รวมเรื่อง orthodox ค่ะ
ชื่อวัด St. nikolas of japan สร้่างขึ้น ในศตวรรษ ที่ ปี 1861 ก่อนรัฐบาล คอมมิวนิส โดย St. nikolai ของ รัสเซีย ใด้ส่ง มา แพร่ธรรม และได้ก่อตั้ง วัดขึ้น แต่ในช่วง นั้น รัฐบาลโชกุน สั่งห้ามการ นับถือศาสนา คริสต์ หลังจากนั้นไม่นาน ระบบการปกครองแบบโชว์กุน ล่มสลาย และมีผู้คนมาที่วัดได้เสรีขึ้น ท่านก็ได้เปลี่ยนแปลงธรรมเนียม จากที่เป็นแบบรัสเซีย มาเป็น แบบญี่ปุ่น ในบางอย่าง จึงเรียกว่า Japanese orthodox church และผลจากสงคราม รัสเซีย และ ญี่ปุ่นจึงทำให้ แยกตัวจาก รัสเซีย และได้ เป็นสังฆราชประจำญี่ปุ่นคนแรก ไม่นานนัก มีผู้คนเริ่มสนใจ และรับศีลล้างปาบไปแล้วกว่า 10,000 คน ในปี ในปี 1886 และท่านก็แปล พันธะสัญญา ใหม่ เป็นภาษา ญี่ปุ่น และหนังสือเกียวกับศาสนา อีกหลายเล่ม แต่ความผิดหวังครั้งใหม่ เริ่มเข้ามาเบียดเบียน พระศาสนา จักร เมื่อ รัสเซีย เปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำให้ญี่ปุ่น หวาดระแวง อะไรที่เกียวกับรัสเซีย และทั้งประเทศแม่ ยัง งดการช่วยเหลือ วัดทุกอย่าง เพราะประเทศเป็น คอมมิวนิส ที่ต่อต้านทุกศาสนา จึงทำให้เกิดความลำบาก ต่อชาว คริสต์ orthoodox ในญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลไม่สนับสนุน จนกระทั่งในปี 1923 วัดโดนยึดและเอกสารและไบเบิ้ลโดนเผ่า ทิ้ง และช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวคริสต์ มีอุปสรรคมากมาย.ในเรื่องเงื่อนไขต่างๆและกฎเกณฑ์ยิ่งโดยเฉพาะ วัด orthodox จะโดน เบียดเบียนมากที่สุด จนกระทั้ง สหรัฐได้เข้ามายึดญี่ปุ่น ฝ่ายพันธมิตร นั้นมีทัศนะ ต่อ ชาวคริสต์จึงเป็นโอกาสที่ดีของชาวคริสต์ในญี่ปุ่น ในการถือศาสนา โดยเฉพาะ ชาวอเมริกัน เชื้อสายกรีก และเชื้อสายทางยุโรปตะวันออกนั้น ช่วยส่งเสริม วัด orthodox ในญี่ปุ่นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หยุดลง จากความศัทธา นำไปสู่การก่อตั้ง วัด Orthodox Church in America (OCA) ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ก เป็นวัดแม่แทนรัสเซีย ที่เป็นคอมมิวนิสไปแล้ว ช่วยเหลือ วัด orthodox ในญี่ปุ่นด้วย ปัจจุบัน มีผู้นับถือ 25,000 คน และ คุณพ่อ nikolai ก็ได้การสถาปนา เป็น St. เป็นที่เรียบร้อย
http://www.youtube.com/watch?v=QRhFEEBv ... re=related
อันนี้ เป็นวัด orthodox จากทั่วโลกคะ มี ทั้ง ที่เบทเลเฮม และ กาลิลี และอื่นๆ
http://www.youtube.com/watch?v=UUF4i4Wv ... re=related
http://www.youtube.com/watch?v=QRhFEEBv ... re=related
อันนี้ เป็นวัด orthodox จากทั่วโลกคะ มี ทั้ง ที่เบทเลเฮม และ กาลิลี และอื่นๆ
http://www.youtube.com/watch?v=UUF4i4Wv ... re=related
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ พฤหัสฯ. ส.ค. 20, 2009 3:42 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ^_^Matthew^_^
- โพสต์: 354
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2008 2:03 am
- ที่อยู่: 125 ม.7 ถ.ชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.หนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000
- ติดต่อ:
วัดสวยดีครับ
เมื่อไรเมืองไทยจะมีวัดออร์โทดอกซ์สวย ๆ บ้างครับ ไม่ใช่แบบนี้มีอยู่ตอนนี้นะครับ ไม่ทราบว่าในอนาคตมีโครงการจะสร้างหรือเปล่าครับ
วันเจนไปสารภาพบาปและมิซาช่วงเช้าวันนี้เป็นวัน สวดภาวนาและรำลึกถึงดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ หลังจากเสร็จพิธีมิซาแล้วจึงเริ่มพีธีคะ โดยที่ทุกคนถือเทียนคนละ1เล่ม
และสวดภาวนาประมาณ 30 นาที สำหรับ ความเชื่อหลังความตาย ของชาว คริสต์ orthodox นั้น เเชื่อว่า ภายหลังจากที่ เราตายไปแล้วนั้น จะมีทูตสวรรค์ประจำตัวที่จะนำพาเราเดินทางไปหาพระผู้เป็นเจ้า แต่ระหว่างทางจะมีการล่อลวงดวงวิญญาณ และช่วงชิงดวงวิญญาณของเราโดยซาตาน ที่ขวางทางอยู่ และมันจะมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่จะจดความบาปของเรา ของเรา แต่ในมือของทูตสวรรค์จะมี หนังสือแห่งคาวมดีที่เราทำ หากเปรียบเทียบแล้วหากเรามีความดีมากกว่าบาป ก็จะผ่านด่านนี้ไปจนถึงประตูสวรรค์ ทั้ง นี้พิธีสวด เพื่อผู้ล่วงลับนั้น สำคัญมาก โดยเฉพาะ 40 วันหลังจากเสียชีวิตแล้ว เพราะเป็นช่วงที่กำลังเดินทาง ผู้ที่เป็นญาติ สนิทมิตรสหาย จะต้องสวดภาวนาขอ ยกบาป จากพระเยซูเจ้า และขอให้แม่พระและนักบุญ ทูตสวรรค์ ที่จะอ้อนวอนต่อพระบิดาที่จะ ยกโทษบาปที่เขาทำมา และคำภาวนาและการจุดเทียนต่อกางเขนเพื่อให้ความสว่างแก่ดวงวิญญาณเหล่านี้
และสวดภาวนาประมาณ 30 นาที สำหรับ ความเชื่อหลังความตาย ของชาว คริสต์ orthodox นั้น เเชื่อว่า ภายหลังจากที่ เราตายไปแล้วนั้น จะมีทูตสวรรค์ประจำตัวที่จะนำพาเราเดินทางไปหาพระผู้เป็นเจ้า แต่ระหว่างทางจะมีการล่อลวงดวงวิญญาณ และช่วงชิงดวงวิญญาณของเราโดยซาตาน ที่ขวางทางอยู่ และมันจะมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่จะจดความบาปของเรา ของเรา แต่ในมือของทูตสวรรค์จะมี หนังสือแห่งคาวมดีที่เราทำ หากเปรียบเทียบแล้วหากเรามีความดีมากกว่าบาป ก็จะผ่านด่านนี้ไปจนถึงประตูสวรรค์ ทั้ง นี้พิธีสวด เพื่อผู้ล่วงลับนั้น สำคัญมาก โดยเฉพาะ 40 วันหลังจากเสียชีวิตแล้ว เพราะเป็นช่วงที่กำลังเดินทาง ผู้ที่เป็นญาติ สนิทมิตรสหาย จะต้องสวดภาวนาขอ ยกบาป จากพระเยซูเจ้า และขอให้แม่พระและนักบุญ ทูตสวรรค์ ที่จะอ้อนวอนต่อพระบิดาที่จะ ยกโทษบาปที่เขาทำมา และคำภาวนาและการจุดเทียนต่อกางเขนเพื่อให้ความสว่างแก่ดวงวิญญาณเหล่านี้
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เป็นความรู้มากครับ ขอบคุณครับ พระเจ้าอวยพร
- ^_^Matthew^_^
- โพสต์: 354
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2008 2:03 am
- ที่อยู่: 125 ม.7 ถ.ชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.หนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000
- ติดต่อ:
ได้ความรู้ครับ
ขอบพระคุณมากครับ
ขอบพระคุณมากครับ
เคยถามพ่อยอห์น(ธรรมฑูตวัดคอปติกออร์โธด๊อกซ์ตอนนี้กลับซิดนีย์แล้ว)
ออร์โธด๊อกซ์(แบบคอปติก)ไม่มีความเชื่อในไฟชำระ ไม่มั่นใจว่าจารีตอื่นจะเหมือนกันไหม
ออร์โธด๊อกซ์(แบบคอปติก)ไม่มีความเชื่อในไฟชำระ ไม่มั่นใจว่าจารีตอื่นจะเหมือนกันไหม
เหมือนกันคะ orthodox ไม่เชื่อเรื่องไฟ ชำระ แบบ คอปติก จะเชื่อว่า พระเยซู เป็นพระเจ้าแท้ ร้อยเปอร์เซ็น ไม่มีกายที่เป็นมุนษย์ เลยคะ แต่ orthodox สายนี้ และ catholic จะเชื่อ ว่า พระเยซู ทรงเป็น ทั้ง พระเจ้าแท้ และมนุษย์ ในเวลาเดียวกันGrey Cat-แมวเทาจารีตตะวันออก เขียน: เคยถามพ่อยอห์น(ธรรมฑูตวัดคอปติกออร์โธด๊อกซ์ตอนนี้กลับซิดนีย์แล้ว)
ออร์โธด๊อกซ์(แบบคอปติก)ไม่มีความเชื่อในไฟชำระ ไม่มั่นใจว่าจารีตอื่นจะเหมือนกันไหม
เรื่องNature Of Jususเป็นเรื่องที่คนเข้าใจคอปติกออร์โธด๊อกซ์ผิดมากๆjacky เขียน:เหมือนกันคะ orthodox ไม่เชื่อเรื่องไฟ ชำระ แบบ คอปติก จะเชื่อว่า พระเยซู เป็นพระเจ้าแท้ ร้อยเปอร์เซ็น ไม่มีกายที่เป็นมุนษย์ เลยคะ แต่ orthodox สายนี้ และ catholic จะเชื่อ ว่า พระเยซู ทรงเป็น ทั้ง พระเจ้าแท้ และมนุษย์ ในเวลาเดียวกันGrey Cat-แมวเทาจารีตตะวันออก เขียน: เคยถามพ่อยอห์น(ธรรมฑูตวัดคอปติกออร์โธด๊อกซ์ตอนนี้กลับซิดนีย์แล้ว)
ออร์โธด๊อกซ์(แบบคอปติก)ไม่มีความเชื่อในไฟชำระ ไม่มั่นใจว่าจารีตอื่นจะเหมือนกันไหม
ผมอธิบายง่ายๆ
ออร์โธด๊อกซ์อีสเทอร์นและคาทอลิก จะสอนว่าพระเยซูมี2ธรรมชาติ
คือมนุษย์และพระเจ้า แต่2ธรรมชาตินี้จะแยกกันไม่ได้
ประดุจเหล็กและไฟ มี2ส่วน เมื่อเอามาเผาจนแดงจะรวมกันแยกไม่ได้
หรือก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์(CO)เกิดจากการรวมกันของ2อะตอมจากCและOแต่เมื่อเราแล้วจะแยกจากกันมิได้
ออร์เรียนทัลออร์โธด๊อกซ์ จะสอนว่าพระเยซูมีธรรมชาติเดียว
คือพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ จะแยกกันไม่ได้ สถานะนี้เริ่มตั้งแต่การปฏิสนธิจนกระทั่งเสด็จสู่สวรรค์และนิรันดร
ประดุจเหล็กเมื่อมาเผาไฟแล้ว ถือว่าเป็นเหล็กร้อน มิได้มาจากเหล็กรวมกับไฟ
หรือก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ มุมมองออร์เรียนทัลออร์ฯจะมองว่าเป็นธาตุCOเลย ไม่ใช่การรวมของ2อะตอม จึงถือว่ามีอะตอมเดียว
พอเข้าใจหรือเปล่าครับ
ดังนั้น ณ ปัจจุบัน จึงถือว่าสอนเหมือนกันแล้วในเรื่องนี้
ป.ล.ผมอยู่สายอีสเทอร์นแหละครับ แต่ผมมีการผจญบางประการทำให้ไปLiturgyวันอาทิตยฅ์ไม่ได้ เลยไปทำวัตรเช้าวันธรรมดาซะส่วนใหญ่ หากโชคดีกฅ็แอบไปทำวตรตอนเช้า7โมงวันอาทิตย์
พี่โดนพจญเรื่องอะไรงับGrey Cat-แมวเทาจารีตตะวันออก เขียน:เรื่องNature Of Jususเป็นเรื่องที่คนเข้าใจคอปติกออร์โธด๊อกซ์ผิดมากๆjacky เขียน:เหมือนกันคะ orthodox ไม่เชื่อเรื่องไฟ ชำระ แบบ คอปติก จะเชื่อว่า พระเยซู เป็นพระเจ้าแท้ ร้อยเปอร์เซ็น ไม่มีกายที่เป็นมุนษย์ เลยคะ แต่ orthodox สายนี้ และ catholic จะเชื่อ ว่า พระเยซู ทรงเป็น ทั้ง พระเจ้าแท้ และมนุษย์ ในเวลาเดียวกันGrey Cat-แมวเทาจารีตตะวันออก เขียน: เคยถามพ่อยอห์น(ธรรมฑูตวัดคอปติกออร์โธด๊อกซ์ตอนนี้กลับซิดนีย์แล้ว)
ออร์โธด๊อกซ์(แบบคอปติก)ไม่มีความเชื่อในไฟชำระ ไม่มั่นใจว่าจารีตอื่นจะเหมือนกันไหม
ผมอธิบายง่ายๆ
ออร์โธด๊อกซ์อีสเทอร์นและคาทอลิก จะสอนว่าพระเยซูมี2ธรรมชาติ
คือมนุษย์และพระเจ้า แต่2ธรรมชาตินี้จะแยกกันไม่ได้
ประดุจเหล็กและไฟ มี2ส่วน เมื่อเอามาเผาจนแดงจะรวมกันแยกไม่ได้
หรือก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์(CO)เกิดจากการรวมกันของ2อะตอมจากCและOแต่เมื่อเราแล้วจะแยกจากกันมิได้
ออร์เรียนทัลออร์โธด๊อกซ์ จะสอนว่าพระเยซูมีธรรมชาติเดียว
คือพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ จะแยกกันไม่ได้ สถานะนี้เริ่มตั้งแต่การปฏิสนธิจนกระทั่งเสด็จสู่สวรรค์และนิรันดร
ประดุจเหล็กเมื่อมาเผาไฟแล้ว ถือว่าเป็นเหล็กร้อน มิได้มาจากเหล็กรวมกับไฟ
หรือก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ มุมมองออร์เรียนทัลออร์ฯจะมองว่าเป็นธาตุCOเลย ไม่ใช่การรวมของ2อะตอม จึงถือว่ามีอะตอมเดียว
พอเข้าใจหรือเปล่าครับ
ดังนั้น ณ ปัจจุบัน จึงถือว่าสอนเหมือนกันแล้วในเรื่องนี้
ป.ล.ผมอยู่สายอีสเทอร์นแหละครับ แต่ผมมีการผจญบางประการทำให้ไปLiturgyวันอาทิตยฅ์ไม่ได้ เลยไปทำวัตรเช้าวันธรรมดาซะส่วนใหญ่ หากโชคดีกฅ็แอบไปทำวตรตอนเช้า7โมงวันอาทิตย์
ปล.เนื้อหาน่าสนใจมาก
มีหลายๆคนที่ สนใจความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับ ชาว orthodox ทั้งในเรื่อง เกี่ยวกับประเพณี และการดำเนินชีวิต ว่าเป็นอย่างไร วันนี้เจนนำเรื่อง ของการเป็นนักบวช ฤษีและการบำเพ็ญตนเองให้เข้าถึงพระเจ้า ดังเช่น นักบุญ หลายๆ ท่านนิยมทำกันในอดีีต แต่สำหรับ ชาวคริสต์ในเมืองไทยอาจไม่รู้ว่าเรา มีการบำเพ็ญภาวนา และการเจริญสมาธิในแบบ ชาวคริสต์ด้วย หากมองย้อนไป
แล้ว ครั้น พระศาสนจักรตะวันตก ได้เปลี่ยนแบบแผน และประเพณีหลายๆอย่าง และการเติบโต มากขึ้นทั่วโลก หลายๆคนต่างถือว่า นี่แหละ คือ แม่แบบดั่งเดิมของ ศาสนาคริสต์ แต่ทางพระศาสนจักรตะวันออก จะถูกมองว่า เป็นพวกหัวโบราณ ที่ ไม่นิยมการเปลี่ยนแปลง อะไรเลย ทั้งพระศาสนจักรตะวันออกยังเก็บ ประเพณีและจารีต ของศาสนาคริสต์ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน
เรื่องของ นักบวชฤษี และการปฎิบัติตน เจริญศีลภาวนา
ภาษากรีก erēmos ภาษาองกฤษแปลว่า desert หรือ ทะเลทราย ความหมายโดยใน แปลว่า ผู้อยู่อย่างเดียวดายและปลีกตัวออกจากสังคม ในความหมายสำหรับชาว คริสต์จะหมายถึง
ชาวคริสต์ชนผู้ใช้ชีวิต อย่าง นักพรตและออกจากการลงโทษทางศาสนา ความหมายที่แท้จริงนั้น เชื่อมโยงกับ พระธรรมปฐมกาล ขณะโมเสสนำชาวยิวออกจากอียิป ต้องร่อนเร่ในทะเลทรายและใช้ชีวิต อย่างไม่มีอะไรเลย นอกจากอาหาร น้ำ เสื้อผ้า การทรงนำ ตลอดเวลา 40 ปีก่อนเข้า แผ่นดิน คะนาอาน หมายถึงการกลับใจและสำนึกบาปอย่างแท้จริง เป็นพระประสงค์ที่ต้องการจาก ชาวยิว
สำหรับ ผู้ทรงศีล ชาวคริสต์ดั่งเดิมนั้น จะอยู่ ตาม ป่า , เขา ,ถ้ำ หรือ ทะเลทราย แต่บางคนอาจจะไปอยู่ ที่ในวัด ที่จัดให้มีสถานที่ สำหรับ นักบวชผู้ถือสันโดด กลุ่มนี้ โดยจะมีกลุ่มนักบวช ทั้งชาย และหญิงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายซะมากกว่า
การถือสมาธิและการบำเพ็ญตนนั้น ส่วนใหญ่มีวัตถุ ประสงค์ที่จะใกล้ชิด กับพระเจ้าให้มากที่สุด
วิธีการ เจริญสมาธิและบำเพ็ญภาวนา คือการสวด อธิฐานตลอดเวลา การปล่อยว่าง จากความว้าวุ่นใจและเลิกติดต่อ กับสังคมภายนอก เลิกทำกิจกรรมทางโลก เช่น sex หรืออื่นๆ
ต้องหมั่นดูแลความสะอาดบนร่างกายเพื่อไม่ให้ เป็นที่รังเกียจ กับบุคคลที่พบเห็น รับประทานอาหารง่ายๆ และไม่มีเนื้อ สัตว์ กินแต่ขนมปังมือเช้าอย่างเดียว
อ้างอิงจากเว็บ
http://orthodoxwiki.org/Hermit
http://www.hermitary.com/bookreviews/
ใครทำอยู่ที่บ้านได้ก็เอาเลยนะค่ะ ศาสนาเราก็มีของดีๆอยู่เยอะ ไม่ต้องไปแสวงหาอย่างอื่นหรอก ลองทำดูแบบไม่ต้องเคร่ง มากก็ได้
คลิปพระ และแม่ชี บำเพ็ญตนอยู่ในป่า และในถ่ำ
http://www.youtube.com/watch?v=ZqEDhKKP ... r_embedded
แล้ว ครั้น พระศาสนจักรตะวันตก ได้เปลี่ยนแบบแผน และประเพณีหลายๆอย่าง และการเติบโต มากขึ้นทั่วโลก หลายๆคนต่างถือว่า นี่แหละ คือ แม่แบบดั่งเดิมของ ศาสนาคริสต์ แต่ทางพระศาสนจักรตะวันออก จะถูกมองว่า เป็นพวกหัวโบราณ ที่ ไม่นิยมการเปลี่ยนแปลง อะไรเลย ทั้งพระศาสนจักรตะวันออกยังเก็บ ประเพณีและจารีต ของศาสนาคริสต์ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน
เรื่องของ นักบวชฤษี และการปฎิบัติตน เจริญศีลภาวนา
ภาษากรีก erēmos ภาษาองกฤษแปลว่า desert หรือ ทะเลทราย ความหมายโดยใน แปลว่า ผู้อยู่อย่างเดียวดายและปลีกตัวออกจากสังคม ในความหมายสำหรับชาว คริสต์จะหมายถึง
ชาวคริสต์ชนผู้ใช้ชีวิต อย่าง นักพรตและออกจากการลงโทษทางศาสนา ความหมายที่แท้จริงนั้น เชื่อมโยงกับ พระธรรมปฐมกาล ขณะโมเสสนำชาวยิวออกจากอียิป ต้องร่อนเร่ในทะเลทรายและใช้ชีวิต อย่างไม่มีอะไรเลย นอกจากอาหาร น้ำ เสื้อผ้า การทรงนำ ตลอดเวลา 40 ปีก่อนเข้า แผ่นดิน คะนาอาน หมายถึงการกลับใจและสำนึกบาปอย่างแท้จริง เป็นพระประสงค์ที่ต้องการจาก ชาวยิว
สำหรับ ผู้ทรงศีล ชาวคริสต์ดั่งเดิมนั้น จะอยู่ ตาม ป่า , เขา ,ถ้ำ หรือ ทะเลทราย แต่บางคนอาจจะไปอยู่ ที่ในวัด ที่จัดให้มีสถานที่ สำหรับ นักบวชผู้ถือสันโดด กลุ่มนี้ โดยจะมีกลุ่มนักบวช ทั้งชาย และหญิงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายซะมากกว่า
การถือสมาธิและการบำเพ็ญตนนั้น ส่วนใหญ่มีวัตถุ ประสงค์ที่จะใกล้ชิด กับพระเจ้าให้มากที่สุด
วิธีการ เจริญสมาธิและบำเพ็ญภาวนา คือการสวด อธิฐานตลอดเวลา การปล่อยว่าง จากความว้าวุ่นใจและเลิกติดต่อ กับสังคมภายนอก เลิกทำกิจกรรมทางโลก เช่น sex หรืออื่นๆ
ต้องหมั่นดูแลความสะอาดบนร่างกายเพื่อไม่ให้ เป็นที่รังเกียจ กับบุคคลที่พบเห็น รับประทานอาหารง่ายๆ และไม่มีเนื้อ สัตว์ กินแต่ขนมปังมือเช้าอย่างเดียว
อ้างอิงจากเว็บ
http://orthodoxwiki.org/Hermit
http://www.hermitary.com/bookreviews/
ใครทำอยู่ที่บ้านได้ก็เอาเลยนะค่ะ ศาสนาเราก็มีของดีๆอยู่เยอะ ไม่ต้องไปแสวงหาอย่างอื่นหรอก ลองทำดูแบบไม่ต้องเคร่ง มากก็ได้
คลิปพระ และแม่ชี บำเพ็ญตนอยู่ในป่า และในถ่ำ
http://www.youtube.com/watch?v=ZqEDhKKP ... r_embedded
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ พุธ พ.ย. 11, 2009 7:10 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบคุณมาเลยค่ะคุณ Jacky ดีมากๆ เลยค่ะ
ได้รับรู้เรื่องของผู้ที่ปลีกออกไปจากสังคม เพื่อไปใช้ชีวิตที่สนิทกับพระเจ้าในธรรมชาติที่ทรงสร้าง
แอบเห็นเรื่องของ Cave in the Snow: Tenzin Palmo's Quest for Enlightenment (book) by Vicki Mackenzie. ค่ะ
เคยมีรุ่นพี่ให้ยืมอ่านเมื่อ 10 ปีก่อน ดีมากๆ เลยค่ะ เค้าไปอยู่ถ้ำบนภูเขาที่ธิเบตที่ไปถึงยากมากๆ เป็นเวลาถึง 12 ปี ทีเดียว
ใช้ชีวิตรำพึงภาวนาอยู่กับธรรมชาติ ท่ามกลางหิมะอันหนาวเย็น ปลูกมันฝรั่งไว้ทานเอง
เป็นผู้หญิงที่น้อยคนจะทำได้แบบเค้าค่ะ อ่านเรื่องเค้าแล้วก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีค่ะ
ได้รับรู้เรื่องของผู้ที่ปลีกออกไปจากสังคม เพื่อไปใช้ชีวิตที่สนิทกับพระเจ้าในธรรมชาติที่ทรงสร้าง
แอบเห็นเรื่องของ Cave in the Snow: Tenzin Palmo's Quest for Enlightenment (book) by Vicki Mackenzie. ค่ะ
เคยมีรุ่นพี่ให้ยืมอ่านเมื่อ 10 ปีก่อน ดีมากๆ เลยค่ะ เค้าไปอยู่ถ้ำบนภูเขาที่ธิเบตที่ไปถึงยากมากๆ เป็นเวลาถึง 12 ปี ทีเดียว
ใช้ชีวิตรำพึงภาวนาอยู่กับธรรมชาติ ท่ามกลางหิมะอันหนาวเย็น ปลูกมันฝรั่งไว้ทานเอง
เป็นผู้หญิงที่น้อยคนจะทำได้แบบเค้าค่ะ อ่านเรื่องเค้าแล้วก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดีค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย sinner เมื่อ พุธ พ.ย. 11, 2009 9:25 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ยิ่งเข้าไปดูเยอะๆ ยิ่งชอบจังเลยค่ะคุณ Jacky น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ
เหมือนในฝันเลยค่ะ อยู่บนภูเขาริมทะเล อยู่ในป่า สันโดษกับธรรมชาติ
อารมณ์เดียวกับ Tenzin Palmo เลยค่ะ ขอบคุณ คุณ Jacky มากๆ เลยค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=U5y9QyU2 ... re=related
เหมือนในฝันเลยค่ะ อยู่บนภูเขาริมทะเล อยู่ในป่า สันโดษกับธรรมชาติ
อารมณ์เดียวกับ Tenzin Palmo เลยค่ะ ขอบคุณ คุณ Jacky มากๆ เลยค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=U5y9QyU2 ... re=related
เป็น เหมือนกับการปฎิบัติ ธรรมของชาว พุทธนะค่ะ ซึ่ง สัตบุรุษ ก็สามารถทำได้เอง ด้วย ที่จริง catholic เขาก็มีนะค่ะ แต่ช่วงหลังทำไม่ ถึง ไม่มีก็ไม่ทราบ เรื่องเน้นการปฎิบัติภายใน ขัดเกลา จิตวิญญาณให้สะอาด และได้เข้าเฝ้าพระองค์ อย่างใกล้ ชิดมากขึ้นด้วย นักบุญสมัยก่อน เขาก็ทำกัน อย่าง นักบุญ แมร์ลี่ มักดาลีน ท่านก็ปฎิบัติ เช่นกัน โดยใช้ชีวิต อยู่แต่ในถ้ำ
และสมารถ สื่อสารกับ สัตว์ ได้ด้วย
และสมารถ สื่อสารกับ สัตว์ ได้ด้วย
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เรื่องสื่อสารกับสัตว์ ขอออกหน้าแสดงความเห็นก่อนว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกของผู้เป็นลูกแกะพระเจ้านะครับ อิอิjacky เขียน: เป็น เหมือนกับการปฎิบัติ ธรรมของชาว พุทธนะค่ะ ซึ่ง สัตบุรุษ ก็สามารถทำได้เอง ด้วย ที่จริง catholic เขาก็มีนะค่ะ แต่ช่วงหลังทำไม่ ถึง ไม่มีก็ไม่ทราบ เรื่องเน้นการปฎิบัติภายใน ขัดเกลา จิตวิญญาณให้สะอาด และได้เข้าเฝ้าพระองค์ อย่างใกล้ ชิดมากขึ้นด้วย นักบุญสมัยก่อน เขาก็ทำกัน อย่าง นักบุญ แมร์ลี่ มักดาลีน ท่านก็ปฎิบัติ เช่นกัน โดยใช้ชีวิต อยู่แต่ในถ้ำ
และสมารถ สื่อสารกับ สัตว์ ได้ด้วย
พระคัมภีร์ก็มีบันทึกถึงฑูตสวรรค์ที่สั่งห้ามสัตว์ร้ายก็มีครับ ในพันธสัญญาเดิมนะครับ
นั่นนะสิคะ สงสัยว่าหลังๆ ทำไมถึงไม่มีแบบนี้jacky เขียน: เป็น เหมือนกับการปฎิบัติ ธรรมของชาว พุทธนะค่ะ ซึ่ง สัตบุรุษ ก็สามารถทำได้เอง ด้วย ที่จริง catholic เขาก็มีนะค่ะ แต่ช่วงหลังทำไม่ ถึง ไม่มีก็ไม่ทราบ เรื่องเน้นการปฎิบัติภายใน ขัดเกลา จิตวิญญาณให้สะอาด และได้เข้าเฝ้าพระองค์ อย่างใกล้ ชิดมากขึ้นด้วย นักบุญสมัยก่อน เขาก็ทำกัน อย่าง นักบุญ แมร์ลี่ มักดาลีน ท่านก็ปฎิบัติ เช่นกัน โดยใช้ชีวิต อยู่แต่ในถ้ำ
และสมารถ สื่อสารกับ สัตว์ ได้ด้วย
ตัวเองจะประทับใจเซนต์แคร์ลค่ะ หนีออกไปอยู่ในป่า ชอบๆ จัง
งืมๆ ได้แวบเข้าไปหาซิสเตอร์ของออร์ทอด๊อกซ์ที่เป็น Hermit แต่หามะเจอค่ะ
เจอแต่ที่เป็นซิสเตอร์ทำปมๆ สำหรับภาวนาอ่ะค่ะ
กำลังเล็งๆ ไว้แถวแก้งคร้อ หรือไม่ก็ทาง เชียงของเชียงรายค่ะjacky เขียน: ชวนคน Sinner มาสร้างสถานปฎิบัติ ธรรมสำหรับชาว คริสต์ดีใหมค่ะ ลูกแกะของพระเจ้า จะได้ไม่หลงหาย
ถ้าที่แก้งคร้ออยู่บนภูเขาไม่มีไฟฟ้าน้ำประปา อิอิ แนวชอบๆๆ
เชียงของจะอยู่ริมแม่น้ำโขง เป็นของคนรู้จัก เค้าจะให้ที่ถ้าจะทำจริงๆ ค่ะ ถ้าเค้ามะเปลี่ยนใจซะก่อนนะ
ชอบทั้งสองที่เลยค่ะ
ความปรารถนาของข้า พระองค์คือ พระบิดา ที่พักอาศัยของ ข้าพระองค์ พระบุตร เกราะกำบังของข้าพระองค์ คือพระจิต พระตรีเอกานุภาพ อันศักดิ์สิทธ์ พระบารมีจงมีแด่พระองค์
สมควรแล้ว ที่จะถวายพระเกียรติยศอย่างแท้จริง แด่พระองค์พระนางผู้คงความพรหมจารีย์ ผู้เจริญ ยิ่งด้วยพระบารมี และ ปราศจาก บาปอย่าง บริสุทธินิรันดร์ และผู้เป็นพระมารดาบังเกิดเกล้า ของพระผู้เป็นเจ้าของเหล่าข้าพระองค์ขอถวายพระเกียรติ อันสูงสุดของทูต สวรรค์เครูวิม และความประเสริฐอันหาที่เปรียบมิได้ ของทูตสววรค์เซราฟิม ความบริสุทธิผุดผ่อง ของพระผู้เป็นเจ้า เหล่าข้าพระองค์ ขนานพระนามว่าเป็นองค์ผู้ทรงประสูติพระเยซูคริสต์ พระมารดาผู้คงความพรหมจารีย์ ของข้าพระองค์
พระสิริรุ่งโรจน์แด่พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อันศักดิ์สิทธ์ ตราบนี้ตลอดไป และจนชั่วนิรันดิ์ อาเมน
ขอพระองค์ทรงมีประเมตตา ( กล่าวสามครั้ง)
ข้าแต่พระเยซูคริสต์เจ้าพระบุตรแห่งพระผู้เป็นเจ้า ด้วยการภาวนาของพระมารดา ผู้ทรงความบริสุทธิ์ และนุกบุญทุกท่าน โปรดประทานพระมหากรุณา เหนือเหล่าข้าพระองค์ ด้วยเทอญ อาเมน
ว่างๆจะเอาวิธี การทำสมาธิภาวนา สำหรับชาวคริสต์ ดั่งเดิมมาฝาก นะค่ะ
สมควรแล้ว ที่จะถวายพระเกียรติยศอย่างแท้จริง แด่พระองค์พระนางผู้คงความพรหมจารีย์ ผู้เจริญ ยิ่งด้วยพระบารมี และ ปราศจาก บาปอย่าง บริสุทธินิรันดร์ และผู้เป็นพระมารดาบังเกิดเกล้า ของพระผู้เป็นเจ้าของเหล่าข้าพระองค์ขอถวายพระเกียรติ อันสูงสุดของทูต สวรรค์เครูวิม และความประเสริฐอันหาที่เปรียบมิได้ ของทูตสววรค์เซราฟิม ความบริสุทธิผุดผ่อง ของพระผู้เป็นเจ้า เหล่าข้าพระองค์ ขนานพระนามว่าเป็นองค์ผู้ทรงประสูติพระเยซูคริสต์ พระมารดาผู้คงความพรหมจารีย์ ของข้าพระองค์
พระสิริรุ่งโรจน์แด่พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อันศักดิ์สิทธ์ ตราบนี้ตลอดไป และจนชั่วนิรันดิ์ อาเมน
ขอพระองค์ทรงมีประเมตตา ( กล่าวสามครั้ง)
ข้าแต่พระเยซูคริสต์เจ้าพระบุตรแห่งพระผู้เป็นเจ้า ด้วยการภาวนาของพระมารดา ผู้ทรงความบริสุทธิ์ และนุกบุญทุกท่าน โปรดประทานพระมหากรุณา เหนือเหล่าข้าพระองค์ ด้วยเทอญ อาเมน
ว่างๆจะเอาวิธี การทำสมาธิภาวนา สำหรับชาวคริสต์ ดั่งเดิมมาฝาก นะค่ะ
-
- โพสต์: 124
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ย. 30, 2009 5:18 pm
- ที่อยู่: ขอนแก่น
†ลูกแกะพระเจ้า...
ขอบคุณคุณ jacky ครับที่นำข้อมูลมาแบ่งปัน
†ลูกแกะพระเจ้า...
...ขอพระเจ้าสถิตกับท่าน...
ขอบคุณคุณ jacky ครับที่นำข้อมูลมาแบ่งปัน
†ลูกแกะพระเจ้า...
...ขอพระเจ้าสถิตกับท่าน...
- ต้นไม้แห่งเจสซี
- โพสต์: 343
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 21, 2009 3:33 pm
- ที่อยู่: หลุมที่4 สุสานวัดพระราชินีแห่งสันติภาพ อรัญประเทศ
- ติดต่อ:
ขอบคุณครับ