คุณคิดเห็นอย่างไรระหว่างคุณหญิงจารุวรรณ กับ ดร.สุวรรณ วลัยสเถียร
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
ผมว่าคุณหญิงทำงานเพื่อประโยชน์ชาติ
ดร.สุวรรณ ทำงานเพื่อประโยชน์เจ้านายถ้ามองในรูปแบบธุรกิจเค้าก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายพูดยากครับ
ดร.สุวรรณ ทำงานเพื่อประโยชน์เจ้านายถ้ามองในรูปแบบธุรกิจเค้าก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายพูดยากครับ
พี่ปอยกมาได้แทงอกเลยครับ
แก้ไขล่าสุดโดย NKL เมื่อ จันทร์ ก.พ. 06, 2006 6:08 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมเชียร์คุณหญิงจารุวรรณ :D
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เห็นว่าชีวิตของ คุณหญิงได้ปฏิบัติ พระบัญญัติ ทอง สองข้อใหญ่ คือรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ สิ้นสุดกำลังความคิด และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
เพราะท่านได้ยำเกรงพระเจ้า ยำเกรงคนที่ฆ่าได้ทั้งตัวและจิตวิญญาณ
ส่วนอีกคนหนึ่ง เดินขนาน กับทางของคุณหญิง
เรื่องภาษี นอกจากในโรมบทที่ 13 ที่พี่โฮลี่ยกมาเรื่องเสียภาษี พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ของซีซ่าร์ คืนแก่ซีซ่าร์" นั่นคือ คนในชาติใด ประเทศใด ที่ประกอบอาชีพในผืนแผ่นดินใด ของต้องคืนเงินภาษีให้ประเทศนั้นๆที่ตัวเองประกอบอาชีพ มิเช่นนั้นก็คือโกง เจ้าของประเทศ
เพราะท่านได้ยำเกรงพระเจ้า ยำเกรงคนที่ฆ่าได้ทั้งตัวและจิตวิญญาณ
ส่วนอีกคนหนึ่ง เดินขนาน กับทางของคุณหญิง
เรื่องภาษี นอกจากในโรมบทที่ 13 ที่พี่โฮลี่ยกมาเรื่องเสียภาษี พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ของซีซ่าร์ คืนแก่ซีซ่าร์" นั่นคือ คนในชาติใด ประเทศใด ที่ประกอบอาชีพในผืนแผ่นดินใด ของต้องคืนเงินภาษีให้ประเทศนั้นๆที่ตัวเองประกอบอาชีพ มิเช่นนั้นก็คือโกง เจ้าของประเทศ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
มนุษย์ ต่างกับสัตว์ ตรงมโนธรรม หรือ จริยธรรม คร้าบKing Zadin เขียน: ผมว่าคุณหญิงทำงานเพื่อประโยชน์ชาติ
ดร.สุวรรณ ทำงานเพื่อประโยชน์เจ้านายถ้ามองในรูปแบบธุรกิจเค้าก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายพูดยากครับ
ถึงไม่ผิดกฏหมาย เพราะไปขุดช่องแก้กฏหมายสนับสนุนตัวเอง
เราลูกของพระเจ้า พระเจ้าทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์ มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ฮับ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พี่โจ เป็น ม้าเหรอ ( เห็นหัวเราะอิอิ ) ทำไมยังไม่นอนพี่ :DJoseph เขียน: อิอิๆ น้องเจี๊ยบสุดที่รัก :)
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เอ่อ พี่โจ เข้านอนเหอะ เดี๋ยวเรื่องยาวอีก ???
แหะๆ เว้นเรื่องการเมืองไว้สักบอร์ดได้ป่าวเนี่ย ปวดเศียรเวียนเกล้า เบื่อทักษิณ เซ็งสนธิ เรามาช่วยกันสวดให้บ้านเมืองสงบราบรื่นมีสามัคคีธรรมตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้ากันดีกว่า เนอะเนอะ อันตนขอร้องอ๊องอ๊องอ๊องงงงงงง~~~~~
กระทู้เยี่ยมค่ะ ได้ใจมากเพราะหลายวันก่อนว่าจะตั้งเหมือนกัน
น่าจะโพสต์ที่เว็บอิสระด้วยนะคะ
เพราะเป็นบทเรียนที่ดีเยี่ยม เราเองหลายครั้งที่หลงไปกับโลก มากกว่าจะเดินอยู่ในหนทางของพระเจ้า
น่าจะโพสต์ที่เว็บอิสระด้วยนะคะ
เพราะเป็นบทเรียนที่ดีเยี่ยม เราเองหลายครั้งที่หลงไปกับโลก มากกว่าจะเดินอยู่ในหนทางของพระเจ้า
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อ้าวทำไม พี่เม่ย พูดสั้นผิดปกติล่ะ :D ???
รม 13:1-7 ความนอบน้อมต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
ทุกคนจงนอบน้อมต่อผู้มีอำนาจปกครอง เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่มาจากพระเจ้า และอำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็ได้รับจากพระเจ้าทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ที่ต่อต้านอำนาจก็ต่อต้านพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ต่อต้านก็จะถูกตัดสินลงโทษ ผู้กระทำความดีไม่ต้องเกรงกลัวผู้มีอำนาจปกครอง แต่ผู้กระทำความชั่วต้องเกรงกลัว ท่านไม่ประสงค์จะกลัวผู้มีอำนาจปกครองหรือ จงทำดีเถิด และท่านจะได้รับคำชมจากผู้มีอำนาจปกครอง เพราะผู้มีอำนาจปกครองเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเพื่อความดีของท่าน ถ้าท่านทำผิด จงเกรงกลัวเถิด เพราะผู้มีอำนาจปกครอง จะไม่เพียงถือดาบไว้เท่านั้น แต่มีดาบไว้เพื่อลงโทษผู้กระทำชั่วเพราะเขาคือผู้รับใช้พระเจ้า ดังนั้น ท่านจำเป็นต้องนอบน้อมไม่เพียงเพราะกลัวการลงโทษ แต่นอบน้อมเพราะมโนธรรมด้วย ดังนั้น ท่านจงเสียภาษี เพราะผู้ทำหน้าที่นี้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า จงให้ทุกคนตามสิทธิของเขา จงเสียภาษีแก่ผู้มีสิทธิรับภาษี จงเสียค่าธรรมเนียมแก่ผู้มีสิทธิเก็บค่าธรรมเนียม จงเกรงกลัวผู้ที่ควรเกรงกลัว จงให้เกียรติแก่ผู้สมควรจะได้รับเกียรติ
ข้อคัมภีร์นี้ดีมากครับ ข้อคัมภีร์นี้ดีมากครับ ข้อคัมภีร์นี้ดีมากครับ ข้อคัมภีร์นี้ดีมากครับ
ขอให้ทุกท่านเชื่อในอำนาจจากพระเจ้า ยึดมั่นในระบอบ กติกา กฎเกณฑ์ รัฐธรรมนูญ นะครับ เพื่อทีจะได้ไม่เกิดความวุ่นวาย คริสตชน คนของพระเจ้า คือ ผู้ที่มีใจและการประพฤติอยู่อย่างมีระเบียบ วินัย เคารพ กติกาบ้านเมือง สุดท้ายพระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง และผลการตัดสินใจของพระเจ้าจะปรากฏออกมา ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นั่นแหละครับ ถ้าครั้งหน้า ไม่มีคนเลือกทักษิณ นั่นก็เป็นการตัดสินใจของพระเจ้า หรือถ้า คนยังเลือกทักษิณ นั่นก็เป็นการตัดสินใจของพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินเอง ในคัมภีร์ได้กล่าวไว้ ว่า จงอย่าตัดสินพี่น้อง พระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินเอง
ทุกคนจงนอบน้อมต่อผู้มีอำนาจปกครอง เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่มาจากพระเจ้า และอำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็ได้รับจากพระเจ้าทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ที่ต่อต้านอำนาจก็ต่อต้านพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ต่อต้านก็จะถูกตัดสินลงโทษ ผู้กระทำความดีไม่ต้องเกรงกลัวผู้มีอำนาจปกครอง แต่ผู้กระทำความชั่วต้องเกรงกลัว ท่านไม่ประสงค์จะกลัวผู้มีอำนาจปกครองหรือ จงทำดีเถิด และท่านจะได้รับคำชมจากผู้มีอำนาจปกครอง เพราะผู้มีอำนาจปกครองเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเพื่อความดีของท่าน ถ้าท่านทำผิด จงเกรงกลัวเถิด เพราะผู้มีอำนาจปกครอง จะไม่เพียงถือดาบไว้เท่านั้น แต่มีดาบไว้เพื่อลงโทษผู้กระทำชั่วเพราะเขาคือผู้รับใช้พระเจ้า ดังนั้น ท่านจำเป็นต้องนอบน้อมไม่เพียงเพราะกลัวการลงโทษ แต่นอบน้อมเพราะมโนธรรมด้วย ดังนั้น ท่านจงเสียภาษี เพราะผู้ทำหน้าที่นี้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า จงให้ทุกคนตามสิทธิของเขา จงเสียภาษีแก่ผู้มีสิทธิรับภาษี จงเสียค่าธรรมเนียมแก่ผู้มีสิทธิเก็บค่าธรรมเนียม จงเกรงกลัวผู้ที่ควรเกรงกลัว จงให้เกียรติแก่ผู้สมควรจะได้รับเกียรติ
ข้อคัมภีร์นี้ดีมากครับ ข้อคัมภีร์นี้ดีมากครับ ข้อคัมภีร์นี้ดีมากครับ ข้อคัมภีร์นี้ดีมากครับ
ขอให้ทุกท่านเชื่อในอำนาจจากพระเจ้า ยึดมั่นในระบอบ กติกา กฎเกณฑ์ รัฐธรรมนูญ นะครับ เพื่อทีจะได้ไม่เกิดความวุ่นวาย คริสตชน คนของพระเจ้า คือ ผู้ที่มีใจและการประพฤติอยู่อย่างมีระเบียบ วินัย เคารพ กติกาบ้านเมือง สุดท้ายพระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง และผลการตัดสินใจของพระเจ้าจะปรากฏออกมา ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นั่นแหละครับ ถ้าครั้งหน้า ไม่มีคนเลือกทักษิณ นั่นก็เป็นการตัดสินใจของพระเจ้า หรือถ้า คนยังเลือกทักษิณ นั่นก็เป็นการตัดสินใจของพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินเอง ในคัมภีร์ได้กล่าวไว้ ว่า จงอย่าตัดสินพี่น้อง พระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินเอง
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
จงให้ทุกคนตามสิทธิของเขา จงเสียภาษีแก่ผู้มีสิทธิรับภาษี จงเสียค่าธรรมเนียมแก่ผู้มีสิทธิเก็บค่าธรรมเนียม โดนใจเลยครับ
ที่ทักษิณไม่เสียภาษีเพราะกลัวว่าเงินภาษีจะไปไม่ถึงประชาชนมั้งครับ สู้ไปเดินแจกถึงตัวไม่ได้ เพราะรู้ว่าพวกลูกน้องมันโกงกินบ้านกินเมืองขนาดไหน ใครเดือนร้อน ต้องการเท่าไรควักให้ทันที เห็นว่าจะมีการบริจาคช่วยชาวใต้อีกแล้ว ประชาชนทั้งประเทศให้เท่าไร ทักษิณจะเอาเงินตัวเองโปะให้ในจำนวนเท่ากัน
;D เงินภาษีของเราทั้งนั้นที่เอาไปแจก ;D ::) ;DAndreas of the Cross เขียน: ที่ทักษิณไม่เสียภาษีเพราะกลัวว่าเงินภาษีจะไปไม่ถึงประชาชนมั้งครับ สู้ไปเดินแจกถึงตัวไม่ได้ เพราะรู้ว่าพวกลูกน้องมันโกงกินบ้านกินเมืองขนาดไหน ใครเดือนร้อน ต้องการเท่าไรควักให้ทันที เห็นว่าจะมีการบริจาคช่วยชาวใต้อีกแล้ว ประชาชนทั้งประเทศให้เท่าไร ทักษิณจะเอาเงินตัวเองโปะให้ในจำนวนเท่ากัน
บทความพิเศษ
ศัลยา ประชาชาติ
เจาะเซฟ โฆษกเอกตระกูลชิน "สุวรรณ วลัยเสถียร"รวยเฉียด 1,000 ล. เสียภาษีจิ๊บจ๊อย
ในการขายหุ้นชินคอร์ป 49.56% ของตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ให้แก่กลุ่มเทมาเส็กจากสิงคโปร์ ด้วยมูลค่า 7.3 หมื่นล้านบาท โดยไม่เสียภาษีสักบาท มิใช่แค่ทำให้พ่อ นายพานทองแท้ และ นางสาวพิณทองทา ชินวัตร โดนถล่มอย่างหนักอยู่ในขณะนี้เพียงรายเดียว
หากแต่ว่า นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกเอกตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ก็โดนอาฟเตอร์ช็อ8ไปด้วย
ทั้งนี้ ในวันแถลงข่าวซื้อขายหุ้นบิ๊กลอต นายสุวรรณปรากฏตัวครั้งแรกนั่งขนาบข้างผู้บริหารกลุ่มชินคอร์ปบนเวที
ต่อมาเมื่อการขายหุ้นสร้างความคลางแคลงใจให้แก่สาธารณชนจากกรณีการโอนหุ้นชินคอร์ป 32.9 ล้านหุ้นไปให้ บริษัท แอมเพิลริช ที่จัดตั้งโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2542 แล้วโอนกลับมาให้ นายพานทองแท้ ชินวัตร และ นางสาวพิณทองทา ชินวัตร ก่อนขายให้เทมาเส็ก ทำไมไม่เสียภาษี นายสุวรรณรับหน้าที่เป็นโฆษกแถลงข่าวแก้ต่างอีกครั้งหนึ่ง
แต่ทว่าครั้งนี้สาธารณชนเพิ่มความคลางแคลงใจมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะข้ออ้างที่ว่าการขายหุ้นครั้งนี้ได้รายงานให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทราบแล้ว และ ก.ล.ต. รู้เรื่องมาตลอด แต่ถูก ก.ล.ต. สวนทันควันว่ายังไม่ได้รับรายงาน
และเมื่อนักข่าวตั้งคำถามในเรื่องจริยธรรม นายสุวรรณตอบตามบทว่ามิได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงเรื่องจริยธรรม
คำตอบดังกล่าวทำให้ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์เสียหายอย่างหนัก
ในช่วงที่ผ่านมา นายสุวรรณได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านวางแผนการเสียภาษี มีดีกรีทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด จบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย จอร์จวอชิงตัน เคยเป็นที่ปรึกษากฏหมายให้เสี่ย เจริญ วัฒนภักดี
ความสัมพันธ์กับนายกฯ นายสุวรรณรู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณตั้งแต่ก่อนปล่อยดาวเทียมไทยคม 1 จึงถูกชักชวนให้มาเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย
ตอน พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ สมัยแรก ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อพ้นตำแหน่งกลับมารับเป็นที่ปรึกษากฎหมายอย่างเดิม ชี้ช่องทางการเสียภาษีให้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง
แม้กระทั่งบริษัทเบียร์ช้างของเสี่ย เจริญ สิริวัฒนภักดี ก็รู้จักและใช้บริการจากเขามากว่า 20 ปี
"วันที่ผมไปลาท่านนายกฯ ผมเรียนท่านว่ามีอะไรจะใช้ผมก็ได้ ท่านอดิศัย (โพธารามิก) หรือท่านสมคิด (จาตุศรีพิทักษ์) จะใช้อะไรผมก็ได้"
ทางด้านฐานะทางการเงิน นายสุวรรณได้ชื่อว่ารวยระดับพันล้าน
ทั้งนี้ ตอนเป็นรัฐมนตรีเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นายสุวรรณแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีทรัพย์สิน 557.4 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 1 ล้านบาท เงินฝาก 1.5 ล้านบาท เงินลงทุนทหลักทรัพย์และตราสารหนี้ 276.9 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 115.4 ล้านบาท ที่ดิน 12 แปลง 121 ล้านบาท บ้านอาศัย 2 หลัง 35 ล้านบาท รถยนต์ 3 คัน 5.8 ล้านบาท
นางดวงใจ วลัยเสถียร ภรรยา มีทรัพย์สิน 121.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝาก 5 หมื่นบาท เงินฝาก 1.9 หมื่นบาท เงินลงทุน 94.6 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 6.7 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 20.1 ล้านบาท
รวมสองคนมีทรัพย์สิน 679.2 ล้านบาท
จากการตรวจสอบรายการเสียภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด. 90) ของนายสุวรรณ แจ้งว่าในรอบปี 2543 มีรายได้รวม 6,311,055 บาท คู่สมรส มีรายได้ 2,121,560 บาท เฉพาะนายสุวรรณต้องเสียภาษีเพิ่ม 430,399 บาท
นายสุวรรณเป็นรัฐมนตรีได้ 1 ปีกับ 7 เดือน ตอนพ้นตำแหน่ง วันที่ 3 ตุลาคม 2545 นายสุวรรณแจ้ง ป.ป.ช. ว่ามีทรัพย์สิน 554.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 1.2 ล้านบาท เงินฝาก 1.2 ล้านบาท หลักทรัพย์ 276.9 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 115 ล้านบาท ที่ดิน 12 แปลง 121.7 ล้านบาท บ้านอาศัย 2 หลัง 35 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน 3.5 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน
นางดวงใจ มีทรัพย์สิน 143.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 4 แสนบาท เงินฝาก 1.4 ล้านบาท หลักทรัพย์ 114 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 6.7 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 20.5 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน
ในรายการเสียภาษีเงินได้ของนายสุวรรณระบุว่ามีรายได้รวม 2,951,646 บาท ชำระภาษีเพิ่ม 154,487 บาท คู่สมรสมีเงินได้ 2,055,810 บาท ชำระภาษีเพิ่ม 17,850 บาท
ตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปีวันที่ 2 ตุลาคม 2546 นายสุวรรณแจ้ง ป.ป.ช. ว่ามีทรัพย์สิน 634 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 1.2 ล้านบาท เงินฝาก 3.3 ล้านบาท หลักทรัพย์และเงินลงทุน 354.8 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 115.4 ล้านบาท ที่ดิน 121.7 ล้านบาท บ้านอาศัย 2 หลัง 35 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน 2.5 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน
ขณะที่นางดวงใจมีทรัพย์สิน 146.3 ล้านบาท เงินสด 4 แสนบาท เงินฝาก 3.1 ล้านบาท เงินลงทุนและหลักทรัพย์ 115.4 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 6.7 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 20 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน
ในรายการเสียภาษีเงินได้นายสุวรรณระบุว่ามีรายได้หักค่าใช้จ่าย 2,771,400 บาท คู่สมรส 2,577,413 บาท นายสุวรรณต้องชำระภาษีเพิ่ม 288,400 บาท
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบทรัพย์สินของนายสุวรรณและภรรยาที่แจ้ง ป.ป.ช. ไว้ตอนเข้ารับตำแหน่งวันที่ 12 กุมภาพันธุ์ 2544 จำนวน 679.2 ล้านบาท กับตอนพ้นตำแหน่ง วันที่ 3 ตุลาคม 2545 จำนวน 698.8 ล้านบาท เท่ากับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 19.6 ล้านบาท
ถ้าเปรียบเทียบตอนพ้นตำแหน่ง กับ ตอนพ้นตำแหน่งแล้ว 1 ปี จำนวน 780 ล้านบาท นายสุวรรณและภรรยามีทรัพย์สินเพิ่ม 82 ล้านบาท ถือว่ามาก
และถ้าเปรียบเทียบตอนเข้าตำแหน่งกับตอนพ้นตำแหน่ง 1 ปี ชั่วเวลาเพียงปีเศษปรากฏว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 101 ล้านบาท ถือว่าไม่ธรรมดา
ภรรยานายสุวรรณไม่ชอบซื้อรถยนต์ แต่ชอบสะสมเครื่องเพชร เพราะรถยนต์มีแต่เสื่อมราคา
ในช่วงเวลา 1 ปีกับ 7 เดือนที่รับตำแหน่งรัฐมนตรี นายสุวรรณต้องสูญเสียรายได้เดือนละหลายสิบล้านบาท เพื่อรับเงินเดือนเพียงไม่กี่หมื่นบาท
ปัจจุบันนายสุวรรณใช้บ้านบนเนื้อที่ 200 ตารางวาบนถนนสุขุมวิทเป็นสำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย ใช้ติดต่อธุรกิจมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
ที่เยี่ยมยอดก็คือออฟฟิศของเขาจ้างพนักงานประจำเพียง 5-6 คน ไม่มีป้ายบอกชื่อสำนักงาน เพื่อไม่ต้องเสียภาษีป้าย
http://www.matichon.co.th/weekly/weekly ... &search=no
ศัลยา ประชาชาติ
เจาะเซฟ โฆษกเอกตระกูลชิน "สุวรรณ วลัยเสถียร"รวยเฉียด 1,000 ล. เสียภาษีจิ๊บจ๊อย
ในการขายหุ้นชินคอร์ป 49.56% ของตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ให้แก่กลุ่มเทมาเส็กจากสิงคโปร์ ด้วยมูลค่า 7.3 หมื่นล้านบาท โดยไม่เสียภาษีสักบาท มิใช่แค่ทำให้พ่อ นายพานทองแท้ และ นางสาวพิณทองทา ชินวัตร โดนถล่มอย่างหนักอยู่ในขณะนี้เพียงรายเดียว
หากแต่ว่า นายสุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกเอกตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ก็โดนอาฟเตอร์ช็อ8ไปด้วย
ทั้งนี้ ในวันแถลงข่าวซื้อขายหุ้นบิ๊กลอต นายสุวรรณปรากฏตัวครั้งแรกนั่งขนาบข้างผู้บริหารกลุ่มชินคอร์ปบนเวที
ต่อมาเมื่อการขายหุ้นสร้างความคลางแคลงใจให้แก่สาธารณชนจากกรณีการโอนหุ้นชินคอร์ป 32.9 ล้านหุ้นไปให้ บริษัท แอมเพิลริช ที่จัดตั้งโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2542 แล้วโอนกลับมาให้ นายพานทองแท้ ชินวัตร และ นางสาวพิณทองทา ชินวัตร ก่อนขายให้เทมาเส็ก ทำไมไม่เสียภาษี นายสุวรรณรับหน้าที่เป็นโฆษกแถลงข่าวแก้ต่างอีกครั้งหนึ่ง
แต่ทว่าครั้งนี้สาธารณชนเพิ่มความคลางแคลงใจมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะข้ออ้างที่ว่าการขายหุ้นครั้งนี้ได้รายงานให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทราบแล้ว และ ก.ล.ต. รู้เรื่องมาตลอด แต่ถูก ก.ล.ต. สวนทันควันว่ายังไม่ได้รับรายงาน
และเมื่อนักข่าวตั้งคำถามในเรื่องจริยธรรม นายสุวรรณตอบตามบทว่ามิได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงเรื่องจริยธรรม
คำตอบดังกล่าวทำให้ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์เสียหายอย่างหนัก
ในช่วงที่ผ่านมา นายสุวรรณได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านวางแผนการเสียภาษี มีดีกรีทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด จบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัย จอร์จวอชิงตัน เคยเป็นที่ปรึกษากฏหมายให้เสี่ย เจริญ วัฒนภักดี
ความสัมพันธ์กับนายกฯ นายสุวรรณรู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณตั้งแต่ก่อนปล่อยดาวเทียมไทยคม 1 จึงถูกชักชวนให้มาเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย
ตอน พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ สมัยแรก ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อพ้นตำแหน่งกลับมารับเป็นที่ปรึกษากฎหมายอย่างเดิม ชี้ช่องทางการเสียภาษีให้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง
แม้กระทั่งบริษัทเบียร์ช้างของเสี่ย เจริญ สิริวัฒนภักดี ก็รู้จักและใช้บริการจากเขามากว่า 20 ปี
"วันที่ผมไปลาท่านนายกฯ ผมเรียนท่านว่ามีอะไรจะใช้ผมก็ได้ ท่านอดิศัย (โพธารามิก) หรือท่านสมคิด (จาตุศรีพิทักษ์) จะใช้อะไรผมก็ได้"
ทางด้านฐานะทางการเงิน นายสุวรรณได้ชื่อว่ารวยระดับพันล้าน
ทั้งนี้ ตอนเป็นรัฐมนตรีเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นายสุวรรณแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีทรัพย์สิน 557.4 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 1 ล้านบาท เงินฝาก 1.5 ล้านบาท เงินลงทุนทหลักทรัพย์และตราสารหนี้ 276.9 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 115.4 ล้านบาท ที่ดิน 12 แปลง 121 ล้านบาท บ้านอาศัย 2 หลัง 35 ล้านบาท รถยนต์ 3 คัน 5.8 ล้านบาท
นางดวงใจ วลัยเสถียร ภรรยา มีทรัพย์สิน 121.8 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝาก 5 หมื่นบาท เงินฝาก 1.9 หมื่นบาท เงินลงทุน 94.6 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 6.7 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 20.1 ล้านบาท
รวมสองคนมีทรัพย์สิน 679.2 ล้านบาท
จากการตรวจสอบรายการเสียภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด. 90) ของนายสุวรรณ แจ้งว่าในรอบปี 2543 มีรายได้รวม 6,311,055 บาท คู่สมรส มีรายได้ 2,121,560 บาท เฉพาะนายสุวรรณต้องเสียภาษีเพิ่ม 430,399 บาท
นายสุวรรณเป็นรัฐมนตรีได้ 1 ปีกับ 7 เดือน ตอนพ้นตำแหน่ง วันที่ 3 ตุลาคม 2545 นายสุวรรณแจ้ง ป.ป.ช. ว่ามีทรัพย์สิน 554.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 1.2 ล้านบาท เงินฝาก 1.2 ล้านบาท หลักทรัพย์ 276.9 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 115 ล้านบาท ที่ดิน 12 แปลง 121.7 ล้านบาท บ้านอาศัย 2 หลัง 35 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน 3.5 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน
นางดวงใจ มีทรัพย์สิน 143.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 4 แสนบาท เงินฝาก 1.4 ล้านบาท หลักทรัพย์ 114 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 6.7 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 20.5 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน
ในรายการเสียภาษีเงินได้ของนายสุวรรณระบุว่ามีรายได้รวม 2,951,646 บาท ชำระภาษีเพิ่ม 154,487 บาท คู่สมรสมีเงินได้ 2,055,810 บาท ชำระภาษีเพิ่ม 17,850 บาท
ตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปีวันที่ 2 ตุลาคม 2546 นายสุวรรณแจ้ง ป.ป.ช. ว่ามีทรัพย์สิน 634 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสด 1.2 ล้านบาท เงินฝาก 3.3 ล้านบาท หลักทรัพย์และเงินลงทุน 354.8 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 115.4 ล้านบาท ที่ดิน 121.7 ล้านบาท บ้านอาศัย 2 หลัง 35 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน 2.5 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน
ขณะที่นางดวงใจมีทรัพย์สิน 146.3 ล้านบาท เงินสด 4 แสนบาท เงินฝาก 3.1 ล้านบาท เงินลงทุนและหลักทรัพย์ 115.4 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 6.7 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 20 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน
ในรายการเสียภาษีเงินได้นายสุวรรณระบุว่ามีรายได้หักค่าใช้จ่าย 2,771,400 บาท คู่สมรส 2,577,413 บาท นายสุวรรณต้องชำระภาษีเพิ่ม 288,400 บาท
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบทรัพย์สินของนายสุวรรณและภรรยาที่แจ้ง ป.ป.ช. ไว้ตอนเข้ารับตำแหน่งวันที่ 12 กุมภาพันธุ์ 2544 จำนวน 679.2 ล้านบาท กับตอนพ้นตำแหน่ง วันที่ 3 ตุลาคม 2545 จำนวน 698.8 ล้านบาท เท่ากับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 19.6 ล้านบาท
ถ้าเปรียบเทียบตอนพ้นตำแหน่ง กับ ตอนพ้นตำแหน่งแล้ว 1 ปี จำนวน 780 ล้านบาท นายสุวรรณและภรรยามีทรัพย์สินเพิ่ม 82 ล้านบาท ถือว่ามาก
และถ้าเปรียบเทียบตอนเข้าตำแหน่งกับตอนพ้นตำแหน่ง 1 ปี ชั่วเวลาเพียงปีเศษปรากฏว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 101 ล้านบาท ถือว่าไม่ธรรมดา
ภรรยานายสุวรรณไม่ชอบซื้อรถยนต์ แต่ชอบสะสมเครื่องเพชร เพราะรถยนต์มีแต่เสื่อมราคา
ในช่วงเวลา 1 ปีกับ 7 เดือนที่รับตำแหน่งรัฐมนตรี นายสุวรรณต้องสูญเสียรายได้เดือนละหลายสิบล้านบาท เพื่อรับเงินเดือนเพียงไม่กี่หมื่นบาท
ปัจจุบันนายสุวรรณใช้บ้านบนเนื้อที่ 200 ตารางวาบนถนนสุขุมวิทเป็นสำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย ใช้ติดต่อธุรกิจมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
ที่เยี่ยมยอดก็คือออฟฟิศของเขาจ้างพนักงานประจำเพียง 5-6 คน ไม่มีป้ายบอกชื่อสำนักงาน เพื่อไม่ต้องเสียภาษีป้าย
http://www.matichon.co.th/weekly/weekly ... &search=no
-
- โพสต์: 131
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 14, 2006 12:38 am
- ที่อยู่: Bangkok , St.JoHn Church & Fatima
ที่เห็นการบ้านการเมืองโคลงเคลงแบบนี้ อาจจะเป็นแผนการของพระเจ้าก็ได้นะครับ เพราะพระสันตะปาปายอนปอลที่2 ยังเคยมาเยือนไทยและก้มลงจูบแผ่นดินไทยและบอกว่า "พระเจ้ารักประเทศไทยนะ" ดังนั้น วางใจในพระเจ้าเถิดครับ อาจจะมีการฟื้นฟูใหญ่ในประเทศไทยก็ได้นะครับ ให้เรามาช่วยกันอธิษฐาน สวดภาวนาให้ประเทศเราดีกว่ามั้ยคับ
เมื่อวานดูข่าวเห็นคุณหญิงออกมาแฉ ออกมาฉะ พวกโกงกินทุจริตทั้งหลายแบบไม่ไว้หน้า เป็นกำลังใจให้คุณหญิงขจัดพวกโกงกินพวกนี้ให้หมดไป :D
ยอมรับโกรธ-อยากด่าพ่อคนแกล้ง-แต่เข้าโบสถ์แล้วหาย
นอกจากนี้ คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวถึงการกลับเข้าไปทำงานที่สตง. ว่า วันแรกที่เข้าไปทำงาน ตนถามลูกน้องคนหนึ่งตรงๆว่าตอนที่พี่มีปัญหาอยู่นั้น ไปแจ้งความว่าพี่ยักยอกทรัพย์หลวงใช่หรือไม่ เขาบอกว่าโดนสั่ง สังเกตเห็นชัดเลยว่าเขาหน้าซีด ขาสั่น เราก็ถามต่อว่าสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ เขาบอกว่าสั่งมาเป็นลายลักษณ์อักษรเลย เราพูดกับลูกน้องเสมอว่าหน้าที่การตรวจสอบบัญชีของเรานั้นยิ่งใหญ่ รัชกาลที่ 5 ตั้งมาเพื่อดูแลทรัพย์สมบัติหลวง วันนี้โดนเขาขู่ก็กลัวจนตัวสั่น
นอกจากนี้ คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวถึงการกลับเข้าไปทำงานที่สตง. ว่า วันแรกที่เข้าไปทำงาน ตนถามลูกน้องคนหนึ่งตรงๆว่าตอนที่พี่มีปัญหาอยู่นั้น ไปแจ้งความว่าพี่ยักยอกทรัพย์หลวงใช่หรือไม่ เขาบอกว่าโดนสั่ง สังเกตเห็นชัดเลยว่าเขาหน้าซีด ขาสั่น เราก็ถามต่อว่าสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ เขาบอกว่าสั่งมาเป็นลายลักษณ์อักษรเลย เราพูดกับลูกน้องเสมอว่าหน้าที่การตรวจสอบบัญชีของเรานั้นยิ่งใหญ่ รัชกาลที่ 5 ตั้งมาเพื่อดูแลทรัพย์สมบัติหลวง วันนี้โดนเขาขู่ก็กลัวจนตัวสั่น
ดร. สุวรรณ วลัยเสถียร เป็นคริสตังที่ศรัทธา และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ขนาดท่านเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว และรวยเป็นเศรษฐีระดับพันล้าน แต่เวลาท่านไปร่วมมิสซาท่านกลับออกมาถือถุงรับบริจากทาน
และเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านมี ท่านก็ได้มาด้วยความสุจริต ดูได้จากบทความเรื่อง แกะรอยเส้นทางรวย 'ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร' โดย กาญจนา หงษ์ทอง
http://www.thaimung.net/tricks/webboard/00799.html
ส่วนประเด็นที่ท่านได้ชี้แจงเรื่องภาษีการขายของตระกูลชินวัตรนั้น ก็ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมบางคนที่คิดว่าเป็นคริสตชนที่เคร่งครัด จึงต้องไปตัดสินท่าน พระคัมภีร์ไม่ได้บอกไว้หรือครับว่า เราไม่มีสิทธิไปตัดสินผู้อื่น มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิตัดสินเรา
ผมไม่เข้าใจว่า ในเมื่อเรามีคริสตังมหาเศรษฐี และมีมันสมองระดับอัจฉริยะ และมีอุปนิสัยที่เท้าติดดินอย่างท่าน ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร แล้ว ทำไมเราจะต้องไปหลงกระแส และมองท่านในแง่ลบเล่าครับ?
ได้ยินข่าวมาว่า ท่านกำลังพิจารณาที่จะลงสมัครเป็น สว. (สมาชิกวุฒิสภา) ในสมัยเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พวกเราน่าจะร่วมแรวงร่วมใจกันสนับสนุนท่าน เพื่อที่พวกเราจะได้มี สว. ที่เป็นคริสตชนเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงให้พวกเรา (ในการเลือกตั้ง สว. ครั้งที่แล้ว พวกมุสลิมในกทม. ได้พากันเทเสียงให้ นายดำรง พุฒตาล ซึ่งเป็นมุสลิมถึง สี่แสนกว่าเสียง)
และเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านมี ท่านก็ได้มาด้วยความสุจริต ดูได้จากบทความเรื่อง แกะรอยเส้นทางรวย 'ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร' โดย กาญจนา หงษ์ทอง
http://www.thaimung.net/tricks/webboard/00799.html
ส่วนประเด็นที่ท่านได้ชี้แจงเรื่องภาษีการขายของตระกูลชินวัตรนั้น ก็ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมบางคนที่คิดว่าเป็นคริสตชนที่เคร่งครัด จึงต้องไปตัดสินท่าน พระคัมภีร์ไม่ได้บอกไว้หรือครับว่า เราไม่มีสิทธิไปตัดสินผู้อื่น มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิตัดสินเรา
ผมไม่เข้าใจว่า ในเมื่อเรามีคริสตังมหาเศรษฐี และมีมันสมองระดับอัจฉริยะ และมีอุปนิสัยที่เท้าติดดินอย่างท่าน ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร แล้ว ทำไมเราจะต้องไปหลงกระแส และมองท่านในแง่ลบเล่าครับ?
ได้ยินข่าวมาว่า ท่านกำลังพิจารณาที่จะลงสมัครเป็น สว. (สมาชิกวุฒิสภา) ในสมัยเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พวกเราน่าจะร่วมแรวงร่วมใจกันสนับสนุนท่าน เพื่อที่พวกเราจะได้มี สว. ที่เป็นคริสตชนเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงให้พวกเรา (ในการเลือกตั้ง สว. ครั้งที่แล้ว พวกมุสลิมในกทม. ได้พากันเทเสียงให้ นายดำรง พุฒตาล ซึ่งเป็นมุสลิมถึง สี่แสนกว่าเสียง)
ต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร โดยนิตยสาร at office เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า ท่านรวยขึ้นมาเพราะน้ำพักน้ำแรงของท่านเอง ไม่ได้ไปโกงภาษี หรือไปกินบ้านกินเมืองมาอย่างที่ผู้ไม่หวังดี หรือผู้ที่เป็นโรคอิจฉาคนรวย บางคนกล่าวหา
สอนคนทำงานให้ออมเงิน
รวย...มั่งคั่ง... ใครบ้างไม่อยากมี
แต่ใช่ว่าเส้นทางไปสู่ความรวยและความมั่งคั่ง จะทอดยาวจากหน้าประตูบ้านของทุกๆ คน
หากแต่ตัวคุณเองนั่นแหละ ที่เป็นผู้เลือกและลิขิตเองว่า จะเดินบนเส้นทางไหนระหว่างรวยกับจน
เพราะความรวยไม่ใช่อวัยวะที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
แต่เมื่อคุณเริ่มทำงาน หาเงินได้ และรู้จักการออม
เส้นทางแห่งความร่ำรวย ย่อมมีโอกาสทอดยาวมาสู่คุณ
เฉกเช่นชายวัย 60 ปี ท่านนี้
สอนคนทำงานให้ออมเงิน
รวย...มั่งคั่ง... ใครบ้างไม่อยากมี
แต่ใช่ว่าเส้นทางไปสู่ความรวยและความมั่งคั่ง จะทอดยาวจากหน้าประตูบ้านของทุกๆ คน
หากแต่ตัวคุณเองนั่นแหละ ที่เป็นผู้เลือกและลิขิตเองว่า จะเดินบนเส้นทางไหนระหว่างรวยกับจน
เพราะความรวยไม่ใช่อวัยวะที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
แต่เมื่อคุณเริ่มทำงาน หาเงินได้ และรู้จักการออม
เส้นทางแห่งความร่ำรวย ย่อมมีโอกาสทอดยาวมาสู่คุณ
เฉกเช่นชายวัย 60 ปี ท่านนี้
K. abc is right that we can't judge anyone.... We can just express our opinions. We didn't say that he's right or wrong.. we can say just that we either like or don't like what he is doing. We have the freedom to like or don't like anybody, don't we?
ดร. สุวรรณ วลัยเสถียร เป็นคริสตังที่ศรัทธา และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ขนาดท่านเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว และรวยเป็นเศรษฐีระดับพันล้าน แต่เวลาท่านไปร่วมมิสซาท่านกลับออกมาถือถุงรับบริจากทาน
--> So, every usher is a good person, right? :) A poor boy dedicated himself as an usher is as humble as a millionaire being an usher.... :)
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า ท่านรวยขึ้นมาเพราะน้ำพักน้ำแรงของท่านเอง ไม่ได้ไปโกงภาษี หรือไปกินบ้านกินเมืองมาอย่างที่ผู้ไม่หวังดี หรือผู้ที่เป็นโรคอิจฉาคนรวย บางคนกล่าวหา
--> Who said that??
ดร. สุวรรณ วลัยเสถียร เป็นคริสตังที่ศรัทธา และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ขนาดท่านเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว และรวยเป็นเศรษฐีระดับพันล้าน แต่เวลาท่านไปร่วมมิสซาท่านกลับออกมาถือถุงรับบริจากทาน
--> So, every usher is a good person, right? :) A poor boy dedicated himself as an usher is as humble as a millionaire being an usher.... :)
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า ท่านรวยขึ้นมาเพราะน้ำพักน้ำแรงของท่านเอง ไม่ได้ไปโกงภาษี หรือไปกินบ้านกินเมืองมาอย่างที่ผู้ไม่หวังดี หรือผู้ที่เป็นโรคอิจฉาคนรวย บางคนกล่าวหา
--> Who said that??