ผมได้สัมผัสอะไรบางสิ่งที่ไม่แน่ใจ
วันนี้ผมเมาและขณะนี้ผมก็มึนนิดหน่อย แต่พยายามพิมพ์นะ ตอนนี้ ตี 5.41 นาที วันนี้ผมไปกินเหล้า เพราะความเบื่อในชีวิตเบื่อเรื่องทั่วไปของชีวิต เบื่ออะไรที่เราต้องเจอในทุกวัน ผมเรียนมงฟอร์ต ผมเป็นเกย์ผมไปวัดพระหฎทัยด้วยตัวผมเองผมเชือพระเจ้าด้วยการดลใจของพระองค์ผมไปวัดบ่อยๆตอนม.ต้นและผมเลิกไปวัดตอนม.ปลายผมไม่ได้รับศิลล้างบาปผมอายุ30แล้ว ผมเชื่อว่าผมเป็นไบโพล่าร์อาการทางจิตอันหนึ้งเป็นคนซึมเศร้าผมมักเหงาและถามพระเจ้าอยู่หลายครั้งว่าผมเกิดมาเพื่ออะไรผมจะได้ไปในดินแดนขอฝพระองค์ไหมผมเป็นเกย์ผมบาป ผมพยามถามหาะรัองค์แต่ผมก็ไม่เคยกลับใจได้นานๆ ผมล้มผมอ่อนแอผมล้มในเรื่องเซ็กว์ผมมันแย่ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงผมเรียนคัมพีน์ไม่จบผมไม่ได้รับล้างบาปผมจะตายเมื่อไรห่ไม่รุ้หลายครั้งผมเหงาผมร้องไห้ผมถามพระเจ้าว่าผมอยู่เพื่ออะไรผมไม่รู้ว่าพระองค์ตอบผมหรือไม่แค่ลึกในหัวใจผมรู้สุกและคิดว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งผมแต่ผมไม่รู้ว่าพระองค์ตอบผมอย่างไรตอนนี้ผมป่วยผมไม่รุ้ว่าผมป่วยอะไรแค่ผมอ่อนล่าและสลับกับมีเรี่ยวแรงผมสาละวนกัยการหาเงินผมตกงานแต่พระเจ้าไม่ได้ทิ่งผมผมรู้พระองค์ส่งคนมาช่สยผมและพระองค์ก็ยังทรงดูแลผมแต่ผมก็ยังเบื่อเบื่ออะไรไม่รู้ผมเหงาทั้งอาจเพราะผมเป็นเกย์ผมไม่มีแฟนและผมก็สับสน ผมร้องไห้และวันนี้ผมก็เมาผมเมาแล้วผมหายใจไม่ทันเหมือนผมจะตายผมทรมานผมร้องไห้และผมก้ทำมหาสำคัญกางเขนนในรถเพื่อนยังอยู่ผมบอกว่าผมยังไม่อยากตายผมทรมานเหมือนผมจะขาดลมหายใจผมเจ็บไปทั้งตัวผมหายใจไม่ทันผมร้องไห้ผมนึกถึงพระเยซูผมร้องไห้ผมร้องไห้ผมไม่อยากตายผมรู้สึกว่าผมคิดว่าผมต้องหายใจผมร้องไห้ผมต้อหายใจเข้าไปอีกผมเห็นหน้าพระเยซุในสึกนึกผมร้องไห้ผมเจ็บผมปวดผมหายใจและผมก็ชาไปทั้งตัวผมได้รู้สึเหมือนผติดอว่าเจ้าจะตายไม่ได้เจ้าจะต้องอยู้เพื่อคนตำนวนมมากเจ้าจะอยู่เพื่อเรา ผมก็หายใตผมร้องไห้ผทกอดน้องแบละผมอยากพูดอะไรไม่รู้แต่ผมไม่อยากพูดแต่ในสติที่จำได้บอกให้พูดผมจำได้ว่าผมหายใจแนงมากผมร้องไห้ผมพูดเสียงออกมาอย่างทีผมอยากพูดพร้อมกับนึกถึงพระเจ้ายิ่งนึกยิ่งร้องไห้และผมสติผมก็รู้สึกว่าผมพูดอะไรไม่รู้แต่ผมต้องพูดยิ่งพูดยื่งออกเสียงผมยิ่งดึขึ้นผมหายใจถนัดขึ้นผมรูสึกว่าผมหายใจเป็นปกติผมร้องไห้กับน้องที่ในเหตุการณืสองคนเท่าที่มีสติผมร้องไห้และบอกว่าผมยัไงอยากตายผมรู้สึกว่าผมจะต้องอยู้ต่อไปเพื่อคนเป็นตำตำนสวมากผมจะตายไม่ได้ในขณะนั้นผมเจ็บไปทั้งตัวและหาขไจแมบไม่ทัน และผมก็ร้องไห้บอกน้องาสพระเจ้าไม่เคยทิ่งผมเลยสักครั้งพนะเข้าไมเคยทิ้งผมสักครั้งและน้องคนนั้นก็บอกว่าเขาก็เป็นคริสเหมือนกันผมรู้เพียงเท่านี้และผมก๋มีสจตืเทม่าที่กลีบมาบ่านแต่ผมเห็นอะไรเขียนอย฿ที่หลังรถมีรูปเขียนแบบที่ผมจดมา
ผมเห็นาสิ่งนี้เขียนไว้บนรกระจดด้ารหลังรถผมเห้นมันตอนสะท้อนแสงผมพยทยทจดเดี่ยวผใมใพมพฟืใหม่เมื่อผมตืนผมมึจจจ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
สวัสดีครับ
ผมมายืนยันให้แน่ใจครับ ว่าสิ่งที่พี่สัมผัสคือ "พระเจ้า" ของเราทุกคนครับ
พระองค์ทรงกำลังเรียกพี่มา อย่างน้อยก็มาที่บอร์ดแห่งนี้
พระองค์ทรงกำลังเรียกพี่อย่างอดทน รอพี่อยู่นะครับ
เพียงแต่ว่าพี่อาจจะจิตตก ว้าวุ่นใจอ่ะครับ
เรื่องคนบาป เราทุกคนก็เป็นคนบาปเหมือนกันกับพี่นะครับ
ไม่มีใครซักคนที่บอกว่า ชั้นดีพร้อมแล้วสำหรับสวรรค์ ไม่มีหรอกครับ
เราเป็นคนบาปด้วยกันทั้งนั้น
แต่พระองค์ทรงเมตตาเราครับ
ขอเพียงเราสำนึกกลับไปหาพระองค์ กลับตัวกลับใจเป็นลูกที่ดีของพระองค์
พระองค์ทรงเมตตาเราแน่นอนครับ
ดีใจนะครับ เวลาพี่หมดกำลังใจ
พี่ยังเรียกหา "พระเจ้า"
ผมเชื่อว่าพระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งแน่นอนครับ
เชื่อนะครับ ความเชื่อเท่านั้นที่ทำให้เรารอดได้
ลองพยายามที่เอาชนะตัวเองดูนะครับ
ไปขอเรียนคำสอนกับคุณพ่อที่วัด แล้วไปเรียนอย่างสม่ำเสมอ
เฝ้าศีลมหาสนิทบ่อย ๆ ครับ
พูดกับพระองค์ ให้พระองค์นำทางชีวิตเรานะครับ
ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเรียนคำสอนและจะล้างบาปให้ได้นะครับ
ขอพระเจ้าอวยพระพรนะครับ
ขอพระแม่มารีอาอวยพระพรและช่วยวิงวอนนะครับ
ผมมายืนยันให้แน่ใจครับ ว่าสิ่งที่พี่สัมผัสคือ "พระเจ้า" ของเราทุกคนครับ
พระองค์ทรงกำลังเรียกพี่มา อย่างน้อยก็มาที่บอร์ดแห่งนี้
พระองค์ทรงกำลังเรียกพี่อย่างอดทน รอพี่อยู่นะครับ
เพียงแต่ว่าพี่อาจจะจิตตก ว้าวุ่นใจอ่ะครับ
เรื่องคนบาป เราทุกคนก็เป็นคนบาปเหมือนกันกับพี่นะครับ
ไม่มีใครซักคนที่บอกว่า ชั้นดีพร้อมแล้วสำหรับสวรรค์ ไม่มีหรอกครับ
เราเป็นคนบาปด้วยกันทั้งนั้น
แต่พระองค์ทรงเมตตาเราครับ
ขอเพียงเราสำนึกกลับไปหาพระองค์ กลับตัวกลับใจเป็นลูกที่ดีของพระองค์
พระองค์ทรงเมตตาเราแน่นอนครับ
ดีใจนะครับ เวลาพี่หมดกำลังใจ
พี่ยังเรียกหา "พระเจ้า"
ผมเชื่อว่าพระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งแน่นอนครับ
เชื่อนะครับ ความเชื่อเท่านั้นที่ทำให้เรารอดได้
ลองพยายามที่เอาชนะตัวเองดูนะครับ
ไปขอเรียนคำสอนกับคุณพ่อที่วัด แล้วไปเรียนอย่างสม่ำเสมอ
เฝ้าศีลมหาสนิทบ่อย ๆ ครับ
พูดกับพระองค์ ให้พระองค์นำทางชีวิตเรานะครับ
ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเรียนคำสอนและจะล้างบาปให้ได้นะครับ
ขอพระเจ้าอวยพระพรนะครับ
ขอพระแม่มารีอาอวยพระพรและช่วยวิงวอนนะครับ
จากประสบการณ์ที่ ผ่านมา
เป็นเกย์ไม่บาปครับ
แล่วไม่ว่าคุณจะยังไง
พระเจ้าก็ยังทรงเป็นพระเจ้า ของคนทุกคน รวมถึงคุณ
ไม่ว่ายังไง พระเยซู รักพี่เสมอ
มีอะไรคุยกันได้ครับ เราเป็นพี่น้องทางความเชื่อ
เป็นเกย์ไม่บาปครับ
แล่วไม่ว่าคุณจะยังไง
พระเจ้าก็ยังทรงเป็นพระเจ้า ของคนทุกคน รวมถึงคุณ
ไม่ว่ายังไง พระเยซู รักพี่เสมอ
มีอะไรคุยกันได้ครับ เราเป็นพี่น้องทางความเชื่อ
ผมตื่นแล้วครับและก็มีสติดีแล้วอย่างที่คุณอันตนขอ
ผมขอตอบทีละอย่างนะครับ
1. ผมรู้จักบอร์ดนี้มานานมากและก็เคยเข้ามาโพสต์คุยทั่วไปกับพี่น้องอยู่ช่วงหนึ่งแต่ผมจำชื่อผู้ใช้กับรหัสผ่านไม่ได้เลย
เลยลงทะเบียนใหม่มันก็เลยดูว่าผมเป็นคนใหม่ที่เข้ามาโพสต์
2. ผมเรียนอยู่มงฟอร์ตั้งแต่ป.1 - ม.6 ( 2525-2537) มงฟอร์ตอยู่ที่เชียงใหม่ใกล้ๆกันจะมีโรงเรียนพระหฤทัยในนั้นจะมีวัดพระหฤทัย
สมัยนั้นวัดนี้ยังเป็นวัดเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ใหญ่โตเป็นอาสนวิหารอย่างที่เป็นตอนนี้พระรูปกางเขนยังเป็นไม้ธรรมดา เขียนข้อความข้างล่างว่า "เราคือองค์ความรัก"
3. ผมเชื่อพระเจ้าด้วยการดลของพระจิต ผมมารู้เอาภายหลังโดยลำดับเหตุการณ์ย้อนหลังเมื่อผมขึ้นชั้นม.1 และไปเข้าร่วมกับ นักเรียนคริสตัง ที่จะต้องไปเรียนคำสอนตอนเช้าทุกวัน
4. ช่วง ม.1 - ม.3 ผมไปวัดด้วยตัวเอง ขี่มอเตอร์ไซต์จากบ้านที่อ.หางดง ไปวัดวันอาทิตย์ตอนเช้า ผมมีเพื่อนเป็นพี่ผู้หญิงซึ่งเป็นชาวเขา เขาเป็นเพื่อนคุยกับผมทุกครั้งที่ผมไปวัด
และพี่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนพาผมไปให้รู้จักกับยายคนหนึ่ง ผมจำชื่อไม่ได้แต่เขารับเป็นแม่บุญธรรมของผม
5. มีอยู่ครั้งเดียวที่ผมได้เป็นคนเชิญกางเขนไปที่พระแท่นตอนทำพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ โดยคุณยายคนนี้เป็นคนให้ผมถือ พร้อมๆกับพี่น้องในวัดที่ถือขันและของถวายอีกประมาณ
3-4 คน ทั้งที่ตอนนั้นผมยังไม่ได้รับศีลล้างบาปแต่อย่างใด
6. ผมโตขึ้นตามวัย ผมจำเรื่องราวได้ว่า ผมห่างพระเจ้าออกไปทุกทีจนกระทั่งม.6 ที่ใกล้สอบเอ็นทรานซ์ในระบบเดิมที่เป็นการสอบโดยเลือกคณะก่อน ผมหลงไปเชื่อเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
ด้วยการไปบนกับศาลพระภูมิหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพราะต้องการสอบโควต้า มช.ติดแต่แล้วในคืนวันก่อนสอบโควต้า ผมนอนไม่หลับ ทำยังไงก็ไม่หลับจนถึงเช้า
ผมไปสอบด้วยอาการมึนหัวทั้งวัน ผมคิดอะไรไม่ออก ในหัวผมสับสนไปหมด และผลออกมา ก็คือ ผมไม่ติดมช. ผมกังวลหนักขึ้น จนใกล้วันสอบเอนทรานซ์ ผมตัดสินใจ
อธิษฐานกับพระเจ้า และขอพระองค์ว่า ช่วยให้ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ในคืนวันสอบเอนทรานซ์ ผมหลับสนิทและผมก็ไปสอบอย่างตั้งใจ วันที่ 5 พฤษภาคม 2537
เป็นวันประกาศผลเอ็นทรานซ์ แต่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐจะลงผลได้ในช่วงเย็น ผมเห็นประกาศทางช่อง 5 ว่าโทรเข้ามาสอบถามผลสอบได้ที่สถานีโทรทัศน์ ผมโทรเข้าไปถาม
ผมสอบติดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7. ช่วงที่ผมเรียนที่จุฬา ผมหลงทางไปหลายครั้ง และผมไม่สามารถเข้ากับเพื่อนที่เป็นชมรมคาทอลิก ที่บนตึก อบจ.ได้ แต่ห้องชมรมเดียวกันนั้น จะเป็นของชมรมคริสเตียน
ซึ่งเป็นของคริสตจักรความหวังใหม่กรุงเทพ ที่อยู่ตรงคลองเตย ผมเข้ากับเพื่อนที่เป็นคริสเตียนได้มากกว่า ผมก็เลยได้มีโอกาสไปเข้าร่วมนมัสการที่โบสถ์บ่อย ๆ
ผมเล่าเรื่องราวของพระเจ้าให้เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อ ริว เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ ผมเล่าเรื่องพระเจ้าตามความเชื่อของผม ริวกลับใจและเข้าโบสถ์กลายเป็นคริสเตียน
ที่เคร่งครัด
8. ผมกลับหลงทาง ผมเที่ยวบาร์เกย์ เที่ยวซาวน่าเกย์ ผับเกย์ที่สีลมซอย 2 เป็นประจำ ผมเมาเละเทะ ผมลองเสพยาเสพติด ผมคลุกคลีกับคนที่สูบกัญชาและมั่วเซ็กส์
ผมเคยมีเพศสัมพันธ์กับแฟนของเพื่อนโดยที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นเอดส์ แต่อัศจรรย์ผมไม่ติดเอดส์แต่เพื่อนสนิทของผมที่เป็นแฟนกับเขากลับติดเอดส์ ในช่วงนั้นผมทะเลาะกับพี่เลี้ยงเป็นประจำ
ผมเป็นคนไม่ดีและไม่เอาพระเจ้าเอง ผมเอาแต่ใจและหาเรื่องกับทุกคนที่ไม่เอาใจผม แต่ผมก็คุยกับพระเจ้าส่วนตัวเป็นบางครั้งบางคราว เมื่อเวลาที่ผมทุกข์ลำบาก
ทั้งเรื่องการเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องเงิน หรือ แม้แต่การอยากได้ของที่ไม่จำเป็น เกือบทั้งหมดพระเจ้าตอบคำอธิษฐานและการขอจากพระองค์ แต่เมื่อผมได้แล้ว ผมก็ลืม
พระเจ้า
9. เมื่อผมเรียนจบ ผมก็ทำงานอยู่กรุงเทพ ผมก็มีชีวิตของผม วนไปวนมาอย่างนี้ คือ ไปหาพระเจ้าบ้าง ไปวัดได้บ้าง แล้วก็หายไปบ้าง ผมเคยไปวัดกัลหว่าร์เพื่อขอเรียนคำสอน
แต่ผมได้รับการตอบจากคุณพ่อเจ้าวัดว่า ยังไม่ว่างให้ไปเรียนกับบราเดอร์หรือคุณพ่ออีกองค์ .. ตอนนั้นผมอยู่คอนโดนิรันดริ์ 3 ที่บางนา ตรง ม.ราม 2 ตรงทางเข้าจะมีวัด
พระกุมารเยซู แต่ผมไม่เคยเข้าไปสักครั้ง จนวันหนึ่งผมก็ตัดสินใจไปวัดวันอาทิตย์ ผมไปหาคุณพ่อ คุณพ่อบอกว่าเขาจะเปิดเรียนคำสอนประมาณเดือนสิงหา-กรกฏาคม
และผมก็ไม่ได้ไป
10. ชีวิตของผมล้มเหลวในหน้าที่การงาน เมื่อตอนผมอายุ 27 ย่างเข้า 28 ผมเป็นหนี้สินบัตรเครดิตมากมาย ผมไม่มีทางออก ผมร้องไห้ และผมตัดสินใจลาออกเพื่อจะมา
ขายขนมปังนมสด ด้วยเงินก้อนสุดท้ายที่ไปเอามาจากการกู้ผ่านบัตรสินเชื่อ ในช่วงนั้นผมไปวัดพระมหาไถ่ แต่ผมรู้สึกว่า ผมเป็นคนแปลกหน้า คงเพราะความทุกข์ในใจ
หลายอย่างที่มีทำให้ผมได้ไปแต่เพียงนั่งฟังมิสซาอยู่คนเดียว แล้วผมก็กลับบ้าน
11. ผมกลับมาบ้านที่เชียงใหม่ พ่อกับแม่ชวนให้ผมกลับมาตั้งหลักที่บ้านก่อน ผมจึงตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่เชียงใหม่นับตั้งแต่ กลางปี 2547
12. ผมไม่มีอะไรทำและเงินก็เริ่มหมด ผมก็พยายามหาอะไรทำ ผมสับสน ผมร้องไห้ ในช่วงเดือนสิงหาคม ผมไปหาคุณพ่อที่วัดพระหฤทัย คราวนี้ผมได้พบ กับ ครูสอนคำสอนที่ชื่อ
ครูสุขใจ ผมได้เรียนคำสอนในวันธรรมดาเป็นการพิเศษ ถ้าผมเรียนจบ ผมจะได้รับศีลล้างบาปเป็นกรณีพิเศษ หรือ ถ้าไม่ได้ผมจะได้ไปรับใน
เทศกาลปัสกาเดือนเมษายน ปี 2548 ในช่วงนั้นผมได้เจอ มาสเตอร์เก่า มาสเตอร์ปรีชาซึ่งจำผมได้ เพราะมาสเตอร์เคยเป็นครูประจำชั้นผมตอน ป.2 มาสเตอร์เป็นสัตบุรุษ
และเป็นคนเล่นเพลงสรรเสริญในวัดร่วมกับแม่ชี
มาสเตอร์ก็ย้ำว่าให้ผมเรียนคำสอนให้จบ พระจะอยู่กับเรานะ แต่แล้วผมก็ไปเรียนไม่รอด ผมไปเรียนได้สักช่วงหนึ่ง ผมก็ถูกแม่ด่าว่า ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน แล้วไหนจะต้องเติมน้ำมันรถยนต์
เพื่อไปที่วัดอีกทำไม และแล้ว ผมก็เริ่มทะเลาะกับทุกคนในบ้าน เหตุเพราะผมไม่มีงานทำ ไม่มีเงินและยังต้องถูกติดตามหนี้จากสถาบันการเงินอีก ในที่สุดผมก็สาละวนกับ
การทำมาหากิน ผมต้องการเงิน และผมก็ไม่ได้ไปวัดอีก แต่พระเจ้าเลี้ยงดูผม ผมเชื่อ แม้ว่าผมจะหันหลังให้พระองค์ พระองค์ให้เหตุการณ์ต่าง ๆผ่านเข้ามา ให้ผมได้มีเงิน
พอเพียงเป็นค่าอาหารให้กับตัวเอง ผมได้เป็นครูสอนหนังสือ เป็นคนขายบัตรเครดิตอิสระ เป็นคนทำเว็บไซต์อิสระบ้าง .. ผมไม่ได้ขัดสนมากถึงกับไม่มีข้าวจะกิน
13. วันหนึ่งในเดือนมกราคม พี่สาวเอาประกาศรับสมัครงานมาให้ผม ซึ่งตรงกับงานที่ผมเคยทำ ผมจำได้ว่า วันรุ่งขึ้นผมขับรถไปสมัครงาน วันนั้นอากาศสดใสมาก
ผมไปตอนประมาณเกือบบ่ายโมง ระหว่างทาง ผมอธิษฐานคุยกับพระเจ้าในรถว่า ผมอยากได้งานนี้ทำ ผมอยากได้ ผมร้องขอพระเจ้าเพียงเท่านี้ ผมไปถึงที่บริษัทฯ
และผมก็สมัครงาน และผมก็ได้รับการสัมภาษณ์ทันทีในวันนั้น
14. เช้าวันต่อมา ผมได้รับคำตอบว่า เขารับผมเข้าทำงาน ผมได้รับเงินเดือน 14,300 บาท ซึ่งมากมายจริง ๆ
15. ผมทำงานด้วยตัวผมเอง และผมก็ลืมพระเจ้าไป แม้จะพยายามและตั้งใจขนาดไหน ผมเริ่มถูกติดตามหนี้สิน ผมก็พยายามประคับประคองการงานให้ดีแต่แล้วผม
ก็ลาออกในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549 ด้วยความคิดเห็นไม่ตรงกันกับผู้บริหาร ผมตกงานอีกครั้ง
16. ผมมีสติมากขึ้น ผมออกมาทำเว็บไซต์ของตัวเอง , ได้เป็นครูสอนพิเศษ และพร้อมกับรับทำเว็บไซต์ไปด้วย พระเจ้าเลี้ยงดูผม พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งผมเลยในวันทุกข์ยาก
มีงานเข้ามาให้ผม มีเงินให้ผมพอประทังชีวิตเดือนละ 3 - 5 พันบาท
17. ช่วงเดือนสิงหาคม พระเจ้าได้นำให้ผมรู้จักกับคนหนึ่งที่มีฐานะร่ำรวยมาก ผมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นส่วนบริษัท โดยที่ผมไม่ต้องลงเงินสักบาท แต่แลกด้วยการใช้ความ
สามารถในการทำเว็บไซต์ให้ และได้เงินเดือนอีกเดือนละ 10,000 บาท ตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน
ผมมีอาการป่วยทางกาย และโรคทางจิตใจอยู่ ผมทานยาจากโรงพยาบาลจิตเวชสวนปรุง แต่ตอนนี้ผมเลิกทานเพราะมันทำให้ผมหลับไปนานมาก บางครั้งยาวถึงสามวัน
ผมมักถามพระเจ้าบ่อย ๆ และถามมานานมากแล้วว่า ผมเกิดมาเพื่ออะไร มนุษย์อยู่เพื่ออะไร ชีวิตของผมมันช่างน่าเบื่อ ผมจะมีความรู้สึกยินดีกับชีวิตในบางวัน และใน
บางวันผมก็หดหู่และหมดกำลังใจการมีชีวิต ผมมักมีความคิด เรื่องการฆ่าตัวตายแทรกเข้ามา อยู่หลายครั้งแต่จนแล้ว ผมก็ไม่ตายสักที
เมื่อคืนผมเหงา ผมเบื่อชีวิต ผมชวนเพื่อนและน้องอีกสองคนไปกินเหล้าที่ร้านมังกี้คลับ ผมกินมากที่สุดเพราะผมอยากเมา และอาการหอบของผมก็กำเริบ อย่างที่ผมเขียน
เอาไว้ ผมไม่ขอให้ใครเชื่อในสิ่งที่ผมบอก แต่ผมเขียนมันด้วยความจริง และผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองได้รับอะไรเป็นพิเศษ ผมเคยดูเรื่องสติกมาธา และผมก็ไม่คิดว่ามันจะเกิด
กับผม และผมก็ไม่ได้กลิ่นกุหลาบแต่อย่างใด แต่ผมเชื่อว่า พระเจ้ารักคนที่บาปเลวร้ายอย่างผม พระเจ้ารักเกย์อย่างผม ผมเชื่อเพียงเท่านั้น และสิ่งที่ผมเห็นเป็นตัวอักษร
นั่น ผมก็เห็นจริง ๆ และผมก็ลอกมันมา ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมจำได้ว่า ผมเคยอ่านจากอินเทอร์เนตเรื่อง อักษรโตราหรืออะไรทำนองนี้ ซึ่งมันอาจไม่ใช่อะไร และไม่ได้
มีอะไรเลย ผมเห็นและจินตนาการไปเองก็เป็นได้สูง แต่มันไม่สำคัญเท่ากับผมได้รู้สึก หรือ มีความคิดในหัวของผมว่า เจ้าจะตายไม่ได้ เจ้าจะอยู่เพื่อเรา คนเป็นจำนวนมากจะ
กลับใจเพราะเจ้า ซึ่งมันอาจเป็นภาวะจากแอลกฮอล์สูง ทำให้สมองเกิดความคิดหลอน ภาพหลอน หรือ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ แต่ในสำนึกที่จำได้ ผมนึกถึงรูปพระเยซูที่
ผมติดไว้ที่ผนังห้อง ผมไม่ได้อธิษฐานอะไรในตอนนั้นเพราะผมหนักหัวและหายใจไม่พอ และผมก็รู้สึกว่า ผมอยากร้องไห้ ผมนึกถึงรูปแล้วผมก็ร้องไห้ออกมา
ผมอยากพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่ในหัวของผมเท่าที่สติจะมีได้ตอนนั้น ผมแค่อยากพูดออกมา ผมซึ่งมีสติแล้วตอนนี้มานั่งคิด ก็คงจะเป็นเหมือนอาการคนเมาที่เมาแล้ว
พูดอะไรเพ้อเจ้อออกมาเท่านั้นเอง ผมอยู่ในสภาพนั้น (มานั่งคิดตอนนี้) คงประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงเพราะว่าร้านปิดประมาณตีหนึ่งได้ และผมพอมีสติประคับประคองรถ
และคุยรู้เรื่องได้ตอนประมาณเกือบตีสี่ใกล้ๆ ตีห้า
เท่านี้จริงๆที่ผมอยากจะเล่าและต้องขอโทษด้วยที่เล่าสับสนตอนต้น เพราะยังมึนๆ อยู่และเรื่องราวทั้งหมดคงเป็นเพียงเพราะความเมาเท่านั้นเองครับ
ผมขอตอบทีละอย่างนะครับ
1. ผมรู้จักบอร์ดนี้มานานมากและก็เคยเข้ามาโพสต์คุยทั่วไปกับพี่น้องอยู่ช่วงหนึ่งแต่ผมจำชื่อผู้ใช้กับรหัสผ่านไม่ได้เลย
เลยลงทะเบียนใหม่มันก็เลยดูว่าผมเป็นคนใหม่ที่เข้ามาโพสต์
2. ผมเรียนอยู่มงฟอร์ตั้งแต่ป.1 - ม.6 ( 2525-2537) มงฟอร์ตอยู่ที่เชียงใหม่ใกล้ๆกันจะมีโรงเรียนพระหฤทัยในนั้นจะมีวัดพระหฤทัย
สมัยนั้นวัดนี้ยังเป็นวัดเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ใหญ่โตเป็นอาสนวิหารอย่างที่เป็นตอนนี้พระรูปกางเขนยังเป็นไม้ธรรมดา เขียนข้อความข้างล่างว่า "เราคือองค์ความรัก"
3. ผมเชื่อพระเจ้าด้วยการดลของพระจิต ผมมารู้เอาภายหลังโดยลำดับเหตุการณ์ย้อนหลังเมื่อผมขึ้นชั้นม.1 และไปเข้าร่วมกับ นักเรียนคริสตัง ที่จะต้องไปเรียนคำสอนตอนเช้าทุกวัน
4. ช่วง ม.1 - ม.3 ผมไปวัดด้วยตัวเอง ขี่มอเตอร์ไซต์จากบ้านที่อ.หางดง ไปวัดวันอาทิตย์ตอนเช้า ผมมีเพื่อนเป็นพี่ผู้หญิงซึ่งเป็นชาวเขา เขาเป็นเพื่อนคุยกับผมทุกครั้งที่ผมไปวัด
และพี่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนพาผมไปให้รู้จักกับยายคนหนึ่ง ผมจำชื่อไม่ได้แต่เขารับเป็นแม่บุญธรรมของผม
5. มีอยู่ครั้งเดียวที่ผมได้เป็นคนเชิญกางเขนไปที่พระแท่นตอนทำพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ โดยคุณยายคนนี้เป็นคนให้ผมถือ พร้อมๆกับพี่น้องในวัดที่ถือขันและของถวายอีกประมาณ
3-4 คน ทั้งที่ตอนนั้นผมยังไม่ได้รับศีลล้างบาปแต่อย่างใด
6. ผมโตขึ้นตามวัย ผมจำเรื่องราวได้ว่า ผมห่างพระเจ้าออกไปทุกทีจนกระทั่งม.6 ที่ใกล้สอบเอ็นทรานซ์ในระบบเดิมที่เป็นการสอบโดยเลือกคณะก่อน ผมหลงไปเชื่อเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
ด้วยการไปบนกับศาลพระภูมิหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพราะต้องการสอบโควต้า มช.ติดแต่แล้วในคืนวันก่อนสอบโควต้า ผมนอนไม่หลับ ทำยังไงก็ไม่หลับจนถึงเช้า
ผมไปสอบด้วยอาการมึนหัวทั้งวัน ผมคิดอะไรไม่ออก ในหัวผมสับสนไปหมด และผลออกมา ก็คือ ผมไม่ติดมช. ผมกังวลหนักขึ้น จนใกล้วันสอบเอนทรานซ์ ผมตัดสินใจ
อธิษฐานกับพระเจ้า และขอพระองค์ว่า ช่วยให้ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ในคืนวันสอบเอนทรานซ์ ผมหลับสนิทและผมก็ไปสอบอย่างตั้งใจ วันที่ 5 พฤษภาคม 2537
เป็นวันประกาศผลเอ็นทรานซ์ แต่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐจะลงผลได้ในช่วงเย็น ผมเห็นประกาศทางช่อง 5 ว่าโทรเข้ามาสอบถามผลสอบได้ที่สถานีโทรทัศน์ ผมโทรเข้าไปถาม
ผมสอบติดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7. ช่วงที่ผมเรียนที่จุฬา ผมหลงทางไปหลายครั้ง และผมไม่สามารถเข้ากับเพื่อนที่เป็นชมรมคาทอลิก ที่บนตึก อบจ.ได้ แต่ห้องชมรมเดียวกันนั้น จะเป็นของชมรมคริสเตียน
ซึ่งเป็นของคริสตจักรความหวังใหม่กรุงเทพ ที่อยู่ตรงคลองเตย ผมเข้ากับเพื่อนที่เป็นคริสเตียนได้มากกว่า ผมก็เลยได้มีโอกาสไปเข้าร่วมนมัสการที่โบสถ์บ่อย ๆ
ผมเล่าเรื่องราวของพระเจ้าให้เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ชื่อ ริว เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ ผมเล่าเรื่องพระเจ้าตามความเชื่อของผม ริวกลับใจและเข้าโบสถ์กลายเป็นคริสเตียน
ที่เคร่งครัด
8. ผมกลับหลงทาง ผมเที่ยวบาร์เกย์ เที่ยวซาวน่าเกย์ ผับเกย์ที่สีลมซอย 2 เป็นประจำ ผมเมาเละเทะ ผมลองเสพยาเสพติด ผมคลุกคลีกับคนที่สูบกัญชาและมั่วเซ็กส์
ผมเคยมีเพศสัมพันธ์กับแฟนของเพื่อนโดยที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นเอดส์ แต่อัศจรรย์ผมไม่ติดเอดส์แต่เพื่อนสนิทของผมที่เป็นแฟนกับเขากลับติดเอดส์ ในช่วงนั้นผมทะเลาะกับพี่เลี้ยงเป็นประจำ
ผมเป็นคนไม่ดีและไม่เอาพระเจ้าเอง ผมเอาแต่ใจและหาเรื่องกับทุกคนที่ไม่เอาใจผม แต่ผมก็คุยกับพระเจ้าส่วนตัวเป็นบางครั้งบางคราว เมื่อเวลาที่ผมทุกข์ลำบาก
ทั้งเรื่องการเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องเงิน หรือ แม้แต่การอยากได้ของที่ไม่จำเป็น เกือบทั้งหมดพระเจ้าตอบคำอธิษฐานและการขอจากพระองค์ แต่เมื่อผมได้แล้ว ผมก็ลืม
พระเจ้า
9. เมื่อผมเรียนจบ ผมก็ทำงานอยู่กรุงเทพ ผมก็มีชีวิตของผม วนไปวนมาอย่างนี้ คือ ไปหาพระเจ้าบ้าง ไปวัดได้บ้าง แล้วก็หายไปบ้าง ผมเคยไปวัดกัลหว่าร์เพื่อขอเรียนคำสอน
แต่ผมได้รับการตอบจากคุณพ่อเจ้าวัดว่า ยังไม่ว่างให้ไปเรียนกับบราเดอร์หรือคุณพ่ออีกองค์ .. ตอนนั้นผมอยู่คอนโดนิรันดริ์ 3 ที่บางนา ตรง ม.ราม 2 ตรงทางเข้าจะมีวัด
พระกุมารเยซู แต่ผมไม่เคยเข้าไปสักครั้ง จนวันหนึ่งผมก็ตัดสินใจไปวัดวันอาทิตย์ ผมไปหาคุณพ่อ คุณพ่อบอกว่าเขาจะเปิดเรียนคำสอนประมาณเดือนสิงหา-กรกฏาคม
และผมก็ไม่ได้ไป
10. ชีวิตของผมล้มเหลวในหน้าที่การงาน เมื่อตอนผมอายุ 27 ย่างเข้า 28 ผมเป็นหนี้สินบัตรเครดิตมากมาย ผมไม่มีทางออก ผมร้องไห้ และผมตัดสินใจลาออกเพื่อจะมา
ขายขนมปังนมสด ด้วยเงินก้อนสุดท้ายที่ไปเอามาจากการกู้ผ่านบัตรสินเชื่อ ในช่วงนั้นผมไปวัดพระมหาไถ่ แต่ผมรู้สึกว่า ผมเป็นคนแปลกหน้า คงเพราะความทุกข์ในใจ
หลายอย่างที่มีทำให้ผมได้ไปแต่เพียงนั่งฟังมิสซาอยู่คนเดียว แล้วผมก็กลับบ้าน
11. ผมกลับมาบ้านที่เชียงใหม่ พ่อกับแม่ชวนให้ผมกลับมาตั้งหลักที่บ้านก่อน ผมจึงตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่เชียงใหม่นับตั้งแต่ กลางปี 2547
12. ผมไม่มีอะไรทำและเงินก็เริ่มหมด ผมก็พยายามหาอะไรทำ ผมสับสน ผมร้องไห้ ในช่วงเดือนสิงหาคม ผมไปหาคุณพ่อที่วัดพระหฤทัย คราวนี้ผมได้พบ กับ ครูสอนคำสอนที่ชื่อ
ครูสุขใจ ผมได้เรียนคำสอนในวันธรรมดาเป็นการพิเศษ ถ้าผมเรียนจบ ผมจะได้รับศีลล้างบาปเป็นกรณีพิเศษ หรือ ถ้าไม่ได้ผมจะได้ไปรับใน
เทศกาลปัสกาเดือนเมษายน ปี 2548 ในช่วงนั้นผมได้เจอ มาสเตอร์เก่า มาสเตอร์ปรีชาซึ่งจำผมได้ เพราะมาสเตอร์เคยเป็นครูประจำชั้นผมตอน ป.2 มาสเตอร์เป็นสัตบุรุษ
และเป็นคนเล่นเพลงสรรเสริญในวัดร่วมกับแม่ชี
มาสเตอร์ก็ย้ำว่าให้ผมเรียนคำสอนให้จบ พระจะอยู่กับเรานะ แต่แล้วผมก็ไปเรียนไม่รอด ผมไปเรียนได้สักช่วงหนึ่ง ผมก็ถูกแม่ด่าว่า ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน แล้วไหนจะต้องเติมน้ำมันรถยนต์
เพื่อไปที่วัดอีกทำไม และแล้ว ผมก็เริ่มทะเลาะกับทุกคนในบ้าน เหตุเพราะผมไม่มีงานทำ ไม่มีเงินและยังต้องถูกติดตามหนี้จากสถาบันการเงินอีก ในที่สุดผมก็สาละวนกับ
การทำมาหากิน ผมต้องการเงิน และผมก็ไม่ได้ไปวัดอีก แต่พระเจ้าเลี้ยงดูผม ผมเชื่อ แม้ว่าผมจะหันหลังให้พระองค์ พระองค์ให้เหตุการณ์ต่าง ๆผ่านเข้ามา ให้ผมได้มีเงิน
พอเพียงเป็นค่าอาหารให้กับตัวเอง ผมได้เป็นครูสอนหนังสือ เป็นคนขายบัตรเครดิตอิสระ เป็นคนทำเว็บไซต์อิสระบ้าง .. ผมไม่ได้ขัดสนมากถึงกับไม่มีข้าวจะกิน
13. วันหนึ่งในเดือนมกราคม พี่สาวเอาประกาศรับสมัครงานมาให้ผม ซึ่งตรงกับงานที่ผมเคยทำ ผมจำได้ว่า วันรุ่งขึ้นผมขับรถไปสมัครงาน วันนั้นอากาศสดใสมาก
ผมไปตอนประมาณเกือบบ่ายโมง ระหว่างทาง ผมอธิษฐานคุยกับพระเจ้าในรถว่า ผมอยากได้งานนี้ทำ ผมอยากได้ ผมร้องขอพระเจ้าเพียงเท่านี้ ผมไปถึงที่บริษัทฯ
และผมก็สมัครงาน และผมก็ได้รับการสัมภาษณ์ทันทีในวันนั้น
14. เช้าวันต่อมา ผมได้รับคำตอบว่า เขารับผมเข้าทำงาน ผมได้รับเงินเดือน 14,300 บาท ซึ่งมากมายจริง ๆ
15. ผมทำงานด้วยตัวผมเอง และผมก็ลืมพระเจ้าไป แม้จะพยายามและตั้งใจขนาดไหน ผมเริ่มถูกติดตามหนี้สิน ผมก็พยายามประคับประคองการงานให้ดีแต่แล้วผม
ก็ลาออกในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549 ด้วยความคิดเห็นไม่ตรงกันกับผู้บริหาร ผมตกงานอีกครั้ง
16. ผมมีสติมากขึ้น ผมออกมาทำเว็บไซต์ของตัวเอง , ได้เป็นครูสอนพิเศษ และพร้อมกับรับทำเว็บไซต์ไปด้วย พระเจ้าเลี้ยงดูผม พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งผมเลยในวันทุกข์ยาก
มีงานเข้ามาให้ผม มีเงินให้ผมพอประทังชีวิตเดือนละ 3 - 5 พันบาท
17. ช่วงเดือนสิงหาคม พระเจ้าได้นำให้ผมรู้จักกับคนหนึ่งที่มีฐานะร่ำรวยมาก ผมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นส่วนบริษัท โดยที่ผมไม่ต้องลงเงินสักบาท แต่แลกด้วยการใช้ความ
สามารถในการทำเว็บไซต์ให้ และได้เงินเดือนอีกเดือนละ 10,000 บาท ตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน
ผมมีอาการป่วยทางกาย และโรคทางจิตใจอยู่ ผมทานยาจากโรงพยาบาลจิตเวชสวนปรุง แต่ตอนนี้ผมเลิกทานเพราะมันทำให้ผมหลับไปนานมาก บางครั้งยาวถึงสามวัน
ผมมักถามพระเจ้าบ่อย ๆ และถามมานานมากแล้วว่า ผมเกิดมาเพื่ออะไร มนุษย์อยู่เพื่ออะไร ชีวิตของผมมันช่างน่าเบื่อ ผมจะมีความรู้สึกยินดีกับชีวิตในบางวัน และใน
บางวันผมก็หดหู่และหมดกำลังใจการมีชีวิต ผมมักมีความคิด เรื่องการฆ่าตัวตายแทรกเข้ามา อยู่หลายครั้งแต่จนแล้ว ผมก็ไม่ตายสักที
เมื่อคืนผมเหงา ผมเบื่อชีวิต ผมชวนเพื่อนและน้องอีกสองคนไปกินเหล้าที่ร้านมังกี้คลับ ผมกินมากที่สุดเพราะผมอยากเมา และอาการหอบของผมก็กำเริบ อย่างที่ผมเขียน
เอาไว้ ผมไม่ขอให้ใครเชื่อในสิ่งที่ผมบอก แต่ผมเขียนมันด้วยความจริง และผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองได้รับอะไรเป็นพิเศษ ผมเคยดูเรื่องสติกมาธา และผมก็ไม่คิดว่ามันจะเกิด
กับผม และผมก็ไม่ได้กลิ่นกุหลาบแต่อย่างใด แต่ผมเชื่อว่า พระเจ้ารักคนที่บาปเลวร้ายอย่างผม พระเจ้ารักเกย์อย่างผม ผมเชื่อเพียงเท่านั้น และสิ่งที่ผมเห็นเป็นตัวอักษร
นั่น ผมก็เห็นจริง ๆ และผมก็ลอกมันมา ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมจำได้ว่า ผมเคยอ่านจากอินเทอร์เนตเรื่อง อักษรโตราหรืออะไรทำนองนี้ ซึ่งมันอาจไม่ใช่อะไร และไม่ได้
มีอะไรเลย ผมเห็นและจินตนาการไปเองก็เป็นได้สูง แต่มันไม่สำคัญเท่ากับผมได้รู้สึก หรือ มีความคิดในหัวของผมว่า เจ้าจะตายไม่ได้ เจ้าจะอยู่เพื่อเรา คนเป็นจำนวนมากจะ
กลับใจเพราะเจ้า ซึ่งมันอาจเป็นภาวะจากแอลกฮอล์สูง ทำให้สมองเกิดความคิดหลอน ภาพหลอน หรือ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ แต่ในสำนึกที่จำได้ ผมนึกถึงรูปพระเยซูที่
ผมติดไว้ที่ผนังห้อง ผมไม่ได้อธิษฐานอะไรในตอนนั้นเพราะผมหนักหัวและหายใจไม่พอ และผมก็รู้สึกว่า ผมอยากร้องไห้ ผมนึกถึงรูปแล้วผมก็ร้องไห้ออกมา
ผมอยากพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่ในหัวของผมเท่าที่สติจะมีได้ตอนนั้น ผมแค่อยากพูดออกมา ผมซึ่งมีสติแล้วตอนนี้มานั่งคิด ก็คงจะเป็นเหมือนอาการคนเมาที่เมาแล้ว
พูดอะไรเพ้อเจ้อออกมาเท่านั้นเอง ผมอยู่ในสภาพนั้น (มานั่งคิดตอนนี้) คงประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงเพราะว่าร้านปิดประมาณตีหนึ่งได้ และผมพอมีสติประคับประคองรถ
และคุยรู้เรื่องได้ตอนประมาณเกือบตีสี่ใกล้ๆ ตีห้า
เท่านี้จริงๆที่ผมอยากจะเล่าและต้องขอโทษด้วยที่เล่าสับสนตอนต้น เพราะยังมึนๆ อยู่และเรื่องราวทั้งหมดคงเป็นเพียงเพราะความเมาเท่านั้นเองครับ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
ขอแบบสรุปอ่ะคะต้องการอะไรคะ เพื่อน ระบาย หรือ คำภาวนาคะ จะได้จัดให้ถูก
ผมคงต้องการเพื่อน รวมถีงการระบาย ครับ ต้องขอโทษที่รบกวนทุกคนครับส่วนคำภาวนาผมก็ไม่รู้ว่าผมต้องการหรือไม่ แต่ผมคิดว่าผมต้องการเพื่อนนะครับ ผมอาจต้องการแค่นั้นก็เป็นได้:+: seraphim :+: เขียน: ขอแบบสรุปอ่ะคะต้องการอะไรคะ เพื่อน ระบาย หรือ คำภาวนาคะ จะได้จัดให้ถูก
ส่ง ข้อความส่วนตัว(Im) /MSN มาได้นะครับ ผมยินดีเป็นเพื่อนกับพี่
พระตีสอน แหง๋มๆๆๆ เป็นการท้าทายของพระเป็นเจ้า
ขอโทษค่ะ ที่คิดเกินพระเป็นเจ้า
เอาละ คราวนี้ คุณตั้งสติ ดีดีน๊ะ
อำเภอใจที่คุณเลือก คุณจะเอาอะไร ซ้าย นรก 99% ตรงกลางคือคุณ 1% ขวา ไปอยู่กะพระ 99%
บอกได้คำเดียว ไปหาบาทหลวง แนะนำอะ
บาทหลวงท่านคือตัวแทนของพระอะ ให้พระนำทางอะ
ม่ายงั้น มนุษย์อ่อนแออย่างเรา ตอบไม่ถูกวุ้ย
ปล ถ้าบาทหลวงไม่ว่าง หรือสะดุด เรา
เรียกสายตรง ฉุกเฉิน พระสงฆ์ อะ เวปคาทอลิกด๊อทซีโอด๊อทซีเอทอะ
ขอโทษค่ะ ที่คิดเกินพระเป็นเจ้า
เอาละ คราวนี้ คุณตั้งสติ ดีดีน๊ะ
อำเภอใจที่คุณเลือก คุณจะเอาอะไร ซ้าย นรก 99% ตรงกลางคือคุณ 1% ขวา ไปอยู่กะพระ 99%
บอกได้คำเดียว ไปหาบาทหลวง แนะนำอะ
บาทหลวงท่านคือตัวแทนของพระอะ ให้พระนำทางอะ
ม่ายงั้น มนุษย์อ่อนแออย่างเรา ตอบไม่ถูกวุ้ย
ปล ถ้าบาทหลวงไม่ว่าง หรือสะดุด เรา
เรียกสายตรง ฉุกเฉิน พระสงฆ์ อะ เวปคาทอลิกด๊อทซีโอด๊อทซีเอทอะ
แก้ไขล่าสุดโดย minnie เมื่อ พฤหัสฯ. ต.ค. 26, 2006 7:41 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอพระจิตเจ้านำทางให้ผมหนทางสว่างนะครับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
Add MSN มาคุยกันครับ
jaykata@hotmail.com
ได้ทุกเรื่องครับ ปรับทุกข์ คุยเล่น ขำๆ เฮฮา เหมือนเพื่อนทั่วไป อิอิ
jaykata@hotmail.com
ได้ทุกเรื่องครับ ปรับทุกข์ คุยเล่น ขำๆ เฮฮา เหมือนเพื่อนทั่วไป อิอิ
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
รบกวนเรียบเรียงคำพูดที่กระทุ้ด้านบนทีครับ แบบว่า แรกๆอ่านรุ้เรื่องหลังๆ อ่านไม่รุ้เรื่องแล้ว
ยินดีด้วยที่คุณยังมีพระเจ้าอยู่ในใจเสมอ และเป็นบุญของผู้ที่เศร้าโศก และเป็นทุกข์ แต่ยังรู้จักแสวงหาการปลอบประโลมจากพระเจ้า เพราะเขาจะเป็นสุข และได้รับสันติสุข พระองค์คือขุมทรัพย์ล้ำค่าที่ตักตวงได้ไม่มีวันหมด
ยน 7:37-39
พระเยซูเจ้าทรงยืนและตรัสเสียงดังว่า"ผู้ใดกระหาย จงมาหาเราเถิด ผู้ที่เชื่อในเรา จงดื่มเถิด"
ตามที่พระคัมภีร์กล่าวว่า
ยน 7:37-39
พระเยซูเจ้าทรงยืนและตรัสเสียงดังว่า"ผู้ใดกระหาย จงมาหาเราเถิด ผู้ที่เชื่อในเรา จงดื่มเถิด"
ตามที่พระคัมภีร์กล่าวว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 27, 2006 1:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ตอนนี้ทานยาอยู่รึเปล่าคะ และตอนทานยากินเหล้ารึเปล่า ไม่แน่ใจว่าที่หลับยาว 3 วัน เพราะทานเหล้ารึเปล่า เพราะปกติไม่น่าขนาดนั้น
bipolar depression นี่ ทานยาต่อหน่อยก็ดีนะคะ จะช่วยปรับอารมณ์ให้คงที่ขึ้น อาจลดขนาดยาก็ได้ค่ะ ถ้ากินแล้วหลับนานเกินไป ต้องถามหมอ รึว่า ลองออกกำลังกายก็ช่วยได้ค่ะ สารเคมีในสมองเราจะสมดุลขึ้น พออารมณ์คงที่ขึ้น ใจก็สงบขึ้น ก็เห็นพระมากขึ้น
ขอพระอวยพรนะคะ
bipolar depression นี่ ทานยาต่อหน่อยก็ดีนะคะ จะช่วยปรับอารมณ์ให้คงที่ขึ้น อาจลดขนาดยาก็ได้ค่ะ ถ้ากินแล้วหลับนานเกินไป ต้องถามหมอ รึว่า ลองออกกำลังกายก็ช่วยได้ค่ะ สารเคมีในสมองเราจะสมดุลขึ้น พออารมณ์คงที่ขึ้น ใจก็สงบขึ้น ก็เห็นพระมากขึ้น
ขอพระอวยพรนะคะ
อันนี้ส่วนตัวนะครับ
คือเรื่องมีความทุกข์ต้องการหาเพื่อนอะไรนี่ส่วนตัวผมๆยินดีครับ แต่ว่าเรื่องข้อความดังกล่าวที่เอามาลงนั่น มันไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นอย่างคุณโฮลี่ว่าหรอกครับ ภาษาอะไรก็ไม่รู้ บางตัวคล้ายอักษรพราหมมี บางตัวคล้ายเทวนาครี (พอดีจารึกโบราณในประเทศไทยมาติ๊ดส์นึง) แต่โดยรวมแล้วเหมือนอักษรจินตนาพรรดึก ที่สำคัญมันไม่เหมือนจดด้วยลายมือ เหมือนกับเขียนบนคอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรมเพนท์หรืออะไรทำนองนั้น(ขอโทษด้วยถ้าเข้าใจผิด) ผมว่าในบอร์ดคงหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ยาก ส่งให้พ่อเจ้าวัดส่งเรื่องให้ทางวาติกันหรือไม่ก็ส่งกรมศิลป์พิสูจน์เถอะครับ ที่มช.ก็มีอาจารย์ด้านนี้หลายท่าน ผมว่าจะได้คำตอบที่เร็วกว่าครับ อีกอย่างผมว่าในบอร์ดนี้มีทั้งคริสตชนใหม่ ผู้สนใจเป็นคริสตชน คริสตชนกลับใจ หากเราเอาเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้มาโพสต์ เกรงว่าจะเป็นที่สะดุด หรือชวนเขวครับ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมผมเห็นใจคุณครับที่ประสบปัญหาและเอาใจช่วย แต่เรื่องโพสต์ตัวหนังสือนั้นเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ คุณจะได้ไม่ต้องเครียดเรื่องหาคำตอบด้วยครับ
ด้วยความเคารพ
ขอพระอวยพรครับ
คือเรื่องมีความทุกข์ต้องการหาเพื่อนอะไรนี่ส่วนตัวผมๆยินดีครับ แต่ว่าเรื่องข้อความดังกล่าวที่เอามาลงนั่น มันไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นอย่างคุณโฮลี่ว่าหรอกครับ ภาษาอะไรก็ไม่รู้ บางตัวคล้ายอักษรพราหมมี บางตัวคล้ายเทวนาครี (พอดีจารึกโบราณในประเทศไทยมาติ๊ดส์นึง) แต่โดยรวมแล้วเหมือนอักษรจินตนาพรรดึก ที่สำคัญมันไม่เหมือนจดด้วยลายมือ เหมือนกับเขียนบนคอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรมเพนท์หรืออะไรทำนองนั้น(ขอโทษด้วยถ้าเข้าใจผิด) ผมว่าในบอร์ดคงหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ยาก ส่งให้พ่อเจ้าวัดส่งเรื่องให้ทางวาติกันหรือไม่ก็ส่งกรมศิลป์พิสูจน์เถอะครับ ที่มช.ก็มีอาจารย์ด้านนี้หลายท่าน ผมว่าจะได้คำตอบที่เร็วกว่าครับ อีกอย่างผมว่าในบอร์ดนี้มีทั้งคริสตชนใหม่ ผู้สนใจเป็นคริสตชน คริสตชนกลับใจ หากเราเอาเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้มาโพสต์ เกรงว่าจะเป็นที่สะดุด หรือชวนเขวครับ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมผมเห็นใจคุณครับที่ประสบปัญหาและเอาใจช่วย แต่เรื่องโพสต์ตัวหนังสือนั้นเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ คุณจะได้ไม่ต้องเครียดเรื่องหาคำตอบด้วยครับ
ด้วยความเคารพ
ขอพระอวยพรครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 27, 2006 1:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Arch Guardian
- โพสต์: 297
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 09, 2006 8:19 pm
- ที่อยู่: ดินแดนอันไกลโพ้น
เห็นด้วยครับ หลังๆอ่านแย้วมึนๆๆImmanuel (MichaelPaul) เขียน: รบกวนเรียบเรียงคำพูดที่กระทุ้ด้านบนทีครับ แบบว่า แรกๆอ่านรุ้เรื่องหลังๆ อ่านไม่รุ้เรื่องแล้ว
แต่ว่าผมว่าพี่ควรเลิกเหล้านะครับ แล้วพี่ก็อาจจะไม่ต้องกินยาก็ได้นะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆ
ปล.ผมไม่ได้แอนตี้เกย์นะครับ แค่สงสัยเฉยๆ ว่าพี่รู้ตัวว่าเป็นตอนไหนอ่ะครับตั้งแต่เด็กๆ หรือว่าตอนโตแล้วอ่ะครับ แล้วจริงมั้ยครับที่เกย์ไม่ได้เนี้ยบทุกคนอ่ะ แล้วเราจะดูเพื่อนเรายังไงว่าค้าเป็นเกย์รึเปล่าอ่ะครับ
ปล. อีกทีถ้าไม่อยากตอบหรือคิดว่าลามปามไปไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ หรือจะตอบทางเอ็มก็ได้นะครับ หรือทางอีเมล์ก็ได้ หรือไม่ต้องสนใจมันเลยก็ได้ครับ
ปล.อีกทีสู้ต่อไปนะครับ
- -*-St.GrEGoRY-*-
- โพสต์: 309
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 2:06 pm
รู้สึกว่าอ่านไปแล้วก็งงเหมือนกานนะคับ
ก็เอาเพลง ที่บาร์เกย์ มาเปิดดูอย่างI will survive มักจะแต๋วแตกMatthew เขียน: ปล.ผมไม่ได้แอนตี้เกย์นะครับ แค่สงสัยเฉยๆ ว่าพี่รู้ตัวว่าเป็นตอนไหนอ่ะครับตั้งแต่เด็กๆ หรือว่าตอนโตแล้วอ่ะครับ แล้วจริงมั้ยครับที่เกย์ไม่ได้เนี้ยบทุกคนอ่ะ แล้วเราจะดูเพื่อนเรายังไงว่าค้าเป็นเกย์รึเปล่าอ่ะครับ
หรือง่ายๆมีเพื่อน เป็น "ผี"สิ
ผีจะดูผีออก
อย่าโกรธน๊ะ
เอาที่มีป้ายปิดประกาศ สีขาว ตาม เพิง ป้าย ที่เป็นตัวหนังสือขาวดำ
ระยะ 3-4 เมตรขึ้นไป แล้วมองกระจกหลังรถดูตัวหนังสือจิ๊
เอาที่มีป้ายปิดประกาศ สีขาว ตาม เพิง ป้าย ที่เป็นตัวหนังสือขาวดำ
ระยะ 3-4 เมตรขึ้นไป แล้วมองกระจกหลังรถดูตัวหนังสือจิ๊
Matthew เขียน:งง อารายฟะminnie เขียน: อย่าโกรธน๊ะ
เอาที่มีป้ายปิดประกาศ สีขาว ตาม เพิง ป้าย ที่เป็นตัวหนังสือขาวดำ
ระยะ 3-4 เมตรขึ้นไป แล้วมองกระจกหลังรถดูตัวหนังสือจิ๊
พี่มินนี่ คงหมายถึงนี่ละxmailone เขียน: ผมเห็นาสิ่งนี้เขียนไว้บนรกระจดด้ารหลังรถผมเห้นมันตอนสะท้อนแสงผมพยทยทจดเดี่ยวผใมใพมพฟืใหม่เมื่อผมตืนผมมึจจจ
ทางนี้ No commentฮะ
Holy เขียน: ส่วนตัวผมว่า ตัวหนังสือนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญ คือ พ่อเรียกแล้วครับ กลับบ้านเถอะ พ่อรออยู่ที่หน้าประตูทุกวันเลย พ่อรอให้อภัยตลอดเวลาเลย อย่าปล่อยให้พ่อรอเราอีกเลยนะพี่น้องในพระกายพระคริสตเจ้า
เห็นด้วยครับ
จะเป็นอัศจรรย์ หรือไม่ นั้น หาก ปราศจากความรักของพระเจ้าก็เปล่าประโยชน์
"แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆได้เป็นภาษามนุษย์ก็ดี เป็นภาษาทูตสวรรค์ก็ดี
แต่ไม่มีความรักข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง" 1 โครินธ์ 13:1
อยากให้ พี่น้อง รวมถึงคุณ xmailone อย่าพึ่งมาสะดุด ตั้งแง่สงสัยกับ อัศจรรย์/นิมิต ดังกล่าว
เรามาช่วยกัน สำแดงถึงความรัก ของพระเจ้าดีกว่าครับ