มีอะไรในปฐมกาลบทที่ 27

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร มี.ค. 13, 2007 11:09 pm

Chay เขียน: "66" หมายความว่านี่คือเพื่อ "มนุษย์" (เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์วันที่ 6)
แหมไม่นึกบ้างเหรอ ว่ามี6อีกตัวก็น่ากลัวจะแย่

ส่วนผมยึดสาระบบ 70 เลข 7คือเลขที่สมบูรณ์ หมายถึงพระเจ้า แปลว่ามาจากพระเจ้าจริงๆครับ

ปล.ตกลงว่า จะคิดยังไงก็ตามแต่สมองมนุษย์ของคุณ แต่อย่าเที่ยวพูดจาบิดเบือนประวัติศาสตร์ว่ามีการเติม เพราะที่จริงโดนตัด ไม่งั้นจะเป็นบาปโกหก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 5:25 am

1คร 4:20
พระอาณาจักรของพระเจ้าไม่อยู่ในคำพูด แต่อยู่ในการกระทำซึ่งแสดงพระอานุภาพของพระจิตเจ้า 


1ยน 3:18
ลูกที่รักทั้งหลาย เราอย่ารักกันแต่ปาก เพียงด้วยคำพูดเท่านั้น แต่เราจงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง


กท 5:6
เรื่องที่สำคัญก็คือมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำอาศัยความรัก
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ มี.ค. 14, 2007 7:18 am

Jack Sparrow เขียน: ความร้อนเมื่อเจอกับความเย็นก็ทำให้เกิดหมอกมองเส้นทางไม่เห็นก็อย่างนี้แหละต่างคนต่างไปกันคนละทิศละทาง ถ้าเรือไม่ชนกันเสียก่อน คุณ Chay ลองรับฟังเพื่อนๆ หลายคนบ้างนะครับ เพราะในนี้ก็มีทั้งคาทอลิกอย่างคุณโฮลี่ มีทั้งโปรแตสแตนท์อย่างคุณพีพีกันน้องเจี๊ยบ
แหม พี่แจ็ค น้องเจี๊ยบเป็นคนมีความรู้น้อย เพราะขนาดจบ ป.เอก แล้วท่าน Chay ยังไม่หวั่นขอรับ :cheesy:

ที่พี่แจ็ค ผู้ฆ่ายักษ์ (สาว ) แนะนำนั้น ก็รับกับพระวจนะ (พระวาจา ) ของพระเจ้าในสุภาษิตว่า "จงไวในการฟัง และช้าในการพูด"นะครับ :lipsrsealed:
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ มี.ค. 14, 2007 7:22 am

Holy เขียน:
Chay เขียน: "66" หมายความว่านี่คือเพื่อ "มนุษย์" (เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์วันที่ 6)
แหมไม่นึกบ้างเหรอ ว่ามี6อีกตัวก็น่ากลัวจะแย่

ส่วนผมยึดสาระบบ 70 เลข 7คือเลขที่สมบูรณ์ หมายถึงพระเจ้า แปลว่ามาจากพระเจ้าจริงๆครับ

ปล.ตกลงว่า จะคิดยังไงก็ตามแต่สมองมนุษย์ของคุณ แต่อย่าเที่ยวพูดจาบิดเบือนประวัติศาสตร์ว่ามีการเติม เพราะที่จริงโดนตัด ไม่งั้นจะเป็นบาปโกหก
เลข 6 ถ้าเพิ่ม อีก 3 ตัว แล้วกลับหัวตามสูตร พี่เปาลูส  ก็เป็น 9999= เลขรถ พี่เป  ( ของ )หมอเผ่า ครับ :grin:

ส่วนเลข 7 นั่น เจี๊ยบก็ยึดมั่นตามแบบ พี่โฮลี่ และเป็นเลขรหัสของคณะ Theology ของบางสำนัก ขอรับ : emo010 :
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ มี.ค. 14, 2007 7:25 am

"บัญญัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือบัญญัติรัก" โปรเตสแตนต์ หลายคริสตจักรมีเพลง บัญญัติรักด้วย

ขอมอบหมายให้ เจ๊ยศ หรือพี่เร หาเพลงนี้มาแปะขอรับ : xemo029 :
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ มี.ค. 14, 2007 7:35 am

Chay เขียน:

ถ้าอยากเข้าใจมากขึ้น ก็ติดต่อได้ที่ห้อง "ศาลาธรรม" ได้นะครับ ผมชื่อ chay ครับ
ถ้าเป็นห้อง "ศาลาธรรม" ของนิวมานา คงไม่เหมาะสมนะขอรับ เพราะว่า ผู้ก่อตั้งบอร์ดนี้ ทั้งคาทอลิก และโปรเตสแตนต์ คงไม่อนุญาตให้คุณอธิบายความเชื่อความศรัทธา ตามแนวของคุณ ที่ ขัดแย้งกับแนว ความเชื่อความศรัทธาของกลุ่มชนที่นี่ (ส่วนใหญ่ ) แน่นอน ซึ่งบอร์ดนี้เราหลีกเลี่ยง การสร้างความแตกแยก กันในพระกายของพระเยซูเจ้าคร้าบ : emo038 :
Chay
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 7:39 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 9:20 am

อย่าคิดว่านี่คือการทะเลาะกันเลยนะครับ ผมเชื่อว่าพวกเราเชื่อพระเจ้าก็น่าจะเชื่อว่าทุกอย่างเกิดขึ้นมาโดยพระเจ้า
ใช่ครับ จะให้มนุษย์มามีความคิดเหมือนกันมันคงจะเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นพวกเราจึงต้องเอา "พระคัมภีร์" เป็น
เกณฑ์ทางความคิด  แค่เปิดใจรับซึ่งกันและกัน ผมไม่ใช่สะแต่ว่าพิมพ์ ผมก็อ่านความคิดของพวกท่านด้วย
"ความเข้าใจ" เกิดจากการโต้เถียงกันด้วยหลักเหตุผล.....
พระเยซูเคยตรัสไว้แล้วว่า "พระองค์ไม่ได้มาอย่างสันติ แต่มาด้วยดาบ ที่ทำให้คนในครอบครัวมีการบาดหมาง"
หมายความว่า ถ้าอีกคนหนึ่งไม่เข้าใจ ก็ต้องมีการอธิบาย แม้เขาไม่ชอบก็ต้องอธิบาย นี่คือเรื่องจำเป็นในการเผยแพร่ใช่ไหมครับ
เราอนุญาตให้เกิดการโต้เถียง เพื่อความจริงจะได้ปรากฏดีกว่านะครับ

ถาม.."เขายังไม่รู้เลยว่าพระองค์เป็นใคร ดังนั้นจะบอกว่าเขาตั้งใจหันไปขอความช่วยเหลือพระเยซูได้อย่างไร"
ตอบ..ผมอยากอธิบายโดยอ้างเรื่องในลูกาบทที่ 10 เรื่องชายผู้ถูกโจรปล้น..พระคำอธิบายโดยให้ "ชาวยิว" เป็นคนที่ถูกโจรปล้น
และ "ชาวสะมาเรีย" เป็นผู้ช่วย ท่านคงทราบดีว่า ทั้งสองชนชาติไม่ถูกกัน เพราะว่าชาวสะมาเรียเป็นคนที่ต่ำต้อยกว่า

แต่ทำไมชาวยิวคนนั้นถึงยอมให้ชาวสะมาเรียรักษาครับ?.. ก็เพราะว่า "เขาเกือบจะตาย" คนที่หมดหวัง คนที่ยอมแพ้
คนนั้นยอมรับการช่วยเหลือง่ายจากคนอื่น แม้ว่าเขาจะต่ำต้อยก็ตาม....
เช่นเดียวกัน  พระคำพูดถึงชายป่วยมาสามาสิบแปดปีคือ "เขาไม่มีหนทางแล้ว" แม้คนนั้นจะเป็นใคร แม้ว่าจะเป็นคนที่ต่ำต้อย
เป็นคนที่โลกนี้เกลียดชัง แต่เขายอมฟังอย่างมีความหวัง เมื่อมีคนหนึ่งมาให้ "ความหวัง"
ชายคนที่ป่วยมานั้น มีแต่คนสอนว่า "จงลงไปในสระ แล้วเจ้าจะหาย" มาตลอดชีวิต
แต่มีวันหนึ่งกลับได้ยินว่า "เจ้าปรารถนาจะหายโรคหรือ" แน่นอน เขาอยากจะหายจึงมาที่นี่ แต่ทำไมยังถามอย่างนี้?
หมายความว่า "อยากจะหายหรือ แต่ทำไมอยู่มานานแล้วยังไม่หายล่ะ"
เมื่อคนนี้สารภาพว่า "หมดหวัง" คนนี้ก็ได้รับ "ความหวัง" จากพระเยซูได้ (ซึ่งยังไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าเป็นพระเยซู แต่รู้ว่าเขาคนนั้นมีความหวังให้)
เช่นกัน แม้พี่น้องคริสเตียนคนหนึ่งพูด แต่ฉันอยากจะฟ้ง เพราะฉันไม่มีความหวังของตัวเองแล้ว คนนี้เกิดความเชื่อจากการฟังคนอื่นได้

ถาม..."ท่านหายเป็นปกติแล้ว อย่าทำบาปอีก มิฉะนั้น เหตุร้ายกว่านี้จะเกิดขึ้นแก่ท่าน"
ตอบ..หลายคนเข้าใจว่าพระเจ้าชอบบอกว่า "จงทำดี"... ถ้าพวกเราทำได้จริง ทำไมพระเยซูต้องเสด็จมา?  เพราะฉะนั้นที่ตรัสว่า
"อย่าทำบาปอีก" หมายความว่าอะไร?  "อย่าทำ...อีก" หมายความว่า "เคยทำมาก่อน" แล้วอะไรที่ชายคนนั้นทำมาก่อน?
"จ้องสระน้ำ และพยายามลงเป็นคนแรก"... ใช่นี่คือสิ่งที่เขาทำมาก่อน เพราะว่าเขาทำอย่างนั้น หมายความว่า "หันหลังให้พระเยซู"

อย่างที่ผมอธิบายใน กาลาเทียบทที่ 5:4 ที่บอกว่า "ท่านที่ปรารถนาจะเป็นคนชอบธรรมตามบัญญัติก็ขาดจากพระคริสต์ และหล่นพ้น
จากพระคุรไปเสียแล้ว"
"พระบัญญัติ" หมายถึงสิ่งที่ดีถ้าทำได้ แต่ไม่มีใครสักคนที่ทำได้ (โรม3:21) เช่นเดียวกัน "บ่อน้ำ" คือสิ่งที่ทุกคนถูกสอนมาตลอดว่า
"ถ้าลงเป็นคนแรกได้ จะหายโรค" แต่ทุกคนก็รู้ แต่ทำไม่ได้... ยิ่งพยายาม ยิ่งหันหลังให้พระเยซู แล้วก็ทิ้งพระคุณไปแบบนี้

ทำบาป คืออะไร ก็คือยัง "ล่วงประเวณี" กับบัญญัติอยู่ แต่บอกว่าเชื่อพระเยซู (โรม บทที่ 7)

เมื่อก่อนนี้ "ชายที่ป่วยมาสามสิบแปดปี่" จ้องสระน้ำมาตลอด หมายความว่า "ล่วงประเวณี" กับบ่อน้ำ (บัญญัติ) มาตลอด ทั้ง ๆ  ที่
พระเยซูเสด็จมาบนโลกนี้แล้ว...

พระเยซูมาทำให้ "บัญญัติ" เป็นโมฆะ แล้ว เพราะว่าพระองค์สนใจแต่เรื่อง "พระเมตตา" ไม่ใช่เรื่อง "อัตตา" (ทำด้วยตัวเอง)
ผมอธิบายเรื่อย ๆ เรื่องที่ทุกคนยังอยู่กับบัญญัติ แต่มีหลายคนที่ยังสนใจเรื่องที่จะ "ประพฤติ" ตาม "บัญญัติ"
หรือตั้งกฏระเบียบใหม่ โดยสินใจเรื่องการ "กิน" "พูด" "สวม" ฯลฯ นี่ก็เป็นบัญญัติที่มนุษย์ตั้งขึ้นมาอีก

ถ้าพี่ตีความพระคำจบที่การประพฤติ ก็ไม่เป็นไร ก็ทำดีไปเรื่อย ๆ  แต่พระองค์ก็ตรัสว่า "ท่านอ่านบัญญัติเข้าใจอย่างไร?"
ถ้าอ่านแล้วคิดว่าพระเจ้าให้ทำ "ก็ไปทำเถิด แต่ต้องได้ทุกข้อ" นะครับ

พระเจ้าให้อิสระแล้วด้วยกางเขน แต่ทุกคนทำไมยังเหนื่อยกับการประพฤติอยู่
Chay
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 7:39 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 9:30 am

ผมพูดตามพระคำ พระคำเขียนว่า "ถ้าพึ่งการประพฤติก็ถูกแช่งสาป" "พระเจ้าไม่ฟังคนบาป" ฯลฯ ผมตัดสิน? ไม่ใช่ครับ
ผมหยิบมาจากพระคำ

พี่โฮลี่ ทำไม "ปล่อย" ละครับ นี่หรือคือคนที่ "รัก" ถ้าเห็นว่าผมผิดทำไมหนีผมล่ะครับ เคยได้ยินใช่ไหมครับ? เจ็ดสิบคุณเจ็ดสิบนะ
พอไม่ตรงใจนิดก็"ปล่อย" นี่คือจิตใจ "พระเจ้า" หรือครับ?

หลายคนอยากรักแบบพระเยซู แต่ไม่รู้มาตราฐานของ "รัก" ในพระคำ แล้วคิดว่าตัวเองรักได้ ผมก็ได้แค่บอกว่า
"ถ้าเหนื่อย ก็กลับมาหาพระคุณเถอะครับ อย่ามัวหมกมุ่นอยู่กับเนื้อหนัง (การประพฤติ) อีกเลยครับ"

"รักพระเจ้า สุดจิต สุดใจ สุดกำลัง สุดความคิด" ..... พระเยซูยอมเชื่อฟังพระบิดา แล้วลงมาบนโลกนี้เพื่อตานไถ่บาป นี่คือรักพระเจ้าสุดใจ
"รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง"... พระเยซูยอมตายเพื่อมนุษย์ที่เป็นเพื่อนบ้านของพระองค์
บัญญัติสองข้อใหญ่ที่ทุกคนพยายามทำกันอยู่ นี่คือสิ่งที่พระเยซูทำหมดแล้ว แต่ทำคนก็พยายามที่อยากจะ "เป็นเหมือนพระเยซู"

คุณรู้ไหมครับว่าทำไมมารซาตานจึงตกจากสวรรค์มา?  ก็เพราะว่า "อยากเป็นเหมือนพระเจ้า"
เช่นเดียวกัน เมื่อมันอยากจะให้มนุษย์ตกนรกด้วย จะทำอย่างไง? ก็ให้เราที่ "อยากเป็นเหมือนพระเยซู" ไงล่ะครับ
แต่มนุษย์ก็คิดเห็นด้วยกับมัน แล้วพยายามทำแบบพระเยซู พระเจ้าจึงให้บัญญัติมากว่าหกร้อยข้อ เพื่ออะไร? เพื่อให้ยอมรับว่า
เป็นอย่างพระองค์ไม่ได้ แล้วยอมเข้ามาอยู่ในพระเยซู แต่คนที่อยากจะเป็นเหมือนพระเยซูหมายความว่า "ฉันก็ทำได้"

ถ้าคุณคิดว่าพระคำเก่าไม่สำคัญก็แล้วแต่ พระคำใหม่ผมก็อ่าน แต่ผมตกใจที่ทุกคนไม่สนใจพระคำเก่า เพราะอะไร? เพราะไม่เคยเข้าใจมัน
แล้วก็อ่านแต่สิ่งที่ตัวเองชอบคือ พระคำใหม่.... ทั้ง ๆ  ที่ทั้งเก่า และ ใหม่ มันเชื่อมโยงกัน
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มี.ค. 14, 2007 9:55 am

Chay เขียน: คุณรู้ไหมครับว่าทำไมมารซาตานจึงตกจากสวรรค์มา?  ก็เพราะว่า "อยากเป็นเหมือนพระเจ้า"
เช่นเดียวกัน เมื่อมันอยากจะให้มนุษย์ตกนรกด้วย จะทำอย่างไง? ก็ให้เราที่ "อยากเป็นเหมือนพระเยซู" ไงล่ะครับ
แต่มนุษย์ก็คิดเห็นด้วยกับมัน แล้วพยายามทำแบบพระเยซู พระเจ้าจึงให้บัญญัติมากว่าหกร้อยข้อ เพื่ออะไร? เพื่อให้ยอมรับว่า
เป็นอย่างพระองค์ไม่ได้ แล้วยอมเข้ามาอยู่ในพระเยซู แต่คนที่อยากจะเป็นเหมือนพระเยซูหมายความว่า "ฉันก็ทำได้"

ถ้าคุณคิดว่าพระคำเก่าไม่สำคัญก็แล้วแต่ พระคำใหม่ผมก็อ่าน แต่ผมตกใจที่ทุกคนไม่สนใจพระคำเก่า เพราะอะไร? เพราะไม่เคยเข้าใจมัน
แล้วก็อ่านแต่สิ่งที่ตัวเองชอบคือ พระคำใหม่.... ทั้ง ๆ  ที่ทั้งเก่า และ ใหม่ มันเชื่อมโยงกัน
ใครกันแน่อ่ะครับ ที่พูดเองเออเอง

คุณอ่ะตีความเข้าข้างตัวเองมากไป เพราะอะไร เพราะว่าคุณยังไม่เข้าใจว่า ทำไมเทวดาที่อยากเป็นเหมือนพระเจ้าจึงตกสวรรค์

เพราะพวกมัน อยากเป็นใหญ่เหนือสิ่งทั้งปวง เป็นความจองหอง อวดดี สิ่งเหล่านี้ ก็สมควรแล้วที่น่าจะต้องอยู่ในนรก

สำหรับผม ผมก็อยากเป็นอย่างพระเยซูเจ้า

แต่จุดประสงค์ไม่ได้อยู่ที่อยากเป็นใหญ่ทัดเทียมพระองค์ แต่อยากเป็นในแบบที่ว่า รักผู้อื่นมากกว่ารักตัวเอง ทำตามน้ำพระทัยพระบิดาเสมอ

คุณตีความมั่วไป-มา ไม่เข้าใจ คุณก็เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่

ขอโทษนะครับ ตอนที่ตีความ ขอความสว่างจากองค์พระจิตเจ้าบ้างป่าวครับ

ด้วยความเคารพครับ พระองค์ส่องสว่างครับ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พุธ มี.ค. 14, 2007 9:56 am

Chay เขียน: ผมพูดตามพระคำ พระคำเขียนว่า "ถ้าพึ่งการประพฤติก็ถูกแช่งสาป" "พระเจ้าไม่ฟังคนบาป" ฯลฯ ผมตัดสิน? ไม่ใช่ครับ
ผมหยิบมาจากพระคำ

พี่โฮลี่ ทำไม "ปล่อย" ละครับ นี่หรือคือคนที่ "รัก" ถ้าเห็นว่าผมผิดทำไมหนีผมล่ะครับ เคยได้ยินใช่ไหมครับ? เจ็ดสิบคุณเจ็ดสิบนะ
พอไม่ตรงใจนิดก็"ปล่อย" นี่คือจิตใจ "พระเจ้า" หรือครับ?

หลายคนอยากรักแบบพระเยซู แต่ไม่รู้มาตราฐานของ "รัก" ในพระคำ แล้วคิดว่าตัวเองรักได้ ผมก็ได้แค่บอกว่า
"ถ้าเหนื่อย ก็กลับมาหาพระคุณเถอะครับ อย่ามัวหมกมุ่นอยู่กับเนื้อหนัง (การประพฤติ) อีกเลยครับ"

"รักพระเจ้า สุดจิต สุดใจ สุดกำลัง สุดความคิด" ..... พระเยซูยอมเชื่อฟังพระบิดา แล้วลงมาบนโลกนี้เพื่อตานไถ่บาป นี่คือรักพระเจ้าสุดใจ
"รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง"... พระเยซูยอมตายเพื่อมนุษย์ที่เป็นเพื่อนบ้านของพระองค์
บัญญัติสองข้อใหญ่ที่ทุกคนพยายามทำกันอยู่ นี่คือสิ่งที่พระเยซูทำหมดแล้ว แต่ทำคนก็พยายามที่อยากจะ "เป็นเหมือนพระเยซู"

คุณรู้ไหมครับว่าทำไมมารซาตานจึงตกจากสวรรค์มา?  ก็เพราะว่า "อยากเป็นเหมือนพระเจ้า"
เช่นเดียวกัน เมื่อมันอยากจะให้มนุษย์ตกนรกด้วย จะทำอย่างไง? ก็ให้เราที่ "อยากเป็นเหมือนพระเยซู" ไงล่ะครับ
แต่มนุษย์ก็คิดเห็นด้วยกับมัน แล้วพยายามทำแบบพระเยซู พระเจ้าจึงให้บัญญัติมากว่าหกร้อยข้อ เพื่ออะไร? เพื่อให้ยอมรับว่า
เป็นอย่างพระองค์ไม่ได้ แล้วยอมเข้ามาอยู่ในพระเยซู แต่คนที่อยากจะเป็นเหมือนพระเยซูหมายความว่า "ฉันก็ทำได้"

ถ้าคุณคิดว่าพระคำเก่าไม่สำคัญก็แล้วแต่ พระคำใหม่ผมก็อ่าน แต่ผมตกใจที่ทุกคนไม่สนใจพระคำเก่า เพราะอะไร? เพราะไม่เคยเข้าใจมัน
แล้วก็อ่านแต่สิ่งที่ตัวเองชอบคือ พระคำใหม่.... ทั้ง ๆ  ที่ทั้งเก่า และ ใหม่ มันเชื่อมโยงกัน
ใครบอกว่าเราไม่สนใจพระคำเก่า  
----::006:: ในมิซซาทุกมิซซาก็มีบทอ่านจากพระธรรมเก่า และพระธรรมใหม่ และพระวรสาร อย่างละบท เราไม่สนใจพระคำเก่าหรือ

คุณรู้ไหมครับว่าทำไมมารซาตานจึงตกจากสวรรค์มา?  ก็เพราะว่า "อยากเป็นเหมือนพระเจ้า"
เช่นเดียวกัน เมื่อมันอยากจะให้มนุษย์ตกนรกด้วย จะทำอย่างไง? ก็ให้เราที่ "อยากเป็นเหมือนพระเยซู" ไงล่ะครับ
----"จงรักซึ่งกันและกันอย่างที่เรารักท่าน" อ้าว แล้วอย่างนี้หมายถึงว่าอย่าให้เรารักใครเลียนแบบพระองค์เหรอ เกลียดแม่มเลยดีไม๊ถ้างั้น (ความประพฤติไม่เกี่ยวกับความรอดอย่างที่บอก เพราะฉะนั้นบริภาษบ้างคงไม่มีปัญหา) เราคงไม่บ้าขนาดอยากจะเป็นเหมือนพระเยซูในบริบทของพระบุตรที่เป็นหนึ่งในสามพระบุคคลหรอกครับ

ที่คุณโฮลี่เขาปล่อย เขาไม่ได้หมายว่าเขาเลิกรักคุณแล้ว แต่เขาคงปล่อยให้คุณบ้าพลังของคุณไปจนหมดแรงก่อนแล้วค่อยมาคุยกันดีกว่า เพราะตอนนี้คุยไปคุณก็ร้อนพลังเหลือเกิน
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ มี.ค. 14, 2007 9:58 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มี.ค. 14, 2007 9:57 am

ป่วยการ ::010::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มี.ค. 14, 2007 9:59 am

ป่วยการพี่ ::010::

ขอพระเจ้าอวยพระพร ส่องสว่างคุณด้วยนะครับ
demon of east
โพสต์: 50
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 12:49 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 10:03 am

โอ้วววว...มีการตีความนิทานเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดียังงี้ด้วย...
หากเรื่องที่พระเยซูทรงเล่าเป็นความจริง...ถ้าชายสะมาเรียใจดีผู้นั้นมีโอกาสอ่านเจอการตีความแบบนี้ ท่านคงอึ้ง!... ::010::
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พุธ มี.ค. 14, 2007 10:56 am

พระเจ้าให้อิสระแล้วด้วยกางเขน แต่ทุกคนทำไมยังเหนื่อยกับการประพฤติอยู่
----ตกลงเอาไง จะให้ทำอะไรได้ตามสบายใจ หรือจะให้นอนเฉยๆอย่ากระดุกกระดิก

ถ้าพี่ตีความพระคำจบที่การประพฤติ ก็ไม่เป็นไร ก็ทำดีไปเรื่อย ๆ  แต่พระองค์ก็ตรัสว่า "ท่านอ่านบัญญัติเข้าใจอย่างไร?"
ถ้าอ่านแล้วคิดว่าพระเจ้าให้ทำ "ก็ไปทำเถิด แต่ต้องได้ทุกข้อ" นะครับ

---- แล้วท่านละ ท่านอาจบัญญัติแล้วเข้าใจอย่างไร เข้าใจโดยไม่มีบริบทเลยหรือไม่ เอาง่ายๆ คุณคิดว่าคุณจะเข้าใจคำที่ออกเสียงว่า "ขัน" โดดๆว่าอย่างไร ถ้าผมเป็นต่างชาติมาเรียนภาษาไทยแล้วถามคุณว่าคำว่าขันหมายความว่าอย่างไร คุณจะตอบผมอย่างไรให้ถูกต้องแม่นยำ จะตอบว่าขันที่แปลว่าภาชนะใส่น้ำ หัวเราะตลก หมุนขมวดให้แน่น แข็งแรง อาสา เสียงสัตว์ปีกร้อง หรือ ขันธ์ ตอนนี้ดูเหมือนคุณกำลังเข้าใจบัญญัติโดยไม่เข้าใจบริบท เพราะฉนั้น ฉันขันตอนที่ขันถือขันแช่เชือกขันเมื่อตอนที่มันขัน ของคุณอาจจะคลาดเคลื่อนได้ ทางคุณโฮลี่พยายามแลกเปลี่ยนให้ฟังในหลายๆที่ว่าสิ่งทีพระเยซูเจ้าพูดก็ดีหรือหลายๆข้อในจดหมายของอัครสาวกท่านต่างๆก็ดีนั้นมีผู้ฟังเฉพาะกลุ่ม ณ ขณะนั้นๆ มีเหตุการณ์ประกอบซึ่งมองข้ามไม่ได้ แต่คุณหรือคริสตจักรของคุณไม่เอา เปรียบง่ายๆว่าคุณคิดว่าคำว่า"ขัน"ในประโยค "ฉันขันตอนที่ขันถือขันแช่เชือกขันเมื่อตอนที่มันขัน" แปลได้อย่างเดียวว่าภาชนะใส่น้ำ แล้วอย่างนี้มันจะไม่ลักลั่นใหญ่โตเหรอ

"ถ้าอีกคนหนึ่งไม่เข้าใจ ก็ต้องมีการอธิบาย"
----คำว่าอธิบายคืออะไร ยัดเยียดหรือแจกแจงและยอมรับ หรือแจกแจงโดยมีธงตั้งไว้แล้วว่าข้านี่แหละถูกเอ็งนั่นแหละผิด
"เราอนุญาตให้เกิดการโต้เถียง เพื่อความจริงจะได้ปรากฏดีกว่านะครับ"
---- ความจริงฝ่ายไหนละ ฝ่ายคุณหรือฝ่ายเรา หรือฝ่าย"เรา"

เพราะว่าพระองค์สนใจแต่เรื่อง "พระเมตตา" ไม่ใช่เรื่อง "อัตตา" (ทำด้วยตัวเอง)
----งั้นก็พอเถอะครับ เมตตา"เรา"ทั้งผองอย่างที่พระองค์สอนกันเถอะนะ

พระอวยพรครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ มี.ค. 14, 2007 1:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พุธ มี.ค. 14, 2007 12:15 pm

Chay เขียน: เอาเป็นว่า "พระแม่มารีย์" จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ผมเชื่อว่า พระเยซูคือ "ทางนั้น" ทางเดียว....
แม้ว่าคนนั้นจะบอกว่า "ฉันเชื่อพระแม่" "ฉันเชื่อพระเยซู" แต่....... ยังมี"ความบาป" แล้วก็สารภาพบาป
มีความบาป แล้วสารภาพ ๆๆๆๆๆๆๆ จนวันนั้น พระองค์ตรัสว่า "เราไม่รู้จักเจ้าเลย" (มัทธิว 7:21-23)

มีพระคัมภีร์อีกมากมายที่มีขึ้น รวมทั้งของ "ยูดาส" แต่ทำไมมีเพียง 66 เล่มที่ถูกอนุญาต
หลายคนอาจจะบอกว่า "มาร์ติน ลูเธอร์" แต่ผมมองว่า "พระเจ้า" นี่คือแผนการณ์

"66" หมายความว่านี่คือเพื่อ "มนุษย์" (เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์วันที่ 6)



::001:: ฝากบทนี้ให้ คุณ chay ไปพิจารณาหน่อย จะได้รู้ถึงบทบาทของพระนางมารีย์ แม้ว่าคนนั้นจะบอกว่า " ฉันเชื่อพระแม่ " ตามที่คุณบอกมา แต่พวกเราจะรอดแน่ ลองไปเช็คดูพระคำของคุณนะว่า ครั้งไหนพระเยซูเจ้าปฏิเสธพระมารดาของพระองค์บ้าง

* สันตะมารีอามารดาพระเจ้า * โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป * 


บทคำนับของเทวฑูต

วันทามารีอา * เปี่ยมด้วยหรรษทาน * พระเจ้าสถิตย์กับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆ * และพระเยซูโอรสของท่าน * ทรงบุญนักหนา * สันตะมารีอามารดาพระเจ้า * โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป * บัดนี้และเมื่อจะตาย * อาแมน....


::013::   รบกวนไปเบิ่งเปิดหู เปิดตา เปิดใจ เปิดโอกาสตัวเอง ที่ 3 ลิงค์นี้ด้วยคะ ขอพระจิตเจ้า (พระวิญญาณบริสุทธิ์) นำทางและสันติสุขในใจคุณด้วยนะคะ


http://www.geocities.com/prakobkit/14cr ... culate.htm

http://www.issara.com/invboard/index.ph ... wtopic=585

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=2993.0;all
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ มี.ค. 14, 2007 12:23 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Dis volentibus

พุธ มี.ค. 14, 2007 12:17 pm

Chay เขียน: อย่างที่ผมอธิบายใน กาลาเทียบทที่ 5:4 ที่บอกว่า "ท่านที่ปรารถนาจะเป็นคนชอบธรรมตามบัญญัติก็ขาดจากพระคริสต์ และหล่นพ้น
จากพระคุรไปเสียแล้ว"
"พระบัญญัติ" หมายถึงสิ่งที่ดีถ้าทำได้ แต่ไม่มีใครสักคนที่ทำได้
เอ๋ ก็บอกไปเเล้วไงค๊า ว่าพระบัญญัติในที่นี้หมายถึง กฎหมายของชาวยิวในสมัยโมเสส (เช่นเข้าสุหนัด) : xemo029 :  ::006::
เเล้วนักบุญเปาโลสอนให้ใครฟัง? สอนให้คนที่ไม่ใช่ชาวยิว ถ้าเกิดบังเอิญว่า มีการบังคับให้ทำตามกฎหมายของยิว
นักบุญเปาโลไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องทำอะไรขนาดนั้น เเค่เชื่อในพระก็พอ (ความเชื่อที่มาจากความรัก)
St.paul

พุธ มี.ค. 14, 2007 12:28 pm

Chay เขียน: ในข้อที่หนึ่งถึงเก้า กำลังพูดถึงเรื่อง "การรักษาโรคของพระเยซู" ซึ่งในเรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ว่า
"ทำไมที่นั่นมีคนป่วยเป็นอันมาก แต่หายเพียงแค่ชายป่วยคนนั้น".....พระคำภีร์เริ่มต้นโดยการ
อธิบายเรื่องการหายโรคผ่านทาง "บ่อน้ำ" สิ่งที่สำคัญอยู่ที่ข้อที่สี่ ซึ่งบางเล่มซ่อนอยู่ในเชิงอรรคข้างล่าง
ซึ่งอธิบายการหายโรคผ่านทางบ่อน้ำไว้อย่างชัดเจนว่า หนึ่ง "ต้องมองเห็นการที่ทูตสวรรค์กระเพื่อมน้ำ"
เพื่อที่จะทำอย่างที่ สอง คือ "ลงเป็นคนแรก" แต่ที่น่าสนใจคือในข้อที่สาม

ที่นั่นมี "คนตาบอด" ลองคิดดูว่าถ้าทูตสวรรค์ลงมาแตะน้ำแล้ว เขาจะมองเห็นไหมครับ? แน่นอนก็คงจะไม่เห็น
แต่แปลกที่ทำไมเขาถึงมารออยู่ที่นั่น อีกประเภทคือ "คนอัมพาต" แม้ว่าเขาเห็นการกระเพื่อมน้ำแต่เขาลงไปได้ไหม?
ก็ไม่ได้ แต่มารอทำไม?..... ใช่ครับ เขามารอ "พระเยซู" แต่ปัญหาคือว่า พระเยซูไปแล้วแต่ทำไมไม่หาย?...

เพราะว่ามัวแต่ "จ้อง" ...... พระคำกำลังอธิบายว่า คนที่กำลังจ้องอะไรบางอย่างที่ทำให้เขา "หันหลังให้กับพระเยซู"
นี่คือน่ากลัวที่สุด ..... เช่นเดียวกับที่มนุษย์กำลังจ้องไปในทางที่ "ลงด้วยตัวเองได้" ซึ่งทำให้เขาทิ้ง "พระเยซู"
อธิบายเพิ่มเติมในกาลาเทีย บทที่ห้า ข้อที่สี่ "ท่านที่ปรารถนาจะเป็นคนชอบธรรมโดยธรรมบัญญัติ
ก็ขาดจากพระคริสต์ และหล่นพ้นจากพระคุณไปเสียแล้ว" เช่นเดียวกันอะไรทำให้เราทิ้งพระคุณของพระเยซู?
ก็คือ "พระบัญญัติ" ใช่ครับ พระเจ้าให้พระบัญญัติกับเรามา แต่ในหนึ่งทิโมธีบทที่หนึ่งข้อที่แปดเขียนไว้ว่า

"...ธรรมบัญญัตินั้นดีถ้าผู้ใดใช้ให้ถูก" หมายความว่าพระเจ้าให้บัญญัติมาอย่างมีจุดประสงค์ แต่ในกาลาเทียอธิบายว่า
ถ้าปรารถนาจะเป็นคนชอบธรรมผ่านบัญญัติ ทำให้ทิ้งพระคุณ เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า พระเจ้าไม่ได้ให้เรามา
เพื่อที่จะเป็นคนชอบธรรมผ่านทางพระบัญญัติ แต่ให้มาเพื่ออะไร? กลับไปในยอห์นบทที่ห้า บ่อน้ำใช่ พระเจ้าส่ง
"ทูตสวรรค์" มา แต่พระเจ้าเองก็ส่ง "พระเยซู" มาด้วย ใช่พระเจ้าส่ง "พระบัญญัติ" มา แต่พระเจ้าก็ส่ง "พระคุณ"
คือพระเยซูมาด้วย แต่ปัญญาคือมนุษย์จ้องอยู่ที่ไหน? ใช่ครับ มนุษย์ยังมัวแต่หวังว่าจะลงไปด้วยตัวเองผ่านทางบ่อน้ำ

มนุษย์อยากเป็นคนที่หายโรค หายความบาปเองผ่านทางการรักษาบัญญัติ แต่นั่นทำให้เขายังคงเป็น "คนบาป" อยู่จนถึงปัจจุบัน
และยังต้องมีการสารภาพบาปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่สารภาพมาแล้วหลายสิบปี แต่ก็ยังคงจบที่บอกว่า "เป็นคนบาป" อยู่เหมือนเดิม
สำคัญว่าทำไมเข้าโบสถ์แต่ยังมีความบาปอยู่ เช่นกัน แม้ว่าคนป่วยคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงพระเยซูตรัสว่า "เจ้าปรารถนาจะหายโรคหรือ"
แต่แค่ได้ยินยังไม่พอ เขาต้อง "หัน" มาหาพระเยซูด้วย แล้วใครล่ะหันได้? อันนี้สำคัญ....

คนที่หันได้ก็คือคนที่เป็นแบบชายป่วยสามสิบแปดปีคนนั้น ที่ยอมรับแล้วว่าลงบ่อน้ำนั้นไม่ได้แล้ว แล้วก็ "หันหลัง" ให้กับบ่อน้ำ
แล้วหันหน้ามาหาพระเยซู พระบัญญัติมีหน้าที่ให้เรารู้สึกตัวว่า "ทำไม่ได้" ก็เท่านั้น พระเยซูไม่ได้ลงมาบนโลกนี้เพื่อที่จะ
ผลักคนป่วยนั้นลงบ่อน้ำ เช่นกัน พระเยซูไม่ได้ลงมาบนโลกเพื่อดันให้ทุกคนรักษาบัญญัติได้ ...... พวกเราครับ พระเยซูเรียกเราอยู่
แต่เรายังจ้องการประพฤติของเราอยู่หรือเปล่า ถ้าจ้องบ่อน้ำอยู่ นั่นหมายความว่า "หันหลังให้พระเยซูอยู่" ไม่ใช่หรือครับ
ลองสังเกตดูว่าทำไมยังมีบาปในใจ ทำไมยังป่วย นั่นหมายความว่าเราจ้องอะไรอยู่? พระเยซูเรียกแล้ว แต่ถ้าคนตาบอดยังหวังในขาที่แข็งแรง คนง่อยยังหวังในตาที่มองเห็น ก็ต้องทำให้เขาต้องจ้องสระน้ำตลอดไปแน่นอน แต่ถ้า "รู้จักตัวเอง" พระเยซูก็พร้อมที่จะบอกคุณว่า
"ลุกขึ้น" จงกลายเป็นคนที่หายโรคเถิด จงกลายเป็นคนชอบธรรมเถิด ถ้าเชื่อคำนี้ ก็ลุกได้ อย่ามองบ่อน้ำ อย่าหวังในตัวเองอีกนะครับ
เพราะคนที่ลงบ่อน้ำนั้นคือใคร "คนที่ตาดี" และ "ขาดี" หมายความว่า "คนที่สมบูรณ์" และคนนั้นก็มาแล้ว คือคนที่ทำให้บัญญัติจบ
ท่านผู้ที่ชื่อว่า "เยซู" (แปลว่าผู้ช่วยให้รอดจากความบาป)
ขอบคุณครับ

ขอทราบที่มาด้วยครับ
Dis volentibus

พุธ มี.ค. 14, 2007 12:48 pm

ผมพูดตามพระคำ พระคำเขียนว่า "ถ้าพึ่งการประพฤติก็ถูกแช่งสาป" "พระเจ้าไม่ฟังคนบาป" ฯลฯ ผมตัดสิน? ไม่ใช่ครับ
ผมหยิบมาจากพระคำ

1.เวลาตีความจากพระคัมภีร์ ต้องใช้ "สมอง" เป็นอย่างยิ่ง ถ้าตีความผิด จะยิ่งงงกันไปใหญ่(อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้)

พี่โฮลี่ ทำไม "ปล่อย" ละครับ นี่หรือคือคนที่ "รัก" ถ้าเห็นว่าผมผิดทำไมหนีผมล่ะครับ เคยได้ยินใช่ไหมครับ? เจ็ดสิบคุณเจ็ดสิบนะ
พอไม่ตรงใจนิดก็"ปล่อย" นี่คือจิตใจ "พระเจ้า" หรือครับ?

2.ก็พี่โฮลี่เค้าตอบพี่เชย์มาหลายคำตอบเเล้ว เเต่พี่ก็ยังไม่ได้พยายามจะเข้าใจ พี่โฮลี่เค้าคงเกรงว่ามันจะกลายเป็นสุภาษิต สีซอให้....ฟัง กระมัง?

"รักพระเจ้า สุดจิต สุดใจ สุดกำลัง สุดความคิด" ..... พระเยซูยอมเชื่อฟังพระบิดา แล้วลงมาบนโลกนี้เพื่อตานไถ่บาป นี่คือรักพระเจ้าสุดใจ

3.พระเยซู คือ พระเจ้า ค่ะ(ไม่ได้ทรงถูกสร้าง เเต่เกิดร่วมธรรมชาติเดียวกับพระบิดา)

"รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง"... พระเยซูยอมตายเพื่อมนุษย์ที่เป็นเพื่อนบ้านของพระองค์
บัญญัติสองข้อใหญ่ที่ทุกคนพยายามทำกันอยู่ นี่คือสิ่งที่พระเยซูทำหมดแล้ว แต่ทำคนก็พยายามที่อยากจะ "เป็นเหมือนพระเยซู"

4.พระเยซูสอนเราให้ทำอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าสมมติว่าถ้าเราทำมันผิด เนื่องจากเป็นการพยายามที่จะเหมือนพระ
เยซู โลกก็มีเเต่ความเห็นแก่ตัวมากขึ้นสิ ? ก็ไม่ต้องฟังตามที่พระเยซูทรงสอนเเล้วสิ? เเล้วถ้าคุณไม่ฟังตามที่พระเยซูทรงสอน คุณก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนเเล้วเเหล่ะ

คุณรู้ไหมครับว่าทำไมมารซาตานจึงตกจากสวรรค์มา?  ก็เพราะว่า "อยากเป็นเหมือนพระเจ้า"

5.อันนี้ทราบดี

เช่นเดียวกัน เมื่อมันอยากจะให้มนุษย์ตกนรกด้วย จะทำอย่างไง? ก็ให้เราที่ "อยากเป็นเหมือนพระเยซู"

6.อยากมีอำนาจเหมือนพระเจ้าใช่ไหมที่กำลังหมายถึง? เราไม่ได้อยากมีอำนาจเท่าพระเจ้า เราอยากทำสิ่ง
ดีๆ เหมือนที่พระองค์ทำ (เข้าใจไหมนี่?)

อ่านแต่สิ่งที่ตัวเองชอบคือ พระคำใหม่.... ทั้ง ๆ  ที่ทั้งเก่า และ ใหม่ มันเชื่อมโยงกัน

7. เราชอบทั้งคู่อ่ะ เเต่ว่า เอาตัวเองให้รอด โดยการเข้าใจพระวรสารทั้ง4 ไม่งั้นจะเกิดอาการเหมือนที่พี่เชย์เป็นอยู่ตอนนี้ๆหง่ะ ::006::
แก้ไขล่าสุดโดย Ecclēsia เมื่อ พุธ มี.ค. 14, 2007 12:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Chay
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 7:39 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 1:56 pm

อย่างที่ผมเคยบอกแหละครับว่า ถ้าพวกคุณยังคิดว่าทำได้ ก็ทำไปเถิดครับ
รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง เพื่อนบ้านอยากได้อะไรก็ให้ทั้งหมดเหมือนอย่างที่อยากจะได้..........
รักพระเจ้าสุดจิตใจ สุดกำลัง.......ความรักทั้งหมด ทุกเวลาก็ทำเพื่อพระเจ้าทั้งหมด ตามเนื้อหนังไม่ได้ รักคนอื่นมากกว่าพระเจ้าไม่ได้

เช่นกันครับ ถ้าพวกคุณคิดว่าคุณสว่าง่ ผมมืด ผมผิด ผมก็อยากจะให้พระเจ้าทำงานในจิตใจของคุณเองครับ

อันนี้ที่คุณโอลี่ส่งไว้ ที่เน้นเรื่องว่า "ต้องมีการกระทำด้วย"
1คร 4:20
พระอาณาจักรของพระเจ้าไม่อยู่ในคำพูด แต่อยู่ในการกระทำซึ่งแสดงพระอานุภาพของพระจิตเจ้า 
1ยน 3:18
ลูกที่รักทั้งหลาย เราอย่ารักกันแต่ปาก เพียงด้วยคำพูดเท่านั้น แต่เราจงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง
กท 5:6
เรื่องที่สำคัญก็คือมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำอาศัยความรัก

แต่ผมก็อยากเพิ่มเติมด้วยว่า ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับมนุษย์
แต่เป็นการทำงานของ "พระวิญญาณบริสุทธิ์ (พระจิต), ด้วยพระเยซู (ความจริง)(ยอห์น 14:6), ด้วยความรัก (พระเจ้า)(ยอห์น 3:16)
แม้ว่าผมจะร้อนไปหน่อย แต่ผมก็อยากจะเล่าเรื่องนี้จนกว่าผมจะจากโลกนี้ไป
ขอบคุณมาก (ถ้าคุณจะไม่มองผมแค่ภายนอก แค่อารมณ์ แต่มองด้วยจิตใจที่ผมอยากจะบอก)
Chay
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 7:39 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 2:02 pm

"ขอทราบที่มา" ??? คืออะไรครับ ที่มาของอะไรครับ

ใช่ครับ ทุกคนรู้ว่าบัญญัติเป็นของยิว ไม่ใช่ของคนที่เชื่อพระเยซู
แล้วที่สอนกันอยู่ว่า "จงรักพระเจ้า" "จงรักเพื่อนบ้าน" ฯลฯ นี่ไม่ใช่สอนให้ทำบัญญัติเหรอครับ?

และการเข้าสุหนัตในพระคำใหม่ก็มีพูดถึงนะครับ แต่ในพระคำเก่าเป็นเพียงเงาของการเข้าสุหนัตที่แท้จริงคือ
"จิตวิญญาณ"
Chay
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 7:39 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 2:09 pm

พระคัมภีร์ของผมไม่ได้เขียนว่านางเรเบคาห์ "แอบเก็บ" เสื้อไว้ แต่จริง ๆ  สมควรจะเป็นของเอซาวอยู่แล้ว แต่เสื้อตัวนี้เปลี่ยนมือแล้ว
ได้เปลี่ยนมาให้กับคนที่อ่อนแอ (คนที่ทำดีเองไม่ได้)

คุณเปรียบ "นางเรเบคาห์" เป็น พระนางมารีย์? ทำไมคิดอย่างนั้น?
นางเรเบคาห์เปรียบเสมือนผู้เป็นคนกลางที่ทำให้คนหนึ่งได้พระพร
แล้วพระนางมารีย์เป็นผู้กลางหรือ? พระเยซูไม่ใช่หรือครับ
Chay
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 7:39 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 2:25 pm

ลูกาบทที่ 2:48
"ฝ่ายบิดามารดาเมื่อเห็นแล้วก็ประหลาดใจน มารดาจึคว่า "ลูกเอ๋ย ทำไมจึงทำแก่เราอย่างนี้ ดูเถิด พ่อกั้บแม่แสวงหาเป็นทุกข์นัก" พระเยซูจึงตอบว่า "ท่านเที่ยวหาฉันทำไม ท่านไม่ทราบหรือว่า ฉันต้องอยู่ในพระนิเวศแห่งพระบิดาของฉัน"
ลูกาบทที่ 11:28

"เมื่อพระองค์ยังตรัสคำเหล่านั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่ประชาชนร้องทูลพระองค์ว่า "ครรภ์ซึ่งปฏิสนธิ์พระองค์และหัวนมที่พระองค์เสวยนั้นก็เป้นสุข" แต่พระองค์ตรั้สว่า "มิใช่เช่นนั้น แต่คนทั้งหลายที่ได้ยินพรนะวจนะของพระเจ้า และได้ถือรักษาพระวจนะนั้นไว้ก็เป็นสุข"

พระเยซูไม่ได้พูดถึง "พระแม่มารีย์" หรือครับ? พระเยซู ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระแม่เลย
ผมเองก็ไม่ได้ประนามพระแม่ แต่กำลังอธิบายว่าพระเยซูอธิบายกับเราว่า คนที่อยู่บนสวรรค์กับพระองค์ไม่ใช่แค่พระนาง แต่ทั้งหมดคือ "มนุษย์"
เหมือนกัน ที่สามารถรับความรักของพระองค์ได้ผ่านทาง "พระคำ"
Dis volentibus

พุธ มี.ค. 14, 2007 2:26 pm

พระคัมภีร์ของคุณ ก็เหมือนกับของข้าพเจ้า คัมภีร์ของข้าพเจ้า ก็ใช้เหมือนของที่วัดใช้
หรือคุณใช้คนละคัมภีร์กะเรา?  :grin: (อันนี้พูดเล่นๆน่าๆ)

ทำไมเปรียบเทียบเป็นพระนางมารี?
ก่อนอื่นเลย ในความคิดของข้าพเจ้าเพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าคุณยังพยายามเเยกพระบิดาออกจากพระบุตรอยู่
เเล้วคิดว่า ต้องผ่านพระบุตรเเล้วจึงจะเจอพระบิดา ทั้งๆที่จริงๆเเล้ว พระบิดา พระบุตร เเละพระจิต คือ สิ่งเดียวกัน
(อันนี้ถ้าจะให้เขียนให้ถูกก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันหรอก เเต่ มันยาว)

ดูก่อน ที่คุณกำลังคิดคือ บิดาเป็นผู้ให้พรใช่ไหม? เเล้วนางเรเบคาห์ เป็นผู้เเนะนำให้ลูกชายคนเล็กได้พรใช่ไหม?
คุณเลยคิดว่า นางเรเบคาห์คือพระเยซู อ่าว เเต่คุณลืมคิดไปอย่างนึง ถ้าคุณทราบว่า พระบิดา พระบุตร พระจิตเป็นสิ่งเดียวกัน ทำไมนางเรเบคาห์ (ที่คุณคิดว่าเปรียบเหมือนพระเยซู)จึงไม่ประทานพรให้ลูกชายคนเล็กเองเสียเลย?
อ่านะ คราวนี้เปรียบกับเเม่พระบ้าง
เราจะเเทนบิดา เป็นพระเยซู เเทนนางเรเบคาห์ เป็นเเม่พระ
ดูก่อน บิดาบอกจะให้พร เปรียบเหมือนพระเยซูใช่ไหม? ที่จะประทานพระพรได้? อ่ะ คราวนี้มาดูนางเรเบคาห์บ้าง
นางไม่สามารถให้พรได้ นางจึงทำเพียง เเนะนำ เหมือนเเม่พระไหม?
เเม่พระ เเนะนำเรา ให้ไปตามทางของพระเยซู ดังนั้นเวลาสวด เราจึงสวดถึงพระนางให้ช่วย วิงวอน กับพระเยซู ไม่เคยสวดให้พระนาง ประทานพรเเทนพระเยซู
เห็นหรือไม่ว่า เปรียบนางเรเบคาห์เหมือนเเม่พระ ฟังดูเข้าใจกว่าอีก  :grin:
แก้ไขล่าสุดโดย Ecclēsia เมื่อ พุธ มี.ค. 14, 2007 2:28 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พุธ มี.ค. 14, 2007 2:59 pm

ช่วยแสดงความรักที่คุณ...มีต่อพระเจ้าให้ผมเห็นหน่อยสิครับ แต่ห้ามแสดงท่าทางหรือการกระทำนะครับ
ช่วยแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ให้ผมเห็นหน่อยสิครับ แต่ห้ามแสดงออกเป็นกิจการนะครับ

ทำอย่างไร ...รักอย่างไร...คิดในใจ...รู้สึกว่ารักในใจเฉย ๆ ใช่ไหมครับ ดีนะครับ สบายไม่ต้องขวนขวายทำอะไรเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 3:21 pm

พี่ทำตามพระคำน่ะคุณน้อง

ทต 3:9-11
ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านเน้นคำสอนเหล่านี้ เพื่อผู้ที่มีความเชื่อในพระเจ้าจะมุ่งทำแต่กิจการดีอยู่เสมอ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อทุกคน  จงหลีกเลี่ยงการถกเถียงปัญหาโง่เขลา การลำดับวงศ์ตระกูล การทะเลาะวิวาทเรื่องบทบัญญัติ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีประโยชน์และไร้ค่า  ถ้าท่านตักเตือนคนที่ยุยงให้ผู้อื่นแตกแยก ครั้งหนึ่งหรือสองครั้งแล้ว ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงอย่าติดต่อกับเขาอีก  จงรู้ว่าคนเช่นนั้นหลงผิดและยังทำบาป เขาตัดสินลงโทษตนเองแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 3:25 pm

Ecclesia เขียน: พระคัมภีร์ของคุณ ก็เหมือนกับของข้าพเจ้า คัมภีร์ของข้าพเจ้า ก็ใช้เหมือนของที่วัดใช้
หรือคุณใช้คนละคัมภีร์กะเรา?  :grin: (อันนี้พูดเล่นๆน่าๆ)

ทำไมเปรียบเทียบเป็นพระนางมารี?
ก่อนอื่นเลย ในความคิดของข้าพเจ้าเพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าคุณยังพยายามเเยกพระบิดาออกจากพระบุตรอยู่
เเล้วคิดว่า ต้องผ่านพระบุตรเเล้วจึงจะเจอพระบิดา ทั้งๆที่จริงๆเเล้ว พระบิดา พระบุตร เเละพระจิต คือ สิ่งเดียวกัน
(อันนี้ถ้าจะให้เขียนให้ถูกก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันหรอก เเต่ มันยาว)

ดูก่อน ที่คุณกำลังคิดคือ บิดาเป็นผู้ให้พรใช่ไหม? เเล้วนางเรเบคาห์ เป็นผู้เเนะนำให้ลูกชายคนเล็กได้พรใช่ไหม?
คุณเลยคิดว่า นางเรเบคาห์คือพระเยซู อ่าว เเต่คุณลืมคิดไปอย่างนึง ถ้าคุณทราบว่า พระบิดา พระบุตร พระจิตเป็นสิ่งเดียวกัน ทำไมนางเรเบคาห์ (ที่คุณคิดว่าเปรียบเหมือนพระเยซู)จึงไม่ประทานพรให้ลูกชายคนเล็กเองเสียเลย?
อ่านะ คราวนี้เปรียบกับเเม่พระบ้าง
เราจะเเทนบิดา เป็นพระเยซู เเทนนางเรเบคาห์ เป็นเเม่พระ
ดูก่อน บิดาบอกจะให้พร เปรียบเหมือนพระเยซูใช่ไหม? ที่จะประทานพระพรได้? อ่ะ คราวนี้มาดูนางเรเบคาห์บ้าง
นางไม่สามารถให้พรได้ นางจึงทำเพียง เเนะนำ เหมือนเเม่พระไหม?
เเม่พระ เเนะนำเรา ให้ไปตามทางของพระเยซู ดังนั้นเวลาสวด เราจึงสวดถึงพระนางให้ช่วย วิงวอน กับพระเยซู ไม่เคยสวดให้พระนาง ประทานพรเเทนพระเยซู
เห็นหรือไม่ว่า เปรียบนางเรเบคาห์เหมือนเเม่พระ ฟังดูเข้าใจกว่าอีก  :grin:
ชนะเลิศ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ มี.ค. 14, 2007 3:28 pm

Chay เขียน: "ขอทราบที่มา" ??? คืออะไรครับ ที่มาของอะไรครับ

ใช่ครับ ทุกคนรู้ว่าบัญญัติเป็นของยิว ไม่ใช่ของคนที่เชื่อพระเยซู
แล้วที่สอนกันอยู่ว่า "จงรักพระเจ้า" "จงรักเพื่อนบ้าน" ฯลฯ นี่ไม่ใช่สอนให้ทำบัญญัติเหรอครับ?

และการเข้าสุหนัตในพระคำใหม่ก็มีพูดถึงนะครับ แต่ในพระคำเก่าเป็นเพียงเงาของการเข้าสุหนัตที่แท้จริงคือ
"จิตวิญญาณ"
อ๋อ เขาหมายถึง วิธีโพสของคุณมันไม่ใช่มาจากการศึกษาพระคัมภีร์อย่างถูกต้องไง แต่เหมือนถูกครอบงำจากหลักการของคริสตจักรตัวเอง แล้วพยายามตีความพระคัมภีร์ทุกข้อมาเข้าทางทีหลัง จึงดูแล้วเหมือนคุณเป็นแค่โคลนนิ่งแนวคิดของคริสตจักรคุณมา ไม่ได้มีความเข้าใจเอง หรือความเข้าใจที่มาจากพระจิตเจ้า เขาเลยสงสัยว่าคุณก๊อปแปะจากที่ไหนมา

เหมือนที่นางเอวาโดนงูหลอก แล้วมาหลอกอาดัมต่อไรเงี้ยะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พุธ มี.ค. 14, 2007 3:45 pm

ถ้าการกลับใจคือการคลุมตัวตนของตนเองด้วยอะไรสักอย่าง แบบนี้ ก็เหมือนหมาป่าในคราบลูกแกะสิครับ คือ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเอง มีอะไรไม่ดีก็ซ่อนงำเอาไว้ แล้วเอาพระคุณพระเจ้าปะหน้าเอาไว้ ให้ดูเป็นคนศรัทธา เวลาลับหลังก็แอบทำชั่วตามสันดานเดิมที่แฝงไว้  คำสอนแบบนี้ ตีความแบบนี้ อันตรายสุด ๆ เลยครับ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มี.ค. 14, 2007 6:22 pm

Holy เขียน:
Ecclesia เขียน: พระคัมภีร์ของคุณ ก็เหมือนกับของข้าพเจ้า คัมภีร์ของข้าพเจ้า ก็ใช้เหมือนของที่วัดใช้
หรือคุณใช้คนละคัมภีร์กะเรา?  :grin: (อันนี้พูดเล่นๆน่าๆ)

ทำไมเปรียบเทียบเป็นพระนางมารี?
ก่อนอื่นเลย ในความคิดของข้าพเจ้าเพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าคุณยังพยายามเเยกพระบิดาออกจากพระบุตรอยู่
เเล้วคิดว่า ต้องผ่านพระบุตรเเล้วจึงจะเจอพระบิดา ทั้งๆที่จริงๆเเล้ว พระบิดา พระบุตร เเละพระจิต คือ สิ่งเดียวกัน
(อันนี้ถ้าจะให้เขียนให้ถูกก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันหรอก เเต่ มันยาว)

ดูก่อน ที่คุณกำลังคิดคือ บิดาเป็นผู้ให้พรใช่ไหม? เเล้วนางเรเบคาห์ เป็นผู้เเนะนำให้ลูกชายคนเล็กได้พรใช่ไหม?
คุณเลยคิดว่า นางเรเบคาห์คือพระเยซู อ่าว เเต่คุณลืมคิดไปอย่างนึง ถ้าคุณทราบว่า พระบิดา พระบุตร พระจิตเป็นสิ่งเดียวกัน ทำไมนางเรเบคาห์ (ที่คุณคิดว่าเปรียบเหมือนพระเยซู)จึงไม่ประทานพรให้ลูกชายคนเล็กเองเสียเลย?
อ่านะ คราวนี้เปรียบกับเเม่พระบ้าง
เราจะเเทนบิดา เป็นพระเยซู เเทนนางเรเบคาห์ เป็นเเม่พระ
ดูก่อน บิดาบอกจะให้พร เปรียบเหมือนพระเยซูใช่ไหม? ที่จะประทานพระพรได้? อ่ะ คราวนี้มาดูนางเรเบคาห์บ้าง
นางไม่สามารถให้พรได้ นางจึงทำเพียง เเนะนำ เหมือนเเม่พระไหม?
เเม่พระ เเนะนำเรา ให้ไปตามทางของพระเยซู ดังนั้นเวลาสวด เราจึงสวดถึงพระนางให้ช่วย วิงวอน กับพระเยซู ไม่เคยสวดให้พระนาง ประทานพรเเทนพระเยซู
เห็นหรือไม่ว่า เปรียบนางเรเบคาห์เหมือนเเม่พระ ฟังดูเข้าใจกว่าอีก  :grin:
ชนะเลิศ...
ชนะเลิศ แต่ก็ไม่ฟัง เดี๋ยวก็ต้องยกอะไร ๆ ที่เข้าใจไปเองมาเถียงอีก ::010::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มี.ค. 14, 2007 6:28 pm

Chay เขียน: เช่นกันครับ ถ้าพวกคุณคิดว่าคุณสว่าง่ ผมมืด ผมผิด ผมก็อยากจะให้พระเจ้าทำงานในจิตใจของคุณเองครับ
งั้นขอตอบกลับ ด้วยคำพูดเดียวกันกับคุณครับ ::013::
ตอบกลับโพส