มีอะไรในปฐมกาลบทที่ 27

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

พุธ มี.ค. 14, 2007 8:32 pm

เปล่าประโยชน์จริงๆ  ::010::
ปล. มาอ่านเอาความรู้จากพี่ Holy ดีก่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
KathaRoS
โพสต์: 218
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 20, 2007 12:35 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ มี.ค. 14, 2007 9:03 pm

ขอพระเจ้าประทานปรีชาญาณ สติปัญญา พละกำลัง
และส่องสว่างความจริงให้คุณได้เห็นด้วยเทอญ
Sancta maria Ora Pro Nobis
Dis volentibus

พุธ มี.ค. 14, 2007 10:45 pm

Holy เขียน: พี่ทำตามพระคำน่ะคุณน้อง

ทต 3:9-11
ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านเน้นคำสอนเหล่านี้ เพื่อผู้ที่มีความเชื่อในพระเจ้าจะมุ่งทำแต่กิจการดีอยู่เสมอ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อทุกคน  จงหลีกเลี่ยงการถกเถียงปัญหาโง่เขลา การลำดับวงศ์ตระกูล การทะเลาะวิวาทเรื่องบทบัญญัติ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีประโยชน์และไร้ค่า  ถ้าท่านตักเตือนคนที่ยุยงให้ผู้อื่นแตกแยก ครั้งหนึ่งหรือสองครั้งแล้ว ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงอย่าติดต่อกับเขาอีก  จงรู้ว่าคนเช่นนั้นหลงผิดและยังทำบาป เขาตัดสินลงโทษตนเองแล้ว
โอ้ ข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาอย่างเเท้จริง เพราะ ข้าพเจ้าได้ตักเตือนคนที่ยุยงให้ผู้อื่นแตกแยก ครั้งหนึ่งหรือสองครั้งแล้ว เขาไม่เชื่อฟัง เเต่ข้าพเจ้าก็ยังติดต่อกับเขาอีก จึงดูเหมือนกับว่า ข้าพเจ้าได้กระทำให้รอยเเห่งความเเตกเเยก ยิ่งลุกลามเป็นทวีคูณ  ::006::
ขอพระองค์โปรดประทานอภัยเเก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่นด้วยเถิดพระเจ้าข้า :undecided:
แก้ไขล่าสุดโดย Ecclēsia เมื่อ พุธ มี.ค. 14, 2007 10:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Chay
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 7:39 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 11:35 pm

ก่อนอื่นผมอยากจะคุยเรื่อง "พระบัญญัติ" อีกหน่อยครับ (แม้ไม่อยากอ่านก็ตามครับ) เพราะว่ามีหลายคนที่อธิบายว่า.
"นั่นพระคำกำลังพูดเรื่องคนทางโลก ที่เขามัวแต่รักษากฏหมายของโลกนี้ เพราะว่าในกาลาเทีย 5:4 ที่คุณเชอ้างถึง
นั้นมันไม่ใช่บัญญัติของพระเจ้า เพราะภาษาอังกฤษเขียนว่า Law นั่นมันหมายถึงพระราชบัญญัติ หรือว่ากฏหมายของโลกต่างหาก"... (ผมพิมพ์สรุปมาครับ)
ผมเลยอยากอธิบายตามนี้ครับ......
ในกาลาเทียบทที่ 5:3 กำลังบอกว่าในบทที่ 5 นี้กำลังพูดถึงอะไร?
กำลังเขียนถึง "การเข้าสุหนัต" กับ "ความเชื่อ" ....
กฏหมายของโลก ไม่มีบอกว่า "ประชาชนจงเข้าสุหนัต"
แต่นี่คืออะไร คือพูดถึงสิ่งที่มีในบัญญัติ

ในกาลาเทียบทที่ 3:10 เช่นเดียวกัน ก็ใช้คำว่า "Law" แต่ลองอ่านดูดี ๆ
"เพราะว่าคนท้งหลายซึ่งพึ่งการประพฤติตามธรรมบัญญัติ ก็ถูกแช่งสาป
เพราะ
พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่มิได้ประพฤติตามข้อความทุกข้อ
ที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติก็ถูกแช่งสาป"

กฏหมายของโลกมีการ "เข้าสุหนัต" ด้วยเหรอครับ?

ในลูกาบทที่ 10:25-28 มีคนหนึ่งเข้ามาถามพระเยซูว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ชีวิต
พระเยซูถามกลับว่าอะไร "ในธรรมบัญญัติ (Law) เขียนไว้ว่าอย่างไร?"
เขาตอบว่าอะไร? "จงรักพระเจ้าสุดใจ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง"
นี่กฏหมายของโลกเหรอครับ ทั้ง ๆ  ที่ใช้คำว่า Law เหมือนกัน?

อย่าพยายามโยนให้คนอื่นเลยครับ เพราะว่าคนทางโลกไม่อ่านพระคำกันหลอกครับ
แต่นี่กำลังให้คนที่เรียกตัวเองว่า "เชื่อพระเจ้า" อ่านต่างหากครับ
อย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะกฏของพระเจ้า หรือของมนุษย์
ต่างก็เหมือนกันตรงที่ว่า "ต้องปฏบัติตามนั้น" หมายความว่า
ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ "การประพฤติ" ก็คืออย่างเดียวกันที่ทำให้
เราขาดจากพระคริสต์

และอีกอย่างหนึ่ง ผมอยากจะอธิบายว่า...."ผมไม่ได้กำลังบอกให้ทุกคนทำชั่ว" แต่กำลังจะบอกว่าเราทำตามบัญญัติไม่ได้..
ผมไม่ได้กำลังบอกให้ทุกคนเป็นคนที่ชั่วต่อไป แต่ผมกำลังบอกว่าทุกคนเปลี่ยนตัวเองไม่ได้...
ไม่ใช่การ "เปลี่ยน" แต่เป็นการ "คลุม"... อย่างที่ผมบอกแหละครับว่า ยาโคบ เขาไม่ได้เปลี่ยนตัวเป็นเอซาว
แต่คลุมด้วยสิ่งที่แม่ (พระเยซู) ทำให้....

กฏของการที่จะเข้างานเลี้ยง (มัทธิว 22:11-14) คือการ"เปลี่ยน"..... แต่เปลี่ยนอะไร?
ไม่ใช่การเปลี่ยนร่างกาย แต่เปลี่ยนสิ่งที่ "คลุม"...
หลังจากมนุษย์ออกจากพระเจ้า มนุษย์ก็ถูก "คลุม" ด้วยสิ่งที่มาจากมาร ที่ให้มนุษย์พยายาม "ปกปิด"... แต่ถ้าจะเข้างานเลี้ยง
ต้องถอดในสิ่งที่ตัวเองพยายามทำมาตลอดก่อน.... มีเสื้อของตัวเองกับของพระเจ้าที่เตรียมไว้, เช่นกันมีความชอบธรรมของตัวเอง
กับความชอบธรรมของพระเยซู เราต้องถอดของตัวเองก่อน ถอดด้วยอะไร? คือ "บัญญัติ" เมื่อเจอบัญญัติ ก็รู้ว่าเสื้อที่ตัวเองพยายาม
ทำมาตลอด มันไม่มีทางทำให้ตัวเองเข้างานเลี้ยง (สวรรค์) ได้  ... ถ้ารู้สึกตัวก็ "ถอด" ได้...
แต่ถ้าคิดว่าเสื้อของตัวเองสวย ก็ถอดยากครับ...
ลองสังเกตคำสั่งของกษัตริย์ดี ๆ  นะครับ ท่านสั่งว่า "ให้มาทั้งดีและชั่ว".. คนที่คิดว่าตัวเองดีให้ถอดเสื้อที่คิดว่าดี  คนที่คิดว่าตัวเองชั่วก็ให้ถอดเสื้อที่คิดว่าชั่ว
แล้วมาใส่มาตราฐานเดียวกันคือเสื้อหน้างาน...

พระเจ้าตรัสให้โนอาห์เอาสัตว์ "ทั้งสะอาด และสกปรก" แค่เข้ามาในเรือ มาตราฐานที่บอกว่าคนสะอาดขึ้นสวรรค์นั้นเปลี่ยนไปแล้ว แต่ให้ถอดความดีของตัวเองออก
แล้วใส่มาตราฐานของพระเจ้าใหม่.. กฏคือต้องอยู่ในเรือเท่านั้น (โรม 8:1 "ไม่มีการพิพากษากับคนที่อยู่ในพระเยซู การพิพากษาไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวเขาดีหรือไม่
แต่ขึ้นอยู่กับว่า อยู่ในตัวเอง หรืออยู่ในพระเยซู..
Dis volentibus

พุธ มี.ค. 14, 2007 11:48 pm

55555 กฎหมายชาวยิวเลยกลายเป็นกฎหมายของโลกไปเลย  :grin:
(นอกจากจะตีความจากพระคัมภีร์ผิด ยังตีความจากที่คนอื่นบอกไว้ผิดอีก)
อ่ะน่ะๆๆๆ ไม่เป็นไรๆ บางทีคนที่ผิดอาจจะเป็นเราก็ได้ :grin:
ใครจะรู้ นอกจากพระเจ้าๆ
ถ้าผิดประการใด ขอโทษมา ณ ที่นี่ จากใจจริงๆ

ทำตามพี่โฮลี่ดีกว่า ปล่อยๆ  :grin:
แก้ไขล่าสุดโดย Ecclēsia เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 12:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Chay
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 7:39 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 11:58 pm

...."ผมไม่ได้กำลังบอกให้ทุกคนทำชั่ว" แต่กำลังจะบอกว่าเราทำตามบัญญัติไม่ได้..
ผมไม่ได้กำลังบอกให้ทุกคนเป็นคนที่ชั่วต่อไป แต่ผมกำลังบอกว่าทุกคนเปลี่ยนตัวเองไม่ได้...
และไม่ใช่การ "เปลี่ยน" แต่เป็นการ "คลุม"... อย่างที่ผมบอกแหละครับว่า ยาโคบ เขาไม่ได้เปลี่ยนตัวเป็นเอซาว
แต่คลุมด้วยสิ่งที่แม่ (พระเยซู) ทำให้....

กฏของการที่จะเข้างานเลี้ยง (มัทธิว 22:11-14) คือการ"เปลี่ยน"..... แต่เปลี่ยนอะไร?
ไม่ใช่การเปลี่ยนร่างกาย แต่เปลี่ยนสิ่งที่ "คลุม"...
หลังจากมนุษย์ออกจากพระเจ้า มนุษย์ก็ถูก "คลุม" ด้วยสิ่งที่มาจากมาร ที่ให้มนุษย์พยายาม "ปกปิด"... แต่ถ้าจะเข้างานเลี้ยง
ต้องถอดในสิ่งที่ตัวเองพยายามทำมาตลอดก่อน.... มีเสื้อของตัวเองกับของพระเจ้าที่เตรียมไว้, เช่นกันมีความชอบธรรมของตัวเอง
กับความชอบธรรมของพระเยซู เราต้องถอดของตัวเองก่อน ถอดด้วยอะไร? คือ "บัญญัติ" เมื่อเจอบัญญัติ ก็รู้ว่าเสื้อที่ตัวเองพยายาม
ทำมาตลอด มันไม่มีทางทำให้ตัวเองเข้างานเลี้ยง (สวรรค์) ได้  ... ถ้ารู้สึกตัวก็ "ถอด" ได้...
แต่ถ้าคิดว่าเสื้อของตัวเองสวย ก็ถอดยากครับ...
ลองสังเกตคำสั่งของกษัตริย์ดี ๆ  นะครับ ท่านสั่งว่า "ให้มาทั้งดีและชั่ว".. คนที่คิดว่าตัวเองดีให้ถอดเสื้อที่คิดว่าดี  คนที่คิดว่าตัวเองชั่วก็ให้ถอดเสื้อที่คิดว่าชั่ว
แล้วมาใส่มาตราฐานเดียวกันคือเสื้อหน้างาน...

พระเจ้าตรัสให้โนอาห์เอาสัตว์ "ทั้งสะอาด และสกปรก" แค่เข้ามาในเรือ มาตราฐานที่บอกว่าคนสะอาดขึ้นสวรรค์นั้นเปลี่ยนไปแล้ว แต่ให้ถอดความดีของตัวเองออก
แล้วใส่มาตราฐานของพระเจ้าใหม่.. กฏคือต้องอยู่ในเรือเท่านั้น (โรม 8:1 "ไม่มีการพิพากษากับคนที่อยู่ในพระเยซู การพิพากษาไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวเขาดีหรือไม่
แต่ขึ้นอยู่กับว่า อยู่ในตัวเอง หรืออยู่ในพระเยซู..

ลูกาบทที่ 15  บุตรคนเล็กกลับบ้านเมื่อไหร่? ไม่ใช่เขา "เปลี่ยน" เป็นคนที่ดี แต่ยอม "ถอด" เสื้อแห่งความพยายาม (ขยันเลี้ยงหมู)
กลับมา "สวม" เสื้อ, "สวม" แหวน และ "สวม" รองเท้า... เขาไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนอื่น แต่เป็นคนเดิม

ใน 2 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 5 ได้พูดถึงเรื่อง "ถอด" เหมือนกัน เขาเป็นคนโรคเรื้อน แต่เสื้อที่เขาใส่อยู่มีตำแหน่ง แต่พออยากจะหายโรค ก็ต้องถอดเสื้อ และจุ่มน้ำ
ครั้งแรกเขาไม่ยอมถอด เพราะว่าคนที่มาสั่งเขาไม่ใช่ เอลีชา แต่เป็นคนที่อยู่กับเอลีชา เขาจึงโกรธมาก แต่เขาก็ยอม "ถอด" ดูภายนอกเหมือนกับว่าถอดเสื้อ
แต่นี้คืออะไรด้วย? เขา "ถอด" ตำแหน่งที่โลกนี้ให้ ความมีหน้ามีตา ความสามารถของตัวเอง....

ตอนที่พระเจ้าให้โมเสสสร้างพลับพลา อุปกรณ์ส่วนใหญ่แล้วเป็น "ไม้กระถินเทศ" ซึ่งเป็นไม้ที่เปราะ มีหนาม .... แต่พระเจ้าไม่ใช้ไม้สัก ไม้ที่แข็ง ๆ
แต่ถ้าใช้อย่างนั้นเลยก็ใช้ไม่ได้ แต่พระเจ้าไม่ได้ให้ "เปลี่ยน" ในความเป็นกระถินเทศ แต่ "คลุม" ด้วย "ทอง, ทองสัมฤทธิ์" แทน เพื่อแข็งแรง
มันไม่ได้แข็งแรงด้วยตัวมันเอง แต่แข็งแรงจากสิ่งที่ "คลุม" มันต่างหาก

คนที่จะหายจากโรคของความบาปก็เช่นกัน แต่จะหายอย่างไง? ก็ต้อง "ถอด" เสื้อแห่งความชอบธรรม แห่งความพยายามด้วยตัวเองออกก่อน (ซึ่งพระเจ้าใช้บัญญัติ
ที่จะทำให้ทุกคนเห็นด้วยว่าต้องถอดและยอมรับว่าทำไม่ได้) และ "สวม" ความชอบธรรมของพระเยซู เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ "เปลี่ยน" แต่สำคัญคือต้องถูก "สวม" ก่อน
ภาพประจำตัวสมาชิก
KathaRoS
โพสต์: 218
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 20, 2007 12:35 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 12:23 am

ชั้นงงการตีความของคุณอ่ะค่ะคุณ Chay งงจนตอบอะไรไม่ถูก เพราะจับใจความไม่ได้ว่าคุณต้องการอะไร
ต้องการความรู้ แล้วทำไมไม่ฟังในสิ่งที่เพื่อนพี่น้องตอบมา..
ถ้าอยากได้ความรู้ แนวความคิดของคนอื่นก็ให้เงียบและฟังบ้าง
ถ้าคุณมัวแต่ใช้ความคิดของคุณ..เป็นใหญ่ จนไม่ฟังเสียงของใคร
แม้กระทั้งเสียงของพระเจ้า คุณก็จะไม่มีวันเข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการณุ้ได้หรอก
หรือถ้าคุณคิดว่าเข้ามาเพื่อเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่
ใช้เหตุผลของตนเองมาหักล้างเหตุผลของคนอื่น จนคนอื่นเถียงกลับไม่ได้..แล้วคุณรู้สึกว่าคุณ ถูก..
ชั้นยินดีไม่ตอบโต้ค่ะ..เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจ...
**ถ้าอยากรู้สิ่งที่คนอื่นคิดก็หัดฟังเค้าบ้าง...ขอโทษนะค่ะที่พูดแรงไปรึป่าว  : xemo017 :
Dis volentibus

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 12:36 am

KathaRoS เขียน: ชั้นงงการตีความของคุณอ่ะค่ะคุณ Chay งงจนตอบอะไรไม่ถูก เพราะจับใจความไม่ได้ว่าคุณต้องการอะไร
ต้องการความรู้ แล้วทำไมไม่ฟังในสิ่งที่เพื่อนพี่น้องตอบมา..
ถ้าอยากได้ความรู้ แนวความคิดของคนอื่นก็ให้เงียบและฟังบ้าง
ถ้าคุณมัวแต่ใช้ความคิดของคุณ..เป็นใหญ่ จนไม่ฟังเสียงของใคร
แม้กระทั้งเสียงของพระเจ้า คุณก็จะไม่มีวันเข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการณุ้ได้หรอก
หรือถ้าคุณคิดว่าเข้ามาเพื่อเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่
ใช้เหตุผลของตนเองมาหักล้างเหตุผลของคนอื่น จนคนอื่นเถียงกลับไม่ได้..แล้วคุณรู้สึกว่าคุณ ถูก..
ชั้นยินดีไม่ตอบโต้ค่ะ..เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจ...
**ถ้าอยากรู้สิ่งที่คนอื่นคิดก็หัดฟังเค้าบ้าง...ขอโทษนะค่ะที่พูดแรงไปรึป่าว  : xemo017 :
อ่า พี่รี่ขา เจนว่าเราใจเย็นกันดีกว่านะคะ
ปล่อย.....................เค้าไปเถอะๆ :grin:
Dis volentibus

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:19 am

Chay เขียน: ถ้าอยากเข้าใจมากขึ้น ก็ติดต่อได้ที่ห้อง "ศาลาธรรม" ได้นะครับ ผมชื่อ chay ครับ
เราว่าเราเเอบงงมากขึ้น หรือเปล่า?  :grin:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 4:37 am

ผมขอรวมกระทู้ทั้งหมดของคุณนะครับ เพราะอ่านไปอ่านมาก็วนซ้ำไปซ้ำมา และตีความพระคัมภีร์ไปด้านเดียวหมด ไม่มีอะไรใหม่ และไม่ได้เปิดใจฟังอะไรของคนอื่น ซึ่งปรกติแล้ว เราไม่ได้เรียกพฤติกรรมทำนองนี้ว่า เสวนา แบ่งปัน หรือสนทนา แต่เรียกว่า หลับหูหลับตาพูดคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น อ่านๆไปยังพาให้งงอีกต่างหาก ดังนั้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ผมขอรวมทุกอย่างไว้ด้วยกันครับ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 8:32 am

คุณชายครับ ฟันธงดิครับฟันธงว่าจะให้เอายังไง อย่างเรื่องสุนัดจะให้ทำยังไงจะให้ขลิบหรือไม่ขลิบ เรื่องความรักจะให้ทำยังไงรักหรือไม่รัก เขางงกันยกบอร์ดแล้ว อย่างนี้จะว่าเรามืดหมดเหรอ ถ้าพระวาจาพระเจ้าเข้าใจยากขนาดนั้น ขนาดว่าเซียนๆอย่างคุณให้เกียรติมาอธิบายเองก็ยังงงกันเป็นไก่ตาแตกอย่างนี้ จะมีกี่คนได้รอด แล้วเนื้อหนังและพระโลหิตจะหลั่งออกมาเพื่ออะไร ถ้ามันยากซะขนาดนั้น เข้าใจยากขนาดฟันธงออกมาไม่ได้ขนาดนั้น

เห็นพระองค์แบกกางเขนก็ซึ้งในคำว่าบาปพอแล้ว เรารอดแล้วงานนี้ แต่พอมาเจอรหัสธรรมล้ำถลาอย่างของคุณนี่ เอ แล้วตกลงตรูจะเอาตัวรอดได้ยังไงหว่านี่
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 10:35 am

KathaRoS เขียน: ชั้นงงการตีความของคุณอ่ะค่ะคุณ Chay งงจนตอบอะไรไม่ถูก เพราะจับใจความไม่ได้ว่าคุณต้องการอะไร
ต้องการความรู้ แล้วทำไมไม่ฟังในสิ่งที่เพื่อนพี่น้องตอบมา..
ถ้าอยากได้ความรู้ แนวความคิดของคนอื่นก็ให้เงียบและฟังบ้าง
ถ้าคุณมัวแต่ใช้ความคิดของคุณ..เป็นใหญ่ จนไม่ฟังเสียงของใคร
แม้กระทั้งเสียงของพระเจ้า คุณก็จะไม่มีวันเข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการณุ้ได้หรอก
หรือถ้าคุณคิดว่าเข้ามาเพื่อเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่
ใช้เหตุผลของตนเองมาหักล้างเหตุผลของคนอื่น จนคนอื่นเถียงกลับไม่ได้..แล้วคุณรู้สึกว่าคุณ ถูก..
ชั้นยินดีไม่ตอบโต้ค่ะ..เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจ...
**ถ้าอยากรู้สิ่งที่คนอื่นคิดก็หัดฟังเค้าบ้าง...ขอโทษนะค่ะที่พูดแรงไปรึป่าว  : xemo017 :



::013:: ชั้นก็งงเหมือนกันนิ อุ๊บ..โทษทีนึกว่ารุ่นเดียวกัน  ::011:: พี่ก็งงเหมือนกัน งงมานานแล้วด้วย
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 12:37 pm

ถึงคุณชายอีกรอบ

1 ถ้าคุณเป็นสามัญชนประมาณว่าวันอาทิตย์ก็ไปโบสถ์ โบสถ์มีงานก็ไปช่วย เป็นชาวบ้านแบบฟังพระวาจาเสร็จแล้วก็กลับบ้านเอามาปฎิบัติ เอ้ยลืมไป ไม่ได้ติดกับความประพฤตินี่นา คือสามั๊ญสามัญละก็ ลองเรียบเรียงข้อความเชื่อต่างๆของคุณให้ดีแล้วมาคุยใหม่ ไม่งั้นงงไปงงมาจะพาให้เข้าใจคุณผิด

2 ถ้าคุณมีบทบาทเป็นผู้นำไม่ว่าจะระดับใหนของโบสถ์ ก็ลองเรียบเรียงข้อเชื่อให้เป็นระเบียบในหัวคุณ ฝึกการใช้ภาษาไทยให้ดีขึ้น ฝึกการสื่อสารสองทาง (ไม่ใช่ทางมาทางบกกลับทางน้ำอย่างนี้)ให้ดี เผื่อเราทุกคนจะได้มีความเข้าใจทีชัดใจในคริสต์จักรที่ว่าเป็นขอพระคริสต์อย่างเที่ยงแท้ตามความเข้าใจคุณ และที่สำคัญเผื่อว่าคุณต้องเทศน์ให้สัตบุรุษของคุณฟังพวกเขาจะได้ไม่งงไง

3 กรุณามีมรรยาทแจงที่มาที่ไปหน่อยว่าคุณคือใคร มาจากไหน เพราะส่วนใหญ่สมาชิกในบอร์ดที่เราคุยกันอยู่ประจำเรารู้ว่าใครคาทอลิก ใครโปรแตสแตนท์คริสตจักรไหน เราคุยกันได้ไม่มีปัญหา แต่นี่มีคนถามคุณหลายต่อหลายรอบแล้วว่ามาจากไหน ผลคือไม่ทราบ ไม่มีการชี้แจง หรือว่าเถื่อน พู่ทายด้าปะ(พูดไทยได้ป่าว)ก็ไม่รู้ จริงใจ
  มีความรัก ทำไมไม่กล้าแจงละครับ คนที่เข้ามาแบบนี้มีหลายคนแล้ว พวกที่ไม่ยอมบอกที่มาที่ไป แต่สืบไปสืบมาก็มากันจากที่เดิมๆนั่นแหละ ไม่เข้าใจ ไม่ได้จดทะเบียน หรือไม่ได้ตั้งชื่อเอาไว้ หรือยังไงไม่ทราบ ถ้าขนาดสิ่งที่จะบอกความเป็นตัวเองยังบอกกันไม่ได้ คำสอนถ้อยแถลงต่างๆมันก็ย่อมคลุมเครือแหละครับ อย่ามากบอกเลยว่ามาจากพระอย่างเที่ยงแท้ดั้งเดิมไม่ฝักใฝ่นิกายไหน เอามาตรงๆเลยดีกว่า ว่าคริสตจักรไหน เราไม่ว่า เราคุยกันได้ มอร์มอนก็ยังเคยเข้ามาคุยในนี้ คุยกันดีด้วยไม่มีการตีหัวเข้าบ้านแบบคุณ

หวังว่าคงไม่งงนะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:30 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Dis volentibus

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 12:47 pm

ผมไม่ได้กำลังบอกให้ทุกคนเป็นคนที่ชั่วต่อไป แต่ผมกำลังบอกว่าทุกคนเปลี่ยนตัวเองไม่ได้...
ไม่ใช่การ "เปลี่ยน" แต่เป็นการ "คลุม"... อย่างที่ผมบอกแหละครับว่า ยาโคบ เขาไม่ได้เปลี่ยนตัวเป็นเอซาว
แต่คลุมด้วยสิ่งที่แม่ (พระเยซู) ทำให้....


คืออันนี้ผู้ด้อยปัญญาอย่างข้าพเจ้า ไม่อาจเข้าใจได้ ดังนั้นรบกวนท่านผู้มีปัญญาอธิบายหน่อยเถิด ว่าสรุปเเล้ว การกระทำเช่นนี้ เป็นการทำความดีบังหน้าใช่หรือไม่? อันนี้ขออนุญาตเปรียบเทียบเสื้อคลุม
เป็นพระวาจาของพระเจ้าก็เเล้วกัน เพราะว่าสิ่งที่พระเจ้ามอบให้แก่เรา (นอกจากชีวิต ฯลฯ)
ก็คือทางเเห่งความรอด ซึ่งเราจะไปตามทางนั้นได้ ต้องอาศัยพระวาจาของพระเจ้า
 อ่ะ
คราวนี้ จากข้อความข้างบน คุณเชย์ไม่ได้บอกให้ทุกคนเป็นคนชั่วต่อไป อันนี้เข้าใจ เเต่หลังจากนั้น คุณเชย์ก็บอกว่า ทุกคนเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ นี่สิคือปัญหา
เพราะถ้าคนๆใดก็ตาม ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้า เเละ เชื่อฟัง ย่อมต้องเปลี่ยนนิสัยเเละสันดานของตนเอง หรือเรียกประมาณว่า กลับใจเเต่ถ้าคนๆนั้น ได้บอกว่าเขาเชื่อในพระวาจาของพระเจ้า เเต่ไม่ได้ปฎิบัติตามเเม่เเต่น้อย ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยการกระทำใดๆ เราสมควรเรียกเค้าว่า เป็นผู้ที่เชื่อในพระเจ้า หรือว่า ผู้เสเเสร้งว่าตนเองเชื่อในพระเจ้า?ดีเพียงเเค่เปลือกนอก(เสื้อคลุม) ในความคิดของข้าพเจ้า พระคัมภีร์คงไม่ได้ต้องการให้เราทำดีเเค่ภายนอกหรอก จริงใหม? เเต่ต้องการให้เราเปลี่ยนนิสัย วิถีชีวิต ความคิด การกระทำ อยู่ในศีลในพร เสียมากกว่า(นี่คือคำสอนเวลาคุณพ่อที่วัดสอนคนที่จะเป็นคริสตชนใหม่)

ป.ล. หรือคุณจะบอกว่าพระเยซูไม่ได้สอนให้เราเปลี่ยนนิสัย จะชั่วก็ชั่วต่อไป
   เพราะเดี๋ยวพระองค์จะเอาเสื้อคลุมมาคลุมให้เอง?
แก้ไขล่าสุดโดย Ecclēsia เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:06 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:29 pm

ป่วยการครับทุกคน ::010::
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:32 pm

Batholomew เขียน: ป่วยการครับทุกคน ::010::
ลองเชิญ ท่านผู้ชักชวนเข้าวงการมาคุยดีไหม เผื่อจะรู้เรื่อง  ::013::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:34 pm

อันตน เขียน:
Batholomew เขียน: ป่วยการครับทุกคน ::010::
ลองเชิญ ท่านผู้ชักชวนเข้าวงการมาคุยดีไหม เผื่อจะรู้เรื่อง  ::013::
นอกจากจะตอบไม่ได้แล้ว ยังอาจจะทำให้เรางงกันไปมากกว่าเดิมอีกนะครับ ::011::
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:38 pm

ทำไมเขาไม่ถามพี่เลี้ยงเขาแล้วทำความเข้าใจ เท่าที่ผมสนทนากันมาเขาตีความเอาเองหมดเลยแล้วก็เอามาถาม ถามกันทุกวันตอบกันทุก ::010::
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:39 pm

Joseph เขียน: ทำไมเขาไม่ถามพี่เลี้ยงเขาแล้วทำความเข้าใจ เท่าที่ผมสนทนากันมาเขาตีความเอาเองหมดเลยแล้วก็เอามาถาม ถามกันทุกวันตอบกันทุก ::010::
คุณเลยแนะนำมานี่เลยชะปะ แจ่มมมมมมมั่กมั่ก
โดฟชนะเลิศค่ะ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:46 pm

อันตน เขียน:
Joseph เขียน: ทำไมเขาไม่ถามพี่เลี้ยงเขาแล้วทำความเข้าใจ เท่าที่ผมสนทนากันมาเขาตีความเอาเองหมดเลยแล้วก็เอามาถาม ถามกันทุกวันตอบกันทุก ::010::
คุณเลยแนะนำมานี่เลยชะปะ แจ่มมมมมมมั่กมั่ก
โดฟชนะเลิศค่ะ
::010::เกี่ยวกะโดฟด้วยหรอพี่

เดี๋ยวโดนเก็บค่าโฆษณา ::019::
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:49 pm

Phulasso เขียน: นักบุญเบเนดิก บอกว่อารามใดไม่มีตัวป่วน
ให้ไปหามาไว้ในอารามสักคน
เพราะการพัฒนาทางด้านจิตจะเกิดได้ดีกว่าไม่มี  :grin: :grin:
::017::
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 9:52 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Dis volentibus

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:52 pm

Joseph เขียน:
Phulasso เขียน: นักบุญเบเนดิก บอกว่อารามใดไม่มีตัวป่วน
ให้ไปหามาไว้ในอารามสักคน
เพราะการพัฒนาทางด้านจิตจะเกิดได้ดีกว่าไม่มี  :grin: :grin:
อ่านะ การพัฒนาการด้านพระจิต ก็มีอยู่หรอกค่ะพี่
เเต่การพัฒนาด้านอาการจิตประสาท มันจะควบคู่มาด้วย  :grin:
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:52 pm

Joseph เขียน: ทำไมเขาไม่ถามพี่เลี้ยงเขาแล้วทำความเข้าใจ เท่าที่ผมสนทนากันมาเขาตีความเอาเองหมดเลยแล้วก็เอามาถาม ถามกันทุกวันตอบกันทุก ::010::

::016:: เท่าที่คุณสนทนากันมาเขาตีความเองหมด ก็ไม่น่าเอาเข้าบอร์ดนะ อันตรายสำหรับคนอื่น นอกจากจะมาพูดในแนวคิดของตัวเอง ยังทำให้พี่น้องในนี้งุนงงกับความเชื่อ ความเข้าใจแบบผิดๆ อีก

::013:: อย่าลืมว่า ในนี้ไม่ได้มีแต่คาทอลิก และ โปรฯ ที่เข้มแข็งเท่านั้น แต่ยังมีน้องใหม่ที่สนใจในศาสนา กำลังศึกษาหาความจริง  อีกทั้งยังมีพี่น้องต่างศาสนาเข้ามาศึกษา แต่พอมาเจอการตีความ และข้อมูลในแนวคิดของตัวเองแบบนี้คงจะเง็งไปตามกัน และที่สำคัญตะแบงจัง ไม่ได้ฟังใครทวงติงเลย แนวคิดแบบนี้ไม่สมควรที่จะอยู่ในบอร์ดสาธารณะอ่ะ


ปล. เห็นว่าจะรวมข้อความของ คุณ chay รีบรวมเถอะคะ เพราะยิ่งนานยิ่งเลอะเทอะ เดี๋ยวแทนที่จะได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน จะกลายเป็นทะเลาะกันเพราะแนวความเชื่อในสไตล์ฉันคิดเองอีก
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 1:59 pm

เรื่องนี่พี่ก็คิดเหมือนกัน ต้องบอกไว้ก่อนความคิดของน้องเชไม่ได้มาจากความเชื่อของทั้งคาทอลิกและโปรแตสแตนท์แต่เป็นความเชื่อที่เขาตีความของเขาเอง ::010::
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 2:01 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 2:00 pm

คุณแม่พิโรธแล้วพี่อันตน ::011::

แต่อันนี้เห็นด้วยกะคุณแม่ 4000 % เลยนะครับ ::011::
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 2:06 pm

Joseph เขียน: เรื่องนี่พี่ก็คิดเหมือนกัน ต้องบอกไว้ก่อนความคิดของน้องเชไม่ได้มาจากความเชื่อของทั้งคาทอลิกและโปรแตสแตนท์แต่เป็นความเชื่อที่เขาตีความของเขาเอง ::010::
เอางี้พี่ พี่คุยกับน้องเขาให้เรียบร้อยก่อน คือเสนอน้องเขาในทำนองว่าให้น้องเขาเรียบเรียงสิ่งที่ต้องการสื่อสารให้เข้าที่เข้าทาง ไปยืนยันกับทางคริสตจักรต้นสังกัดดูว่าที่โพสต์ๆมาหรือว่าที่กะว่าจะโพสต์นี่ถูกต้องหรือยัง บางทีทางคริสตจักรต้นสังกัดเขาอาจจะไม่ค่อยชอบการแสดงความร้อนรนแบบนี้เท่าไหร่ก็ได้ เพราะเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดหรือเสี่ยงต่อการถูกชักจูงให้กลับมาเหมือนชาวบ้านร้านถิ่น แล้วพี่ก็ลองคัดกรองดูว่าอันไหนดีไม่ดี (คือพี่อ่านแล้วพี่เองก็ไม่งงอะ แต่ถ้าพี่ไม่งงสักกะเรื่อง ก็เอาเป็นว่างั้นพี่คุยไปเลย อย่าเพิ่งเอามาคุยบนบอร์ด) แล้วค่อยแนะนำน้องเขามาแลกเปลี่ยนกันอีกสักทีดีไหม

ส่วนตอนนี้ เห็นด้วยกับคุณแม่อัครอภิมหาอธิคานเขา
Dis volentibus

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 2:08 pm

อันตน เขียน: ส่วนตอนนี้ เห็นด้วยกับคุณแม่อัครอภิมหาอธิคานเขา
เห็นด้วยเหมือนกันค่ะ ห้า ห้า ห้า ๕๕๕ 555  : xemo016 :
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 2:09 pm

Joseph เขียน: เรื่องนี่พี่ก็คิดเหมือนกัน ต้องบอกไว้ก่อนความคิดของน้องเชไม่ได้มาจากความเชื่อของทั้งคาทอลิกและโปรแตสแตนท์แต่เป็นความเชื่อที่เขาตีความของเขาเอง ::010::

::016:: กรำ....ไม่ได้มาจากความเชื่อของทั้งคาทอลิกและโปรแตสแตนท์แต่เป็นความเชื่อที่เขาตีความของเขาเอง  ยิ่งเป็นแบบที่คุณว่ามาแบบนี้ ยิ่งไม่น่านำเข้ามาที่นี่เป็นอย่างยิ่ง ที่หลังก็พิจารณาหน่อยละกันนะ
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 2:12 pm

ยังมีพี่น้องต่างศาสนาเข้ามาศึกษา แต่พอมาเจอการตีความ และข้อมูลในแนวคิดของตัวเองแบบนี้คงจะเง็งไปตามกัน และที่สำคัญตะแบงจัง ไม่ได้ฟังใครทวงติงเลย แนวคิดแบบนี้ไม่สมควรที่จะอยู่ในบอร์ดสาธารณะอ่ะ
เริ่มเห้นด้วยกับขอนี้  
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2007 2:17 pm

Joseph เขียน:
ยังมีพี่น้องต่างศาสนาเข้ามาศึกษา แต่พอมาเจอการตีความ และข้อมูลในแนวคิดของตัวเองแบบนี้คงจะเง็งไปตามกัน และที่สำคัญตะแบงจัง ไม่ได้ฟังใครทวงติงเลย แนวคิดแบบนี้ไม่สมควรที่จะอยู่ในบอร์ดสาธารณะอ่ะ
เริ่มเห้นด้วยกับขอนี้  
งั้นพี่ช่วยเชิญน้องเขาหรือคุยกับน้องเขาแบบส่วนตั๋วส่วนตัวก่อน แล้วค่อยให้เขามาโพสต์แล้วกันนะ พี่โยเซ๊ฟแสนดี
ตอบกลับโพส