียนพบปะโหราจารย์ หมอดู ผู้ฝักใฝ่ทางศาสตร์ลึกลับ
นักเล่นแร่แปรธาตุ ฯลฯ ที่เมืองอังโกนา ประเทศอิตาลี เขาพบชายหนุ่มเลี้ยงหมูคนหนึ่งชื่อ เฟลิกซ์ เปเรตตี
(FELIX PERETTI) นอสตราดามุสคุกเข่าบนถนนเมื่อชายหนุ่มเดินผ่าน ชายหนุ่มแปลกใจจึงถามว่าทำไมถึง
ทำเช่นนั้น นอสตราดามุสตอบว่า เขาคุกเข่าถวายความเคารพพระสันตะปาปา เฟลิกซ์ เปเรตตี ได้รับเลือกเป็น
พระสันตะปาปาพระนาม ซิกสตุสที่ 5 ในปี 1585 25 ปีหลังการตายของนอสตราดามุส!
จากคำบอกเล่าของหลานย่าของเอเตียน ดูแบร์ต ในปี 1656 ว่า นอสตราดามุสได้ไปเยี่ยมนายเดอ ฟลอรินวิลส์
และมาดามที่เมืองอังโกนา นั้นเอง ขณะที่กำลังเดินเล่นกับเจ้าของบ้าน นอสตราดามุสเห็นลูกหมู 2 ตัว ตัวหนึ่งสีดำ
อีกตัวหนึ่งสีขาว เจ้าของบ้านอยากทดสอบนอสตราดามุสว่าสามารถรู้อนาคตของลูกหมูหรือไม่? นอสตราดามุส
ตอบว่าหมาป่าจะเอาลูกหมูสีขาวไปกิน แต่เราสองคนจะได้กินเนี้อลูกหมูสีดำ นายเดอ ฟลอรินวิลส์ จึงแอบสั่งให้
พ่อครัวฆ่าถูกหมูสีขาวเพื่อทำอาหารเย็น พ่อครัวก็ทำตาม แต่ขณะที่เผลอ สุนัขป่าก็ดอดเข้ามาขโมยเนื้อลูกหมูสีขาวไป
พ่อครัวจึงจำเป็นต้องฆ่าลูกหมูตัวสีดำเพื่อทำอาหาร โดยไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครรู้ เจ้าของบ้านนึกกระหยิ่มใจว่า
นอสตราดามุสแพ้แน่ ๆ คราวนี้ ในระหว่างอาหาร เขาบอกนอสตราดามุสว่า ทั้งสองคนกำลังกินเนื้อลูกหมูตัวสีขาว
แต่นอสตราดามุสบอกว่าไม่ใช่ ดังนั้นพอครัวจึงถูกเรียกตัวมายืนยันว่า นอสตราดามุสทำนายถูกต้อง
ปี 1544 ขณะที่นอสตราดามุส อยู่ที่เมืองมาร์เซย์ มีกาฬโรคระบาด เขาทำงานร่วมกับแพทย์ หลุยส์ แซร์
(LOUIS SERES) รักษาคนป่วยแทบไม่มีเวลาพักผ่อน เดือนพฤศจิกายนมีน้ำท่วมใหญ่ ยิ่งทำให้โรคระบาดลุกลาม
ใหญ่โต แม่น้ำ บ่อน้ำ มีศพคนและสัตว์ลอยเกลื่อน ซีซาร์ บุตรชายของนอสตราดามุสบันทึกไว้ในหนังสือ
HISTOIRE DE PROVENCE ไว้ในปี 1614 ว่าประชาชนป่วยเป็นโรคติดต่อที่ไม่สามารถรักษาได้ คนป่วยบางคน
เย็บถุงผ้าห่อศพให้ตัวเอง บางคนขาดใจตายขณะสวดส่งวิญญาณให้ผู้ตาย บ้านเมืองร้างผู้คน ผู้ชายขวัญเสีย
ผู้หญิงร้องไห้คร่ำครวญ เด็ก ๆ ไม่มีคนดูแล คนกล้าต้องวิ่งหนี สัตว์ถูกปล่อยตามยถากรรม พระราชวังถูกปิดตาย
ศาลร้างไร้ผู้คน โบสถ์ว่างเปล่า ไม่นานหญ้าก็ขึ้นรกเต็มถนน เมื่อไม่มีทั้งคนและสัตว์เดินฝาน โรคระบาดนี้เกิด
นานถึง 270 วัน
นอสตราดามุสยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยตลอดเวลา เขายังผลิตยาเม็ดกุหลาบ และบันทึกผลการรักษาด้วย
สูตรยาเม็ดกุหลาบอยู่ในหนังสือ MOULTES OPUSCULES ปี 1555 เขาเน้นการไม่ถ่ายเลือดให้คนไข้ อากาศ
บริสุทธิ์ น้ำสะอาดน่าเสียดายที่เขามิได้บันทึกผลการรักษากาฬโรคจากยาเม็ดกุหลาบ เพียงแค่เขียนว่ายาเม็ด
กุหลาบช่วยขจัดกลิ่นปาก ดับกลิ่นตัว ทำความสะอาดฟัน ป้องกันฟันผุ ใช้อมตลอดเวลา
สภาเมืองแอกซ์ อนุมัติเงินบำนาญให้เขาตลอดชีพ โรคระบาดค่อย ๆ ทุเลา นอสตราดามุสจึงตกลงใจ
ที่จะปักหลักอยู่ที่เมืองซาลอง เมืองซาลอง อยู่ระหว่าง มาร์เวย์แอกซ์ และอาวีญอง
ปี 1547 โรคไอกรนระบาด นอสตราดามุสคิดค้นตัวยารักษาโรค แต่บังเอิญเกิดขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน
นอสตราดามุสยื่นคำขาดให้ชาวเมืองเลือกระหว่างเขากับเพื่อน ชาวเมืองเลือกเขา!
ชื่อเสียงของเขายิ่งระบือไกล เมื่อเขาได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของพระนาง แคทรีน เดอ เมดิซี พระราชินี
ฝรั่งเศส เขาได้รับเกียรติยศและเงินทอง เขาแต่งงานครั้งที่ 2 กับอานน์ ปองสารด เจมเมลล์ แม่ม่ายสาวทรงเครื่อง
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1547 ที่เมืองซาลอง ในทะเบียนสมรสของเขาปัจจุบันเก็บไว้ที่เมืองซาลอง คู่สมรสใหม่
ซื้อบ้านที่ถนนเดอลา พัวซอนรี (POISSONERIE) และอยู่ที่นั่นจนสิ้นชีวิต
ซาลอง ไม่มีงานท้าทายทางการแพทย์ เขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ผลิตเครื่องสำอางค์ขายคนร่ำรวย แต่มีบางคน
ที่รังเกียจที่เขามีเชื้อสายยิว บางคนยังคิดว่าเขาเป็นพวกอือเกโนต์ หมายถึงคนฝรั่งเศสที่นับถือศาสนาโปรเตสแตนต์
เวลานั้นมีการแตกแยกในคริสตศาสนา คาลวินและลูเธอร์ ได้ประกาศตั้งนิกายใหม่ไม่ขึ้นต่อพระสันตะปาปาที่โรม
การแตกร้าวในกลุ่มชนก็มีมากขึ้นทุกปี จนกระทั่งเกิดเป็นสงครามกลางเมืองในฝรั่งเศสนานเกือบ 100 ปี ชาวนา
ยากจนนับถือศาสนาคาทอลิก แต่คนร่ำรวยส่วนใหญ่นับถือศาสนาโปรเตสแตนต์ คนยากจนยกพวกปล้นคนร่ำรวย
โดยเอาเหตุทางศาสนาบังหน้า นอสตราดามุสก็ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นพวกอือเกโนต์ด้วยเหมือนกัน
ในขณะที่โลกภายนอกวุ่นวายมีเหตุขัดแย้ง นอสตราดามุสสร้างห้องใต้หลังคา ใช้เวลาเกือบทั้งวันอ่าน
หนังสือค้นคว้า หนังสือเล่มแรกของเขาชื่อ ALMANACHS พิมพ์ในปี 1550 พยากรณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับฤดูกาล
การเก็บเกี่ยวพืชผล ความอุดมสมบูรณ์ และปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติต่าง ๆ ถึงแม้มีหลายอย่างผิดพลาด แต่เขา
ก็ได้รับความนิยม คำพยากรณ์ของเขาถูกหมอดูลอกเลียนและแอบอ้างมากมาย เช่น หนังสือชื่อ THE PROPHECIES
แห่ง ออร์วัล โดย ฟิลิป ออลีวัลลีอุส พิมพ์ในปี 1542 มีคำทำนายเกี่ยวกับจักรพรรดิ นโปเลียน นอสตราดามุสไม่เคย
ไปพักที่เมืองนี้ มีเรื่องเล่าว่า นโปเลียนมีหนังสือเล่มนี้ติดตัวเสมอ ผู้เล่าคือ เฌอ นอรมังด์ เป็นพระสหายสนิทของ
พระนางโยเซฟิน พระนางเองเชื่อในอำนาจภูตผีและไสยศาสตร์อย่างยิ่ง มีเรื่องเล่ากันต่อ ๆ มา นโปเลียน เป็นสาวก
ลัทธิบูชาซาตาน ขายวิญญาณให้กับซาตานแลกกับเกียรติยศและอำนาจของจักรพรรดิ
ฌอง เอมเมเดอชาวิญี เข้ามาในชีวิตของนอสตราดามุสในปี 1554 เขาสนิทชิดเชื้อกับนอสตราดามุส ชาวิญี
ร่วมมือกับภรรยาหม้ายของนอสตราดามุสจัดพิมพ์หนังสือ LES PROPHETIES ในปี 1568 2 ปีหลังจากการตาย
ของเขา นอกนั้น ชาวิญี เขียนหนังสือชีวประวัติของนอสตราดามุสชื่อ RECEUIL DES PRESAGES PROSAIQUES DE NOSTRADAMUS น่าเสียดายที่หนังสือเล่มนี้สาบสูญไป หนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อ LA PREMIERE FACE DE JANUS
FRANCOIS ชาวิญีศึกษางานของนอสตราดามุสกว่า 30 ปี เขาเก็บเอกสารที่เขียนด้วยลายมือของนอสตราดามุสมา
ประกอบข้ออ้างอิง แหล่งข้อมูลอีกแห่งหนึ่งคือจากซีซาร์ บุตรชายของนอสตราดามุส
หนังสือ LES PROPHETIES ประกอบด้วยคำพยากรณ์ (คำทำนายของเขาเขียนในรูปโคลง 4 บรรทัด)
ถึง 1000 บท แบ่งเป็นเล่ม ๆ ละ 100 บท แต่ละเล่มเรียกว่า CENTURIAทภาษาละตินแปลว่าหนึ่งร้อย ขณะที่เขา
มีชีวิต เขาเขียนเพียง 10 เซนรี่เท่านั้น ส่วนเซนจูรี่ที่ 11 และ 12 นั้น บุตรชาย และลูกศิษย์ของเขาได้รวบรวม
จากบทโคลงที่เขาเขียนไว้ในโอกาสต่าง ๆ แล้วจัดหมวดหมู่หลังการตายของเขาแล้ว

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 8:56 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (5)👈

🔥--- ประวัตินอสตราดามุส [C] ---🔥
          ชาวิญีเขียนไว้ในปี 1594 ว่านอสตราดามุสพยากรณ์ถึงการปฏิวัติการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดในยุโรป
เกิดสงครามกลางเมืองนองเลือด เกิดความลำบากทุกข์เข็ญทั่วฝรั่งเศส เขาเขียนไว้ในโคลงของเขา ตอนแรก
เขาเก็บเงียบไว้ ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตกใจ แต่ด้วยความสำนึกของความรับผิดชอบต่อสังคม ควรที่
จะเตือนให้รู้ล่วงหน้า เขาจึงตัดสินใจพิมพ์คำทำนายของเขาออกเผยแพร่ ชื่อของเขาติดปากเป็นที่กล่าว
ขวัญทั่วฝรั่งศสและประเทศใกล้เคียง
หนังสือ LES PROPHETIES พิมพ์ขนาด 6" x 4" เหมาะใส่กระเป๋าเสื้อคลุมได้สบาย ๆ อ่านกันทั่วไป
จนไปถึงพระเนตรพระกรรณของพระนางแคทรีน เดอ เมดิซี ไม่มีใครรู้ว่าพระราชินีทราบกิติศัพท์ของ
นอสตราดามุสได้อย่างไร พระนางสนพระทัยในเรื่องไสยศาสตร์ การทรงเจ้าเข้าผี โดยเฉพาะ10 ปีแรกที่ทรง
อภิเษกสมรสและทรงเป็นหมัน กษัตริย์อังรีที่ 2 มีรับสั่งให้นอสตราดามุสเข้าเฝ้าที่ปารีส
นอสตราดามุสมาถึงปารีสวันที่ 15 สิงหาคม 1556 ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 เดือน ซึ่งเร็วกว่าปกติถึงเท่าตัว
ทั้งนี้เพราะพระราชินีจัดม้าเร็วไปรับเขาที่ซาลอง วันรุ่งขึ้นมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าพระราชินีหลายชั่วโมง ไม่มีใครรู้
แน่ชัดว่าเขาทูลพระนางเรื่องใดบ้าง แต่เข้าใจกันว่าพระนางทรงสนพระทัยโคลงบทที่ 35 เนื้อความตรงกับ
โหรหลวงของพระนาง ซึ่งได้กราบทูลเตือนว่า ให้พระเจ้าอยู่หัวหลีกเลี่ยงการต่อสู้ตัวต่อตัวในที่จำกัด โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง เมื่อพระชนมายุ 41 พรรษา เพราะอาจเสด็จสวรรคต แต่กษัตริย์อังรีที่ 2 ไม่สนพระทัยตรัสว่า "ข้าไม่สนใจ
ว่าข้าจะตายแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร ข้าพอใจตายด้วยน้ำมือของคนที่กล้าหาญ และข้าต้องไม่เสียเกียรติด้วย"
การเข้าเฝ้าคราวนั้น นอสตราดามุสผิดหวังจากเงินที่ได้รับพระราชทานเพียง 130 คราวน์ แต่ค่าใช้จ่ายการ
เดินทางของเขาสูงถึง 100 คราวน์
พระนางแคทรีน เดอ เมดิซี ทรงต้องการรู้อนาคตของพระราชโอรสธิดา และเป็นการยากและเสี่ยงภัย ที่จะทูล
ตามตรงว่า ราชสกุลวาลัวร์จะสิ้นสุด ราชโอรสองค์ใหญ่ ฟรังซัวส์ที่ 2 เสด็จขึ้นครองราชย์เพียงปีเดียวก็สวรรคต
ละทิ้งเจ้าสาวเยาว์วัยเผชิญชะตากรรมในอังกฤษ พระนางแมรี สจ๊วต พระราชินีแห่งสก็อตแลนด์
ราชธิดาเจ้าหญิงเอลีซาเบท พระชนม์เพียง 11 พรรษา เข้าสู่พิธีอภิเษกสมรสกับกษัตริย์ชรา ฟิลิปที่ 2 แห่ง
สเปน จะสวรรคตขณะมีพระประสูติกาล
ราชธิดาเจ้าหญิงโคลัด จะทรงเป็นดัชเชสแห่งลอเรนน์ (LORRAINE) จะสิ้นพระชนม์ในวัย 20
เจ้าชาย ชาร์ล จะทรงสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ ชาร์ลที่ 9 จะทรงฉลองการราชาภิเษกด้วยเครื่องทรงของสตรี
จะทรงอยู่เบื้องหลังการฆ่าหมู่พวกอือเกโนต์ ท่านนายพลพยายามผลักดันให้ฝรั่งเศสทำสงครามกับสเปน แต่
พระพันปี แคทรีน เดอ เมดิซี และกษัตริย์ ชาร์ลที่ 9 ทรงไม่เห็นด้วย พระพันปีทรงเสนอแผนการฆ่าหมู่นี้เพื่อมิให้
เสียเลือดเนื้อของประชาชนทั่วไป การฆ่าหมู่เกิดขึ้นตั้งแต่เช้าวันที่ 24 สิงหาคม จนถึงวันที่ 17 กันยายน เล่ากันว่า
เหตุการณ์ครั้งนั้น กษัตริย์ ชาร์ลที่ 9 ทรงลั่นไกปืนสังหารพวกอือเกโนต์จากหน้าต่างของพระราชวังลูฟว์
ราชโอรสองค์สุดท้อง ดยุคแห่งอาลองซอง ซึ่งพระนางเจ้าเอลีซาเบทที่ 1 ทรงดูหมิ่นพระเกียรติถึงกับ
เรียกว่า "พ่อกบน้อยของฉัน" ทรงเป็นกษัตริย์แห่งเนเธอร์แลนด์ อภิเษกกับเจ้าหญิงมาการ์ริต ผู้เลอโฉม เจ้าสาว
ม่ายของกษัตริย์อังรี แห่งนาวาร์ พระนางทรงเบื่อหน่ายชีวิตเงียบเหงาในพระราชวังชนบท จึงมีคู่รักลับ ๆ
หลายคน จนพระสวามีจับได้ พระนางจึงถูกลงโทษให้คุมขังในคอนแวนต์แห่งหนึ่งจนชั่วชีวิต
ฤดูร้อนปี 1559 ในราชสำนักมีงานฉลองใหญ่ 2 งานคือ งานฉลองอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงเอลีซาแบท
กับกษัตริย์ชราแห่งสเปนฟิลิปที่ 2 และงานอภิเษกสมรสเจ้าหญิงมาการิต กับดยุคแห่งซาวอย งานฉลองตระเตรียม
ตัวอย่างดี เริ่มจากวันที่ 28 มิถุนายน หลังจากพิธีศาสนามีการฉลองต่อไปอีก 3 วันที่ถนนซังต์อังตอน
กษัตริย์อังรี ทรงเข้าร่วมการประลองฝีมือกับข้าราชบริพารและประชาชน 2 วันแรกทรงประสบชัยชนะอย่าง
งดงาม แต่วันที่ 3 พระราชินีทรงมีสารถวายขอร้องให้ทรงงดการประลองฝีมือ เพราะรู้สึกไม่สบายพระทัย พระเจ้า
อยู่หัวปฏิเสธ ในการประลองฝีมือเป็นวันที่สามมีเด็กน้อยคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาดัง ๆ ว่าพระเจ้าอยู่หัวจะสวรรคต
กษัตริย์อังรีที่ 2 ไม่สนพระทัย เตรียมประลองฝีมือกับนายทหารรักษาพระองค์ชื่อ มองต์โกเมอรี ประอาวุธกัน 2 ครั้ง
ไม่สามารถทำให้คู่ต่อสู้ตกจากหลังม้าได้ ครั้งที่ 3 มองต์โกเมอรี รู้สึกกลัวจึงทูลขอให้ยุติการประอาวุธเป็นครั้งที่ 3
แต่ทรงปฏิเสธ กลับทรงมีรับสั่งคะยั้นคะยอให้มองต์โกเมอรี ประอาวุธเป็นครั้งที่ 3 คราวนี้ท่อนไม้ของมองต์โกเมอ
รี แทงทะลุหมวกเหล็กเข้าไปถึงพระเศียรกษัตริย์อังรีที่ 2 สวรรคตอีก 10 วันต่อมาด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด
พระองค์ทรงอภัยให้มองต์โกเมอรี แต่พระราชินีไม่ทรงยินยอม มองต์โกเมอรี ถูกจับประหารชีวิตในกาลต่อมา
นอสตราดามุสทำนายเหตุการณ์นี้ในโคลงบทที่ 3 เซ็นจูรีที่ 1
Le lyon ieune le vieux surmontera,
En champ bellique par singulier duelle:
Dans cage d'or les yeux luy creuera,
Deur classes une, puis mourir, mort cruelle.
สิงห์หนุ่มจะมีชัยเหนือสิงห์เฒ่า
ในสนามประลองฝีมือด้วยการต่อสู้ ตัวต่อตัว
สิงห์หนุ่มจะแทงทะลุนัยน์ตาของพระองค์ผ่านกรงทอง
สองแผลรวมเป็นแผลเดียว แล้วพระองค์จะสิ้นพระชนม์อย่างทารุณ
เจ้าชาย ฟรังซัวส์ สืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา พระนามกษัตริย์ ฟรังซัวส์ที่ 2 ทรงอภิเษกสมรสกับ
พระนางแมรี สจ๊วต พระราชินีแห่งสก็อตแลนด์ กษัตริย์ฟรังซัวส์ โปรดการล่าสัตว์มาก ปี 1560 ประชวรหนัก
บรรดาทูตานุทูตต่างวิตกกังวลกับคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสเซ็นจูรี่ที่ 10 บาทที่ 39 และบทที่ 55 ซึ่งคัดลอก
กันต่อ ๆ ทูตแห่งเวนิสมีหนังสือกราบทูลเจ้าครองนครเวนิสว่า ข้าราชสำนักต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างใจจดใจจ่อถึง
คำพยากรณ์บทที่ 39 และบทที่ 55 ทูตแห่งฟลอเรนซ์ก็มีหนังสือกราบทูล ดยุค คอสสิโม แห่งฟลอเรนซ์ ว่า
"พระพลานามัยของในหลวงไม่เป็นที่ไว้วางใจ คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสยังบอกอีกว่า สมาชิกในราชวงศ์
จะสิ้นพระชนม์ด้วยโรคภัยไข้เจ็บอย่างไม่คาดฝันถึง 2 องค์พร้อมกัน"
ยุวกษัตริย์ฟรังซัวส์ที่ 2 สวรรคตวันที่ 5 ธันวาคม 1560 ลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ ดยุคแห่งลอลารอชชีร์ญอง
ก็สิ้นพระชนม์ในเดือนเดียวกัน
ราชทูตแห่งสเปนมีสาสน์ถวายพระเจ้าฟิลิปที่ 2 กราบบังคมทูลรายงานเรื่องนี้ พร้อมทั้งทูลเสนอว่าควรเนรเทศ
นอสตราดามุสไปเสีย แทนที่จะปล่อยให้เขาขายคำพยากรณ์ซึ่งมอมเมาประชาชน ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก
และจะนำไปสู่การหลงผิดได้
ปี 1561 พระนางมาเกร์ต แห่งซาวอย มีรับสั่งให้นอสตราดามุสเข้าเฝ้าเพื่อถวายคำพยากรณ์สำหรับ
ทารกซึ่งอยู่ในพระครรภ์ นอสตราดามุสเดินทางไปยังเมืองนิช เขากราบทูลว่าพระนางจะประสูติพระราชโอรส
ต่อมาจะเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนาม ชาร์ล เอมมานูแอล ผู้ยิ่งใหญ่แห่งซาวอย เจ้าชายพระองค์นี้ทรงเป็น
ผู้คัดค้านสิทธิของกษัตริย์อังรีที่ 4 ที่จะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส
อีกครั้งหนึ่งที่ราชทูตแห่งเวนิสมีสาส์นกราบทูลเจ้าหลวงของตนว่า "ขณะนี้มีคำพยากรณ์ข้อหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าว
ขวัญทั่วประเทศฝรั่งเศสว่าราชโอรสทั้ง 3 พระองค์ของพระราชินีแคทรีนจะได้เป็นกษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์"
ชื่อเสียงของนอสตราดามุสยิ่งกึกก้อง เมื่อทำนายเกี่ยวกับราชวงศ์ดังนี้ "บุตรชายคนโตของแม่ม่ายจะสมรส
แต่ไม่มีบุตร จะสิ้นพระชนม์ก่อนอายุ 18 ปี เกาะสองเกาะจะเป็นอริกัน น้องชายคนรองสมรสขณะที่เยาว์กว่านั้นอีก"
กษัตริย์ฟรังซัวส์ที่ 2 สรรคตเมื่อพระชนมายุจวนครบ 18 พรรษาเพียง 6 อาทิตย์ หลังจากอภิเษกสมรสกับ
พระนางแมรี สจ๊วต แห่งสก๊อตแลนด์ พระราชินีแมรี สจ๊วต จึงเสด็จกลับสก๊อตแลนด์ และทวงสิทธิของกษัตริย์
อังกฤษจากพระราชินีเอลีซาเบ็ทที่ 1 ราชอนุชาเจ้าชายฟรังซัวส์ ขึ้นครองราชย์ทรงพระนามกษัตริย์ชาร์ลที่ 9
ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อพระชนมายุได้แค่ 12 ปี กับเจ้าหญิงเอลีซาแบทแห่งออสเตรีย
ปี 1564 พระพันปีแคทรีน เดอ เมดิซี และกษัตริย์ชาร์ลที่ 9 ประพาสทั่วฝรั่งเศสเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์
กับประชาชนที่มีความขัดแย้งทางศาสนา และเพื่อจะเสด็จเยี่ยมพระราชธิดาซึ่งดำรงพระยศ พระราชินีเอลีซาแบรนนา
แห่งสเปน หลังจากที่จากกันนานกว่า 5 ปี ขบวนเสด็จประพาสมีข้าราชบริพารตามเสด็จถึง 800 คน

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 9:07 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (6)👈

🔥--- ประวัตินอสตราดามุส [D] ---🔥
          ขบวนเสด็จมาถึงเมืองซาลองเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เวลาประมาณบ่าย 3 โมง เพียง 2 - 3 วันก่อนจะ
เสด็จราชดำเนินมาถึง เกิดกาฬโรคระบาด ชาวเมืองต่างอพยพหนีโรคระบาดจึงไม่มีราษฎรถวายการต้อนรับ
ปล่อยให้บ้านเมืองร้าง กษัตริย์ชาร์ล กริ้วจัด สั่งให้ราษฎรมาถวายการต้อนรับ แต่ไม่เป็นผล พระพันปีแคทรีน
มีรับสั่งให้นอสตราดามุสเข้าเฝ้า แต่เขาขอเข้าเฝ้าส่วนพระองค์ยังปราสาทที่ประทับ พร้อมด้วยบุตรชาย, ซีซาร์
(นอสตราดามุสขณะนั้นป่วยด้วยโรคเก๊าต์) มือหนึ่งถือหมวกกำมะหยี่ อีกมือหนึ่งถือไม้เท้า
พระพันปีมีรับสั่งให้นอสตราดามุสทำนายโชคชะตาของราชโอรสองค์สุดท้อง เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด อองจู
นอสตราดามุสถวายคำพยากรณ์ว่า ดยุคแห่งอองจู จะได้เป็นกษัตริย์ ดูเหมือนจะเป็นที่พอพระราชหฤทัย
จึงพระราชทานเงินถึง 200 คราวน์ ดยุคแห่งอองจูขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสและนาวาร์เมื่อ
วันที่ 18 ตุลาคม 1564 เพียง 2 ปีก่อนการตายของนอสตราดามุส พระองค์สวรรคตโดยมิได้มีรัชทายาท
สิ้นสุดราชวงศ์วาลัวร์แต่เพียงนี้
ปี 1565 นอสตราดามุสป่วยหนักด้วยโรคข้ออักเสบและโรคเก๊าต์ วันที่ 17 มิถุนายน 1566 เขาเชิญทนาย
มาร่างพินัยกรรม แบ่งทรัพย์สินมีค่าถึง 3,444 คราวน์ให้ทายาท (เพื่อให้เห็นเด่นชัดว่าเงินจำนวนนี้มีมูลค่าเท่าไร
ค่าเช่าบ้านทั้งปีในย่านดี ๆ ของปารีสสมัยนั้นเพียง 4 คราวน์เท่านั้น) เขายังระบุว่าให้ฝังศพของเขาที่โบสถ์น้อย
ที่คอนแวนต์คณะคอร์ดิลเยียริ (CORDIGLIERI)
เขาเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสถึง 8 วันก่อนตาย วันที่ 1 กรกฎาคม เขาส่งคนไปเชิญอธิการอารามฟรังซิสกัน
คุณพ่อวีดาล มาโปรดศีลอภัยบาปและศีลเจิมผู้ป่วยตามธรรมเนียมคริสตชนที่ดี เขารู้ดีว่าความตายใกล้เข้า
มาแล้ว ลูกศิษย์ชาวิญี เป็นผู้บันทึกเหตุการณ์ตอนนี้ นอสตราดามุสยังบอกเขาอีกว่า พรุ่งนี้เช้า ชาวิญี จะพบ
ศพเขา เขาจะตายเช้ามืดวันรุ่งขึ้น ศพของเขาถูกฝังที่คอนแวนต์ตามความประสงค์ของเขา อานน์ ปองสาร์ด
เจมเมลด์ เป็นผู้เขียนคำไว้อาลัยจารึกบนแผ่นหินอ่อนเหนือหลุมศพของเขาดังนี้ "ณ ที่นี้คืออัฐิของ มิเชล
นอสตราดามุส เขาเป็นคนเดียวในหมู่มนุษย์ผู้ตายที่ได้รับเกียรติบันทึกเหตุการณ์ทั้งมวลของโลกจากปลาย
ปากกาของพระเจ้า ภายใต้อิทธิพลของดวงดาว สิริอายุ 62 ปี 6 เดือนกับ 7 วัน มรณะในปี 1566 ที่เมืองซาลอง
อย่าให้ความมั่งคั่งรบกวนการพักผ่อนของเขา อานน์ ปองสาร์ด เจมเมลด์ ขอให้สามีประสบสุขเทอญ"
ซีซาร์ บุตรชายคนโตของนอสตราดามุส ผู้เขียนหนังสือชื่อ HISTOIRES DE PRO VENCE เขาได้รับการ
ยกย่องทางการประพันธ์บทกวีและจิตรกรรม ซีซาร์ตายปี 1631 ไม่มีบุตร
อังเดร บุตรชายคนที่สอง เดินทางไปปารีสหลังการตายของนอสตราดามุส เขาถูกจับข้อหาฆ่าคนตาย
จากการดวล เขาปฏิญานว่าถ้าเขาพ้นผิดข้อกล่าวหาเขาจะบวช เขาได้รับการปล่อยอย่างไม่คาคฝันจึงเข้าบวช
เป็นฤาษีที่อารามคาปูชินจนสิ้นชีวิต ศพของอังเดรฝังไว้ที่เมืองตูลอง
ชาร์ล บุตรชายคนที่ 3 ยึดอาชีพกวี แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงไปรับราชการที่เมืองปัวซอง (POUSSIN
) กับแม่ยายของกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 เทโอโดรา อกริปปา ดูบีญ (THEODORA AGRIPPA D'AUBIGNE) ปี 1574
เมืองปัวซองถูกโจมตี เขาทำนายว่าข้าศึกจะเผาทำลายเมือง เหตุการณ์ก็เป็นจริงตามนั้น น่าเสียดายเขาถูกฆ่า
ตายในการรบครั้งนั้นเอง
ปัจจุบันหลุมศพของนอสตราดามุสอยู่ที่วัดนักบุญลอเรนซ์ที่เมืองซาลอง เคียงข้างกับหลุมศพภรรยา
ของเขา อานน์ ปองสาร์ด เจมเมลล์
นอสตราดามุสรูปร่างสันทัด ค่อนข้างเตี้ย ล่ำสันแข็งแรง หน้าผากลาดกว้าง บ่งถึงสติปัญญาเฉลียวฉลาด
จมูกโด่งตรงไม่งุ้ม ดวงตาสีเทาสงบ แต่จะโชนแสงเมื่อโกรธจัด ใบหน้าอ่อนโยนแต่เคร่งขรึม พูดน้อย เขามีนิสัย
อ่อนโยนมีน้ำจิตน้ำใจ พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ยินดีรับฟังความทุกข์ร้อนของผู้อื่น ช่างคิดตริตรอง
ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ รู้กาลเทศะ รู้จักบังคับตน อดทนต่อความยากลำบาก มีอารมณ์ขันเป็นบางครั้ง ชอบ
ใช้ศัพท์แปลก ๆ มีลีลาการพูดการเขียนแหวกแนวไม่เหมือนใคร ลูกศิษย์ของเขาเขียนไว้ตอนหนึ่งว่า นอสตราดามุส
ชอบคลุกคลีกับคนหนุ่มสาว มีศรัทธาต่อศาสนาอย่างแรงกล้า ชอบการสวดภาวนา ชอบทำบุญบริจาคให้คนยากจน
เสมอ ๆ มีความยับยั้งใจมิให้ตกอยู่ในความชั่ว ตอนหนึ่งในประวัติของเขา เขาได้บริจาคเงินก้อนใหญ่ และให้
คำปรึกษาแนะนำแก่โครงการชลประทาน สร้างคลองส่งน้ำเชื่อมระหว่างแม่น้ำโรนและแม่น้ำคูรอง เข้ามายังพื้น
ที่แห้งแล้งกันดารน้ำของเมืองซาลอง โครงการนี้ริเริ่มโดยเด็กหนุ่มชื่อ อาดัมส์ เดอ คราโปน ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์
ของอาดัมส์ ใหญ่เท่า ๆ กับของนอสตราดามุสที่เมืองซาลอง
มีเรื่องขัน ๆ เล่ากันว่า ขณะที่เขานอนป่วยบนเตียงเพราะโรคเก๊าต์กำเริบ มีเสียงเอะอะทุบประตู เนื่องจากว่า
สุนัขตัวหนึ่งของตระกูลโบโว (BEAUVEAU) หายไป ก่อนที่จะถามถึงสาเหตุของการมาส่งเสียงดังรบกวน เขา
ตะโกนไปจากเตียงบอกไปว่า "คุณจะส่งเสียงอึกทึกที่นี่ทำไมกัน สุนัขหายทำไมไม่ไปหาที่ถนนออร์ลีนล่ะ" พวกเขา
ไปตามที่นอสตราดามุสบอก และพบคนใช้จูงสุนัขตัวที่หายไป
เย็นวันหนึ่งขณะที่เขานั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน เด็กสาวคนหนึ่งเดินผ่านเขาตรงเข้าไปในป่า เขาทักหล่อนว่า
"สวัสดีจ้ะ แม่หนู" แต่เมื่อขากลับเขาทักหล่อนว่า "สวัสดีจ้ะ คุณผู้หญิง" เพราะเขาหยั่งรู้ว่าเด็กสาวนัดพบชาย
คนรักในป่า
หลายคนฉงนตั้งคำถามว่า นอสตราดามุสใช้ศาสตร์อะไรในการพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้านับร้อย ๆ ปี
คำพยากรณ์ของเขาแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้บางเรื่องผิดพลาดไป แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังยกย่องและเชื่อ
คำทำนายของเขา
ลองมาดูโคลงในเซนจูรี่ที่ 1 โคลงบทที่ 1
ESTANT ASSIS DE NUICT SECRET ESTUDE,
SEUL REPOSE SUR LA SELLE D'AERAIN :
FLAMBE EXIGUE SORTANT DE SOLUITUDE.
FAIT PROSPE'RER QUI N'EST A'CROIRE VAIN.
บทที่ 2
LA VERGE EN MAIN MISE AU MILIEU DE BRANCHES
DE L'ONDE IL MOULLE & LE LIMBE & LE PIED :
UN PEUR & VOIX FREMISSENT PAR LES MANCHES :
SPLENDEUR DIVINE, LE DIVIN PRES S' ASSIED.
บทที่ 1/1
ในรัตติกาล ข้านั่งสงบอยู่ตามลำพัง ดื่มด่ำกับการค้นคว้าศาสตร์เร้นลับ
สงบสติอารมณ์ ใจจดจ่อกับอ่างทองแดงบนขาหยั่งสามขา
แล้วเปลวไฟเล็ก ๆ ก็พวยพุ่งมาจากความว่างเปล่า
ทำให้ข้าประสบผลอย่างเหลือเชื่อจากสิ่งไร้สาระ
บทที่ 2/1
ข้ายกกิ่งไม้เล็ก ๆ วางลงบนอ่างน้ำเสก
แล้วพรมน้ำเสกตรงชายแขนเสื้อและที่เท้า
ข้าพระองค์เกรงกลัวพระองค์ยิ่งนัก
แล้วพระสุรเสียงก็สั่นสะท้านออกมาจากแขนเสื้อ
โอ้พระสิริรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์นั่นเองที่ประทับใกล้ข้าพระองค์
โคลงสองบทนี้คือคำตอบ เขาได้รับพระพร (charisma) แห่งการทำนายจากพระผู้เป็นเจ้า นอกจากนั้น
ในจดหมายที่เขาเขียนถึงซีซาร์ลูกชายคนโต เขาก็ยังย้ำอีกว่า แสงสว่างแห่งการรู้อนาคตของพระเป็นเจ้า
ลุกโพลงในตัวเขา ทำให้เขาสามารถล่วงรู้ความลับต่าง ๆ มองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าไปไกลในอนาคต เขา
ได้ยินเสียงพูด เสียงร้องของคนในเหตุการณ์นั้น ๆ และยังมีเสียงบอกเล่าว่าเหตุการณ์นั้น ๆ จะเกิดที่ไหน และ
เมื่อไรอีกด้วย
พระพรพิเศษได้มาเปล่า ๆ เป็นของขวัญที่ประทานมาจากพระผู้เป็นเจ้า ก็ต้องให้เปล่า ๆ เช่นกัน การหา
ประโยชน์ทำให้พระพรเสื่อมจางลง ชีวิตของนอสตราดามุสเมื่อเขาได้รับเกียรติยศชื่อเสียง เงินทองมากมาย
คำพยากรณ์ของเขามีผิดพลาดบ้างไม่แม่นยำเหมือนสมัยแรก ๆ
การล่วงรู้อนาคตของตัวเอง ของลูกเมียอันเป็นที่รัก มองเห็นสงคราม การฆ่าฟันทำลายล้างชีวิต เลือด
และน้ำตาของเพื่อนร่วมโลก ความเกลียดชัง ความอำมหิตของมนุษย์ ทำให้เขาสลดหดหู่รันทดใจ เขาเป็นแพทย์
เคยช่วยชีวิตคนต้องมาเห็นการฆ่าทำลาย ใจที่อ่อนโยนของเขาสะทกสะท้านเจ็บปวดเพราะความใจดำ โหดร้าย
ของเพื่อนมนุษย์ เขายังมองเห็นภัยพิบัติตามธรรมชาติ พายุ แผ่นดินไหว น้ำท่วม โรคระบาด ฯลฯ มนุษย์ร่วงหล่น
ลงมาตายดุจใบไม้ร่วง สงครามและภัยร้ายแรงเกิดหลายครั้งที่โน่นที่นี่ ถ้าเขาไม่เข้มแข็งก็คงเป็นบ้าไปง่าย ๆ
ถึงกระนั้นนอสตราดามุสก็ไม่อาจอยู่กับที่อย่างสงบสุข สิ่งที่เขารู้เป็นเหมือนไฟที่แผดเผา ทำให้เขาทุรนทุราย
เกินกว่าที่จะอยู่นิ่งเฉยได้ เขาจึงตระเวนไปเรื่อย ๆ การพบปะผู้คน การเดินทางท่องเที่ยวไปตามเมืองต่าง ๆ
เขาคิคว่าพอจะช่วยบรรเทาทุกข์ใหญ่หลวงของเขา
ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ตามคำทำนายของนอสตราดามุส โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นอาย
ของสงคราม ซึ่งชาวโลกต่างจับตามองด้วยความตระหนกอกสั่นว่า จะเกิดวันใดวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้ และ
ต่างก็หวังกันว่าขอให้นอสตราดามุสทำนายผิดสักทีเถอะ

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 9:15 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (7)👈

🔥--- จดหมายถึงซีซาร์ ---🔥
          นอสตราดามุสเขียนจดหมายบันทึกถึงซีซาร์ บุตรชายคนโต บอกความจริงเกี่ยวกับที่มาของพระพร
แห่งการทำนาย เขาพยายามอธิบายให้ลูกเข้าใจ และเชื่อในคำทำนายของเขา นอสตราดามุสยังห้ามบุตรชาย
มิให้ข้องแวะกับลัทธิไสยศาสตร์ นอกจากนี้เขายังบอกสาเหตุที่ว่า ทำไมเขาจึงได้ทำลายคำทำนายที่เป็นร้อยแก้ว
ของเขาเสีย ซีซาร์ นอสตราดามุส ลูกรัก เจ้าเป็นความสุขและชีวิตของพ่อ
เจ้าเกิดมาค่อนข้างช้าไปสักหน่อย เป็นเพราะพ่อมัวแต่ขลุกอยู่ในห้องทำงานจนดึกดื่น พ่อทำเช่นนี้ เพื่อ
ประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ พระผู้เป็นเจ้าประทานพรพิเศษ ให้พ่อได้รู้ได้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า เป็นงานที่พ่อ
ต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจให้ พ่อยังรู้ด้วยว่า ลูกไม่สู้สนใจงานของพ่อนักดอก ทั้งนี้ เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้สถิตเป็นนิจ
นิรันดรไม่ประสงค์ให้เจ้าได้รับรู้ สติปัญญาอันน้อยนิดของลูกจึงไม่สามารถเข้าใจได้
มนุษย์สามารถที่จะล่วงรู้เหตุการณ์ข้างหน้าได้ โดยอาศัยการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น และจะต้อง
ไม่แสวงหาหนทางอื่นที่จะรู้ด้วย เช่น การดื่มเหล้าเมามาย การพูดเพ้อเจ้อเหลวไหลเหมือนคนที่หลอกลวงเขา
ทำกัน พ่อขอย้ำว่าการพยากรณ์ของพ่อมาจากการดลใจของพระผู้เป็นเจ้า พ่อได้พยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้า
ไว้ไกลมากและมันจะเกิดขึ้นจริง ณ สถานที่ที่ระบุไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
พ่อจงใจปกปิด ชื่อคน คณะบุคคล และสถานที่ ไม่บอกตรง ๆ โจ่งแจ้ง เพราะเกรงว่า อาจเป็นที่เสียหาย
แก่เขา เขาอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกกล่าวหาลงโทษจะเป็นเหตุแตกร้าว และอาจมีบางคนใช้ความพยายาม
พลิกเหตุการณ์ให้เป็นไปตามคำทำนาย คำทำนายของพ่อทุกคนจะรู้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว หรือ
ใกล้เข้ามาจนแก้ไขอะไรไม่ได้ ในพระคัมภีร์ยังกล่าวไว้อีกว่า "อย่าให้ของบริสุทธิ์แก่คนเลว อย่าให้ไข่มุกแก่สุกร
เพราะนอกจากมันจะเหยียบย่ำทำลายแล้ว มันจะหันมาแว้งกัดท่านอีกด้วย" (มัทธิว 17:6) พระคัมภีร์ยังเขียน
ไว้อีกว่า "พระเป็นเจ้าทรงปกปิดความจริงแก่ผู้ที่คิดว่าตนเองฉลาดหลักแหลม แต่จะทรงเปิดเผยให้กับผู้ที่เป็น
เสมือนลูกอ่อนได้รู้" พระองค์ทรงเปิดเผยให้กับบรรดาผู้ที่ได้รับเลือกสรรแล้ว พวกเขาได้รับพระพรบางครั้งทรง
ใช้เทวทูต พวกเขาจะได้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกลโพ้น พระผู้เป็นเจ้าทรงมีฤทธิอำนาจล้นพ้น พระองค์
ทรงบันดาลให้ทุกสิ่งบริบูรณ์ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นถ้าไม่ทรงอนุญาต พระองค์ทรงเปลี่ยนคนโง่ให้เป็นนักปราชญ์
บุคคลซึ่งได้รับพระพรจะมีพลังร้อนแรงประหนึ่งดวงอาทิตย์
เพราะความเป็นมนุษย์เราจึงไม่สามารถล่วงรู้สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงปกปิดไว้ แต่พระองค์อาจไขแสดง
ให้กับบางคน เช่น ในโบราณกาลทรงเปิดเผยแก่เหล่าประกาศก มนุษย์ก็ได้รับรู้จากประกาศกอีกทอดหนึ่ง
ในพระธรรมใหม่ พระเป็นเจ้าทรงส่งพระจิตเจ้าลงมายังอัครสาวกทั้งสิบสองคนเป็นเปลวไฟคล้ายลิ้น
ท่านเหล่านั้นได้รับพระพรต่าง ๆ สามารถพูดภาษาของคนต่างชาติ สามารถรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วย รักษา
คนพิการ ฯลฯ
ลูกรัก พ่อกำลังพูดกับเจ้าในเรื่องที่อธิบายให้เข้าใจได้ยาก คนที่ได้รับพระจิตเจ้าแล้วสามารถล่วงรู้
อนาคต เห็นเหตุการณ์ภายหน้า ได้ยินเสียงพูดตอบโต้กันซึ่งพ่อเองก็ไม่เข้าใจ จนกว่าพระองค์อธิบายให้
พ่อฟังว่าเหตุการณ์นั้น ๆ เกิดที่ไหน อย่างไร กับใคร เมื่อไหร่ จนบางครั้งพ่อไม่กล้าเขียน เพราะมันเหลือเชื่อ
เกินกว่าที่จะรับได้ แต่พ่อขอยืนยันว่าพ่อได้รับอำนาจนี้จากพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพทรงสถิตเป็นนิจนิรันดร
ความรู้ที่พ่อได้รับจากการดลใจของพระผู้เป็นเจ้า ผนวกกับการศึกษาการโคจรของดวงดาวนั้น พ่อได้
รับรู้แต่เพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น และเป็นเศษที่ไม่ซ่อนเร้นจนเกินไปนักด้วย ลูกรัก พ่อวิงวอนเจ้าอย่าได้ใช้สติ
ปัญญาของเจ้าในการใฝ่หาความรู้เช่นนี้เป็นอันขาด เพราะสติปัญญามนุษย์ไปไม่ถึง มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รู้
ความกระหายใคร่รู้จะทำให้ร่างกายเจ้าอ่อนแอร่วงโรยอับเฉา และที่สำคัญที่สุดจะเป็นโอกาสให้อำนาจชั่วร้าย
แทรกตัวเข้ามา ซาตานมีฤทธิ์เดชกล้าแข็ง เหตุการณ์ร้ายจะเกิดจากสาวกของมัน จงหลีกหนีการใช้เวทมนตร์
อันน่าชังของมันด้วย
พ่อไม่ต้องการยกยอตนเองว่าเป็นผู้ได้รับเลือกสรรจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะพ่อยังเป็นคนบาป เท้าทั้งสอง
ของพ่อยังติดอยู่กับโลก ใจของพ่อยังติดอยู่กับทรัพย์สมบัติ ฟอมีข้อบกพร่องมากมาย พ่อสรรเสริญพระองค์
สำหรับพระพร พ่อทำงานติดต่อกันเงียบ ๆ บางทีถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ คำทำนายของพ่อไปไกลถึงปี 3797
ที่จริงแล้วสัญญาณบนท้องฟ้าบ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดจนถึงรอบปี 7000 แก่ ๆ หรือ ต้น ๆ รอบปี 8000
ซึ่งจะครบวงจรจักรราศีของยุคนี้ เมื่อนั้นแหละจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นปฐมและอวสานของสรรพสิ่ง มีหลายคนที่ได้รับพระเมตตาให้ได้รู้อนาคตของโลก
ลูกต้องเข้าใจว่ามีหลักใหญ่ 2 ข้อคือ หนึ่ง เขาต้องรับพระพร ได้รับความสว่างเหนือธรรมชาติ ส่องสติปัญญา
ที่มืดทึบตามวิสัยมนุษย์ สอง ต้องมีความรู้การโคจรของดวงดาว เขาจึงสามารถพยากรณ์ตามการดลใจของ
พระผู้เป็นเจ้า บรรดาประกาศกรู้ดีว่า สิ่งที่พยากรณ์นั้นจะเกิดขึ้นจริง ๆ พระพรแห่งการทำนายเป็นของขวัญ
ประทานจากพระผู้เป็นเจ้า คือ องค์พระจิต องค์ความสว่างและเปลวไฟ
พ่อมองเห็นอนาคตของโลกดังนี้ ก่อนที่จะมีไฟบรรลัยกัลป์ จะเกิดน้ำท่วมใหญ่เป็นเวลานาน ไม่มีพื้นดินแห้ง
ทุกคนจะตายหมด ยกเว้นคนที่อยู่ในทะเลและบนภูเขา ก่อนและหลังน้ำท่วม ฝนตกน้อยลง มีหินที่ลุกเป็นไฟตก
จากฟากฟ้า อีกทั้งลูกไฟที่ไหม้หมดแล้ว สิ่งเหล่านี้จะเกิดพร้อมก่อนที่จะเกิดไฟไหม้ใหญ่
ฟังนะลูก การโคจรของดวงดาวและการไขแสดงของพระเป็นเจ้า พ่อเห็นทุกข์เข็ญของมนุษย์ โรคระบาด
และสงคราม สงครามคืบคลานเข้ามาใกล้ หลังจากนี้อีก 3 - 4 ชั่วคน ความอดอยากจะแผ่กว้างไปทั่ว และ
ทวีความร้ายกาจขึ้นด้วย ความอดอยากจะเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตามที่บ่งบอกไว้ที่ดวงดาว
จะเกิดน้ำท่วมรุนแรงนับพันครั้ง ฝนตกไม่หยุด พ่อได้บอกสถานที่ วันเวลา และระยะของเหตุเภทภัย
ไว้ล่วงหน้า แต่มนุษย์ก็ไม่เข้าใจจนกว่าเวลานั้นจะมาถึง เวลาขับไล่ความไม่รู้ของคนทวีความร้ายกาจขึ้นด้วย
ในพระคัมภีร์ยังเขียนไว้ว่า "ข้าจะปราบความอยุติธรรมของพวกเขาด้วยท่อนเหล็ก และข้าจะโบยเขาด้วยแส้"
พ่อขอโมทนาคุณพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงประทานพรพิเศษให้พ่อ พ่อขอ มอบต่อให้ลูกเป็นมรดกตกทอดถึงลูกด้วย
คำพยากรณ์ของพ่อจะเป็นเหตุให้พ่อถูกวิพากษ์วิจารณ์เสีย ๆ หาย ๆ พิจารณาดูแล้วก็เป็นการโอ้อวดตนเอง
อีกทั้งลูกก็ไม่เข้าใจ พ่อจึงโยนมัน (ฉบับร้อยแก้ว) เข้ากองไฟ เปลวไฟสว่างจ้าผิดธรรมดาราวกับแสงฟ้าแลบ
ทีนี้ พ่อมั่นใจแล้วว่าในอนาคตจะไม่มีใครนำไปใช้ในทางที่ผิด พ่อเผามันให้วอดเป็นเถ้าธุลี
ลูกรักพ่อขอจบจดหมายแต่เพียงเท่านี้ พ่อหวังว่าลูกจะเข้าใจคำพยากรณ์ที่เป็นคำโคลงทั้งหมดของพ่อ
ขอพระผู้เป็นเจ้าประทานแนวทางชีวิตที่ดีแก่ลูก ขอให้ลูกมีความสุขและอายุมั่นขวัญยืนเทอญ
เมืองซาลอง
1 มีนาคม 1555
วิเคราะห์ การที่นอสตราดามุสบอกกับลูกชายว่าคำทำนายของเขาไปไกลถึงปี 3797 นั้นไม่ใช่ปี
ค.ศ. 3797 แต่เป็นตัวเลขปริศนาซึ่งจะเกี่ยวโยงกับตัวเลขที่เขากล่าวว่า เป็นสัญญาณบนท้องฟ้าบ่งบอกถึง
เหตุการณ์ที่จะเกิดในรอบปี 7000 แก่ ๆ หรือ ต้น ๆ รอบปี 8000 นั่นก็คือเขาต้องการบุ้ยใบ้ตัวเลข 3797 ซึ่ง
เราจะต้องทำให้เป็นตัวเลข ปลาย ๆ รอบปี 7000 ก็คือการเขียนสลับกันเสียก็จะได้ 7973 นี่ก็คือตัวเลขรอบ
ปี 7000 แก่ ๆ หรือ ต้น ๆ รอบปี 8000 ในทำนองเดียวกัน นอสตราดามุสยังกล่าวในจดหมายถึงพระเจ้าอังรี
ที่ 2 บ่อย ๆ ว่าปี 1585 และ 1606 จะเกิดเหตุการณ์ที่สำคัญมาก ๆ ถ้าเราเฉลียวใจว่าเป็นตัวเลขปริศนาดัง
ข้างบน เราก็ต้องสสับตัวเลขให้เป็น 5851และ 6061 ซึ่งจะมีผลต่าง 210 แล้วนอสตราดามุสก็เผยตัวเลข
1999 ในโคลงบทที่ 72/10 ว่าเป็นปีที่จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ กล่าวคือจะมีจอมมหากาฬทะยานจากฟากฟ้า
จะทำให้โลกสะท้านสะเทือน ถ้าเราเอาปี 1999 ลบออกเสีย 210 ก็จะได้ 1789 อันเป็นตัวเลขที่นอสตราดามุส
ต้องการบอกคนฝรั่งเศสว่า จะมีเหตุการณ์ที่สะท้านสะเทือนเช่นเดียวกับปี 1999
นั่นก็คือจะเกิดปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 9:26 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (8)👈

🔥--- จดหมายกราบทูลกษัตริย์อังรีที่ 2 ---🔥
          นอสตราดามุส เขียนจดหมายกราบทูลกษัตริย์อังรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศสในปี 1558 เป็นจดหมายยืดยาว
บรรยายความภาคภูมิใจของเขาที่ได้รับพระพรแห่งการทำนาย และยังได้ทำนายเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่จะ
เกิดภายหน้าอีกด้วย กษัตริย์อังรีที่ 2 เสด็จสวรรคตในปี 1559 จดหมายของนอสตราดามุส จึงถูกส่งมอบ
ต่อไปยัง กษัตริย์ฝรั่งเศสองค์ต่อ ๆ ไป
นอสตราดามุส เริ่มต้นจดหมายด้วยการสารภาพว่า เขาไม่รู้ว่าใครกันที่ดลบันดาลให้เขารู้เห็นเหตุการณ์
ล่วงหน้า เป็นความกังวลใจลึกซึ้งติดอยู่ในใจของเขาเป็นเวลานาน ที่สุดเขาก็ได้คำตอบ เขาบรรยายว่า
ในยามราตรีเขาใจจรดจ่อรอรับกระแสคลื่นแห่งการดลใจ มองผ่านหน้าต่างไปยังท้องฟ้าดารดาษด้วยดวงดารา
ฉับพลันจะปรากฏเปลวไฟบาง ๆ เขาถูกดูดเข้าไปอยู่ในพลังแห่งเปลวไฟนั้นจนตกอยู่ในภวังค์ เขาสามารถมอง
เห็นภาพของเหตุการณ์ข้างหน้าได้ ยังได้ยินสรรพสำเนียง เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนตอบโต้ของบุคคลใน
เหตุการณ์นั้น ๆ อีกด้วย
แรกๆ นอสตราดามุสลังเลไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นความฝัน หรือเขาเป็นบ้าคิดไปเอง หรือเป็น
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริง ๆ โดยที่มีใครดลบันดาลให้เขาได้เห็น ปีศาจ หรือมนุษย์ แต่แล้วความจริงก็ปรากฏ
แก่เขา เขางงงวยเหมือนถูกทุบหัว ตัวสั่นเทาด้วยความยำเกรงเป็นล้นพ้น ตะลึงงันด้วยพระสิริโรจนาเจิดจ้า
พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระองค์เองเป็นผู้เปิดเผยความลับของโลกแก่เขา ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่ปีศาจ
นอสตราดามุส ย้ำในโคลงดังนี้
D'esprit divin l'ame présage atteinte
Troubles, famine, peste guerre courir,
Eaux, siccitez, terre et mer de sange teinte
Paix treves, a naitre, Prelats, Princes mourir.
จิตวิญญาณของข้าเฝ้าระวังรอรับการเสด็จมาของพระจิตเจ้า ข้ามองเห็นความทุกข์ยาก ความอดอยาก
โรคระบาด ความแห้งแล้ง น้ำท่วม สงครามวิ่งผ่านไปต่อหน้าต่อตาข้า ทั้งแผ่นดินโชกชุ่มด้วยเลือด มีการ
พักรบ ข้าได้เห็นสันติภาพ ข้ายังได้เห็นพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ได้เลื่อนยศ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินสวรรคต
ช่วงแรก ๆ ของจดหมาย นอสตราดามุส กราบทูลเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การสถาปนาราชวงศ์ใหม่
ของฝรั่งเศส ความอดอยากที่จะเกิดขึ้นภายหลังรัชสมัยของอังรีที่ 2 ทั่วยุโรป อัฟริกา และอาเชีย ความอดอยาก
เป็นที่มาของการจลาจลในฝรั่งเศส เขาใช้คำพูดคลุมเครือยากที่จะตีความ บอกใบ้เป็นนัย ๆ เกี่ยวกับบุคคล
เวลา สถานที่
เป็นไปได้มากทีเดียวหลังจากที่เขาเขียนจบเซนรี่ที่ 3 แล้ว เขาทราบว่าอะไรจะเกิดกับประเทศชาติบ้านเมือง
ของเขา กับคนฝรั่งเศสเพื่อนร่วมชาติของเขา เขาจึงเขียนจดหมายกราบทูลกษัตริย์อังรีที่ 2 ด้วยความหวังว่า
พระองค์และกษัตริย์องค์ต่อ ๆ มาจะได้ทรงช่วยแก้ไขปัดเป่าหรือบรรเทาเหตุการณ์นองเลือดที่จะเกิดภายหน้าได้
นอสตราดามุส ยังกราบทูลถึงเหตุการณ์ร้ายแรงของโลกต่อไปอีกว่า ประชาชนระส่ำระสายบ้าคลั่ง พวกเขา
จะยกมือต่อสู้แม้กระทั่งผู้ที่เคยให้สันติภาพและความร่มเย็น พวกเขาคิดว่าพระเป็นเจ้าทรงปล่อยซาตานออกมา
จากขุมนรก ให้มันเบียดเบียนป็นอริกับทุกศาสนา มิใช่เฉพาะกับศาสนาคริสต์เท่านั้น พวกมันจะทำให้พวกเขา
(คริสตชน) เป็นชนกลุ่มน้อยไปในทันที โลกจะถูกนำโดยชาวยุโรปเหนือ จะมีการเบียดเบียนพระศาสนจักรและ
ศาสนบริกรอย่างเหี้ยมโหด พวกผู้นำใจทมิฬนี้จะรวมตัวกับชาวะวันออกซึ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีก
ที่สุดผู้นำที่กล้าแข็งถึงแก่ความตาย เกิดผู้นำคนใหม่ซึ่งเหี้ยมโหดยิ่งไปกว่าเก่า....
คำพยากรณ์ตอนนี้หมายความถึงการปฏิวัติใหญ่ในรัสเซีย ประชาชนลุกฮือโค่นอำนาจพระเจ้าซาร์ และระบบ
เจ้าขุนมูลนาย เมื่อเลนินเป็นผู้นำ คณะรัฐบาลบอลเซวิก ได้นำลัทธิคอมมิวนิสต์เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของ
ประเทศ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองและทางศาสนา ลัทธิคอมมิวนิสต์ล้มล้างความเชื่อเรื่อง
ศาสนา เรื่องพระเจ้าถือว่าเหลวไหลมอมเมา ที่นั่นไม่มีพระเจ้าอีกต่อไป คนที่มีความคิดขัดแย้งถูกฆ่าตาย ทรัพย์สิน
ทุกอย่างถูกริบเป็นของรัฐ เมื่อเลนินถึงแก่กรรม สตาลิน ขึ้นครองอำนาจแทน สตาลิน ใช้นโยบายที่แข็งกร้าวยิ่ง
ไปกว่าเลนิน ทุกคนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับเขาคือศัตรู โทษมีสถานเดียวคือความตาย ในยุคของสตาลิน
ประชาชนรัสเซียตายเพราะถูกประหารชีวิตมากกว่าในสงครามโลกครั้งที่ 1 เสียอีก
ลัทธิคอมนิวนิสต์แผ่ซ่านไปในยุโรปตะวันออก หลายประเทศเข้าร่วมในกลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอ มีการ
ปกครองประเทศแบบสังคมนิยมโดยมีรัสเซียเป็นผู้นำ ลัทธิคอมนิวนิสต์แพร่มาถึงเอเชีย ประเทศจีน , เหมาเจ๋อตุง
นำมาใช้ปกครองประเทศจีน เท่านั้นยังไม่พอ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังใช้ความพยายามเผยแพร่ลัทธิเข้าแทรกแซง
กิจการภายในหลาย ๆ ประเทศในเอเชีย เกาหลีแตกแยกเกิดสงครามเกาหลี เข้าแทรกแซงยึดครองประเทศ
ในแหลมอินโดจีน ลาว เขมร เวียดนาม เกิดสงครามอินโดจีน ประเทศไทยเราก็เคยถูกแทรกแซง และเป็นเป้า
หมายสำคัญที่จะแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์สู่มาเลเซียและสิงคโปร์ คนชาติเดียวกันต้องจับอาวุธเข้าต่อสู้กัน ฆ่ากัน
เป็นบาดแผลลึกที่ยากแก่การเยียวยารักษา
นอสตราดามุส ยังกล่าวถึงชาวยิวว่าชาวยิวจะถูกทารุณกรรมในยุโรป อัฟริกา และในอิสราแอลเอง
เป็นความจริง ชาวยิวถูกฆ่าตายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึง 6 ล้านคน! นอสตราดามุสยังบอกว่าความ
วุ่นวาย การขัดแย้ง การจลาจลดังกล่าวยาวนานถึง 73 ปี กับ 7 เดือน ถ้าหากว่าเราเริ่มนับจากชัยชนะของพรรค
บอลเซวิกของ เลนิน ในเดือนพฤศจิกายน 1917 ลัทธิคอมมิวนิสต์จะล่มสลายในเดืนมิถุนายน 1991 ตามคำ
ทำนายของนอสตราดามุส!!!
นอสตราดามุส กล่าวถึงสงครามตะวันออกกลางดังนี้ ชาวยุโรปกับชาวตะวันออกกลางจะห้ำหั่นสู้รบตบมือ
กันอย่างไร้ความปรานี ชาวยุโรปจะหมดเสียงหมดแรงพ่ายแพ้ตกเป็นทาสของชาวตะวันออกกลาง ยุโรปจะดิ่ง
ลงสู่อนาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบ และที่สุดจะเป็นเหยื่อของชาวตะวันออกกลาง หัวหน้าพวกอนารยชนจะเข้ามา
ทำลายวัดวาอาราม ศิลปวัตถุมีค่ามากมายซึ่งได้สร้างสมมานานนับศตวรรษถูกทำลายย่อยยับ พวกเขาจะสร้าง
โบสถ์วิหารของเขาขึ้นมาแทนที่ เหมือนกับที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนปี ค.ศ.1000 ที่ชนป่าเถื่อนบุกยุโรปและกดขี่ข่มเหง
ประชาชน การรุกรานของชาวตะวันออกกลางนี้จะสยดสยองน่าสะพรึงกลัว จนกระทั่งพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ไม่กล้า
ปฏิบัติศาสนกิจ บางคนละทิ้งศาสนาไปก็มี พระสันตะปาปาจะถูกจับ ถูกลักพาตัวไปจากพระราชวังที่ประทับ
เกิดปรปักษ์พระสันตะปาปา (Anti Pope) ขึ้นมาแทน
ทุกหัวระแหงมีโจรปล้นสะดมฆ่ายึดทรัพย์สิน เลือดของผู้บริสุทธิ์ไหลนองแผ่นดิน ท่วมถนนหนทาง
ไม่เว้นแม้ในสถานที่พึงเคารพบูชา เปรียบประดุจเม็ดฝนที่พรั่งพรูไหลไปบรรจบที่แม่น้ำ สายน้ำจะแดงฉาน
ประชาชนได้รับทุกข์ภัยน่าเวทนา ราวกับว่ามนุษย์ถูกพระเป็นเจ้าทอดทิ้งเสียแล้ว
ยังเกิดโรคระบาดแพร่ไปสามในสี่ส่วนของโลก และจะคร่าชีวิตมนุษย์ไปถึงครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งโลก
โลกจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เงียบเหงา บ้านเมืองถูกทิ้งร้างว่างเปล่า ถนนหนทางที่เคยคับคั่งมีผู้คนสัญจร
จะมีหญ้าขึ้นรก
ความอดอยากจะตามมา บางคนคิดจะหนีไปอยู่ที่อื่นที่คิดว่าอาจปลอดภัยกว่า ก็จะประสบเคราะห์กรรม
เช่นเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีครั้งใดเลยที่มนุษย์ะได้รับความทุกข์แสนสาหัสเท่านี้ นอสตราดามุส ยังย้ำอีก
ว่าน่าสงสารแม่ลูกอ่อนและหญิงมีครรภ์ ในพระธรรม มัทธิว 24:19-22 กล่าวว่า "ในวาระนั้นความเดือดร้อน
จะเกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์และแม่ลูกอ่อนเป็นที่สุด ขอให้ท่านทั้งหลายจงอธิษฐาน เพื่อว่าเหตุการณ์นี้จะมิได้
บังเกิดแก่ท่านในฤดูหนาว หรือในวันสะบาโต เพราะในวาระนั้นจะเกิดการกดขี่ข่มเหงคุกคาม การเบียดเบียน
และบีบคั้นด้วยประการต่าง ๆ ซึ่งจะเกิดความเดือดร้อนทุกขเวทนายิ่งกว่าครั้งใด ๆ นับตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลก
เป็นต้นมา หรือจะเกิดขึ้นในอนาคตก็ตาม แต่เพราะเหตุที่พระเจ้าทรงเห็นแก่ผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้
พระองค์จึงบันดาลให้เวลานั้นสั้นเข้า"
ครั้นแล้วจะมีผู้นำยิ่งใหญ่และทรงอำนาจในชาติตะวันตก เห็นความทุกข์ยากของชาวยุโรปผู้ถูกกดขี่
จึงได้รวบรวมกองทัพ นำทัพเรือของเขาออกสู่มหาสมุทร ผ่านช่องแคบซึ่งบรรพบุรุษของเขาได้เคยผ่านช่อง
แคบนี้ออกไปเพื่อหากองทัพของเขา (สหรัฐ) นำกำลังเข้ามาสมทบเพื่อช่วยปลดปล่อยชาวยุโรป แล้วฟื้นฟู
คืนอำนาจให้พระสันตะปาปาเสียใหม่ ในการปะทะกันของ 2 ทัพนี้ ผู้กดขี่ชาวเอเชียถึงกับอุทานว่า
"เลือดได้ย้อมทะเลให้เป็นสีแดง"
กองทัพฝ่ายตะวันตกสามารถพิชิตกองทัพชาวตะวันออก แม่ทัพชาวตะวันออกเห็นลางแพ้จึงสั่งถอยทัพ
เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย แต่เขาจะถูกจับและถูกฆ่าตายในที่สุด พวกอนารยชนอื่นจะแตกพ่ายหนีกระจัด
กระจาย ทิ้งลูกเมียให้ถูกคุมขังเป็นนักโทษ
ประเทศตามหมู่เกาะต่าง ๆ ในเอเชียและหมู่เกาะทางทิศตะวันออกจะถูกบีบบังคับให้เข้าร่วมประชุมกัน
ที่อัฟริกาเหนือกับฝ่ายตะวันตกและพวกอาหรับ แต่พวกเขาไม่ยอมรับข้อเสนอ จึงเกิดการแตกร้าวและต่อสู้กันเอง
สองผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งชาติตะวันตกจะมีชัยยิ่งใหญ่เหนือชาวตะวันออก ชัยชนะของเขาทำให้ชาวเอเชีย
ทั้งหมดสยบด้วยความหวาดกลัว
ยุโรปจะถูกปลดปล่อยโดยมหาอำนาจะวันตกนอกยุโรป (สหรัฐ) จะเข้ามาขับไล่ชาวตะวันออกไป
ปาเลสไตน์จะถูกบุกพร้อมกับเฮ็บรอน ที่สุดกรุงเยรูซาเล็มก็จะเป็นอิสระ วิหารศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวและชาวคริสต์
ซึ่งถูกพวกอาหรับยึดไว้อย่างเหนียวแน่นก็จะถูกตีเอากลับคืนมาได้ พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ที่ฝังพระศพพระเยซูเจ้า
จะเป็นที่หลบภัยสำหรับผู้ที่คู่ควร
ซาตานซึ่งใคร ๆ ต่างคิคว่ามันหมดฤทธิ์แล้วนั้น มันจะปลุกสาวกของมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ปรปักษ์
พระคริสต์ จะมาจากแคว้นอาร์ดา (ARDA) และซาร์ซัส (ZARSAS) ใกล้กรุงอิสตันบูลมีแม่น้ำอาร์ดาไหลผ่าน
ส่วนเมืองซาร์ซัส เป็นเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในแคว้นดาเซีย DACIA ปัจจุบันอยู่ในฮังการีกับยูโกสลาเวีย
ปรปักษ์พระคริสต์จะนำกองทัพบุกเข้าโจมตีกองทัพของพระสันตะปาปาองค์สุดท้าย พระนามเปโตร
โรมาโน เป็นพระสันตะปาปาซึ่งนักบุญมาลาคี ได้ทำนายว่าจะเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 111 นับจาก
พระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 2 (1130 - 1143) กองทัพปรปักษ์พระคริสต์จะพ่ายแพ้ สันติสุขจะบังเกิดช่วยระยะ
เวลาหนึ่ง
ครั้นแล้วในเดือนตุลาคมจะเกิดสุริยคราส โลกจะมืดสนิทเสมือนเมื่อครั้งพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์
บนเนินเขากัลวาริโอ โลกจะเข้าสู่ยุคราศีกุมภ์ แกนของโลกจะเบี่ยงเบนไปจากเดิม บนแผ่นดินจะเกิดกา
รเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ บางทวีปจะจมหายไปในทะเล แผ่นดินใหม่โผล่จากทะเล จะเป็นยุคใหม่ของมนุษย์
ยุคทองของมนุษย์ที่พระเป็นเจ้าจะละเว้นชีวิตให้ ซาตานเจ้าแห่งความชั่วร้ายจะถูกล่ามโซ่และโยนทิ้งลง
ในอเวจี พระศาสนจักรคาทอลิกจะมีชัยบนแผ่นดิน ถึงกระนั้นยังมีส่วนหนึ่งของมนุษยชาติที่หวนไปนับถือผี
และพวกอเทวนิยม คือพวกมนุษย์ที่ไม่เชื่อถึงพระเป็นเจ้า พวกเขาจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จ
กลับมาอีกครั้งหนึ่ง พระองค์จะทรงเป็นตุลาการตัดสินลงโทษทั้งผู้เป็นและผู้ตาย
นอสตราดามุส จบจดหมายลงดังนี้
"ข้าพระองค์อาจจะระบุชัดเจนก็ได้ว่า เหตุการณ์นั้น ๆ จะเกิดที่ใด เวลาใด เกี่ยวพันโยงใยไปถึง
เหตุการณ์อื่น ๆ ได้อย่างไร แต่ข้าพระองค์เกรงผู้ที่จะเข้ามาสอบสวน จึงขอกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต
งดเว้นรายละเอียดบางอย่าง เพื่อความสบายใจของข้าพระองค์ จึงขอเปิดเผยบางส่วนและปิดบังบางส่วน
ข้าพระองค์ขอยืนยันว่าทุกสิ่งที่ข้าพระองค์กราบทูลพรรณาจะตรงกับที่มีบันทึกไว้ใน
พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ"
ซาลอง 27 มิถุนายน 1558
เขียนโดย มิเซล นอสตราดามุส
แห่งจังหวัดซาลอง - เปรตรา

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 9:29 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (9)👈

🔥--- กุญแจไขความลับ ---🔥
          บ้านของนอสตราดามุส ที่ซาลองมีแขกมาเยือนเสมอมีทั้งคนร่ำรวยและคนยากจน พวกเขาจะมาขอ
คำปรึกษาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และเรื่องทำนายทายทักในเหตุการณ์ข้างหน้า ในตอนกลางคืน เขาจะขลุกอยู่ใ
นห้องส่วนตัวตามลำพัง เป็นห้องทดลองเก็บตำรามากมายหลายชนิด เขาใฝ่รู้วิชาโหราศาสตร์ แพทยศาสตร์
พฤกษศาสตร์และสมุนไพร
ยามราตรีท้องฟ้ากระจ่าง นอสตราดามุส ชอบมองผ่านหน้าต่าง ชมเวหากว้างใหญ่ไพศาลดารดาษด้วย
ดาราพราวระยับแสง ท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นเหมือนตำราเล่มใหญ่สำหรับเขา ในความเงียบสงัดเขาจะเฝ้าอ่าน
มันอย่างสนอกสนใจ ในใจก็อธิษฐานวอนขอพระจิตเจ้าส่องสว่างลงในจิตวิญญาณของเขา เพื่อจะได้ทำนาย
ได้อย่างแม่นยำ แล้วเขาเห็นเปลวไฟไหวระริกในความมืดแห่งรัตติกาล เมื่อตาเขาเพ่งมองจิตเขาก็อยู่ในภวังค์
ภาพเหตุการณ์นั้น ๆ โดดโลดเต้นต่อหน้าต่อตาเขา เขายังได้ยินเสียงหนึ่งอธิบายเหตุการณ์ที่ปรากฏในมโนภาพ
ของเขา เขาแน่ใจว่าเสียงนั้นคือเสียงของพระเป็นเจ้า เขาตัวสั่นด้วยความยำเกรง
นอสตราดามุส มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะบอกให้ทุกคนรู้ถึงอนาคต แต่เขามีหลักยึดมั่นว่าถ้าหากเขา
เปิดเผยโจ่งแจ้ง น่ากลัวว่าคำทำนายของเขาจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เขาจึงเรียบเรียงคำทำนายในบทโคลง
โดยใช้ภาษาหลาย ๆ ภาษาปะปนกัน ใช้วลีคลุมเครือ ยากแก่ความเข้าใจ จะเห็นได้จากคำเตือนของเขา
ในภาษาละติน ดังนี้
Quid legent hosce versu, mature censunto
Profanum vulgus et inscium ne attrectato:
Omnesque astrologi blenni, barbari procul sunto
Qui aliter facit, is rite sacer esto.
ผู้ที่อ่านคำโคลงนี้ ขอให้คิดพิจารณาให้รอบคอบ
คนต่ำทราม คนโง่เขลา จงถอยไปห่าง ๆ
หมอดู, คนโง่, คนป่าเถื่อน จงอย่าเข้าใกล้
ผู้ที่ปฏิบัติตัวเป็นอื่น (จะถูกสาปแช่ง) เพราะสิ่งนี้เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์
คำเตือนของนอสตราดามุสเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด มีผู้ที่ไม่หวังดีต่อเขา อิจฉาริษยาเขามากมาย
โดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษาดี และพระสงฆ์ทางศาสนจักร เพ่งเล็งผู้ที่หลอกลวงประชาชนโดยเอาพระเป็นเข้ามา
บังหน้า เขาจำเป็นต้องระวังตัว ถึงแม้ไม่มีใครสงสัยในความใจบุญสุนทาน เขาทำให้ใคร ๆ เห็นว่าเขาเป็น
คริสตชนที่ดีก็ตามที แต่การกล่าวอ้างว่า ได้รับพระพรแห่งการทำนายจากพระผู้เป็นเจ้าก็เป็นเรื่องที่ใคร ๆ
ต่างก็รู้สึกสงสัยอยู่ในใจ เขาจึงจำเป็นต้องระมัดระวังในการเขียนคำพยากรณ์ของเขาให้ยากต่อการตี
ความหมาย เพื่อป้องกันตัวเองให้พ้นภัยจากศาลศาสนา
นอสตราดามุสมีเหตุผลที่จะเขียนอย่างรอบคอบ เพราะเกรงว่าผู้อ่านจะตื่นตระหนก เกิดการปั่นป่วน
และเขาอาจถูกห้ามเขียน เขาพยายามใช้ภาษาโบราณปนเปกับภาษาอิตาเลียน ภาษาสเปน ภาษาละติน
ภาษาท้องถิ่น หรือไม่ก็ใช้วิธีเรียงตัวอักษรสลับกัน เพื่อใช้พยากรณ์เหตุการณ์ร้ายแรงที่จะเกิดกับประเทศ
ฝรั่งเศสปิตุภูมิของเขา การสลับตัวอักษรจะเห็นได้จากคำ FRANCE (ฝรั่งเศส) ก็เป็น NERCAF หรือ CERFAN,
PARIS (ปารีส) ก็เป็น RAPIS หรือ SIPAR, MAZARIN ก็เป็น NIZARAM แคว้นลอเรนต์ LORRAINE ก็เป็น
NORLARIS, จักรพรรดินโปเลียน NAPOLION ROY เป็น PAU NAY LORON, TOYRE = LE TORCEY
บางครั้งนอสตราดามุสยังจงใจเขียนผิด ๆ ตัวอักษรขาดหายไป ด้วย
เหตุผลที่ว่าเขาจงใจอำพรางความจริงบางอย่าง คำพยากรณ์ของเขาเขียนในบทโคลง 4 บรรทัด คำพยากรณ์
ของเขามีถึง 1,000 บท แบ่งเป็น 10 เล่ม ๆ ละ 100 บท แต่ละเล่มเรียกว่าเซ็นจูรี่ คำพยากรณ์ของเขาเริ่มแต่
ยุคสมัยของเขาเรื่อยไปจนถึงกาลอวสานของยุค

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 30, 2023 9:35 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (10)👈

🔥--- ชะตากรรมของกษัตริย์หลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส ---🔥
          ลองมาคูคำพยากรณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของโลกโดยนอสตราดามุส ดังต่อไปนี้
บทที่ 20 เซ็นจูรี่ที่ 9 (ต่อไปจะเขียนสั้น ๆ ว่า 20/9)
De nuict viendra par la forest de  Reines
Deur pars vaultore Herne la pierre blanche,
Le moine noir, en gris dedans Varennes
Eslen cap, cause tempeste, feu sang tranche.
ยามราตรีพระองค์ดำเนินฝ่าป่าดงพงไพรแห่งรีนส์
ทั้งสองระหกระเหิน, ราชินีหินขาว
พระองค์ในชุดนักบวชสีเทา ณ เมืองวารองส์
เมื่อเลือกประมุขแล้ว เกิดพายุ ไฟ และเลือดกระฉูด
เกิดปฏิวัติใหญ่ในปี 1789 ปัญหาความอดอยากความยากจนของประชาชนไม่ได้รับความเหลียวแล
จากชนชั้นปกครอง ปัญหานี้หมักหมมทับถมมานาน นับจากรัชสมัยของกษัตริย์ หลุยส์ที่ 14 ผู้สร้างพระราชวัง
แวร์ซายส์ ทุ่มเทเงินทองที่ได้จากภาษีราษฎรให้กับการสร้างพระราชวังจนเกือบหมด การเบียดบังผลประโยชน์
ในหมู่ข้าราชบริพาร ความเหลวแหลกในราชสำนัก ความฟุ่มเฟือยหรูหราของเจ้าขุนมูลนาย ช่องว่างระหว่าง
ชนชั้นกว้างไกลจนเกินกว่าประสานกันได้ มาถึงจุดแตกหักในรัชสมัยของกษัตริย์หลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี
อังตัวแนต ทั้งสองพระองค์เป็นเพียง "เหยื่อ" ผู้รับโทษทัณฑ์จากประชาชนแทนบูรพกษัตริย์ กษัตริย์หลุยส์ที่ 16
และพระนางมารีอังตัวแนต หนีออกจากพระราชวังตุยเลอรีที่คุมขังในคืนวันที่ 20 มิถุนายน 1791 เสด็จผ่าน
ช่องประตูลับในห้องของพระราชินี ประทับบนรถม้าหลบหนีอยู่ในป่าแห่งเมืองรีนส์ 2 วัน กษัตริย์หลุยส์ที่ 16
ปลอมเป็นนักบวชสวมเสื้อคลุมสีเทา พระราชินีอังตัวเนตซึ่งประชาชนให้สมญาว่าราชินีหินขาว (เพชร) เพราะ
ทรงโปรดเพชรนิลจินดาอัญมณี ทรงใช้จ่ายเงินจากท้องพระคลังเพื่อซื้อเครื่องเพชรมากมาย พระนางสวมเสื้อ
แบบชาวบ้านธรรมดา คืนที่ 2 เสด็จมาถึงเมืองวารองอย่างระโหยโรยแรง
บทที่ 34/9
Le part soluz mary sera mitte,
Retour conflict passera sur la thuille
Par cing cens un trahyr sera tiltré
Narban &  Saulce par contaur avons d' huille
พระผู้ทรงอภิเษกสมรสแล้ว จะอ้างว้างเดียวดาย, สวมหมวกทรงสูง
หวนกลับคืนสู่ที่คุมขังตุยเลอรี มีการปะทะกัน
ผู้ทรยศมีค่าหัวถึงห้าร้อยศพ
นายซอสมีน้ำมันแต่หยิบยื่นดาบให้
ราชรถม้ามาถึงจตุรัสเมืองวารอง เมื่อคืนวันที่ 21 มิถุนายน 179 นายซอส เจ้าของร้านชำทูลเชิญ
พระองค์เข้าไปพักผ่อนในร้านเสวยน้ำชา หากแต่ในใจสงสัยว่า ทำไมพระสงฆ์จึงเดินทางกลางคืนเคียงคู่
กับสตรี ถึงแม้แต่งตัวธรรมดาไปหน่อยแต่มีสง่าราศีผิดกับชาวบ้านธรรมดา เมื่อภรรยานายซอส ออกมา
จากหลังร้าน จำได้ว่าเป็นพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี หล่อนเกรงว่าภัยจะมาถึงตัวและครอบครัว จึงบอก
ให้สามีไปแจ้งกับคณะปฏิวัติ พระนางแมรีอังตัวแนต คุกเข่าอ้อนวอนนางซอส ขอให้ปล่อยพระนางและ
พระราชสวามีไปเพื่อเห็นแก่ลูกผู้หญิงด้วยกัน นางซอสได้กล่าวประโยคหนึ่งที่เสียดแทงใจแก่ผู้ที่ได้ยินว่า
"ข้าพระองค์รักพระเจ้าอยู่หัวแต่ก็รักสามีด้วยเช่นกัน คงจะยอมให้สามีถูกตัดหัวไม่ได้แน่นอน"
ทั้งสองพระองค์ถูกนำมายังกรุงปารีสโดยแยกขัง กษัตริย์หลุยส์ ทรงถูกขังไว้ที่พระราชวังตุยเลอรี
เช่นเดิม นอสตราดามุส สัมผัสความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวของพระองค์ เขายังเห็นภาพของพระองค์ทรง
หมวกสูง คณะปฏิวัติบังคับให้พระองค์สวมหมวกสูงที่มีเรียกกันว่าหมวกแห่งอิสรภาพ มีรูปร่างคล้าย ๆ กับ
หมวกที่พระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่สวมระหว่างทำพิธี เพราะขณะเกิดปฏิวัติใหญ่ในฝรั่งเศสนั้นประชาชนเกลียดชัง
กษัตริย์ เจ้าขุนมูลนาย ลามปามถึงพระสงฆ์ นักบวช เขาเหล่านั้นถูกฆ่าตายเป็นเบือ พระราชวัง บ้านเรือน
วัดวาอารามถูกเผาทำลายอย่างบ้าคลั่ง ศาสนาถูกเหยียบย่ำ
ข่าวการถูกจับครั้งที่สองของกษัตริย์หลุยส์ที่ 16 แพร่กระจายไป มีทั้งคนที่จงรักภักดีและคนที่เกลียดชัง
พระองค์ ทั้งสองกลุ่มเกิดปะทะกันอย่างดุเดือด เข่นฆ่ากันนองเลือด ตายกว่า 500 คนตรงตามคำทำนายของ
นอสตราดามุส เขายังรู้ชื่อว่า คนทรยศนั้นชื่อนายซอส มีอาชีพขายของชำ ขายน้ำมัน แต่หยิบยื่นดาบ (ความตาย
) ให้กับเจ้าเหนือหัว
บทที่ 14/1
De gent esclave chansons, chants & requestes
Captifs par princes & seigneurs aux prisons:
A l'advenir par idiots sans testes
Seront receux par divines oraisons
เสียงร้องรำทำเพลง เสียงขับขานประสานเสียง
เสียงร้องนานาของประชาผู้เป็นทาส
เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินถูกจองจำในคุก
ในอนาคต พวกเขาจะเป็นเหมือนไอ้โง่ หัวจะหลุดจากบ่า
แต่ทว่าพวกเขาจะได้รับการต้อนรับด้วยเสียงแซ่ซ้องจากสวรรค์
วันที่ 21 มกราคม 1793 กษัตริย์หลุยส์ที่ 16 ถูกมัดมือประทับบนเกวียนไปสู่ตะแลงแกง
นอสตราดามุสมเขียนโคลงบทนี้ด้วยความโศกสลดรันทดใจไปกับชะตากรรมของพระองค์
ที่ตะแลงแกง กลางจตุรัสใหญ่ ประชาชนต่างเบียดเสียดไปดูการประหารชีวิตกษัตริย์ของตน ต่าง
วิพากษ์วิจารณ์ บ้างแช่งด่า บ้างร้องไห้เวทนาพระองค์ ครั้นแล้วความเงียบสงัดก็เกิดขึ้น กษัตริย์ หลุยส์ที่ 16
เสด็จลงจากเกวียน เสด็จขึ้นบนแท่นประหารอย่างองอาจด้วยขัตติยมานะ ทรงกวาดสายพระเนตรไปยังฝูงชน
ทรงเปล่งเสียงกังวานก้องแก่ประชาราษฎร์ยืนยันความบริสุทธิ์ของพระองค์ แล้วทรงเงยพระพักตร์สู่เบื้องบน
อธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าทูลว่า "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นโล่ห์ป้องกันข้าพเจ้า ป้องกันศักดิ์ศรีของ
ข้าพเจ้า และเป็นผู้ชูศีรษะของข้าพเจ้าไว้"
แล้วใบมีคคมกริบของกิโยตินก็หล่นลงมาบั่นเศียรขาดกระเด็น ทั่วทั้งลานประหารเงียบกริบด้วยความ
สะเทือนใจ กษัตริย์หลุยส์ที่ 16 ชนะใจประชาชนของพระองค์ เพชรฆาตถึงกับสาบานว่าจะเลิกอาชีพเพชรฆาต
อย่างเด็ดขาด พระนางแมรีอังตัวแนต ก็ประสบชะตากรรมเช่นกันกับพระราชสวามี แต่เนื่องจากพระนางมิใช่
ชาวฝรั่งเศส ความจงรักภักดีจากประชาชนย่อมลดน้อยลง พระนางเสด็จสู่ตะแลงแกงอย่างสงบเสงี่ยม พระเกษา
สีทองที่เคยงามสลวย บัดนี้กลับกลายเป็นสีขาวโพลนแห้งกรอบด้วยความทุกข์ระทมแสนสาหัส ท่ามกลางเสียงร้อ
งแช่งด่าหยาบช้าของประชาชน พระนางเสด็จขึ้นบนแท่นประหาร คุกเข่า พระเศียรพาดบนแผ่นไม้ สะกดกลั้นใจ
รอรับความตาย สิ้นเสียงกลองรัว พระเศียรก็ขาดกระเด็น ประชาชนโห่ร้องยินดีอึงมี่ "นังหญิงแพศยาชาวออสเตรีย
ตายเสียได้ก็ดี!" แต่นอสตราดามุสกลับลงท้ายในโคลงของเขาเป็นอีกอย่างคือ จะได้รับการต้อนรับจากชาวสวรรค์
เพราะเป็นความผิดของราชบริพารที่ไม่ได้พูดความจริงให้พระองค์ทรงทราบ

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 01, 2023 6:58 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ ( 1 1 )👈

🔥--- ชะตากรรมของชาวเมืองนองต์ ---🔥
          นอสตราดามุส มองเห็นเหตุการณ์น่าสยดสยองในประเทศฝรั่งเศส การเกิดปฏิวัติใหญ่ในปี 1789
สิ้นสุดปี 1793 ในวันที่กองทัพฝ่ายสาธารณรัฐเข้ายึดเมืองนองต์ NANTES เมืองสุดท้ายของฝ่ายต่อต้าน
เขาบรรยายในโคลงบทที่ 33 เซ็นจูรี่ที่ 5 ดังนี้
โคลงบทที่ 33/5
Des principaux de cité rebellee,
Que tiendront fort pour liberté r' avoir:
De trancher masles, infelice meslee,
Cris hurlemens á Nantes piteux voir.
ชาวเมืองคนสำคัญของเมืองที่ต่อต้าน
ใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะได้อิสรภาพคืนมา
ผู้ชายจะถูกตัดหัว ผู้หญิงจะถูกข่มขืนอย่างน่าทุเรศ
เสียงร้องคร่ำครวญที่เมืองนองต์ สุดเศร้าที่ได้แลเห็น
ปี 1793 ชาวเมืองนองต์และเมืองใกล้เคียงต่างรวมตัวกันต่อต้านพวกคณะปฏิวัติ
แต่ก็พ่ายแพ้ กว่าพันคนถูกบั่นคอด้วยกิโยติน บ้างก็ถูกจับเปลือยกายมัดติด หันหน้าเข้าหากันเป็นคู่ ๆ
และเอาไปโยนทิ้งกลางแม่น้ำที่เย็นเฉียบเชี่ยวกราก จมน้ำตายอย่างน่าอเนจอนาถ
บางคนตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งก็ถูกยิงซ้ำอย่างโหดเหี้ยม

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 01, 2023 7:01 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ ( 12 )👈

🔥--- ปรปักษ์พระคริสต์คนที่ 1 - นโปเลียน ---🔥
          การที่นอสตราดามุส มองเห็นเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคต ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน สรรพสำเนียง
ภาพการรบราฆ่าฟัน จิตใจของเขาหดหู่เศร้าหมองเวทนาผู้ที่ถูกรังแก ในขณะเดียวกันเขาก็ชิงชังในความ
อำมหิตโหดเหี้ยมของมนุษย์ เขาจึงประณามคนประเภทนี้ว่า แอนตี้ไคร้สต์ หรือปรปักษ์พระคริสต์ หมายถึง
คนสารเลว ไม่มีศีลธรรม ไม่มีศาสนา ไม่มีความดีงามใด ๆ ในใจ นอสตราดามุส กล่าวถึงปรปักษ์พระคริสต์
ไว้ 3 คน คนแรกคือ นโปเลียน คนที่สองคือ ฮิตเล่อร์ ส่วนคนที่สาม คือ แอนตี้ไคร้สต์ ที่มีกล่าวไว้ในที่พระคัมภีร์ว่า
จะเกิดตอนสิ้นโลก จะเป็นผู้ทำลายล้างพระศาสนจักรเป็นอันดับแรก แล้วสร้างอิทธิพลทางการเมืองพร้อมกับ
สมุนของมัน จนสามารถเป็นผู้นำผู้ทรงอิทธิพลของกลุ่มสหพันธ์นานาประเทศ เช่น สหพันธ์อาหรับหรือประชาคม
ยุโรป แล้วกระเถิบมาเป็นผู้นำโลกทั้งทางการเมือง ทางทหาร และทางเศรษฐกิจ ใครจะทำมาค้าขายกับมัน
จะต้องมีตรารูปสัตว์หรือหมายเลข 666 มันจึงจะยอมเสวนาด้วย นอกจากนี้ มันยังสามารถแสดงปาฏิหาริย์ได้
โดยอาศัยอิทธิฤทธิ์ของซาตาน เช่น เมื่อบาดเจ็บสาหัสก็สามารถรักษาให้หายได้แบบปาฏิหาริย์ หรือเหาะเหิน
เดินอากาศได้ จนผู้คนคลั่งไคล้ในตัวมัน และขณะที่มันกำลังแสดงอิทธิฤทธิ์เหาะขึ้นฟ้าอยู่นี้ ก็โดนอัครเทพไมเกิ้ล
เป่าพรวดเดียวจนจมธรณีในบัดดล
ปรปักษ์พระคริสต์คนแรก คือ นโปเลียน เขาเขียนไว้ในบทโคลงที่ 60 เซ็นจูรี่ที่ 1 ดังนี้
Un Empereur naistra pres d'ltalie
Qui a' l'Empire sera vendu bien cher,
Diront avec quels gens il se ralie,
Quon trouvera moins prince que boucher
จักรพรรดิองค์หนึ่งประสูติใกล้อิตาลี
พระองค์จะถูกขายให้จักรภพด้วยราคาแพง
ผู้รอบข้างจะกล่าวแก่คนเหล่านั้นซึ่งพระองค์ร่วมเป็นพันธมิตรด้วย
ว่าพระองค์ทรงเป็นคนฆ่าสัตว์มากกว่าจะเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแฝนดิน
นโปเลียน โบนาปาร์ต เกิดที่เกาะคอร์ชิกาใกล้ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1769 เป็นนักเรียน
นายร้อยทหาร  เมื่อเรียนชั้นมัธยมสอบได้อันดับที่ 412 ในจำนวนนักเรียน 518 คน แต่เขามีความทะเยอ
ทะยานสูง มานะและอดทน
ในปี 1789 เกิดปฏิวัติใหญ่ในประเทศฝรั่งเศส นโปเลียน เข้าเป็นสมัครพรรคพวกของคณะปฏิวัติ
ปี 1795 เขาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปี 1797 เขาได้ปราบกำลังทหารออสเตรียในอิตาลี
ปีต่อไปเขานำกองทัพฝรั่งเศสบุกซีเรียและอียิปต์ เขารบชนะกองทัพของฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ อังกฤษ
รัสเซีย ออสเตรียและปรัสเซีย เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ติดต่อกัน ทำให้เขาก้าวไปสู่บุรษผู้ทรงอำนาจสูงสุดในยุโรป
โคลงบทที่ 57 เซ็นจูรี่ที่ 8 กล่าวถึงการเข้าสู่อำนาจของนโปเลียน
De soldat simple parviendra en empire,
De robe contre parviendra a'la longue
Vaillant aux armes en eglise ou plus pyre
Vexer les prestres comme l'eau fait l'esponge
จากทหารธรรมดาสู่ตำแหน่งจักรพรรดิ
จากเสื้อคลุมสั้นสู่เสื้อคลุมยาว
กล้าหาญในสงคราม บ้าบิ่นกับศาสนาจักร
เขาจะบีบพระสงฆ์เหมือนคั้นน้ำจากฟองน้ำ
นโปเลียน ยาตราทัพเข้ายึดกรุงโรม จับพระสันตะปาปาปีโอที่ 6 ในปี 1799 นำไปขังไว้ที่เมืองวาลองซ์
พร้อมกับพระสงฆ์อีก 32 องค์ ทำให้พระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์วันที่ 29 สิงหาคม 1799
พระสันตะปาปาองค์ต่อมา ปีโอที่ 7 เสด็จเป็นแขกรับเชิญในพระราชพิธีสวมมงกุฎให้กับตนเองของ
นโปเลียน ในปี 1804 พอปี 1808 นโปเลียน จับพระสันตะปาปาขังคุก
นโปเลียน เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นทหารชั้นผู้น้อย ขณะที่เขาเป็นนักเรียนนายร้อยที่ปารีส เขาคลั่งไคล้
ลัทธิฟรีเมซอนมาก ลัทธินี้ต่อต้านศาสนาและพระเป็นเจ้า บูชาซาตานและความชั่วร้าย หนังสือบางเล่มยัง
บอกว่า นโปเลียน ขายวิญญาณของตัวเองให้กับซาตานเพื่อแลกกับอำนาจและความยิ่งใหญ่ และก็เป็นเช่นนั้น
จริง ๆ เขาได้เลื่อนเป็นนายทหารปืนใหญ่ในกองทัพปฏิวัติ ได้เลื่อนเป็นนายพล เขารบอย่างบ้าบิ่นเป็นที่เลื่องลือ
ราวกับซาตานอยู่ข้างหลังเขา เขารบที่ไหนก็ได้ชัยชนะ จนเป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวฝรั่งเศส ซึ่งตอนนั้น
กำลังเหนื่อยหน่ายต่อการสู้รบภายใน หลังการปฏิวัติใหญ่ หลังจากที่ รอบสเปียร์ ถูกตัดคอด้วยกิโยตินไปได้ 5 ปี
นโปเลียน ก็สถาปนาตัวเองเป็นกงสุลของฝรั่งเศสในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1799 และได้สวมมงกุฎให้ตนเอง
ในปี 1804 นโปเลียนเป็นสาวกที่ดีของลัทธิฟรีเมซอน เมื่อก้าวสู่อำนาจเขาก็ย่ำยีพระศาสนา ทำลายวัดวาอาราม
ปล้นทรัพย์สินมีค่าของวัดที่ผู้มีใจศรัทธาถวายนำกลับฝรั่งเศส พระสันตะปาปาถูกดูหมิ่นเหยียบย่ำ ถูกจับขังราว
กับนักโทษอุกฉกรรจ์ พระสงฆ์ นักบวชถูกฆ่าตาย กองทัพนโปเลียนไปถึงที่ไหน ประชาชนถูกฆ่าตายราวกับผักปลา
จำนวนถึง 2 ล้านคน ทำลายบ้านเมืองย่อยยับ ทรัพย์สินถูกปล้น พระองค์จึงถูกประณามจากนอสตราดามุสว่าเป็น
คนฆ่าสัตว์ไม่ใช่พระเจ้าแผ่นดิน
ในการรบครั้งแรก ๆ นโปเลียนประสบชัยชนะโดยตลอด ทรงฮึกเหิมเพราะมั่นใจในฤทธิอำนาจของซาตาน
ที่ผลักดันนายทหารจน ๆ ก้าวไปสู่ตำแหน่งจักรพรรดิ มีอำนาจครั่นคร้ามสะเทือนยุโรป แต่ในที่สุด ธรรมะก็
ชนะอธรรม นโปเลียน ประสบชัยชนะกับมนุษย์ แต่ต้องมาพ่ายแพ้แก่ธรรมชาติแก่อากาศหนาวเหน็บของรัสเซีย
ในปี 1812 ชาวเมืองมอสโคว์ถอยหนีไปจากมอสโคว์พร้อมด้วยเสบียง กองทัพเกรียงไกรของนโปเลียนจำต้อง
ถอยทัพกลับ กองทัพใหญ่พลรบถึง 60,000 คน กลับถึงปารีสไม่ถึง 20,000 คน ลางแพ้ของนโปเลียนครั้งแรก
และติดตามมาด้วยการแพ้ครั้งต่อ ๆ มา ในที่สุดจักรพรรดิผู้เกริกเกียรติพ่ายแพ้แก่กองทัพอังกฤษ นำโดยดยุค
แห่งเวลลิงตัน ถูกเนรเทศไปอยู่ที่เกาะเซนต์เฮเลนาหมดสิ้นซึ่งราชอำนาจ ข้าราชบริพาร มีเพียงพระสงฆ์องค์หนึ่ง
อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจ ในวาระสุดท้ายพระองค์สำนึกบาป ทรงตระหนักว่าไม่มีอำนาจใดจะยิ่งใหญ่เทียบเท่า
พระผู้เป็นเจ้าเลย
นอสตราดามุส ทำนายไว้ในโคลงบทที่ 13 เซ็นจูรี่ที่ 7 ว่า นโปเลียนจะครองอำนาจถึง 14 ปี
นโปเลียนหมดอำนาจวันที่ 13 เมษายน 1814 ก็เป็นเวลา 14 ปีพอดีตามที่นอสตราดามุส ทำนายไว้

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 01, 2023 7:20 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (13 )👈

🔥--- พระนางแมรีสจ๊วต ราชินีแห่งสก๊อตแลนด์ ---🔥
          คำโคลงบทที่ 86/1
La grand Royne quande se verra vaincuë
Fera excez de masculin courage,
Sur cheval, feuve passera toute nue
Suite par fer, a foy fera outrage
เมื่อพระราชินีผู้ยิ่งใหญ่รู้ตัวว่าจะแพ้
เพื่อจะแสดงว่าพระนางก็กล้าหาญเยี่ยงบุรุษ
จึงขี่ม้าลุยข้ามแม่น้ำร่างเปลือยเปล่า
ถูกไล่ตามด้วยคมดาบ ที่สุดพระนางละทิ้งศาสนา
เมื่อสิงห์เฒ่า กษัตริย์อังรีที่ 2 เสด็จสวรรคตจากการประลองฝีมือกับสิงห์หนุ่มคาเบรียล มองต์โกเมอรี่
พระนางแคทรีน เดอ เมดิซี ดำรงพระยศพระพันปีหลวง ผู้สำเร็จราชการแทนยุวกษัตริย์ฟรังซัวที่ 2
กษัตริย์ฟรังซัวที่ 2 มีพระพลานามัยไม่สมบูรณ์ ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางแมรี สจ๊วต ราชินีแห่งสก็อตแลนด์
ยังไม่ทันมีรัชทายาท กษัตริย์ฟรังซัวที่ 2 ก็เสด็จสวรรคต พระชนมายุเพียง 17 ปี 10 เดือนกับ 15 วัน ตามคำ
พยากรณ์ของนอสตราดามุส พระอนุชาจึงเสด็จขึ้นครองราชย์ พระนามกษัตริย์ชาร์ล ที่ 9 พระองค์ทรงหมั้น
กับเจ้าหญิงเอลีซาเบทแห่งออสเตรีย ขณะที่พระองค์ทรงมีพระชนม์เพียง 11 พรรษา นี่ก็ตรงกับคำทำนาย
ของนอสตราดามุส เช่นกัน
พระราชินีแมรี สจ๊วต แห่งสก็อตแลนด์จึงเสด็จกลับไปประทับอยู่ในสก็อตแลนด์ ขณะนั้นพระนางเจ้าเอลิซาเบทที่ 1
เป็นราชินีแห่งอังกฤษ พระนางเจ้าเอลิซาเบทที่ 1 ทรงป็นพระราชธิดาของกษัตริย์เฮนรีที่ 8 ประสูติจากพระนาง
แอนน์โบลีน เป็นบุตรนอกสมรส เพราะขุนนางผู้ใหญ่ผู้สนับสนุนคาทอลิกถือว่า พระนางเจ้าเอลิซาเบทที่ 1ไม่มีสิทธิ
ในราชบัลลังก์ ฝ่ายขุนนางสก็อตเห็นสมควรที่จะอ้างสิทธิตามราชประเพณีของพระนางแมรี สจ๊วต ต่อราชบัลลังก์
อังกฤษ และสก็อตแลนด์ การเมืองระหว่างสองประเทศตึงเครียดยิ่ง แต่พระนางแมรี สจ๊วตทรงมีสัมพันธ์ลับ ๆ
กับนายทหารชื่อ "บอธเวล" บรรดาเสนาบดีทั้งหมดไม่พอใจในความประพฤติเหลวไหลของพระนาง
(การประพฤติตนเช่นนี้ถือว่าผิดต่อหลักศาสนาคาทอลิก ก็แสดงว่าพระนางมีเจตนาจะละทิ้งศาสนา ตามคำ
ทำนายของนอสตราดามุส) จนที่สุดพระนางแมรี สจ๊วต จำต้องเสด็จลี้ภัยไปประทับในอังกฤษ ทรงม้าลุยข้าม
แม่น้ำหนีอย่างรีบเร่งโดยไม่มีผ้าพันกาย เมื่อประทับอยู่ในอังกฤษก็ทรงเป็นหอกข้างแคร่ของพระนางเจ้า
เอลีซาเบทที่ 1 เพราะทรงถูกยุยงให้แย่งสิทธิในราชบัลลังก์ ในที่สุดพระนางแมรี สจ๊วต ก็ต้องพระอาญาโทษ
ประหารจากพระนางเจ้าเอลีซาเบทที่ 1 พระนางทั้งสองซึ่งเป็นทั้งคู่แค้นและพระญาติสนิทขับเคี่ยวต่อสู้กันเป็น
เวลานาน ปัจจุบันพระศพนอนเคียงคู่ในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ในลอนดอน
🔥--- ปรปักษ์พระคริสต์คนที่ 2 - ฮิตเลอร์ ---🔥
          นอสตราดามุสยังได้ทำนายถึงแอนตี้ไคร้สต์คนที่ 2 ไว้อย่างละเอียด เขาใช้คำว่าฮิสเตอร์ (Hister)
ภาษาละตินเป็นชื่อของแม่น้ำดานูบ ในโคลงบทที่ 35 เซนจูรี่ที่ 3 นอสตราดามุส บอกว่าเกิดจากครอบครัว
ยากจน ลึกเข้าไปยุโรปตะวันตก มีพรสวรรค์ในการพูดจูงใจจนทำให้ผู้คนมากมายคล้อยตามคำพูดของเขา
ชื่อเสียงของเขากระจายไปทั่ว แม้ในตะวันออกไกล คนนั้นคือ จอมเผด็จการฮิตเลอร์
ฮิตเลอร์ ปลุกเร้าความรักชาติของคนเยอรมันจนเป็นความบ้าคลั่ง เขาต้องการเห็นเยอรมันครองโลก
ชนชาติอื่นจะต้องถูกปราบให้ราบโดยเฉพาะชนชาติยิว เขาตั้งหน่วยตำรวจลับที่เรียกว่า "เกสตาโป" กวาดล้าง
คนที่คัดค้านความคิดเห็นของเขา ฮิตเลอร์ ยาตราทัพรังแกประเทศโปแลนด์เพื่อนบ้านฆ่าประชาชนมือเปล่า
เด็ก ผู้หญิงและคนชราอย่างไม่ปรานี ฮิตเลอร์จุดระเบิดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีผู้คนล้มตายไม่ต่ำกว่า
50 ล้านคน บ้านเมืองถูกทำลายเหลือคณานับ แต่ความเสียหายทางจิตใจของประชาชนผู้บริสุทธิ์
เหยื่อของสงครามสุดที่ จะคำนึงได้
นอสตราดามุส เศร้าสลดใจสุดที่จะบรรยาย ที่เห็นการฆ่าฟันผู้คนอย่างไร้มนุษยธรรมของพวกนาซี
เขาจึงประณามไว้ในโคลงบทที่ 24 เซนจูรี่ที่ 2 ดังนี้
Bestes farouches de faim fleuves tranner,
Plus part du champ encontre Hister sera
สัตว์ป่าที่หิวโหยจะข้ามแม่น้ำ
ทว่าส่วนใหญ่ในสนามรบจะคัดค้านฮิสเตอร์
เขามองเห็นกองทัพขบวนยาวกำลังข้ามแม่น้ำเชี่ยวกราก กำลังพลรบมากมายจากไป
อย่างไม่มีวันกลับ นอสตราดามุส จงใจเขียนชื่อจอมเผด็จการฮิตเลอร์ว่า HISTER ซึ่งเป็นชื่อหนึ่งของ
แม่น้ำดานูบ ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ นอสตราดามุส ยังบอกถึงสัญลักษณ์ของนาซีคือสวัสดิกะ
เขาใช้คำว่าไม้กางเขนที่คดงอ ดังบรรทัดที่ 3 โคลงบทที่ 49 เซนจูรี่ที่ 6 ดังนี้
Chasser les crois, par fer raffe ne riffe.
ในฌานนิมิตของนอสตราดามุสยังเห็นภาพของชาวยิว 6 ล้านคนถูกฆ่าอย่างน่าสยดสยอง
เขาบรรยายไว้ในโคลงบทที่ 16 บรรทัดที่ 2 เซ็นจูรี่ที่ 5 ดังนี้
D' hunaine chair par mort en cendre mettre,
เนื้อมนุษย์จะถูกนำไปเผาจนเป็นเถ้าถ่าน
ในโคลงบทที่ 11/5 นอสตราดามุสกล่าวถึงพันธมิตรของพวกอักษะมีที่ญี่ปุ่น อิตาลี ดังนี้
Mer par solaires seure ne passera
Ceux de Venus tiendront tout I'Affrique:
Leur regne plus Saturne n' occupera,
Er changera la part Asiatique.
ชาวอาทิตย์อุทัยจะไม่สามารถข้ามทะเลได้อย่างปลอดภัย
ชาวแคว้นเวเนโต (อันมีเมืองเวนิสเป็นเมืองหลวง) จะยึดอัฟริกาได้ทั้งหมด
ดาวเสาร์ไม่สามารถยึดครองอาณาจักรของเขาได้อีกต่อไป
ส่วนหนึ่งของเอเชียก็จะเปลี่ยนไป
คำพยากรณ์นี้ก็ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงคือ ในบรรทัดที่ 1 นั้น เส้นทางลำเลียงทางทะเลของญี่ปุ่น
ถูกตัดขาด เพราะถูกกองเรือพิฆาตและเรือดำน้ำ อีกทั้งกำลังทางอากาศของสหรัฐในย่านแปซิฟิกถล่มทลาย
เสียหายอย่างย่อยยับ ในบรรทัดที่ 2 ที่ว่าชาวแคว้นเวเนโต ก็หมายถึงมุสโสลินี เพราะเขาเกิดที่ตำบลเปรดาปีโอ
(PREDAPIO) ซึ่งอยู่ในแคว้นเวเนโต นอสตราดามุสชอบแผลงคำ วินัส (VENUS) เป็น เวนิส (VENICE) ถึงแม้
เขาสามารถร่วมยึดอัฟริกาเหนือกับรอมเมล (ROMMEL) มาได้ แต่เขาก็แปรพักตร์ไปในที่สุดในปี 1943
ในบรรทัดที่ 3 ดาวเสาร์หมายถึงฮิตเลอร์ ก็ไม่สามารถครองอาณาจักรต่าง ๆ ที่ยึดมาได้ และในบรรทัดที่ 4
คำ asiatique นี้ต้องหมายถึงจีนแน่นอน สำหรับจีนนี้ หลังจากสงครามฝิ่นเรื่อยมา บ้านเมืองก็ระส่ำระสาย
แยกเป็นก๊กเป็นเหล่า พวกฝรั่งนักล่าอาณานิคมต่างก็ฉกฉวยหรือรีดนาทาเร้นจีนอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น
พวกอังกฤษก็ครองเมืองนั้น ฝรั่งเศสครองเมืองนี้ ทั้งนี้ยังรวมพวกฮอลันดาและพวกโปรตุเกสด้วย มีวลีหนึ่ง
ที่ยังฝังใจชาวจีนเลือดรักชาติอย่างไม่รู้เลือนก็คือ ในบริเวณยึดครองของฝรั่งชาติหนึ่งจะมีป้ายปักไว้ว่า
"ห้ามคนจีนและสุนัขเข้าไปในบริเวณนี้" เมื่อจีนขาดเอกภาพจึงเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นฉกฉวยโอกาสเข้ามาพันตูอยู่
ราว 8 ปี จีนจึงประกาศเข้าร่วมกับสัมพันธมิตรในปี 1941 ตามคำทำนายของ นอสตราดามุส ทุกประการ
🔥--- หลุยส์ ปาสเตอร์ ---🔥
          นอสตราดามุส เป็นแพทย์ เข้าในใจในวิชาการแพทย์ และค้นคว้าวิธีการรักษาใหม่ ๆ ในสมัยของเขา
การแพทย์ยังไม่เจริญเท่าสมัยปัจบัน ยังไม่รู้จักเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคระบาดมากมาย นอสตราดามุส
มองเห็นล่วงหน้าถึง 300 ปี เขารู้จักหลุยส์ ปาสเตอร์ เอ่ยชื่อได้ถูกต้อง มาดูโคลงบทที่ 25/1
Perdu, trouvé, caché de si long siecle,
Sera pasteur demy Dieu honoré
Ains que la Lune acheve son grand siecle,
Par autres vents sera deshonoré
สิ่งที่หายไปเพราะถูกซ่อนเร้นเป็นเวลานานก็ได้ถูกค้นพบ
โดยปาสเตอร์ผู้ได้รับเกียรติประดุจกึ่งพระเจ้า
แต่ก่อนที่จะถึงครบรอบใหญ่ของดวงจันทร์
เขาจะได้รับแต่ความอัปยศ
หลุยส์ ปาสเตอร์ เป็นชาวฝรั่งเศสเกิดในปี 1822 เรียนจบวิชาเคมี แต่ได้คะแนนพอผ่านได้แค่นั้นเอง
เขาสนใจชีววิทยาอีกด้วย เขามีความเชื่อว่าชีวิตต้องมาจากชีวิต แต่นักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ไม่เห็นด้วย
จึงเกิดการขัดแย้งโต้เถียงมากมาย จนร้อนถึงบัณทิตยสถานต้องตั้งคณะกรรมการกลาง ให้ทั้งสองฝ่าย
แสดงผลการทดลองของตัว ผลปรากฏว่าความเห็นของปาสเตอร์เป็นฝ่ายถูกต้อง ต่อมาไม่นานเกิด
โรคระบาดขึ้นในตัวไหม รัฐบาลฝรั่งเศสมอบให้ปาสเตอร์หาทางแก้ไข ปาสเตอร์ ถูกโจมตีวิพากษ์วิจารณ์
ถูกประณามว่าทำให้อุตสาหกรรมไหมของฝรั่งเศสถึงกาลหายนะ ปาสเตอร์อดทนต่อการโจมตี เขาพยายาม
ทำงานหนักเป็นทวีคูณ จนค้นพบวิธีรักษาโรคระบาดของไหม เขาค้นพบวิธีการฆ่าเชื้อในเหล้าองุ่น ในนมสด
การฆ่าเชื้อเครื่องมือเครื่องใช้ในห้องผ่าตัด วิธีการฉีดวัคซีนป้องกันโรค ปาสเตอร์ ได้รับเกียรติยิ่งใหญ่
ในฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ และนานาประเทศทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
ปี 1889 หลุยส์ ปาสเตอร์ รัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบสถาบันหลุยส์ปาสเตอร์เป็นเกียรติแก่เขา เป็นเกียรติยิ่งใหญ่
ซึ่งเขาภูมิใจยิ่งกว่าสิ่งใด (ตามคำพยากรณ์ในบรรทัดที่ 2 ที่ว่าได้รับเกียรติกึ่ง [เกือบเท่า] พระเจ้า [Demy Dieu]
และในคำพยากรณ์ของนอสตราดามุส บรรทัดที่ 3 ที่ว่าเขาจะได้รับเกียรติสูงสุดตอนดวงจันทร์ครบรอบ
วงโคจรใหญ่ซึ่งตกในปี 1889 เช่นกัน) อันนี้ต้องถือเป็นการทำนายชิ้นโบว์แดงชิ้นหนึ่งของนอสตราดามุส

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 01, 2023 7:24 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ ( 14 )👈

🔥--- ความเป็นไปได้ของคำทำนาย ---🔥
          คำพยากรณ์ถึงวาระสุดท้ายของโลกของนอสตราดามุส พ้องกับพระธรรมลูกา 21:7-19 ดังต่อไปนี้
"ท่านทั้งหลายจงระวังให้ดี อย่าให้ใครชักนำพวกท่านให้หลงผิด เพราะจะมีหลายคนมาอ้างเป็น
พระเมสสิยาห์ และอ้างว่าถึงกำหนดเวลาสิ้นโลกแล้ว จงอย่าเชื่อคนเหล่านั้นเลย และเมื่อพวกท่านได้ยินข่าว
สงครามและการจลาจลต่าง ๆ จงอย่าได้วิตกเลย เป็นความจริงที่ว่าสงครามต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่ทั้งนี้หา
ใช่เป็นสัญญาณว่า วาระสุดท้ายของโลกจะเกิดขึ้นโดยพลันแต่อย่างใดไม่
จะเกิดการต่อสู้ระหว่างประเทศต่อประเทศ ระหว่างอาณาจักรต่ออาณาจักร ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหว
อย่างรุนแรงหลายแห่ง เกิดกันดารอาหารในหลายประเทศ เกิดโรคระบาดร้ายแรง และจะมีสัญญาณนา
สะพรึงกลัวเกิดขึ้นในท้องฟ้า...
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่าง ๆ เป็นสัญญาณบอกเหตุ ประชาชนทั้งปวงก็จะตกอยู่ในสภาวะ
อันสับสนอลหม่าน และงงงันไปด้วยเสียงกึกก้องของท้องทะเลและกระแสน้ำที่ปั่นป่วนบ้าคลั่ง ความหวาดกลัว
ต่อเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น ทำให้ความกล้าหาญของมนุษย์เหือดหายไปสิ้น ด้วยว่าผู้มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะท้าน
สะเทือน ต่อจากนั้นมนุษย์จะเห็นเรา (พระเยซูคริสต์) มาในหมู่เมฆด้วยฤทธานุภาพและสง่าราศีอันยิ่งใหญ่
ฉะนั้นเมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เริ่มเกิดขึ้น ขอให้ท่านทั้งหลายยืนหยัดและเผชิญด้วยความมั่นคง เพราะอีก
ไม่ช้าท่านก็จะได้รับการปลดเปลื้องจากความผูกพันเหล่านี้แล้ว...
เราขอประกาศแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อใดที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น พึงรู้เถิดว่าถึงวาระสุดท้ายของคน
ในยุคนี้แล้ว แม้ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะยั่งยืนเป็นนิจนิรันดร์"
นอสตราดามุส ทำนายว่าจะเกิดหายนะภัย 7 ประการ เป็นเครื่องชี้ว่า วาระสุดท้ายของโลกใกล้เข้ามาแล้ว

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 01, 2023 7:33 pm

🥸~ ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส และบรรดานักบุญ พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ ~🥸
โดย สนธิ สารธรรม
👉 ตอนที่ (15)👈

🔥--- สัญญาณเตือนภัย 7 ประการ ---🔥
          หายนะประการแรกคือ การหลงผิดศาสนา การแตกแยกในศาสนาใหญ่ ๆ การเอาศาสนามาอ้าง
หลอกลวงเพื่อหาผลประโยชน์ แม้กระทั่งเพื่อปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกร้าวฉานนำไปสู่สงคราม ลัทธิ
บูชาซาตานป็นพระเจ้า มีผู้อ้างตัวเป็นพระเมสสิยาห์ เป็นพระศรีอาริยเมตไตร เป็นผู้วิเศษ ฯลฯ เหตุการณ์
ทั้งหมดที่ว่าได้เกิดขึ้นแล้ว กรณีนายซัน เมียง มูน (SUN MYUNG MOON) อ้างตัวเป็นพระเมสสิยาห์ มีสำนัก
อยู่ทั่วโลก ชักนำเด็ก ๆ เข้าร่วมลัทธิ มีพิธีการเข้มงวดรุนแรง จนกระทั่งบิดามารดาของเด็ก ๆ ต้องใช้วิธีการ
ลักพาลูกของตนออกจากสำนักของเขา
มหาราชินีแห่งอินเดียประกาศตัวเป็นพระเป็นเจ้าจากสรวงสวรรรค์ มีสาวกสาวสวยแวดล้อมมากมาย
แนวคำสอนของเขาพิลึกพิลั่น แต่มีสาวกมากพอที่จะทำรายำด้มหาศาล รายได้จากการบริจาค! มหาราชินีมี
คฤหาสน์หรูหรา รถยนต์ราคาแพงระยับนับสิบคัน มีความเป็นอยู่ระดับมหาเศรษฐีจนถูกทางการสหรัฐจับตามอง
ในที่สุดเขาถูกจับข้อหาฉ้อโกงภาษีรายได้ จึงถูกเนรเทศกลับอินเดีย
นายจิม โจนส์ ผู้นำลัทธิอุบาทว์ พาสาวกถึง 900 คนเข้าไปในป่าที่เมืองกูยานา (GUYANA) ในปี 1970
เพื่อเฉลิมฉลองปาร์ตี้มรณะด้วยการดื่มยาพิษ
คนส่วนมากนิยมหมอดูและยอมให้คำทำนายของหมอดูนำชีวิต, นำธุรกิจของเขา นักพยากรณ์บางคน
อาจได้รับพรพิเศษในการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า แต่หลายคนก็หลอกลวงเสแสร้ง แต่พรพิเศษในการทำ
นายเหตุการณ์ล่วงหน้าไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป ยังมีความทุกข์ทรมานตามมาด้วย ไม่มีใครรู้ว่านอสตราดามุส
ตระหนกตกใจสักเพียงไหนกับความตายของตนเอง ของลูกเมีย หายนะของประชาชาติทั้งโลกที่ปรากฏ
ในญาณของเขาเอง
หายนะภัยประการที่สองคือ การจลาจล การปฏิวัติภายในประเทศ เริ่มแต่ปี 1980 เกิดการจราจลเกือบ
ทุกประเทศ ในรัสเซีย ชาวอาร์มาเนียนเป็นกบฏเพื่อต้องการการปกครองแคว้นอาเซอร์ไบจัน จลาจลในพม่า
เกาหลี กัมพูชา เอธิโอเปีย ซูดาน อัฟริกาใต้ สงครามอ่าวเปอร์เซีย กบฏชาวเคิร์ดในอิรัก คริสเตียนเลบานอน
ต่อสู้กับชนชาติเดียวกันที่มีผู้ก่อการร้ายหนุนหลัง จลาจลในจีน ชนปาเลสไตน์ก่อจลาจลในอิสราเอล เชื้อของ
การจลาจลลุกลามไปทุกประเทศทั่วโลก อันว่าการต่อสู้เพื่อเสรีภาพเพื่อการปลดปล่อยได้รับการสนับสนุนจาก
อเมริกา รัสเซีย อิรัก และลิเบีย ในแต่ละประเทศเข้มข้นด้วยการต่อสู้ทางการเมืองของนักการเมือง เปลี่ยนคณะ
รัฐบาลบ่อยที่สุด
หายนะภัยประการที่สามคือ สงคราม พระธรรมมัทธิวบทที่ 24:6 กล่าวว่า "ท่านทั้งหลายจะได้ยินข่าว
เกี่ยวกับสงครามและข่าวลือเกี่ยวกับสงครามอยู่เสมอ อย่าตื่นตระหนกเลย จะเกิดสงครามขึ้นจริง แต่หาใช่
เครื่องหมายที่จะบ่งวาระสุดท้ายของโลกก็หาไม่" ปัจจุบันสงครามมิใช่การต่อสู้ในรูปแบบของสงครามโลก
ครั้งที่ 2 ก็หาไม่ เราจะดูได้จากข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ ไม่มีประเทศใดที่ไม่มีการต่อสู้ภายใน อังกฤษ
กำลังเผชิญหน้ากับผู้ก่อการร้าย ไอ.อาร์.เอ. จากไอร์แลนด์ บรรดาประเทศในยุโรปมิใช่จะไม่มีการขัดแย้งกันเอง
เมื่อนายพลแมคอาเธอร์ เซ็นสัญญาสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี 1945 ท่านกล่าวเตือนไว้
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครใส่ใจ "เราทั้งหลายมีโอกาสสุดท้ายเท่านั้น ถ้าเรายังไม่สร้างระบบดุลแห่งอำนาจที่
ดีกว่าที่แล้วมา สงครามล้างโลก วันโลกาวินาศ รอเราอยู่แล้วที่ประตู"
ปัญหาระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอล สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สงครามอัฟกานิสถาน และ
ปัจจุบันนี้สงครามอ่าวเปอร์เซีย วิกฤติการณ์แผ่ทมึนครอบคลุมโลก หลายประเทศมีสมรรถนะสูงในการสร้าง
ระเบิดปรมาณู อาวุธเคมี ปลายปี 1990 โอกาสจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ง่ายมาก นอสตราดามุส กล่าวว่า
โอกาสที่คนจะรอดชีวิตมีน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับผู้นำของโลก
สัญญาณเตือนภัยที่สี่คือ ความอดอยาก  ปัญหาความอดอยากเนื่องมาจากประชากรล้นโลกโดยเฉพาะ
ประเทศในโลกที่ 3 ถึงแม้การตายของมนุษย์จากโรคภัยไข้เจ็บ จากภัยธรรมชาติ การคุมกำเนิดหลาย ๆ วิธี
จากสงคราม แต่อัตราการเกิดของประชากรโลกสูงอยู่ในอัตราน่าเป็นห่วง ความอดอยากในเอธิโอเปีย ซูดาน
บังกลาเทศ คนอพยพจากเวียดนาม, กัมพูชา การอพยพของชนเผ่าเคิร์ดจากอิรักมายังตุรกี และยังความแห้งแล้ง
อย่างน่าวิตกในสหรัฐอเมริกา ดร.วิลเลียม แพทดอก (DR. WILLIAM PADDUCK) นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผู้มี
ชื่อเสียง โด่งดังเขียนหนังสือชื่อ FAMINES เขากล่าวไว้ว่า จะมีการอดอยากตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นไปและจะทวี
มากขึ้นเรื่อย ๆ นักโภชนาการชื่อดังคนหนึ่ง ดร. บาร์เลาก์ กล่าวว่ามนุษยชาติตายเพราะหิวโหยและความทุกข์
ยากแสนสาหัสนับล้าน ๆ คน ขณะนี้หลายประเทศจึงได้เก็บกักตุนอาหารไว้กินในยามขาดแคลนบ้างแล้ว
หายนะภัยประการที่ห้า คือ มลพิษจากโรงงานลามปามเข้าไปถึงเขตที่อยู่อาศัย โลกกำลังเผชิญภาวะการณ์
เรือนกระจก ทะเลเป็นที่รวมของขยะสารเคมี สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลกำลังจะสูญพันธ์ุ แหล่งอาหารสำคัญ
ของโลกกำลังถูกทำลาย เป็นที่น่าตกใจสักเพียงใดที่รู้ว่า ปลาที่เรากินเป็นอาหารมีสารพิษสะสมอยู่ในตัว ตาม
ด้วยฝนกรด การทำลายป่า อีก 50 ปีข้างหน้ามนุษย์จะอยู่ที่ไหน? หลายคนไม่กล้าดื่มน้ำประปาเพราะเกรงสารพิษ
และโลหะหนัก ยาฆ่าแมลง และแน่นอนสารเหล่านี้ไหลลงสู่แม่น้ำลำคลองซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบของการประปา
ฤดูกาลวิปริตผันผวน ความร้อนที่เพิ่มขึ้นมากผิดปรกติที่สหรัฐในปี 1988 เกิดจากที่โลกเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
และในยุโรปความร้อนมีผลต่อพืชผลที่ผลิตได้ การสั่นสะเทือนบริเวณแผ่นดินไหวมีผลกระทบต่อบรรยากาศ
และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเช่นกัน
หายนะภัยประการที่หก คือ แผ่นดินไหว พื้นที่หลายแห่งจะเกิดแผ่นดินไหว นี่คือเหตุการณ์อย่างหนึ่งที่
นอสตราดามุสวิตกกังวลมาก ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยรู้จักแผ่นดินไหว เพราะฝรั่งเศสไม่อยู่ในเขตแผ่นดินไหว แผ่นดิน
ไหวน่ากลัวเกิดอย่างเฉียบพลัน การไหวตัวอย่างรุนแรงและขยายลามกินอาณาบริเวณกว้างมาก เร็ว ๆ นี้เกิด
แผ่นดินไหวตรงรอยต่อระหว่างประเทศอินเดียกับเนปาล ความรุนแรง 6-7 ของมาตราวัดริคเตอร์ (RICHTER)
ทำให้บริเวณนั้นถูกตัดขาดจากโลกภายนอก การคมนาคมขาดชะงัก ทางรถไฟ - ถนนขาด และที่เลวร้ายไป
กว่านั้นก็คือไม่มีอาหาร, เสื้อผ้า, ยา และที่พักสำหรับผู้รอดชีวิต แผ่นดินไหวในอาร์เมเนียมีผู้เสียชีวิต
ถึง 70,000 คน บาดเจ็บนับแสนคน
ในศตวรรษที่ 20 นี้แผ่นดินไหวเกิดนับไม่ถ้วน นอสตราดามุสทำนายว่า จะเกิดแผ่นดินไหวทางฝั่งตะวันตก
ของสหรัฐเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เขื่อนเก็บน้ำพังทะลาย อาจเย็นผลจากการสร้างโรงงานนิวเคลียร์ใกล้ ๆ กันก็
เป็นได้ นักโหราศาสตร์ยังพยากรณ์อีกว่า วันที่ 8 พฤษภาคม 1989 วันที่ดาวอังคาร ดาวยูเรนัส ดาวมฤตยู
และดาวเสาร์ โคจรมาพบกัน จะเกิดแผ่นดินไหวและภัยพิบัติอย่างอื่น ๆ จะต่อเนื่องติดตามมา
หายนะภัยประการที่เจ็ด คือ โรคระบาด ในอดีตมีกาฬโรค โปลิโอ ฝีดาษ ปัจจุบันสามารถป้องกันและมี
ทางรักษาให้หายได้ เพราะความก้าวหน้าทางการแพทย์ ถึงกระนั้นโรคใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น คือโรคเอดส์ ยังไม่มีทาง
รักษา นอสตราดามุส หวั่นเกรงโรคนี้มาก เขากล่าวด้วยว่าโรคระบาดนี้พอบรรเทาได้แต่การรักษายังอยู่ห่างไกล
ขอให้เราหวังว่าเขาทำนายผิด ปัจจุบันคนป่วยโรคเอดส์ทวีจำนวนขึ้นอย่างน่าตกใจ เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งในโรงพยาบาล
กล่าวว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้าคนไข้โรคเอดส์จะล้นโรงพยาบาล 10 ปีแห่งความน่าสะพรึงกลัวรอเราอยู่แล้ว
บางคนอาจคิดว่า อิทธิพลทางศาสนายิวและทางคริสตศาสนามีผลต่อเนื่องถึงการทำนายของเรา แต่สำหรับ
ท่านที่ไม่เชื่อ ขอให้ตระหนักถึงความจริงที่ว่า ความหายนะจากธรรมชาติ และหายนะที่เกิดจากการกระทำของ
มนุษย์กำลังจะเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ ไม่เคยเลยที่โลกมีสงคราม มีการต่อสู้ทุกหัวระแหงเท่าในปัจจุบัน เรามีเครื่องมือ
ทำลายล้างโลกมากมายหลายชนิด ความมั่งคั่งของโลกตะวันตก และความยากจนแร้นแค้นอย่างนึกไม่ถึงใน
โลกที่สาม ภัยธรรมชาติ โรคเอดส์ ฯลฯ
ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นหลายแห่ง บังกลาเทศคนนับแสนคนจมน้ำตาย อีกล้านคนไม่มีที่อยู่อาศัย 80% ของ
ประเทศจมอยู่ใต้น้ำ ก่อนหน้านั้นเพียง 1 เดือนเกิดน้ำท่วมใหญ่ในซูดาน เหตุเพราะจากการทำลายป่า การทำ
ลายป่าเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เสียสมดุลธรรมชาติ ทุกอย่างวิปริตหมด มีผลกระทบถึงบรรยากาศตลอดไปจนถึง
อาหาร ป่าดงดิบในเขตฝนถูกทำลาย ทุกนาทีป่าถูกทำลายเป็นเนื้อที่เท่ากับสนามฟุตบอลถึง 200 สนาม 100 ปีหลัง
ป่าถูกทำลายกว่า 50% อีก 10 ปีข้างหน้าป่าจะถูกทำลายลงอีก 20%

💞🌟💞 โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ 💞🌟💞

ติดตามต่อไปตอนที่ 16-30 ใน 2) ชนวนสงครามล้างโลก นอสตราดามุส
ตอบกลับโพส