ลาออกจากงานดีไหมคะ

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.ค. 25, 2008 9:13 pm

เริ่มเรื่องก่อนนะ ยาวหน่อย แต่อยากจะเล่าจริงๆ

ก่อนหน้านี้เราเป็นครูของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งรุ่นพี่ที่จุฬาเป็นผู้บริหาร เรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ได้สนิทอะไรมากมายแต่ก็ไว้ใจกันได้ พี่เขาจ้างให้เราเขียนคู่มือการเรียนการสอนวิชาหนึ่งกับเพื่อนอีกคนรับเงินคนละ 2000 บาท
และคู่มือเล่มนั้นก็กลายเป็นไบเบิ้ลสำหรับครูรุ่นหลังๆ อีกมากมายที่สอนวิชานั้น ถามว่าคุ้มมั๊ย  ก็โอเคนะ
เราก็ไม่ได้คิดอะไร พี่ๆ น้องๆกันทั้งนั้น เราเองก็สอนวิชานั้นอยู่ และพี่เขาก็ให้เกียรติเราประมาณนึง
เช่นเวลามีอบรมครูใหม่ ก็จะเชิญเราไปเป็นวิทยากรและบอกใครๆว่า คู่มือที่ใช้อยู่เราเป็นคนเขียน

ต่อมาอีกได้มีการเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่ รุ่นพี่เราออกไป
ผู้บริหารชุดใหม่ได้จ้างครูจบใหม่จากต่างประเทศมา 1 คน ให้มารับผิดชอบดูแลวิชานั้น
และครูคนนั้นก็ได้เอาคู่มือการเรียนการสอนที่เรากับเพื่อนทำขึ้นไปเติมข้อความให้ละเอียดขึ้น
และ"แก้ชื่อผู้เขียนเป็นชื่อตัวเอง" โดยไม่กล่าวถึงเราเลยสักคำเดียว ทั้งๆที่กว่า 90% ของเอกสารชุดนั้น ก็คือผลงานของเรากับเพื่อน
เพื่อนเราซึ่งแต่งงานช่วงนั้นพอดี ก็ลาออกไปเลี้ยงลูก ส่วนเราก็ยังอดทน ทั้งที่ตะหงิดๆเหมือนกันว่านี่มันขโมยผลงานหรือเปล่า
มาเติม 10% ให้หนาขึ้นไม่กี่หน้า แล้วลบชื่อเรากับเพื่อนออก ใส่ชื่อตัวเองคนเดียวเนี่ยนะ
แต่อย่างที่บอก ตอนที่เขียนครั้งแรก คนรู้จักเป็นคนจ้างให้เขียนและเขาก็ให้เครดิตเรามาตลอด
ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดหรอกว่าพอเปลี่ยนผู้บริหารโรงเรียน ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป...

การอบรมครูครั้งแรกได้เชิญเราเข้าร่วมด้วยในฐานะผู้บุกเบิกการสอนหลักสูตรนี้ในประเทศไทย
แต่การอบรมครั้งต่อๆ มา ไม่มีการเชิญและไม่เอ่ยถึงเราเลยแม้แต่คำเดียว
และต่อมาเราก็ได้รู้ว่าคู่มือเล่มนั้นได้รับการพิมพ์เป็นเล่มอย่างสวยงาม โดยไม่มีชื่อเรากับเพื่อนอีกเช่นกัน

2 ปีผ่านไป ครูคนนั้นลาออก ทางโรงเรียนก็มาตามตัวเรา โดยบอกว่าจะมีการปรับหลักสูตร
ให้เราช่วยหน่อยแล้วจะจ่ายเงินให้  ด้วยความว่าง่ายเราก็รับทำนะ (แอบคิดในใจเล็กน้อยว่า แล้วครูจบนอกคนนั้นไปไหนล่ะ)
เราขอเอกสารเป็น Soft file เพื่อจะเอามาแก้ไข แต่ทางโรงเรียนไม่ให้เรา เพราะเป็นเอกสารสำคัญ ถ้าตกถึงมือโรงเรียนอื่นจะลำบาก
เราขอกำหนดการว่าจะต้องให้เรียนกี่ครั้ง ครั้งละกี่ชั่วโมง มีอุปกรณ์อะไร นักเรียนกี่คน ก็ไม่เคยได้คำตอบอะไรเลย
ดังนั้น...เราก็เลยทำเฉยๆ ในเมื่อผู้ว่าจ้างไม่ให้อะไรมา แล้วเราจะต้องดิ้นรนทำไมเนี่ย
ไม่ให้ข้อมูล ก็ยังไม่เขียนนะ จะเขียนได้ไง ไม่รู้อะไรสักอย่าง

จริงๆ แกล้งไม่รู้ไปงั้นแหละ 90% ของเอกสารฉบับนั้นเราเป็นคนทำ เราย่อมมี Soft file อยู่แล้ว
ก็ในเมื่อเค้าแกล้งลืมว่าเราเป็นคนทำแถมยังจะให้เราไปลอกจาก hard copy มันต่างกันตรงไหน
เราเป็นคนเขียนเอกสารฉบับนั้นตั้งแต่ต้น และปัจจุบันจะให้เราเป็นคนแก้ไข แต่ไม่ไว้ใจเราเพียงพอที่จะให้ Soft file กับเรานะ

เราไม่ได้ติดเรื่อง Soft file เพราะจริงๆ เรามี  แต่ที่เราติดคือ "ความไว้วางใจ"
ถ้าเราจะเอาไปให้โรงเรียนอื่นน่ะ ป่านนี้ 90% ของเอกสารที่อยู่ในเครื่องคอมบ้านเราน่ะ มันไปนานแล้ว
แต่ทำไมล่ะ ทำไมเราไม่เคยเอาหลักสูตรนี้ไปสอนที่อื่น เราไม่เคยดึงเด็กจากโรงเรียนมาสอนที่บ้าน
แม้้่ผู้ปกครองจะร้องขอให้เราไปสอนที่บ้าน (ซึ่งอยู่้ข้างโรงเรียน) โดยเราได้เงินเพิ่มขึ้น 65% เราก็ไม่เคยทำ... ไม่เคยสักครั้ง
เราซื่อสัตย์กับโรงเรียนนี้มาตลอด 10 กว่าปี แล้วดูสิว่าผู้บริหารโรงเรียนคิดยังไงกับเรา


ต่ออีกหน่อยนะ จะจบแล้ว วันนี้ผู้จัดการโรงเรียนโทรหาเรา บอกว่ามีครูมาใหม่จะขอคำปรึกษาเรานิดหน่อยนะ แล้วก็วางไป
จากนั้นก็มีคนโทรมาหาเราว่า จะสอนหลักสูตรนี้ ให้เราช่วยแนะนำหน่อยว่าจะสอนยังไง
เราก็งงๆ อ้าว เราเป็นอะไรกับโรงเรียน เราถึงต้องมาดูแลให้คำปรึกษา ในเมื่อโรงเรียนไม่เคยให้เครดิตเราสักอย่าง
จ่ายเงินค่าสอนเราเป็นชั่วโมง  การให้ครูคนอื่นมาถามเราว่าสอนยังไง อะไรเนี่ย คือเราทำให้ฟรีๆ นะ

เราก็ไม่ได้ติดเรื่องเงินหรอก วันนี้เราก็นั่งคุยกับครูใหม่ให้เป็นชั่วโมงโดยไม่ได้คิดเงินสักบาทเดียว
แต่เรามาคิดว่า เราโง่หรือเปล่าเนี่ย ให้เขาหลอกใช้อยู่ได้
มีมั๊ย งานที่ทำแล้วไม่ได้ชื่อเสียง ไม่ได้เงิน ไม่ใช่งานการกุศล แต่ก็ทำ  คนที่ยอมทำงานแบบนี้เรียกว่าอะไรเนี่ย?
ไม่ใช่แค่นี้นะสิ ถ้ามีคนแรก มันจะมีคนต่อไปโทรมาอีกมั๊ย แล้วต่อไปเราก็กลายเป็นที่ปรึกษาด้านการสอน ทั้งที่ไม่ได้อะไรเลยเนี่ยนะ?

สงสารตัวเอง... พอแล้วดีไหม
ด้วยเงินค่าสอนน้อยนิดแค่นี้ เราไปสอนที่อื่นได้อีกมากมาย ประสบการณ์สอน 10 กว่าปี
ลูกศิษย์ ลูกหามากมาย เราทำเงินได้มากว่านี้อย่างน้อย 2 - 3 เท่า ถ้าไปทำที่อื่น
ทำไมเราต้องยอมทำอะไรให้คนที่เห็นคุณค่าของเราก็ต่อเมื่อจะใช้งาน
จริงๆ ช่วงนี้เป็นช่วงลา 2 เดือน  (ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว)
ตอนแรกคิดว่าครบช่วงลา 2 เดือนจะกลับไปสอน เพราะคิดถึงเด็กๆ
แต่พอแล้วดีไหม... ไปเขียนใบลาออกเลยดีไหม

เราควรจะลาออกไปเงียบๆ  หรือแอบล้างแค้นด้วยการดึงนักเรียนไปที่ใหม่สักหลายๆคน
หรือแย่กว่านั้นคือ เอาหลักสูตรที่หวงนักหวงหนาไปให้โรงเรียนอื่นไปเลย
แต่ก็นั่นแหละ... เราไม่นิยมทำร้ายคนอื่น เราแค่ปล่อยให้คนอื่นทำร้ายเราจนพอใจ
เราคงจะไปเงียบๆ แล้วให้เขาไปหาคนอื่นที่เขาจะหลอกใช้ได้ง่ายๆ ต่อไปเถอะ

เราไม่ผิดใช่ไหม ถ้าเราคิดจะหันหลังให้โรงเรียนนี้ เดินออกมาเงียบๆ แล้วไม่ต้องกลับไปอีกเลย
เราผูกพันกับโรงเรียน เรารักเด็กๆ เรามีเพื่อนมากมาย นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เราอยู่มาได้เป็นสิบปี
แค่คิดจะลาออก เราก็อยากร้องไห้ เรามีความทรงจำดีๆกับที่นี่มากมาย แต่ช่วงที่ดีที่สุดของเราผ่านไปแล้ว
แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ เราก็ควรจะจบสักที ดีไหม?
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

ศุกร์ ก.ค. 25, 2008 9:29 pm

บางทีก็อาจถึงเวลาที่เราจะต้องไปโตที่อื่นเหมือนกันนะ
ออกไปตอนความรู้สึกดีๆที่มีต่อเด็กต่อเพื่อนร่วมงานยังดีกว่า ถ้าปล่อยคาราคาซังจนเบื่อหน่ายทั้งเด็กทั้งเพื่อน งานต่อไปที่ควรทำคือแนวอื่นที่ไม่ใช่แนวนี้ ส่วนเรื่องเกียรติยศศักดิ์ศรีที่พึงได้รับ ขอให้นึกถึงพระวาจาที่ว่า ถ้าท่านได้รับเชิญไปงานเลี้ยงให้ไปนั่งแถวหลังก่อน ถ้าไปนั่งแถวหน้าเสียแต่แรก เดี๋ยวเขามาเชิญให้ไปนั่งหลังแล้วจะหน้าแตก (ช่วยด้วยผมจำข้อพระคัมภีร์ไม่ได้อีกแล้ว จำได้แต่เนื้อเรื่อง มันเป็นโรคประจำตัวของผมที่จำอะไรที่เป็นตัวเลขไม่ค่อยได้) แต่นั่งหลังแล้วเขาเชิญไปนั่งหน้า เราจะหน้าบานอิ่มเอิบชนิดหลบสายตาไม่ทันเชียวละ

พอดีอ่านไบเบิลไดอารี่เจออันนี้
"พระเจ้าจอมโยธาจะทรงให้ความผอมแห้งมาในหมู่คนอ้วนพีของเขา ภายใต้เกียรติของเขาจะมีการลุกไหม้ เหมือนอย่างไฟไหม้"

อย่าสนใจเกียรติเลย สนใจความสุขของเราดีกว่า ความสุขของเราในขณะที่เรายังมีความรัก ไม่ใช่ความสุขในยามที่เรามีความเกลียด เพราะความสุขเวลานั้นคือความสุขที่มาจากความรู้สึกในทำนองที่ว่า "เฮ้อ ดีแล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับมารดามันอีก" มันเหมือนกับเรามีศัตรูหรือคนที่เราเฉยเมยต่อเขาติดตัวไปด้วยตอนเราไปพบพระองค์ แล้วพระองค์จะว่าอย่างไร

ไม่ไหว ไม่เป็นสุข ก็ออกเสียเถิด
ขอพระอวยพรครับ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ ก.ค. 25, 2008 11:03 pm

เป็นกำลังใจให้นะครับพี่เรย์ : emo038 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.ค. 25, 2008 11:41 pm

ขอบคุณค่ะ

คือมันมีความสุขตอนสอนเด็กนะ แต่ไม่มีความสุขกับผู้ใหญ่และผู้บริหาร
หลังๆนี่ เชื่อมั๊ย เรสอนได้เงินชั่วโมงละ 135 บาท ในขณะที่ค่า้ำมันลิตรละ 40 บาท
ค่าน้ำมัน + ค่าข้าวเที่ยง ก็หมดแล้ว ไม่ได้อะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังทนไปสอน

กลับกันถ้าดึงเด็กไปสอนที่บ้าน ได้เงินชั่วโมงละ 500 นะคะ ไม่ต้องออกจากบ้านเลยแท้ๆ
เรไม่เคยทำเลย ไม่เคยดึงเด็ก ไม่เคยแย่งนักเรียนจากโรงเรียน ทั้งที่ครูคนอื่นทำกันโครมๆ
แล้วผู้บริหารก็ยังทำท่าแบบไม่ไว้ใจ จะให้เขียนคู่มือ แต่ไม่ให้ Soft File  เงี้ย รู้สึกแย่มาก
เรอยู่มา 10 ปี อยู่มานานกว่าผู้็บริหารทุกคนในโรงเรียนด้วยซ้ำ
อยู่ดูผู้จัดการเปลี่ยนมา 4 - 5 คนแล้ว แต่คนปัจจุบันเรรู็้สึกแย่ที่สุดเลยอ้ะ

แล้วใครเข้ามาใหม่ก็ให้มาปรึกษาเรว่าสอนยังไง เรใช้เวลานั่งอธิบายเป็นชั่วโมงๆ
นอกจากจะไม่ให้เครดิตแล้วยังไม่ให้ตังค์ด้วย

ตังค์ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด เพราะอย่างที่บอกว่าสอนได้เงินไม่คุ้มก็ยังจะไปสอนอยู่ได้นะเรา
แต่เรื่องของจิตใจมันก็ไม่ไหวอ้ะ

คนเราไม่ได้ซื้อด้วยเงิน แต่ซื้อด้วยใจ ว่ามั๊ยคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ ก.ค. 26, 2008 1:56 am

ถ้าถามผม จากมุมมองส่วนตัวนะครับ ผมว่าลองคุยตรงๆกะเขาเลยครับ เพราะอาจถือว่าที่เขาทำไม่ดีเหล่านี้เพราะไม่รู้


ถ้าเขายังไม่เปลี่ยนแปลงก็เท่ากับเขาทำทั้งที่รู้ ซึ่งอาจเป็นนิสัย หรือการจงใจ ไม่มีวันปรับปรุง ก็ค่อยลาจากกันไปด้วยดีครับ เด็กที่ไหนๆก็มี และถ้าไม่ใช่เด็กกลุ่มนี้ก็ยังมีเด็กกลุ่มอื่นโรงเรียนอื่น และเมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้ว ก็อย่าทำสิ่งที่จะเสียใจภายหลังครับ

ขอพระเจ้าอวยพร
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

เสาร์ ก.ค. 26, 2008 2:32 am

สู้เค้าละกันนะครับ
::020::
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.ค. 26, 2008 9:58 am

พี่เรย์ ลองทำตามที่พี่ๆแนะนำ และ อธิษฐาน พระเจ้าทรงประทานคำตอบที่ดีให้ ลูกสาวสุดที่รักของพระองค์แน่นอน ขอรับ :kiss:
Jacqueline
โพสต์: 199
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 02, 2008 8:19 pm

เสาร์ ก.ค. 26, 2008 10:43 am

ช่วงนี้ เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทนได้ก็ทนไปก่อนนะค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ก.ค. 26, 2008 11:23 am

ขึ้นอยู่กับน้ำพระทัยของพระองค์ โดยผ่านการภาวนา แต่ต่อมาเมื่อเราสบายใจ และเห็นว่าทางไหนจะสบายใจระยะยาวนั้นก็เลือกทางนั้นครับ ....
ืnicholas
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 22, 2008 4:23 pm

เสาร์ ก.ค. 26, 2008 5:25 pm

โลกนี้ไม่มีอะไรยุติธรรมเท่ากับพระองค์  มีรวยจน พระองค์คงไม่สนพระทัย มีแต่ความดีความเลวเท่านั้น  ที่จะต้องรายงานพระองค์เมื่อเราจากโลกนี้ไปแล้ว
ปัญหาอยู่ที่ไหน ถ้าอยู่ที่เราแล้วแก้โดยลาออก แล้วคิดว่าสบายใจ ทำเลยครับ แต่ผมคิดว่าเราต้องคุยให้ผู้บริหารรับทราบเความต้องการอย่างป็นทางการ่ ก่อนถ้าไม่ได้ค่อยพิจารณา  เรื่องเด็กนั้น ผมว่าเป็นเรื่องอุดมกราณ์ถ้าคุณไม่แคร์เรื่องเงิน 

                                                                                                        พระเจ้าอวยพระพรให้คุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

เสาร์ ก.ค. 26, 2008 7:18 pm

เห็นด้วยว่าควรจะลาออกครับ

เมื่อไหร่ได้ที่ทำงานใหม่ ในงานที่เราชอบแล้ว ก็ลาออกจากที่นี่เสีย เพื่อไม่ให้มีพันธะผูกพันใดๆแบบไม่เป็นทางการอีก หากต้องการให้เรามาเป็นวิทยากรพิเศษใดๆ ก็ต้องติดต่อแบบเป็นการเป็นงานเป็นเรื่องเป็นราว

และก่อนไปก็แจ้งให้ทางนี้ทราบถึงความกระอักกระอ่วนใจของเราในหลายๆปีที่ผ่านมา เพื่อให้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคตกับครูคนอื่น

::001::
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ค. 27, 2008 12:06 am

ขอบคุณค่ะ นี่ก็กำลังคิดอยู่เนี่ยเรื่องลาออกให้เป็นเรื่องเป็นราว

เชื่อมั๊ย ล่าสุดมีโทรมา จ้างเป็นวิทยากร 6 ชั่วโมง
แล้วหลังจากนั้น ก็จะตกเป็นภาระ มีคนอีกเป็นสิบโทรมาถามโน่นถามนี่ไปอีกหลายเดือน
สรุปว่า เขาจ่ายเราแค่ไม่กี่ตังค์แล้วเรากลายเป็นที่ปรึกษาฟรีๆ ไปตลอด 1 ปี (ซึ่งโดนมาหลายรอบแล้ว)

นึกสภาพกำลังทำงานหัวปั่นที่ออฟฟิศ (คือเรามีงานประจำวันธรรมดาแล้วสอนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ค่ะ)
แล้วมีคนโทรเข้ามือถือมาถามว่า ภาษาไทย ป. 2 ต้องสอนอะไรก่อนนะพี่
มันไม่ใช่เรื่องที่ถามปุ๊บตอบได้ใน 5 นาทีอ้ะ แล้วโดนโทรมาถามประมาณนี้ ทั้งๆที่เราไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่อะไรในโรงเรียน
เป็นแค่ครูธรรมดาคนนึงที่ถูกฝ่ายบริหารหลอกใช้โดยไ่มให้เครดิตด้วยซ้ำ

ตั้งเราเ้ป็นฝ่ายวิชาการได้ แต่ก็ไม่ทำ
จ่ายเงินเดือนเราได้ แต่ก็ไม่จ่าย (ให้ค่าสอนเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละ 135 บาทแน่ะ ไม่มีสอนก็ไม่ได้เงิน)
จ้างเราเป็นที่ปรึกษาหลักสูตรได้ แต่ก็ไม่จ้าง (ใช้ฟรีได้นิ)

เมื่อไหร่จะเข็ดสักทีนะเรา...

ล่าสุดนี่ ควรจะรับเป็นวิทยากร (เอาตังค์ไว้ก่อน) แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยไปลาออก + ปิดโทรศัพท์หนีครูคนอื่นๆ ที่จะโทรมาถามเพิ่มเติมว่าสอนยังไงอีก
หรือบอกไปเลยว่า ไม่สะดวกค่ะ หาคนอื่นเถอะ แล้วเขาจะได้รู้ว่าหาคนอื่นมันไม่ง่าย หรือหาได้ก็คงไม่มีใครให้ใช้ในราคาถูกแบบเรา

เรยังไม่แน่ใจว่าถ้าไปคุยดีๆ จะรู้เรื่องมั๊ย ไม่อยากจิตตกกับการทะเลาะกับคนซะด้วย
แล้วเขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยฟังคนอื่นซะด้วยนะ คราวก่อนก็ทะเลาะกันเรื่องมีจัดสอบครู แต่ไม่แจ้งเรกับเพื่อน (ถ้าสอบผ่านจะได้ขึ้นเงิน)
เรถามว่า สอบวันไหนคะ ไม่ทราบเรื่องเลย เขาหาว่าเรไม่ติดตามข่าวสารเอง ทั้งๆที่เขาไม่ได้แจ้งมาเลย
พอเรถามว่าแล้วครูจากสาขาที่เรสอน มีใครไปสอบบ้าง ถ้าได้รับแจ้งต้องมีคนไปสอบสักคนสิ เพราะไม่มีใครรู้เลย
เขาก็เงียบ แต่ก็ยังไม่ยอมรับความผิดตัวเองเลย บอกแต่ว่าแจ้งแล้ว พวกครูผิดเองที่ไม่สนใจข่าวสารเขา ไม่มาสอบเองก็รอขึ้นเงินค่าสอนปีหน้าแล้วกัน (น่านน)
แล้วแบบนี้เรจะไปคุยยังไงเนี่ย กลุ้มใจ ตัวเองผิดเต็มๆ ยังไม่ยอมแพ้เลยอ้ะ

เก็บของหนีเลยดีมั๊ยคะ
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อาทิตย์ ก.ค. 27, 2008 3:40 pm

::011:: มาช่วยเก็บของหนี อุ๊บ...มาเป็นกำลังใจให้ในหนทางที่นู๋เรย์มีความสุขเจ้าคะ ::017::
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อาทิตย์ ก.ค. 27, 2008 8:49 pm

บอกปัญหากับพระ แล้วให้ไว้วางใจพระ ให้พระเจ้าเป็นที่พึ่งพระเจ้าชนะได้เหนือทุกสิ่ง อย่าให้ืใจออกห่างจากการพึ่งพาพระเจ้า พึ่งพาพระเยอะๆ ครับ แล้วคอยดูอัศจรรย์
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อาทิตย์ ก.ค. 27, 2008 8:53 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ค. 27, 2008 9:00 pm

ขอบคุณค่ะ

วันนี้นั่งอยูในโบสถ์ บ่นกับพระเจ้าว่าลูกทุกข์เรื่องนี้ จะทำยังไงดี
แล้วเหมือนอยู่ๆ มันก็คิดขึ้นมาได้ว่า
นี่เป็นพระพรอย่างหนึ่ง เพราะชีวิตเรานิ่งมาพักนึงแล้ว
เราบ่นว่าอยากทำกิจการของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เริ่มคิดจริงจังสักที
นี่อาจเป็นโอกาสให้เราทบทวนตัวเอง แล้วออกจากที่นี่มาเริ่มคิดทำอะไรของตัวเองอย่างจริงจังเสียทีก็ได้  ::001::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jack Sparrow
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am

อาทิตย์ ก.ค. 27, 2008 11:44 pm

อยากแนะนำว่าถ้าอยากทำธุรกิจส่วนตัวก็ต้องมีประสบการณ์นะครับ หลายต่อหลายคนทำไปแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จ ใครๆ ก็ฝันกันทั้งนั้น

จะแนะนำบุคลสำคัญของบอร์ดเราให้ฟัง คือคุณโจแซฟเจ้าเก่านั่นเองหลายๆ คนที่รู้จักคุณโจแซฟอาจคิดว่าเขารวยมากๆ ถึงไม่ทำงานทำการที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้รวยมากอย่างที่หลายๆ คนคิด ผมดูว่าเขากำลังจะตกลงมามากกว่า ถอยลงเรื่อยๆ นั่นแหละครับ ชีวิตคนเรานะผมจะบอกให้ก็เหมือนกับยืนอยู่บนเนินเขานั่นแหละก็ต้องวิ่งทุกๆ วันเมื่อไรหยุดวิ่งก็จะกลิ้งลงไป แต่คุณโจแซฟกลิ้งลงไปช้ากว่าคนปกติเพราะพ่อแม่วิ่งมาให้เกิดกว่าครึ่งทางของภูเขา แต่ถ้าคุณโจแซฟเกิดมาระหว่างกลางภูเขาถึงล่างภูเขาคงกลิ้งตกไปเร็วกว่านี้ คนที่จะถึงปลายยอดได้คือคนที่ออกแรกวิ่งกว่าคนปกติ เมื่อถึงปลายยอดแล้วก็ไม่ต้องไปเสียเวลาวิ่งให้เหนื่อยแล้วเพราะฝากธนาคารกินดอกเบี้ยก็เหลือใช้แล้ว รู้ไหมว่าทำไมคุณโจแซฟชอบคุยอวดในเรื่องฐานะสมัยเก่าๆ ที่มันผ่านมานานนมแล้วก็เพราะว่าเขารู้สึกว่ามันจะจากเขาไปไงครับเลยคุยอวดไว้ว่าตัวเองเคยมี เขาเป็นคนที่วิเศษมากคือไม่เคยคุยอวดเรื่องอนาคต ไม่อวดเรื่องปัจจุบัน แต่ชอบไปคุยอวดแต่เรื่องเก่าๆ  ปกติเขาเป็นคนไม่เล่นการพนันนะแต่ถ้าสมมุติเขาเล่นหวยแล้วถูกละก็ปิดปากรูดซิปแต่ถ้าซื้อหวยแล้วดวงตกถูกกินละก็คุยทะลุโลก  อีกตัวอย่างหนึ่งนะถ้าเขาเจอหีบสมบัติโจรสลัดเขาจะไม่บอกใคร แต่ถ้าหีบนั้นถูกขโมยไปแล้วเขาจะเที่ยวไปประการทั้งบอร์ดเลยครับว่าหีบเขาหายไป เรื่องแฟนก็เหมือนกัน นี่เลยโจแซฟ

ปล. คุณโจแซฟเท่าที่รู้เขาก็กำลังกังวลเรื่องนี้อย่างแรกแล้วกำลังหาช่องทางทำธุรกิจอยู่เหมือนกันลองคุยกับเขาดูสิครับเผื่อช่วยกันได้
แก้ไขล่าสุดโดย Jack Sparrow เมื่อ จันทร์ ก.ค. 28, 2008 12:30 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jack Sparrow
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am

อาทิตย์ ก.ค. 27, 2008 11:50 pm

ชีวิตผมก็ลำบากเงินไมพอใช้จ่ายค่าเช่าห้องด้วยซ้ำ สมัยนี้ข้าวของก็แพงก็ต้องวิ่งมันทุกวันหยุดวิ่งก็ตายอย่างเดียว
แก้ไขล่าสุดโดย Jack Sparrow เมื่อ จันทร์ ก.ค. 28, 2008 12:37 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อาทิตย์ ก.ค. 27, 2008 11:56 pm

ก็สวดให้พี่ด้วยยแล้วกันนะ ชีวิตพี่ก็อยู่ด้วยการวางใจในพระเจ้านั่นแหละถ้าไม่มีพระเ่จ้าพี่ก็ต้องตาย พระเจ้าเท่านั้นที่เลี้ยงดู อยากให้จงวางใจ จงวางใจ อย่ากังวล อย่ากังวล
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ค. 28, 2008 4:19 pm

ตกลงตัดสินใจได้แล้วใช่มั๊ยจ๊ะ
เข้ามาอัพเดทต่อด้วยน๊า 
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

จันทร์ ก.ค. 28, 2008 5:29 pm

อ่านดูที่คุณเรเขียนเพิ่มเติมแล้ว ต้องฝากคุณเรถามตัวเองมังครับว่า
1.  ตอนแรกทำไมจึงตัดสินใจเข้าทำงานสอนนี้
2.  บัดนี้ การไปทำงานของคุณเร ยังเป็นเพราะเหตุผลเดิมหรือเหตุผลใหม่
3.  เหตุผลดังกล่าวยังสำคัญหรือมีน้ำหนักพอที่จะทำให้คุณเรสอนต่อหรือไม่ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆดังที่กล่าวมาข้างต้น

เรื่อง after-sale service นี่ ผมว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจารย์หรือวิทยากรจะโดนกันนะครับ ต่างกันแต่ว่า แต่ละท่านจะรับมืออย่างไร หรือจะมีทางต่อยอดไปทำประโยชน์อย่างอื่นให้กับอาชีพตนเองบ้างหรือไม่

::001::

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

"Generals order their soldiers to kill,
And to fight for a cause they've long ago forgotten"

Scarborough Fair/Canticle (Simon & Garfunkel)
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

จันทร์ ก.ค. 28, 2008 5:47 pm

ก็คิดเสียว่าให้เท่าที่ให้ได้  คิดถึงเด็ก ๆ เข้าไว้  หมายถึงให้คิดเสียว่ามันก็คือการเสียสละ แต่ถ้าดูแล้วการเสียสละของเราเป้ฯช่องทางให้คนอื่นเอาเปรียบ ก็ต้องคุยค่ะ 

เรื่องการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส ไม่แฟร์กับเรา อันนี้เราต้องคุยให้รู้เรื่องค่ะ ไม่ว่าจะตัดสินใจลาออกหรือไม่ก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง คิดเสียว่า การเจรจาเรื่องสิทธิของเรา เป็นการสนับสนุนให้เขาได้ทำความดี

อย่าเพิ่งท้อค่ะ เรื่องขโมยผลงานในประเทศไทย เป็นเรื่องธรรมดามาก ยิ่งในวงราชการเนี่ย เห็นกันชัด ๆ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

จันทร์ ก.ค. 28, 2008 6:53 pm

เรื่องบริการหลังซื้อบริการครั้งแรกคงไม่ใช่เฉพาะวิทยากรอย่างเดียวหรอกครับ ล่ามอย่างผมก็ออกจะเอือมระอาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แปลให้แล้วจบงานไปแล้ว ยังจะมาให้เราช่วยแปลเอกสารให้ ยังจะโน่นจะนี่ คำตอบง่ายๆคือ คิดเงินครับ ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ค. 28, 2008 10:43 pm

P เขียน: อ่านดูที่คุณเรเขียนเพิ่มเติมแล้ว ต้องฝากคุณเรถามตัวเองมังครับว่า
1.  ตอนแรกทำไมจึงตัดสินใจเข้าทำงานสอนนี้
2.  บัดนี้ การไปทำงานของคุณเร ยังเป็นเพราะเหตุผลเดิมหรือเหตุผลใหม่
3.  เหตุผลดังกล่าวยังสำคัญหรือมีน้ำหนักพอที่จะทำให้คุณเรสอนต่อหรือไม่ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆดังที่กล่าวมาข้างต้น

เรื่อง after-sale service นี่ ผมว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจารย์หรือวิทยากรจะโดนกันนะครับ ต่างกันแต่ว่า แต่ละท่านจะรับมืออย่างไร หรือจะมีทางต่อยอดไปทำประโยชน์อย่างอื่นให้กับอาชีพตนเองบ้างหรือไม่

::001::

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

"Generals order their soldiers to kill,
And to fight for a cause they've long ago forgotten"

Scarborough Fair/Canticle (Simon & Garfunkel)
ขอบคุณค่ะ ทำให้คิดอะไรได้เยอะเหมือนกัน

ตอนแรกไปสอนเพราะ
1.รุ่นพี่ที่สนิทกันเป็นผู้บริหาร ทำงานกับคนรู้ใจมันก็สนุก
2. เด็กๆน่ารัก
3. เงินก็ได้
4. ชื่อเสียงก็พอมี

ต่อมา
ข้อ 1 หายไป แต่ช่างเหอะ
ข้อ 2 ยังอยู่
ข้อ 3 เริ่มจะหายๆ ไป
ข้อ 4 ถูกใครฉกไปก็ไม่ีรู้

เลยแบบ เอ๊ะ เรไปหาโรงเรียนอื่นๆ ที่มีเด็กๆ ก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องสอนที่นี่เลย

นี่ก็กำลังรอให้อารมณ์ดีๆ แล้วค่อยไปคุยค่ะ เป็นคนมีนิสัยโกรธง่ายหายเร็ว
แล้วถ้าพูดจาตอนโกรธมักจะต้องมาเสียใจภายหลังทุกที ตอนนี้อุณห๓ูมิ 37.5 องศา รอเหลือ 20 องศาก่อน  : xemo026 :
ต่อมา พี่ผู้บริหารไป เด็กๆ ยังน่ารักอยู่
ตอบกลับโพส