เมื่อวานนี้รับเชื่อมาแล้ว(25/12/06)ขอฝากเนื้อฝากตัวกับรุ่นพี่คริสต์เตียนด้วยครับ
-
- โพสต์: 20
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ธ.ค. 26, 2006 4:20 am
วันนี้รับเชื่อมาแล้วครับ
รู้สึกอิ่มเอมบอกไม่ถูก
เป็นน้องเล็กสุดในโบสถ์เลยสำหรับฝ่ายจิตวิญญาน
และก็คงเป็นน้องเล็กสุดในเวปนี้ด้วย
ขอฝากเนื่อฝากตัวด้วยครับผมพี่ๆ คริสต์เตียน
อาจจะมีอะไรมาถามเยอะแยะไปหมด
กรุณาอ่านหน่อยก็นะครับ ถือว่าสงสารผมเหอะ คิดตั้งนานกว่าจะนึกออก
เหตุว่า
ผมมาเชื่อเพราะเจ้าก็เพราะว่า
ครั้งหนึ่งเมื่อ 10ปีก่อน สมัยผม ม.4 ผมได้ยินเรื่องราวของพระเจ้าจากเพื่อนสาวท่านหนึ่ง เธอเป็นคริสเตียนเพราะว่าเธอไปเรียนภาษาอังกฤษ เธอก็เล่าเรื่องราวต่างๆของพระเยซู และอื่นๆมากมาย แต่ผมก็ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมคิดว่าไร้สาระน่า ปัญญาอ่อนหรือป่าว ใครมันจะโง่เกิดมาตายไถ่บาปให้คนที่ไม่รู้จักวะ เนื่องจากผมโตมาในครอบครัวที่ไม่มี พ่อ และแม่ ผมโตมากับเกมคอมพิวเตอร์ และเงินที่แม่ส่งให้ทุกเดือน(แม่ไปทำงานที่ต่างประเทศ)
ผมเหมือนอยู่คนเดียวมาตลอด ผมไม่เคยศรัทธาในความรักและผมเกลียดคนที่รักกัน ผมเห็นใครรักกันผมมักจะชอบทำลายมัน ไม่อยากเห็นคนมีความสุข ผมเห็นความรักเป็นสิ่งน่าขยะแขยง ผมเชื่อมั่นในตัวเอง และคิดว่าตัวเราเองเท่านั้นที่จะสร้างความสุขให้ตัวเองได้
วันเวลาผ่านไปจนผมเรียนจบมหาวิทยาลัย
ผมก็ได้เข้าทำงานบริษัทผลิตรถยนต์แห่งหนึ่ง
ในที่ทำงานมีพี่ 2 คน คนหนึ่งเป็น อิสลาม คนหนึ่ง เป็นคริสเตียน ซึ่งทั้ง 2 ท่านนี้เคร่งมาก พี่ที่เป็นคริสเตียน มักจะชวนผมไปที่บ้าน ไปทำความรู้จักกับพระเจ้าของเขา
ในใจผมก็คิดเวรเอ๊ย!!! กุมาเจอพวกปัญญาอ่อนอีกและ
แต่ก็ต้องเออ ออ ตามเขาไปเดี๋ยวเขาจะไม่สอนงานเรา
และนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมไปโบสถ์
ครั้งแรกทีไปรู้สึกว่า อะไรวะเนี่ย อย่างกับไปดูคอนเสิร์ต
ทั้งเปียโน กีต้า นักร้องประสานเสียง คิดในใจ ไอพวกนี้มันบ้าไปแล้ว (เนื่องจากผมเป็นคนชอบสันโดษและเกลียดเสียง ดัง และเสียงเพลง ผมจึงมีอคติอย่างมาก) คิดในใจอีก ไอห่า กุจะมาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ไร้สาระฉิหาย อยู่บ้านอ่านหนังสือ สอบ เล่นเกมยังมีประโยชน์กว่าอีก แต่พี่แกก็ยังตามตื้ออยู่ ชวนทุกอาทิตย์ แต่ผมก็ปฎิเสธทุกครั้ง แต่พี่คนนั้นเป็นคนดีจริงๆ ไม่ว่าใครจะด่าแก ว่าแก แกล้งแก แกก็ไม่สะทกสะท้านเลย แกยังเป็นคนดีของแก ยิ้มทั้งวัน ผมก็รุ้สึกปลื้มมากที่มีคนแบบนี้ด้วยเหรอวะเนี่ยโลกนี้
ผมก็รู้สึกดีๆกับพี่เขาแต่ผมจะไม่พูดถึงเรื่องศาสนากับพ่เขาเลย
แต่แล้วคนที่บ้านก็บอกให้ผมไปบวช ผมก็โอเคเพราะผมชอบสันโดษอยู่แล้ว ผมไปบวชอยู่ 3 เดือน ผมรู้สึกได้เลยว่าชีวิตผมดีขึ้นมามากจากแต่ก่อนผมฝึกนั่งสมาธิ ผมทำกิจวัตรของสงค์ไม่เคยขาด
แต่สุดท้ายผมก็ยังละทางโลกไมได้ ยังมีกิเลสมากมาย อยากมีนุ้นมีนี่ อยากเป็น หลายสิ่งหลายอย่างที่พวกมารมันสร้างขึ้นมาให้ผมไม่อาจอยู่ร่มกาสาวพัสตร์ได้นานกว่านี้
ผมจึงต้องสึกออกมา และกลับมาทำงานเช่นเดิม
จนวันหนึ่งผมมีปัญหากับงาน และเรื่องส่วนตัวหนักมาก
ทำให้ผมลาออกจากงาน และผมยิ่งปิดตัวเองมากขึ้น
ผมมักอยู่แต่ในห้อง คนเดียวนอนร้องไห้คนเดียว บ้าคนเดียว พูดคนเดียว เหมือนว่าเริ่มเห็นภาพหลอน ผมเป็นอยุ่ 6 เดือน ผมคิดฆ่าตัวตายหลายวิธี
จนสุดท้ายผมก็ทนอยู่ไมได้แล้ว
ผมจึงไปโดดให้รถชน
แต่ดีนะครับที่ไม่ตาย เมื่อหวนกลับไปคิดถึงวันนั้นทีไรใจเป็นทุกข์ทุกทีเลย และก็ยังเสียวไม่หาย เกือบตายและกุ
หลังจากเจ็บหนักก็เลยกลัวการฆ่าตัวตายไปเลยครับ
หลังจากเหตุการนั้น คนในครอบครัวเริ่มสนใจ และรักผมมากขึ้น ผมจึงรู้ว่า โลกนี้ยังมีคนรักเรานี้หว่า
หลังจากนั้นผมจึงไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดียอยู่ประมาณ 5 เดือนไปเรียนคอมพิวเตอร์ ก็ได้เจอสังคมต่างๆมากมาย เจอทั้งยาเพติด เด็กติดยา คนนอนข้างถนน คนจรจัด คนไม่มีบ้านจะอยู่ คนพิการ เด็กขอทาน และเห็นการแบ่งชนชั้นวรรณของประเพณีอินเดีย ผมรู้สึกหดหู่กับภาพเหล่านั้นมากๆ มันมีให้เห็นบ่อยมากๆ แทบจะทุก 500เมตรเลย มันมากมายกว่าภาพที่ผมเห็นในเมืองไทยมากนัก และผมยังเห็นพฤติกรรมที่แหลดเหลวของเด็กไทย ทั้งชายหญิง ที่อยู่ที่นั้น มั่วกันจนหาไม่มีชิ้นดี (บางคนนะครับ)
บางคนก็แสนดีซะจนไม่น่าเชื่อ ผมได้ไปรู้จักมีท่านหนึ่งท่านเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ท่านมาเรียนปริญญาเอก ทางด้านการพัฒนาชุมชน
พี่เขาเป็นคนใจดีมาก พี่เขามักจะซื้อขนม และอาหาร และเข้าไปให้เด็กๆในกลุ่มคนที่น่าสงสารเหล่านั้น ผมมีโอกาสได้ตามพี่เข้าไปด้วย รู้สึกดีมากๆครับ ถึงแม้จะคุยกันไม่รู้เรื่องเลย แต่จิตใจมันบอกเองเลยครับ รู้เลยว่าความสุขของการได้ให้มันมีความสุขมากๆ
หลังจากกลับมาได้ไม่นานนัก เพื่อนสาวที่เคยรุ้จักกันตอน ม.4 เมื่อ 10 ปีที่แล้วก็โทรมาหาผม(ไม่เคยได้ติดต่อกันเลย) อยู่ดีๆก็โทรมา ผมก็งง แต่ผมจำได้ว่าเขาเป็นคริส ในช่วงนี้ผมเริ่มสนใจเรื่องราวของศาสนาต่างๆ ผมจึงขอให้เพื่อนผมพาผมไปที่โบสถ์ ครั้งแรกที่เจอคนในโบสถ์ผมก็ยังมีอคติอยู่ ผมถามถึงเรื่องเพราะเจ้าด้วยความดุถูกและเหยียดหยาม ว่าเป็นสิ่งไร้สาระที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเท่านั้น
(ผมไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน) อาจารย์ที่โบสถ์ก็สอนผมมากมาย เล่านู้นเล่านี่ และผมเองก็ถามเรื่องที่ผมสงสัยมาตลอด ที่ผมได้เตรียมคำถามไป ซึ่งทุกคำตอบอาจารย์ตอบผมได้เกือบทั้งหมด และเป็นคำตอบที่ผมพอใจเช่นกัน ผมไปโบสถ์เกือบทุกวัน และอยู่ที่โบสถ์วันๆหนึ่ง 4-5 ชม. เพื่อดูว่ากิจวัตรของพวกเขาทำอะไรกันบ้าง เขาเอาเงินที่คนมานมัสการไปทำอะไรบ้าง น้องอนุชนเขามาทำอะไรกันบ้าง
ผมเฝ้าดูด้วยความอยากรุ้อย่างเห็น ประกอบกับอาจารย์ให้หนังสือต่างๆมาอ่าน ผมอ่านจบไป 7-8 เล่ม และผมไปโบสถ์ และลองอธิฐาน ทุกวันดูตามที่อาจารย์บอก ผมขอในสิ่งต่างๆมากมาย ผมต้องประหลาดใจที่ หลายคำอธิฐานนั้นเป็นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ ผมใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน จนสุดท้ายวันนี้ผมคิดว่า ผมควรจะรับเชื่อได้แล้ว
มีครั้งหนึ่งฮามากครับ ผมฝันเจอผี ในฝันนั้นผมกลัวมากแต่ผมก็ได้ เรียกชื่อพระเยซูออกมา ผีตนนั้นก้บอกผมว่า จะเรียกทำไมวะ แล้วมันก็หายไปผมก็ตื่นขึ้นมาครับ แต่ผมก็นอนต่ออีก รู้สุกว่าเหมือนผีอำขยับตัวไมได้ และผมก็คิดถึงชื่อพระเยซุอีก แล้วผมก็ลุกขึ้นมาได้ครับ
และสิ่งท่ผมประทับใจในโบสถ์มากที่สุดก็คือ ความรักของคนในโบสถ์ที่ทุกคนมีให้กัน ผมต้องงเป็นไก่ตาแตกว่า เฮ๊ยทำไมคุณรักกันได้ขนาดนั้น แต่ละคนไม่มีใครทำเพื่อตัวเองเลย ทุกคนทำเพื่อกันและกัน รักกันกว่า พี่น้องร่วมสายเลือด ผมสงสัยว่าอะไรนะทำให้เขารักกันได้ขนาดนี้
และอะไรนะทำให้เขาเป็นคนดีของสังคมได้เพียงนี้
ผมไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน เป็นคนดีเหมือนพี่น้องในโบสถ์นี้เลย ผูหญิงทุกคนเรียบร้อยมากๆๆๆๆๆ และนิสัยดีมากๆ ไม่ว่าจะทั้งวาจา กาย ใจ พวกเขาไมได้แกล้งทำ หรือใส่หน้ากากเลย ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ผมเคยเจอมามากมายในสังคมที่ฟอนเฟะอย่างปัจจุบันนี้
ผมชอบที่อาจารย์บอกว่า คนเราทำดีด้วยการไปสวรรค์ไม่ได้ แต่ต้องไปด้วยเชื่อว่า พระเยซูทรงลงมาไถ่บาปให้เรา
และผมเชื่อว่า
การจะเชื่อพระองค์ได้นี่ ยากกว่าการไปบวชอีก
และการที่เราเชื่อพระเจ้ามันก็ทำให้เราเป็นคนดีของสังคม เป็นคนดีอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนให้เราเป็น
และการขึ้นสวรรค์หรือตกนรก ของทางพุทธศาสนาก็ขึ้นตามกรรมดีกรรมชั่วของแต่ละคน
ซึ่งถ้าผมเชื่อพระเยซู ผมก็ต้องเป็นคนดีด้วย นั้นก็เท่ากับว่า
ถ้านรกสวรรค์ในทางคริสต์ไม่มีจริง ผมก็คงได้ขึ้นได้ทางพุทธนั่นแหละ หรือถ้าพุทธนั้นไม่มี ผมก็ได้ไปทางพระเยซู
ซึ่ง นั้นเป็นโอกาสที่ผมได้มาฟรีๆ แล้วทำไมผมจึงไม่ต้องการล่ะ
หรือไม่ก็ไม่มีทั้งนีก และสวรรค์ ถึงตายไปแล้วผมก็ไม่เสียใจ เพราะในโลกนี้ผมก็ได้ชื่อว่าเป็นคนดี เป็นลูกที่ดี ของพ่อแม่ ของสังคม ผมก็ภูมิใจกลับสิ่งที่ผมทำ และจะมีคนอีกหลายคนคิดถึงผมเมื่อผมตายไปแล้ว ไม่ใช่มาโดนด่าตอนตายไปแล้ว
รู้สึกอิ่มเอมบอกไม่ถูก
เป็นน้องเล็กสุดในโบสถ์เลยสำหรับฝ่ายจิตวิญญาน
และก็คงเป็นน้องเล็กสุดในเวปนี้ด้วย
ขอฝากเนื่อฝากตัวด้วยครับผมพี่ๆ คริสต์เตียน
อาจจะมีอะไรมาถามเยอะแยะไปหมด
กรุณาอ่านหน่อยก็นะครับ ถือว่าสงสารผมเหอะ คิดตั้งนานกว่าจะนึกออก
เหตุว่า
ผมมาเชื่อเพราะเจ้าก็เพราะว่า
ครั้งหนึ่งเมื่อ 10ปีก่อน สมัยผม ม.4 ผมได้ยินเรื่องราวของพระเจ้าจากเพื่อนสาวท่านหนึ่ง เธอเป็นคริสเตียนเพราะว่าเธอไปเรียนภาษาอังกฤษ เธอก็เล่าเรื่องราวต่างๆของพระเยซู และอื่นๆมากมาย แต่ผมก็ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมคิดว่าไร้สาระน่า ปัญญาอ่อนหรือป่าว ใครมันจะโง่เกิดมาตายไถ่บาปให้คนที่ไม่รู้จักวะ เนื่องจากผมโตมาในครอบครัวที่ไม่มี พ่อ และแม่ ผมโตมากับเกมคอมพิวเตอร์ และเงินที่แม่ส่งให้ทุกเดือน(แม่ไปทำงานที่ต่างประเทศ)
ผมเหมือนอยู่คนเดียวมาตลอด ผมไม่เคยศรัทธาในความรักและผมเกลียดคนที่รักกัน ผมเห็นใครรักกันผมมักจะชอบทำลายมัน ไม่อยากเห็นคนมีความสุข ผมเห็นความรักเป็นสิ่งน่าขยะแขยง ผมเชื่อมั่นในตัวเอง และคิดว่าตัวเราเองเท่านั้นที่จะสร้างความสุขให้ตัวเองได้
วันเวลาผ่านไปจนผมเรียนจบมหาวิทยาลัย
ผมก็ได้เข้าทำงานบริษัทผลิตรถยนต์แห่งหนึ่ง
ในที่ทำงานมีพี่ 2 คน คนหนึ่งเป็น อิสลาม คนหนึ่ง เป็นคริสเตียน ซึ่งทั้ง 2 ท่านนี้เคร่งมาก พี่ที่เป็นคริสเตียน มักจะชวนผมไปที่บ้าน ไปทำความรู้จักกับพระเจ้าของเขา
ในใจผมก็คิดเวรเอ๊ย!!! กุมาเจอพวกปัญญาอ่อนอีกและ
แต่ก็ต้องเออ ออ ตามเขาไปเดี๋ยวเขาจะไม่สอนงานเรา
และนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมไปโบสถ์
ครั้งแรกทีไปรู้สึกว่า อะไรวะเนี่ย อย่างกับไปดูคอนเสิร์ต
ทั้งเปียโน กีต้า นักร้องประสานเสียง คิดในใจ ไอพวกนี้มันบ้าไปแล้ว (เนื่องจากผมเป็นคนชอบสันโดษและเกลียดเสียง ดัง และเสียงเพลง ผมจึงมีอคติอย่างมาก) คิดในใจอีก ไอห่า กุจะมาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ไร้สาระฉิหาย อยู่บ้านอ่านหนังสือ สอบ เล่นเกมยังมีประโยชน์กว่าอีก แต่พี่แกก็ยังตามตื้ออยู่ ชวนทุกอาทิตย์ แต่ผมก็ปฎิเสธทุกครั้ง แต่พี่คนนั้นเป็นคนดีจริงๆ ไม่ว่าใครจะด่าแก ว่าแก แกล้งแก แกก็ไม่สะทกสะท้านเลย แกยังเป็นคนดีของแก ยิ้มทั้งวัน ผมก็รุ้สึกปลื้มมากที่มีคนแบบนี้ด้วยเหรอวะเนี่ยโลกนี้
ผมก็รู้สึกดีๆกับพี่เขาแต่ผมจะไม่พูดถึงเรื่องศาสนากับพ่เขาเลย
แต่แล้วคนที่บ้านก็บอกให้ผมไปบวช ผมก็โอเคเพราะผมชอบสันโดษอยู่แล้ว ผมไปบวชอยู่ 3 เดือน ผมรู้สึกได้เลยว่าชีวิตผมดีขึ้นมามากจากแต่ก่อนผมฝึกนั่งสมาธิ ผมทำกิจวัตรของสงค์ไม่เคยขาด
แต่สุดท้ายผมก็ยังละทางโลกไมได้ ยังมีกิเลสมากมาย อยากมีนุ้นมีนี่ อยากเป็น หลายสิ่งหลายอย่างที่พวกมารมันสร้างขึ้นมาให้ผมไม่อาจอยู่ร่มกาสาวพัสตร์ได้นานกว่านี้
ผมจึงต้องสึกออกมา และกลับมาทำงานเช่นเดิม
จนวันหนึ่งผมมีปัญหากับงาน และเรื่องส่วนตัวหนักมาก
ทำให้ผมลาออกจากงาน และผมยิ่งปิดตัวเองมากขึ้น
ผมมักอยู่แต่ในห้อง คนเดียวนอนร้องไห้คนเดียว บ้าคนเดียว พูดคนเดียว เหมือนว่าเริ่มเห็นภาพหลอน ผมเป็นอยุ่ 6 เดือน ผมคิดฆ่าตัวตายหลายวิธี
จนสุดท้ายผมก็ทนอยู่ไมได้แล้ว
ผมจึงไปโดดให้รถชน
แต่ดีนะครับที่ไม่ตาย เมื่อหวนกลับไปคิดถึงวันนั้นทีไรใจเป็นทุกข์ทุกทีเลย และก็ยังเสียวไม่หาย เกือบตายและกุ
หลังจากเจ็บหนักก็เลยกลัวการฆ่าตัวตายไปเลยครับ
หลังจากเหตุการนั้น คนในครอบครัวเริ่มสนใจ และรักผมมากขึ้น ผมจึงรู้ว่า โลกนี้ยังมีคนรักเรานี้หว่า
หลังจากนั้นผมจึงไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดียอยู่ประมาณ 5 เดือนไปเรียนคอมพิวเตอร์ ก็ได้เจอสังคมต่างๆมากมาย เจอทั้งยาเพติด เด็กติดยา คนนอนข้างถนน คนจรจัด คนไม่มีบ้านจะอยู่ คนพิการ เด็กขอทาน และเห็นการแบ่งชนชั้นวรรณของประเพณีอินเดีย ผมรู้สึกหดหู่กับภาพเหล่านั้นมากๆ มันมีให้เห็นบ่อยมากๆ แทบจะทุก 500เมตรเลย มันมากมายกว่าภาพที่ผมเห็นในเมืองไทยมากนัก และผมยังเห็นพฤติกรรมที่แหลดเหลวของเด็กไทย ทั้งชายหญิง ที่อยู่ที่นั้น มั่วกันจนหาไม่มีชิ้นดี (บางคนนะครับ)
บางคนก็แสนดีซะจนไม่น่าเชื่อ ผมได้ไปรู้จักมีท่านหนึ่งท่านเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ท่านมาเรียนปริญญาเอก ทางด้านการพัฒนาชุมชน
พี่เขาเป็นคนใจดีมาก พี่เขามักจะซื้อขนม และอาหาร และเข้าไปให้เด็กๆในกลุ่มคนที่น่าสงสารเหล่านั้น ผมมีโอกาสได้ตามพี่เข้าไปด้วย รู้สึกดีมากๆครับ ถึงแม้จะคุยกันไม่รู้เรื่องเลย แต่จิตใจมันบอกเองเลยครับ รู้เลยว่าความสุขของการได้ให้มันมีความสุขมากๆ
หลังจากกลับมาได้ไม่นานนัก เพื่อนสาวที่เคยรุ้จักกันตอน ม.4 เมื่อ 10 ปีที่แล้วก็โทรมาหาผม(ไม่เคยได้ติดต่อกันเลย) อยู่ดีๆก็โทรมา ผมก็งง แต่ผมจำได้ว่าเขาเป็นคริส ในช่วงนี้ผมเริ่มสนใจเรื่องราวของศาสนาต่างๆ ผมจึงขอให้เพื่อนผมพาผมไปที่โบสถ์ ครั้งแรกที่เจอคนในโบสถ์ผมก็ยังมีอคติอยู่ ผมถามถึงเรื่องเพราะเจ้าด้วยความดุถูกและเหยียดหยาม ว่าเป็นสิ่งไร้สาระที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเท่านั้น
(ผมไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน) อาจารย์ที่โบสถ์ก็สอนผมมากมาย เล่านู้นเล่านี่ และผมเองก็ถามเรื่องที่ผมสงสัยมาตลอด ที่ผมได้เตรียมคำถามไป ซึ่งทุกคำตอบอาจารย์ตอบผมได้เกือบทั้งหมด และเป็นคำตอบที่ผมพอใจเช่นกัน ผมไปโบสถ์เกือบทุกวัน และอยู่ที่โบสถ์วันๆหนึ่ง 4-5 ชม. เพื่อดูว่ากิจวัตรของพวกเขาทำอะไรกันบ้าง เขาเอาเงินที่คนมานมัสการไปทำอะไรบ้าง น้องอนุชนเขามาทำอะไรกันบ้าง
ผมเฝ้าดูด้วยความอยากรุ้อย่างเห็น ประกอบกับอาจารย์ให้หนังสือต่างๆมาอ่าน ผมอ่านจบไป 7-8 เล่ม และผมไปโบสถ์ และลองอธิฐาน ทุกวันดูตามที่อาจารย์บอก ผมขอในสิ่งต่างๆมากมาย ผมต้องประหลาดใจที่ หลายคำอธิฐานนั้นเป็นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ ผมใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน จนสุดท้ายวันนี้ผมคิดว่า ผมควรจะรับเชื่อได้แล้ว
มีครั้งหนึ่งฮามากครับ ผมฝันเจอผี ในฝันนั้นผมกลัวมากแต่ผมก็ได้ เรียกชื่อพระเยซูออกมา ผีตนนั้นก้บอกผมว่า จะเรียกทำไมวะ แล้วมันก็หายไปผมก็ตื่นขึ้นมาครับ แต่ผมก็นอนต่ออีก รู้สุกว่าเหมือนผีอำขยับตัวไมได้ และผมก็คิดถึงชื่อพระเยซุอีก แล้วผมก็ลุกขึ้นมาได้ครับ
และสิ่งท่ผมประทับใจในโบสถ์มากที่สุดก็คือ ความรักของคนในโบสถ์ที่ทุกคนมีให้กัน ผมต้องงเป็นไก่ตาแตกว่า เฮ๊ยทำไมคุณรักกันได้ขนาดนั้น แต่ละคนไม่มีใครทำเพื่อตัวเองเลย ทุกคนทำเพื่อกันและกัน รักกันกว่า พี่น้องร่วมสายเลือด ผมสงสัยว่าอะไรนะทำให้เขารักกันได้ขนาดนี้
และอะไรนะทำให้เขาเป็นคนดีของสังคมได้เพียงนี้
ผมไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน เป็นคนดีเหมือนพี่น้องในโบสถ์นี้เลย ผูหญิงทุกคนเรียบร้อยมากๆๆๆๆๆ และนิสัยดีมากๆ ไม่ว่าจะทั้งวาจา กาย ใจ พวกเขาไมได้แกล้งทำ หรือใส่หน้ากากเลย ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ผมเคยเจอมามากมายในสังคมที่ฟอนเฟะอย่างปัจจุบันนี้
ผมชอบที่อาจารย์บอกว่า คนเราทำดีด้วยการไปสวรรค์ไม่ได้ แต่ต้องไปด้วยเชื่อว่า พระเยซูทรงลงมาไถ่บาปให้เรา
และผมเชื่อว่า
การจะเชื่อพระองค์ได้นี่ ยากกว่าการไปบวชอีก
และการที่เราเชื่อพระเจ้ามันก็ทำให้เราเป็นคนดีของสังคม เป็นคนดีอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนให้เราเป็น
และการขึ้นสวรรค์หรือตกนรก ของทางพุทธศาสนาก็ขึ้นตามกรรมดีกรรมชั่วของแต่ละคน
ซึ่งถ้าผมเชื่อพระเยซู ผมก็ต้องเป็นคนดีด้วย นั้นก็เท่ากับว่า
ถ้านรกสวรรค์ในทางคริสต์ไม่มีจริง ผมก็คงได้ขึ้นได้ทางพุทธนั่นแหละ หรือถ้าพุทธนั้นไม่มี ผมก็ได้ไปทางพระเยซู
ซึ่ง นั้นเป็นโอกาสที่ผมได้มาฟรีๆ แล้วทำไมผมจึงไม่ต้องการล่ะ
หรือไม่ก็ไม่มีทั้งนีก และสวรรค์ ถึงตายไปแล้วผมก็ไม่เสียใจ เพราะในโลกนี้ผมก็ได้ชื่อว่าเป็นคนดี เป็นลูกที่ดี ของพ่อแม่ ของสังคม ผมก็ภูมิใจกลับสิ่งที่ผมทำ และจะมีคนอีกหลายคนคิดถึงผมเมื่อผมตายไปแล้ว ไม่ใช่มาโดนด่าตอนตายไปแล้ว
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ
เป็นคริสเตียนเหมือนกัน ^^
ว่าแต่ตอนนี้เป็นคนของพระเจ้าแล้ว ต้องลด ละ เลิก การใช้ภาษาแบบเดิมๆ นะคะ
เมื่อก่อนเรติดนิสัยพูด เมิง กุ ห่า เหว กับเพื่อนสนิทๆ ตลอด
ตอนนี้อธิษฐานขอให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงให้เราเป็นคนสุภาพ
และดำเนินชีวิตในทางที่จะถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยกายวาจาและใจทุกๆวัน
ตอนนี้กลายเป็นคนพูดเพราะไปแล้วค่ะ
และการที่เราเป็นคนพูดจาสุภาพ ก็ทำให้คนรู้สึกว่า
เออ คริสเตียนเค้าสุภาพเนอะ ถูกด่า ถูกแกล้งสารพัด ก็ยังสุภาพอยู่ได้
เหมือนที่คุณเจ้าของกระทู้ประทับใจในตัวพี่ที่คุณเล่านั่นแหละค่ะ
ถ้าพี่คนนั้นพูดจาไม่สุภาพ หรือ แสดงความโกรธเกรี้ยวให้คุณเห็น
พี่เค้าก็คงไม่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเดินมาถึงพระเจ้าเหมือนกัน
ดังนั้นคุณเจ้าของกระทู้ก็คงอยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นเข้ามารู้จักพระเจ้าเหมือนกันจริงมั๊ยคะ ^^
พระเจ้าของเราน่ารักมากๆค่ะ เรเองก็เป็นพุทธมาก่อน
และเคยดูถูกพระเจ้าสารพัดด้วยความไม่รู้ และ ด้วยอคติที่ถูกสอนมา
แต่พระองค์ก็ทรงอภัยและเรียกเรมาเป็นลูกแกะของพระองค์
ขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณได้รับเชื่อแล้ว และหวังว่าจะได้รับบัพติสมาเข้าในพันธสัญญานิรันดร์ของพระเจ้าเร็วๆนี้นะคะ
เป็นคริสเตียนเหมือนกัน ^^
ว่าแต่ตอนนี้เป็นคนของพระเจ้าแล้ว ต้องลด ละ เลิก การใช้ภาษาแบบเดิมๆ นะคะ
เมื่อก่อนเรติดนิสัยพูด เมิง กุ ห่า เหว กับเพื่อนสนิทๆ ตลอด
ตอนนี้อธิษฐานขอให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงให้เราเป็นคนสุภาพ
และดำเนินชีวิตในทางที่จะถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยกายวาจาและใจทุกๆวัน
ตอนนี้กลายเป็นคนพูดเพราะไปแล้วค่ะ
และการที่เราเป็นคนพูดจาสุภาพ ก็ทำให้คนรู้สึกว่า
เออ คริสเตียนเค้าสุภาพเนอะ ถูกด่า ถูกแกล้งสารพัด ก็ยังสุภาพอยู่ได้
เหมือนที่คุณเจ้าของกระทู้ประทับใจในตัวพี่ที่คุณเล่านั่นแหละค่ะ
ถ้าพี่คนนั้นพูดจาไม่สุภาพ หรือ แสดงความโกรธเกรี้ยวให้คุณเห็น
พี่เค้าก็คงไม่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเดินมาถึงพระเจ้าเหมือนกัน
ดังนั้นคุณเจ้าของกระทู้ก็คงอยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นเข้ามารู้จักพระเจ้าเหมือนกันจริงมั๊ยคะ ^^
พระเจ้าของเราน่ารักมากๆค่ะ เรเองก็เป็นพุทธมาก่อน
และเคยดูถูกพระเจ้าสารพัดด้วยความไม่รู้ และ ด้วยอคติที่ถูกสอนมา
แต่พระองค์ก็ทรงอภัยและเรียกเรมาเป็นลูกแกะของพระองค์
ขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณได้รับเชื่อแล้ว และหวังว่าจะได้รับบัพติสมาเข้าในพันธสัญญานิรันดร์ของพระเจ้าเร็วๆนี้นะคะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ธ.ค. 26, 2006 8:55 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ แล้วก็ขอบพระคุณพระเจ้าที่เรียกคุณครับ
เข้ามาบ่อย ๆ นะครับ
เข้ามาบ่อย ๆ นะครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ยินดีต้อนรับนะค๊า
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ยินดีต้อนรับพระเจ้าอวยพรครับ ผมเองก็เคยเป็นพุทธเหมือนกัน (ตอนนี้ยังไม่ได้รับศีลล้างบาปเลยงับ)
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
รับปัสกานี้ป่างับImmanuel (MichaelPaul) เขียน: ยินดีต้อนรับพระเจ้าอวยพรครับ ผมเองก็เคยเป็นพุทธเหมือนกัน (ตอนนี้ยังไม่ได้รับศีลล้างบาปเลยงับ)
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ยินดีด้วยครับ ตอนนี้บนสวรรค์กำลังชื่นชมยินดี
-
- โพสต์: 20
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ธ.ค. 26, 2006 4:20 am
ขอบพระคุณมากครับ
จะเป็นชาวคริสต์ที่ดีให้จงได้
เรื่องพิมพ์คำไม่สุภาพขอโทษด้วยครับ
ไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้นเลย เพียงคิดไปเองว่าเวลาคนอ่านอาจจะได้อารมณ์มากขึ้น แบบอยากให้เข้าใจถึงตอนภาวะทางอารมณ์ของผมในตอนนั้นอะครับ
จะเป็นชาวคริสต์ที่ดีให้จงได้
เรื่องพิมพ์คำไม่สุภาพขอโทษด้วยครับ
ไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้นเลย เพียงคิดไปเองว่าเวลาคนอ่านอาจจะได้อารมณ์มากขึ้น แบบอยากให้เข้าใจถึงตอนภาวะทางอารมณ์ของผมในตอนนั้นอะครับ
ยินดีต้อนรับครับ
ถ้ามาด้วยใจรักและไม่กระทบกระทั่งกะคาทอลิกนะครับถ้าแรงมาเราแรงกลับครับ
ถ้ามาด้วยใจรักและไม่กระทบกระทั่งกะคาทอลิกนะครับถ้าแรงมาเราแรงกลับครับ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ยินดีต้อนรับ คริสเตียนใหม่ วันนี้คุณเป็นน้องเล็ก อีกหน่อย ต้องเป็นพี่เบิ้ม
ขอถามบ้าง หนุนใจบ้าง แนะนำบ้าง ดังนี้
ดีใจที่คุณได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์ในวันเกิด (คริสตสมภพ )ของพระองค์
1. นมัสการโบสถ์ไหน
2. ค่อยๆเรียนรู้ อย่าใจร้อนเกินไป เพราะรีบร้อนมาก เหน็ดเหนื่อย ขาขวิด จะหกล้ม
3. มีเรื่องอีกล้านๆหน่วย ที่คุณไม่ทราบ แต่ไม่ใช่เรื่องแปลก อดทน มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง
4. ขอพระเจ้าทรงอวยพร
ขอถามบ้าง หนุนใจบ้าง แนะนำบ้าง ดังนี้
ดีใจที่คุณได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์ในวันเกิด (คริสตสมภพ )ของพระองค์
1. นมัสการโบสถ์ไหน
2. ค่อยๆเรียนรู้ อย่าใจร้อนเกินไป เพราะรีบร้อนมาก เหน็ดเหนื่อย ขาขวิด จะหกล้ม
3. มีเรื่องอีกล้านๆหน่วย ที่คุณไม่ทราบ แต่ไม่ใช่เรื่องแปลก อดทน มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง
4. ขอพระเจ้าทรงอวยพร
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ไม่เอานะครับ ไม่แก้ปัญหาด้วยวิธีนี้นะครับ:+:S.PAULVS:+: เขียน: ยินดีต้อนรับครับ
ถ้ามาด้วยใจรักและไม่กระทบกระทั่งกะคาทอลิกนะครับถ้าแรงมาเราแรงกลับครับ
ยังไงเสียเราก็พี่น้องกันนะครับ
อันนี้เหมือนไม่ใช่ค่านิยมของพระเยซูเจ้า แต่เป็นค่านิยมของท่านสุนทรภู่ ที่ว่า "แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา" อิ อิ:+:S.PAULVS:+: เขียน: ยินดีต้อนรับครับ
ถ้ามาด้วยใจรักและไม่กระทบกระทั่งกะคาทอลิกนะครับถ้าแรงมาเราแรงกลับครับ
ทำเพื่อปกป้องศาสนาครับอย่างตอนยุคมืดที่โดนศาสนาอื่นรังแกก็ต้องปกป้องศาสนาครับไม่ปล่อยให้ใครมาย่ำยีคาทอลิกอันเป็นดวงใจหลักของทุกคน
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
แต่เราก็ใช้สันติวิธีนะครับ:+:S.PAULVS:+: เขียน: ทำเพื่อปกป้องศาสนาครับอย่างตอนยุคมืดที่โดนศาสนาอื่นรังแกก็ต้องปกป้องศาสนาครับไม่ปล่อยให้ใครมาย่ำยีคาทอลิกอันเป็นดวงใจหลักของทุกคน
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เจ้าแทง เดี๋ยวจะโดนเขกหัวด้วยความรัก 7 ที
ใครสอนให้เธอแรงกลับ พวกพี่ก็เข้าบอร์ดอยู่ทุกวัน
ใครมาแรงก็บอกพี่ ๆ สิจ๊ะ พี่จัดการให้ ไม่ต้องแย่งงานพี่ ๆ ทำจ๊า
ใครสอนให้เธอแรงกลับ พวกพี่ก็เข้าบอร์ดอยู่ทุกวัน
ใครมาแรงก็บอกพี่ ๆ สิจ๊ะ พี่จัดการให้ ไม่ต้องแย่งงานพี่ ๆ ทำจ๊า