เมื่อหลายวันก่อน ได้ผ่านไปห้างเอ็มโพเรี่ยม จึงได้แวะเข้าร้านหนังสือ Kinokiniya และเห็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง เขียนว่า NEW YORK TIMES BESTSELLER ANNE RICE CHRIST THE LORD OUR OF EGYPT A NOVEL
ซึ่งในขณะทางผมไม่ค่อยอ่านประเภทนวนิยาย แต่เคยเห็นบทความทาง Newsweek Magazine เมื่อประมานปีเศษ เกี่ยวกับ Anne Rice ซึ่งและเป็นนักเขียนอเมริกันระดับชั้นนำที่มีขายสูงสุดกว่า 100 ล้านเล่ม โดยก่อนนี้เธอจะเขียนนวนิยายเกี่ยวกับแวมแพร์ (Vampire) แต่ระยะหลัง เธอกลับใจคืนดีกับพระพระเจ้าและพระศาสนจักรคาทอลิกหลังจากที่ทิ้งพระและพระศาสนจักรคาทอลิกมากล่าวกว่า 30 ปี เธอจึงก็เลิกเขียนนวนิยายแนวเดิม ๆ อย่างเด็ดขาด เธอต้องการที่จะเขียนเกี่ยวกับชีวิตของพระเซูเจ้ามานานหลายปีหลังจากการกลับใจ
ดังนั้นจึงได้ตกลงซื้อหนังสือเล่มนี้
ขอแนะนำหนังสือ Christ the Lord Out of Egypt: A Novel โดย Anne Rice
Anne Rice เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1941 และเป็นนักเขียนอเมริกันระดับชั้นนำที่มีขายสูงสุดกว่า 100 ล้านเล่ม
แอนเล่าในตอนท้ายของนวนิยายเล่มนี้ว่า แอน เกิดในครอบครัวไอริชคาทอลิกที่เคร่งมาก ๆ และใช้วัยเด็กและวัยรุ่นในทศวรรษ 1940 และ 1950 โดยไปมิสซาภาษาลาตินทุกวัน โรงเรียนในสมัยนั้นแยกโรงเรียนเป็นชาย-หญิง เธอเรียนคำสอน, คัมภีร์ และประวัตินักบุญ
ตอนอายุ 18 แอนทิ้งความเชื่อในพระศาสนจักรคาทอลิกและทิ้งพระเจ้าไป สองปีต่อมา แอนก็แต่งงานกับ Stan Rice ซึ่งเป็นผู้เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า (Atheist)
ตอนปี 1974 แอนก็เริ่มเขียนนวนิยาย โดยช่วงนี้เธอเขียนนวนิยายเกี่ยวกับแวมแพร์ (Vampire) ซึ่งเป็นหนังสือที่ขายดีระดับสูงสุด
ในปี 1993 แอนก็เริ่มค้นคว้าประวัติศาสตร์ยุค สุเมอร์ และบาบิโลนและตะวันออก ตลอดอิยิปต์ และโรม เธอก็เริ่ม ๆ กลับคืนมากับพระเจ้าจนในปี 1998 เธอก็กลับใจและคืนกลับพระศาสนจักรคาทอลิก
ต่อมาเธอต่างก็เลิกเขียนนวนิยายแนวเดิม ๆ อย่างเด็ดขาด เธอต้องการที่จะเขียนเกี่ยวกับชีวิตของพระเซูเจ้ามานานหลายปีหลังจากการกลับใจ
ในปี 2002 แสตนซึ่งแต่งงานกับแอนถึงปี 41 ปี และแสตนกำลังเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย แสตนซึ่งเป็นผู้เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าอย่างแน่วแน่นอย่างตลอด แต่เพราะความรักแสตนเป็นจึงยอมทำพิธีสมรสตามจารีตของพระศาสนจักรคาทอลิก กับแอนในวัดที่เธอเกิดที่นั่น หลังจากนั้นไม่นาน แสตนก็จากไป
ในเดือน ก.ค. ปี 2002 ในการเขียนเรื่องนี้ เธอเริ่มค้นคว้าพระคัมภีร์และสั่งสมพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษทุกฉบับ และอ่านพระคัมภีร์ทุกฉบับ รวมถึงเรื่องเกี่ยวที่พระเยซูเจ้าตอนที่ยังเด็กทำให้เด็กคนหนึ่งตาย แต่ต่อมาพระองค์ก็ทรงกลับให้เด็กคนนั้นเป็นกลับมา (Gospel of Thomas)
ในการเขียนนวนิยายเล่มนี้ แอนได้ทำการค้นคว้าอย่างยิ่งจริงจัง ถึงแม้จะเป็นนวนิยาย แต่เธอก็ได้ใช้การค้นคว้าทั้งทางภูมิศาสตร์ ทางประวัติศาสตร์ และทางยุค และเธอใช้จินตนาการโดยทำการเล่าผ่านพระโอษฐ์ของพระเยซูเจ้าในขณะที่พระองค์เพียงอายุ 7 ปี โดยเธอเก็บปลีกย่อยและมโนภาพจนทำให้เราแทบจะได้รสลิ้มอาหารที่พระองค์ทรงเสวย
พระเยซูเจ้าในขณะที่ 7 ปี พระองค์ทรงออกจากอิยิปต์พร้อมกับพระครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นด้วยภัยอันตรายการเดินทางเพื่อทรงกลับเยรูซาเล็ม
แอนเล่าในตอนท้ายของนวนิยายเล่มนี้ว่า แอน เกิดในครอบครัวไอริชคาทอลิกที่เคร่งมาก ๆ และใช้วัยเด็กและวัยรุ่นในทศวรรษ 1940 และ 1950 โดยไปมิสซาภาษาลาตินทุกวัน โรงเรียนในสมัยนั้นแยกโรงเรียนเป็นชาย-หญิง เธอเรียนคำสอน, คัมภีร์ และประวัตินักบุญ
ตอนอายุ 18 แอนทิ้งความเชื่อในพระศาสนจักรคาทอลิกและทิ้งพระเจ้าไป สองปีต่อมา แอนก็แต่งงานกับ Stan Rice ซึ่งเป็นผู้เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า (Atheist)
ตอนปี 1974 แอนก็เริ่มเขียนนวนิยาย โดยช่วงนี้เธอเขียนนวนิยายเกี่ยวกับแวมแพร์ (Vampire) ซึ่งเป็นหนังสือที่ขายดีระดับสูงสุด
ในปี 1993 แอนก็เริ่มค้นคว้าประวัติศาสตร์ยุค สุเมอร์ และบาบิโลนและตะวันออก ตลอดอิยิปต์ และโรม เธอก็เริ่ม ๆ กลับคืนมากับพระเจ้าจนในปี 1998 เธอก็กลับใจและคืนกลับพระศาสนจักรคาทอลิก
ต่อมาเธอต่างก็เลิกเขียนนวนิยายแนวเดิม ๆ อย่างเด็ดขาด เธอต้องการที่จะเขียนเกี่ยวกับชีวิตของพระเซูเจ้ามานานหลายปีหลังจากการกลับใจ
ในปี 2002 แสตนซึ่งแต่งงานกับแอนถึงปี 41 ปี และแสตนกำลังเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย แสตนซึ่งเป็นผู้เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าอย่างแน่วแน่นอย่างตลอด แต่เพราะความรักแสตนเป็นจึงยอมทำพิธีสมรสตามจารีตของพระศาสนจักรคาทอลิก กับแอนในวัดที่เธอเกิดที่นั่น หลังจากนั้นไม่นาน แสตนก็จากไป
ในเดือน ก.ค. ปี 2002 ในการเขียนเรื่องนี้ เธอเริ่มค้นคว้าพระคัมภีร์และสั่งสมพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษทุกฉบับ และอ่านพระคัมภีร์ทุกฉบับ รวมถึงเรื่องเกี่ยวที่พระเยซูเจ้าตอนที่ยังเด็กทำให้เด็กคนหนึ่งตาย แต่ต่อมาพระองค์ก็ทรงกลับให้เด็กคนนั้นเป็นกลับมา (Gospel of Thomas)
ในการเขียนนวนิยายเล่มนี้ แอนได้ทำการค้นคว้าอย่างยิ่งจริงจัง ถึงแม้จะเป็นนวนิยาย แต่เธอก็ได้ใช้การค้นคว้าทั้งทางภูมิศาสตร์ ทางประวัติศาสตร์ และทางยุค และเธอใช้จินตนาการโดยทำการเล่าผ่านพระโอษฐ์ของพระเยซูเจ้าในขณะที่พระองค์เพียงอายุ 7 ปี โดยเธอเก็บปลีกย่อยและมโนภาพจนทำให้เราแทบจะได้รสลิ้มอาหารที่พระองค์ทรงเสวย
พระเยซูเจ้าในขณะที่ 7 ปี พระองค์ทรงออกจากอิยิปต์พร้อมกับพระครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นด้วยภัยอันตรายการเดินทางเพื่อทรงกลับเยรูซาเล็ม
แก้ไขล่าสุดโดย NNS เมื่อ พฤหัสฯ. ต.ค. 19, 2006 8:21 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
สำหรับท่านที่สนใจที่จะทราบอย่างประวัติอย่างละเอียดของเธอ ท่านสามารถเปิดได้ที่
http://en.wikipedia.org/wiki/Anne_Rice
ส่วนเว็บของเธอนั้น ท่านสามารถเปิดได้ที่
http://www.annerice.com/bs_b_ChristTheLord.htm
สำหรับการวิจารณ์หนังสือเล่มนี้ ท่านสามารถเปิดได้ที่
http://www.amazon.com/Christ-Lord-Out-E ... F8&s=books
นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษในเล่มนี้อ่านง่ายแถมราคาค่อนถูก ทั้งเป็นการฝึกภาษาอังกฤษ แถมได้ความศรัทธาอีกด้วย จึงอยากแนะนำหนังสือเล่มนี้แก่ท่านที่สนใจ
http://en.wikipedia.org/wiki/Anne_Rice
ส่วนเว็บของเธอนั้น ท่านสามารถเปิดได้ที่
http://www.annerice.com/bs_b_ChristTheLord.htm
สำหรับการวิจารณ์หนังสือเล่มนี้ ท่านสามารถเปิดได้ที่
http://www.amazon.com/Christ-Lord-Out-E ... F8&s=books
นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษในเล่มนี้อ่านง่ายแถมราคาค่อนถูก ทั้งเป็นการฝึกภาษาอังกฤษ แถมได้ความศรัทธาอีกด้วย จึงอยากแนะนำหนังสือเล่มนี้แก่ท่านที่สนใจ
ขอบคุณ พี่NNS มากนะครับ
(ไม่ได้เห็นพี่ตั้งนานนึกว่าหายไปแล้ว )
(แอบอึ้ง หนังสือประกิดเล่มละ299 )
ถ้าไงจะไปหาที่คิโนะพาราก้อน ดูฮะ
ปล.เผื่อไม่เจอ คิโนะตรงเอมโพเรี่ยมอยู่ชั้นไหนฮะ
(ไม่ได้เห็นพี่ตั้งนานนึกว่าหายไปแล้ว )
(แอบอึ้ง หนังสือประกิดเล่มละ299 )
ถ้าไงจะไปหาที่คิโนะพาราก้อน ดูฮะ
ปล.เผื่อไม่เจอ คิโนะตรงเอมโพเรี่ยมอยู่ชั้นไหนฮะ
ขอบพระคุณค่ะ ว่าจะหยิบเล่มนี้เหมือนกัน
เรากลัวตัวเองว่า เราไม่แข็งแรงเรื่องความรู้อะค่ะ กลัวตัวเองไขว์เขวค่ะ
เลยไม่กล้าตัดสินใจเลือกมาอ่าน
เดี๊ยวไปซื้อมาอ่าน ค่ะ
เรากลัวตัวเองว่า เราไม่แข็งแรงเรื่องความรู้อะค่ะ กลัวตัวเองไขว์เขวค่ะ
เลยไม่กล้าตัดสินใจเลือกมาอ่าน
เดี๊ยวไปซื้อมาอ่าน ค่ะ
ที่หายไปพักใหญ่ ๆ เพราะเรื่องสุขภาพครับ ค่อยช่วงนี้ก็ค่อยดีขึ้นมาบ้าง ก็ทำให้ไม่ได้เข้าไปอ่านเว็บมาสักพักใหญ่แล้วครับยศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า เขียน: ขอบคุณ พี่NNS มากนะครับ
(ไม่ได้เห็นพี่ตั้งนานนึกว่าหายไปแล้ว )
(แอบอึ้ง หนังสือประกิดเล่มละ299 )
ถ้าไงจะไปหาที่คิโนะพาราก้อน ดูฮะ
ปล.เผื่อไม่เจอ คิโนะตรงเอมโพเรี่ยมอยู่ชั้นไหนฮะ
คิโนะตรงเอมโพเรี่ยมอยู่ชั้น ๔ (นับตามชั้นกระไดเลื่อนนะครับ) หรือถ้ามาจาก BTS ก็ลงสถานนีพร้อมพงศ์ และขึ้นเข้าเอ็มโพเรี่ยม และขึ้นเข้ากระไดเลื่อนไปอีกชั้นเดียวก็จะเห็นร้านคิโนะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย NNS เมื่อ เสาร์ ต.ค. 21, 2006 9:58 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
รับรองครับว่าNNS เขียน:minnie เขียน: ขอบพระคุณค่ะ ว่าจะหยิบเล่มนี้เหมือนกัน
เรากลัวตัวเองว่า เราไม่แข็งแรงเรื่องความรู้อะค่ะ กลัวตัวเองไขว์เขวค่ะ
เลยไม่กล้าตัดสินใจเลือกมาอ่าน
เดี๊ยวไปซื้อมาอ่าน ค่ะ
ได้รับหนังสือแล้ว และ DVD ตั้งหลายแผ่น
ตอนนี้พี่ไรท์ นักบุณแบร์แนแด็ทได้แล้วค่ะ เพื่อนๆๆคนใหนสนใจ ไรท์ให้ได้ค่ะ
พ่อปิโอ ไฟล์เค้าแบ่ง สองอัน ไม่รู้ว่า เครื่องแม็คทำได้อะปะ ถ้าเป็น Vaio ทำได้ค่ะ
กำลังปล้ำอยู่ค่ะ
แม็ซ พิธีมิซซา ของ โป๊ป จอร์นปอล ที่ สอง อันนี้ต้อง แคร๊ก กำลังแงะอยู่ค่ะ
โห เห็นหนังสือที่ให้อ่านแล้ว ขอบพระคุณม๊ากๆๆค่ะ
ขอบพระคุณพระเป็นเจ้าค่ะ ที่ประทานความรู้ผ่านทาง น้อง NNSค่ะ
ขอบพระคุณน้อง NNS ด้วยค่ะ ตอนนี้พี่ว่างแค่วันเดียวเองในหนึ่งอาทิคย์ เดี๊ยวจัดตารางดูหนังกะอ ่านหนังสือแล้ว
เพราะส่งมาให้พ่ี่เยอะจริงๆๆค่ะ
ตอนนี้พี่ไรท์ นักบุณแบร์แนแด็ทได้แล้วค่ะ เพื่อนๆๆคนใหนสนใจ ไรท์ให้ได้ค่ะ
พ่อปิโอ ไฟล์เค้าแบ่ง สองอัน ไม่รู้ว่า เครื่องแม็คทำได้อะปะ ถ้าเป็น Vaio ทำได้ค่ะ
กำลังปล้ำอยู่ค่ะ
แม็ซ พิธีมิซซา ของ โป๊ป จอร์นปอล ที่ สอง อันนี้ต้อง แคร๊ก กำลังแงะอยู่ค่ะ
โห เห็นหนังสือที่ให้อ่านแล้ว ขอบพระคุณม๊ากๆๆค่ะ
ขอบพระคุณพระเป็นเจ้าค่ะ ที่ประทานความรู้ผ่านทาง น้อง NNSค่ะ
ขอบพระคุณน้อง NNS ด้วยค่ะ ตอนนี้พี่ว่างแค่วันเดียวเองในหนึ่งอาทิคย์ เดี๊ยวจัดตารางดูหนังกะอ ่านหนังสือแล้ว
เพราะส่งมาให้พ่ี่เยอะจริงๆๆค่ะ
Mass ของพระสันตปาปาจอร์นปอลที่2 ไรท์ได้แล้วค่ะ
พ่อปิโอ สองร้อยสี่สิบนาที ต้องใช้แผ่น สองหน้าค่ะ
ขออภัยadmin ด้วยค่ะ ที่โพส เพราะว่า ติดต่อน้องNNS ยากจริงๆๆค่ะ
พ่อปิโอ สองร้อยสี่สิบนาที ต้องใช้แผ่น สองหน้าค่ะ
ขออภัยadmin ด้วยค่ะ ที่โพส เพราะว่า ติดต่อน้องNNS ยากจริงๆๆค่ะ