เพศที่ 3 ความเป็นจริงที่มีอยู่ในสังคมโลก
หากจะพูดถึงเพศของมนุษย์บนโลกรวมถึงสังคมไทยแล้ว วันนี้คงไม่อาจบอกได้ว่ามีเพียงเพศชายและเพศหญิงอีกต่อไป เพราะบุคคลที่ถูกระบุให้เป็นเพศที่ 3 ในสังคม กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมรักคนในเพศเดียวกัน ชายกับชาย หญิงกับหญิง มีการเปิดตัวและเป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้น หลายต่อหลายครั้งที่คนกลุ่มนี้ถูกตีตราว่า เป็น "คนไม่ปกติ" แต่หากหยั่งลึกลงไปถึงจิตใจของความเป็นมนุษย์แล้วก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนปกติเลย
แล้วอะไรเป็นสาเหตุของการเกิดพฤติกรรมรักร่วมเพศ ?
ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะพูดหรือวิเคราะห์ฟันธงลงไปได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็ได้มีการแบ่งสาเหตุหลัก ๆ ไว้ 3 สาเหตุ คือ
สาเหตุที่ 1 สาเหตุด้านกรรมพันธุ์ โดยที่สหรัฐอเมริกาเคยมีการศึกษาพฤติกรรมของคู่แฝดและพบว่าในคู่แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ถ้าคนใดคนหนึ่งมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ อีกคนก็จะมีโอกาสเป็นด้วยเสมอ แต่ในคู่แฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ ถ้าคนหนึ่งเป็น อีกคนจะมีโอกาสเป็นเพียงร้อยละ 11.5 นอกจากนั้นยังมีการวิจัยอื่น ๆ ที่ให้การสนับสนุนอีกว่า ลักษณะดังกล่าวจะต้องเป็นสิ่งที่ติดตัวคน ๆ นั้นมาตั้งแต่เกิด หรือเป็นลักษณะประจำตัวของเขาเอง ไม่ใช่มาเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมในภายหลัง
สาเหตุที่ 2 ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะครอบครัว เกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างเด็กกับบิดาหรือมารดาที่เป็นเพศเดียวกันกับเด็ก ทำให้เด็กไม่สามารถลอกเลียนลักษณะ และบทบาททางเพศที่ถูกต้องได้ หรือการที่บิดามารดาทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำก็อาจทำให้เด็กเกิดความเกลียดกลัวชีวิตรักต่างเพศที่เขาเห็น จึงหันไปหาความสุขทางเพศกับเพศเดียวกัน หรือแม้แต่การเลี้ยงดูผิดเพศเนื่องจากบิดามารดาไม่ต้องการเพศที่แท้จริงของเด็ก ก็อาจทำให้เกิดปัญหารักร่วมเพศได้ หรือการเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดา เช่น การที่เด็กมีโอกาสเห็นบิดามารดาร่วมเพศกันแล้วเข้าใจผิดว่าบิดากำลังทำร้ายมารดา อาจทำให้เด็กหญิงเกลียดกลัวบิดาตลอดจนผู้ชายอื่นทุกคนและหันไปหาความรักจากเพศเดียวกันซึ่งมีความนุ่มนวลกว่า
สาเหตุที่ 3 ด้านสังคม ซึ่งการกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรงจากความสัมพันธ์ ระหว่างวัยรุ่นชายกับหญิง ก็อาจเป็นสาเหตุของรักร่วมเพศได้ เช่น วัยรุ่นชายที่ผิดหวังความรักครั้งแรกจากหญิง อาจเศร้าโศกเสียใจมากและมองเห็นชีวิตรักต่างเพศเป็นความปวดร้าวใจ เลยหันเข้าหาเพศเดียวกันเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดหวังครั้งที่สอง หรือวัยรุ่นหญิงที่อารมณ์อ่อนไหวง่าย ถ้าไม่ได้รับความสนใจหรือถูกเยาะเย้ยจากชายที่เธอรัก เธอก็อาจหันไปหาเพศหญิงด้วยกันแทน
อย่างไรก็ตาม จากเอกสารที่ศึกษาโดยเครือข่ายองค์กรทำงานเรื่องคนรักเพศเดียวกันจากกลุ่มฟ้าสีรุ้ง ระบุว่า สมาคมจิตวิทยาแห่งอเมริกา สมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ และองค์กรวิชาชีพอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา ต่างมีความเห็นร่วมกันว่าการรักเพศเดียวกันไม่ได้เป็นอาการเจ็บป่วยหรือความผิดปกติทางจิตแต่อย่างใด เนื่องจากองค์ความรู้จากงานวิจัยในช่วงเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า วิถีทางเพศ แบบการรักเพศเดียวกันนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาการเจ็บป่วยหรือความผิดปกติทางจิต ขณะเดียวกันในทั่วทุกมุมโลกก็ได้เกิดขบวนการเคลื่อนไหวมากมายที่เติบโตขึ้น เพื่อแก้ไขปรับเปลี่ยนความเข้าใจของผู้คนในเรื่องวิถีทางเพศ รวมทั้งเรื่องผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนอันเนื่องมาจากการถูกตีตราของหญิงรักหญิง ชายรักชาย และบุคคลรักสองเพศ
สำหรับประเทศไทย น.พ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ จากกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ด้วยความเขลาทำให้เราเคยจัดแบ่งว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศเป็นบุคคลที่มีความผิดปกติ หรือแม้แต่ในสมัยหนึ่งการที่ผู้หญิงจะบริสุทธิ์หรือไม่ ก็กลายเป็นเรื่องของความผิดปกติหรือไม่ปกติเช่นกัน และตั้งแต่ ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา เรื่องดังกล่าวก็ไม่เคยปรากฏอยู่ในองค์ความรู้ทางสากลอีกต่อไป เพราะสมาคมจิตแพทย์ของสหรัฐอเมริกาได้ลงมติและประกาศว่า รักร่วมเพศไม่ใช่ความผิดปกติทางจิตใจแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการเข้าใจผิดว่ารักร่วมเพศเป็นความวิปริตทางเพศนั้น ความจริงคือ ไม่ใช่ หากแต่คำว่า "วิปริตทางเพศ" ในปัจจุบัน มีความหมายเพียงประการเดียว คือ คนที่ได้มาซึ่งความสุขและความพึงพอใจทางเพศด้วยวิธีการที่สังคมไม่ยอมรับ เช่น ถ้ำมอง ชอบโชว์อวัยวะเพศ ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก หรือมีเพศสัมพันธ์โดยทำร้ายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นปัญหาของชายรักร่วมเพศ อย่างไรก็ตาม คนวิปริตทางเพศ ในความหมายนี้ก็เกิดขึ้นได้ทั้งคนรักเพศเดียวกันและรักเพศตรงข้าม
ถึงแม้ปัจจุบันกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าเพศที่ 3 จะได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ความกังวลในสิ่งที่คนเหล่านั้นเป็น ก็ยังไม่อาจหายไปอย่างสนิทใจ ดังนั้นครอบครัว จึงเป็นปัจจัยสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ เพราะการยอมรับ ความเข้าใจ และความเห็นใจลูกหลานของตนเองคือที่พึ่งสำคัญที่จะช่วยประคับประคองให้เขากล้ายืนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ เรื่องพฤติกรรมรักเพศเดียวกันไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ แต่ครอบครัวต้องให้กำลังใจ เป็นที่ปรึกษาในทางที่ถูกที่ควรให้แก่ลูกหลานมากกว่าที่จะตั้งแง่รังเกียจหรือหาทางเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมลูก ซึ่งบ่อยครั้งที่พ่อและแม่ได้เห็นกิริยาใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างหญิงกับหญิง หรือชายกับชายแล้วก็แสดงออกถึงอาการรังเกียจและต่อต้าน โดยหารู้ไม่ว่าหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นลูกของตัวเองก็จะทำให้ลูกหลานต้องพยายามปิดบังตัวเองไม่ให้พ่อแม่รู้ และมีชีวิตก็จะอยู่อย่างไม่เป็นสุข
ขอเพียงคนในสังคมมีความเข้าใจในกันและกัน การเกิดมาเป็นอะไร ก็คงไม่สำคัญเท่ากับการเป็นคนดีของครอบครัว และของสังคม เพราะถ้าทุกคนไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เห็นอกเห็นใจกัน แบ่งปันให้กัน น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเพศใดก็ตาม
แล้วอะไรเป็นสาเหตุของการเกิดพฤติกรรมรักร่วมเพศ ?
ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะพูดหรือวิเคราะห์ฟันธงลงไปได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็ได้มีการแบ่งสาเหตุหลัก ๆ ไว้ 3 สาเหตุ คือ
สาเหตุที่ 1 สาเหตุด้านกรรมพันธุ์ โดยที่สหรัฐอเมริกาเคยมีการศึกษาพฤติกรรมของคู่แฝดและพบว่าในคู่แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ถ้าคนใดคนหนึ่งมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ อีกคนก็จะมีโอกาสเป็นด้วยเสมอ แต่ในคู่แฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ ถ้าคนหนึ่งเป็น อีกคนจะมีโอกาสเป็นเพียงร้อยละ 11.5 นอกจากนั้นยังมีการวิจัยอื่น ๆ ที่ให้การสนับสนุนอีกว่า ลักษณะดังกล่าวจะต้องเป็นสิ่งที่ติดตัวคน ๆ นั้นมาตั้งแต่เกิด หรือเป็นลักษณะประจำตัวของเขาเอง ไม่ใช่มาเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมในภายหลัง
สาเหตุที่ 2 ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะครอบครัว เกิดจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างเด็กกับบิดาหรือมารดาที่เป็นเพศเดียวกันกับเด็ก ทำให้เด็กไม่สามารถลอกเลียนลักษณะ และบทบาททางเพศที่ถูกต้องได้ หรือการที่บิดามารดาทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำก็อาจทำให้เด็กเกิดความเกลียดกลัวชีวิตรักต่างเพศที่เขาเห็น จึงหันไปหาความสุขทางเพศกับเพศเดียวกัน หรือแม้แต่การเลี้ยงดูผิดเพศเนื่องจากบิดามารดาไม่ต้องการเพศที่แท้จริงของเด็ก ก็อาจทำให้เกิดปัญหารักร่วมเพศได้ หรือการเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดา เช่น การที่เด็กมีโอกาสเห็นบิดามารดาร่วมเพศกันแล้วเข้าใจผิดว่าบิดากำลังทำร้ายมารดา อาจทำให้เด็กหญิงเกลียดกลัวบิดาตลอดจนผู้ชายอื่นทุกคนและหันไปหาความรักจากเพศเดียวกันซึ่งมีความนุ่มนวลกว่า
สาเหตุที่ 3 ด้านสังคม ซึ่งการกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรงจากความสัมพันธ์ ระหว่างวัยรุ่นชายกับหญิง ก็อาจเป็นสาเหตุของรักร่วมเพศได้ เช่น วัยรุ่นชายที่ผิดหวังความรักครั้งแรกจากหญิง อาจเศร้าโศกเสียใจมากและมองเห็นชีวิตรักต่างเพศเป็นความปวดร้าวใจ เลยหันเข้าหาเพศเดียวกันเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดหวังครั้งที่สอง หรือวัยรุ่นหญิงที่อารมณ์อ่อนไหวง่าย ถ้าไม่ได้รับความสนใจหรือถูกเยาะเย้ยจากชายที่เธอรัก เธอก็อาจหันไปหาเพศหญิงด้วยกันแทน
อย่างไรก็ตาม จากเอกสารที่ศึกษาโดยเครือข่ายองค์กรทำงานเรื่องคนรักเพศเดียวกันจากกลุ่มฟ้าสีรุ้ง ระบุว่า สมาคมจิตวิทยาแห่งอเมริกา สมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ และองค์กรวิชาชีพอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา ต่างมีความเห็นร่วมกันว่าการรักเพศเดียวกันไม่ได้เป็นอาการเจ็บป่วยหรือความผิดปกติทางจิตแต่อย่างใด เนื่องจากองค์ความรู้จากงานวิจัยในช่วงเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า วิถีทางเพศ แบบการรักเพศเดียวกันนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาการเจ็บป่วยหรือความผิดปกติทางจิต ขณะเดียวกันในทั่วทุกมุมโลกก็ได้เกิดขบวนการเคลื่อนไหวมากมายที่เติบโตขึ้น เพื่อแก้ไขปรับเปลี่ยนความเข้าใจของผู้คนในเรื่องวิถีทางเพศ รวมทั้งเรื่องผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนอันเนื่องมาจากการถูกตีตราของหญิงรักหญิง ชายรักชาย และบุคคลรักสองเพศ
สำหรับประเทศไทย น.พ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ จากกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ด้วยความเขลาทำให้เราเคยจัดแบ่งว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศเป็นบุคคลที่มีความผิดปกติ หรือแม้แต่ในสมัยหนึ่งการที่ผู้หญิงจะบริสุทธิ์หรือไม่ ก็กลายเป็นเรื่องของความผิดปกติหรือไม่ปกติเช่นกัน และตั้งแต่ ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา เรื่องดังกล่าวก็ไม่เคยปรากฏอยู่ในองค์ความรู้ทางสากลอีกต่อไป เพราะสมาคมจิตแพทย์ของสหรัฐอเมริกาได้ลงมติและประกาศว่า รักร่วมเพศไม่ใช่ความผิดปกติทางจิตใจแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการเข้าใจผิดว่ารักร่วมเพศเป็นความวิปริตทางเพศนั้น ความจริงคือ ไม่ใช่ หากแต่คำว่า "วิปริตทางเพศ" ในปัจจุบัน มีความหมายเพียงประการเดียว คือ คนที่ได้มาซึ่งความสุขและความพึงพอใจทางเพศด้วยวิธีการที่สังคมไม่ยอมรับ เช่น ถ้ำมอง ชอบโชว์อวัยวะเพศ ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก หรือมีเพศสัมพันธ์โดยทำร้ายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นปัญหาของชายรักร่วมเพศ อย่างไรก็ตาม คนวิปริตทางเพศ ในความหมายนี้ก็เกิดขึ้นได้ทั้งคนรักเพศเดียวกันและรักเพศตรงข้าม
ถึงแม้ปัจจุบันกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าเพศที่ 3 จะได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ความกังวลในสิ่งที่คนเหล่านั้นเป็น ก็ยังไม่อาจหายไปอย่างสนิทใจ ดังนั้นครอบครัว จึงเป็นปัจจัยสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ เพราะการยอมรับ ความเข้าใจ และความเห็นใจลูกหลานของตนเองคือที่พึ่งสำคัญที่จะช่วยประคับประคองให้เขากล้ายืนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ เรื่องพฤติกรรมรักเพศเดียวกันไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ แต่ครอบครัวต้องให้กำลังใจ เป็นที่ปรึกษาในทางที่ถูกที่ควรให้แก่ลูกหลานมากกว่าที่จะตั้งแง่รังเกียจหรือหาทางเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมลูก ซึ่งบ่อยครั้งที่พ่อและแม่ได้เห็นกิริยาใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างหญิงกับหญิง หรือชายกับชายแล้วก็แสดงออกถึงอาการรังเกียจและต่อต้าน โดยหารู้ไม่ว่าหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นลูกของตัวเองก็จะทำให้ลูกหลานต้องพยายามปิดบังตัวเองไม่ให้พ่อแม่รู้ และมีชีวิตก็จะอยู่อย่างไม่เป็นสุข
ขอเพียงคนในสังคมมีความเข้าใจในกันและกัน การเกิดมาเป็นอะไร ก็คงไม่สำคัญเท่ากับการเป็นคนดีของครอบครัว และของสังคม เพราะถ้าทุกคนไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เห็นอกเห็นใจกัน แบ่งปันให้กัน น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเพศใดก็ตาม
ตอนเรียนคำสอนครูบอกว่าพระเจ้าสร้างชายหญิงให้มาคู่กัน
แล้วทีนี้.......เพศที่ 3 จะคู่ใครล่ะ เหอๆ
แล้วทีนี้.......เพศที่ 3 จะคู่ใครล่ะ เหอๆ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ขอตอบในทรรศนะ ของโปรเตสแตนต์ สายหลักฮะน้ำชา# เขียน: เป็นกะเทยตกนรกไหมคับ สงสัยคับ
ตก ถ้าไม่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ฮับ เพราะพระคัมภีร์บอกว่า เมื่อวาระสุดท้าย พระเยซูคริสต์เสด็จมา
ทรงแยก ระหว่างผู้เชื่อกับผู้ไม่เชื่อ .............ดังนั้น ไม่ว่าคนๆนั้นสังกัด เพศไหน ถ้าเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด ก็จะไปอยู่ กบพระเจ้านิรันดร
ส่วนผู้ไม่เชื่อวางใจในพระนามพระเยซูคริสต์ ว่าเป็นพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอด ก็ต้องแยกกับพระเจ้านิรันดร ( อาจจะเรียกว่านรก ก็โอเช )
แก้ไขล่าสุดโดย Jeab Agape เมื่อ เสาร์ เม.ย. 22, 2006 9:12 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ก้อ คู่ ทั้ง ชาย และหญิง หรือ บางคน ก็ไม่จำเป็นต้องคู่กับใคร เขาเกิดมาเพื่อรับใช้พระเจ้าก็ได้นิCandle เขียน: ตอนเรียนคำสอนครูบอกว่าพระเจ้าสร้างชายหญิงให้มาคู่กัน
แล้วทีนี้.......เพศที่ 3 จะคู่ใครล่ะ เหอๆ
ถ้าคนต่างศาสนาได้ยินเค้าโกรธนะน้องJeab Agape เขียน:ขอตอบในทรรศนะ ของโปรเตสแตนต์ สายหลักฮะน้ำชา# เขียน: เป็นกะเทยตกนรกไหมคับ สงสัยคับ
ตก ถ้าไม่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ฮับ เพราะพระคัมภีร์บอกว่า เมื่อวาระสุดท้าย พระเยซูคริสต์เสด็จมา
ทรงแยก ระหว่างผู้เชื่อกับผู้ไม่เชื่อ .............ดังนั้น ไม่ว่าคนๆนั้นสังกัด เพศไหน ถ้าเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด ก็จะไปอยู่ กบพระเจ้านิรันดร
ส่วนผู้ไม่เชื่อวางใจในพระนามพระเยซูคริสต์ ว่าเป็นพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอด ก็ต้องแยกกับพระเจ้านิรันดร ( อาจจะเรียกว่านรก ก็โอเช )
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
แน่นอน รับทราบ แต่มันเป็นความเชื่อ ถ้าเขาไม่เชื่อแบบเรา ก็ไม่เห็นจะใส่ใจ
เพราะคริสตชน ตามความเชื่อของศาสนิกอื่นๆ เราก็อาจจะไม่รอด อาจจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นต่างๆ
อาจจะไม่มีสิทธิ์กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ อีก เป็นต้น เจี๊ยบก็เฉยๆ ฮะ
เพราะคริสตชน ตามความเชื่อของศาสนิกอื่นๆ เราก็อาจจะไม่รอด อาจจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นต่างๆ
อาจจะไม่มีสิทธิ์กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ อีก เป็นต้น เจี๊ยบก็เฉยๆ ฮะ
ผมคิดว่าคนศาสนาอื่นโดยเฉพาะศาสนาพุทธก็เห็นว่าการตกนรกนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนที่ทำกรรมชั่วต้องไปชดใช้กรรมที่นั่นอยู่แล้ว เพราะนรกของพุทธเข้าไปแล้วออกได้เมื่อชดใช้กรรมหมดแล้ว ดังนั้นไม่ต้องกลัวเขาจะโกรธหรอกมั้งถ้าเราจะเชื่อว่า พวกเขาจะต้องตกนรก เพราะมนุษย์ทุกคนก็ย่อมเคยทำบาปกันทั้งนั้น
เมื่อวันก่อนได้ดูรายการถอดรหัส ทางไอทีวี เขานำเสนอเรื่องสามเณรเพศที่สาม ดูแล้วก็รู้สึกไม่น่ายินดีเท่าไร เพราะแต่ละรูปโอ้โห ไม่ทิ้งคราบสาวทั้ง ๆ ที่ห่มผ้าเหลือง
เมื่อวันก่อนได้ดูรายการถอดรหัส ทางไอทีวี เขานำเสนอเรื่องสามเณรเพศที่สาม ดูแล้วก็รู้สึกไม่น่ายินดีเท่าไร เพราะแต่ละรูปโอ้โห ไม่ทิ้งคราบสาวทั้ง ๆ ที่ห่มผ้าเหลือง
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ เม.ย. 24, 2006 9:07 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อิฉันก็เคยเจอเณรห่มจีวรนี่แหละค่ะ เป็นเณรทางเหนือ เหมือนคิ้วก็ไม่ได้กันนะคะ อันนั้นไม่เป็นปัญหา แต่ที่สำคัญสาวแตกมากค่ะ ขอบอก
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
จำได้ว่าพี่ Holy ก็เคยเอามาให้พวกเราดูแล้วนี่ครับ
นั่นแหละครับ แต่ดูในทีวีภาพมันเคลื่อนไหวได้ แล้วเขาเจาะลึกแบบละเอียดเลยครับBatholomew เขียน: จำได้ว่าพี่ Holy ก็เคยเอามาให้พวกเราดูแล้วนี่ครับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เราเป็นคนบาปนั้นไม่ตกนรก เพราะพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดแล้ว แต่ถ้าเราทำบาปนั่นคือเราหันเหออกจากทางของพระองค์ ตกนรกนะครับ(ถ้าปฏิเสธการอภัยโทษ)
เห็นเขาสัมภาษณ์ชาวพุทธ บางคนก็รับได้ โดยให้เหตุผลว่า ก็ยังดีที่พวกเขาสนใจอยากศึกษาพระธรรม ถ้าศาสนาไล่พวกเขา พวกเขาจะไปที่ไหน แต่กระนั้นก็ไม่อยากให้พวกเขาแสดงออกมาถึงความเป็นหญิง เพราะมันไม่เหมาะสม
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
Candle เขียน: ตอนเรียนคำสอนครูบอกว่าพระเจ้าสร้างชายหญิงให้มาคู่กัน
แล้วทีนี้.......เพศที่ 3 จะคู่ใครล่ะ เหอๆ
เพศที่ 3 ไม่มีคู่ ถือโสดจ๊า~~~~~
.......Candle เขียน: แล้วทีนี้.......เพศที่ 3 จะคู่ใครล่ะ เหอๆ
ข้าพเจ้า เชื่อถือใน เยซู เอกบุตร สวามีเจ้าของเรา
------
:-*
ไม่ใช่แค่ กระเทย นะ
แต่มนุษย์ทุกคน ที่เชื่อในพระบุตรยังไงละ :D
คำว่า "พระสวามี" ในบทสวด ไม่ได้แปลว่า "สามี" นะครับ แต่แปลว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า หากเปิดในพจนานุกรม จะพบคำแปลว่า "เจ้า, ผู้เป็นใหญ่"
"ข้าพเจ้าหวงแหนท่านทั้งหลายอย่างที่พระเจ้าทรงหวงแหน
เพราะข้าพเจ้าหมั้นท่านไว้กับชายคนเดียว
เพื่อถวายประดุจพรหมจารีบริสุทธิ์แด่พระคริสตเจ้า"
2คร 11:2
เพราะข้าพเจ้าหมั้นท่านไว้กับชายคนเดียว
เพื่อถวายประดุจพรหมจารีบริสุทธิ์แด่พระคริสตเจ้า"
2คร 11:2
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ เม.ย. 26, 2006 8:51 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
คำว่า "ท่านทั้งหลาย" หมายถึง "พระศาสนจักร" เพราะพระศาสนจักรเป็นประดุจเจ้าสาวของพระคริสตเจ้า ตามพระธรรมวิวรณ์บทที่ 19JoHenya, The Fearless เขียน: "ข้าพเจ้าหวงแหนท่านทั้งหลายอย่างที่พระเจ้าทรงหวงแหน
เพราะข้าพเจ้าหมั้นท่านไว้กับชายคนเดียว
เพื่อถวายประดุจพรหมจารีบริสุทธิ์แด่พระคริสตเจ้า"
2คร 11:2
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ เม.ย. 26, 2006 8:57 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมก้อเป็นเกย์ครับ ผมไม่ใช่คนดีอะไรหรอก ผมเป็นคนไร้ค่า แต่ผมเชื่อว่ามีค่าสำหรับพระองค์ ผมมองเห็นเมตตาของพระองค์ที่พระองค์ประทานให้กับผม ทุกลมหายใจที่เข้าออกอยู่นี้ ก้อเพราะพระองค์ประทานให้ ขอบพระคุณพระองค์ ลูกตกอยู่ในเหวลึก แต่พระองค์ผู้สูงส่งกลับก้มพระกายมาดึงและอุ้มลูกขึ้นมา.....
แฟนผมก้อเป็นเกย์ครับ และเค้าก้อมีความเชื่อในพระ.... ผมเคยถามเค้าว่า **พี่ เราผิดมั้ย กับพระ ที่เราคบกันอย่างนี้** เค้าตอบกลับมาว่า **ไม่รู้ซิว่าผิดหรือเปล่า แต่เรามีความเชื่อนิ่นา พระองค์อุ้มเราในอ้อมกอดของพระองค์ พระองค์อุ้มเราในอกคนละข้าง ให้เราเกี่ยวก้อยกันในความอบอุ่นของพระองค์** ผมเคยสูญเสียความเชื่อ ผมเคยห่างวัดไปเป็นปีๆ แต่ผมกลับมีความเชื่อ หัวใจกลับมาหาพระองค์อีก ถึงจะเป็นคนบาปเหมือนเดิม แต่ก้อดีใจที่ยังได้กลับมาหาพระองค์อีก ชีวิตที่ผ่านมา ขอบคุณพระ ผมรู้สึกว่ามีค่าจริงๆใจสายพระเนตรของพระ พระให้เค้าแก่ผม พระให้ความเชื่อหวนคืน
.....ขอเป็นกำลังใจ และเป็นความเข้าใจให้กับคนกลุ่มนี้ว่า คุณจะเป็นอย่างไร พระทรงรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมีความเชื่อ ก้อไม่ต้องกลัวอะไรอีก แล้วอยู่อย่างมีความหวังเถิด...............
แฟนผมก้อเป็นเกย์ครับ และเค้าก้อมีความเชื่อในพระ.... ผมเคยถามเค้าว่า **พี่ เราผิดมั้ย กับพระ ที่เราคบกันอย่างนี้** เค้าตอบกลับมาว่า **ไม่รู้ซิว่าผิดหรือเปล่า แต่เรามีความเชื่อนิ่นา พระองค์อุ้มเราในอ้อมกอดของพระองค์ พระองค์อุ้มเราในอกคนละข้าง ให้เราเกี่ยวก้อยกันในความอบอุ่นของพระองค์** ผมเคยสูญเสียความเชื่อ ผมเคยห่างวัดไปเป็นปีๆ แต่ผมกลับมีความเชื่อ หัวใจกลับมาหาพระองค์อีก ถึงจะเป็นคนบาปเหมือนเดิม แต่ก้อดีใจที่ยังได้กลับมาหาพระองค์อีก ชีวิตที่ผ่านมา ขอบคุณพระ ผมรู้สึกว่ามีค่าจริงๆใจสายพระเนตรของพระ พระให้เค้าแก่ผม พระให้ความเชื่อหวนคืน
.....ขอเป็นกำลังใจ และเป็นความเข้าใจให้กับคนกลุ่มนี้ว่า คุณจะเป็นอย่างไร พระทรงรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมีความเชื่อ ก้อไม่ต้องกลัวอะไรอีก แล้วอยู่อย่างมีความหวังเถิด...............
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ทุกคนมีค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า ฮะ ค่าของทุกๆคน = ชีวิตของพระบุตรบนไม้กางเขนที่ตายแทนความผิดบาป ของเรา
ใช่แล้ว...อิอิ เราทุกคนมีค่า พระถึงยอมที่จะพลี และรับความเจ็บอย่างมนุษย์เพื่อเราทุกคนจะได้รอด ถ้ามนุษย์มองเห็นค่าตัวเอง และเห็นค่าของสิ่งที่พระองค์ทำก็คงจะดีนะ..... พระอวยพรคับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm