ฮาโลวีนนนนน
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
ม่ายยรู้อ่ะ..แต่รู้แต่ว่าเป็นเทศกาลที่แจงขนมฟรี..และก็แต่งตัวเป็ฯผี..สนุกสนาน
แต่พระศาสนจักรคาทอลิคให้เราระลึกถึงผู้ล่วงลับเป็นพิเศษอ่ะ..
รอผู้รู้มาตอบ..
แต่พระศาสนจักรคาทอลิคให้เราระลึกถึงผู้ล่วงลับเป็นพิเศษอ่ะ..
รอผู้รู้มาตอบ..
มันน่าจะเป็นประเพณีพื้นบ้านมากกว่า.....มั๊งนะคะ
รอผู้รู้จริงมาดีกว่า เดี๋ยวผิดเเล้วเสียเซลฟ์
เเต่คาดว่า ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกันค่ะ (เเอ๊บเเบ๊ว)
รอผู้รู้จริงมาดีกว่า เดี๋ยวผิดเเล้วเสียเซลฟ์
เเต่คาดว่า ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกันค่ะ (เเอ๊บเเบ๊ว)
อืมนั่นสิครับ อยากทราบอยู่เหมือนกัน
-
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm
ตำนานของฮาโลวีนมีอยู่ว่า... วันที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่ชาวเซ็ลด (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค. นี่เองที่ชาวเซ็ลดเชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็น จะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นๆ เพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ทีนี้ก็เดือดร้อนถึงคนเป็นละซิ ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเซ็ลดจึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ประมาณว่า ปลอมตัวเป็นผีร้ายไปเลย ไม่ใช่มนุษย์นะ และส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจ หนีหายสาบสูญไปเลย (นั่นหลอกได้แม้กระทั่งผี) บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา ´คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง´ เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสต์กาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์
"ประเพณีฮาโลวีน" ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสต์กาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเซ็ลด แต่ได้ตัดการเผาร่าง ´คนที่ถูกผีสิง´ ออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน (ค่อยยังชั่วหน่อย) กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรกันไป ประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกา สำหรับประเพณี Trick or Treat นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พ.ย. เป็นวัน ´All Souls´ พวกเขาจะเดินร้องขอ ´ขนมเค้กสำหรับวิญญาณ´ (Soul cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาค ก็ได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น
ตำนานฟักทอง" ส่วนตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช ที่กล่าวถึง Jack-o-lantern ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้ และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ ´ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก´ แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ็คตายลง เขาปฎิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรก ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อเอาไว้ปัดเป่าความหนาวเย็นท่ามกลางความมืดมิด และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกทำให้กลวง เพื่อให้ไฟโชติช่วงได้นานขึ้น ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ไฟในด้านในเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง ´การหยุดยั้งความชั่ว´ Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกาพบว่า ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดเยอะ จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน หัวผักกาด ก็เลยกลายเป็นฟักทองแทนด้วยเหตุผลฉะนี้แล
ที่มา www.teenee.com
ทีนี้ก็เดือดร้อนถึงคนเป็นละซิ ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเซ็ลดจึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ประมาณว่า ปลอมตัวเป็นผีร้ายไปเลย ไม่ใช่มนุษย์นะ และส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจ หนีหายสาบสูญไปเลย (นั่นหลอกได้แม้กระทั่งผี) บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา ´คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง´ เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสต์กาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์
"ประเพณีฮาโลวีน" ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสต์กาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเซ็ลด แต่ได้ตัดการเผาร่าง ´คนที่ถูกผีสิง´ ออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน (ค่อยยังชั่วหน่อย) กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรกันไป ประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกา สำหรับประเพณี Trick or Treat นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พ.ย. เป็นวัน ´All Souls´ พวกเขาจะเดินร้องขอ ´ขนมเค้กสำหรับวิญญาณ´ (Soul cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาค ก็ได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น
ตำนานฟักทอง" ส่วนตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช ที่กล่าวถึง Jack-o-lantern ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้ และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ ´ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก´ แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ็คตายลง เขาปฎิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรก ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อเอาไว้ปัดเป่าความหนาวเย็นท่ามกลางความมืดมิด และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกทำให้กลวง เพื่อให้ไฟโชติช่วงได้นานขึ้น ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ไฟในด้านในเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง ´การหยุดยั้งความชั่ว´ Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกาพบว่า ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดเยอะ จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน หัวผักกาด ก็เลยกลายเป็นฟักทองแทนด้วยเหตุผลฉะนี้แล
ที่มา www.teenee.com
การเผาร่าง ´คนที่ถูกผีสิง´Rakkypoko! เขียน: มีการเผา ´คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง´ เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสต์กาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์
"ประเพณีฮาโลวีน" ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสต์กาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเซ็ลด แต่ได้ตัดการเผาร่าง ´คนที่ถูกผีสิง´ ออก
แปลว่าอะไรจ๊ะ :huh:
แล้ว Trick or Treat คืออะไร :huh:
ก็ประมาณว่า มีเด็กๆเเต่งชุดผีไปเคาะประตูบ้าน เเล้วก็พูดประโยคดังกล่าวPhulasso เขียน: แล้ว Trick or Treat คืออะไร :huh:
ถ้าเจ้าของบ้านให้ขนม เด้กๆก็จะจากไปด้วยดี เเต่ถ้าไม่ ก็จะมีเเกล้งกันเล็กน้อย
เช่น ระเบิดไข่เน่า เป็นต้น
ใช่วัน All saints day ป่ะคับ
เป็นวันก่อนวัน All saints day ครับ
วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints'Day)
เนื่องจาก ศตวรรษที่ 9 มีการกำหนดให้วันที่
1พฤศจิกายน เป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
และเป็นการรอคอยความรอดของเราด้วยความหวัง
วันถัดมาคือวันที่ 2 พฤศจิกายน
เป็นวัน ภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ นักบุญ โอดิลอน
อธิการอารามที่คลูนี เป็นผู้เริ่มระลึกถึงผู้ตายตอนต้นของศตวรรษที่หก
จาก http://www.catholic.or.th/spiritual/art ... e07/1.html
วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints'Day)
เนื่องจาก ศตวรรษที่ 9 มีการกำหนดให้วันที่
1พฤศจิกายน เป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
และเป็นการรอคอยความรอดของเราด้วยความหวัง
วันถัดมาคือวันที่ 2 พฤศจิกายน
เป็นวัน ภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ นักบุญ โอดิลอน
อธิการอารามที่คลูนี เป็นผู้เริ่มระลึกถึงผู้ตายตอนต้นของศตวรรษที่หก
จาก http://www.catholic.or.th/spiritual/art ... e07/1.html
-
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm
ในสมัยต่อชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีเฉลิมฉลองของกลุ่มชนนอกศาสนาคริสต์เหล่านี้
้สันตะปาปา Gregory ที่ 4 ได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายนให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints Day หรือ All Hallows Day
สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญและผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมหรือ Hallow´´s Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันแต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween
้สันตะปาปา Gregory ที่ 4 ได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายนให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints Day หรือ All Hallows Day
สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญและผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมหรือ Hallow´´s Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันแต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween
จาก http://www.dek-d.com/board/view.php?id=961546
Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ
ที่เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eve
ซึ่งแปลว่าวันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ
ที่เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eve
ซึ่งแปลว่าวันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ
ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก
เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Evs ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween
คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์
ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen
ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify
คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่า ๆ
เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)
คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ
คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day
วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายกมี All Hallowmas Eve
ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส
ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day)
เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)
ผู้เขียน นางกนกวรรณ ทองตะโก นักวรรณศิลป์ ๕ กองธรรมศาสตร์และการเมือง
ที่มา จดหมายข่าว ปีที่ ๑๓ ฉบับที่ ๑๔๙, ตุลาคม ๒๕๔๖
http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=1001
ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก
เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Evs ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween
คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์
ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen
ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify
คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่า ๆ
เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)
คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ
คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day
วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายกมี All Hallowmas Eve
ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส
ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย
และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day)
เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)
ผู้เขียน นางกนกวรรณ ทองตะโก นักวรรณศิลป์ ๕ กองธรรมศาสตร์และการเมือง
ที่มา จดหมายข่าว ปีที่ ๑๓ ฉบับที่ ๑๔๙, ตุลาคม ๒๕๔๖
http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=1001
Trick or treat smell my feet
give me someting good to eat
if you don't i don't care
I'll pull down your underwear
เพลงไว้ร้อง^^คิดแล้วอยากกลับเป็นเด็กจัง เมืองไทยมันเพี้ยน(มากๆ)T_Tเค้าอยากกินช็อกโกแล็ต
give me someting good to eat
if you don't i don't care
I'll pull down your underwear
เพลงไว้ร้อง^^คิดแล้วอยากกลับเป็นเด็กจัง เมืองไทยมันเพี้ยน(มากๆ)T_Tเค้าอยากกินช็อกโกแล็ต
-
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm
เคาะประตูบ้านนะ อย่าทำแบบแถวบ้านพี่ละ เอาก้อนหินปากระจก เสดแล้วก็วิ่งหนีอะ ดีนะ ที่มันไม่ใช่บ้านพี่ เห้อ Trick or ถีบ+Ecclesia+ เขียน:ก็ประมาณว่า มีเด็กๆเเต่งชุดผีไปเคาะประตูบ้าน เเล้วก็พูดประโยคดังกล่าวPhulasso เขียน: แล้ว Trick or Treat คืออะไร :huh:
ถ้าเจ้าของบ้านให้ขนม เด้กๆก็จะจากไปด้วยดี เเต่ถ้าไม่ ก็จะมีเเกล้งกันเล็กน้อย
เช่น ระเบิดไข่เน่า เป็นต้น
-
- โพสต์: 626
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 8:07 pm
- ที่อยู่: bkk
แก้ไขล่าสุดโดย Marie Antoinette เมื่อ อังคาร ต.ค. 30, 2007 5:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เดี๋ยวแต่งเป็นผีกะหังไปตามบ้านพี่น้อง แล้วร้องเพลงทริค ออร์ ทรีต ดีกว่า(สงสัยได้ฝอยทอง ทองหยอด ซ่าหริ่ม มากกว่าช็อกโกแล็ต)
-
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm
เอ๋ย ไม่ต้องแต่งหรอก ออกไปเลยแบกะดิน เขียน: ฮาโลวีนนนนน
โอ้วว ใกล้ถึงแล้ว แต่งผีออกจากบ้านดีก่า
ผมผิวซีดๆ มีเขี้ยว 4 เขี้ยว แถมแพ้แดดอยู่แล้ว ออกไปเดินได้เลย :evil:
โห มานุดหรือนั่น สี่เขี้ยว ผิวซีดๆ อ้า ย้อเย่นนนนInvy เขียน: ผมผิวซีดๆ มีเขี้ยว 4 เขี้ยว แถมแพ้แดดอยู่แล้ว ออกไปเดินได้เลย :evil:
เห็นด้วยกับพี่พีครับ และรู้สึกรำคาญใจอยู่ไม่น้อยกับการตามก้นฝรั่งแต่พวกเรานำมาใช้ เพื่อ สรรเสริญ ยกย่องผี มาก กว่าที่จะคิดถึง all saints
เพราะมากครับGray Cat Mobster เขียน: Trick or treat smell my feet
give me someting good to eat
if you don't i don't care
I'll pull down your underwear
เพลงไว้ร้อง^^คิดแล้วอยากกลับเป็นเด็กจัง เมืองไทยมันเพี้ยน(มากๆ)T_Tเค้าอยากกินช็อกโกแล็ต
ร้องเมืองไทย ต้องวิ่งให้ไวนะEdwardius เขียน:เพราะมากครับGray Cat Mobster เขียน: Trick or treat smell my feet
give me someting good to eat
if you don't i don't care
I'll pull down your underwear
เพลงไว้ร้อง^^คิดแล้วอยากกลับเป็นเด็กจัง เมืองไทยมันเพี้ยน(มากๆ)T_Tเค้าอยากกินช็อกโกแล็ต