นิทานของชาวคริสต์ มีบ้างมั้ยคะ ? เล่าให้ฟังหน่อยจิ
นิทานยังไงอ่ะคะ
เอาที่มีในพระคัมภีร์ หรือ เป็นเรื่องแต่งใหม่คะ
แล้วซามาริแทนมันเป็นยังไงเหรอ
เอาที่มีในพระคัมภีร์ หรือ เป็นเรื่องแต่งใหม่คะ
แล้วซามาริแทนมันเป็นยังไงเหรอ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ตอบพี่เร สุดสวย "ซามาริแทน" ก็คือ "ชาวสะมาเรียใจดี"ไง สำเนียง สเตท ก็ "ซามาริแทน"
เอานี้เลย คำอุปมา เรื่องแกะ หนึ่งตัวหลงหายไป
1 ครั้งนั้นบรรดาคนเก็บภาษี และพวกคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อจะฟังพระองค์
2ฝ่ายพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์บ่นว่า
เอานี้เลย คำอุปมา เรื่องแกะ หนึ่งตัวหลงหายไป
1 ครั้งนั้นบรรดาคนเก็บภาษี และพวกคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อจะฟังพระองค์
2ฝ่ายพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์บ่นว่า
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เรื่องเหรียญหาย
8
8
ท่านเอ่ยถามถึง นิทาน
ฤๅใคร่รู้ตำนาน นั่นแน่?
สิ่งที่พระอาจารย์ สอนไว้ มากมาย
เป็นอุปมาอันแท้ ไว้สอน เทียบเคียง
บางเรื่องก็เป็นเรื่อง เปรียบสอน
ตำหนิพวกปากบอน ด่าว่า
บางเรื่องอุทรหรณ์ เตือนใจ เรานา
ลางเรื่องเล่าถึงฟ้า พระบิดา สรวงสวรรค์
ตำนานก็มีตั้ง มากมาย
เรื่องนักบุญมากหลาย ก็มี
เรื่องมารมากล้ำกลาย เทพช่วย มีแล
เรื่องเหนือซึ่งชีวี มีมาก เป็นบุญ
----------------------------------
ลองฟังที่เป็นเรื่อง อุปมา
อันเป็นพระวาจา เยซูเจ้า
ว่าด้วยฐานศิลา แลฐาน อันทราย
สร้างบ้านฐานใดเล่า มั่นแท้ ยืนยง
ฤๅเรื่องของลูกชาย ล้างผลาญ
ขอแบ่งทรัพย์ศฤงคาร บิดร
จากไปเป็นเนิ่นนาน กลับมา ยากจน
ผู้พ่อสุดอาทรณ์ ลูกตาย กลับเป็น
--------------------------------
ตำนานนักบุญท่าน ก็มี
คริสโตเฟอร์แบกทรงศรี บนบ่า
พระองค์แบกโลกนี้ ไปด้วย ธารา
นามนี้จึงมาด้วย ผู้แบก พระคริสต์
ฤๅใคร่รู้ตำนาน นั่นแน่?
สิ่งที่พระอาจารย์ สอนไว้ มากมาย
เป็นอุปมาอันแท้ ไว้สอน เทียบเคียง
บางเรื่องก็เป็นเรื่อง เปรียบสอน
ตำหนิพวกปากบอน ด่าว่า
บางเรื่องอุทรหรณ์ เตือนใจ เรานา
ลางเรื่องเล่าถึงฟ้า พระบิดา สรวงสวรรค์
ตำนานก็มีตั้ง มากมาย
เรื่องนักบุญมากหลาย ก็มี
เรื่องมารมากล้ำกลาย เทพช่วย มีแล
เรื่องเหนือซึ่งชีวี มีมาก เป็นบุญ
----------------------------------
ลองฟังที่เป็นเรื่อง อุปมา
อันเป็นพระวาจา เยซูเจ้า
ว่าด้วยฐานศิลา แลฐาน อันทราย
สร้างบ้านฐานใดเล่า มั่นแท้ ยืนยง
ฤๅเรื่องของลูกชาย ล้างผลาญ
ขอแบ่งทรัพย์ศฤงคาร บิดร
จากไปเป็นเนิ่นนาน กลับมา ยากจน
ผู้พ่อสุดอาทรณ์ ลูกตาย กลับเป็น
--------------------------------
ตำนานนักบุญท่าน ก็มี
คริสโตเฟอร์แบกทรงศรี บนบ่า
พระองค์แบกโลกนี้ ไปด้วย ธารา
นามนี้จึงมาด้วย ผู้แบก พระคริสต์
-
- .
- โพสต์: 944
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 18, 2005 11:16 pm
แนะนำหนังสือ ชื่อขุมทรัพย์ในภาชนะดินเผา
และเมล็ดพันธุ์ แห่งปรีชาญาณ ทั้งสามเล่ม
ล้วนแต่เป็น คำสอนของพระเยซูเจ้า เป็นนิทานเปรียบเทียบที่มีคติสอนใจที่ดีทั้งนั้นค่ะ
และเมล็ดพันธุ์ แห่งปรีชาญาณ ทั้งสามเล่ม
ล้วนแต่เป็น คำสอนของพระเยซูเจ้า เป็นนิทานเปรียบเทียบที่มีคติสอนใจที่ดีทั้งนั้นค่ะ
มีเรื่องหนึ่งออกแนวนิทานปรัมปรา ไม่เกี่ยวกับพระคัมภีร์แต่เป็นเรื่องเล่าสืบกันมาทางฝรั่ง ผมชอบอ่านให้ลูกฟัง ชื่อเรื่องคริสโตเฟอร์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายผู้หนึ่งนามว่า เร-ปรอ-บุส (แปลว่าอุบาทว์ชั่ว) เขาตัวโตปากกว้างผิดมนุษย์มนา ชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงกลัวเขา หาว่าเขาเป็นพวกยักษ์มารอะไรทำนองนั้น เขาจึงออกจากหมู่บ้านโดยตั้งใจว่าจะไปหาอยู่กับพระราชาที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก
เขาร่อนเร่ไปจนพบเมืองๆหนึ่งซึ่งชาวเมืองบอกว่าพระราชาเมืองนี้นี่แหละทรงอำนาจที่สุดในโลก เขาจึงอยู่กับพระราชาองค์นั้นและเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ อยู่มาวันหนึ่งมีนักเล่านิทานมาเล่านิทานให้พระราชาฟัง ทุกครั้งที่นักเล่านิทานเล่าถึงปีศาจ พระราชาก็จะสะดุ้งกลัวแล้วทำสำคัญมหากางเขน เรปรอบุสเห็นดังนั้นจึงถามพระราชาว่าพระองค์กลัวปีศาจเหรอ พระราชาตอบว่ากลัว เมื่อเห็นว่าพระราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยังกลัวปีศาจ เรปรอบุสจึงทิ้งพระราชาออกหาปีศาจ
ในที่สุดเรปรอบุสก็ได้เจอปีศาจ เขาอยู่กับปีศาจจนกระทั่งเป็นที่รักใคร่ของปีศาจและได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกองของบริวารปีศาจ เรปรอบุสสังเกตุว่าทุกครั้งที่ไปก่อกวนหากปีศาจเห็นกางเขน มันจะกลัวตัวสั่นและเลี่ยงๆไปเสีย เรปรอบุสถามรู้ว่าที่ปีศาจกลัวกางเขนเพราะว่ามันเป็นสัญญลักษณ์ของพระเยซูคริสต์ซึ่งมีอำนาจเหนือมัน เรปรอบุสจึงตัดใจทิ้งปีศาจเพื่อหาพระคริสตเจ้า เขาได้หอกขนาดใหญ่มากๆซึ่งคงมีแต่เขาคนเดียวที่ถือไหวติดตัวมาด้วย
เรปรอบุสเร่ร่อนไปในโลกแต่ก็ไม่มีใครรู้จักพระเยซู จนกระทั่งไปเจอฤาษีองค์หนึ่ง เขาเห็นในที่พักของฤาษีมีไม้กางเขนอยู่ จึงถามเรื่องไม้กางเขนและพระเยซู ฤาษีเล่าให้ฟัง เรปรอบุสจึงถามว่าจะพบพระองค์ได้ที่ไหน ฤาษีบอกว่าให้อดอาหารสวดภาวนา แต่เรปรอบุสบอกว่าอดอาหารไม่ได้หรอก ตัวเองตัวใหญ่ออกอย่างนั้น ขืนอดอาหารหมดแรงตายกันพอดี ฤาษีจึงบอกให้เรปรอบุสไปอยู่ีที่ริมธารน้ำซึ่งมีกระแสนน้ำเชี่ยวกราก มีน้ำวนเยอะ และให้คอยช่วยเหลือผู้ที่จะข้ามฟาก เพราะที่นั่นไม่มีสะพาน คนที่ข้ามฟากตายในลำน้ำมามาก เพราะความเชี่ยวและความลึก เรปรอบุสจึงทำตาม
เรปรอบุสพาคนแล้วคนเล่าทั้งชายหญิง คนแก่เด็ก คนรวยคนจน แต่ก็ยังไม่พบพระคริสตเจ้าเสียทีจนเขาเหนื่อยอ่อน วันหนึ่งเขาพักอยู่ในกระท่อมของเขา มีเสียงเคาะประตูและเสียงเด็กเรียกหาเขา เขาเปิดไปดูไม่เห็นใครจึงกลับไปนอนต่อ แต่ก็มีเสียงเรียกอีก เขาออกไปดูก็ยังไม่เห็นใครก็กลับมานอนพักอีก มีเสียงเรียกเป็นครั้งทีสาม เรปรอบุสเปิดออกไปดูพบเด็กน้อยคนหนึ่ง จึงถามดูว่ามาทำไม เด็กบอกให้ช่วยพาข้ามน้ำ เรปรอบุสจึงนำเด็กนั้นขึ้นบ่าแล้วใช้หอกที่ได้มาเมื่อครั้่งอยู่กับปีศาจค้ำกายเพื่อพาเด็กน้อยไปส่งอีกฟาก
พอไปถึงกลางน้ำ น้ำก็เชี่ยวแรงขึ้น สูงขึ้น วังน้ำวนแรงขึ้น เด็กน้อยหนักขึ้น เรปรอบุสทำท่าว่าจะไม่ไหวจึงถามว่าทำไมหนักจัง พระกุมารจึงบอกว่าเรานี่แหละคือพระคริสต์ เราแบกโลกทั้งเอาไว้ ส่วนเจ้าได้แบกเราไว้ เป็นบุญของเจ้า ต่อไปนี้เขาจะไม่เรียกเจ้าว่าเรปรอบุส แต่จะเรียกเจ้าคริสโตเฟอร์ซึ่งแปลว่าผู้แบกพระคริสต์ พระกุมารเอามือลูบหน้าเรปรอบุสซึุ่งกำลังร้องให้เพื่อปลอบประโลม กระแสน้ำเชี่ยวจนเรปรอบุสจะไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังต้องการพาพระกุมารข้ามไปอีกฟาก จนที่สุดเขาก็ล้มลงในน้ำ หอกที่เขาใช้ค้ำหักเป็นสองท่อน ตอนที่ถูกน้ำพัดเขารู้สึกเหมือนได้ถามพระกุมารว่าตนเองจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นพระคริสต์ พระกุมารบอกว่าเมื่อขึ้นจากฝั่งไปแล้วให้เอาหอกไปปักไว้หลังกระท่อม รุ่งขึ้นมันจะกลายเป็นต้นส้ม
คริสโตเฟอร์ตื่นอีกทีพบว่าตัวอยู่ที่อีกฝั่ง เขาก้มลงดูเงาตัวเองในน้ำจึงเห็นว่าตัวเองกลายเป็นคนปกติแล้ว เขาดีใจมากรีบเอาหอกท่อนที่เหลืออยู่ไปปักไว้ตามที่พระกุมารบอก และรุ่งขึ้นเขาก็พบว่ามันกลายเป็นต้นส้มมีดอกผลเต็มไปหมด คริสโตเฟอร์มีความสุขและรับใช้พระคริสต์ตั้งแต่นั้นมา
นี่เป็นตำนานคร่าวๆนะครับ ไม่ได้ละเอียดมากของนักบุญคริสโตเฟอร์ (ต่อมาทางวาติกันคัดชื่อออกจากสารบบเพราะดูแล้วเหมือนกับว่าปรัมปรามากเกินไปอะไรทำนองนั้น)
อ่านสนุกๆครับ เล่าให้เด็กฟังก็เพลินดี ลูกๆผมก็ชอบด้วย ผมเปิดหนังสือให้เขาดูภาพแล้วก็เล่าให้ฟังประมาณนี้แหละครับ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายผู้หนึ่งนามว่า เร-ปรอ-บุส (แปลว่าอุบาทว์ชั่ว) เขาตัวโตปากกว้างผิดมนุษย์มนา ชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงกลัวเขา หาว่าเขาเป็นพวกยักษ์มารอะไรทำนองนั้น เขาจึงออกจากหมู่บ้านโดยตั้งใจว่าจะไปหาอยู่กับพระราชาที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก
เขาร่อนเร่ไปจนพบเมืองๆหนึ่งซึ่งชาวเมืองบอกว่าพระราชาเมืองนี้นี่แหละทรงอำนาจที่สุดในโลก เขาจึงอยู่กับพระราชาองค์นั้นและเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ อยู่มาวันหนึ่งมีนักเล่านิทานมาเล่านิทานให้พระราชาฟัง ทุกครั้งที่นักเล่านิทานเล่าถึงปีศาจ พระราชาก็จะสะดุ้งกลัวแล้วทำสำคัญมหากางเขน เรปรอบุสเห็นดังนั้นจึงถามพระราชาว่าพระองค์กลัวปีศาจเหรอ พระราชาตอบว่ากลัว เมื่อเห็นว่าพระราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยังกลัวปีศาจ เรปรอบุสจึงทิ้งพระราชาออกหาปีศาจ
ในที่สุดเรปรอบุสก็ได้เจอปีศาจ เขาอยู่กับปีศาจจนกระทั่งเป็นที่รักใคร่ของปีศาจและได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกองของบริวารปีศาจ เรปรอบุสสังเกตุว่าทุกครั้งที่ไปก่อกวนหากปีศาจเห็นกางเขน มันจะกลัวตัวสั่นและเลี่ยงๆไปเสีย เรปรอบุสถามรู้ว่าที่ปีศาจกลัวกางเขนเพราะว่ามันเป็นสัญญลักษณ์ของพระเยซูคริสต์ซึ่งมีอำนาจเหนือมัน เรปรอบุสจึงตัดใจทิ้งปีศาจเพื่อหาพระคริสตเจ้า เขาได้หอกขนาดใหญ่มากๆซึ่งคงมีแต่เขาคนเดียวที่ถือไหวติดตัวมาด้วย
เรปรอบุสเร่ร่อนไปในโลกแต่ก็ไม่มีใครรู้จักพระเยซู จนกระทั่งไปเจอฤาษีองค์หนึ่ง เขาเห็นในที่พักของฤาษีมีไม้กางเขนอยู่ จึงถามเรื่องไม้กางเขนและพระเยซู ฤาษีเล่าให้ฟัง เรปรอบุสจึงถามว่าจะพบพระองค์ได้ที่ไหน ฤาษีบอกว่าให้อดอาหารสวดภาวนา แต่เรปรอบุสบอกว่าอดอาหารไม่ได้หรอก ตัวเองตัวใหญ่ออกอย่างนั้น ขืนอดอาหารหมดแรงตายกันพอดี ฤาษีจึงบอกให้เรปรอบุสไปอยู่ีที่ริมธารน้ำซึ่งมีกระแสนน้ำเชี่ยวกราก มีน้ำวนเยอะ และให้คอยช่วยเหลือผู้ที่จะข้ามฟาก เพราะที่นั่นไม่มีสะพาน คนที่ข้ามฟากตายในลำน้ำมามาก เพราะความเชี่ยวและความลึก เรปรอบุสจึงทำตาม
เรปรอบุสพาคนแล้วคนเล่าทั้งชายหญิง คนแก่เด็ก คนรวยคนจน แต่ก็ยังไม่พบพระคริสตเจ้าเสียทีจนเขาเหนื่อยอ่อน วันหนึ่งเขาพักอยู่ในกระท่อมของเขา มีเสียงเคาะประตูและเสียงเด็กเรียกหาเขา เขาเปิดไปดูไม่เห็นใครจึงกลับไปนอนต่อ แต่ก็มีเสียงเรียกอีก เขาออกไปดูก็ยังไม่เห็นใครก็กลับมานอนพักอีก มีเสียงเรียกเป็นครั้งทีสาม เรปรอบุสเปิดออกไปดูพบเด็กน้อยคนหนึ่ง จึงถามดูว่ามาทำไม เด็กบอกให้ช่วยพาข้ามน้ำ เรปรอบุสจึงนำเด็กนั้นขึ้นบ่าแล้วใช้หอกที่ได้มาเมื่อครั้่งอยู่กับปีศาจค้ำกายเพื่อพาเด็กน้อยไปส่งอีกฟาก
พอไปถึงกลางน้ำ น้ำก็เชี่ยวแรงขึ้น สูงขึ้น วังน้ำวนแรงขึ้น เด็กน้อยหนักขึ้น เรปรอบุสทำท่าว่าจะไม่ไหวจึงถามว่าทำไมหนักจัง พระกุมารจึงบอกว่าเรานี่แหละคือพระคริสต์ เราแบกโลกทั้งเอาไว้ ส่วนเจ้าได้แบกเราไว้ เป็นบุญของเจ้า ต่อไปนี้เขาจะไม่เรียกเจ้าว่าเรปรอบุส แต่จะเรียกเจ้าคริสโตเฟอร์ซึ่งแปลว่าผู้แบกพระคริสต์ พระกุมารเอามือลูบหน้าเรปรอบุสซึุ่งกำลังร้องให้เพื่อปลอบประโลม กระแสน้ำเชี่ยวจนเรปรอบุสจะไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังต้องการพาพระกุมารข้ามไปอีกฟาก จนที่สุดเขาก็ล้มลงในน้ำ หอกที่เขาใช้ค้ำหักเป็นสองท่อน ตอนที่ถูกน้ำพัดเขารู้สึกเหมือนได้ถามพระกุมารว่าตนเองจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นพระคริสต์ พระกุมารบอกว่าเมื่อขึ้นจากฝั่งไปแล้วให้เอาหอกไปปักไว้หลังกระท่อม รุ่งขึ้นมันจะกลายเป็นต้นส้ม
คริสโตเฟอร์ตื่นอีกทีพบว่าตัวอยู่ที่อีกฝั่ง เขาก้มลงดูเงาตัวเองในน้ำจึงเห็นว่าตัวเองกลายเป็นคนปกติแล้ว เขาดีใจมากรีบเอาหอกท่อนที่เหลืออยู่ไปปักไว้ตามที่พระกุมารบอก และรุ่งขึ้นเขาก็พบว่ามันกลายเป็นต้นส้มมีดอกผลเต็มไปหมด คริสโตเฟอร์มีความสุขและรับใช้พระคริสต์ตั้งแต่นั้นมา
นี่เป็นตำนานคร่าวๆนะครับ ไม่ได้ละเอียดมากของนักบุญคริสโตเฟอร์ (ต่อมาทางวาติกันคัดชื่อออกจากสารบบเพราะดูแล้วเหมือนกับว่าปรัมปรามากเกินไปอะไรทำนองนั้น)
อ่านสนุกๆครับ เล่าให้เด็กฟังก็เพลินดี ลูกๆผมก็ชอบด้วย ผมเปิดหนังสือให้เขาดูภาพแล้วก็เล่าให้ฟังประมาณนี้แหละครับ
หนังสือเมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ ของคณะ เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร
เราชอบมากเลย ให้ข้อคิดต่างๆๆได้ดีมาก
เราเคยเหนที่ ศูนย์คาทอลิคที่วัดอัสสัส
หาซื้อได้นะค้ะ
" พระอาณาจักรสวรรค์ เปรียบได้กับบุรุษผู้หนึ่ง
เอาเมล็ดพันธุ์ดีหว่านลงในนาของตน ... "
เราชอบมากเลย ให้ข้อคิดต่างๆๆได้ดีมาก
เราเคยเหนที่ ศูนย์คาทอลิคที่วัดอัสสัส
หาซื้อได้นะค้ะ
" พระอาณาจักรสวรรค์ เปรียบได้กับบุรุษผู้หนึ่ง
เอาเมล็ดพันธุ์ดีหว่านลงในนาของตน ... "
-
- โพสต์: 548
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm
ในปฐกกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าดิน... ................................... ขอให้พระคุณแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด เอเมน
นี้ไม่ใช้นิทานแต่เป็นเรื่องจริง
นี้ไม่ใช้นิทานแต่เป็นเรื่องจริง
เรื่องขอโมเสส โมเสสเป็นคนเขียนเอง พระคัมภีร์ทั้ง 4 เล่มที่โมเสสเป็นคนเขียนคือ ปฐมการ อพยบ เลวีนิติ และกันดารวิถี เรื่องของตัวเองคงไม่มีใครแต่งขึ้นมังครับ จึงไม่จัดว่าเป็นนิทาน การมองว่าเป็นนิทานจะจำกัดฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า แล้วทำให้ความยิ่งใหญ่ที่โมเสสพยายามเขียนถึงพระเจ้าลดลงไปZaliaus เขียน: ชอบเรื่องของโมเสสครับ...ภัยพิบัติของอียิปต์ ฯลฯ (สะใจดี อิอิ)
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ เสาร์ ส.ค. 11, 2007 4:04 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ก็เห็นมีเรื่อง Genoveva (Genevieve of Brabant) มังครับ แต่คงจะเป็นเรื่องราวอิงประวัติมากกว่าเพราะท่านเป็นนักบุญด้วย แต่ที่จริงแล้วเนื้อเรื่องท่านคล้ายๆ เรื่องเจ้าหญิงสโนไว้ท์ พออ่านแล้วยังคิดว่า กริมม์ คงเอาเรื่องนี้มาแต่งเป็นสโนไว้ท์แน่เลย เธอเป็นหญิงที่หน้าตาสวยและเกิดในตะกูลสูงแต่เธอถูกใส่ความจากคนที่ต้องการยึดอำนาจจากสามีของเธอและพยายามข่มขืนเธอ แล้วใส่ความว่าเธอนอกใจ แล้วสั่งให้ทหารพอเธอไปฆ่าในป่า ทหารที่พาเธอไปฆ่ากลับไม่ฆ่าปล่อยเธอไป เธอก็ได้ผจัญภัยกับสัตว์มากมายจนเสื้อผ้าเธอขาดหมด เธอใช้ชีวิตล่อนจ้อนอยู่กลางป่าตามลำพัง ต่อมาเธอได้หนังสัตว์มาผืนหนึ่งจากสัตว์ที่มันกินเหยื่อทิ้งไว้เธอจึงนำมาห่อตัวไว้ เธอใช้ชีวิตอยู่ระยะหนึ่งหนึ่งเธอก็รู้ตัวว่าเธอตั้งครรภ์เธอก็หาถ้ำอยู่แล้วในที่สุดเธอก็ให้กำเนิดบุตรชายในถ้ำกลางป่านั้น จากชีวิตที่อยู่ในปราสาททั้งของตะกูลเธอและตะกูลสามีเธอล้วนยิ่งใหญ่ มีป้อม มีปราสาท มีอัศวิน มีทหารมากมาย แต่ตอนนี้เธอต้องมาใช้ชีวิตอยู่กลางป่า แต่พระเจ้าก็ช่วยตอนหลังจับตัวการได้เธอจึงได้กลับปราสาทและใช้ชีวิตร่วมกับสามีอย่างมีความสุข
เรื่องราวคล้ายๆ นิทาน มีการผจัญภัย มีสัตว์ป่ามากมาย แต่พระเจ้าก็ช่วยให้เธอได้กลับไปอยู่ปราสาทเหมือนเดิมในที่สุด ถ้าเธอไม่ใช่นักบุญคงคิดว่าเป็นนิทานที่เขาแต่งขึ้น(St. Genevieve of Brabant เคยได้ยินว่าเขายกเลิกจากเป็นนักบุญแล้วแต่ก็ไม่แน่ใจนัก เพราะเรื่องราวคล้ายนิยายมากเกินไปเลยดูไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง)
ในความเป็นจริงศาสนาคริสต์ไม่ค่อยจะเห็นนิทานที่ไร้สาระเท่าไรอย่างพวกเทพนิยายแบบแฟนตาซี่อะไรอย่างนั้น เพราะท่านนักบุญเปาโลก็เตือนไว้ไม่ให้เชื่อนิยาย
แต่ก็มีนิยายที่แต่งขึ้นและพี่ก็ชอบเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องการผจัญภัยแล้วก็อยู่กลางป่าต่อมาก็พบมนุยษ์กินคนและได้คบเป็นเพื่อน เป็นเรื่องราวที่เสริมความเชื่อและเกี่ยวกับพระเจ้าด้วยเช่นกัน คือเรื่อง Robinson Crusoe หรือ castaways แต่โดยชาวอังกฤษชื่อ Daniel Defoe เป็นเรื่องราวบันทึกการเดินทางของนายโรบินสัน ครูโซ ที่เดินทางไปกับเรือ Queens Dock และเกิดเรือแตกต้องอยู่บนเกาะกลางป่าคนเดียวตามลำพัง แล้วก็มีพระคัมภีร์ไบเบิลก็ติดมากับเขาด้วย เขาอยู่บนเกาะแห่งนี้เป็นเวลานานในที่สุดเขาก็ปลูกข้าวโพดเลี้ยงแพะอยู่คนเดียวตามลำพัง และแล้วพระเจ้าก็ส่งเพื่อนมาหนึ่งคนคือมนุษย์กินคนที่ถูกจับตัวมาแล้วเขาได้ช่วยชีวิตไว้ ข้อมูลจากในนี้ครับลองอ่านดูน่าสนใจ http://en.wikipedia.org/wiki/Robinson_Crusoe เรื่องของเขาเกี่ยวกับพระเจ้าหลายอย่าง
ถ้าถามว่าเป็นนิยายศาสนาคริสต์ไหมก็จัดว่าใช่นะครับ เพราะเรื่องราวที่อยู่บนเกาะมีแต่อ่านพระคัมภีร์และก็อยู่กับพระเจ้า นายโรบินสัน ครูโซ ขอพระเจ้าอยู่ตลอดเวลาให้ออกไปจากเกาะแห่งนี้ให้ได้ นานไปออกไม่ได้นายโรบินสันก็ขอเพื่อนจากพระเจ้า แล้วในที่สุดพระเจ้าก็ส่งเพื่อนมาให้แต่เป็นมนุษย์กินคน แล้วในที่สุดมนุษย์กินคนก็กลับใจเชื่อพระเจ้า
เรื่อง Robinson Crusoe เคยถูกสร้างเป็นภาพยนต์ปี 1954 แล้วต่อมาปี 1996 แล้วก็ 2005 แต่เรื่องRobinson Crusoe (2005)เป็นหนังที่ดีมากเลยครับเนื้อเรื่องอาจยาวไปหน่อย แต่เป็นหนั้งที่เสริมศรัทธาดีมาก เพราะผมดูแล้ว
Robinson Crusoe (2005)
เรื่องราวคล้ายๆ นิทาน มีการผจัญภัย มีสัตว์ป่ามากมาย แต่พระเจ้าก็ช่วยให้เธอได้กลับไปอยู่ปราสาทเหมือนเดิมในที่สุด ถ้าเธอไม่ใช่นักบุญคงคิดว่าเป็นนิทานที่เขาแต่งขึ้น(St. Genevieve of Brabant เคยได้ยินว่าเขายกเลิกจากเป็นนักบุญแล้วแต่ก็ไม่แน่ใจนัก เพราะเรื่องราวคล้ายนิยายมากเกินไปเลยดูไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง)
ในความเป็นจริงศาสนาคริสต์ไม่ค่อยจะเห็นนิทานที่ไร้สาระเท่าไรอย่างพวกเทพนิยายแบบแฟนตาซี่อะไรอย่างนั้น เพราะท่านนักบุญเปาโลก็เตือนไว้ไม่ให้เชื่อนิยาย
แต่ก็มีนิยายที่แต่งขึ้นและพี่ก็ชอบเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องการผจัญภัยแล้วก็อยู่กลางป่าต่อมาก็พบมนุยษ์กินคนและได้คบเป็นเพื่อน เป็นเรื่องราวที่เสริมความเชื่อและเกี่ยวกับพระเจ้าด้วยเช่นกัน คือเรื่อง Robinson Crusoe หรือ castaways แต่โดยชาวอังกฤษชื่อ Daniel Defoe เป็นเรื่องราวบันทึกการเดินทางของนายโรบินสัน ครูโซ ที่เดินทางไปกับเรือ Queens Dock และเกิดเรือแตกต้องอยู่บนเกาะกลางป่าคนเดียวตามลำพัง แล้วก็มีพระคัมภีร์ไบเบิลก็ติดมากับเขาด้วย เขาอยู่บนเกาะแห่งนี้เป็นเวลานานในที่สุดเขาก็ปลูกข้าวโพดเลี้ยงแพะอยู่คนเดียวตามลำพัง และแล้วพระเจ้าก็ส่งเพื่อนมาหนึ่งคนคือมนุษย์กินคนที่ถูกจับตัวมาแล้วเขาได้ช่วยชีวิตไว้ ข้อมูลจากในนี้ครับลองอ่านดูน่าสนใจ http://en.wikipedia.org/wiki/Robinson_Crusoe เรื่องของเขาเกี่ยวกับพระเจ้าหลายอย่าง
ถ้าถามว่าเป็นนิยายศาสนาคริสต์ไหมก็จัดว่าใช่นะครับ เพราะเรื่องราวที่อยู่บนเกาะมีแต่อ่านพระคัมภีร์และก็อยู่กับพระเจ้า นายโรบินสัน ครูโซ ขอพระเจ้าอยู่ตลอดเวลาให้ออกไปจากเกาะแห่งนี้ให้ได้ นานไปออกไม่ได้นายโรบินสันก็ขอเพื่อนจากพระเจ้า แล้วในที่สุดพระเจ้าก็ส่งเพื่อนมาให้แต่เป็นมนุษย์กินคน แล้วในที่สุดมนุษย์กินคนก็กลับใจเชื่อพระเจ้า
เรื่อง Robinson Crusoe เคยถูกสร้างเป็นภาพยนต์ปี 1954 แล้วต่อมาปี 1996 แล้วก็ 2005 แต่เรื่องRobinson Crusoe (2005)เป็นหนังที่ดีมากเลยครับเนื้อเรื่องอาจยาวไปหน่อย แต่เป็นหนั้งที่เสริมศรัทธาดีมาก เพราะผมดูแล้ว
Robinson Crusoe (2005)
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ เสาร์ ส.ค. 11, 2007 8:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อ่าว หรอครับ....ผมก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องจริงนะ ตกลงว่าคำจำกัดความของ "นิทาน" คือเรื่องที่แต่งขึ้นหรือครับ เพิ่งรู้!!Joseph เขียน:เรื่องขอโมเสส โมเสสเป็นคนเขียนเอง พระคัมภีร์ทั้ง 4 เล่มที่โมเสสเป็นคนเขียนคือ ปฐมการ อพยบ เลวีนิติ และกันดารวิถี เรื่องของตัวเองคงไม่มีใครแต่งขึ้นมังครับ จึงไม่จัดว่าเป็นนิทาน การมองว่าเป็นนิทานจะจำกัดฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า แล้วทำให้ความยิ่งใหญ่ที่โมเสสพยายามเขียนถึงพระเจ้าลดลงไปZaliaus เขียน: ชอบเรื่องของโมเสสครับ...ภัยพิบัติของอียิปต์ ฯลฯ (สะใจดี อิอิ)
- *~glossolalia~*
- โพสต์: 88
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ เม.ย. 30, 2007 7:14 pm
เเนะนำหนังสือเมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ ของคณะ เซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร
เป็นหนังสือที่ดีมากค่ะ ไม่เเพงด้วย สนุกดีเรามีหลายเล่มเเหละ
อธิการให้มาฟรี 555+
เป็นหนังสือที่ดีมากค่ะ ไม่เเพงด้วย สนุกดีเรามีหลายเล่มเเหละ
อธิการให้มาฟรี 555+