รู้สึกเป็นส่วนเกินของเพื่อนๆในบางสังคมครับ
เวลาที่เข้าสังคมมักมีปัญหาที่ไม่ดีเกิดขึ้นเสมอ เช่น
เพื่อนไม่ยอมรับ คนไม่ชอบหน้าโดยไม่ได้ทำอะไรให้เลยบางครั้งชอบทำตัวว่าไม่ต้องพี่งแกก็ได้ผมมักเป็นส่วนเกินของสังคมตลอดเลยรู้สึกเบื่อตัวเองจนอยากเก็บตัวไม่เข้าสังคมละครับผมอยากจะบอกว่าไม่ยุติธรรมสำหรับสังคมทางโลกเลยพระสร้างพวกเขาเหล่านั้นมาแต่ทำไมไม่ต้องการความรักจากผู้อื่นล่ะครับ มีแต่เบียดเบียนและดูว่าคนนี้ไม่ดีอย่างงั้นอย่างงี้ตัดสินคนที่ภายนอกไปวันๆผมเหมือนพระเยซูนเวลาที่ทุกคนทิ้งพระองค์หมดจนพระองค์สันโดษ แต่ในใจได้ยินเสียงที่ว่า เรารักท่าน หลายครั้งมาก ไม่มีใครในโลกนี้เข้าใจความรู้สึกผมเลยตอนนี้เดียวดายแล้วครับ ทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่นั่งนิ่งๆไปวันๆจนตอนนี้เครียดไม่อยากทำอะไรแล้วผมเบื่อตัวเองว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ความรู้สึกเบื้องในคือน้อยใจครับ
เพื่อนไม่ยอมรับ คนไม่ชอบหน้าโดยไม่ได้ทำอะไรให้เลยบางครั้งชอบทำตัวว่าไม่ต้องพี่งแกก็ได้ผมมักเป็นส่วนเกินของสังคมตลอดเลยรู้สึกเบื่อตัวเองจนอยากเก็บตัวไม่เข้าสังคมละครับผมอยากจะบอกว่าไม่ยุติธรรมสำหรับสังคมทางโลกเลยพระสร้างพวกเขาเหล่านั้นมาแต่ทำไมไม่ต้องการความรักจากผู้อื่นล่ะครับ มีแต่เบียดเบียนและดูว่าคนนี้ไม่ดีอย่างงั้นอย่างงี้ตัดสินคนที่ภายนอกไปวันๆผมเหมือนพระเยซูนเวลาที่ทุกคนทิ้งพระองค์หมดจนพระองค์สันโดษ แต่ในใจได้ยินเสียงที่ว่า เรารักท่าน หลายครั้งมาก ไม่มีใครในโลกนี้เข้าใจความรู้สึกผมเลยตอนนี้เดียวดายแล้วครับ ทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่นั่งนิ่งๆไปวันๆจนตอนนี้เครียดไม่อยากทำอะไรแล้วผมเบื่อตัวเองว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ความรู้สึกเบื้องในคือน้อยใจครับ
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
แล้วไม่ลองหาเพื่อนกลุมอื่นดูล่ะจ้ะ พี่ว่านะ เราต้องพยายามสงบใจก่อนเป็นอันดับแรก แล้วลองมองคนรอบข้าง สิ ว่าทำไม เขาถึงมีเพื่อน แล้วลองพิจารณาทบทวนตัวเรา และต้องยอมรับความจริงนะ อย่าพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย หรือบิดเบือนมัน อันนี้แหละ คือความสุภาพ
อะไรที่ตึง หรือหย่อนเกินไปมักไม่ดีเสมอ การมอบความรัก บางครั้งเราก็ต้องอาศัยศิลปะเหมิอนกัน และบางครั้งมันก็เริ่มจากการออกแบบตัวเราเองให้เข้ากับสังคมได้ แต่ต้องไม่เสียความเป็นเรานะ
อะไรที่ตึง หรือหย่อนเกินไปมักไม่ดีเสมอ การมอบความรัก บางครั้งเราก็ต้องอาศัยศิลปะเหมิอนกัน และบางครั้งมันก็เริ่มจากการออกแบบตัวเราเองให้เข้ากับสังคมได้ แต่ต้องไม่เสียความเป็นเรานะ
"บางครั้งชอบทำตัวว่าไม่ต้องพี่งแกก็ได้" อันนี้คือประโยคที่เป็นกุญแจหลัก
ลองหาประโยคกุญแจ หรืออื่น ๆ ที่เค้าพูดสิคับ...
วิธีนี้เองที่ทำให้เรามองภาพหลักของปัญหาที่เกิดขึ้นได้
ลองหาประโยคกุญแจ หรืออื่น ๆ ที่เค้าพูดสิคับ...
วิธีนี้เองที่ทำให้เรามองภาพหลักของปัญหาที่เกิดขึ้นได้
แก้ไขล่าสุดโดย blue_sky เมื่อ อังคาร ส.ค. 29, 2006 12:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เป็นไปได้ว่าไม่มีความสามารถในทุกสิ่ง อย่างงี้ผมว่าคงป็นอะไรที่ขมขื่นสำหรับคนอย่างงี้เพราะอยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ไม่แปลกเลยทำไมที่ญี่ปุ่นคนฆ่าตัวตายเยอะที่สุดนโลกและผมก็คิดอยากทำอย่างงั้นอยู่เหมือนกันเพราะเป็นอย่างผมนี่ไงคนไร้ค่าในสังคม
ผมกำลังเจ็บๆอยู่ก็ไมมีใครห้กำลังใจมีแต่ล้มแล้วเหยียบซ้ำๆๆๆๆไม่มีครในโลกเข้าใจความรู้สึกเลย
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
อ้าวเฮ้ย ใจเย็นน้อง แสดงว่าเศร้า สุด ๆ เลามาให้ละเอียด ๆหน่อยซิ ว่ามันมีเหตุการณ์อะไร ยังไง เพื่อนที่สนิท สุด ๆเป็นใคร แล้วตอนนี้เพื่อนคนนี้ไปไหนแล้ว
เอ พี่ว่านะ ต้องหาคนคุยด้วยแล้วล่ะ ในบอร์ดนี้ไม่สนิทกับใครเลยเหรอ
เอ พี่ว่านะ ต้องหาคนคุยด้วยแล้วล่ะ ในบอร์ดนี้ไม่สนิทกับใครเลยเหรอ
ผมเองตอนนี้โดนหาว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
แต่จะไปคิดอะไรมากอ่ะ...ก็เรามันคนอยู่เบื้องหลัง
คนที่อยู่ข้างหลังล้ม...คนที่อยู่ข้างหน้าจะมองไม่เห็นเขา เพราะเค้าต้องเหลียวหลังมามอง
แต่หากคนข้างหน้าล้ม...คนที่อยู่ข้างหลังก็จะมองเห็นคนที่อยู่ข้างหน้า เพราะเขาล้มลงอยู่ตรงหน้าเขาเอง
ดังนั้นการเป็นคนที่อยู่ข้างหลัง ผมมองว่าเป็นการแสดงออกถึงการมีน้ำใจ การอุทิศ และการช่วยเหลือ
การที่เค้ามองผมว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ก็เพราะผมไม่เคยออกมาข้างหน้า มาเป็นผู้นำ
ผมก็คิดว่า...จะออกไปทำไมกัน? เพราะด้วยความที่ผมเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ ก็เลยเป็นคนลังเล
จนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะนำหน้าใคร
สำหรับตัวผมเองคิดว่า...
ถ้าสถานการณ์ใดเราชัวร์ เราก็ออกมาลุยแหลกแบบไม่เกรงใจใคร
แต่ถ้าสถานการณ์ใดที่เราไม่เจ๋งจิง ๆ ก็ปล่อยให้เค้าไปเหอะ...
แต่จะไปคิดอะไรมากอ่ะ...ก็เรามันคนอยู่เบื้องหลัง
คนที่อยู่ข้างหลังล้ม...คนที่อยู่ข้างหน้าจะมองไม่เห็นเขา เพราะเค้าต้องเหลียวหลังมามอง
แต่หากคนข้างหน้าล้ม...คนที่อยู่ข้างหลังก็จะมองเห็นคนที่อยู่ข้างหน้า เพราะเขาล้มลงอยู่ตรงหน้าเขาเอง
ดังนั้นการเป็นคนที่อยู่ข้างหลัง ผมมองว่าเป็นการแสดงออกถึงการมีน้ำใจ การอุทิศ และการช่วยเหลือ
การที่เค้ามองผมว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ก็เพราะผมไม่เคยออกมาข้างหน้า มาเป็นผู้นำ
ผมก็คิดว่า...จะออกไปทำไมกัน? เพราะด้วยความที่ผมเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ ก็เลยเป็นคนลังเล
จนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะนำหน้าใคร
สำหรับตัวผมเองคิดว่า...
ถ้าสถานการณ์ใดเราชัวร์ เราก็ออกมาลุยแหลกแบบไม่เกรงใจใคร
แต่ถ้าสถานการณ์ใดที่เราไม่เจ๋งจิง ๆ ก็ปล่อยให้เค้าไปเหอะ...
แก้ไขล่าสุดโดย blue_sky เมื่อ อังคาร ส.ค. 29, 2006 1:05 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ใจเย็นๆค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบนะคะ ก็ยังบอกเองว่า"รู้สึกเป็นส่วนเกินของเพื่อนๆในบางสังคมครับ" งั้นก็แสดงว่ายังมีอีกหลายๆสังคมที่ต้องการเรานะคะแล้วจะจมอยู่ตรงนั้นทำไมล่ะ
ความรู้สึกที่ว่าเป็นที่รักกับเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งบางทีมันก็อยู่ใกล้กันจนเราปรับตัวไม่ทัน แต่ถ้าใจเราเข้มแข็งในตัวเองแล้วไม่ว่าเขาจะรักหรือไม่รักเรา ก็ไม่สามารถทำร้ายเราได้ค่ะ เพราะเรายังมีทั้งตัวของเราเองและพระเป็นเจ้าอยู่เคียงข้างเสมอนะคะ : xemo026 :
ขอให้พระคุ้มครองนะคะ
ความรู้สึกที่ว่าเป็นที่รักกับเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งบางทีมันก็อยู่ใกล้กันจนเราปรับตัวไม่ทัน แต่ถ้าใจเราเข้มแข็งในตัวเองแล้วไม่ว่าเขาจะรักหรือไม่รักเรา ก็ไม่สามารถทำร้ายเราได้ค่ะ เพราะเรายังมีทั้งตัวของเราเองและพระเป็นเจ้าอยู่เคียงข้างเสมอนะคะ : xemo026 :
ขอให้พระคุ้มครองนะคะ
ผมsensitiveเกินไป ที่จะอยู่ในโลกนี้แล้วแพ้ทุกอย่างเกี่ยวกับความสามารถในการเข้าสังคมโลก
ไม่มีใครมองในแง่ดีเลยมีแต่เดินตีตัวออกห่างพอเข้าไปทักดีๆก็วิ่งหนียังกะเจอตัวประหลาด
พอนั่งกินข้าวด้วยก็ทำท่ารังเกลียดนั่งเรียนข้างๆกันก็มองผมว่าเป็นเชื้อโรคผมทำไรก็ผิดไปหมด
ทำอะไรไปก็ไม่มีครชอบเลยทุกคนไม่เหลียวแลยามเศร้าก็ทอดทิ้งมีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่มีใครสนจมีแต่ละเลยพอเข้าไปคุยด้วยก็เดินหนีทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยหรือไม่งั้นก็คงเป็นที่ตัวผมเองที่เป็นอย่างงี้แต่ลองนักวิเคราะห็ตัวเองดูก็ไม่ได้ทำอะไรให้ใครไม่ชอบเพียงแต่คนรอบตัวไม่เปิดใจยอมรับผมต้องมีอย่างงี้ทุกสังคม
ผมอยากให้คนทุกสังคมยอมรับผมให้มากกว่านี้
ถ้าระบายอารมณ์ทางบอร์ดนี้ผมก็คิดว่าน่าจะได้แบ่งเบาความเครียดในสมองได้บ้างเพราะเครียดจนปวดระบบทั้งสมองแล้ว
ไม่มีใครมองในแง่ดีเลยมีแต่เดินตีตัวออกห่างพอเข้าไปทักดีๆก็วิ่งหนียังกะเจอตัวประหลาด
พอนั่งกินข้าวด้วยก็ทำท่ารังเกลียดนั่งเรียนข้างๆกันก็มองผมว่าเป็นเชื้อโรคผมทำไรก็ผิดไปหมด
ทำอะไรไปก็ไม่มีครชอบเลยทุกคนไม่เหลียวแลยามเศร้าก็ทอดทิ้งมีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่มีใครสนจมีแต่ละเลยพอเข้าไปคุยด้วยก็เดินหนีทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยหรือไม่งั้นก็คงเป็นที่ตัวผมเองที่เป็นอย่างงี้แต่ลองนักวิเคราะห็ตัวเองดูก็ไม่ได้ทำอะไรให้ใครไม่ชอบเพียงแต่คนรอบตัวไม่เปิดใจยอมรับผมต้องมีอย่างงี้ทุกสังคม
ผมอยากให้คนทุกสังคมยอมรับผมให้มากกว่านี้
ถ้าระบายอารมณ์ทางบอร์ดนี้ผมก็คิดว่าน่าจะได้แบ่งเบาความเครียดในสมองได้บ้างเพราะเครียดจนปวดระบบทั้งสมองแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย St.paul เมื่อ อังคาร ส.ค. 29, 2006 1:10 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ลองเปิดใจมองคนอื่นมากขึ้นสิคะ เราแต่ละคนต่างมีจุดที่อ่อนไหวและอ่อนแอด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเรียนรู้ที่จะจัดการกับมันได้แค่ไหน บางทีคนที่คุณคุยด้วยแล้วเขาไม่คุยตอบก็อาจมีปัญหาส่วนตัวอยู่ก็เป็นได้
ลองเริ่มใหม่ดูสิ ลองแบ่งปันความรักเท่าที่เราจะสามารถทำได้โดยไม่ต้องหวังผลตอบแทนกลับมาว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้ตัวเราและพระเป็นเจ้าเข้าใจในสิ่งที่เราทำอยู่ก็เป็นรางวัลเพียงพอแล้วค่ะ
ลองเริ่มใหม่ดูสิ ลองแบ่งปันความรักเท่าที่เราจะสามารถทำได้โดยไม่ต้องหวังผลตอบแทนกลับมาว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้ตัวเราและพระเป็นเจ้าเข้าใจในสิ่งที่เราทำอยู่ก็เป็นรางวัลเพียงพอแล้วค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
เซราณี เข้ามาดูแล้วไม่มีรายละเอียดกว่านี้เหรอจ๊ะ ไงๆ พี่ว่าใจเย็นก่อนนะ อย่าคิดมาก มีอะไรก็ลองระบายออกมาก่อน รอฟังอยู่นะจ๊ะ
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
มีสถานการร์อื่นอีกป่าว ที่ทำให้รู้สึกอึดอัดใจ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
จากที่อ่านมา
ก็น่าเห็นใจนะครับ ที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ลองค่อย ๆ ปรับตัวสิครับ สังคมมหาวิทยาลัยมันแตกต่างกับสังคมโรงเรียนค่อนข้างมาก
เริ่มจากเห็นคุณค่าของตัวเราเองก่อน ไม่ใช่เห็นแค่เพียงตัวเองนะครับ
แต่เริ่มที่จะเห็นว่าตัวเองมีคุณค่า แล้วเริ่มหาเพื่อนสนิทซักคนที่เราคิดว่าน่าจะคุยกับเค้าได้
เปิดใจที่จะคุยกับเค้าในแบบที่เราเป็นนะครับ
ผมมองว่าปีนี้เพิ่งจะปีหนึ่งเทอมหนึ่งเท่านั้นเอง เป็นธรรมดาอ่ะครับ ที่เราต้องไม่มีเพื่อนในระยะแรก ๆ
ใจเย็น ๆ ครับ ลองหัดเข้าสังคมดูบ้าง ยิ้ม ก็ดูเหมือนจะเป็นปราการแรกที่จะทำให้เราเข้ากับผู้อื่นได้นะครับ
ผมเองก็ไม่กล้าคุยกะน้องเหมือนกัน (โดยส่วนตัว)
เพราะเท่าที่ดู น้องออกจะเป็นคนเงียบ ๆ
แล้วคนเราอ่ะ เงียบ ๆ แล้วหน้าตาก็ดูดุ ๆ นะครับ
สู้ ๆ เรามีคุณค่าในสายพระเนตรพระองค์เสมอครับ
ก็น่าเห็นใจนะครับ ที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ลองค่อย ๆ ปรับตัวสิครับ สังคมมหาวิทยาลัยมันแตกต่างกับสังคมโรงเรียนค่อนข้างมาก
เริ่มจากเห็นคุณค่าของตัวเราเองก่อน ไม่ใช่เห็นแค่เพียงตัวเองนะครับ
แต่เริ่มที่จะเห็นว่าตัวเองมีคุณค่า แล้วเริ่มหาเพื่อนสนิทซักคนที่เราคิดว่าน่าจะคุยกับเค้าได้
เปิดใจที่จะคุยกับเค้าในแบบที่เราเป็นนะครับ
ผมมองว่าปีนี้เพิ่งจะปีหนึ่งเทอมหนึ่งเท่านั้นเอง เป็นธรรมดาอ่ะครับ ที่เราต้องไม่มีเพื่อนในระยะแรก ๆ
ใจเย็น ๆ ครับ ลองหัดเข้าสังคมดูบ้าง ยิ้ม ก็ดูเหมือนจะเป็นปราการแรกที่จะทำให้เราเข้ากับผู้อื่นได้นะครับ
ผมเองก็ไม่กล้าคุยกะน้องเหมือนกัน (โดยส่วนตัว)
เพราะเท่าที่ดู น้องออกจะเป็นคนเงียบ ๆ
แล้วคนเราอ่ะ เงียบ ๆ แล้วหน้าตาก็ดูดุ ๆ นะครับ
สู้ ๆ เรามีคุณค่าในสายพระเนตรพระองค์เสมอครับ
ปล่อยวาง ละน้องแทงค์
เธอก็ทราบอยู่แล้วหนิ
พระเยซูเจ้าเอง ก็ไม่เป็นที่รักของ บรรดาฟาริสี และอีกหลายๆคน
ทั้งๆที่ พระองค์ทรงดีที่สุด หาใครเปรียบปาน
การที่เราไม่เป็นที่รัก ของคนทุกคน ไม่ใช่ความผิดหรอกนะ
หาก เราต้องการความรัก สิ่งนั้น ก็ต้องมาจากใจจริง
เราบังคับใครไม่ได้หรอก
เธอก็ทราบอยู่แล้วหนิ
พระเยซูเจ้าเอง ก็ไม่เป็นที่รักของ บรรดาฟาริสี และอีกหลายๆคน
ทั้งๆที่ พระองค์ทรงดีที่สุด หาใครเปรียบปาน
การที่เราไม่เป็นที่รัก ของคนทุกคน ไม่ใช่ความผิดหรอกนะ
หาก เราต้องการความรัก สิ่งนั้น ก็ต้องมาจากใจจริง
เราบังคับใครไม่ได้หรอก
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
อ้อ เพราะว่าสภาพแวดล้อมเปลี่ยนนี่เอง
อืมม์ บางทีเราคาดหวังผลจากมันมากเกินไปหรือเปล่า หมายถึงการคาดหวังผลจากการกระทำของเรา ลองเป้ฯผู้ให้คนอื่น โดยที่ไม่ต้องหวังว่าจะได้อะไรกลับมาบ้างสิจ้ะ เช่น ยิ้ม ทักทายผู้คน โดยที่ไม่ต้องคิดว่าเขาจะสนองกลับมาในแบบเดียวกัน พากเพียรยิ้มไปเรื่อย ๆ อุทิศตนให้กับรอยยิ้ม แก่เพื่อนมนุษย์ ไม่ต้องมาทำเป็นหัวเราะเลยนะ รอยยิ้มนี่แหละ มีอานุภาพมาก สามารถนำมาซึ่งสันติสุขได้ ไม่เชื่อต้อง ลอง
การอุทิศตัว เป้นลักษณะสำคัญประการหนึ่งน่ะ ที่พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นพระองค์เอง และบรรดาสาวก ก็ได้ อุทิศตัวเพื่ออาณาจักรพระเจ้า ไม่ได้ ยึดติดกับผลของมัน การอุทิศตัวแบบนี้ คือการร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า
ลองดูนะ ใช้รอยยิ้ม นำความรักของพระเป้นเจ้า ไปสู่คนรอบข้าง ไม่ต้องไปสนใจผลของมัน ว่าจะเกิดขึ้นอะไรขึ้น หรือจะได้รับกลับมาเท่าไหร่ อดทนนะ พระเจ้าอยู่กับเราเสมอ
อืมม์ บางทีเราคาดหวังผลจากมันมากเกินไปหรือเปล่า หมายถึงการคาดหวังผลจากการกระทำของเรา ลองเป้ฯผู้ให้คนอื่น โดยที่ไม่ต้องหวังว่าจะได้อะไรกลับมาบ้างสิจ้ะ เช่น ยิ้ม ทักทายผู้คน โดยที่ไม่ต้องคิดว่าเขาจะสนองกลับมาในแบบเดียวกัน พากเพียรยิ้มไปเรื่อย ๆ อุทิศตนให้กับรอยยิ้ม แก่เพื่อนมนุษย์ ไม่ต้องมาทำเป็นหัวเราะเลยนะ รอยยิ้มนี่แหละ มีอานุภาพมาก สามารถนำมาซึ่งสันติสุขได้ ไม่เชื่อต้อง ลอง
การอุทิศตัว เป้นลักษณะสำคัญประการหนึ่งน่ะ ที่พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นพระองค์เอง และบรรดาสาวก ก็ได้ อุทิศตัวเพื่ออาณาจักรพระเจ้า ไม่ได้ ยึดติดกับผลของมัน การอุทิศตัวแบบนี้ คือการร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า
ลองดูนะ ใช้รอยยิ้ม นำความรักของพระเป้นเจ้า ไปสู่คนรอบข้าง ไม่ต้องไปสนใจผลของมัน ว่าจะเกิดขึ้นอะไรขึ้น หรือจะได้รับกลับมาเท่าไหร่ อดทนนะ พระเจ้าอยู่กับเราเสมอ
ดีครับ คุณเจ้าของกระทู้
ก่อนที่คุณจะบอกว่า "เพื่อนไม่ยอมรับ" คุณเคยดูตัวเองดี ๆ รึเปล่า ว่าทำไมเค้าถึงไม่ยอมรับคุณ?
คุณต้องดูตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้เพื่อน ๆ ยอมรับให้ได้... อย่าเอาพระเจ้ามาอ้างว่า
"พระสร้างพวกเขาเหล่านั้นมาแต่ทำไมไม่ต้องการความรักจากผู้อื่น"
การเข้าสังคมเป็นสิ่งละเอียดอ่อน แต่ไม่ใช่เรื่องยาก คุณต้องเปิดใจยอมรับ และเข้าใจให้ได้ว่า
คนคนนึง ไม่สามารถที่จะเป็นที่ยอมรับของทุกสังคมได้หรอก
อย่าไปคาดหวังว่าจะได้การยอมรับ หรืออะไรตอบแทนกลับมา ถ้าคุณให้เค้าไป คิดดูดี ๆ สิ ถ้าหากว่าคุณ
ให้ความจริงใจ กับเค้าไปเรื่อย ๆ ซักวันเค้าจะไม่ตอบแทนด้วยความจริงใจ และการยอมรับกลับมาเลย
เหรอ?
ถ้าหากว่าเค้าไม่ยอมรับคุณจริง ๆ ก็ไปหาเพื่อนกลุ่มใหม่ก็ได้ หาที่ที่คุณจะสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจ และ
มีความสุข ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีเพื่อนกลุ่มไหนเลย ที่จะไม่ยอมรับคุณอย่างใจร้าย
คุณบอกว่า กำลังเจ็บ นอกจากไม่ให้กำลังใจมีแต่เหยียบซ้ำ ถูกแล้วครับ ผมกำลังเหยียบคุณซ้ำ ๆ ๆ ๆ กัน
อยู่ ให้คุณเจ็บจนพอใจ เพื่อที่จะได้ลุกขึ้นมาใหม่ และทำแผลให้กับตัวเอง
แล้วก็ ถ้าคิดจะอยากฆ่าตัวตายจริง... ก็อย่าเอาตัวเองไปเปรียบกับพระเยซู
ตอนที่พระองค์รู้ว่าจะถูกจับไปทรมาณ และตรึงกางเขน พระองค์ทรงกลัวความทรมาณจนคิดจะฆ่าตัวตาย
ไหม? คำตอบคือ ไม่! ดังนั้น ถ้าคุณคิดเรื่องฆ่าตัวตาย ให้นึกถึงหน้า พ่อ แม่ คนที่รักเรา และ พระ ถ้า
หากทนเห็นน้ำตาของคนเหล่านี้เวลาคุณฆ่าตัวตายไม่ได้ ก็อย่าพูดและแม้แต่คิดเรื่องนี้อีก
คุณบอกว่าเป็นคนไร้ค่าในสังคม... และไม่ได้รับการยอมรับ ถ้างั้น...
พอที่จะรับเด็ก ม.4 ต่างจังหวัดซักคนมาเป็นเพื่อนได้ไหมครับ อย่างน้อยก็ไม่ให้เหงาไง เวลาเล่นเน็ต
งั้นขอเรียกไปเลยละกัน "ขอให้ได้รับการยอมรับจากเพื่อนและสังคมเร็ว ๆ นะครับ พี่แทงค์"
ก่อนที่คุณจะบอกว่า "เพื่อนไม่ยอมรับ" คุณเคยดูตัวเองดี ๆ รึเปล่า ว่าทำไมเค้าถึงไม่ยอมรับคุณ?
คุณต้องดูตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้เพื่อน ๆ ยอมรับให้ได้... อย่าเอาพระเจ้ามาอ้างว่า
"พระสร้างพวกเขาเหล่านั้นมาแต่ทำไมไม่ต้องการความรักจากผู้อื่น"
การเข้าสังคมเป็นสิ่งละเอียดอ่อน แต่ไม่ใช่เรื่องยาก คุณต้องเปิดใจยอมรับ และเข้าใจให้ได้ว่า
คนคนนึง ไม่สามารถที่จะเป็นที่ยอมรับของทุกสังคมได้หรอก
อย่าไปคาดหวังว่าจะได้การยอมรับ หรืออะไรตอบแทนกลับมา ถ้าคุณให้เค้าไป คิดดูดี ๆ สิ ถ้าหากว่าคุณ
ให้ความจริงใจ กับเค้าไปเรื่อย ๆ ซักวันเค้าจะไม่ตอบแทนด้วยความจริงใจ และการยอมรับกลับมาเลย
เหรอ?
ถ้าหากว่าเค้าไม่ยอมรับคุณจริง ๆ ก็ไปหาเพื่อนกลุ่มใหม่ก็ได้ หาที่ที่คุณจะสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจ และ
มีความสุข ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีเพื่อนกลุ่มไหนเลย ที่จะไม่ยอมรับคุณอย่างใจร้าย
คุณบอกว่า กำลังเจ็บ นอกจากไม่ให้กำลังใจมีแต่เหยียบซ้ำ ถูกแล้วครับ ผมกำลังเหยียบคุณซ้ำ ๆ ๆ ๆ กัน
อยู่ ให้คุณเจ็บจนพอใจ เพื่อที่จะได้ลุกขึ้นมาใหม่ และทำแผลให้กับตัวเอง
แล้วก็ ถ้าคิดจะอยากฆ่าตัวตายจริง... ก็อย่าเอาตัวเองไปเปรียบกับพระเยซู
ตอนที่พระองค์รู้ว่าจะถูกจับไปทรมาณ และตรึงกางเขน พระองค์ทรงกลัวความทรมาณจนคิดจะฆ่าตัวตาย
ไหม? คำตอบคือ ไม่! ดังนั้น ถ้าคุณคิดเรื่องฆ่าตัวตาย ให้นึกถึงหน้า พ่อ แม่ คนที่รักเรา และ พระ ถ้า
หากทนเห็นน้ำตาของคนเหล่านี้เวลาคุณฆ่าตัวตายไม่ได้ ก็อย่าพูดและแม้แต่คิดเรื่องนี้อีก
คุณบอกว่าเป็นคนไร้ค่าในสังคม... และไม่ได้รับการยอมรับ ถ้างั้น...
พอที่จะรับเด็ก ม.4 ต่างจังหวัดซักคนมาเป็นเพื่อนได้ไหมครับ อย่างน้อยก็ไม่ให้เหงาไง เวลาเล่นเน็ต
งั้นขอเรียกไปเลยละกัน "ขอให้ได้รับการยอมรับจากเพื่อนและสังคมเร็ว ๆ นะครับ พี่แทงค์"
blue_sky วิเคราำะห์ได้ตรงมาก
จริงๆบอกไปตั้งแต่ตอนสอบเอ็นท์แล้วนะคะ แต่คุณไม่เคยฟังพี่ บอกครั้งนี้ไม่รู้จะฟังรึเปล่า ที่จริงคุณต้องไปคุยกับนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา พี่ไม่ได้บอกว่า เราเป็นบ้า แต่ในใจมีอะไรหลายอย่างที่มีแนวโน้มจะเป็นถ้าปล่อยไว้ คนในนี้ไม่มีใครช่วยได้นะคะ เพราะไม่ได้ถูก train มา อาจมีคนที่เรียนมาด้านนี้ แต่จะให้เค้าคุยเพื่อปรึกษาในเว็บบอร์ดมันไม่สะดวก ครั้นจะให้พระช่วย คุณก็ยังไม่เปิดใจกับพระแบบสุดๆ พระก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ปากบอกว่า เชื่อพระ แต่พอจะสวดให้ ก็ไม่สนใจ
ง่ายที่สุดคือ เดินไปที่ภาควิชาจิตวิทยาของมหาลัย และบอกกับอาจารย์ท่านใดก็ได้ว่า ผมต้องการปรึกษา เค้าจะเข้าใจค่ะ หรือถ้าไม่ชอบ ก็อยากให้ไปคุยกับพระสงฆ์ท่านใดก็ได้ ท่านเรียนการให้คำปรึกษามา ก็ช่วยได้เช่นกัน
บอกไปคราวนี้จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นะคะ กำลังใจที่ได้ ก็อิ่มใจชั่วคราว แต่ไม่แก้ปัญหา ตั้งกระทู้ให้คนแนะนำ แต่ก็ไม่เปิดใจ รับฟังแต่คนที่เข้าข้างตัวเอง และพูดถูกใจตัวเอง คนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนมา ช่วยอะไรคุณไม่ได้นะคะ ฝากไว้เท่านี้ละกัน ส่วนคนใกล้ตัว ก็ลองเปิดใจฟังนิดนึงละกัน
จริงๆบอกไปตั้งแต่ตอนสอบเอ็นท์แล้วนะคะ แต่คุณไม่เคยฟังพี่ บอกครั้งนี้ไม่รู้จะฟังรึเปล่า ที่จริงคุณต้องไปคุยกับนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา พี่ไม่ได้บอกว่า เราเป็นบ้า แต่ในใจมีอะไรหลายอย่างที่มีแนวโน้มจะเป็นถ้าปล่อยไว้ คนในนี้ไม่มีใครช่วยได้นะคะ เพราะไม่ได้ถูก train มา อาจมีคนที่เรียนมาด้านนี้ แต่จะให้เค้าคุยเพื่อปรึกษาในเว็บบอร์ดมันไม่สะดวก ครั้นจะให้พระช่วย คุณก็ยังไม่เปิดใจกับพระแบบสุดๆ พระก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ปากบอกว่า เชื่อพระ แต่พอจะสวดให้ ก็ไม่สนใจ
ง่ายที่สุดคือ เดินไปที่ภาควิชาจิตวิทยาของมหาลัย และบอกกับอาจารย์ท่านใดก็ได้ว่า ผมต้องการปรึกษา เค้าจะเข้าใจค่ะ หรือถ้าไม่ชอบ ก็อยากให้ไปคุยกับพระสงฆ์ท่านใดก็ได้ ท่านเรียนการให้คำปรึกษามา ก็ช่วยได้เช่นกัน
บอกไปคราวนี้จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นะคะ กำลังใจที่ได้ ก็อิ่มใจชั่วคราว แต่ไม่แก้ปัญหา ตั้งกระทู้ให้คนแนะนำ แต่ก็ไม่เปิดใจ รับฟังแต่คนที่เข้าข้างตัวเอง และพูดถูกใจตัวเอง คนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนมา ช่วยอะไรคุณไม่ได้นะคะ ฝากไว้เท่านี้ละกัน ส่วนคนใกล้ตัว ก็ลองเปิดใจฟังนิดนึงละกัน
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
เออ นั่นไง
อาการเศร้าและท้อแท้ ขนาดนี้ ก็อยากจะมีคนให้ระบาย อยากมีคนรับฟัง อยากให้คนช่วยปลอบ ช่วยให้กำลังใจ พี่ว่า เราต้องไปหาเอนที่เขาฟังเราได้ เช่น นักจิตวิทยา หรือคุณพ่อทั้งหลาย เพราะเขา พร้อมที่จะฟัง และรักที่จะฟังนะจ้ะ เชื่อเหอะ เราจะมีความสุขขึ้นจริง ๆ
อาการเศร้าและท้อแท้ ขนาดนี้ ก็อยากจะมีคนให้ระบาย อยากมีคนรับฟัง อยากให้คนช่วยปลอบ ช่วยให้กำลังใจ พี่ว่า เราต้องไปหาเอนที่เขาฟังเราได้ เช่น นักจิตวิทยา หรือคุณพ่อทั้งหลาย เพราะเขา พร้อมที่จะฟัง และรักที่จะฟังนะจ้ะ เชื่อเหอะ เราจะมีความสุขขึ้นจริง ๆ
ตามอ่านเรื่องของน้องปอลมานานแล้ว ติดตามข้อเขียนของน้องปอลมาตลอด
เราอาจเคยเห็นกันที่วัดสามเสนก็ได้ วันนี้ขนาดบ่นว่าล้มเหลวในชีวิตเชียวหรือ
สังคมปัจจุบัน มีตัวอย่างในทีวีเป็นหลักคือทุกคนจะดูแต่ตัวเอก
แต่ในหนังก็มีตัวประกอบมากมาย ทั้งเรื่องมีพระเอกคนเดียว นางเอกคนเดียว
นอกนั้นเป็นผู้แสดงประกอบหมด ถ้าน้องปอลเล่นบทพระเอกไม่ได้
สังคมไม่ให้เล่นก็ปรับตัวเล่นบทอื่นสิ แต่ในชีวิตของเรา เราเป็นพระเอกเสมอ
เพราะเราเฝ้าดูตัวเองตลอดเวลา หัดเป็นผู้ฟัง ผู้ตามบ้าง เล่นบทพูดให้น้อยลง
บทยิ้มให้มากขึ้น ฟังคนอื่นมากๆ เขาจะต้อนรับเราเอง
เพราะสังคมวันนี้ขาดผู้ฟังจ้า ขาดคนเล่นบทนี้มากๆ
สวมบทนี้เลย แล้วสังคมจะต้อนรับจนแปลกใจ
เราอาจเคยเห็นกันที่วัดสามเสนก็ได้ วันนี้ขนาดบ่นว่าล้มเหลวในชีวิตเชียวหรือ
สังคมปัจจุบัน มีตัวอย่างในทีวีเป็นหลักคือทุกคนจะดูแต่ตัวเอก
แต่ในหนังก็มีตัวประกอบมากมาย ทั้งเรื่องมีพระเอกคนเดียว นางเอกคนเดียว
นอกนั้นเป็นผู้แสดงประกอบหมด ถ้าน้องปอลเล่นบทพระเอกไม่ได้
สังคมไม่ให้เล่นก็ปรับตัวเล่นบทอื่นสิ แต่ในชีวิตของเรา เราเป็นพระเอกเสมอ
เพราะเราเฝ้าดูตัวเองตลอดเวลา หัดเป็นผู้ฟัง ผู้ตามบ้าง เล่นบทพูดให้น้อยลง
บทยิ้มให้มากขึ้น ฟังคนอื่นมากๆ เขาจะต้อนรับเราเอง
เพราะสังคมวันนี้ขาดผู้ฟังจ้า ขาดคนเล่นบทนี้มากๆ
สวมบทนี้เลย แล้วสังคมจะต้อนรับจนแปลกใจ
ผมคิดว่านะ...การที่คนรวมกันเป็นกลุ่มได้ มันก็จะต้องมีอะไรสักอย่างที่...ทุกคนมีคล้ายๆ กัน
และสิ่งนั้นเองก็จะเป็นตัวเชื่อมทุกคนให้กลายเป็นกลุ่มเพื่อน
บางทีหากเราต้องการเข้ากับใครสักคน
เราต้องสังเกตจากบุคคลใกล้ตัวเขา ว่ามีสิ่งใดบ้างที่คล้ายกับคนที่เราจะเข้าหา
แล้วเราก็ค่อยพยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งนั้นเป็นลำดับขั้นไป
และในกลุ่มเพื่อนกลุ่มใดก็ตามแต่ ก็มักจะมีกิจกรรมหลักที่เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน
เช่น วัยรุ่นก็จะมีการไปเรียนพิเศษร่วมกัน การไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าร่วมกัน ไปรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นต้น
และสิ่งนั้นเองก็จะเป็นตัวเชื่อมทุกคนให้กลายเป็นกลุ่มเพื่อน
บางทีหากเราต้องการเข้ากับใครสักคน
เราต้องสังเกตจากบุคคลใกล้ตัวเขา ว่ามีสิ่งใดบ้างที่คล้ายกับคนที่เราจะเข้าหา
แล้วเราก็ค่อยพยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งนั้นเป็นลำดับขั้นไป
และในกลุ่มเพื่อนกลุ่มใดก็ตามแต่ ก็มักจะมีกิจกรรมหลักที่เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน
เช่น วัยรุ่นก็จะมีการไปเรียนพิเศษร่วมกัน การไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าร่วมกัน ไปรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นต้น
มาถึงตรงนี้ก็พอจะจับประเด็นได้ว่า...
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยคุณยังเป็นเด็ก
พอเลื่อนชั้นเรียนสูงขึ้นก็มีเพื่อนกลุ่มใหม่ แต่แล้วก็เกิดปัญหาซ้ำเช่นเดียวกันกับเพื่อนกลุ่มก่อน
(ปัญหาแบบนี้ผมก็เป็นเหมือนกัน ขออนุญาตไม่บอกนะว่าเป็นปัญหาอะไร! )
สันนิษฐานเอาว่าจุดเริ่มต้นของปัญหาไม่ได้มาจากคุณ แต่มันมาจากมุมมองของคนอื่นที่มีต่อคุณ
เป็นไปได้หรือไม่ว่า สิ่งที่เขาทำอาจจะเป็นการหยอกล้อเล่นหัวกับคุณหรือเปล่า...
จึงส่งผลทำให้คุณคิดว่า คุณไม่สามารถเข้ากับใครได้เลย
อันนี้ต้องสังเกตสีหน้าของคนที่ทำไม่ดีต่อคุณ ถ้าเขายิ้มเยาะ--->ก็อาจจะเข้าข่ายข้อนี้ก็เป็นได้
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยคุณยังเป็นเด็ก
พอเลื่อนชั้นเรียนสูงขึ้นก็มีเพื่อนกลุ่มใหม่ แต่แล้วก็เกิดปัญหาซ้ำเช่นเดียวกันกับเพื่อนกลุ่มก่อน
(ปัญหาแบบนี้ผมก็เป็นเหมือนกัน ขออนุญาตไม่บอกนะว่าเป็นปัญหาอะไร! )
สันนิษฐานเอาว่าจุดเริ่มต้นของปัญหาไม่ได้มาจากคุณ แต่มันมาจากมุมมองของคนอื่นที่มีต่อคุณ
เป็นไปได้หรือไม่ว่า สิ่งที่เขาทำอาจจะเป็นการหยอกล้อเล่นหัวกับคุณหรือเปล่า...
จึงส่งผลทำให้คุณคิดว่า คุณไม่สามารถเข้ากับใครได้เลย
อันนี้ต้องสังเกตสีหน้าของคนที่ทำไม่ดีต่อคุณ ถ้าเขายิ้มเยาะ--->ก็อาจจะเข้าข่ายข้อนี้ก็เป็นได้
แต่เราเป็นสิ่งสร้างของพระต้องทำได้ทุกอย่างไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้บางสังคมไม่พอหรอกสิ่งที่ต้องการคือทุกสังคมรับเรายศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า เขียน: ปล่อยวาง ละน้องแทงค์
เธอก็ทราบอยู่แล้วหนิ
พระเยซูเจ้าเอง ก็ไม่เป็นที่รักของ บรรดาฟาริสี และอีกหลายๆคน
ทั้งๆที่ พระองค์ทรงดีที่สุด หาใครเปรียบปาน
การที่เราไม่เป็นที่รัก ของคนทุกคน ไม่ใช่ความผิดหรอกนะ
หาก เราต้องการความรัก สิ่งนั้น ก็ต้องมาจากใจจริง
เราบังคับใครไม่ได้หรอก
อันนี้จริงเพราะเวลาที่อยู่กับคนชอบอะไรเหมือนกันเราก็จะมีความสุขแต่บางช่วงเราต้องอยู่กะคนที่ไม่รับเราด้วยทำให้เราดูไร้ค่าblue_sky เขียน: ผมคิดว่านะ...การที่คนรวมกันเป็นกลุ่มได้ มันก็จะต้องมีอะไรสักอย่างที่...ทุกคนมีคล้ายๆ กัน
และสิ่งนั้นเองก็จะเป็นตัวเชื่อมทุกคนให้กลายเป็นกลุ่มเพื่อน
บางทีหากเราต้องการเข้ากับใครสักคน
เราต้องสังเกตจากบุคคลใกล้ตัวเขา ว่ามีสิ่งใดบ้างที่คล้ายกับคนที่เราจะเข้าหา
แล้วเราก็ค่อยพยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งนั้นเป็นลำดับขั้นไป
และในกลุ่มเพื่อนกลุ่มใดก็ตามแต่ ก็มักจะมีกิจกรรมหลักที่เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน
เช่น วัยรุ่นก็จะมีการไปเรียนพิเศษร่วมกัน การไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าร่วมกัน ไปรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นต้น
พี่ยอมรับทุกคนอยู่แล้วไม่เคยเกี่ยงหรอกใครเป็นใครขอให้เราเปิดใจรับพี่เท่านั้นแหละก็โอเคแล้วคุยได้ทุกคนรับฟังทุกคนแต่ในขณะเดียวกันคนอื่นบางทีทำตัวAntiเราโดยไร้เหตุผลมันก็มีซึ่งพี่ดูแล้วมันไร้สาระแต่บางทีเราก็ต้องอยู่กับคนเหล่านั้นเพราะมหาลัยต้องเข้ากับเพื่อนได้ทุกกลุ่มไม่ใช่แค่กลุ่มที่เราชอบอย่างเดียวมันไม่ถูกหรอกSuchan เขียน: ดีครับ คุณเจ้าของกระทู้
ก่อนที่คุณจะบอกว่า "เพื่อนไม่ยอมรับ" คุณเคยดูตัวเองดี ๆ รึเปล่า ว่าทำไมเค้าถึงไม่ยอมรับคุณ?
คุณต้องดูตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้เพื่อน ๆ ยอมรับให้ได้... อย่าเอาพระเจ้ามาอ้างว่า
"พระสร้างพวกเขาเหล่านั้นมาแต่ทำไมไม่ต้องการความรักจากผู้อื่น"
การเข้าสังคมเป็นสิ่งละเอียดอ่อน แต่ไม่ใช่เรื่องยาก คุณต้องเปิดใจยอมรับ และเข้าใจให้ได้ว่า
คนคนนึง ไม่สามารถที่จะเป็นที่ยอมรับของทุกสังคมได้หรอก
ถ้าหากว่าเค้าไม่ยอมรับคุณจริง ๆ ก็ไปหาเพื่อนกลุ่มใหม่ก็ได้ หาที่ที่คุณจะสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจ และ
มีความสุข ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีเพื่อนกลุ่มไหนเลย ที่จะไม่ยอมรับคุณอย่างใจร้าย
คุณบอกว่า กำลังเจ็บ นอกจากไม่ให้กำลังใจมีแต่เหยียบซ้ำ ถูกแล้วครับ ผมกำลังเหยียบคุณซ้ำ ๆ ๆ ๆ กัน
อยู่ ให้คุณเจ็บจนพอใจ เพื่อที่จะได้ลุกขึ้นมาใหม่ และทำแผลให้กับตัวเอง
แล้วก็ ถ้าคิดจะอยากฆ่าตัวตายจริง... ก็อย่าเอาตัวเองไปเปรียบกับพระเยซู
ตอนที่พระองค์รู้ว่าจะถูกจับไปทรมาณ และตรึงกางเขน พระองค์ทรงกลัวความทรมาณจนคิดจะฆ่าตัวตาย
ไหม? คำตอบคือ ไม่! ดังนั้น ถ้าคุณคิดเรื่องฆ่าตัวตาย ให้นึกถึงหน้า พ่อ แม่ คนที่รักเรา และ พระ ถ้า
หากทนเห็นน้ำตาของคนเหล่านี้เวลาคุณฆ่าตัวตายไม่ได้ ก็อย่าพูดและแม้แต่คิดเรื่องนี้อีก
คุณบอกว่าเป็นคนไร้ค่าในสังคม... และไม่ได้รับการยอมรับ ถ้างั้น...
พอที่จะรับเด็ก ม.4 ต่างจังหวัดซักคนมาเป็นเพื่อนได้ไหมครับ อย่างน้อยก็ไม่ให้เหงาไง เวลาเล่นเน็ต
งั้นขอเรียกไปเลยละกัน "ขอให้ได้รับการยอมรับจากเพื่อนและสังคมเร็ว ๆ นะครับ พี่แทงค์"
ขอบคุณที่เหยียบซ้าแทงพี่ให้ตายเลยยิ่งดี
Qอย่าไปคาดหวังว่าจะได้การยอมรับ หรืออะไรตอบแทนกลับมา ถ้าคุณให้เค้าไป คิดดูดี ๆ สิ ถ้าหากว่าคุณ
ให้ความจริงใจ กับเค้าไปเรื่อย ๆ ซักวันเค้าจะไม่ตอบแทนด้วยความจริงใจ และการยอมรับกลับมาเลย
เหรอ?
Aอันนี้ขอพูดเลยละกัน มันมีนะเพื่อนพี่มีกลุ่มนึงมันเป็นอย่างงี้เลยใจเย็นชาสังคมทั่วไปก็เป็นงี้ตลอดแหละถ้าเราเป็นอย่างพี่จะรู้ว่าอึดอัดมากแต่อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่ รร.คาทอลิกของพวกหน้าเลือดครับพี่มีความทุกข์น้อยกว่าอยู่ ม.ปลายตอนนั้น เหตุการณ์วันนั้นทำให้มาเป็นคาทอลิกทำให้ชีวิตดีขึ้นและเมือวานพี่ระบายให้แม่พระฟังตอนสวดแล้วก็สบายใจจนดีขึ้นมากพี่ว่าแม่พระเข้าใจความรู้สึกทุกอย่างแล้วอย่างที่พี่บัดดี้พูดนั้นพี่ขอบอกเลยว่าเปิดให้พระทุกอย่างสำหรับใจไม่เคบปิดแคบเลยขอแก้ว่าอันนี้ไม่จริง
แก้ไขล่าสุดโดย St.paul เมื่อ พุธ ส.ค. 30, 2006 12:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แต่พอจะสวดให้ ก็ไม่สนใจ .....อันนี้พี่เอาไรมาวัดว่าผมไม่สนใจ?Buddy เขียน: blue_sky วิเคราำะห์ได้ตรงมาก
จริงๆบอกไปตั้งแต่ตอนสอบเอ็นท์แล้วนะคะ แต่คุณไม่เคยฟังพี่ บอกครั้งนี้ไม่รู้จะฟังรึเปล่า ที่จริงคุณต้องไปคุยกับนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา พี่ไม่ได้บอกว่า เราเป็นบ้า แต่ในใจมีอะไรหลายอย่างที่มีแนวโน้มจะเป็นถ้าปล่อยไว้ คนในนี้ไม่มีใครช่วยได้นะคะ เพราะไม่ได้ถูก train มา อาจมีคนที่เรียนมาด้านนี้ แต่จะให้เค้าคุยเพื่อปรึกษาในเว็บบอร์ดมันไม่สะดวก ครั้นจะให้พระช่วย คุณก็ยังไม่เปิดใจกับพระแบบสุดๆ พระก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ปากบอกว่า เชื่อพระ แต่พอจะสวดให้ ก็ไม่สนใจ
ง่ายที่สุดคือ เดินไปที่ภาควิชาจิตวิทยาของมหาลัย และบอกกับอาจารย์ท่านใดก็ได้ว่า ผมต้องการปรึกษา เค้าจะเข้าใจค่ะ : emo045 : หรือถ้าไม่ชอบ ก็อยากให้ไปคุยกับพระสงฆ์ท่านใดก็ได้ ท่านเรียนการให้คำปรึกษามา ก็ช่วยได้เช่นกัน ::001::
บอกไปคราวนี้จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นะคะ กำลังใจที่ได้ ก็อิ่มใจชั่วคราว แต่ไม่แก้ปัญหา ตั้งกระทู้ให้คนแนะนำ แต่ก็ไม่เปิดใจ รับฟังแต่คนที่เข้าข้างตัวเอง และพูดถูกใจตัวเอง คนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนมา ช่วยอะไรคุณไม่ได้นะคะ ฝากไว้เท่านี้ละกัน ส่วนคนใกล้ตัว ก็ลองเปิดใจฟังนิดนึงละกัน
ก็อยากให้ไปคุยกับพระสงฆ์ท่านใดก็ได้ ท่านเรียนการให้คำปรึกษามา ก็ช่วยได้เช่นกัน
บอกไปคราวนี้จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นะคะ กำลังใจที่ได้ ก็อิ่มใจชั่วคราว แต่ไม่แก้ปัญหา ตั้งกระทู้ให้คนแนะนำ แต่ก็ไม่เปิดใจ รับฟังแต่คนที่เข้าข้างตัวเอง และพูดถูกใจตัวเอง คนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนมา ช่วยอะไรคุณไม่ได้นะคะ ฝากไว้เท่านี้ละกัน ส่วนคนใกล้ตัว ก็ลองเปิดใจฟังนิดนึงละกัน
บอกไปคราวนี้จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นะคะ .......ผมเชื่อทุกครั้งแต่ที่บอกไม่เปิดใจ รับฟังแต่คนที่เข้าข้างตัวเอง และพูดถูกใจตัวเอง คนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนมา อันนี้ไม่ใช่ผมเลยขอพูดตรงๆเคยไปปรึกษาพระสงฆ์แล้วแต่ก็ไม่ได้มีไรดีขึ้นได้แค่ระบายความในใจเท่านั้นเองพอไปเปิดอีกผมก็ว่าท่านคงไม่มีเวลาหรอกจะมาฟังเรื่องเหล่านี้ลำพังงานท่านก็ยุ่งอยู่แล้วคงไม่มารับฟังใครบ่อยๆหรอก
ส่วนคนใกล้ตัว ก็ลองเปิดใจฟังนิดนึงละกัน .....อันนี้ไม่มีที่น่าไว้ใจเลยยกเว้นคนในบอร์ด
วิธีการให้คำปรึกษาของผมคือ การเปิดมุมมองต่อปัญหาให้มากขึ้น
โดยการผมจะสันนิษฐานว่ามันน่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง แล้วก็ให้คุณไปพิจารณาเอง
- ->ใช้คำว่า "เป็นไปได้ไม่ที่จะ...กับคุณ และคุณน่าจะ..." อะไรประมาณเนี๊ย
ผมจะไม่เสนอวิธีการแก้ปัญหาหรือแนวทางแต่อย่างใดหากไม่จำเป็น
เพราะว่าถ้าไม่โดนจุดปัญหาจิง ๆแล้ว สิ่งที่ทำไปก็ไม่เกิดผลอันใด
อีกอย่างนึงเราก็อยากที่จะฟังอะไรที่มันตรงจุดจิง ๆ
ไม่ใช่ให้เค้าพูดให้หมดเปลือก (ไม่ใช่ไม่รับฟังนะคับ แต่ขี้เกียจฟังน้ำ ๆ!(อยากได้แต่เนื้อ))
และการให้เค้าพูดซ้ำซากเป็นเวลานานก็เสมือนเป็นการตอกย้ำให้เค้าหวนระลึกถึงปัญหานั้น ๆ
โดยการผมจะสันนิษฐานว่ามันน่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง แล้วก็ให้คุณไปพิจารณาเอง
- ->ใช้คำว่า "เป็นไปได้ไม่ที่จะ...กับคุณ และคุณน่าจะ..." อะไรประมาณเนี๊ย
ผมจะไม่เสนอวิธีการแก้ปัญหาหรือแนวทางแต่อย่างใดหากไม่จำเป็น
เพราะว่าถ้าไม่โดนจุดปัญหาจิง ๆแล้ว สิ่งที่ทำไปก็ไม่เกิดผลอันใด
อีกอย่างนึงเราก็อยากที่จะฟังอะไรที่มันตรงจุดจิง ๆ
ไม่ใช่ให้เค้าพูดให้หมดเปลือก (ไม่ใช่ไม่รับฟังนะคับ แต่ขี้เกียจฟังน้ำ ๆ!(อยากได้แต่เนื้อ))
และการให้เค้าพูดซ้ำซากเป็นเวลานานก็เสมือนเป็นการตอกย้ำให้เค้าหวนระลึกถึงปัญหานั้น ๆ
แก้ไขล่าสุดโดย blue_sky เมื่อ พุธ ส.ค. 30, 2006 4:02 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เป็นคำตอบที่ชาญฉลาด สมชื่อมากค่ะSuchan เขียน: ดีครับ คุณเจ้าของกระทู้
ก่อนที่คุณจะบอกว่า "เพื่อนไม่ยอมรับ" คุณเคยดูตัวเองดี ๆ รึเปล่า ว่าทำไมเค้าถึงไม่ยอมรับคุณ?
คุณต้องดูตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้เพื่อน ๆ ยอมรับให้ได้... อย่าเอาพระเจ้ามาอ้างว่า
"พระสร้างพวกเขาเหล่านั้นมาแต่ทำไมไม่ต้องการความรักจากผู้อื่น"
การเข้าสังคมเป็นสิ่งละเอียดอ่อน แต่ไม่ใช่เรื่องยาก คุณต้องเปิดใจยอมรับ และเข้าใจให้ได้ว่า
คนคนนึง ไม่สามารถที่จะเป็นที่ยอมรับของทุกสังคมได้หรอก
อย่าไปคาดหวังว่าจะได้การยอมรับ หรืออะไรตอบแทนกลับมา ถ้าคุณให้เค้าไป คิดดูดี ๆ สิ ถ้าหากว่าคุณ
ให้ความจริงใจ กับเค้าไปเรื่อย ๆ ซักวันเค้าจะไม่ตอบแทนด้วยความจริงใจ และการยอมรับกลับมาเลย
เหรอ?
ถ้าหากว่าเค้าไม่ยอมรับคุณจริง ๆ ก็ไปหาเพื่อนกลุ่มใหม่ก็ได้ หาที่ที่คุณจะสามารถอยู่ได้อย่างสบายใจ และ
มีความสุข ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีเพื่อนกลุ่มไหนเลย ที่จะไม่ยอมรับคุณอย่างใจร้าย
คุณบอกว่า กำลังเจ็บ นอกจากไม่ให้กำลังใจมีแต่เหยียบซ้ำ ถูกแล้วครับ ผมกำลังเหยียบคุณซ้ำ ๆ ๆ ๆ กัน
อยู่ ให้คุณเจ็บจนพอใจ เพื่อที่จะได้ลุกขึ้นมาใหม่ และทำแผลให้กับตัวเอง
แล้วก็ ถ้าคิดจะอยากฆ่าตัวตายจริง... ก็อย่าเอาตัวเองไปเปรียบกับพระเยซู
ตอนที่พระองค์รู้ว่าจะถูกจับไปทรมาณ และตรึงกางเขน พระองค์ทรงกลัวความทรมาณจนคิดจะฆ่าตัวตาย
ไหม? คำตอบคือ ไม่! ดังนั้น ถ้าคุณคิดเรื่องฆ่าตัวตาย ให้นึกถึงหน้า พ่อ แม่ คนที่รักเรา และ พระ ถ้า
หากทนเห็นน้ำตาของคนเหล่านี้เวลาคุณฆ่าตัวตายไม่ได้ ก็อย่าพูดและแม้แต่คิดเรื่องนี้อีก
คุณบอกว่าเป็นคนไร้ค่าในสังคม... และไม่ได้รับการยอมรับ ถ้างั้น...
พอที่จะรับเด็ก ม.4 ต่างจังหวัดซักคนมาเป็นเพื่อนได้ไหมครับ อย่างน้อยก็ไม่ให้เหงาไง เวลาเล่นเน็ต
งั้นขอเรียกไปเลยละกัน "ขอให้ได้รับการยอมรับจากเพื่อนและสังคมเร็ว ๆ นะครับ พี่แทงค์"
รู้สึกว่า น้องแทงค์ จะเก่งกาจสามารถมากเลยนะ
เค้าแนะนำอะไรก็ตอบชี้แจงได้หมดเลย
ชักสงสัยว่า กระทู้นี้ แทงค์เป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือ หรือ ให้ความช่วยเหลือกันแน่
ไว้ คุณพ่อท่านติว่า ค่อยเลิกปรึกษา ก็ไม่เสียหายนะ
แล้วถ้าฟังจริง ก้ทำตามที่ทุกคนแนะนำละกัน
แทงค์ ไม่ใช่คนที่เลวร้ายหรอกนะ
....แค่ดื้อด้านเสียเหลือเกิน
เค้าแนะนำอะไรก็ตอบชี้แจงได้หมดเลย
ชักสงสัยว่า กระทู้นี้ แทงค์เป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือ หรือ ให้ความช่วยเหลือกันแน่
ไม่ต้องไปคิด แทนคุณพ่อหรอก คิดมากเปล่าๆ:+:S.PAULVS:+: เขียน: บอกไปคราวนี้จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นะคะ .......ผมเชื่อทุกครั้งแต่ที่บอกไม่เปิดใจ รับฟังแต่คนที่เข้าข้างตัวเอง และพูดถูกใจตัวเอง คนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนมา อันนี้ไม่ใช่ผมเลยขอพูดตรงๆเคยไปปรึกษาพระสงฆ์แล้วแต่ก็ไม่ได้มีไรดีขึ้นได้แค่ระบายความในใจเท่านั้นเองพอไปเปิดอีกผมก็ว่าท่านคงไม่มีเวลาหรอกจะมาฟังเรื่องเหล่านี้ลำพังงานท่านก็ยุ่งอยู่แล้วคงไม่มารับฟังใครบ่อยๆหรอก
ไว้ คุณพ่อท่านติว่า ค่อยเลิกปรึกษา ก็ไม่เสียหายนะ
ก็ดีนะที่ยังคิดเช่นนี้อยู่:+:S.PAULVS:+: เขียน: ส่วนคนใกล้ตัว ก็ลองเปิดใจฟังนิดนึงละกัน .....อันนี้ไม่มีที่น่าไว้ใจเลยยกเว้นคนในบอร์ด
แล้วถ้าฟังจริง ก้ทำตามที่ทุกคนแนะนำละกัน
แทงค์ ไม่ใช่คนที่เลวร้ายหรอกนะ
....แค่ดื้อด้านเสียเหลือเกิน
ถึงพี่เจ้าของกระทู้ค่ะ
หนูเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่เบล พี่คงจำพี่เบลได้นะคะ
พี่เบลก็เคยประสบปัญหาที่คล้ายกับพี่เหมือนกัน พี่เบลทุกข์ทรมานใจมากที่บางคนไม่เข้าใจเขา ว่าร้ายเขา เขาเสียใจมาก จนหายหน้าหายตาไป ตอนที่พี่เบลกลับมาทำเอกสารสมรสในคราวก่อน พี่เขาเล่าให้หนูฟังว่า คนเราไม่ได้เป็นที่ยอมรับของทุกสังคม ศิษย์ไม่อยู่เหนืออาจารย์ พระเยซูเองก็ไม่เป็นที่ยอมรับของพวกธรรมาจารย์ ฟาริสี ฯลฯ แล้วพวกเราผู้เป็นศิษย์ล่ะคะ
พี่เบลบอกว่าพี่เจ้าของกระทู้เป็นเด็กดีและมีอะไรดีๆในตัวหลายๆอย่าง พี่เขาชมพี่เจ้าของกระทู้เสมอนะคะ เห็นไหมคะ อย่างน้อยก็มีบางคนที่เห็นสิ่งดีๆในตัวพี่ พี่อย่าน้อยใจไป
สำหรับหนู หนูเห็นด้วยกับSuchanอยู่เหมือนกันนะคะ โดยหนูอยากเสริมเพิ่มหน่อยว่า พี่ลองดูคนรอบข้างในชีวิตพี่ทุกๆวันในทุกๆสถานการณ์สิคะ หนูเชื่อว่า อาจมีหลายคนอยากเป็นเพื่อนกับพี่ อยากคุยกับพี่ แต่พี่เองก็อาจเป็นฝ่ายปฏิเสธพวกเขา คนที่พี่อยากคบค้าสมาคมไม่ต้อนรับพี่ พี่ก็เป็นทุกข์ แต่คนที่อยากคบค้าสมาคมกับพี่ พี่ก็กลับไม่ต้อนรับพวกเขา หนูจะไม่พูดว่าพวกเขาก็เป็นทุกข์ด้วยเช่นกันนะคะ เพราะจะเป็นการหลงประเด็น แต่ที่หนูอยากบอกพี่ก็คือว่า ถ้าพี่เปิดใจให้กว้างกับเพื่อนมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน พี่จะพบว่าพี่ไม่ได้โดดเดี่ยว มีคนอยากเป็นเพื่อนกับพี่ เพียงแต่พี่ไม่ได้มองพวกเขา และมองแต่คนที่พี่อยากคบ ซึ่งพวกนั้นกลับมีท่าทีไม่อยากคบค้ากับพี่ พี่จึงเป็นทุกข์น่ะค่ะ
หนูไม่เคยเห็นพี่ หนูไม่รู้ว่าลักษณะท่าทีพี่เป็นเช่นไร แต่ถ้าพี่ดูเป็นคนเงียบขรึม ดุดัน (หรือเปล่า..หนูไม่รู้) ทำนองเดียวกับที่พี่มิวว่ามา หนูว่าพี่ลองปรับดูสิคะ ลองยิ้มแย้ม น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก อาจฝืนอยู่บ้าง แต่ค่อยๆปรับค่ะ กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวค่ะพี่ หนูเป็นกำลังใจให้ค่ะ ::001::
ที่สุด หนูอยากเสนอให้พี่สลัดตัวตน(self) ของตัวพี่ให้ได้ ถ้าตราบใดที่พี่ยังมีตัวกูของกู พี่จะไม่มีวันมีความสุขได้ค่ะ เพราะสิ่งใดที่มากระทบจิตใจพี่แล้วทำให้อารมณ์พี่ขุ่นมัว พี่จะก็เป็นทุกข์ พี่ต้องขอพระและฝึกฝนให้ตัวอารมณ์พี่เองลอยอยู่เหนือตัวทุกข์ให้ได้ แล้วจะไม่มีทุกข์ใดมาทำให้พี่เป็นทุกข์ได้ค่ะ
ทั้งนี้ด้วยความเคารพนะคะพี่ ::001::
หนูเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่เบล พี่คงจำพี่เบลได้นะคะ
พี่เบลก็เคยประสบปัญหาที่คล้ายกับพี่เหมือนกัน พี่เบลทุกข์ทรมานใจมากที่บางคนไม่เข้าใจเขา ว่าร้ายเขา เขาเสียใจมาก จนหายหน้าหายตาไป ตอนที่พี่เบลกลับมาทำเอกสารสมรสในคราวก่อน พี่เขาเล่าให้หนูฟังว่า คนเราไม่ได้เป็นที่ยอมรับของทุกสังคม ศิษย์ไม่อยู่เหนืออาจารย์ พระเยซูเองก็ไม่เป็นที่ยอมรับของพวกธรรมาจารย์ ฟาริสี ฯลฯ แล้วพวกเราผู้เป็นศิษย์ล่ะคะ
พี่เบลบอกว่าพี่เจ้าของกระทู้เป็นเด็กดีและมีอะไรดีๆในตัวหลายๆอย่าง พี่เขาชมพี่เจ้าของกระทู้เสมอนะคะ เห็นไหมคะ อย่างน้อยก็มีบางคนที่เห็นสิ่งดีๆในตัวพี่ พี่อย่าน้อยใจไป
สำหรับหนู หนูเห็นด้วยกับSuchanอยู่เหมือนกันนะคะ โดยหนูอยากเสริมเพิ่มหน่อยว่า พี่ลองดูคนรอบข้างในชีวิตพี่ทุกๆวันในทุกๆสถานการณ์สิคะ หนูเชื่อว่า อาจมีหลายคนอยากเป็นเพื่อนกับพี่ อยากคุยกับพี่ แต่พี่เองก็อาจเป็นฝ่ายปฏิเสธพวกเขา คนที่พี่อยากคบค้าสมาคมไม่ต้อนรับพี่ พี่ก็เป็นทุกข์ แต่คนที่อยากคบค้าสมาคมกับพี่ พี่ก็กลับไม่ต้อนรับพวกเขา หนูจะไม่พูดว่าพวกเขาก็เป็นทุกข์ด้วยเช่นกันนะคะ เพราะจะเป็นการหลงประเด็น แต่ที่หนูอยากบอกพี่ก็คือว่า ถ้าพี่เปิดใจให้กว้างกับเพื่อนมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน พี่จะพบว่าพี่ไม่ได้โดดเดี่ยว มีคนอยากเป็นเพื่อนกับพี่ เพียงแต่พี่ไม่ได้มองพวกเขา และมองแต่คนที่พี่อยากคบ ซึ่งพวกนั้นกลับมีท่าทีไม่อยากคบค้ากับพี่ พี่จึงเป็นทุกข์น่ะค่ะ
หนูไม่เคยเห็นพี่ หนูไม่รู้ว่าลักษณะท่าทีพี่เป็นเช่นไร แต่ถ้าพี่ดูเป็นคนเงียบขรึม ดุดัน (หรือเปล่า..หนูไม่รู้) ทำนองเดียวกับที่พี่มิวว่ามา หนูว่าพี่ลองปรับดูสิคะ ลองยิ้มแย้ม น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก อาจฝืนอยู่บ้าง แต่ค่อยๆปรับค่ะ กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวค่ะพี่ หนูเป็นกำลังใจให้ค่ะ ::001::
ที่สุด หนูอยากเสนอให้พี่สลัดตัวตน(self) ของตัวพี่ให้ได้ ถ้าตราบใดที่พี่ยังมีตัวกูของกู พี่จะไม่มีวันมีความสุขได้ค่ะ เพราะสิ่งใดที่มากระทบจิตใจพี่แล้วทำให้อารมณ์พี่ขุ่นมัว พี่จะก็เป็นทุกข์ พี่ต้องขอพระและฝึกฝนให้ตัวอารมณ์พี่เองลอยอยู่เหนือตัวทุกข์ให้ได้ แล้วจะไม่มีทุกข์ใดมาทำให้พี่เป็นทุกข์ได้ค่ะ
ทั้งนี้ด้วยความเคารพนะคะพี่ ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย sabachthani เมื่อ พุธ ส.ค. 30, 2006 8:29 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.