สลดเศร้าใจมากๆ

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ ม.ค. 09, 2009 11:52 pm

ขอคำภาวนาอย่างด่วน และจริงจังด้วยนะครับ ถ้าใครสวดภาวนาแล้วช่วยเขียนคำภาวนา ด้วยนะครับ (ขอสวดจริงๆนะครับผม) ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ครับ

ดูข่าวได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับผม
http://talk.mthai.com/topic/43691

รูปภาพ

ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลายโปรดทรงช่วยเหลือวิญญาณที่จากโลกนี้ไปได้ พบกับหนทางแห่งความรอด ตามวิถีทางแห่งความเมตตาของพระองค์ด้วยเทอญ

วันทามารีอา ช่วยวิงวอนเทอญ ...
แก้ไขล่าสุดโดย Kichinto เมื่อ เสาร์ ม.ค. 10, 2009 12:08 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nura
โพสต์: 177
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ต.ค. 18, 2008 2:48 am

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 12:19 am

ขอพระองค์ช่วยบรรเทาความทุกข์ญาติและเพื่อนฝูงของผู้เสียชีวิตทุกท่าน  ให้ชายผู้นั้นสำนึกในบาปและหันเข้าหาพระองค์  ขอพระองค์ดูแลรักษาภรรยาและบุตรทั้งสี่ของผู้เสียชีวิต ให้พวกเขารู้ว่ายังมีพระองค์อยู่ และรับรู้ถึงความรักของพระองค์  ขอพระองค์ดูแลเด็กน้อยซึ่งเป็นบุตรของหญิงสาวผู้เสียชีวิตให้เขาได้เติบโตขึ้นมาเป็นบุตรที่ดีของพระองค์  และสุดท้ายขอวิญญาณของบุคคลเหล่านั้นได้พักในความสงบ  ในนามพระเยซูเจ้า อาเมน
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 1:00 am

ขอให้เขากลับใจ ขอให้พระเมตตาของพระองค์ปกคลุมเหนือทุกดวงวิญญาณ  และมีชัยชนะเหนือเขา
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 2:08 am

ก่อนอื่นหมด ขอกราบอนุญาติออกความคิดเห็นแตกต่างจากพี่น้องคริสตชน(ทุกนิกาย)ทุกท่านก่อนนะครับ

เริ่มเลย...ในสหรัฐอเมริกา ยามและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สามารถพกปืนและสวมเสื้อเกราะ(รวมทั้งผ่านการฝึกในการยิงต่อสู้) ได้เหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐทุกประการ เหตุการณ์ดังกล่าว หากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเมืองไทย สามารถติดอาวุธและสวมเสื้อเกราะเหมือนตำรวจอเมริกันทุกอย่าง(และผ่านการฝึกอย่างช่ำชองในการยิงต่อสู้แล้ว) ผีตายโหงในคืนดังกล่าว อาจเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุก็ได้ครับ

ในเมืองไทย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย(หรือยาม ในภาษาปากของชาวบ้าน)ก็มีแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารและรถขนเงินเพียงเท่านั้น แถมพกเพียงแค่ปืนพกและลูกซอง(ในเมกา เจ้าหน้าที่ของรถขนเงิน พกพา เอ็ม16 พร้อมเสื้อเกราะกันกระสุนสงครามทุกคน)

หากยามเมืองไทยพกปืนได้เหมือนยามอเมริกัน และเจ้าหน้าที่ขนเงินธนาคารไทย ติดอาวุธสงครามได้เหมือนเจ้าหน้าที่ขนเงินของธนาคารอเมริกัน เรื่องน่าเศร้าแบบที่เกิดในเมืองไทย คงลดลงไปมากครับ(เพราะต้องยิงหูดับตับไหม้ก่อน และเลือดสาดพอสมควร กว่าคนร้ายจะบรรลุวัตถุประสงค์ หรือตายเสียก่อน)

อ้างประเทศที่เจริญแล้วแบบเมกา คงไกลตัวเกินไป เอาตัวอย่างประเทศฟิลิปปินส์ก็แล้วกันครับ ประเทศดังกล่าว เศรษฐกิจในทุกด้านแย่กว่าเรามาก ดังนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย(ยามเอกชน)สามารถติดอาวุธได้เต็มพิกัด และในสังคม ทุกทุกที่ที่มีเงิน ต้องมียามเฝ้าเสมอ(แม้นกระทั่งร้านไก่ทอด เค เอฟ ซี) ไม่เชื่อไปถามคริสตังฟิลิปปินส์ที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยได้นะครับ(ขอย้ำ)

รูปภาพ
ที่เห็นนี้ไม่ใช่ตำรวจนะครับ เป็นยามจากบริษัทเอกชน รับจ้างมาเฝ้าหน้าร้านค้าธรรมดา โดยมีลูกซองห้านัดเป็นอาวุธ(และผ่านการฝึกมาด้วย) บ้านเรายามเอกชนมีแค่กระบอกไม้ แล้วแบบนี้จะไปสู้โจรมีปืนมีมีดได้อย่างไร

รูปภาพ

สองคนนี้ ไม่ใช่ตำรวจนะครับ แต่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท์เอกชน ติดปืนลูกซองห้านัด อยู่หน้าอพารเมนต์แห่งหนึ่งในกรุงมะนิลา อยากให้เมืองไทยยามติดอาวุธได้แบบนี้จัง

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

ปล.ผมรู้ว่าพี่น้องทุกท่านไม่ชอบความคิดเห็นโดยส่วนตัวของผมโดยสิ้นเชิง กราบขออภัยด้วย แต่อย่าลืมนะครับ ชาวฟิลิปปิ่นส์เกือบเก้าสิบกว่าเปอร์เซนต์ ก็เป็นคาทอลิกเหมือนกับเรา(แถมเคร่งด้วย)โปรดรับรู้ไว้ด้วย(ขอบคุณครับ)  กราบขอบคุณครับทุกท่าน และขอโทษล่วงหน้าที่ความคิดเห็นโดยส่วนตัวของผม ขัดใจพี่น้องทุกท่านอย่างสิ้นเชิงครับผม
แก้ไขล่าสุดโดย Pry-Kaew เมื่อ เสาร์ ม.ค. 10, 2009 2:15 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 5:53 am

ขอบคุณพี่พลายแก้วด้วยนะครับ ที่ให้ความรู้หลายๆอย่างมากเลย (โดยเฉพาะเกี่ยวกับด้านทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย)

แต่ ... เอ๋สวดให้คนที่เขาตายหรือยังเนี่ย

โดยส่วนตัวแล้วสำหรับความคิดเห็นคุณพลายแก้วนั้น ผมก็ว่าโอเคแล้วครับ มีความรู้ทางด้านทหาร ระบอบการเมืองต่างๆ มีความรู้หลายด้านก็ดีแล้วครับ ... เพียงแต่ลดดีกรี การ"ด่า"ฝรั่ง (หรือบุคคลที่คุณพลายแก้วเห็นว่านิสัยไม่ดี) ลงบ้างก็ดีเน้อ.... แต่หันมาสวดให้จะดีกว่าเน้อครับผม
แก้ไขล่าสุดโดย Kichinto เมื่อ เสาร์ ม.ค. 10, 2009 6:00 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 6:39 am

ขอพระองค์ทรงเมตตาเทอญ ::008::
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 11:01 am

Kichinto เขียน: ขอบคุณพี่พลายแก้วด้วยนะครับ ที่ให้ความรู้หลายๆอย่างมากเลย (โดยเฉพาะเกี่ยวกับด้านทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย)

แต่ ... เอ๋สวดให้คนที่เขาตายหรือยังเนี่ย

โดยส่วนตัวแล้วสำหรับความคิดเห็นคุณพลายแก้วนั้น ผมก็ว่าโอเคแล้วครับ มีความรู้ทางด้านทหาร ระบอบการเมืองต่างๆ มีความรู้หลายด้านก็ดีแล้วครับ ... เพียงแต่ลดดีกรี การ"ด่า"ฝรั่ง (หรือบุคคลที่คุณพลายแก้วเห็นว่านิสัยไม่ดี) ลงบ้างก็ดีเน้อ.... แต่หันมาสวดให้จะดีกว่าเน้อครับผม
ขอบคุณครับ สำหรับคำเตือนสติของพี่น้องคริสตชนไทยครับ ต่อไปจะไม่ด่าใครอีกแล้วครับ(จริงๆคริสตชนก็ไม่สมควรตัดสินใคร หรือต่อว่าใครอยู่แล้ว) มันเป็นความห่วยแตกของความเชื่อและความศรัทธาของผมเองแหละ เอาเป็นว่า คำบอกของพี่น้อง คือคำบอกของพระฯก็แล้วกันนะครับ ขอบคุณครับ

ขอพระอวยพรคุณครับผม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 12:32 pm

ต้องยอมรับว่า

1. คนไทยมักไม่ให้ความสำคัญกับการอบรม เข้าคอร์ส หรือฝึกซ้อมใดๆ ทั้งสิ้น
   
    สังเกตจากการอบรมที่จะมีผู้เข้าร่วมน้อย หรือต้องบังคับมา เมื่อสถานการณ์มาถึงตัวจริงๆ ปรากฎว่า ไม่มีการใช้มาตรการที่อบรมไว้เท่าที่ควร

2. คนไทยส่วนมากไม่ได้มองอาวุธว่า เป็นอาวุธ แต่มองอาวุธว่าเป็น ของเล่น หรือ เครื่องมือแปลกหน้าอย่างหนึ่ง

    คนที่ได้รับการอบรม หรือคุ้นเคยกับอาวุธจะไม่เล่นกับอาวุธ แต่คนไทยชอบเอามาจ่อหน้ากันเล่น หรือเอามาทำกร่างเสมือนไม่ใช่อาวุธ

3. ระบบการดูแล จัดการ หรือตรวจสอบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่รัดกุมเท่าที่ควรจะอนุญาตให้พกพาอาวุธได้

    สังเกตว่า ยามบ้านเราไม่เคร่งครัด อนุญาตให้คนที่ตัวเองรู้จักเข้านอกออกในได้บ่อยๆ หลายครั้งมีหลับยาม เมายาม ฯลฯ

ผมจึงคิดว่าเมืองไทยยังไม่เหมาะกับการให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพกอาวุธ และเครื่องกระสุนในปัจจุบัน
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 1:49 pm

Edwardius เขียน: ต้องยอมรับว่า

1. คนไทยมักไม่ให้ความสำคัญกับการอบรม เข้าคอร์ส หรือฝึกซ้อมใดๆ ทั้งสิ้น
   
    สังเกตจากการอบรมที่จะมีผู้เข้าร่วมน้อย หรือต้องบังคับมา เมื่อสถานการณ์มาถึงตัวจริงๆ ปรากฎว่า ไม่มีการใช้มาตรการที่อบรมไว้เท่าที่ควร

2. คนไทยส่วนมากไม่ได้มองอาวุธว่า เป็นอาวุธ แต่มองอาวุธว่าเป็น ของเล่น หรือ เครื่องมือแปลกหน้าอย่างหนึ่ง

    คนที่ได้รับการอบรม หรือคุ้นเคยกับอาวุธจะไม่เล่นกับอาวุธ แต่คนไทยชอบเอามาจ่อหน้ากันเล่น หรือเอามาทำกร่างเสมือนไม่ใช่อาวุธ

3. ระบบการดูแล จัดการ หรือตรวจสอบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่รัดกุมเท่าที่ควรจะอนุญาตให้พกพาอาวุธได้

    สังเกตว่า ยามบ้านเราไม่เคร่งครัด อนุญาตให้คนที่ตัวเองรู้จักเข้านอกออกในได้บ่อยๆ หลายครั้งมีหลับยาม เมายาม ฯลฯ

ผมจึงคิดว่าเมืองไทยยังไม่เหมาะกับการให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพกอาวุธ และเครื่องกระสุนในปัจจุบัน
เห็นด้วยครับ รับฟัง และตรึกตรองคิดตามเสมอครับ สรุปเลย คนไทยและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไทย ยังไม่เหมาะสมที่จะนำระบบของบริษัทรักษาความปลอดภัยของเอกชนในประเทศที่เจริญแล้ว(หรือบางประเทศที่ยังไม่เจริญ แต่นำระบบนี้มาใช้ เช่น ประเทศฟิลิปปิ่นส์) ด้วยเหตุผลดังที่ท่านได้ยกมาแล้ว เห็นด้วยครับ ขอบคุณครับ

ขอพระอวยพรคุณครับผม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jack Sparrow
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 5:05 pm

ยามติดอาวุธได้ แล้วถ้ายามเกิดไม่มีเงินใช้คงไม่เอาปืนไปจี้ใครต่อใครนะครับ หรือเห็นสาวหน้าตาดีเดินเข้าออกหอที่ตัวเองดูแลทุกวันเกิดหืนขึ้นมาเอาปืนจี้ไปข่มชื่นคงยุ้งใหญ่ แล้วที่แน่ๆ ไม่ว่าหอพักหรือที่ไหนก็ตามคนในหอคงไม่กล้าไปมีปากเสียงกับยามแน่เพราะถ้าเถียงกันไปเถียงกันมาแล้วยามอดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว้เชื่อว่าคงสาดปืนลูกซองไปหลายนัดแน่ ผมเชื่อว่าเมืองไทยปีหนึ่งจะต้องได้ยินข่าวทำนองนี้หลายครั้งแน่ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Jack Sparrow เมื่อ เสาร์ ม.ค. 10, 2009 5:11 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 10, 2009 5:51 pm

Jack Sparrow เขียน: ยามติดอาวุธได้ แล้วถ้ายามเกิดไม่มีเงินใช้คงไม่เอาปืนไปจี้ใครต่อใครนะครับ หรือเห็นสาวหน้าตาดีเดินเข้าออกหอที่ตัวเองดูแลทุกวันเกิดหืนขึ้นมาเอาปืนจี้ไปข่มชื่นคงยุ้งใหญ่ แล้วที่แน่ๆ ไม่ว่าหอพักหรือที่ไหนก็ตามคนในหอคงไม่กล้าไปมีปากเสียงกับยามแน่เพราะถ้าเถียงกันไปเถียงกันมาแล้วยามอดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว้เชื่อว่าคงสาดปืนลูกซองไปหลายนัดแน่ ผมเชื่อว่าเมืองไทยปีหนึ่งจะต้องได้ยินข่าวทำนองนี้หลายครั้งแน่ครับ

เห็นด้วยกับคุณครับ เพราะระดับการศึกษา และคุณภาพคน รวมทั้งการคัดเลือก คัดกรอง ของคนที่มาเป็นยามในบ้านเรา กับบ้านเมืองอื่นๆ(ที่ผมยกตัวอย่างไปแล้ว)ไม่เท่ากัน และใช้มาตราฐานในการคัดเลือกคนไม่เหมือน และที่แน่ๆ " ระดับรายได้ต่างกันครับ สำหรับยามที่ติดอาวุธได้ กับติดอาวุธไม่ได้ "ครับ

ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็นที่แตกต่าง

ขอพระอวยพรคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 8:19 am

Pry-Kaew เขียน:
Jack Sparrow เขียน: ยามติดอาวุธได้ แล้วถ้ายามเกิดไม่มีเงินใช้คงไม่เอาปืนไปจี้ใครต่อใครนะครับ หรือเห็นสาวหน้าตาดีเดินเข้าออกหอที่ตัวเองดูแลทุกวันเกิดหืนขึ้นมาเอาปืนจี้ไปข่มชื่นคงยุ้งใหญ่ แล้วที่แน่ๆ ไม่ว่าหอพักหรือที่ไหนก็ตามคนในหอคงไม่กล้าไปมีปากเสียงกับยามแน่เพราะถ้าเถียงกันไปเถียงกันมาแล้วยามอดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว้เชื่อว่าคงสาดปืนลูกซองไปหลายนัดแน่ ผมเชื่อว่าเมืองไทยปีหนึ่งจะต้องได้ยินข่าวทำนองนี้หลายครั้งแน่ครับ

เห็นด้วยกับคุณครับ เพราะระดับการศึกษา และคุณภาพคน รวมทั้งการคัดเลือก คัดกรอง ของคนที่มาเป็นยามในบ้านเรา กับบ้านเมืองอื่นๆ(ที่ผมยกตัวอย่างไปแล้ว)ไม่เท่ากัน และใช้มาตราฐานในการคัดเลือกคนไม่เหมือน และที่แน่ๆ " ระดับรายได้ต่างกันครับ สำหรับยามที่ติดอาวุธได้ กับติดอาวุธไม่ได้ "ครับ

ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็นที่แตกต่าง

ขอพระอวยพรคุณครับ
เห็นด้วยครับ อาชีพยามในบ้านเราไม่ได้รับเกียรติเท่าที่ควรเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 8:28 am

ดานุ้งพุงระเบิด เขียน:
Pry-Kaew เขียน:
Jack Sparrow เขียน: ยามติดอาวุธได้ แล้วถ้ายามเกิดไม่มีเงินใช้คงไม่เอาปืนไปจี้ใครต่อใครนะครับ หรือเห็นสาวหน้าตาดีเดินเข้าออกหอที่ตัวเองดูแลทุกวันเกิดหืนขึ้นมาเอาปืนจี้ไปข่มชื่นคงยุ้งใหญ่ แล้วที่แน่ๆ ไม่ว่าหอพักหรือที่ไหนก็ตามคนในหอคงไม่กล้าไปมีปากเสียงกับยามแน่เพราะถ้าเถียงกันไปเถียงกันมาแล้วยามอดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว้เชื่อว่าคงสาดปืนลูกซองไปหลายนัดแน่ ผมเชื่อว่าเมืองไทยปีหนึ่งจะต้องได้ยินข่าวทำนองนี้หลายครั้งแน่ครับ

เห็นด้วยกับคุณครับ เพราะระดับการศึกษา และคุณภาพคน รวมทั้งการคัดเลือก คัดกรอง ของคนที่มาเป็นยามในบ้านเรา กับบ้านเมืองอื่นๆ(ที่ผมยกตัวอย่างไปแล้ว)ไม่เท่ากัน และใช้มาตราฐานในการคัดเลือกคนไม่เหมือน และที่แน่ๆ " ระดับรายได้ต่างกันครับ สำหรับยามที่ติดอาวุธได้ กับติดอาวุธไม่ได้ "ครับ

ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็นที่แตกต่าง

ขอพระอวยพรคุณครับ
เห็นด้วยครับ อาชีพยามในบ้านเราไม่ได้รับเกียรติเท่าที่ควรเลย
อีกอย่าง ยามก็ง่วงนอนเป็น และกลัวตายเหมือนกัน ที่สำคัญยามก็รู้สึกโดดเดี่ยวเป็นนะ  ::003::
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 9:35 am

อเมริกา ทุกคนพกอาวุธได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นยาม ดังนั้นเทียบกับเมืองไทยไม่ได้ครับ ประเทศใครประเทศมัน เช่นถ้าไปดูที่ญี่ปุ่นจะพบว่า ตำรวจเองยังไม่ค่อยจะพกปืนกันเลยครับ

::001::

เมืองไทย ผมว่ายังไม่พร้อมที่จะให้ รปภ. พกอาวุธได้ครับ

--

สำหรับ รปภ. ท่านนี้ ต้องขอแสดงความนับถืออย่างจริงใจให้ท่านเลยครับ การยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือคนอื่น เป็นคุณสมบัติที่สูงส่งจริงๆครับ

เพราะคิดว่าถ้าเป็นผม เห็นคนอาละวาดชี้ปืนไปมา ผมคงแค่โทรแจ้งตำรวจ เพราะผมไม่มีอาวุธป้องกันตัว (ต่อให้มีอาวุธป้องกันตัว ก็ไม่กล้าเข้าไปเจรจาดื้อๆ ผมว่าทางตำรวจเขาคงมีการอบรมว่าการเข้า approach คนถืออาวุธที่ภาวะทางอารมณ์ไม่ปกติต้องทำอย่างไรบ้าง)

ดังนั้น ขอสรรเสริญ รปภ. ท่านนี้อย่างสุดหัวใจครับ

และขอแสดงความเสียใจกับผู้ตายและครอบครัวผู้ตายด้วยครับ

ปล. ไม่ชอบคำว่า "ตายโหง" เลยครับ คุณพลายแก้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
† Sister of Lucifer†
โพสต์: 94
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 22, 2008 2:25 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 2:25 pm

น่าเศร้าใจจิง ๆ ค่ะ

ขออย่าให้มีเหจุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเลย

ขอแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยค่ะ
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 3:09 pm

แต่ดูจากภาพพี่ว่ายามเขาคงไม่ได้คิดว่าคนร้ายจะกล้ายิงจริงๆ แค่ยกปืนขู่เฉยๆ ยามเอามือมือไขว้หลังยืนเหมือนกับว่าไม่ได้กลัวอะไรเลย แล้วก็ตายแบบไม่รู้ตัวด้วยว่าคนร้ายได้ยิงแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 4:11 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 7:31 pm

ดูแล้วดุ้งเหมือนกันครับ
Dis volentibus

อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 8:10 pm

เมื่อวานได้ไปค่ายวิทยาศาสตร์ที่จ.สระแก้ว
เเล้วนั่งรถผ่านวัดที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลของเหยื่อผู้หญิงด้วย

อ่านข่าวเเล้วขนลุกมากๆค่ะ : emo073 :

ขอพระเจ้าทรงเมตตา
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 11:55 pm

P เขียน: อเมริกา ทุกคนพกอาวุธได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นยาม ดังนั้นเทียบกับเมืองไทยไม่ได้ครับ ประเทศใครประเทศมัน เช่นถ้าไปดูที่ญี่ปุ่นจะพบว่า ตำรวจเองยังไม่ค่อยจะพกปืนกันเลยครับ
ใช่ครับ ที่เมกา(อ้างอิงเพียงรัฐเท็กซัส) หากมีใบพก สามารถพกปืนได้ทุกคนครับ(ใบพกปืนที่เมกา ออกง่ายกว่าใบขับขี่บ้านเราอีกนะครับ) แต่....หากเราไม่ใช่ทหาร(ในเครื่องแบบ) ตำรวจ(ในเครื่องแบบ) และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบ กล่าวคือ เราเป็นเพียงพลเรือนธรรมดา แม้นมีใบพก ต้องพกแบบซ่อนครับ ไม่สามารถพกแบบเปิดเผยได้(หมายถึง พกแบบมีซองปืนอยู่ข้างตัวเหมือนตำรวจ หรือสะพายปืนไรเฟิลและลูกซองให้เห็นจะจะ เหมือนทหารพร้อมรบ)นั้นเองครับ

ที่เมกา ปืนถูก ซื้อง่าย ใบพกออกง่าย หากไม่มีประวัติเสีย และมีเงิน ไม่ยากครับ ถึงยากก็ยังมีของเถื่อนหาซื้อในเนตในหาได้อีก ก็เหมือนที่ฟิลิปิปิ่นส์ครับ มีปืนจริงขายในห้างสรรพสินค้าปกติทั่วไปด้วย(เนื่องจากเป็นเมืองขึ้นเมกามาก่อน จึงรับความคิดหลายๆอย่างคล้ายฝรั่งอเมริกัน)

รูปภาพ

อันนี้เป็นมุมขายเครื่องกีฬาของห้าง Walmart ในเมกา (เหมือนเท็สโก โลตัส บ้านเรา) มีลูกซองและไรเฟิลสำหรับการล่าสัตว์ขายด้วย ขอเพียงมีบัตรประชาชน มีเงิน และประวัติสะอาด จ่ายเงิน สะพายปืนกลับบ้านได้ทันที(ที่เมกา ปืนยาว กฎเกณฑ์จะไม่ค่อยรัดกุมมาก เนื่องจากปืนยาวมองเป็นปืนล่าสัตว์ ปืนยิงเป้าบิน และปืนกีฬามากกว่า) ผมยังเคยคิดเลยว่ากะจะซื้อปืนลูกซองห้านัดจากห้าง Walmartมาตัดลำกล้อง ตัดพานท้าย แล้วซ่อนในเสื้อแจ็กเก็ตได้(เหมือนหนังฮ่องกง ดูคล้ายๆขนาดเดียวกับที่ยามฟิลิปปินส์ใช้ ) เสียดาย ซ่อนกลับมาเมืองไทยไม่ได้ จะได้เอามาใช้เฝ้าบ้าน เฝ้าบริษัท์ตนเอง แย่จริงๆ

รูปภาพ

ในฟิลิปปินส์ มีการปล้นร้านค้า และบริษัท รวมทั้งธนาคารโดยใช้อาวุธปืนบ่อยครั้งมาก จนทำให้สังคมฟิลิปปินส์มีค่านิยมขึ้นว่า " ที่ใดมีเงิน ที่นั้นต้องมีปืน" กล่าวคือต้องมียามติดอาวุธพร้อมใช้ และมีจิตใจที่จะยิงจริงๆ(ผ่านการฝึก)ในทุกทุกที่ที่มีเงิน ไม่ว่าหน้าเคานต์เตอร์คิดเงินในห้างฯ  ธนาคาร หรือแม้แต่ซุ้มแลกเงินเป็นคูปองสำหรับซื้ออาหารในฟู๊ตคอรต์ของห้างฯ ยังมีต้องยามติดปืนคอยดูแลเลย เนื่องจากถูกปล้นเช่นเดียวกัน และร้านค้า(ระดับห้องแถว)ไหนขายของดี ก็มักจะถูกปล้นด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่าในร้านต้องมีเงินแน่ๆ เงิน เงิน เงิน......... ดังนั้นบริการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดปืนลูกซองห้านัดพร้อมยิง จึงเป็นธุรกิจที่ทำกำไรให้บริษัท์ยามเอกชนได้ดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับสังคมแบบนั้น(ฟิลิปปิ่นส์ เศรษฐกิจแย่กว่าไทยสองสามเท่า และคนว่างงานมากกว่าไทยสี่เท่า รวมทั้งรายได้ที่น้อยกว่าคนไทย แต่ค่าครองชีพสูงกว่าคนไทยนะครับ)

ขอบคุณครับ

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
แก้ไขล่าสุดโดย Pry-Kaew เมื่อ อาทิตย์ ม.ค. 11, 2009 11:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

จันทร์ ม.ค. 12, 2009 12:56 am

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ปืนถือเป็นเครื่องกีฬาครับ

Host มอร์มอนผมมีปืนเป็นเซฟๆ เลย
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ม.ค. 12, 2009 1:19 am

Edwardius เขียน: ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ปืนถือเป็นเครื่องกีฬาครับ

Host มอร์มอนผมมีปืนเป็นเซฟๆ เลย
ใช่ครับ ถูกต้อง สำหรับปืนลูกซองและไรเฟิล ในแผ่นดินยูเอสเอ แต่......ปืนพกนั้น ค่อนข้างเข้มงวดมากกกกก ทั้งตัวปืนและเครื่องกระสุน แต่ในทางกลับกัน กระสุนปืนไรเฟิลและลูกซอง มีวางขายบนชั้นวางสินค้าในห้างเหมือนของทั่วๆไป ก็อย่างว่าล่ะครับ สังคมต่างกัน สิ่งแวดล้อมต่างกัน ฝรั่งเขามีที่ ที่จะไปล่าสัตว์สนุกๆ มีที่ที่จะไปยิงเป้าบินได้เพลินๆ เป็นแค่เพียงกีฬาและสันทนาการในราคาที่ถูกมากสำหรับรายได้ของเขา ซึ่งต่างจากเราที่กลายเป็นว่า การมีอาวุธปืน(ไม่ว่ายาวหรือสั้น) ต้องนำมาใช้เพื่อเป็นอาวุธป้องกันตัวและทรัพย์สิน รวมทั้งครอบครัวอย่างเดียวเท่านั้น แถมราคาแพงมาก เมื่อเทียบกับรายได้ของเรา (ใครในเมืองไทย หากใครเล่นกีฬายิงปืน ไม่ว่ายิงเป้าบิน หรือIPSC ต้องถือว่ารวยมาก เพราะค่าลูก ค่าปืน ค่าเช่าสนาม ไม่ใช่ถูกเลย หากต้องเล่นบ่อยๆเป็นกีฬานะ)

เศรษฐกิจแบบนี้ อย่าว่าแต่ยิงปืนเลย แค่ซื้อข้าวกิน ผมยังว่าแพงเลย สงสัยคงต้องทำแบบสมัยอยู่เมกาแล้วมั้ง ซื้อกับข้าวจากร้านไทย(ในเมกา)มาหนึ่งถุง แต่แบ่งกินสามมื้อ ข้าวหุงเอง เน้นข้าวเยอะ กับน้อย เงินจะได้ไม่ช็อต และอิ่มท้องด้วย

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ภาพประจำตัวสมาชิก
yack
โพสต์: 816
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:01 am

จันทร์ ม.ค. 12, 2009 11:56 am

โลกนี้นี่นับวันจะโหดร้ายเข้าไปมากขึ้นทุกวันเเล้วนะนี่ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ามาจากการขากการเน้นที่คุณธรรมจริยธรรมด้วย การพูดคุยกันระหว่างครอบรัวที่อบอุ่น  ::008::  การฝึกให้เด็กอดทนเเละรู้จักเข้าใจผู้อื่นเด็กสมัยนี้ขาดมาก yack ยอมรับว่าก็เป็นนะ เพราะเด็กสมัยนี่ชอบอะไรที่สะวกสะบาย เเล้วก็ค่อนข้างเอาเเต่ใจตัวเอง เเต่สว่นหนึ่งก็มาจากสังคมนี่ละที่หล่อหลอมเราให้เป็นเเบบนี้  ::008::

อีกเรื่องหนึ่ง ความรักต้องเป็นอย่างในพระคำภีซิ ที่บอกว่า ต้องอดทน ไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่จดจำความผิด ให้อภัย รู้สึกว่าจะมีประมาณ 7 -8 ข้อนะ yack จำได้ไม่หมดขอประนโทษด้วยครับ ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

จันทร์ ม.ค. 12, 2009 1:37 pm

Edwardius เขียน: ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ปืนถือเป็นเครื่องกีฬาครับ

Host มอร์มอนผมมีปืนเป็นเซฟๆ เลย
เอาไว้ป้องกันตัวเองจากพวก anti-mormon น่ะครับ ::020::

(ล้อเล่นเด้อ)

ปล. 2nd Amendment ของรัฐธรรมนูญอเมริกามาให้ดู ว่าประเทศเขาให้สิทธิ์ในการครอบครองอาวุธกับประชาชน

Amendment 2 - Right to Bear Arms.

A well regulated Militia, being necessary to the security of a free State, the right of the people to keep and bear Arms, shall not be infringed.
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

พุธ ม.ค. 14, 2009 12:11 am

P เขียน:
Edwardius เขียน: ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ปืนถือเป็นเครื่องกีฬาครับ

Host มอร์มอนผมมีปืนเป็นเซฟๆ เลย
เอาไว้ป้องกันตัวเองจากพวก anti-mormon น่ะครับ ::020::

(ล้อเล่นเด้อ)

ปล. 2nd Amendment ของรัฐธรรมนูญอเมริกามาให้ดู ว่าประเทศเขาให้สิทธิ์ในการครอบครองอาวุธกับประชาชน

Amendment 2 - Right to Bear Arms.

A well regulated Militia, being necessary to the security of a free State, the right of the people to keep and bear Arms, shall not be infringed.


ใช่เลยครับ ถูกต้อง แสดงว่าคุณพี เป็นฝรั่งอเมริกันเผยแพร่ศาสนา(แต่เข้าใจภาษาไทย และพิมพ์ไทยได้)หรือเปล่าครับเนี่ย เพราะต้องเป็นคนที่ไปอยู่เมกามาก่อน และสนใจเรื่องการใช้อาวุธ และพกพา จึงจะรู้เรื่องแบบนี้(แต่คนฝรั่งอเมริกัน รู้กันอยู่แล้ว เหมือนเราคนไทยรู้กฎหมายต่างๆของไทย) จริงๆแล้วผมก็รู้สิทธิข้อดังกล่าว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นเป็นคนบอกผมเอง รวมทั้งบอกที่ตั้งร้านปืนราคาประหยัดด้วยซ้ำ เลยรู้สึกอึ้งกับความรู้ของคุณพีครับ

จริงๆแล้วเรื่องมอร์มอนต้องมีปืน ผมว่าไม่เฉพาะมอร์มอนนะครับ ขนาดวัดคาทอลิกที่ผมไป(ไม่ขอเอยชื่อ เพราะพวกมันDiscraminate คนทีไม่ใช่ฝรั่งอเมริกัน)ยังมีการจับฝึกซ้อมยิงปืนสำหรับสภาวัดและสัตบุรุษเลย(ผมไม่มุสาแน่นอนครับ นายกสภาวัดพูดออกไมค์เอง จริงๆแล้วหากพวกมันไม่มาDiscraminate เรื่องเชื้อชาติผมนะ กะเข้าร่วมสักหน่อย แต่ดีแล้วล่ะ เรื่องอะไร จะไปเป็นมือเป็นTeenให้พวกฝรั่งที่มองคนต่างสีผิว ไม่ใช่มนุษย์เหมือนพวกมัน(เป็นแค่สัตว์) ก็สมควรแล้ว ที่ต้องซ้อมยิงปืนกัน เพราะทำตัว ทำสันดาน ทำนิสัย กันแบบนี้ แต่หากมองอีกมุมมองหนึ่ง รัฐที่ผมอยู่ โปรแตสแตนด์ สายเมโทรดิสส์กุมอำนาจ การเมืองของรัฐและท้องถิ่นและทหาร(ประจำรัฐ)ทั้งหมด คาทอลิกเป็นชนกลุ่มน้อยเหมือนมอร์มอนในรัฐยูท่าห์ ไม่แปลกใจเลย ที่ต้องฝึกอาวุธและปืนกัน(ผมไม่ได้พูดลอยๆนะครับ ได้ยินมากับหูจริงๆ)

จริงๆแล้ว พระเป็นเจ้าคือความรัก การให้อภัยและเมตตาธรรม คนรู้จักพระฯ ไม่น่าจะมาต้องซ้อมการใช้อาวุธเพื่อเอาชีวิตตนเองและครอบครัว ให้รอดเลยด้วยซ้ำ(มาจากปัจจัยภายนอกทำให้บีบบังคับต้องจับอาวุธขึ้นสู้ เพื่อเป็นประกันของลมหายใจตนเองและครอบครัวในทุกทุกวัน)

ยิ่งพูดยิ่งเซ็งอเมริกา มุมมืด(ที่คนไม่เคยไปเมืองนอกไม่รู้) มีมากกว่ามุมสว่าง(ซึ่งแทบไม่ค่อยจะมี) แต่ก็ต้องยอมรับว่า ซอฟต์แวร์ทุกวันนี้ ที่เราใช้ประจำ ก็มาจากเมกาทั้งน้น  และระบบคอมพิวเตอร์และอินเนตเน็ต รวมทั้งฟรีอีเมล์ และฟรี่เว็บต่างๆ ) สำหรับผม ใช้โปรแกรม ฟังเพลง ดูหนัง จากแผ่นก็อป(ที่โหลดมา หรือซื้อ)สำหรับสินค้าอเมริกันประเภทที่เป็นดิจิตอล สามารถโหลดจากเว็บบิทเน็ทได้ ซื้อจากพันธ์ทิพย์ได้  พวกไอ้กัน เอาเปรีบบเราเรื่องต่างๆ มากมายล้นเหลือคณานับได้ในเรื่องของผลประโยชน์ทางการค้าและธุรกิจ ยังไม่รวมทั้งการแทรกเซง ทางการมืองและเเศรษฐกิจอีก แบบนี้ของก็อปปิ้ฝร่ง สรุปเลยใช้แผ่นก็อปจนวันตายนั้นเอง

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

ทำให้ผมนึกถึงเจ้าของลัทธิ
ตอบกลับโพส