ทำไม พระเจ้าทรงไม่ทำอะไรเลย
-
- โพสต์: 18
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 19, 2008 8:26 am
เราได้อ่าน บทความเรื่องการเบียดเบียนศาสนาคริสต์ในอิรัก ในเวปนะ ที่บังคับให้ชาวคริสต์ เปลี่ยนเป็นนับถืออิสลาม ไม่ให้เรียนหนังสือ ด้วย โดนกล่าวหาว่าเป็นสายลับ กบฎอะไรเนี่ย การเป็นคริสต์ อยู่ในหมู่อิสลามเป็นเรื่องที่ลำบากมาก โดนทำร้ายขนาดนี้ รวมไปถึงโบสถ์วิหาร ทำไม พระเจ้าถึงทรงไม่ทำอะไรเลย พระองค์ ต้องการทดสอบอะไร กับผู้คนที่เชื่อพระองค์ กลุ่มน้อยๆนี้ ความรักย่อมไม่ทำร้ายกันไม่ใช่หรอ หรือ พระองค์จะรอเวลาอะไร มันจะนานเกินไปสำหรับผู้เดือนร้อนรึปล่าว ทุกวันนี้ พวกยุโรปอเมริกา ก็เปลี่ยนศาสนา ไปเป็นพุทธสะแล้วก็เยอะ เนื่องจาก พวกเค้าต้องการใครสักคน อยู่เคียงข้างเค้า แต่เค้ากลับไปพบอะไรเลย นอกจากสิ่งที่เค้าถูกสอนว่า พระเจ้าทรงรักเรา และมีแผนการเสมอ ตอนนี้พวกเค้าก้อไม่ค่อยเชื่อในพระเจ้าแล้วหล่ะ เริ่มจะเชื่อในข้่อเท็จจริงมากกว่า
อย่างเราเป็นต้นพ่อ เราป่วย ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว จนบัดนี้เรายังไม่เข้าใจเลยว่า การที่พระเจ้าเอาพ่อเราไป นั้นดีกับเราตรงไหน
อย่างเราเป็นต้นพ่อ เราป่วย ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว จนบัดนี้เรายังไม่เข้าใจเลยว่า การที่พระเจ้าเอาพ่อเราไป นั้นดีกับเราตรงไหน
คริสตชนในอิรักเป็นผู้มีบุญที่ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความเชื่อ พระเจ้าจะประทานรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาในสวรรค์ครับ ดังนั้นในสายตาของคริสตชน เราจึงไม่ควรคิดว่าทำไมพระเจ้าไม่ทรงเข้ามาช่วยพวกเขา ดูสิขนาดพระเยซูเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ยังปล่อยให้พวกคนสมัยนั้นยังจับไปทรมานและฆ่าตายอย่างน่าอดสู ผู้คนก็เยาะเย้ยพระองค์ว่า พระเจ้าของพระองค์อยู่ที่ไหน ทำไมไม่ทรงลงมาช่วย เราต้องมีความเชื่อและเราจะมีพลังเอาชนะความยากลำบากในชีวิตนี้ การพูดเฉยมันอาจจะง่าย แต่เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์นั้นด้วยตนเอง มันอาจจะไม่ง่ายที่จะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า ขอให้เราสวดภาวนาให้คริสตชนที่กำลังถูกเบียดเบียด เพื่อพวกเขาจะมีความมั่นคงในความเชื่อและให้อภัยต่อผู้ที่เบียดเบียนเหล่านั้น และเราต้องสวดให้พวกที่เข้าใจผิดเหล่านั้นกลับใจและยอมรับว่าเราทุกคนล้วนเป็นลูกพระเจ้าองค์เดียวกัน
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
...ไม่เข้าใจอะไรรึเปล่าครับ...
อย่าคิดอย่างมนุษย์สิครับ
อะไรจะเกิดก็เกิดสิครับ? ไม่เห็นต้องสงสัยหรือกังวลเลย
พระอนุญาตแล้ว...ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
อย่าคิดอย่างมนุษย์สิครับ
อะไรจะเกิดก็เกิดสิครับ? ไม่เห็นต้องสงสัยหรือกังวลเลย
พระอนุญาตแล้ว...ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
เพราะมนุษย์เราชอบที่จะสบาย เลยชอบสงสัยเวลาที่เกิดเรื่องร้ายๆ
"ทำไมเรื่องพวกนี้ต้องเกิดขึ้น"
"ทำไมเราถึงต้องไม่มีความสุข"
แต่เวลามีความสุขไม่เคยสงสัยเลย
"ทำไมเราถึงได้มีความสุขปานนี้ ใครกันหนอเป็นคนทำให้เรามีความสุข?"
การที่พระให้เราเจออะไรร้ายๆเสียบ้าง ก็เหมือนกับการที่พ่อที่ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ที่จะหัดลุกเองเวลาที่ล้มเมื่อตอนหัดเดินล่ะครับ ถ้าพ่อคอยจูงมือประคองตลอดเวลาไม่ให้ล้ม แล้วเมื่อไหร่ลูกจะเดินเองเป็น เช่นเดียวกัน ถ้าเราไม่เจออะไรร้ายๆเสียบ้าง แล้วเราจะเข้มแข็งขึ้นได้อย่างไร แทนที่จะมัวประวิงว่า "ทำไมพระไม่ทำอย่างโน้นอย่างนี้ พระไม่ยอมช่วยเราเลย" ทำไมไม่คิดว่า"พระต้องการสอนอะไรเรา?" ถึงได้ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ผมแน่ใจว่าทุกๆสิ่งมีเหตุผลในตัวเอง และหยิบยกมาสอนใจตัวเราเองได้เสมอ
ผมมองว่าคริสตชนที่เปลี่ยนศาสนามีความรู้เกี่ยวกับศาสนาเก่าของตนแทบไม่ถึงครึ่งเลย, นอกจากบัญญัติสิบประการ บทสวดพื้นฐาน แล้วก็วัดวันอาทิตย์ ผมว่าเค้าไม่รู้เรื่องอื่นๆหรอก ไม่รู้ว่าอะไรๆที่มีในพระไตรปิฎก ส่วนใหญ่ในไบเบิ้ลของเราก็มีสอน เลยมองว่าคำสอนทางนั้นดีกว่า ทั้งๆที่ก็แทบจะไม่ต่างกันเลยด้วยซ้ำ... ไม่ว่าศาสนาไหนๆเค้าก็สอนให้ปล่อยวางกับการสูญเสียทั้งนั้นล่ะครับ
ปัญหาของคุณอาจจะมีแค่คือคุณไม่สามารถยอมรับการสูญเสียได้แค่นั้นเอง, แต่นั่นเป็นเรื่องของคุณ ถ้าคุณจะไม่ปล่อยวางเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ลุกขึ้นเผชิญกับปัจจุบันและนำอดีตมาเป็นเครื่องเตือนใจตัวเอง ผมว่าพ่อคุณคงไม่ดีใจแน่ๆที่เห็นลูกของตัวเองมัวมาเศร้ากับการจากไปของคุณพ่อ แล้วมานั่งโทษโน่นโทษนี่ และคุณพ่อของคุณจะยิ่งเสียใจ ถ้าคุณพ่อของคุณอยู่กับพระเจ้าตอนนี้ เพราะคุณเอาแต่โทษพระเจ้า ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าที่พระยกคุณพ่อของคุณกลับไปนั้นดีอย่างไร เพราะผมไม่รู้จักคุณและไม่รู้จักพ่อคุณด้วย มีแต่คุณล่ะที่จะรู้ว่ามันดีอย่างไร เป็นเรื่องระหว่างคุณและพระเจ้าครับ
ขอพระเจ้าประทานความสว่าง
"ทำไมเรื่องพวกนี้ต้องเกิดขึ้น"
"ทำไมเราถึงต้องไม่มีความสุข"
แต่เวลามีความสุขไม่เคยสงสัยเลย
"ทำไมเราถึงได้มีความสุขปานนี้ ใครกันหนอเป็นคนทำให้เรามีความสุข?"
การที่พระให้เราเจออะไรร้ายๆเสียบ้าง ก็เหมือนกับการที่พ่อที่ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ที่จะหัดลุกเองเวลาที่ล้มเมื่อตอนหัดเดินล่ะครับ ถ้าพ่อคอยจูงมือประคองตลอดเวลาไม่ให้ล้ม แล้วเมื่อไหร่ลูกจะเดินเองเป็น เช่นเดียวกัน ถ้าเราไม่เจออะไรร้ายๆเสียบ้าง แล้วเราจะเข้มแข็งขึ้นได้อย่างไร แทนที่จะมัวประวิงว่า "ทำไมพระไม่ทำอย่างโน้นอย่างนี้ พระไม่ยอมช่วยเราเลย" ทำไมไม่คิดว่า"พระต้องการสอนอะไรเรา?" ถึงได้ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ผมแน่ใจว่าทุกๆสิ่งมีเหตุผลในตัวเอง และหยิบยกมาสอนใจตัวเราเองได้เสมอ
ผมมองว่าคริสตชนที่เปลี่ยนศาสนามีความรู้เกี่ยวกับศาสนาเก่าของตนแทบไม่ถึงครึ่งเลย, นอกจากบัญญัติสิบประการ บทสวดพื้นฐาน แล้วก็วัดวันอาทิตย์ ผมว่าเค้าไม่รู้เรื่องอื่นๆหรอก ไม่รู้ว่าอะไรๆที่มีในพระไตรปิฎก ส่วนใหญ่ในไบเบิ้ลของเราก็มีสอน เลยมองว่าคำสอนทางนั้นดีกว่า ทั้งๆที่ก็แทบจะไม่ต่างกันเลยด้วยซ้ำ... ไม่ว่าศาสนาไหนๆเค้าก็สอนให้ปล่อยวางกับการสูญเสียทั้งนั้นล่ะครับ
ปัญหาของคุณอาจจะมีแค่คือคุณไม่สามารถยอมรับการสูญเสียได้แค่นั้นเอง, แต่นั่นเป็นเรื่องของคุณ ถ้าคุณจะไม่ปล่อยวางเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ลุกขึ้นเผชิญกับปัจจุบันและนำอดีตมาเป็นเครื่องเตือนใจตัวเอง ผมว่าพ่อคุณคงไม่ดีใจแน่ๆที่เห็นลูกของตัวเองมัวมาเศร้ากับการจากไปของคุณพ่อ แล้วมานั่งโทษโน่นโทษนี่ และคุณพ่อของคุณจะยิ่งเสียใจ ถ้าคุณพ่อของคุณอยู่กับพระเจ้าตอนนี้ เพราะคุณเอาแต่โทษพระเจ้า ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าที่พระยกคุณพ่อของคุณกลับไปนั้นดีอย่างไร เพราะผมไม่รู้จักคุณและไม่รู้จักพ่อคุณด้วย มีแต่คุณล่ะที่จะรู้ว่ามันดีอย่างไร เป็นเรื่องระหว่างคุณและพระเจ้าครับ
ขอพระเจ้าประทานความสว่าง
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เรื่องพ่อตาย ทำไมถึงต้องโทษพระเจ้าค่ะ
ไม่เคยมีใครบอกว่า เชื่อพระเจ้าแล้วจะมีอายุเป็นพันปี หรือ ไม่ตายนะคะ
เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า เวลามีเรื่องไม่ดี ก็โทษพระเจ้า
แต่เวลามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต ไม่เคยนึกขอบคุณพระเจ้า
แบบนี้ยุติธรรมหรือคะ?
เพราะคุณมองความตายเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ว่าเป็นการจากลาชั่วนิรันดร
ไม่มีความเชื่อ และ ไม่มีความหวัง ในชีวิตหลังความตาย
ทั้ง ๆ ที่ศาสนาของเรา สอนอยู่เสมอว่า
ความตายสำหรับคริสตชน คือ การนอนหลับ
คือ การเกิดใหม่ ในสวรรค์ คือ การกลับบ้านที่แท้จริงต่างหาก
เราทุกคนก็ต้องตายทั้งนั้น พ่อของดิฉันก็ป่วย เป็นมะเร็ง และเสียชีวิตแล้วเช่นกัน
แต่ดิฉันมีความเชื่อและวางใจว่า พ่อดิฉันได้ไปสวรรค์
ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องทนทรมานในโลกนี้อีกแล้ว
และดิฉันมีความเชื่อว่า เราจะได้พบกันอีก ในสวรรค์
แล้วเรื่องการเบียดเบียนในอิรัก
รู้ได้ยังงัยคะ ว่าพระเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลย
พระองค์ทำ แต่คุณไม่รู้/ตะหนักเองต่างหาก
ไม่แน่ว่า สถานการณ์ อาจจะเลวร้ายกว่านี้มาก ด้วยซ้ำ
พระองค์อาจจะช่วยทุเลา เบาสถานการณ์แล้ว เพียงแต่คุณไม่รู้ หรือ ไม่ได้มองถึงเลย
ไม่แน่ว่า หากพระองค์ไม่ช่วยแล้ว อาจจะถึงขึ้นล่า ตัดหัวเหมือนภาคใต้ก็ได้
ที่ไทยพุทธโดด ๆ กันอยุ่ ขึ้นหน้าหนึ่ง ในหนังสือพิมพ์รา่ยวัน
ยุติธรรมกับพระเจ้าหน่อยเถอะค่ะ
เรื่องดี ๆ ก็ขอบคุณพระเจ้าบ้าง คิดถึงว่า พระเจ้าช่วยคุณมากมายกี่ครั้ง กี่หน
เรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่บังเอิญ หรือ โชคดี หรือ ฟลุ๊ค หรือ ส้มหล่น
พระเจ้าประทานให้ทั้งนั้น
อย่าโยนเรื่องร้าย ๆ ใส่พระองค์อย่างเดียว
พระเจ้าไม่ใช่แพะนะจ๊า
ขอพระเจ้าอวยพร
ไม่เคยมีใครบอกว่า เชื่อพระเจ้าแล้วจะมีอายุเป็นพันปี หรือ ไม่ตายนะคะ
เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า เวลามีเรื่องไม่ดี ก็โทษพระเจ้า
แต่เวลามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต ไม่เคยนึกขอบคุณพระเจ้า
แบบนี้ยุติธรรมหรือคะ?
เพราะคุณมองความตายเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ว่าเป็นการจากลาชั่วนิรันดร
ไม่มีความเชื่อ และ ไม่มีความหวัง ในชีวิตหลังความตาย
ทั้ง ๆ ที่ศาสนาของเรา สอนอยู่เสมอว่า
ความตายสำหรับคริสตชน คือ การนอนหลับ
คือ การเกิดใหม่ ในสวรรค์ คือ การกลับบ้านที่แท้จริงต่างหาก
เราทุกคนก็ต้องตายทั้งนั้น พ่อของดิฉันก็ป่วย เป็นมะเร็ง และเสียชีวิตแล้วเช่นกัน
แต่ดิฉันมีความเชื่อและวางใจว่า พ่อดิฉันได้ไปสวรรค์
ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องทนทรมานในโลกนี้อีกแล้ว
และดิฉันมีความเชื่อว่า เราจะได้พบกันอีก ในสวรรค์
แล้วเรื่องการเบียดเบียนในอิรัก
รู้ได้ยังงัยคะ ว่าพระเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลย
พระองค์ทำ แต่คุณไม่รู้/ตะหนักเองต่างหาก
ไม่แน่ว่า สถานการณ์ อาจจะเลวร้ายกว่านี้มาก ด้วยซ้ำ
พระองค์อาจจะช่วยทุเลา เบาสถานการณ์แล้ว เพียงแต่คุณไม่รู้ หรือ ไม่ได้มองถึงเลย
ไม่แน่ว่า หากพระองค์ไม่ช่วยแล้ว อาจจะถึงขึ้นล่า ตัดหัวเหมือนภาคใต้ก็ได้
ที่ไทยพุทธโดด ๆ กันอยุ่ ขึ้นหน้าหนึ่ง ในหนังสือพิมพ์รา่ยวัน
ยุติธรรมกับพระเจ้าหน่อยเถอะค่ะ
เรื่องดี ๆ ก็ขอบคุณพระเจ้าบ้าง คิดถึงว่า พระเจ้าช่วยคุณมากมายกี่ครั้ง กี่หน
เรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่บังเอิญ หรือ โชคดี หรือ ฟลุ๊ค หรือ ส้มหล่น
พระเจ้าประทานให้ทั้งนั้น
อย่าโยนเรื่องร้าย ๆ ใส่พระองค์อย่างเดียว
พระเจ้าไม่ใช่แพะนะจ๊า
ขอพระเจ้าอวยพร
พระองค์ทรงเป็นเจ้านายเหนือทุกสิ่ง ทั้งบนพิภพ เหนือพิภพ หรือใต้พิภพ
เมื่อมนุษย์มีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ แล้ว พระเจ้าผู้ทรงประเสริฐกว่ามนุษย์จะไม่ทรงมีเหตุผลที่ดีหรือ
ความต้องการในแบบของโลกมักสวนทางกับความต้องการของพระเป็นเจ้าอยู่เนืองๆ
แต่รู้อะไรไหม? เราหายใจได้ทุกวันนี้ก็เพราะพระองค์ทรงประสงค์ เช่นนั้น
เมื่อมนุษย์มีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ แล้ว พระเจ้าผู้ทรงประเสริฐกว่ามนุษย์จะไม่ทรงมีเหตุผลที่ดีหรือ
ความต้องการในแบบของโลกมักสวนทางกับความต้องการของพระเป็นเจ้าอยู่เนืองๆ
แต่รู้อะไรไหม? เราหายใจได้ทุกวันนี้ก็เพราะพระองค์ทรงประสงค์ เช่นนั้น
proserpina เขียน: เราได้อ่าน บทความเรื่องการเบียดเบียนศาสนาคริสต์ในอิรัก ในเวปนะ ที่บังคับให้ชาวคริสต์ เปลี่ยนเป็นนับถืออิสลาม ไม่ให้เรียนหนังสือ ด้วย โดนกล่าวหาว่าเป็นสายลับ กบฎอะไรเนี่ย การเป็นคริสต์ อยู่ในหมู่อิสลามเป็นเรื่องที่ลำบากมาก โดนทำร้ายขนาดนี้ รวมไปถึงโบสถ์วิหาร ทำไม พระเจ้าถึงทรงไม่ทำอะไรเลย
ท่านจะถูกเบียดเบียนเพราะนามของเรา
พระบอกไว้แล้ว
จริงเหรอ ที่ฝาหรั่งเปลี่ยนเป็นพุทธเยอะ ข้อมูลจากไหนเอ่ยproserpina เขียน: ทุกวันนี้ พวกยุโรปอเมริกา ก็เปลี่ยนศาสนา ไปเป็นพุทธสะแล้วก็เยอะ เนื่องจาก พวกเค้าต้องการใครสักคน อยู่เคียงข้างเค้า แต่เค้ากลับไปพบอะไรเลย นอกจากสิ่งที่เค้าถูกสอนว่า พระเจ้าทรงรักเรา และมีแผนการเสมอ ตอนนี้พวกเค้าก้อไม่ค่อยเชื่อในพระเจ้าแล้วหล่ะ เริ่มจะเชื่อในข้่อเท็จจริงมากกว่า
อย่างเราเป็นต้นพ่อ เราป่วย ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว จนบัดนี้เรายังไม่เข้าใจเลยว่า การที่พระเจ้าเอาพ่อเราไป นั้นดีกับเราตรงไหน
แล้วโปรดถามว่า การที่พระเอาพ่อคุณไป ดีกับพ่อของคุณแค่ไหน
แล้วจะพบคำตอบที่อยากจะทราบ
-
- โพสต์: 18
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 19, 2008 8:26 am
คุณ เข้าใจผิดแล้วหล่ะ เรื่อง ฉันไม่ปล่อยวางเรื่อง พ่อของฉัน ฉันสามารถยอมรับการสูญเสียได้ ฉันยังมีรายละเอียดในเรื่องนี้อีกมาคะที่คุณไม่ทราบ และแน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องของฉัน ไม่ใช่เรื่องของใคร คุณไม่ต้องลำบากแนะนำเรื่องการเสียชีวิตของพ่อฉันก้อก้อได้
ส่วนเรื่องอื่นๆขอบคุณมากที่ แสดงความเห็นคะ พระเจ้าอวยพร
ส่วนเรื่องอื่นๆขอบคุณมากที่ แสดงความเห็นคะ พระเจ้าอวยพร
sasuke เขียน: เพราะมนุษย์เราชอบที่จะสบาย เลยชอบสงสัยเวลาที่เกิดเรื่องร้ายๆ
"ทำไมเรื่องพวกนี้ต้องเกิดขึ้น"
"ทำไมเราถึงต้องไม่มีความสุข"
แต่เวลามีความสุขไม่เคยสงสัยเลย
"ทำไมเราถึงได้มีความสุขปานนี้ ใครกันหนอเป็นคนทำให้เรามีความสุข?"
การที่พระให้เราเจออะไรร้ายๆเสียบ้าง ก็เหมือนกับการที่พ่อที่ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ที่จะหัดลุกเองเวลาที่ล้มเมื่อตอนหัดเดินล่ะครับ ถ้าพ่อคอยจูงมือประคองตลอดเวลาไม่ให้ล้ม แล้วเมื่อไหร่ลูกจะเดินเองเป็น เช่นเดียวกัน ถ้าเราไม่เจออะไรร้ายๆเสียบ้าง แล้วเราจะเข้มแข็งขึ้นได้อย่างไร แทนที่จะมัวประวิงว่า "ทำไมพระไม่ทำอย่างโน้นอย่างนี้ พระไม่ยอมช่วยเราเลย" ทำไมไม่คิดว่า"พระต้องการสอนอะไรเรา?" ถึงได้ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ผมแน่ใจว่าทุกๆสิ่งมีเหตุผลในตัวเอง และหยิบยกมาสอนใจตัวเราเองได้เสมอ
ผมมองว่าคริสตชนที่เปลี่ยนศาสนามีความรู้เกี่ยวกับศาสนาเก่าของตนแทบไม่ถึงครึ่งเลย, นอกจากบัญญัติสิบประการ บทสวดพื้นฐาน แล้วก็วัดวันอาทิตย์ ผมว่าเค้าไม่รู้เรื่องอื่นๆหรอก ไม่รู้ว่าอะไรๆที่มีในพระไตรปิฎก ส่วนใหญ่ในไบเบิ้ลของเราก็มีสอน เลยมองว่าคำสอนทางนั้นดีกว่า ทั้งๆที่ก็แทบจะไม่ต่างกันเลยด้วยซ้ำ... ไม่ว่าศาสนาไหนๆเค้าก็สอนให้ปล่อยวางกับการสูญเสียทั้งนั้นล่ะครับ
ปัญหาของคุณอาจจะมีแค่คือคุณไม่สามารถยอมรับการสูญเสียได้แค่นั้นเอง, แต่นั่นเป็นเรื่องของคุณ ถ้าคุณจะไม่ปล่อยวางเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ลุกขึ้นเผชิญกับปัจจุบันและนำอดีตมาเป็นเครื่องเตือนใจตัวเอง ผมว่าพ่อคุณคงไม่ดีใจแน่ๆที่เห็นลูกของตัวเองมัวมาเศร้ากับการจากไปของคุณพ่อ แล้วมานั่งโทษโน่นโทษนี่ และคุณพ่อของคุณจะยิ่งเสียใจ ถ้าคุณพ่อของคุณอยู่กับพระเจ้าตอนนี้ เพราะคุณเอาแต่โทษพระเจ้า ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าที่พระยกคุณพ่อของคุณกลับไปนั้นดีอย่างไร เพราะผมไม่รู้จักคุณและไม่รู้จักพ่อคุณด้วย มีแต่คุณล่ะที่จะรู้ว่ามันดีอย่างไร เป็นเรื่องระหว่างคุณและพระเจ้าครับ
ขอพระเจ้าประทานความสว่าง
-
- โพสต์: 18
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 19, 2008 8:26 am
กรม ศาสนา เค้าสำรวจสถิติออกมาหน่ะ :huh:
แล้วตอนเราไปโบสถ์ คุณพ่อบอกว่า สถิติชาวคาทอลิกในไทย เท่าเดิมหลายปีแล้ว เรา ต้องมาช่วยกันว่าพวกเราพี่น้องคริสตชนจะประกาศข่าวดีของพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง
แล้วตอนเราไปโบสถ์ คุณพ่อบอกว่า สถิติชาวคาทอลิกในไทย เท่าเดิมหลายปีแล้ว เรา ต้องมาช่วยกันว่าพวกเราพี่น้องคริสตชนจะประกาศข่าวดีของพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง
Phulasso เขียน:proserpina เขียน: เราได้อ่าน บทความเรื่องการเบียดเบียนศาสนาคริสต์ในอิรัก ในเวปนะ ที่บังคับให้ชาวคริสต์ เปลี่ยนเป็นนับถืออิสลาม ไม่ให้เรียนหนังสือ ด้วย โดนกล่าวหาว่าเป็นสายลับ กบฎอะไรเนี่ย การเป็นคริสต์ อยู่ในหมู่อิสลามเป็นเรื่องที่ลำบากมาก โดนทำร้ายขนาดนี้ รวมไปถึงโบสถ์วิหาร ทำไม พระเจ้าถึงทรงไม่ทำอะไรเลย
ท่านจะถูกเบียดเบียนเพราะนามของเรา
พระบอกไว้แล้ว
จริงเหรอ ที่ฝาหรั่งเปลี่ยนเป็นพุทธเยอะ ข้อมูลจากไหนเอ่ยproserpina เขียน: ทุกวันนี้ พวกยุโรปอเมริกา ก็เปลี่ยนศาสนา ไปเป็นพุทธสะแล้วก็เยอะ เนื่องจาก พวกเค้าต้องการใครสักคน อยู่เคียงข้างเค้า แต่เค้ากลับไปพบอะไรเลย นอกจากสิ่งที่เค้าถูกสอนว่า พระเจ้าทรงรักเรา และมีแผนการเสมอ ตอนนี้พวกเค้าก้อไม่ค่อยเชื่อในพระเจ้าแล้วหล่ะ เริ่มจะเชื่อในข้่อเท็จจริงมากกว่า
อย่างเราเป็นต้นพ่อ เราป่วย ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว จนบัดนี้เรายังไม่เข้าใจเลยว่า การที่พระเจ้าเอาพ่อเราไป นั้นดีกับเราตรงไหน
แล้วโปรดถามว่า การที่พระเอาพ่อคุณไป ดีกับพ่อของคุณแค่ไหน
แล้วจะพบคำตอบที่อยากจะทราบ
-
- โพสต์: 18
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 19, 2008 8:26 am
ไม่ได้โทษ พระเจ้าเลย แต่เราจะไม่ขออธิบายเรื่องนี้ มันสับซ้อน ขอให้มันเป็นเรื่องระหว่างเรากับพระเจ้าแล้วกัน แค่บ่นเฉยๆ
เรากำลังคิดถึงประเด็นการเบียดเบียนศาสนามากกว่า
เรากำลังคิดถึงประเด็นการเบียดเบียนศาสนามากกว่า
~@Little lamb@~ เขียน: เรื่องพ่อตาย ทำไมถึงต้องโทษพระเจ้าค่ะ
ไม่เคยมีใครบอกว่า เชื่อพระเจ้าแล้วจะมีอายุเป็นพันปี หรือ ไม่ตายนะคะ
เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า เวลามีเรื่องไม่ดี ก็โทษพระเจ้า
แต่เวลามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต ไม่เคยนึกขอบคุณพระเจ้า
แบบนี้ยุติธรรมหรือคะ?
เพราะคุณมองความตายเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ว่าเป็นการจากลาชั่วนิรันดร
ไม่มีความเชื่อ และ ไม่มีความหวัง ในชีวิตหลังความตาย
ทั้ง ๆ ที่ศาสนาของเรา สอนอยู่เสมอว่า
ความตายสำหรับคริสตชน คือ การนอนหลับ
คือ การเกิดใหม่ ในสวรรค์ คือ การกลับบ้านที่แท้จริงต่างหาก
เราทุกคนก็ต้องตายทั้งนั้น พ่อของดิฉันก็ป่วย เป็นมะเร็ง และเสียชีวิตแล้วเช่นกัน
แต่ดิฉันมีความเชื่อและวางใจว่า พ่อดิฉันได้ไปสวรรค์
ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องทนทรมานในโลกนี้อีกแล้ว
และดิฉันมีความเชื่อว่า เราจะได้พบกันอีก ในสวรรค์
แล้วเรื่องการเบียดเบียนในอิรัก
รู้ได้ยังงัยคะ ว่าพระเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลย
พระองค์ทำ แต่คุณไม่รู้/ตะหนักเองต่างหาก
ไม่แน่ว่า สถานการณ์ อาจจะเลวร้ายกว่านี้มาก ด้วยซ้ำ
พระองค์อาจจะช่วยทุเลา เบาสถานการณ์แล้ว เพียงแต่คุณไม่รู้ หรือ ไม่ได้มองถึงเลย
ไม่แน่ว่า หากพระองค์ไม่ช่วยแล้ว อาจจะถึงขึ้นล่า ตัดหัวเหมือนภาคใต้ก็ได้
ที่ไทยพุทธโดด ๆ กันอยุ่ ขึ้นหน้าหนึ่ง ในหนังสือพิมพ์รา่ยวัน
ยุติธรรมกับพระเจ้าหน่อยเถอะค่ะ
เรื่องดี ๆ ก็ขอบคุณพระเจ้าบ้าง คิดถึงว่า พระเจ้าช่วยคุณมากมายกี่ครั้ง กี่หน
เรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่บังเอิญ หรือ โชคดี หรือ ฟลุ๊ค หรือ ส้มหล่น
พระเจ้าประทานให้ทั้งนั้น
อย่าโยนเรื่องร้าย ๆ ใส่พระองค์อย่างเดียว
พระเจ้าไม่ใช่แพะนะจ๊า
ขอพระเจ้าอวยพร
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ประเด็นการเบียดเบียนศาสนา ก็บอกไปแล้วเหมือนกัน
เรื่องการเบียดเบียนศาสนา ที่อินเดียคาทอลิกก็โดนเบียดเบียนมาเป็นเดือนแล้ว มีคุณพ่อโดนฆ่า ซิสเตอร์โดนรุมโทรม เห็นแล้วน่าสงสารมาก พระเจ้าก็สอนพวกเขาและพวกเราด้วยว่าให้เราให้อภัยแก่คนที่เบียดเบียนและสวดภาวนาให้เขา เพราะจะมีชีวิตหรือตายเราก็อยู่ในความรักของพระเจ้า ซึ่งอะไรก็มาพรากจากความรักของพระองค์ไม่ได้ (ในใจผมยังคิดว่าพวกเราคาทอลิกไทยเวลานี้อยู่กันสบายเกินไปหรือเปล่า)
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
น่าจะเคลียร์ตั้งแต่ความเห็นที่5แล้วมั้งครับ?
ถ้าคุณคิดว่า การเบียดเบียนในอิรัก การเบียดบียนในอินเดีย น่ากลัวแล้ว
การเบียดเบียนที่มองไม่เห็น กับ การเบียดเบียนอย่างแนบเนียน อันไหนน่ากลัวกว่ากันครับ
ผู้ที่ถูกทรมานจนตาย ก็ถือว่าตายอย่างสมเกียรติในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าของเรา
แต่เรา ท่าน และพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ในบรรยากาศอันสงบสุขทางศาสนา ดูรักใคร่ปรองดองกัน
คุณรู้่ไหมว่า...มีนักบวช และนักการศาสนาหลายคนแล้วที่เริ่มยอมรับประเพณีความเชื่อจากต่างศาสนา
พระศาสนจักรไม่ได้กลัวการเบียดเบียนทางกายภาพไปมากกว่าการเบียดเบียนอย่างแนบเนียนทางจิตใจหรอกครับ
แม้ยามพระคริสต์เจ้าทรงรับทรมานแบกกางเขนผ่านกลุ่มหญิงที่ร้องไห้เพื่อพระองค์ พระองค์ยังทรงบอกให้หญิงเหล่านั้ร้องไห้ให้ตัวเองเลย
มนุษย์ก็ย่อมเข้าใจ คิด รู้สึก และกระทำสิ่งต่างๆ ลงไปในแบบของมนุษย์
พระเจ้าผู้ทรงประเสริฐกว่าสิ่งใดๆ ผู้เป็นใหญ่กว่ากาลเวลา ผู้เป็นพยานการดีและการชั่วทั้งปวงในพิภพ ก็ทรงมีพระประสงค์เกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้
..แม้ยามใดที่ท่านไม่อาจช่วยเหลือพี่น้องด้วยการกระทำได้ จงให้ความช่วยเหลือด้วยการภาวนา
เวลาที่ท่านใช้ภาวนานั้น คงจะเป็นประโยชน์ต่อคนเหล่านั้นมากกว่าที่ท่านจะคร่ำครวญหาเหตุผลในพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า
หากพระองค์ประสงค์ให้ท่านทราบแล้วนั้น ก็ไม่มีสิ่งใดจะปิดบังปัญญาของท่านไปจากพระองค์ได้ เพราะปรีชาญาณก็ดี ความจริงก็ดี เป็นมาแต่พระองค์ทั้งสิ้น
การเบียดเบียนที่มองไม่เห็น กับ การเบียดเบียนอย่างแนบเนียน อันไหนน่ากลัวกว่ากันครับ
ผู้ที่ถูกทรมานจนตาย ก็ถือว่าตายอย่างสมเกียรติในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าของเรา
แต่เรา ท่าน และพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ในบรรยากาศอันสงบสุขทางศาสนา ดูรักใคร่ปรองดองกัน
คุณรู้่ไหมว่า...มีนักบวช และนักการศาสนาหลายคนแล้วที่เริ่มยอมรับประเพณีความเชื่อจากต่างศาสนา
พระศาสนจักรไม่ได้กลัวการเบียดเบียนทางกายภาพไปมากกว่าการเบียดเบียนอย่างแนบเนียนทางจิตใจหรอกครับ
แม้ยามพระคริสต์เจ้าทรงรับทรมานแบกกางเขนผ่านกลุ่มหญิงที่ร้องไห้เพื่อพระองค์ พระองค์ยังทรงบอกให้หญิงเหล่านั้ร้องไห้ให้ตัวเองเลย
มนุษย์ก็ย่อมเข้าใจ คิด รู้สึก และกระทำสิ่งต่างๆ ลงไปในแบบของมนุษย์
พระเจ้าผู้ทรงประเสริฐกว่าสิ่งใดๆ ผู้เป็นใหญ่กว่ากาลเวลา ผู้เป็นพยานการดีและการชั่วทั้งปวงในพิภพ ก็ทรงมีพระประสงค์เกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้
..แม้ยามใดที่ท่านไม่อาจช่วยเหลือพี่น้องด้วยการกระทำได้ จงให้ความช่วยเหลือด้วยการภาวนา
เวลาที่ท่านใช้ภาวนานั้น คงจะเป็นประโยชน์ต่อคนเหล่านั้นมากกว่าที่ท่านจะคร่ำครวญหาเหตุผลในพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า
หากพระองค์ประสงค์ให้ท่านทราบแล้วนั้น ก็ไม่มีสิ่งใดจะปิดบังปัญญาของท่านไปจากพระองค์ได้ เพราะปรีชาญาณก็ดี ความจริงก็ดี เป็นมาแต่พระองค์ทั้งสิ้น
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
สรุปว่าเข้าใจหรือยังเอ่ย :cheesy:
ตามหลักคัลวินิสที่ผมถือ พระเจ้าจะทำลายทั้งโลกก็ได้ฮะเพราะนั่นเป็นผลจากบาปกำเนิด ที่พระองค์อนุญาตให้ชาวอิรักถูกทำร้ายก็เพราะมนุษย์ทุกคนสมควรรับผลเลวร้ายจากบาปกำเนิดและการล่อลวงในสวนอิเด็น
การเลือกจะช่วยหรือไม่ช่วยเป็นทางเลือกของพระองค์คนเดียวฮะ จริงๆถึงไม่ช่วยพระองค์ก็ยังทรงยุติธรรมเพราะมนุษย์ทุกคนสมควรโดนสิ่งเลวร้ายทุกอย่างอยู่แล้ว จะรอดได้ก็เพราะผ่านรักและเขมตตาองพระองค์เท่านั้น
ฉะนั้นถ้าพระองค์เลือกจะช่วย ชาวอีรักเหล่านั้นยอมรับทางรอดของพระองค์จริงคุณก็จะเห็นเอง ไม่บนโลกนี้ก็สรวงสวรรค์
ถ้าเลือกจะไม่ช่วยก็ไม่ต้องแปลกใจฮะ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่เริ่มจักรวาล
พระอวยพร
การเลือกจะช่วยหรือไม่ช่วยเป็นทางเลือกของพระองค์คนเดียวฮะ จริงๆถึงไม่ช่วยพระองค์ก็ยังทรงยุติธรรมเพราะมนุษย์ทุกคนสมควรโดนสิ่งเลวร้ายทุกอย่างอยู่แล้ว จะรอดได้ก็เพราะผ่านรักและเขมตตาองพระองค์เท่านั้น
ฉะนั้นถ้าพระองค์เลือกจะช่วย ชาวอีรักเหล่านั้นยอมรับทางรอดของพระองค์จริงคุณก็จะเห็นเอง ไม่บนโลกนี้ก็สรวงสวรรค์
ถ้าเลือกจะไม่ช่วยก็ไม่ต้องแปลกใจฮะ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่เริ่มจักรวาล
พระอวยพร
คุณเจ้าของกระทู้ไม่เคยอ่านเจอไหมครับ
มธ.
24:9 ในเวลานั้นเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้ให้ทนทุกข์ลำบากและจะฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆจะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา
24:10 คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไปและทรยศกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกัน
ลก.
เส้นทางของคนยุคนี้ (มธ 24:4-14)
21:8 พระองค์จึงตรัสว่า "ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเราและว่า `เราเป็นพระคริสต์' และว่า `เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว' ท่านทั้งหลายอย่าตามเขาไปเลย
21:9 เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงการสงครามและการจลาจล อย่าตกใจกลัว เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นจำต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ที่สุดปลายยังจะไม่มาทันที"
21:10 แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า "`ประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร'
21:11 ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในที่ต่างๆ และจะเกิดกันดารอาหารและโรคระบาดอย่างร้ายแรง และจะมีความวิบัติอันน่ากลัว และหมายสำคัญใหญ่ๆจากฟ้าสวรรค์
21:12 แต่ก่อนเหตุการณ์เหล่านั้นเขาจะจับท่านไว้ และจะข่มเหงท่านและมอบท่านไว้ในธรรมศาลาและในคุก และพาท่านไปต่อหน้ากษัตริย์และเจ้าเมืองเพราะเหตุนามของเรา
21:13 การนั้นจะเกิดแก่ท่านเพื่อท่านจะได้เป็นพยาน
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดเพื่อท่านจะได้เป็นพยาน
การข่มเหงคริสตชน มีมานานนับพันปี และก็ยังมีอยู่เรื่อยไป จนกว่าแผนการจะเสร็จสิ้น บทสรุปของพวกที่เป็นพยานมีเช่นไร ไบเบิ้ลก็บอกไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าได้อ่านแล้ว ก็จะไม่สงสัยเหตุการณ์ในอิรัก หรือที่อื่นๆ
หรือคุณเจ้าของกระทู้อ่านเรื่องอิรัก แล้วลืมเหตุการณ์ล่วงหน้าที่พระเยซูเจ้าได้บอกไว้แล้วทำให้สงสัย??
มธ.
24:9 ในเวลานั้นเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้ให้ทนทุกข์ลำบากและจะฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆจะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา
24:10 คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไปและทรยศกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกัน
ลก.
เส้นทางของคนยุคนี้ (มธ 24:4-14)
21:8 พระองค์จึงตรัสว่า "ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเราและว่า `เราเป็นพระคริสต์' และว่า `เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว' ท่านทั้งหลายอย่าตามเขาไปเลย
21:9 เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงการสงครามและการจลาจล อย่าตกใจกลัว เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นจำต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ที่สุดปลายยังจะไม่มาทันที"
21:10 แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า "`ประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร'
21:11 ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในที่ต่างๆ และจะเกิดกันดารอาหารและโรคระบาดอย่างร้ายแรง และจะมีความวิบัติอันน่ากลัว และหมายสำคัญใหญ่ๆจากฟ้าสวรรค์
21:12 แต่ก่อนเหตุการณ์เหล่านั้นเขาจะจับท่านไว้ และจะข่มเหงท่านและมอบท่านไว้ในธรรมศาลาและในคุก และพาท่านไปต่อหน้ากษัตริย์และเจ้าเมืองเพราะเหตุนามของเรา
21:13 การนั้นจะเกิดแก่ท่านเพื่อท่านจะได้เป็นพยาน
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดเพื่อท่านจะได้เป็นพยาน
การข่มเหงคริสตชน มีมานานนับพันปี และก็ยังมีอยู่เรื่อยไป จนกว่าแผนการจะเสร็จสิ้น บทสรุปของพวกที่เป็นพยานมีเช่นไร ไบเบิ้ลก็บอกไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าได้อ่านแล้ว ก็จะไม่สงสัยเหตุการณ์ในอิรัก หรือที่อื่นๆ
หรือคุณเจ้าของกระทู้อ่านเรื่องอิรัก แล้วลืมเหตุการณ์ล่วงหน้าที่พระเยซูเจ้าได้บอกไว้แล้วทำให้สงสัย??
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
พระองค์ได้ทรงทำแล้ว !!!
ชายหนุ่มคนหนึ่งมีการศึกษาดี และมีชีวิตที่เป็นสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น มีงานที่มั่นคง
วันหนึ่งในขณะที่เขากำลังเดินทางไปทำงานนั้น เขาก็สังเกตุเห็นว่า รอบ ๆ ตัวของเขานั้น ยังมีคนที่ลำบากอยู่อีกไม่น้อยเลย เช่น คนตาบอด2คนที่กำลังเดินจูงมือกันข้ามถนน, เด็กขอทานที่นั่งอยู่ตรงทางขึ้นสะพานลอย และวิ่งขายพวงมาลัยไปมาตามสี่แยกไฟแดง , ลุงหรือป้าแก่ ๆ ที่เดินเก็บเศษขยะตามถังขยะและข้างทาง
เขาจึงรำพึงในใจกับพระเป็นเจ้าว่า “ทำไมพระองค์จึงทรงปล่อยให้พวกเขาลำบากอย่างนี้ พระองค์ไม่เห็นความลำบากของพวกเขาเลยหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเหลือ หรือทำอะไรเพื่อช่วยพวกเขาเหล่านั้นเลยหรือ?”
แล้วทุก ๆ วัน ... ที่เขาเห็นผู้คนต่าง ๆ ที่ลำบากเหล่านั้น เขาก็จะคิดรำพึงในใจกับพระเป็นเจ้าอย่างนี้เสมอ ๆ จนเขาเกิดความคลางแคลงใจในพระเจ้าว่าพระองค์มีอยู่จริงหรือ?
ทันใดนั้น ... ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจของเขาว่า “เราได้ทำแล้ว ... เราได้สร้างเจ้าขึ้นมาไงหล่ะ”
แล้วเรามัวทำอะไรกันอยู่ เราไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาด้วย 2 มือของเราได้ เพราะเราอยู่ห่างไกลกัน แต่พวกเราสามารถช่วยพวกเขาได้ ด้วยคำภาวนาของเราในทุก ๆ วัน พร้อมใจกันส่งคำภาวนาไปให้เขาเสมอ ๆ สวดภาวนาให้แก่ทุกคนที่ลำบากยากจน และต้องการความช่วยเหลือ เคยทำพลีกรรมเพื่อคริสตชนในอิรักที่ถูกเบียดเบียนบ้างหรือยัง แค่คุกเข่าสวดสายประคำ 1 สาย ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว
แล้ว ... มีใครบ้างไหม๊ ที่สวดภาวนาคล้าย ๆ แบบนี้
”หากหนทางในชีวิตข้างหน้าของลูก จะทำให้ลูกต้องตกอยู่ในบาปหนัก ซึ่งทำให้ลูกต้องตกลงไปในไฟนรกตลอดนิรันดร์ และไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ในสวรรค์แล้ว ก็ขอให้พระองค์มารับลูกไปอยู่กับพระองค์ก่อนเถิด อย่าปล่อยให้ลูกต้องตกอยู่ในบาปหนักนั้นเลย”
ดิฉันคิดว่า ... ลูก ๆ ของดิฉันก็คงจะไม่เข้าใจในพระบิดาเจ้าเหมือนกัน ถ้าพระองค์จะรับดิฉันไปอยู่สวรรค์เร็วไปสักหน่อย และถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง คำภาวนาในสวรรค์ของดิฉัน ย่อมส่งผลดีกับลูกหลานของดิฉันแน่ ๆ
และถ้าดิฉันต้องตกนรกเพราะบาปหนักแล้ว ดิฉันคงไม่มีโอกาสมอบสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตของลูกหลานของดิฉันเป็นแน่
บางครั้ง ... พระบิดาเจ้าทรงพิจารณาดีแล้ว และเห็นควรแล้วว่า สมควรที่จะรับผู้ใดมาอยู่กับพระองค์เมื่อใด หากทรงนิ่งเฉยปล่อยไว้อาจจะทรงสูญเสียเขาไปตลอดนิรันดรก็ได้ จึงรีบรับเขามาอยู่กับพระองค์ก่อนจะดีกว่า
แบ่งปันด้วยความเชื่อสิ้นสุดจิตใจ
หากอ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ... ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ชายหนุ่มคนหนึ่งมีการศึกษาดี และมีชีวิตที่เป็นสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น มีงานที่มั่นคง
วันหนึ่งในขณะที่เขากำลังเดินทางไปทำงานนั้น เขาก็สังเกตุเห็นว่า รอบ ๆ ตัวของเขานั้น ยังมีคนที่ลำบากอยู่อีกไม่น้อยเลย เช่น คนตาบอด2คนที่กำลังเดินจูงมือกันข้ามถนน, เด็กขอทานที่นั่งอยู่ตรงทางขึ้นสะพานลอย และวิ่งขายพวงมาลัยไปมาตามสี่แยกไฟแดง , ลุงหรือป้าแก่ ๆ ที่เดินเก็บเศษขยะตามถังขยะและข้างทาง
เขาจึงรำพึงในใจกับพระเป็นเจ้าว่า “ทำไมพระองค์จึงทรงปล่อยให้พวกเขาลำบากอย่างนี้ พระองค์ไม่เห็นความลำบากของพวกเขาเลยหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเหลือ หรือทำอะไรเพื่อช่วยพวกเขาเหล่านั้นเลยหรือ?”
แล้วทุก ๆ วัน ... ที่เขาเห็นผู้คนต่าง ๆ ที่ลำบากเหล่านั้น เขาก็จะคิดรำพึงในใจกับพระเป็นเจ้าอย่างนี้เสมอ ๆ จนเขาเกิดความคลางแคลงใจในพระเจ้าว่าพระองค์มีอยู่จริงหรือ?
ทันใดนั้น ... ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจของเขาว่า “เราได้ทำแล้ว ... เราได้สร้างเจ้าขึ้นมาไงหล่ะ”
แล้วเรามัวทำอะไรกันอยู่ เราไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาด้วย 2 มือของเราได้ เพราะเราอยู่ห่างไกลกัน แต่พวกเราสามารถช่วยพวกเขาได้ ด้วยคำภาวนาของเราในทุก ๆ วัน พร้อมใจกันส่งคำภาวนาไปให้เขาเสมอ ๆ สวดภาวนาให้แก่ทุกคนที่ลำบากยากจน และต้องการความช่วยเหลือ เคยทำพลีกรรมเพื่อคริสตชนในอิรักที่ถูกเบียดเบียนบ้างหรือยัง แค่คุกเข่าสวดสายประคำ 1 สาย ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว
แล้ว ... มีใครบ้างไหม๊ ที่สวดภาวนาคล้าย ๆ แบบนี้
”หากหนทางในชีวิตข้างหน้าของลูก จะทำให้ลูกต้องตกอยู่ในบาปหนัก ซึ่งทำให้ลูกต้องตกลงไปในไฟนรกตลอดนิรันดร์ และไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ในสวรรค์แล้ว ก็ขอให้พระองค์มารับลูกไปอยู่กับพระองค์ก่อนเถิด อย่าปล่อยให้ลูกต้องตกอยู่ในบาปหนักนั้นเลย”
ดิฉันคิดว่า ... ลูก ๆ ของดิฉันก็คงจะไม่เข้าใจในพระบิดาเจ้าเหมือนกัน ถ้าพระองค์จะรับดิฉันไปอยู่สวรรค์เร็วไปสักหน่อย และถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง คำภาวนาในสวรรค์ของดิฉัน ย่อมส่งผลดีกับลูกหลานของดิฉันแน่ ๆ
และถ้าดิฉันต้องตกนรกเพราะบาปหนักแล้ว ดิฉันคงไม่มีโอกาสมอบสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตของลูกหลานของดิฉันเป็นแน่
บางครั้ง ... พระบิดาเจ้าทรงพิจารณาดีแล้ว และเห็นควรแล้วว่า สมควรที่จะรับผู้ใดมาอยู่กับพระองค์เมื่อใด หากทรงนิ่งเฉยปล่อยไว้อาจจะทรงสูญเสียเขาไปตลอดนิรันดรก็ได้ จึงรีบรับเขามาอยู่กับพระองค์ก่อนจะดีกว่า
แบ่งปันด้วยความเชื่อสิ้นสุดจิตใจ
หากอ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ... ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย กรอกสมบูรณ์ เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 23, 2008 4:32 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
[quote="kroksomboon"]
พระองค์ได้ทรงทำแล้ว !!!
ชายหนุ่มคนหนึ่งมีการศึกษาดี และมีชีวิตที่เป็นสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น มีงานที่มั่นคง
วันหนึ่งในขณะที่เขากำลังเดินทางไปทำงานนั้น เขาก็สังเกตุเห็นว่า รอบ ๆ ตัวของเขานั้น ยังมีคนที่ลำบากอยู่อีกไม่น้อยเลย เช่น คนตาบอด2คนที่กำลังเดินจูงมือกันข้ามถนน, เด็กขอทานที่นั่งอยู่ตรงทางขึ้นสะพานลอย และวิ่งขายพวงมาลัยไปมาตามสี่แยกไฟแดง , ลุงหรือป้าแก่ ๆ ที่เดินเก็บเศษขยะตามถังขยะและข้างทาง
เขาจึงรำพึงในใจกับพระเป็นเจ้าว่า
พระองค์ได้ทรงทำแล้ว !!!
ชายหนุ่มคนหนึ่งมีการศึกษาดี และมีชีวิตที่เป็นสุข มีครอบครัวที่อบอุ่น มีงานที่มั่นคง
วันหนึ่งในขณะที่เขากำลังเดินทางไปทำงานนั้น เขาก็สังเกตุเห็นว่า รอบ ๆ ตัวของเขานั้น ยังมีคนที่ลำบากอยู่อีกไม่น้อยเลย เช่น คนตาบอด2คนที่กำลังเดินจูงมือกันข้ามถนน, เด็กขอทานที่นั่งอยู่ตรงทางขึ้นสะพานลอย และวิ่งขายพวงมาลัยไปมาตามสี่แยกไฟแดง , ลุงหรือป้าแก่ ๆ ที่เดินเก็บเศษขยะตามถังขยะและข้างทาง
เขาจึงรำพึงในใจกับพระเป็นเจ้าว่า
-
- โพสต์: 18
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 19, 2008 8:26 am
อืมมมมม ลืมเรื่องในไบเบิ้ลไปเลย ขอบคุณทุกคนมาก เราไม่ได้ คนเคร่งศาสนานะ แต่รู้สึกโกรธ ที่ได้ ทราบเรื่องการเบียดศาสนาในอินเดีย และในอิรัก เป็นเรื่องที่แย่มาก รู้สึกอึดอัด แม้กระทั้งในบ้านเราเอง ก็ยังมีการพูดจาเสียดสีกัน บางครั้งเราก้อคิดว่า เราจะช่วยคนเหล่านี้ยังไงดี อยากรู้จังว่า คริสตชนบ้านเรามีการตั้งกลุ่มกันเพื่อ จัดกองทุนช่วยเหลือ ประเทศที่ถูกเบียดเบียนอะไรแบนี้รึปล่าว ถ้ามีก้อช่วยบอกกัน นะคะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
สิ่งที่ทำได้ทันที คือ สวดภาวนาให้เขาค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพร
ขอพระเจ้าอวยพร
-
- โพสต์: 133
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 11:42 am
- ที่อยู่: > <" Xiah Junsu Fightingg g!!!
อย่าโทษพระเจ้าสิค่ะ
อะไรๆก็โทษท่านอ่า
เฮ้อ~
อะไรๆก็โทษท่านอ่า
เฮ้อ~
ouroboros เขียน: ตามหลักคัลวินิสที่ผมถือ พระเจ้าจะทำลายทั้งโลกก็ได้ฮะเพราะนั่นเป็นผลจากบาปกำเนิด ที่พระองค์อนุญาตให้ชาวอิรักถูกทำร้ายก็เพราะมนุษย์ทุกคนสมควรรับผลเลวร้ายจากบาปกำเนิดและการล่อลวงในสวนอิเด็น
การเลือกจะช่วยหรือไม่ช่วยเป็นทางเลือกของพระองค์คนเดียวฮะ จริงๆถึงไม่ช่วยพระองค์ก็ยังทรงยุติธรรมเพราะมนุษย์ทุกคนสมควรโดนสิ่งเลวร้ายทุกอย่างอยู่แล้ว จะรอดได้ก็เพราะผ่านรักและเขมตตาองพระองค์เท่านั้น
ฉะนั้นถ้าพระองค์เลือกจะช่วย ชาวอีรักเหล่านั้นยอมรับทางรอดของพระองค์จริงคุณก็จะเห็นเอง ไม่บนโลกนี้ก็สรวงสวรรค์
ถ้าเลือกจะไม่ช่วยก็ไม่ต้องแปลกใจฮะ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่เริ่มจักรวาล
พระอวยพร
มนุษย์ต่างดาวไม่มีในใบเบิ้ลงั้นหรอ อืม เอางี้ครับ wat is Nephilim? wat is Angel? และอะไรคือเสาร์เมฆและเสาร์เพลิงในบทเจเนซิสที่พระเจ้าทรงลอยนำทางให้พวกอิสราเอลหรอคับ?
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
อย่าบอกนะ...ว่าเป็นคุณเองDsw เขียน: มนุษย์ต่างดาวไม่มีในใบเบิ้ลงั้นหรอ อืม เอางี้ครับ wat is Nephilim? wat is Angel? และอะไรคือเสาร์เมฆและเสาร์เพลิงในบทเจเนซิสที่พระเจ้าทรงลอยนำทางให้พวกอิสราเอลหรอคับ?
5555+เอิ๊ก
ถ้ามีมนุษย์ต่างดาวจริง ช่วยจับตัวเป็น ๆ มาให้ดูหน่อยซิ อยากเห็นหน่ะ
มีแต่เขาเล่าว่า... เขาบอกว่า... เขาอ้างว่า... แล้วก็เชื่อกันไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีใครเคยเห็นจริง ๆ สักที
แต่พระคัมภีร์ มีเขียนบอกสอนให้มนุษย์รักกันและกัน...ให้รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ทำไม๊...ไม่เชื่อ
แก้ไขล่าสุดโดย กรอกสมบูรณ์ เมื่อ อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2008 4:03 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ฮืมมมมม...เอออ...มนุษย์ต่างดาว (ทำไมกลายมาเป็นเรื่องมนุษย์ต่างดาวงิ)
พระเจ้าจะสร้างมนุษย์ในโลกอื่นด้วยรึเปล่า
ก็เป็นสิทธิ์อำนาจของพระองค์
แต่ จะมีหรือไม่มี
ก็ช่างมันเถอะค่ะ รู้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้ไปสวรรค์ จร้าาา
พระเจ้าจะสร้างมนุษย์ในโลกอื่นด้วยรึเปล่า
ก็เป็นสิทธิ์อำนาจของพระองค์
แต่ จะมีหรือไม่มี
ก็ช่างมันเถอะค่ะ รู้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้ไปสวรรค์ จร้าาา
อ่านกระทู้นี้แล้วนึกนอกเรื่องนิดหน่อยไปที่การ์ตูน Futurama ที่ผมเพิ่งหยิบย้อนกลับมาดูอีก...
จากการ์ตูนตอนหนึ่งที่ตัวละครที่เป็นหุ่นยนต์ หลุดลอยคว้างไปในห้วงอวกาศ แล้วเกิดอารยธรรมขึ้นบนร่าง แล้วหุ่นยนต์ก็เลยกลายเป็น a god ของอารยธรรมนั้น จากนั้นหลังจาก
ที่อารยธรรมเจริญขึ้นมาถึงระดับหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือของหุ่นยนต์บ้าง ด้วยการลองผิดลองถูกบ้าง ่อารยธรรมที่เกิดก็ทำลายล้างกันจนหมดสิ้น เจ้าหุ่นยนต์ล่องลอยไปอีกจน
ถึงกลุ่มดาวอีกกลุ่มที่คุยกันได้ หุ่นยนต์ก็ทึกทักเอาว่ากลุ่มดาวคือ god ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าการ์ตูนตอนนี้ล้อเลียนศาสนาอย่างไร แต่เป็นบทสรุปที่กลุ่มดาวนั้นให้กับหุ่นยนต์ไว้
อย่างน่าสนใจ
หุ่นยนต์ถามในทำนองที่ว่า เป็นพระเจ้าต้องทำอย่างไร มนุษย์ถึงจะพอใจ (ผมจำคำชัดเจนไม่ได้แล้วครับ แต่ถามในทำนองนี้)
กลุ่มดาวตอบในทำนองที่ว่า เป็นเรื่องยากที่จะทำให้มนุษย์พอใจ เพราะ...
ถ้าช่วยมนุษย์มากเกินไป ...มนุษย์จะทำอะไรเองไม่เป็น และมัวแต่จะร้องขอให้พระเจ้าช่วยเหลืออยู่เรื่อย
ถ้าไม่ช่วยมนุษย์เลย หรือช่วยน้อยไป ...มนุษย์จะขาดความหวัง (loose hope) ในพระเจ้า
ถ้าช่วยมนุษย์พอเหมาะพอดี ...มนุษย์จะรู้สึกว่า พระเจ้าไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย
จากการ์ตูนตอนหนึ่งที่ตัวละครที่เป็นหุ่นยนต์ หลุดลอยคว้างไปในห้วงอวกาศ แล้วเกิดอารยธรรมขึ้นบนร่าง แล้วหุ่นยนต์ก็เลยกลายเป็น a god ของอารยธรรมนั้น จากนั้นหลังจาก
ที่อารยธรรมเจริญขึ้นมาถึงระดับหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือของหุ่นยนต์บ้าง ด้วยการลองผิดลองถูกบ้าง ่อารยธรรมที่เกิดก็ทำลายล้างกันจนหมดสิ้น เจ้าหุ่นยนต์ล่องลอยไปอีกจน
ถึงกลุ่มดาวอีกกลุ่มที่คุยกันได้ หุ่นยนต์ก็ทึกทักเอาว่ากลุ่มดาวคือ god ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าการ์ตูนตอนนี้ล้อเลียนศาสนาอย่างไร แต่เป็นบทสรุปที่กลุ่มดาวนั้นให้กับหุ่นยนต์ไว้
อย่างน่าสนใจ
หุ่นยนต์ถามในทำนองที่ว่า เป็นพระเจ้าต้องทำอย่างไร มนุษย์ถึงจะพอใจ (ผมจำคำชัดเจนไม่ได้แล้วครับ แต่ถามในทำนองนี้)
กลุ่มดาวตอบในทำนองที่ว่า เป็นเรื่องยากที่จะทำให้มนุษย์พอใจ เพราะ...
ถ้าช่วยมนุษย์มากเกินไป ...มนุษย์จะทำอะไรเองไม่เป็น และมัวแต่จะร้องขอให้พระเจ้าช่วยเหลืออยู่เรื่อย
ถ้าไม่ช่วยมนุษย์เลย หรือช่วยน้อยไป ...มนุษย์จะขาดความหวัง (loose hope) ในพระเจ้า
ถ้าช่วยมนุษย์พอเหมาะพอดี ...มนุษย์จะรู้สึกว่า พระเจ้าไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย
อือมมมมมมม :rolleyes:thanwa เขียน: ถ้าช่วยมนุษย์มากเกินไป ...มนุษย์จะทำอะไรเองไม่เป็น และมัวแต่จะร้องขอให้พระเจ้าช่วยเหลืออยู่เรื่อย
ถ้าไม่ช่วยมนุษย์เลย หรือช่วยน้อยไป ...มนุษย์จะขาดความหวัง (loose hope) ในพระเจ้า
ถ้าช่วยมนุษย์พอเหมาะพอดี ...มนุษย์จะรู้สึกว่า พระเจ้าไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่อย่างน้อย ก็มีมนุษย์บางส่วนแหละเนาะ ที่รู้ว่าพระเจ้าอยู่เคียงข้างพวกเขาเสมอ
ใช่ไหมๆๆ
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
พระเจ้าปรารถนาให้มนุษย์รักพระองค์สุดจิตสุดใจไม่ใช่พุดแค่ปาก หรือลงมือทำไปงั้น ๆ ก็เลยต้องปล่อยให้มีการทดสอบกันบ้าง เพราะความรักต้องอดทนนาน อย่างที่นักบุญเปาโลว่า เลยต้องทดสอบหนัก ๆหน่อย จะได้เห็นผลเร็ว
จริงค่ะจอมนางกระบี่เดี่ยว เขียน: พระเจ้าปรารถนาให้มนุษย์รักพระองค์สุดจิตสุดใจไม่ใช่พุดแค่ปาก หรือลงมือทำไปงั้น ๆ ก็เลยต้องปล่อยให้มีการทดสอบกันบ้าง เพราะความรักต้องอดทนนาน อย่างที่นักบุญเปาโลว่า เลยต้องทดสอบหนัก ๆหน่อย จะได้เห็นผลเร็ว
เมื่อเราผ่านบททดสอบ (สุดหิน) ไปได้ ความเชื่อเราจะหนักแน่นขึ้น (มาก) ค่ะ