ภาวนาให้นั่งสมาธิแล้วฉลาดขึ้นด้วย

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

ศุกร์ ธ.ค. 25, 2009 6:53 pm

นั่งแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 1 เดือนผ่านไปยังโง่เหมือนเดิม แถมตอนนั่งยังคงจิตใจวอแวก ไม่เปลี่ยนแปลง ภาวนาให้ด้วย ไม่เอาแบบนั่งแล้วไร้ค่า ยังคงโง่เหมือนเดิม  ::039::
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

ศุกร์ ธ.ค. 25, 2009 7:01 pm

ตั้งผิดกระทู้อีก  ::039::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

ศุกร์ ธ.ค. 25, 2009 7:45 pm

นั่งแล้วจิตใจวอกแวก ก็เหมือนไม่ได้นั่งดิ  : emo102 :
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

ศุกร์ ธ.ค. 25, 2009 7:48 pm

วอ เขียน: นั่งแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 1 เดือนผ่านไปยังโง่เหมือนเดิม แถมตอนนั่งยังคงจิตใจวอแวก ไม่เปลี่ยนแปลง ภาวนาให้ด้วย ไม่เอาแบบนั่งแล้วไร้ค่า ยังคงโง่เหมือนเดิม  ::039::

น้องเรา เอาจริงแฮะ...อิอิ : xemo016 :

จะสวดให้นะ วอว๊อคุง ::022::
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ธ.ค. 25, 2009 8:19 pm

การนั่งสมาธิ เป็นการฝึกจิตให้ นิ่งค่ะ เมื่อเรามีจิตที่นิ่งจะเรียนรู้อะไรดีขึ้น (นี่คงจะแปลว่าฉลาดขึ้น)

ให้สังเกต ตัวเองกันค่ะ เรากำลัง เป็นคนสมาธิสั้น กันทุกคน  เพราะวิวัฒนาการนี่แหละ

เราไม่อดทนรออะไรอีกแล้ว  อยากกินข้าว ก็แวะซื้อได้เลย พวก fast food นี่เยอะมาก

ดูทีวี กดรีโมท เปลี่ยนช่อง อยู่นั่นแหละ  จะคุยกับใคร ไม่เคยเขียนจดหมาย กดโทรศัพท์ พูดทันที

การใช้โปรแกรมคอมม์ พวก อินเทอร์เน็ต ต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ ทำให้สมาธิสั้น ซึ่งกระทบต่อการเรียนค่ะ
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

อาทิตย์ ธ.ค. 27, 2009 4:22 pm

วอฮับ การนั่งสมาธิเนี่ย ก็คือ การฝึกให้จิตใจเราสงบไม่ส่ายไปส่ายมา

ทำให้เราอยู่นิ่งๆ นะจ๊ะ  หากต้องการให้ฉลาดขึ้น ก็ต้องเรียนรู้รับฟังมากๆ

คิดตามความเป็นจริง มีทักษะชีวิตเยอะๆ นะจ๊ะ

ว่าแต่ว่าอยากฉลาดแบบทางโลก หรือ อยากฉลาดทางธรรมจ๊ะ : xemo016 : ::036::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Florian
โพสต์: 1513
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 31, 2006 12:05 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ ธ.ค. 28, 2009 3:00 pm

Prod Pran เขียน:
การนั่งสมาธิ เป็นการฝึกจิตให้ นิ่งค่ะ เมื่อเรามีจิตที่นิ่งจะเรียนรู้อะไรดีขึ้น (นี่คงจะแปลว่าฉลาดขึ้น)

ให้สังเกต ตัวเองกันค่ะ เรากำลัง เป็นคนสมาธิสั้น กันทุกคน  เพราะวิวัฒนาการนี่แหละ

เราไม่อดทนรออะไรอีกแล้ว
 อยากกินข้าว ก็แวะซื้อได้เลย พวก fast food นี่เยอะมาก

ดูทีวี กดรีโมท เปลี่ยนช่อง อยู่นั่นแหละ  จะคุยกับใคร ไม่เคยเขียนจดหมาย กดโทรศัพท์ พูดทันที

การใช้โปรแกรมคอมม์ พวก อินเทอร์เน็ต ต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ ทำให้สมาธิสั้น ซึ่งกระทบต่อการเรียนค่ะ
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากข้าพเจ้าคลุกคลีอยู่กับภาษาต่างประเทศ จึงขอยกตัวอย่างเกี่ยวกับการเรียนภาษาต่างประเทศนะ  : xemo028 :

นักเรียนจำนวนไม่น้อยที่เรียนภาษาต่างประเทศ มักจะไม่ค่อยมีน้ำอดน้ำทนในการเรียน สาธกกันให้เป็นรูปธรรมเลย เช่น ภาษาจีน จะว่าไปภาษาจีนก็ไม่ได้มีอะไรยาก ยากกันอยู่ตรงหน่วยเสียงบางหน่วยเสียงเท่านั้น ซึ่งก็เหมือนๆกันในทุกภาษา กล่าวคือทุกภาษาก็มีหน่วยเสียงยากที่ไม่มีในภาษาไทยอยู่กันทุกภาษานั่นแหละ ที่ยากอย่างโดดเด่น ได้แก่ อักษรจีน นอกนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรยากไปกว่าภาษาตระกูลอินโด-ยุโรป มีป้าคนหนึ่ง แกเรียนภาษาจีนได้ก่อน แล้วเลยมานั่งเรียนภาษาเยอรมัน แกบอกว่าภาษาจีนไม่เห็นมีอะไรเลย ภาษาเยอรมันยากกว่าตั้งเยอะ ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นด้วย พูดมายาว ข้าพเจ้าต้องการบอกว่า การเรียนภาษาจีนให้ได้ผลก็คือการอดทนนั่งท่องอักษรจีนไป ท่องจนกว่าจะจำได้ ในช่วงแรกของการเรียน ท่องได้ก็จะลืม ลืมแล้วก็จำ จำแล้วก็ลืม ต้องผ่านด่าน 18 อรหันต์ทองคำนี้ไปให้ได้ก่อน จนรู้สึกคุ้นเคยกับอักษรจีนจึงจะจำได้ไม่ค่อยลืม แล้วอักษรตัวไหนเจอบ่อยก็อาจจะไม่ลืมเลย (เช่น 我 你 他 她 เป็นต้น) ที่หินก็คือกว่าจะ "อดทน" ฝ่าฟันไปได้ หลายคนก็ไม่อดทนแล้ว เพราะคุ้นเคยกับอะไรเร็วๆ อยากติดต่อเพื่อน ก็มือถือ (ตามปกติจะติดต่อได้เร็วกว่าโทรศัพท์บ้าน) อีเมล (ตามปกติก็จะเร็วกว่าจดหมายธรรมดา) ลงโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ เราก็คลิก next next next and finish เราไม่เคยอ่านข้อความก่อนคลิก next คนยุคนี้เลยมีอาการสมาธิสั้นกว่าคนรุ่นก่อนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  : emo031 :

ด้วยเหตุนี้ ในการเรียนการสอนภาษาจีนทุกวันนี้ จึงประสบปัญหาอย่างมาก นักเรียนขาดน้ำอดน้ำทน เพราะการเรียนรู้อักษรจีนไม่ได้รวดเร็วดังใจนึกอย่างที่คุ้นเคยกัน ต้องใช้เวลา ซึ่งมันขัดกับวิถีชีวิตของคนยุคนี้อยู่มาก (วิถีชีวิตแบบ "มือถือ" "อีเมล" ฯลฯ) พออดทนไม่พอ ก็เรียนได้ไม่ดี พอเรียนได้ไม่ดี ก็โทษครูว่าครูสอนไม่ดี (พวกนักเรียนก็ช่างไม่ประเมินตัวเองเล้ยยยยย) บ้างก็บ่นว่า "หนูไม่ได้เรียนวิชาภาษาจีนวิชาเดียวนะ" พอครูย้อนถามว่า "ถ้าคุณไม่มีเวลาเพียงพอ แล้วคุณเลือกเรียนภาษาจีนทำไม" นักเรียนก็น้อยอกน้อยใจหาว่าครูตัดรอน ไม่มีน้ำใจ ไม่ให้กำลังใจ สารพัดจะว่าครู การเรียนภาษาจีนต้องใช้เวลามาก แต่สิ่งนี้ขัดกับวิถีชีวิตของคนยุคนี้ แถมทุกวันนี้สื่อบันเทิงไร้สาระก็เข้าไปหยิบยื่นความเย้ายวนถึงห้องนอน เป็นต้นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต จากที่เวลามีกันไม่มากอยู่แล้ว เวลาก็ยิ่งลดน้อยถอยลงไปกันใหญ่ แล้วก็มาบ่นว่า "หนูไม่ได้เรียนภาษาจีนวิชาเดียวนะคะ" แต่หนูมีเวลาเล่น facebook (ข้าพเจ้ายังไม่รู้จักเลยว่า facebook คืออะไร) ทั้งคืน  : xemo031 :

เวลามีคนมาถามว่า ภาษาจีนยากไหม ข้าพเจ้าจะตอบว่า ไม่ยาก แต่ต้องมีเวลา ภาษาจีนไม่ได้ต้องการคนเก่ง แต่ต้องการคนขยันและมีความสม่ำเสมอ ข้าพเจ้าจึงสงสัยอยู่ว่า หากต้องการเรียนภาษาจีน คนยุคนี้จะมีเวลาและความอดทนเพียงพอหรือไม่ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่ามี แต่จำนวนคนในลักษณะดังกล่าวคงลดน้อยลงทุกที ทั้งนี้โดยแปรผกผันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เป็น "นิวรณ์" ซึ่งหากไม่มีสติเหนี่ยวรั้งเอาไว้ ก็รังแต่จะลดทอนสมาธิอันพึงมีของพวกเราลงไปทุกวันๆ  : xemo023 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 28, 2009 6:28 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

จันทร์ ธ.ค. 28, 2009 3:35 pm

^
^
^
เห็นด้วย

ไม่ใช่แค่วิชาภาษา รวมทั้ง วิทย์ ,เลข , ฟิสิกส์
คนที่ไม่ชอบ ก็เริ่มตั้งอคติมากมาย บ่นนู่นนี่นั้น ทั้งๆที่ไม่ได้ช่วยให้ผ่านเลย

ไม่มีอะไรยากเกินพยายาม และไม่มีอะไรง่ายเลยถ้าไม่พยายาม

สำหรับผม
ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่เกรดในกระดาษ
แต่อยู่ที่ได้พยายามต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

จันทร์ ธ.ค. 28, 2009 3:44 pm

แมวเทา แห่งจารีตตะวันออก เขียน: ^
^
^
เห็นด้วย

ไม่ใช่แค่วิชาภาษา รวมทั้ง วิทย์ ,เลข , ฟิสิกส์
คนที่ไม่ชอบ ก็เริ่มตั้งอคติมากมาย บ่นนู่นนี่นั้น ทั้งๆที่ไม่ได้ช่วยให้ผ่านเลย

ไม่มีอะไรยากเกินพยายาม และไม่มีอะไรง่ายเลยถ้าไม่พยายาม

สำหรับผม
ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่เกรดในกระดาษ
แต่อยู่ที่ได้พยายามต่างหาก

คูณแม็ก หาข้อมูล การทำสมาธิ ของ ชาวคริสต์ ดั่งเดิมบ้างสิค่ะ เอาแบบที่กำลังทำอยู่ก็ได้ : emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

จันทร์ ธ.ค. 28, 2009 4:08 pm

jacky เขียน: คูณแม็ก หาข้อมูล การทำสมาธิ ของ ชาวคริสต์ ดั่งเดิมบ้างสิค่ะ เอาแบบที่กำลังทำอยู่ก็ได้ : emo045 :
สวดสายประคำนี่แหละครับ

ทฤษฎี
1.การสวดต้องไม่ใช่การท่อง หรือสวดส่งๆแบบขอไปที แต่ต้องสวดจากใจ
2.กล่าวคือ สัมผัสการสวดต้องสามารถควบคุมสมองความคิดจดจ่อกับการสวดตลอด
3.เมื่อสมองจดจ่อกับการสวดแล้ว ต้องเข้าส่ใจ ให้บทสวดในแต่ละเม็ดเข้าสู่จิตใจ
4.ย้ำไปที่ข้อ1 ต้องไม่ใช่แค่การท่อง ไม่งั้นสมาธิเราจะหยุดแค่ที่ปาก
5.ห้ามเข้าฌาน(หลับ)
6.จุดใหญ่ของการสวดคือเข้าหาพระเจ้าด้วยความสงบสันติ
7.จากข้อ6 กล่าวคือ เราต้องทำตนให้สงบ รำพึงหาพระเจ้า เราไม่ปล่อยจิตว่าง แต่เรายกจิตเข้าหาพระผู้สร้าง

บทสวด(แบบที่ใช้เยอะ)
"พระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า ดปรดเมตตาข้าพเจ้าทั้งหลายคบาป"
(โกสปอดี้ ยีซูเซ คริสเต ซึยเน โบชี่ ปามิรุย มยา เกรช โน โก้)
(Lord Jesus Christ,Son of God,Have mercy uponus the sinner)
ไม่สวดกัดจำนวนบท อาจ100ครั้ง,1000ครั้ง ตามศรัทธา

ปกติผมร้อยสายประคำเองเป็น99เม็ด(33 x 3)
แต่สวด100ครั้ง(เพราะเกินกว่านี้ ไม่เข้าฌาน ก็ ขี้เกียจ)

ส่วนตัวผม
ผมใช้การภาวนา "พระเจ้าทรงพระกรุณาเทอญ"(Kyrie Eleison)ไปเรื่อยๆต่อเม็ดๆ


ข้อมูลอื่นๆยอมรับว่าไม่มี เพราะอันนี้ใช้ปฏิบัติเอง
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

จันทร์ ธ.ค. 28, 2009 7:20 pm

เพระนั่งสมาธิไม่ฉลาดไม การสวดสายประคำทำให้ไม่มีสมาธิไปด้วยน่ะสิ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ธ.ค. 28, 2009 10:46 pm

วอ เขียน: เพระนั่งสมาธิไม่ฉลาดไม การสวดสายประคำทำให้ไม่มีสมาธิไปด้วยน่ะสิ
องค์ประกอบที่ทำให้ฉลาดมีหลายอย่าง เช่น

1.เผ่าพันธุ์ ฉลาด (มีพ่อ-แม่ฉลาด)

2.มีการเลี้ยงดูที่ส่งเสริมการเรียน

3.วินัย ชีวิตของผู้เรียน (คือเด็กนะแหละ)

4.สิ่งแวดล้อม ( การนั่งสมาธิก็คือการสร้างสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก )

5.การใฝ่ดีของผู้เรียน

และอีกมากมาย
ตอบกลับโพส