++ คนไทยรุ่นใหม่ในสายเลือดเก่า ++

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 8:44 am

คนไทยรุ่นใหม่ในสายเลือดเก่า

โดย โปรดปราน ( พีพี )



เราเพิ่งก้าวสู่ศตวรรษที่ ๒๑ ณ เวลานี้ พวกผู้ใหญ่เป็นมนุษย์ข้ามศตวรรษ เมื่อเหลียวกลับไปดูข้างหลังที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านวัตถุและจิตใจของคนอย่างชัดเจน แล้วเรามักจะบ่นกันว่าสังคมไทยวิ่งเร็วเกินไป เราพัฒนาแต่วัตถุ แต่ไม่ได้พัฒนาด้านจิตใจ ปัญหาสาระพัดที่รุมเร้า ทุกวี่ทุกวัน แล้วเมืองไทยจะไปรอดหรือ คนยุคใหม่เป็นอย่างนี้พวกเขาจะดูแลสังคมและบ้านเมืองกันอย่างไร

ผู้เขียนเคยได้รับคำถามว่า “ เราจะสร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็นคนที่รักชาติ เสียสละ และมีวินัย ได้ไหม” เพื่อจะยกระดับคุณภาพของสังคมไทย พูดตรงๆฉันไม่กล้ารับรองว่า พวกเราจะสร้าง เด็กรุ่นใหม่ให้มีเลือดรักชาติ เสียสละเพื่อส่วนรวม และมีวินัยได้ ทั้งๆที่รัฐบาลทักษิณทั้งสองสมัย ได้ประกาศ การปฏิรูป ระบบราชการ ปราบปรามคอมรัปชั่น ทำสงครามกับยาเสพติด นำหวยใต้ดินมาอยู่บนดิน ทำสงครามกับความยากจน โดยมีโครงการเอื้ออาทรหลากรูปแบบ เป็นต้น คำตอบของฉันคือ “กลัวพวกเราจะเป็น แม่ปูกับลูกปูหรือเปล่า” แล้วเราจะเริ่มต้นกันตรงไหน

เริ่มต้นที่บ้าน:
เพราะหน่วยเล็กที่สุดของสังคมคือครอบครัว สำหรับคริสตชน “ครอบครัว” คือสถาบันแรก ที่พระเจ้าทรงสถาปนา มีคำถามว่าปัจจุบันพ่อ แม่เป็นแบบที่ดีไหม เราคงไม่ปฏิเสธ ถ้าหากผู้เขียนจะบอกว่า ขณะนี้สถาบันครอบครัวไทยค่อนข้างล้มเหลว พ่อ-แม่จำนวนมากขาดความรับผิดชอบต่อลูกๆ ส่วน พ่อ แม่ที่มีความรับผิดชอบต่อลูกๆ ก็ขาดแบบอย่างที่ดี เพราะชีวิตเขาต้องมุ่งทำแต่งาน หาสินทรัพย์ ไม่มีเวลาให้ความอบอุ่นและอบรมสั่งสอนลูก ส่วนลูกๆ ก็อยู่ในกำมือของพี่เลี้ยง ในอดีตนั้นพี่เลี้ยง คือ ย่า ยาย ป้า น้า อา แต่ปัจจุบัน พี่เลี้ยงน้องส่วนมากคือแรงงานต่างด้าว

ถ้าเรามีโอกาสศึกษาจิตวิทยาเด็ก จะพบว่าช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของเด็ก คือ อายุ ๑-๕ขวบ เป็นช่วงเวลาที่สร้างชีวิต และบุคลิกภาพของเด็ก ยิ่งในครอบครัวคริสตชน มีพระวาจาของพระเจ้า และฤทธิ์เดชของพระจิต ที่สามารถช่วยได้ น่าเสียดายเพราะปัจจุบันคริสตชนจำนวนมากไม่กล้าดำเนินชีวิตที่ทวนกระแสโลก ตามแบบที่พระเยซูคริสต์เจ้าวางไว้ แต่คริสตชนเองยอมให้สังคมกลืนเรา อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง

สถานศึกษา: ครู/อาจารย์ ได้รับการยกย่องให้เป็น พ่อ แม่คนที่สองของเด็ก เราจึงมีคำพิเศษกว่าชาติอื่นๆใช้นั่นคือ “ลูกศิษย์” ความหมายง่ายๆคือศิษย์เปรียบเสมือนลูก ดังนั้นจึงไม่แปลกอีกปัจจุบัน พ่อ แม่รีบโยนลูกไปให้ พ่อแม่คนที่สองของเด็กตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งทารกบางคนต้องเข้าโรงเรียนก่อนอายุครบสองขวบ หรือเริ่มอนุบาลตั้งแต่ อายุ ๓ ขวบ สำหรับชีวิตเด็กบางคนกว่าจะจบปริญญาตรีใช้เวลาเกือบ ๒๐ ปีในสถาบันการการศึกษา เวลาเกือบ ๒๐ ปีของการศึกษา ช่วยให้คนๆนั้นมีคุณภาพ หรือศักยภาพที่จะนำประเทศให้ก้าวหน้าได้จริงหรือไม่ ผู้เขียนตอบได้ว่า “ไม่มั่นใจ” เพราะระบบการศึกษาของไทย ทุกๆแผน ที่ผ่านมาการศึกษาของประเทศไทยยังไม่ค่อยได้ผล หรือกำลังถดถอยก็ว่าได้ เพราะเราลอก ระบบการศึกษาของต่างประเทศ แล้วเอามาป้อนให้เด็กท่องอย่างนกแก้ว เรานำการศึกษาเข้าสู่ระบบการแข่งขันในเชิงพาณิชย์ ดังนั้น ธุรกิจการศึกษา ตลาดกวดวิชาจึงเบ่งบานดั่งดอกเห็ดหลังฝน ฝ่ายพ่อ แม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อจ่ายค่าเทอม/ค่าแป๊ะเจี๊ยะแก่โรงเรียนดังๆ และเพื่อค่าเรียนพิเศษของลูกๆ

เราไม่ได้พัฒนาเด็กให้รับผิดชอบต่อสังคม หรือเห็นประโยชน์ของส่วนรวมก่อน เราสร้างเด็กให้ฉวยโอกาส ที่เรียกว่า “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ใครสามารถกอบโกยได้มากคนนั้นเก่ง พ่อ แม่หลายๆคนรู้ปัญหาเหล่านี้ดี แต่ไม่ได้พยายามแก้ไข มิหนำซ้ำยังคล้อยตามค่านิยมที่ผิดๆนี้อย่างหน้าชื่นอกตรม

ค่านิยมที่ผิด: สังคมไทยไม่ค่อยยกย่องหรือชื่นชมคนดี แต่เรากลับยกย่อง คนร่ำรวย คนเด่นคนดัง คนมีอิทธิพล จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พ่อ แม่ ขายลูกสาวให้ซ่องโสเภณี หรือหนุ่ม-สาวจะขายตัวในธุรกิจเพศพาณิชย์ หรือคนที่เป็นปูชณียบุคคล อย่างครูบาอาจารย์จะขายยาเสพติด หรือผู้พิทักษ์สันติราช จะทำผิดกฏหมายเสียเอง เพราะมีธุรกิจ “ทุจริต”นาๆชนิดทำเม็ดเงินมหาศาล เพราะสังคมไทยยกย่องคนที่วัตถุ มากกว่าคนที่ทำคุณงามความดี จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าราชการไทยบางคนจะมีอาชีพเสริม เป็นพ่อค้าไปด้วย เช่น ค้าเนื้อสด ทั้งในประเทศ และข้ามชาติ ค้ายาเสพติดระดับโลก ค้าอาวุธสงคราม ค้าไม้เถื่อน ค้าน้ำมันเถื่อน พิทักษ์บ่อนพนัน หรือแม้แต่ส่งส่วย ไม่ใช่เรื่องหัวเมืองขึ้นส่งส่วยเพื่อแสดงการสวามิภักดิ์ต่อประเทศไทย ดังปรากฏในประวัติศาสตร์ แต่เป็นการส่งค่าคุ้มครองให้ผู้มีอิทธิพล เพื่อแลกกับการทำผิดกฏหมาย เป็นต้น

เห็นแต่ตัวอย่างไม่ดี: เด็กๆต้องการแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ผู้เขียนกล้าพูดว่า “คนไทยไม่ขาดคำสอนที่ดี แต่เราขาดแบบอย่างที่ดี” เด็กเติบโตขึ้นมาเขาไม่ได้รู้จักว่าสิ่งไหนผิดหรือถูก พวกเขาต้องการแบบจากพวกผู้ใหญ่เริ่มตั้งแต่ครอบครัว ซึ่งพ่อ แม่ควรสวมบทบาทในการเป็นแบบที่ดีให้ลูกๆ ส่วนที่โรงเรียน ครู/อาจารย์ ก็พร่ำสอนเด็กให้ทำแต่สิ่งที่ดี ดังนั้น ครู/อาจารย์ควรใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับสิ่งที่สอนด้วย ต่อมา สังคม คำว่าสังคมครอบคลุมไปถึงหลายๆสถาบันด้วยกัน สถาบันการเมืองการปกครอง ก็เป็นสถาบันหนึ่งที่จะหล่อหลอมประชากรของประเทศ ถ้าเรามีรัฐบาลที่ สัตย์ซื่อ มือสะอาด อย่างแท้จริง พอจะทำให้เด็กๆเลียนแบบนักการเมืองหรือ บุคคลชั้นปกครองได้ ...น่าเสียดายที่ผ่านมา เรามีนักการเมือง ที่สัตย์ ซื่อมือสะอาด ไม่มากนัก เราเจอแต่นักปกครองแบบ “พวกปากว่าตาขยิบ”เสียส่วนใหญ่ แล้วเยาวชนจะพึ่งพาผู้ใดล่ะ สถาบันศาสนา ซึ่งนักบวช หรือผู้นำศาสนาเอง เป็นผู้สร้างปัญหา มากมาย และเป็นผู้ ชักนำผู้ศรัทธาให้ออกห่างจากสัจธรรมคำสอนขององค์ศาสดา ก็มีมาก ....

แล้ว พวกเราที่เป็นคริสตชน ทั้ง“คริสตัง และคริสเตียน” เรามีบาทหลวง และศิษยาภิบาล เราเข้าร่วมมิสซาหรือนมัสการ เรามีพระคัมภีร์เป็นบรรทัดฐานในการสอน ซึ่งเป็นพระวาจาของพระเจ้า พระคัมภีร์เป็นแหล่งของปัญญา เป็นคลังของคำสอน เป็นแบบของชีวิต คงยอมรับกันว่า พระศาสนจักร และคริสตจักร ไม่ขาดคำสอนที่ดี แต่เราขาดการนำพระวาจา ไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เป็นรูปธรรมและเชื่อว่าคริสตชนเอง ก็มองแบบของผู้สอนของเขา นั่นคือมองไปที่ นักบวชเช่นบาทหลวง และ ศิษยาภิบาล ศิษยาภิบาลของคริสเตียนเรียกสมาชิกในคริสตจักรของเขาว่า “ลูกแกะ” ผู้เขียนหวั่นว่าจะเป็นนิทานชุดเดียวกัน กับ “แม่ปูกับลูกปู” แต่ฉบับของคริสตชนเป็น “พ่อแกะกับลูกแกะ” !!!
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 8:49 am

รักแต่พวกพ้อง: อันที่จริงพูดถึงความรักเป็นสิ่งที่ดี เพราะพระบัญญัติทองทั้งสองข้อก็สอนเรื่องความรัก ข้อแรกให้คริสตชนรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจสิ้นสุดกำลังและความคิด ข้อที่สองคือการรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ...เมื่อพูดถึงความรักเรามักจะอ้าง ๑ โครินธ์ ๑๓ในข้อสุดท้ายที่นักบุญเปาโลกย้ำว่า “ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด” ส่วนนักบุญยอห์นสาวกที่พระเยซูทรงรัก เน้น ใน ๑ ยอห์น เรื่องความรัก คือให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะคนที่รักคนอื่นเป็นเพราะความรักนั้นมาจากพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นหัวใจพระวรสาร คือ ยอห์น ๓.๑๖“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวเพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์”

สังคมไทยมีขอบเขตเป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งคือ สังคมที่กำหนดความสัมพันธ์ฉันญาติมิตร จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นว่าคนไทยรักพวกพ้องของตัวเองมาก โดยเฉพาะระบบอุปถัมภ์ เพราะการแสดงออกด้วยความรักแบบนี้เป็นผลเสียต่อการพัฒนาประเทศชาติ เพราะความรักเช่นนี้เป็นการแสดงออกถึงความคับแคบ เห็นแก่ตัวกีดกันคนนอก สังเกตจากสำนวนไทยที่กล่าวว่า “บ้านใครใครอยู่ อู่ใครใครนอน” นั่นคือการกำหนดสังคมด้วยญาติมิตร เราจะพบระบบนี้ทุกวงการ ไม่ว่า วงการข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน แม้แต่ในแวดวงของคริสตชน.....คือเราไม่ได้รับคนมีความรู้ความสามารถเข้าทำงานตามที่เขาถนัด แต่เรากลับใช้ระบบเส้นสาย จึงพบเห็นบ่อยๆ คนที่สำเร็จการศึกษาด้านหนึ่ง ทำงานอีกด้านหนึ่ง แล้วงานนั้นๆจะสำเร็จผลได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมให้โอกาสคนที่มีความรู้ความสามารถ มีความตั้งใจหรืออุดมการณ์เข้ามาแสดงฝีมือ เราอาจจะพูดง่ายๆว่า “ช่างมันเถอะ คนเหล่านั้นเป็นของโลกเขายังไม่รู้จักพระเจ้า...ยังไม่รู้พระประสงค์ของพระองค์ ปล่อยให้เขาหลงทางไป” ถ้าอย่างนั้นคริสตชนที่รู้จักน้ำพระทัยพระเจ้าแล้ว ยังปฏิบัติไม่แตกต่างจากสังคมภายนอก พระเยซูต้องเล่าเรื่องชาวสะมาเรียใจดีอีกกี่ครั้ง เราจึงจะหาคำตอบว่าใครคือเพื่อนบ้านของเรา ถ้าเราไม่พิจารณาหรือนำคำสอนของพระคริสต์เข้ามาในจิตสำนึกและอุดมการณ์ เราคงเหมือน ปุโรหิต และเลวีเท่านั้นเอง

ถึงเวลาแล้ว : เราเองพูดกันเสมอว่า บ้านเมืองเดินทางผิด มีสารพัด สิ่งชั่วร้าย หมักหมม มาชั่วนาตาปี จึงทำให้เกิดความพินาศจนไม่รู้ว่าจะแก้หรือเริ่มกันตรงไหน เราคริสตชนได้เห็นภาพนี้อย่างชัดเจนในสมัยประกาศก ที่พระเจ้าทรงตำหนิความอยุติธรรม ศีลธรรมเสื่อม การเอารัดเอาเปรียบในด้านเศรษฐกิจ ปัญหากรรมกรถูกหน่วงเหนี่ยวค่าจ้างแรงงาน ข้าราชการคดในข้องอในกระดูก ผู้พิพากษากินสินบน ผู้คนหยิ่งทะนง ใช้ชีวิตสุรุยสุร่ายฟุ่มเฟือย กษัตริย์ดาวิดใช้ดนตรีในการนมัสการพระเจ้า แต่พวกขี้เหล้าใช้ดนตรีเพื่อส่งเสริมการกินการดื่ม พวกผู้นำศาสนาถูกประณาม เพราะปุโรหิตสอนเพื่อสินจ้างรางวัล แต่ไม่ได้สอนความจริงของพระเจ้า เมื่อสังคมอิสราเอลล้มเหลว เช่นที่กล่าวมาแล้ว พระเจ้าเรียกร้องให้เขาหยุดการกระทำชั่วทั้งหมด และกลับมาหาพระเจ้าเริ่มต้นใหม่

....แล้วพวกเราล่ะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม เราเองรู้ดีหรือชั่ว รู้ว่าถูกหรือผิด คงถึงเวลาแล้วที่เราควรกอบกู้บ้านเมืองโดยเลิกกระทำพฤติกรรม ดังที่กล่าวมาข้างต้น เพราะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศชาติ “เลือดไทยรุ่นใหม่ต้องมาจากพวกเรารุ่นเก่าที่ยอมรับความผิดพลาด และตั้งใจที่จะเริ่มต้นใหม่ที่ถูกต้อง เป็นรูปธรรม” และที่สำคัญยิ่งคริสตชนมีโลหิตของพระเยซูเป็นขุมกำลังเพื่อช่วยพลักดันให้เปลี่ยนแปลง


( ตีพิมพ์ อิสระรายปักษ์ ปักหลัง เดือน มิถุนายน 2005 หน้า 2-4)
Buddy.

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 2:22 am

“แม่ปูกับลูกปู” <-- Could you tell us this summary of this story? I'm not sure I've heard it.. :)

This is a good article. I've read Thai newspaper recently and I just feel that I'm so old.. What's going on with the young generation? ...
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 4:35 am

Buddy. เขียน:“แม่ปูกับลูกปู” <-- Could you tell us this summary of this story? I'm not sure I've heard it.. :)

This is a good article. I've read Thai newspaper recently and I just feel that I'm so old.. What's going on with the young generation? ...
เป็นชุดนิทาน อีสปค่ะ

แม่ปูกับลูกปู

๏ ลูกปูเดินชอบเลี้ยว เอียง เอียง

ตัวแม่ปูมองเมียง ลูกน้อย

แล้วรีบเร่งเดินเคียง พรางว่า ดูแม่

พอแม่ปูเดินคล้อย ลูกรู้ว่าเฉียง ๚


http://www.geocities.com/lekpage/ntk001.htm
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 4:41 am

:: แม่ปูกับลูกปู ::


วันหนึ่งเมื่อถึงเวลาน้ำลงงวด ปูสองตัวแม่ลูกพากันขึ้นจากรูไต่ลงไปหาอาหารตามชายเลน ลูกปูเดินนำหน้าแม่ปูเดินตามหลัง ครั้นสังเกตเห็นว่าลูกของตนเดินคดเคี้ยวไม่ตรงทางแม่ปูจึงเอ่ยขึ้นว่า “ลูกเอ่ย ทำไมเจ้าถึงเดินคดไปคดมาไม่เป็นระเบียบอย่างนั้นเล่า เดินให้ตรง ๆ ซิ จะได้ไปหากินเร็ว ๆ มัวแต่เดินซัดเซไปมาอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวน้ำขึ้นก็จะไม่ทันการ” ลูกปูได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับมาว่า “แม่จ๋า แม่ช่วยเดินให้หนูดูเป็นตัวอย่างก่อนซิ หนูจะได้เดินตาม” แม่ปูไม่สามารถเดินตรงอย่างที่พูดได้ ด้วยวิสัยปูย่อมเดินคดไปคดมาเป็นธรรมชาติ แต่แม่ปูนั้นมิได้รู้สึกตัวเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ตัวอย่างย่อมเป็นครูที่ดี การจะสั่งสอนผู้อื่นในเรื่องใดเราต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นอย่างแท้จริง"


http://www.101netkids.com/story/story_26.htm
story_26.gif
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 4:42 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Junior Boy
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
ที่อยู่: I believe in God...

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 10:01 am

โอ้ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
แก้ไขล่าสุดโดย Junior Boy เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 10:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แกะ

จันทร์ ก.ย. 19, 2005 10:11 am

มาอ่านค่ะ พี่พีพี หนูกำลังมีเรื่องกะที่บ้านเลย แงๆๆ :'(
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ก.ย. 19, 2005 1:23 pm

แกะ เขียน: มาอ่านค่ะ พี่พีพี หนูกำลังมีเรื่องกะที่บ้านเลย แงๆๆ :'(
ไม่เป็นไร ฝากทุกเรื่องไว้กับพระเจ้าค่ะ อธิษฐานเผื่อ เรื่องทีเกิดขึ้น เผื่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง

อาจจะเป็นเวลาที่พระเจ้าทรงลิด เพื่อน้องจะเติบโต (ฝ่ายจิต )อีกขั้นหนึ่งค่ะ

ขอพระเจ้าทรงอวยพรค่ะ :D
Divine Mercy

จันทร์ ก.ย. 19, 2005 1:28 pm

ความเชื่อและความรักในพระเป็นเจ้าอย่างสิ้นสุดจิตใจ จะช่วยเราได้ในทุกกรณี

ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกคนครับ
Little Puppet
โพสต์: 100
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 12:25 pm
ที่อยู่: กรุงเทพ

อาทิตย์ ต.ค. 02, 2005 1:36 pm

สวัสดีครับพีพีพี หวังว่าพี่คงสบายดีนะครับ ระลึกถึงในคำอธิษฐานภาวนาเสมอ...

เป็นบทความที่ดีครับพี่

ขออนุญาตคัดลอกนำไปโพสต์ที่พันทิพนะครับ เผื่อจะมีพวกหูตามืดบอดมันจะได้สว่างขึ้นสักนิดนึง

ไม่เห็นชื่อพี่ที่นันนานแล้ว กลัวคริสตชน หลาย ๆ ท่านจะลืมน่ะครับ ว่างๆ แวะไปเยี่ยมเยียนกันบ้างนะครับ

หวังว่าคงไม่โกรธนะครับ


ขอพระเจ้าอวยพระพรครับผม

TPP
:-)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

อาทิตย์ ต.ค. 02, 2005 6:55 pm

มาดูครับคนเราใจแคบจิงๆ ใครว่างไปอธิบายพระวาจาในความเห็น2 ทีครับ

http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 77696.html
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ต.ค. 02, 2005 7:06 pm

อืมม์ คุณ TPP กำลังนำความทุกข์มาให้พี่แล้ว :'(

พี่พีพี แจ้งลบไปเรียบร้อยแล้วค่ะเพราะ
พี่บ่ายหน้าจากที่นั่นนานแล้วค่ะ :D

และไม่ชอบเป็นต้นเหตุในการทะเลาะ เบาะแว้งโดยไม่จำเป็นค่ะ


-----------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

เป็นบทความเชิงลบ เสียดสีสังคมไทยนอกศาสนาคริสต์
เสียดสีคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า

โดยเฉพาะท่อนที่บอกว่า "เราเจอแต่นักปกครองแบบ
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ อาทิตย์ ต.ค. 02, 2005 7:21 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ต.ค. 02, 2005 7:14 pm

ความคิดเห็นที่ 3

ส่วนเรื่องการศึกษา
ศาสนาคริสต์เน้นที่ศรัทธาและจงเชื่อพระเจ้า ไม่ได้สอนให้มนุษย์ใช้สติปัญญาไม่ใช่หรือครับ

กระทู้เก่าเคยคุยกันไปเรื่องผลไม้แห่งปัญญาที่พระเจ้าห้ามมนุษย์กิน ได้งูมาบอกมนุษย์ถึงได้มีปัยญารู้ผิดชอบชั่วดีนี่ครับ

ผลล่ะเง็ง....จริงๆนะเนี่ย


จากคุณ : talok - [ 2 ต.ค. 48 14:10:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4

ผมไม่อยากขัดคอหรอกนะ แต่บทความนี้ไม่ควรเสียดสีสังคมไทย สังคมไทยที่ไม่รู้จักพระเจ้า

ทางที่ดีถ้าจะเผยแพร่ศาสนา ควรยก ต.ย. คำสอนของพระเจ้าว่าสอนให้คนเป็นคนดีได้อย่างไรดีกว่า

จากคุณ : talok - [ 2 ต.ค. 48 14:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5

กร๊ากกกกก เข้ามาขำตลก สุดๆ ไปดีกว่าขี้เกียจ ตอบปัญหาอันน่าเบื่อ ที่เหมือนคนแกล้งโง่

จากคุณ : MichaeLPauL - [ 2 ต.ค. 48 18:55:56 ]
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ต.ค. 02, 2005 8:32 pm

ให้ตายสิโรบิ้น นายถลอก ก็ช่างตีความจริงๆ คือตีให้ออกนอกลู่นอกทางที่คนอื่นคิด

พระคัมภีร์พูดว่า ผลไม้ ดี ก็ออกผลตามชนิดของมัน หรือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจ ก็แสดงออกมาเช่นนั้น เห็นชื่อ พี่คนนี้มาหลายปีแล้วทำไมเป็นเช่นนี้น้า ??? (เง็งกว่าฮะ )
Little Puppet
โพสต์: 100
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 12:25 pm
ที่อยู่: กรุงเทพ

จันทร์ ต.ค. 03, 2005 1:14 pm

:'(

ขอโทษคร้าบพี่พีพี....

อภัยให้ผมด้วยครับ.. นี่อุตส่าห์จั่วหัวไว้แล้วนะว่าเฉพาะคริสตชนเท่านั้น

มันยังสะเออะมาป่วนอีก เชื่อเค้าเลย เฮ้อ...

ว่าแต่นายตลกนี่ก็ เหลือเกินจริงๆ



ท่าทางมันกับผมจะต้องสู้กันให้ไปข้างแล้วมั้ง...

TPP
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ต.ค. 04, 2005 6:43 pm

พี่หนุ่มไทยไร้นาม ไปโวยวายว่าใครลบ ด้วยล่ะ

http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 78411.html
ตอบกลับโพส