โลกตะลึง"รูปเคารพ"ในมุมมองของยิวที่ต่างจากอิสลามและfundamentalist Christian

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
demon of east
โพสต์: 50
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 12:49 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 3:58 pm

แม้แต่ในอิสลาม ผมเคยเห็นเขาวาดรูปมลาอิกะห์นะครับ รวมถึงรูปตอนที่มลาอิกะห์รับท่านนบีมูฮัมหมัดขึ้นสวรรค์ด้วย น่าจะเป็นของนิกายชีอะห์มั่งครับ

อิดิท

นอกจากนี้ ทางอิสลามเขายังกำหนดว่าห้ามวางพระคัมภีร์ในที่ต่ำหรือที่ที่ไม่สมควร และอักษรพระนามของพระเจ้าก็ต้องวางไว้ในที่สูงหน่อย ไม่วางไว้ในที่ต่ำ ถ้าจำข่าวเก่าๆได้ มีบริษัทรองเท้าหนึ่ง บังเอิญออกแบบลายของรองเท้าไปใกล้เคียงกับอักษรว่าอัลลอฮ์ มุสลิมก็พากันประท้วงพอสมควร
Holy เขียน:
Forza_Nerrazuri เขียน:

ไม้กางเขนเองยังเป็นรูปของสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีอยู่ในแผ่นดินนะครับ มิหนำซ้ำคนที่ตายบนไม้กางเขนยังไม่ได้มีพระเยซูคนเดียว โจรทั่วไปสมัยนั้นก็โดนตรึงกางเขนเหมือนกัน การมีไม้กางเขนเปล่าๆไม่มีรูปที่ระบุว่าเป็นของพระเยซู จะแน่ใจได้ไงว่าเราหมายถึงไม้กางเขนของพระองค์ ไม่ใช่กางเขนทั่วไปของพวกโจร นั่นเป็นสิ่งที่อิสลามเองยังนับไม้กางเขนของคริสเตียนว่าเป็นรูปเคารพอยู่ ถ้าจะว่าไปอิสลามตีความประโยคนี้เคร่งครัดว่าโปรแตสแตนท์มาก คือตีเป๊ะตามคำพูดจริงๆ เพราะเขาจะไม่มีรูปอะไรทั้งสิ้นเลย นอกจากตัวอักษรในสุเหร่า สรุปคือถ้าโปรแตสแตนท์ยังมีรูปกางเขนในโบสถ์ แม้จะตัดรูปปั้นที่เป็นคนออกไปก็ยังนับว่าไม่ได้เคร่งเป๊ะตามตัวอักษรนี้จริงๆนะครับ
ไม้กางเขนเองยังเป็นรูปของสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีอยู่ในแผ่นดินนะครับ มิหนำซ้ำคนที่ตายบนไม้กางเขนยังไม่ได้มีพระเยซูคนเดียว โจรทั่วไปสมัยนั้นก็โดนตรึงกางเขนเหมือนกัน การมีไม้กางเขนเปล่าๆไม่มีรูปที่ระบุว่าเป็นของพระเยซู จะแน่ใจได้ไงว่าเราหมายถึงไม้กางเขนของพระองค์ ไม่ใช่กางเขนทั่วไปของพวกโจร นั่นเป็นสิ่งที่อิสลามเองยังนับไม้กางเขนของคริสเตียนว่าเป็นรูปเคารพอยู่ ถ้าจะว่าไปอิสลามตีความประโยคนี้เคร่งครัดว่าโปรแตสแตนท์มาก คือตีเป๊ะตามคำพูดจริงๆ เพราะเขาจะไม่มีรูปอะไรทั้งสิ้นเลย นอกจากตัวอักษรในสุเหร่า สรุปคือถ้าโปรแตสแตนท์ยังมีรูปกางเขนในโบสถ์ แม้จะตัดรูปปั้นที่เป็นคนออกไปก็ยังนับว่าไม่ได้เคร่งเป๊ะตามตัวอักษรนี้จริงๆนะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย demon of east เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 4:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Big_TC29
โพสต์: 333
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 17, 2006 12:34 am
ที่อยู่: ในรู

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 4:56 pm

ผมว่าพวกโปรบางกลุ่มที่งี่เง่าอยู่ เช่นพวกความหวัง ไม่ฟังหรอกครับ เค้าก็ยังจะหาว่าคาทอลิกมีรูปเคารพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 5:09 pm

bigect07 เขียน: ผมว่าพวกโปรบางกลุ่มที่งี่เง่าอยู่ เช่นพวกความหวัง ไม่ฟังหรอกครับ เค้าก็ยังจะหาว่าคาทอลิกมีรูปเคารพ
โปรฯ สุดโต่งบางพวกก็ยึดพระคัมภีร์ตามตัวอักษร ทำเสมือนพระคัมภีร์เป็นรูปเคารพ
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 5:37 pm

Forza_Nerrazuri เขียน:
ยศิโยน:ผู้ยำเกรงพระเจ้า เขียน: ถ้าอิงตามพระคัมภีร์แล้ว


แม้แต่สมัยโมเสส ที่พึ่งออกบัญญัติ


รูปภาพ

ก็มีการหล่อรูป งูทองเหลือง เพื่อให้ผู้เชื่อพระเจ้านะ

ขอบคุณครับ : xemo026 :
อันนั้นเป็นรูปเคารพด้วยหรือครับ??
อันนี้เป็นภาพงูทองสมฤทธิ์ที่พระเจ้าสั่งโมเสสให้ทำนะครับ "ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่งและติดไว้ที่เสาแล้วถ้างูกัดคนใดถ้าเขามองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นเขาก็มีชีวิตอยู่ได้"(กันดารวิถี 21:9) งูนั้น พี่เคยอ่านวรรณกรรมของท่านนักบุญอัลฟอนโซ เด ลีโกรี หรือท่านนักบุญยอห์น แห่งไม้กางเขนไม่แน่ใจ ท่านบอกว่า งูทองสำฤทธิ์นั้นหมายถึงไม่กางเขนของพระเยซูคริสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 7:26 pm

เอ่ ผมเข้าใจจากการเรียนคำสอนนะ ว่านั้นไม่ใช่รูปเคารพอะ แต่เป้นการระลึกถึง

คาทอลิกมีวัฒนธรรมจากโรมัน ที่ชอบสร้างรุปปั้นระลึก (ฝ่ายออร์โธด๊อกซ์ก็ได้รับอารยธรรมจากไบแซนไทม์รูปวาดฝา)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Deo Gratias
โพสต์: 1100
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 8:59 pm

Y u K i เขียน:
Batholomew เขียน:
BOYZ เขียน: พวกพี่พี่น้องน้อง คิดว่า ถ้าหลายฝ่ายได้รู้ข้อมูลเหล่านี้ เขาจะยิ่งต่อต้านเพิ่มขึ้น หรือว่า ลดความถือตนลงอ่ะครับ  :huh:

(เราว่าน่าจะลดลงนา)
ผมว่าสุดท้ายคนที่คิดว่าของตัวเองถูก ก็ไม่ฟังหรอกครับ
เค้าก็คงได้แต่เงียบ แล้วก็เมินหน้าหนีไป
Y u K i เขียน: ไม่รู้ว่าเข้าใจยาก รึว่าไม่เปิดใจรับฟังกันแน่ ::010::
Andreas เขียน:
bigect07 เขียน: ผมว่าพวกโปรบางกลุ่มที่งี่เง่าอยู่ เช่นพวกความหวัง ไม่ฟังหรอกครับ เค้าก็ยังจะหาว่าคาทอลิกมีรูปเคารพ
โปรฯ สุดโต่งบางพวกก็ยึดพระคัมภีร์ตามตัวอักษร ทำเสมือนพระคัมภีร์เป็นรูปเคารพ
ก็หวังว่าสิ่งนี้จะทำให้เข้าใจกันมากขึ้นนะคะ แต่กลัวจะไม่ใช่น่ะสิ คนที่หัวแข็งก็แข็งจริงๆ อคติก็อคติจริงๆ เพราะเขาได้รับการปลูกฝังมาแบบนั้น ถึงจะมีหลักฐานชัดเจนแค่ไหน เขาก็จะหา(หรือมั่ว)ข้อมูลขึ้นมาหักล้างหลักฐาน เพื่อให้สิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดว่าถูกต้องยังคงถูกต้องต่อไป จริงๆแล้วจะกล่าวโทษเขาก็ไม่ค่อยถูกเท่าไร เพราะเขาก็ถูกสอนให้เข้าใจมาในแบบนั้น และด้วยคำว่า "เชื่อฟัง" ทำให้สิ่งที่เชื่อนั้นสืบทอดกันมาโดยไม่เบาลง แต่ก็ยังไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น เราจึงเหมารวมไม่ได้ และการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ(ทำให้เชื่อสิ่งใหม่ที่ตรงข้ามกับสิ่งเก่า)ใช้ได้กับบางคน แต่ใช้ไม่ได้กับอีกหลายคนค่ะ จะให้ได้ผลต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือสอนให้เข้าใจอย่างถูกต้องตั้งแต่เป็นรวีหรือผู้เชื่อใหม่ค่ะ  : emo036 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

ศุกร์ พ.ค. 04, 2007 2:53 am

พระองค์เจ้าเปิดเผยต่อพวกเรามากมาย ถ้าใครได้ยินแล้วไม่น้อมรับก็เท่ากับไม่เชื่อฟังไม่ยอมรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

ในทางกลับกัน ผมเข้าใจพวกเค้ากลุ่มนั้น(บางกลุ่ม) ว่า สโลแกนที่พวกเค้ายึดไว้คือ "กลัวมารหลอกล่อลวงไป" มันก็น่าเห็นใจเค้าอยู่นะ
อย่างเรื่องการทนทุกข์อ่ะ ถ้าตีความผิดก็จะกลายเป็นเหมือนสายบางสายที่เอาหลักต้องทนทุกข์กลายมาเป็นทรมานตัวเองซะงั้น - -"

อืม ผมเล่นที่เวปบอร์ดๆ หนึ่ง มีคนบอกว่า "เราอธิษฐานเผื่อเขาดีกว่า เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดีเหมือนกัน...."

จึงคิดว่า เขาก็คงไม่รู้จริงๆแหละ


...........พระเจ้าเคยบอกผ่านพระคัมภีร์ว่า "เราจะมารวบรวมบรรดาผู้ที่แตกแยกในเราให้เป็นหนึ่งเดียว" ตรงไหนไม่รู้ ในคัมภีร์ใหม่ อะ ใครรู้บอกหน่ยอนะ เราจำเนื้อความแต่จำข้อไม่ได้


ปล.ศบ.หลายคนสอนเสริมสร้าง ศบ.หลายคนก็ไม่สร้างสรรค์วันวันมีแต่ศาสนศาสตร์(เชิงนิกาย) ถ้าจะแก้ต้องแก้ที่ความคิดผู้นำบางคน

ตัวอย่างเช่น ผมคุยกับอดีตน้องเลี้ยงว่า อืมจะไปวัดคาทอลิกนะ เขาตอบกลับมาว่า "รู้คัมภีร์แล้วทำไมยังทำแบบนั้น" (ทั้งทั้งที่อธิบายข้อเท็จจริงไปแล้ว เหอๆๆๆ)


พระเจ้าจอร์จจจจจจจจจจจจจจจจจจจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ พ.ค. 04, 2007 4:08 am

ยน 10:16
เรายังมีแกะอื่น ๆ
ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้
เราต้องนำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย
แกะจะฟังเสียงของเรา
จะมีแกะเพียงฝูงเดียว
และผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว


ยน 11:51
พระเยซูเจ้าจะต้องสิ้นพระชนม์เพื่อชนทั้งชาติ และไม่ใช่เพื่อชนทั้งชาติเท่านั้น แต่เพื่อจะรวบรวมบรรดาบุตรของพระเจ้าทรงกระจัดกระจายอยู่ให้กลับเป็นหนึ่งเดียวกัน


มก 9:38-40
ยอห์นทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ปีศาจเดชะพระนามของพระองค์ เราจึงพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าห้ามเขาเลย ไม่มีใครทำอัศจรรย์ในนามของเรา แล้วต่อมาจะว่าร้ายเราได้ ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ พ.ค. 04, 2007 4:20 am

ส่วนบทนี้สำหรับคนที่ชอบตัดสินคนอื่นครับ อาจจะคิดว่าตัวรู้คัมภีร์แต่ไม่นำบทนี้ไปใช้

รม 14:4
ท่านเป็นใครกันที่จะตัดสินคนรับใช้ของผู้อื่น เขาจะยืนอยู่หรือล้มลงก็เป็นเรื่องของนายของเขา แต่เขาจะยืนอยู่ได้เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขายืนอยู่ได้ คนหนึ่งคิดว่าวันหนึ่งสำคัญกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งคิดว่าทุกวันมีความสำคัญเท่ากัน แต่ละคนจงปฏิบัติตามความเชื่อมั่นของตน ผู้ที่ถือวันสำคัญ ก็ถือเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่กิน ก็กินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระองค์ ผู้ที่ไม่กิน ก็งดกินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระองค์เช่นกัน เพราะไม่มีพวกเราคนใดที่มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองเช่นเดียวกัน ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้เอง พระคริสตเจ้าจึงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อจะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของผู้ตายและของผู้เป็น แล้วท่านเล่า ทำไมจึงตัดสินพี่น้องของท่าน หรือท่านเล่า ทำไมท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน ในเมื่อเราทุกคนจะต้องไปยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนฉันใด ก็เป็นที่แน่นอนฉันนั้นว่า ทุกคนจะคุกเข่าลงกราบเรา และทุกคนจะกล่าวสรรเสริญพระเจ้า” ดังนั้น เราแต่ละคนต่างจะต้องทูลรายงานเกี่ยวกับตนเองต่อพระเจ้า ดังนั้น เราจงเลิกตัดสินกันเถิด และจงเลิกคิดที่จะเป็นอุปสรรคให้พี่น้องสะดุดล้ม ข้าพเจ้ารู้และแน่ใจในองค์พระเยซูเจ้าว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นมลทินในตัวเอง แต่ถ้าใครคิดว่าเป็นมลทินก็เป็นมลทินสำหรับเขา
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ค. 06, 2007 7:59 am

ลองดูลิงก์นี้ของชาวพุทธ :wink:

http://www.manager.co.th/Around/ViewNew ... 0000051500

กำลังจะไปโบสถ์ไม่มีเวลาเขียน รูปที่น้องโฮลี่ นำมาแปะ หรือ ที่พี่ลิงก์ของชาวพุทธมา

พวกที่เรียน ประวัติศาสตร์ จะเรียกว่า "วรรณกรรมของคนที่ไม่รู้หนังสือ"

ภาพที่ผนังโบสถ์ หรือเรื่องเล่าต่างๆที่กำแพง ผนัง ส่วนมากจะอยู่ที่ศาสนสถาน สิ่งเหล่านี้คือ "คำสอน" เพราะคนในยุคก่อนส่วนใหญ่ยังไม่รู้หนังสือพูดง่ายๆอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ผู้สอน หรือ ผู้รู้จะทำอย่างไรให้เข้าใจกัน ก็มีการวาดเล่าเรื่อง เช่นเราเข้าที่โบสถ์ วิหาร หรือเรียกว่า ศาสนสถานโบราณไม่ว่าเป็นศาสนาใด/ลัทธิความเชื่อใด มักจะมี ภาพวาดเหล่านี้เล่าเรื่อง   นักประวัติศาสตร์ จะเรียกว่า "วรรณกรรม" ไม่ใช่รูปเคารพ แต่อาจจะบังเอิญคนไปกราบไหว้ ขอหวย ขอพร มากมาย จึงเป็นจุดอ่อนให้ กลุ่ม ที่ห้ามการกราบไหว้ เช่น โปรเตสแตนต์ นี่แหละ ดังนั้นอะไรที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา โปรเตสแตนต์เลยกลัวไปหมด หรือเป็นลัทธิเหมารวมว่า เป็นรูปเคารพหมด :grin:
mamapink

จันทร์ พ.ค. 07, 2007 4:45 am

http://www.catholic.or.th/cgi-bin/Print ... 1091096999
อธิบายเกี่ยวกับรูปเคารพในศาสนาคริสต์ค่ะ

อ่อ..เท่าที่ทราบมาอิสลามไม่ได้ถือว่ารูปทุกอย่างเป็นรูปเคารพนะคะ เพียงแต่หมายถึง
รูปภาพหรือรูปปั้นที่ยกเทียบเท่ากับพราะเจ้าน่ะค่ะ ถ้าไม่ได้เคารพบูชา หรือกราบไหว้ก็ไม่ผิดนะคะ
แต่อิสลามเองก็มีนิกายแยกออกไปอีก ทั้งที่เชื่อว่าผิดและไม่ผิด

สำหรับทางพุทธสาสนาคิดว่าทุกท่านคงคุ้นหูกับชื่อนี้ดี..
ท่านพุทธทาสภิกขุ  ซึ่งไม่ยึดติดกับพิธีกรรม รูปเคารพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่มุ่งหาความจริงของศาสนา
http://phaputtatad.tripod.com/Index.html
นี่เป้นเวปที่รวบรวมข้อมูลของท่านซึ่งจะมีบอกว่า ท่านไม่ยึดติดกับพิธีกรรม รูปเคารพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ชาวพุทธเองก็มีความเห็นแตกแยกกันไปตามการตีความ

ส่วนตัวแล้วที่มองเห็นความแตกแยกแล้วรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ...
ตัวอย่างกระทู้ http://202.44.204.76/cgi-bin/kratoo.pl/009752.htm
อ่านแล้วรู้สึกแย่เหมือนกับเรามั๊ย...
เป็นการดีที่ผู้รู้ให้ความกระจ่างแก่ผู้ไม่รู้ หรือรู้น้อย หรือรู้ไม่หมด...แต่การทับถมกันแบบนี้
รู้สึกแย่มากๆค่ะ...เห็นมั๊ยคะถึงแม้ว่าศาสนาทุกศาสนาจะมีความเห็นแตกแยกกันไป...
แต่แท้ที่จริงแล้ว...ทุกศาสนาทุกนิกายก็มุ่งเน้นให้คนเป็นคนดี...ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ
การที่เราจะอธิบายให้เค้าเข้าใจในความเป็นตัวเราก็ไม่ผิดเป็นสิ่งที่ดีอีกต่างหาก
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำให้เค้ามาคิดเหมือนเราซะทุกอย่าง..เพราะไม่มีใครทำได้จริงรึเปล่าคะ
อย่ากล่าวหาว่าศาสนาโน้นไม่ดี นิกายโน้นไม่ถูก...ถ้าเราคิดแบบนั้น อาจจะเป็นเราเองที่เป็นแกะหลงทางก็ได้นะคะ
ตอนนี้กำลังศึกษาเกี่ยวกับศาสนาคริสต์...
ศาสนาที่สอนให้รัก..ศาสนาที่อยู่แล้วรู้สึกอบอุ่นใจ...กับความแตกต่างเพียงเล็กน้อย...
จะต้องให้คนศาสนาเดียวกันมาแตกแยกกันเพื่ออะไรลองคิดดูนะคะ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 07, 2007 5:18 am

อิสลามมีนิกายไม่มาก แต่มีการตีความที่หลากหลายมาก เพราะตามระเบียบของศาสนา ยกให้เป็นการตีความชี้ขาดของอิหม่ามในที่นั้น เราจึงเห็นผู้หญิงอิสลามที่คลุม แบบคลุมแต่ผม ไปจึงถึงคลุมมิดทั้งตัวด้วยสีดำล้วนแม้แต่ตรงตายังทำเป็นตาข่าย

เช่นเดียวกับการตีความเรื่องรูปเคารพของอิสลาม คำว่ารูปทุกอย่างนั้นผมหมายถึงรูปบุคคลหรือสัตว์ครับ แม้แต่รูปเจ้าของบ้านหรือรูปดาราก็ไม่ควรติดบนผนังบ้านตัวเอง รูปที่จะติดบนผนังหรือที่สูงได้ มีแต่รูปวิวเท่านั้นครับ ส่วนกลุ่มไม่เคร่งเขาก็ไม่เคร่งครับ อยากติดอะไรก็ติด แต่ในสุเหร่า จะไม่มีรูปภาพใดๆนอกจากตัวอักษรครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ พ.ค. 07, 2007 7:03 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

จันทร์ พ.ค. 07, 2007 7:11 am

จริงๆแล้ว ศาสนาพุทธก็ไม่มีรูปเคารพหรอก มีแต่รูประลึกเหมือนกัน แต่มันเพี้ยนหรือมีความหมายลึกซึ้งหรือยังไงก็ไม่เข้าใจเหมือนกันจนกลายเป็นรูปที่ต้องยำเกรง

แต่มันคงสุดโต่งจริงๆอย่างที่เนื้อหาในกระทู้บอก ถ้ารูปบุคคลไว้ระลึก ไว้ให้คิดถึง ยังติดไม่ได้ เหอๆๆ

ตั้งแต่มาเป็นคิกทอลา (คาทอลิก) เริ่มเข้าใจสัจธรรมแห่งสิ่งที่พระเยซูเจ้าสอนมากกว่าแต่ก่อน พ่อกับแม่และครอบครัวก็ยอมรับแล้ว เพราะความเย็น ความเป็นสายกลาง ความไม่สุดโต่ง ความไม่ร้อนรนรุ่มร้อน ของพระศาสนจักร และคำสอนที่ไม่ทำลาย ไม่แตกแยก การตีความพระคริสตธรรม เนี่ยแหละ คือสิ่งที่พ่อกับแม่และครอบครัวยอมรับ :cool:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

จันทร์ พ.ค. 07, 2007 9:31 am

BOYZ เขียน: จริงๆแล้ว ศาสนาพุทธก็ไม่มีรูปเคารพหรอก มีแต่รูประลึกเหมือนกัน แต่มันเพี้ยนหรือมีความหมายลึกซึ้งหรือยังไงก็ไม่เข้าใจเหมือนกันจนกลายเป็นรูปที่ต้องยำเกรง

แต่มันคงสุดโต่งจริงๆอย่างที่เนื้อหาในกระทู้บอก ถ้ารูปบุคคลไว้ระลึก ไว้ให้คิดถึง ยังติดไม่ได้ เหอๆๆ

ตั้งแต่มาเป็นคิกทอลา (คาทอลิก) เริ่มเข้าใจสัจธรรมแห่งสิ่งที่พระเยซูเจ้าสอนมากกว่าแต่ก่อน พ่อกับแม่และครอบครัวก็ยอมรับแล้ว เพราะความเย็น ความเป็นสายกลาง ความไม่สุดโต่ง ความไม่ร้อนรนรุ่มร้อน ของพระศาสนจักร และคำสอนที่ไม่ทำลาย ไม่แตกแยก การตีความพระคริสตธรรม เนี่ยแหละ คือสิ่งที่พ่อกับแม่และครอบครัวยอมรับ :cool:
จริงครับ พระพุทธรูปเป็นลักษณะแบบนั้น จะเห็นว่าการบูชาพระพุทธรูป กับเทวรูปของฮินดู ค่อนข้างต่างกัน

การเคารพรุปเคารพมี4ระดับ
1.บูชาว่ารูปเคารพมีวิญญาฯสิง
เช่นพระบาอัน ในพระคัมภีร์เดิม
2.บูชาวิญญาณในรูปเคารพ
เช่นพวกฮินดู
3.ระลึกผ่านรูปเคารพ
เช่นพุทธ คาทอลิก
4.กึ่งระลึกกึ่งบูชา
เช่นความเชื่อผิดๆของคาทอลิกบางคน พุทธบางคน
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

อังคาร พ.ค. 08, 2007 8:45 am

Holy เขียน: อิสลามมีนิกายไม่มาก แต่มีการตีความที่หลากหลายมาก เพราะตามระเบียบของศาสนา ยกให้เป็นการตีความชี้ขาดของอิหม่ามในที่นั้น เราจึงเห็นผู้หญิงอิสลามที่คลุม แบบคลุมแต่ผม ไปจึงถึงคลุมมิดทั้งตัวด้วยสีดำล้วนแม้แต่ตรงตายังทำเป็นตาข่าย

เช่นเดียวกับการตีความเรื่องรูปเคารพของอิสลาม คำว่ารูปทุกอย่างนั้นผมหมายถึงรูปบุคคลหรือสัตว์ครับ แม้แต่รูปเจ้าของบ้านหรือรูปดาราก็ไม่ควรติดบนผนังบ้านตัวเอง รูปที่จะติดบนผนังหรือที่สูงได้ มีแต่รูปวิวเท่านั้นครับ ส่วนกลุ่มไม่เคร่งเขาก็ไม่เคร่งครับ อยากติดอะไรก็ติด แต่ในสุเหร่า จะไม่มีรูปภาพใดๆนอกจากตัวอักษรครับ
ตอนนันผมอยากถ่ายภาพแต่งงานติดข้างฝามั่ง แฟนทำท่าอิดออดบอกในทำนองว่าไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพระไม่ส่งเทวดามาช่วยดูแล (จำไม่ได้แล้วว่าเธอพูดชัดๆว่ายังไง แต่ออกมาในทำนองนั้นแหละ)
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร พ.ค. 08, 2007 10:43 am

Holy เขียน: อิสลามมีนิกายไม่มาก แต่มีการตีความที่หลากหลายมาก เพราะตามระเบียบของศาสนา ยกให้เป็นการตีความชี้ขาดของอิหม่ามในที่นั้น เราจึงเห็นผู้หญิงอิสลามที่คลุม แบบคลุมแต่ผม ไปจึงถึงคลุมมิดทั้งตัวด้วยสีดำล้วนแม้แต่ตรงตายังทำเป็นตาข่าย

เช่นเดียวกับการตีความเรื่องรูปเคารพของอิสลาม คำว่ารูปทุกอย่างนั้นผมหมายถึงรูปบุคคลหรือสัตว์ครับ แม้แต่รูปเจ้าของบ้านหรือรูปดาราก็ไม่ควรติดบนผนังบ้านตัวเอง รูปที่จะติดบนผนังหรือที่สูงได้ มีแต่รูปวิวเท่านั้นครับ ส่วนกลุ่มไม่เคร่งเขาก็ไม่เคร่งครับ อยากติดอะไรก็ติด แต่ในสุเหร่า จะไม่มีรูปภาพใดๆนอกจากตัวอักษรครับ
ความรู้ใหม่นะครับนี่ ::014::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร พ.ค. 08, 2007 10:52 pm

อันตน เขียน:
Holy เขียน: อิสลามมีนิกายไม่มาก แต่มีการตีความที่หลากหลายมาก เพราะตามระเบียบของศาสนา ยกให้เป็นการตีความชี้ขาดของอิหม่ามในที่นั้น เราจึงเห็นผู้หญิงอิสลามที่คลุม แบบคลุมแต่ผม ไปจึงถึงคลุมมิดทั้งตัวด้วยสีดำล้วนแม้แต่ตรงตายังทำเป็นตาข่าย

เช่นเดียวกับการตีความเรื่องรูปเคารพของอิสลาม คำว่ารูปทุกอย่างนั้นผมหมายถึงรูปบุคคลหรือสัตว์ครับ แม้แต่รูปเจ้าของบ้านหรือรูปดาราก็ไม่ควรติดบนผนังบ้านตัวเอง รูปที่จะติดบนผนังหรือที่สูงได้ มีแต่รูปวิวเท่านั้นครับ ส่วนกลุ่มไม่เคร่งเขาก็ไม่เคร่งครับ อยากติดอะไรก็ติด แต่ในสุเหร่า จะไม่มีรูปภาพใดๆนอกจากตัวอักษรครับ
ตอนนันผมอยากถ่ายภาพแต่งงานติดข้างฝามั่ง แฟนทำท่าอิดออดบอกในทำนองว่าไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพระไม่ส่งเทวดามาช่วยดูแล (จำไม่ได้แล้วว่าเธอพูดชัดๆว่ายังไง แต่ออกมาในทำนองนั้นแหละ)
แสดงว่าแฟนพี่เคร่งนะเนี่ย อย่างนี้ท่าจะต้องพยายามมากขึ้น7x70เท่า
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พุธ พ.ค. 09, 2007 8:23 am

Holy เขียน:
อันตน เขียน:
Holy เขียน: อิสลามมีนิกายไม่มาก แต่มีการตีความที่หลากหลายมาก เพราะตามระเบียบของศาสนา ยกให้เป็นการตีความชี้ขาดของอิหม่ามในที่นั้น เราจึงเห็นผู้หญิงอิสลามที่คลุม แบบคลุมแต่ผม ไปจึงถึงคลุมมิดทั้งตัวด้วยสีดำล้วนแม้แต่ตรงตายังทำเป็นตาข่าย

เช่นเดียวกับการตีความเรื่องรูปเคารพของอิสลาม คำว่ารูปทุกอย่างนั้นผมหมายถึงรูปบุคคลหรือสัตว์ครับ แม้แต่รูปเจ้าของบ้านหรือรูปดาราก็ไม่ควรติดบนผนังบ้านตัวเอง รูปที่จะติดบนผนังหรือที่สูงได้ มีแต่รูปวิวเท่านั้นครับ ส่วนกลุ่มไม่เคร่งเขาก็ไม่เคร่งครับ อยากติดอะไรก็ติด แต่ในสุเหร่า จะไม่มีรูปภาพใดๆนอกจากตัวอักษรครับ
ตอนนันผมอยากถ่ายภาพแต่งงานติดข้างฝามั่ง แฟนทำท่าอิดออดบอกในทำนองว่าไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพระไม่ส่งเทวดามาช่วยดูแล (จำไม่ได้แล้วว่าเธอพูดชัดๆว่ายังไง แต่ออกมาในทำนองนั้นแหละ)
แสดงว่าแฟนพี่เคร่งนะเนี่ย อย่างนี้ท่าจะต้องพยายามมากขึ้น7x70เท่า
555 ทุกวันอาทิตย์แหละครับ 7*70 เท่า
แต่เวลาเอาพระคัมภีร์ให้ลูกดู พูดเรื่องพระให้ลูกฟังเธอทำท่าเซ็งเป็ดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร ขออย่างเดียวตอนนี้คืออย่าพูดเรื่องพาลูกไปล้างบาป เธอจะงอนตุ๊บป่องๆ แต่เราก็ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องความเชื่อเลยสักครั้ง มีแต่งอนๆมั่งเท่านั้น
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ พ.ค. 09, 2007 8:26 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ พ.ค. 09, 2007 9:29 am

อันตน เขียน:
Holy เขียน:
อันตน เขียน: ตอนนันผมอยากถ่ายภาพแต่งงานติดข้างฝามั่ง แฟนทำท่าอิดออดบอกในทำนองว่าไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพระไม่ส่งเทวดามาช่วยดูแล (จำไม่ได้แล้วว่าเธอพูดชัดๆว่ายังไง แต่ออกมาในทำนองนั้นแหละ)
แสดงว่าแฟนพี่เคร่งนะเนี่ย อย่างนี้ท่าจะต้องพยายามมากขึ้น7x70เท่า
555 ทุกวันอาทิตย์แหละครับ 7*70 เท่า
แต่เวลาเอาพระคัมภีร์ให้ลูกดู พูดเรื่องพระให้ลูกฟังเธอทำท่าเซ็งเป็ดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร ขออย่างเดียวตอนนี้คืออย่าพูดเรื่องพาลูกไปล้างบาป เธอจะงอนตุ๊บป่องๆ แต่เราก็ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องความเชื่อเลยสักครั้ง มีแต่งอนๆมั่งเท่านั้น
แล้วตอนนี้หลาน ๆ เป็นเด็กศาสนาไหนอ่ะคร้าบ :huh:
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พุธ พ.ค. 09, 2007 2:03 pm

แล้วตอนนี้หลาน ๆ เป็นเด็กศาสนาไหนอ่ะคร้าบ
ฝั่งแฟนก็บอกว่าเป็นศาสนาเขา ฝังพี่ก็บอกว่าเป็นศาสนาพี่ พี่ก็เข้าใจเขานะ ลำพังตัวเขาเองก็ไม่ยากเท่าไหร่หรอก แต่อย่าลืมเมื่อแต่งงานแล้วพ่อแม่พี่น้องทั้งฝั่งเขาฝั่งเรามันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ มันพ่วงแถมมา แต่พี่เชื่อในพระเจ้าและเชื่อในคำภาวนาของพี่ ต่อให้เขาจับลูกไปเข้าสุนัตให้เรียนหนังสือแขกตามธรรมเนียม แต่เมื่อถึงเวลาสิ่งที่พี่หว่านๆไปตอนนี้ไม่ว่าจะสวดก็ดี การเป็นพยายามเป็นแบบอย่างเท่าที่จะทำได้ก็ดี การแนะนำให้เขารู้จักพระก็ดี จะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจได้เองเมื่อถึงเวลาอันควร นักบุญมอนิกาสวดสามสิบกว่าปีกว่านักบุญลูกชายจะกลับใจ คู่แต่งงานบางคู่อยู่กันจนหงำเหงือกกว่าอีกฝ่ายจะกลับใจ พี่ว่าพระไม่ใจร้ายกับพี่ขนาดต้องรอขนาดนั้นหรอก แต่ถ้ามันเป็นน้ำพระทัยจริงๆ ทำไมจะรอไม่ได้ จริงไหมๆ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ พ.ค. 09, 2007 2:16 pm

อันตน เขียน:
แล้วตอนนี้หลาน ๆ เป็นเด็กศาสนาไหนอ่ะคร้าบ
ฝั่งแฟนก็บอกว่าเป็นศาสนาเขา ฝังพี่ก็บอกว่าเป็นศาสนาพี่ พี่ก็เข้าใจเขานะ ลำพังตัวเขาเองก็ไม่ยากเท่าไหร่หรอก แต่อย่าลืมเมื่อแต่งงานแล้วพ่อแม่พี่น้องทั้งฝั่งเขาฝั่งเรามันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ มันพ่วงแถมมา แต่พี่เชื่อในพระเจ้าและเชื่อในคำภาวนาของพี่ ต่อให้เขาจับลูกไปเข้าสุนัตให้เรียนหนังสือแขกตามธรรมเนียม แต่เมื่อถึงเวลาสิ่งที่พี่หว่านๆไปตอนนี้ไม่ว่าจะสวดก็ดี การเป็นพยายามเป็นแบบอย่างเท่าที่จะทำได้ก็ดี การแนะนำให้เขารู้จักพระก็ดี จะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจได้เองเมื่อถึงเวลาอันควร นักบุญมอนิกาสวดสามสิบกว่าปีกว่านักบุญลูกชายจะกลับใจ คู่แต่งงานบางคู่อยู่กันจนหงำเหงือกกว่าอีกฝ่ายจะกลับใจ พี่ว่าพระไม่ใจร้ายกับพี่ขนาดต้องรอขนาดนั้นหรอก แต่ถ้ามันเป็นน้ำพระทัยจริงๆ ทำไมจะรอไม่ได้ จริงไหมๆ
จริงพี่ เดี๋ยวผมจะช่วยสวดเผื่ออีกแรง ผมว่าไม่แน่นะ แฟนพี่อ่ะจะเป็นคนแรกที่พระเรียกมาอ่ะครับ

ไม่มีอะไรที่พระองค์จะทรงกระทำไม่ได้แน่นอนครับพี่ ขอพระเจ้าอวยพรครับ ::017::
mamapink

อาทิตย์ พ.ค. 13, 2007 10:23 pm

ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกคนกลับใจ...
เรื่องเลี้ยงลูก ตอนเด็กๆเค้าก็คงทำตามใจเราอยู่หรอก..
เพราะเค้ายังคิดเองไม่ได้...
ถ้าพอเค้าโตขึ้นเพื่อนชวนไปนั่งสมาธิ ไปปฏิบัติธรรมแล้วเค้าเกิดชอบทำแล้วสบายใจ
เค้าอาจจะไม่รับศาสนาของคุณทั้งสองศาสนาก็ได้นะ(ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะ)
แล้วแต่สังคมและความเชื่อ  (อันนี้ตามประสบการณ์นะ เหงมีหลายคนเหมือนกัน)
เพราะพอโตแล้ว พ่อกับแม่ก็ไม่ได้อยู่กับเค้าตลอดไป
เหมือนแม่ของเรา เมื่อก่อนเป็นพุทธ แต่งกับพ่อที่เป็นอิสลาม
ก็เปลี่ยนเป็นอิสลาม ปัจจุบันก็ยังเป็นอิสลาม ตัวเราก็เป็นอิสลาม
แต่แฟนเราเป็นคาทอลิก เป็นชาวต่างชาติ...
เค้าก็ทราบว่าเราเป็นอิสลาม แต่เค้าก็ให้อิสระเรา
ว่าเราจะเลือกที่จะเป็นอิสลามเหมือนเดิม หรือเปลี่ยนตามเค้า
ส่วนตัวเราเอง..เราก็อยากจะลองศึกษาเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ดู
เพราะตอนเด็กๆ ก็เรียนโรงเรียนคริสต์มาเหมือนกัน
เราเองก็เป็นอิสลามที่ไม่เคร่งสักเท่าไหร่...
มันกระดากปากเนอะ..เวลาที่จะบอกว่าเรานับถือศาสนาไหน แต่ไม่เคร่ง
ตัวเราเอง..แค่รู้ตัวดีว่า ไม่ได้ทำความชั่ว ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้กับใคร
แม้จะไม่ได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แต่ก็ไม่ไปทำร้ายใคร
เราก็อยู่ได้อย่างสบายใจแล้ว...ไม่ต้องตกนรกทั้งเป็น
เราเองตอนนี้ก็ยังนับถือพระเจ้าของเรา..
แต่เราชอบการดำเนินชีวิตแบบชาวคริสต์
เดือนหน้าที่จะมีการเรียนคำสอน อาจจะได้เจอกันค่ะ เพราะนัดกับเพื่อนไว้แล้ว
บ้านเราตอนนี้เราก็ไม่รู้เลยว่าอยู่นิกายอะไร -*- ไม่เคร่งมากไปมะ 555+
แต่เรื่องรูปเคารพ ตัวเราเอง ก็ไม่ไหว้ไม่อะไรนะ
แต่ก็มีรูปของปู่ย่าตายายติดไว้ที่ฝาผนัง.. ไม่เคยได้ยินด้วยว่าห้ามติด
หรือเราจะเป็นกบในกะลาก็ไม่รู้นะ... ส่วนรูปในมัสยิด
ก็จะมีการนำเอาตัวอักษรมาเรียงกันให้เป็นรูปอย่างรูปคนนั่งละหมาด..น่าจะเคยได้เหงกันบ้างนะ
ก็ยังไม่ถือเป็นรูปเคารพเรย ก็แค่จินตนาการ รูปก็เกิดจากการขีดๆ เขียนๆ สิ่งที่ไม่มีความหมาย
จิตเราเองต่างหากที่คิดที่มองว่ามันเป็นอะไร...
เราว่า...ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราเองนะ...
ก็ต้องดูว่าคุณกับแฟนตกลงกันไว้ยังไง...ก่อนที่จะแต่งงานก่อนที่จะมีลูก
ที่ว่าศาสนาอิสลามบังคับให้อีกฝ่ายต้องเป็นอิสลามเหมือนกันก็เพื่อป้องกันปัญหาครอบครัว
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเหมือนกับที่คุณกำลังเป็นอยู่เนี่ยแหละค่ะ
ต่างคนต่างให้แนวทางของตัวเอง...ทีนี้ก็อยู่ที่ลูกจะเป็นคนเลือกเท่านั้นเอง....
ดีออกนะคะ เราให้อ่านไบเบิ้ลที่เป็นภาษาอังกฤษ แฟนให้อ่านอัลกุรอานภาษาอาหรับ
ยิ่งมีครูสอนภาษาอาหรับเก่งๆ เค้าจะสอนพูดให้ได้ด้วยล่ะค่ะ เก่งภาษาเพิ่มขึ้นมาอีก กำไรจริงๆ
เรื่องการตัดสุนัต ก็เป็นเรื่องที่ดีของผู้ชายนะคะ...คนที่ไม่ใช่อิสลามหลายๆคนยังทำเรย
เน๊อะ.....
แก้ไขล่าสุดโดย mamapink เมื่อ จันทร์ พ.ค. 14, 2007 2:10 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ พ.ค. 14, 2007 9:59 am

ตามความเห็นผมนะครับ

เห็นด้วยกับคุณ mamapink ส่วนหนึ่งครับ แต่ไม่ทั้งหมด
เพราะว่าถ้าเราปลูกฝังเค้าตั้งแต่เด็ก ให้เค้ารู้จักพระ รักพระ ให้รู้จักขอให้พระคุ้มครอง
ผมว่าเด็กคนนั้นจะเติบโตมาบนพื้นฐานของความเชื่อที่แข็งแกร่งครับ
วันหนึ่งข้างหน้า เค้าจะได้ไม่ทิ้งพระ เพราะว่าเค้ารู้ว่า พระรักเค้ามาก
ดังนั้น ถ้าพื้นฐานครอบครัวอบรมสั่งสอนให้เค้าใกล้ชิดพระตั้งแต่เด็ก
เค้าไม่มีวันทิ้งพระแน่นอนครับ ::004::

ยินดีด้วยครับที่ได้เรียนคำสอนของคาทอลิก
ขอให้เปิดใจกับคำสอนของพระนะครับ อย่าฟังไปด้วยความสงสัย หรือขัดแย้ง
จะได้ทราบถึงแก่นของศาสนาจริง ๆ ครับ ::001::

ปล. ขอโทษครับ ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึงนะครับ
ผมค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับการที่เราต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม ถ้าเราแต่งงานกับคนอิสลาม
ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นปัญหาที่กล่าวไว้
เพราะการสร้างครอบครัวอยู่บนพื้นฐานของความรักและความเข้าใจ
ต่างคนต่างถือ แต่ถ้าเรารักและเข้าใจกัน ก็ไม่จำเป็นที่ใครต้องมานับถือของใครนะครับ
ด้วยความเคารพนะครับ ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ จันทร์ พ.ค. 14, 2007 10:06 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

จันทร์ พ.ค. 14, 2007 10:29 am

ผมค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับการที่เราต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม ถ้าเราแต่งงานกับคนอิสลาม
ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นปัญหาที่กล่าวไว้
เพราะการสร้างครอบครัวอยู่บนพื้นฐานของความรักและความเข้าใจ
ต่างคนต่างถือ แต่ถ้าเรารักและเข้าใจกัน ก็ไม่จำเป็นที่ใครต้องมานับถือของใครนะครับ
จริงๆแล้วเขาก็ไม่บังคับให้เปลี่ยนหรอกครับ เขาให้สมัครรับด้วยใจ หากไม่รับด้วยใจ ศาสนาอิสลามไม่อนุญาติเรื่องแต่งงานกับคนศาสนาอื่นอยู่แล้ว โต๊ะอิหม่ามที่ประกอบพิธีนิก๊ะห์จะไม่ทำให้ แต่ทีนี้มันมีเรื่องของสังคมเข้ามาประกอบ จะให้เลิกลากันไปมันก็กระไร ก็เลยต้องให้รับอิสลาม ส่วนจะรับจริงๆไม่จริงก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัว (หมายถึงว่าบอกว่ารับแล้วถ้าไม่ทำตามบัญญัติก็ไม่รอดพ้นนรก) ญาติผมคนหนึ่งฝ่ายหญิงแต่งกับฝ่ายชายพุทธ เขาบอกว่าเขาเข้าแขกแล้ว ตอนทำพิธีเขาก็ไม่ได้เปิดดูหรอกครับว่าขลิบไม่ขลิบ โดยทั่วไปท่องคำขอนิก๊ะห์ได้ ท่องยืนยันความเชื่อได้ก็โอเคแล้ว
ถ้าพอเค้าโตขึ้นเพื่อนชวนไปนั่งสมาธิ ไปปฏิบัติธรรมแล้วเค้าเกิดชอบทำแล้วสบายใจ
ถ้าเขาสบายใจ และเห็นว่าอย่างนั้นมันดีกับเขา เราจะไปห้ามได้ยังไง นอกจากคอยชี้แจงให้เขา คอยเป็นแบบอย่างให้เขา สวดภาวนาให้เขา และคอยโอบกอดเขาเมื่อเขาต้องการครอบครัว ตอนผมมาเข้ารีตก็ไม่มีใครห้ามผมได้ พ่อผมก็พุทธ แม่ผมอิสลามแต่มาอยู่กับพ่อ แม่ก็ยังยืนในความเป็นอิสลามของตัวเองเพียงแต่ไม่ได้กระทำให้เป็นที่ประจักษ์ ตอนผมเข้ารีตแม่ก็แค่บอกว่าทางพ่อก็มีทางแม่ก็มีทำไมไม่ไป ทำไมต้องไปทางนี้ แต่ทั้งแม่กับพ่อก็ไม่ได้มาฉุดกระชากลากถูกผมให้ออกพ้นจากความเชื่อของผม สุดท้ายพ่อก็ล้างบาป ส่วนแม่ก็ยังยืนในความเป็นตัวของตัวแม่อยู่เหมือนเดิม

ขอพระอวยพรครับ
mamapink

จันทร์ พ.ค. 14, 2007 2:08 pm

เรื่องถ้าแต่งกับอิสลามแล้วต้องเป็นอิสลามเพื่อลดปัญหาทางครอบครัวก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งน่ะค่ะ
แต่แหม.. ตัวเราเองเชื่อแบบไหนก็อยากให้คนที่เรารักคิดเหมือนกับเราทั้งนั้นแหละเน๊อะ
แต่ถ้ามาเข้าศาสนาแล้ว แล้วไม่ได้ปฏิบัติตามหลักศาสนา ก็ไร้ความหมายใช่มะ..บังคับใจกันไม่ได้หรอก
เรากับแฟนนี่จะไม่คุยเรื่องศาสนากันเลย...กลัวจะทะเลาะกันน่ะ เพราะความเชื่อมีจุดที่ต่างกัน
เราก็มองอย่างเป็นกลางนะ...ถ้าแนวทางไหนที่เราคิดว่าดีเราก็ยึดแนวนั้นแหละ...
ก็มีอยู่เรื่องเดียวที่เราจะไม่ทำก็คือ ไม่กราบไหว้รูปเคารพเท่านั้นแหละ นอกนั้นไม่มีปัญหาค่ะ
เพราะก็เคยเรียน รร.คริสต์มา...(ท่องบทสวดได้หลายบทเรย แหะๆ)
ก็จะลองไปเรียนดูค่ะ... เรื่องของอนาคต...ยังไม่ตัดสินดีกว่า...ว่ามั๊ย
พอดีว่าชอบศึกษาเรื่องศาสนาน่ะค่ะ...มีเรื่องให้คิดมากมาย...แต่ว่าถ้าให้ห้ามข้องใจอะไรพวกนี้...
คงห้ามกันไม่ได้หรอกนะ...แหะๆ(แอบดื้อ) แต่จะไม่ใช้อคติส่วนตัวเวลาไปเรียน..จะลองเปิดดูค่ะ
ว่าแต่...เสียดายจัง...ไม่ได้จัดงานแต่งงานแน่ๆ เพราะพ่อไม่ให้แน่นอน...หนีตามอย่างเดียวเรย 55+
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

จันทร์ พ.ค. 14, 2007 2:14 pm

mamapink เขียน: เรื่องถ้าแต่งกับอิสลามแล้วต้องเป็นอิสลามเพื่อลดปัญหาทางครอบครัวก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งน่ะค่ะ
แต่แหม.. ตัวเราเองเชื่อแบบไหนก็อยากให้คนที่เรารักคิดเหมือนกับเราทั้งนั้นแหละเน๊อะ
แต่ถ้ามาเข้าศาสนาแล้ว แล้วไม่ได้ปฏิบัติตามหลักศาสนา ก็ไร้ความหมายใช่มะ..บังคับใจกันไม่ได้หรอก
เรากับแฟนนี่จะไม่คุยเรื่องศาสนากันเลย...กลัวจะทะเลาะกันน่ะ เพราะความเชื่อมีจุดที่ต่างกัน
เราก็มองอย่างเป็นกลางนะ...ถ้าแนวทางไหนที่เราคิดว่าดีเราก็ยึดแนวนั้นแหละ...
ก็มีอยู่เรื่องเดียวที่เราจะไม่ทำก็คือ ไม่กราบไหว้รูปเคารพเท่านั้นแหละ นอกนั้นไม่มีปัญหาค่ะ
เพราะก็เคยเรียน รร.คริสต์มา...(ท่องบทสวดได้หลายบทเรย แหะๆ)
ก็จะลองไปเรียนดูค่ะ... เรื่องของอนาคต...ยังไม่ตัดสินดีกว่า...ว่ามั๊ย
พอดีว่าชอบศึกษาเรื่องศาสนาน่ะค่ะ...มีเรื่องให้คิดมากมาย...แต่ว่าถ้าให้ห้ามข้องใจอะไรพวกนี้...
คงห้ามกันไม่ได้หรอกนะ...แหะๆ(แอบดื้อ) แต่จะไม่ใช้อคติส่วนตัวเวลาไปเรียน..จะลองเปิดดูค่ะ
ว่าแต่...เสียดายจัง...ไม่ได้จัดงานแต่งงานแน่ๆ เพราะพ่อไม่ให้แน่นอน...หนีตามอย่างเดียวเรย 55+
ไม่ต้องกับถึงหนีตามมั้งครับ  ::010::
อย่างของผมก็แต่งแบบทางอิสลามก่อน จากนั้นก็ไปรับศีลกล่าวเงียบๆที่วัด
ส่วนเรื่องศาสนาก็คุยกันได้ครับ ผมก็คุยกับแฟน แบบเราก็เสนอให้กันฟัง แต่ถ้าเห็นว่ามันจะเป็นการโต้เถียงเมื่อไหร่ เราก็จะหยุดทันที เรื่องนี้ต้องไวนิดหนึ่งว่าการสนทนาครั้งนั้นๆจะลงเอยที่ตรงไหน
mamapink

พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2007 12:48 pm

แหม...ถ้าแต่งกะคนไทยก็ไม่มีปัญหาเท่าไหร่หรอกค่ะคุยกันได้..
แต่ชาวต่างชาติเค้าไม่ค่อยเข้าใจน่ะค่ะ แระเวลาจะทำพิธีอะไร ก็ต้องให้คนรู้ภาษาช่วย
พอถึงตอนนั้นละเรื่องใหญ่เรยหล่ะค่ะ...เพราะพ่อก็เป็นคนที่มีคนนับถือพอสมควร
อยู่กับแบบเงียบๆไปดีกร่า แหะๆ...เอาเปงว่าแค่ให้ที่บ้านรู้ก็พอละ อดจัดงานอย่างเปงทางการ
(แอบดีใจนิดๆ...ไม่ต้องเสียเงินเยอะ หุหุหุ)แต่เดี๋ยวลองคุยกับแฟนอีกทีว่าเค้าจะแต่งที่โบสถ์ด้วยรึเปล่า
ว่าแต่...กระทู้นี้กลายเปงเรื่องส่วนตัวไปซะแระ...ไว้ไปคุยกันกระทู้อื่นดีกร่า แหะๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ พ.ค. 27, 2007 11:03 pm

เอเสเคียล ได้รับนิมิตถึงพระวิหารของพระเจ้าแบบนี้ครับ

Ezekiel 40:1
เมื่อปีที่ยี่สิบห้าที่เราได้ถูกกวาดไปเป็นเชลยนั้น ในต้นปีเมื่อวันที่สิบ ในปีที่สิบสี่หลังจากที่เขาชนะกรุงนั้นเมืองของเรา ในวันนั้นทีเดียวพระหัตถ์ของพระเจ้ามาอยู่เหนือข้าพเจ้า และพระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น และทรงนำข้าพเจ้ามาในนิมิตแห่งพระเจ้ามา ถึงแผ่นดินอิสราเอล และพระองค์ทรงวางข้าพเจ้าไว้บนภูเขาสูงมาก ซึ่งตรงนั้นทางทิศใต้มีสิ่งก่อสร้างเหมือนเมืองหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามา ณ ที่นั่น ดูเถิด มีชายคนหนึ่ง ปรากฏการณ์ของเขาคล้ายทองสัมฤทธิ์ มีเชือกป่านเส้นหนึ่ง และไม้วัดอันหนึ่งอยู่ในมือ และท่านยืนอยู่ที่หอประตู และชายผู้นั้นกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงมองดูด้วยตาเองเถิด และจงฟังด้วยหูของเจ้า และจงเอาใจใส่กับสิ่งที่เราจะสำแดงให้แก่เจ้า เพราะว่าที่นำเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อจะสำแดงให้แก่เจ้า สิ่งทั้งสิ้นที่เจ้าเห็นนั้น จงประกาศแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”
และดูเถิด มีกำแพงล้อมอยู่รอบบริเวณนอกของพระนิเวศ และในมือของชายผู้นั้นมีไม้วัดยาวหกศอก แต่ละศอกยาวเท่ากับศอกคืบ ดังนั้น ท่านจึงวัดความหนาของกำแพงได้หนึ่งไม้วัด และความสูงได้หนึ่งไม้วัด แล้วท่านเข้าไปตามหอประตูซึ่งหันหน้าไปทิศตะวันออก ขึ้นไปตามบันไดและวัดธรณีหอประตูได้ลึกหนึ่งไม้วัด


Ezekiel 41:16
ห้องโถงของพระนิเวศนั้นและห้องชั้นในและมุขชั้นนอกบุด้วยไม้และทั้งสามนั้นมีหน้าต่างรอบซึ่งมีกรอบฝังลึก ตรงข้ามธรณีประตูบุไม้โดยรอบ ตั้งแต่พื้นถึงหน้าต่าง (หน้าต่างนี้มีม่านคลุม) ทั้งช่องว่างที่อยู่เหนือประตูถึงแม้เป็นห้องชั้นใน และข้างนอกและบนผนังโดยรอบที่ห้องชั้นในและ ห้องโถงก็มีรูปแกะไว้ เป็นรูปเครูบ รูปต้นอินทผลัม และรูปต้นอินทผลัมระหว่างเครูบทุกรูป เครูบทุกตนมีสองหน้า หน้าของผู้ชายตรงต้นอินทผลัมที่อยู่ข้างหนึ่ง และหน้าของสิงห์หนุ่มตรงต้นอินทผลัมที่อยู่อีกข้างหนึ่ง มีรูปอย่างนี้แกะไว้รอบพระนิเวศ จากพื้นถึงที่เหนือประตู มีรูปเครูบและ รูปต้นอินทผลัมแกะอยู่ที่ผนัง
ฝ่ายเสาประตูของห้องโถงนั้นสี่เหลี่ยม ข้างหน้าวิสุทธิสถานก็มีอะไรเหมือนกับแท่นบูชาทำด้วยไม้ สูงสามศอกยาวสองศอก และกว้างสองศอก ที่มุม ที่ฐาน และที่ผนังทำด้วยไม้ ท่านบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นโต๊ะซึ่งอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้า” ห้องโถงคือวิสุทธิสถาน มีประตูคู่แห่งละคู่ ประตูนั้นมีสองบาน ประตูหนึ่งมีบานเหวี่ยงสองบาน และบนประตูของห้องโถง มีเครูบและต้นอินทผลัมแกะไว้ เช่นเดียวกับที่แกะไว้บนผนัง มีปะรำไม้อยู่ที่หน้ามุขข้างนอก มีหน้าต่างที่มีกรอบฝังลึกและมีต้นอินทผลัมอยู่ ทั้งสองข้างที่บนผนังด้านข้างมุข ทั้งห้องระเบียงพระนิเวศและปะรำ

------------------------------------------------------------------------

รูปแกะสลักในวิหารพระเจ้าสร้างโดยกษัตริย์โซโลมอน

II Chronicles 3:13
แล้วซาโลมอนทรงเริ่มสร้างพระนิเวศของพระเจ้า ที่กรุงเยรูซาเล็มบนภูเขาโมริยาห์ ที่ซึ่งพระเจ้าทรงปรากฏแก่ดาวิดราชบิดาของพระองค์ ตรงที่ซึ่งดาวิดทรงกำหนดไว้ที่ลานนวดข้าวของโอรนัน คนเยบุส พระองค์ทรงเริ่มสร้างในวันที่สองเดือนที่สองของปีที่สี่ แห่งรัชกาลของพระองค์ ต่อไปนี้เป็นรากฐานซึ่งซาโลมอน ทรงวางเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า ส่วนยาวตามศอกโบราณ หกสิบศอก และกว้างยี่สิบศอก มุขด้านหน้าของพระนิเวศนั้นยาวยี่สิบศอก เท่ากับด้านกว้างของพระนิเวศ และส่วนสูงหนึ่งร้อยยี่สิบ พระองค์ทรงบุด้านในด้วยทองคำบริสุทธิ์ ห้องโถงพระองค์ทรงบุด้วยไม้สนสามใบ และบุด้วยทองคำเนื้อนพคุณ และทำต้นอินทผลัมและลูกโซ่ประดับไว้บนนั้น พระองค์ทรงแต่งพระนิเวศด้วยฝังเพชรพลอย ทองคำนั้นเป็นทองคำเมืองพารวายิม พระองค์จึงทรงบุพระนิเวศนั้นด้วยทองคำคือที่คาน ธรณีประตู ผนัง ประตู กับสลักรูปเครูบไว้บนผนัง
และพระองค์ทรงสร้างอภิสุทธิสถาน คือความยาวของที่นั้นตามความกว้างของพระนิเวศ เป็นยี่สิบศอกและกว้างยี่สิบศอก พระองค์ทรงบุด้วยทองคำนพคุณหนักหกร้อยตะลันต์ น้ำหนักของตะปูห้าสิบเชเขลทองคำ และพระองค์ทรงบุห้องชั้นบนด้วยทองคำ
ในอภิสุทธิสถานนั้น พระองค์ทรงสร้างเครูบไว้สองรูปด้วยไม้บุทองคำ ปีกของเครูบทั้งสองนั้นกางออกยี่สิบศอก ปีกข้างหนึ่งของเครูบรูปหนึ่งยาวห้าศอกจดผนังพระนิเวศ และอีกปีกหนึ่งยาวห้าศอกจดปีกของเครูบอีกรูปหนึ่ง และรูปนี้ ปีกข้างหนึ่งห้าศอกจดผนังพระนิเวศ และอีกปีกหนึ่งห้าศอกด้วยติดต่อกับปีกของเครูบอีกรูปหนึ่ง ปีกของเครูบเหล่านี้กางออกยี่สิบศอก เครูบทั้งสองนั้นยืนหันหน้าไปทางห้องโถง และพระองค์ทรงสร้างม่านด้วยผ้าสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่าน และปักรูปเครูบไว้บนนั้น


--------------------------------------------------------------------------

ผมนึกถึงที่น้องเก๋โดนโปรฯคนหนึ่ง เหน็บแนมว่า วัดคาทอลิคมีแต่รูปเคารพเพียบเลย ถ้าเขาเกิดสมัยโซโลมอน เขาคงไม่กล้าเข้าไปนมัสการพระเจ้าในพระวิหารแน่ๆ แล้วยิ่งถ้าเขาไปเจอพระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ เขาคงไม่กล้าเข้าแหงเลย
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 10:20 am

รูปภาพ กับ รูปเคารพ มันคนละเรื่องเดียวกันเลย....!!!!! ( ภาค 1 ) ง่วงครับ มีต่อภาค 2
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 3:36 pm

THE TRUTH BIBLE เขียน:รูปภาพ กับ รูปเคารพ มันคนละเรื่องเดียวกันเลย....!!!!! ( ภาค 1 ) ง่วงครับ มีต่อภาค 2

ใช่

รูปภาพกับรูปเคารพเป็นคนละเรื่องกัน

รูปปั้นกับรูปเคารพก็คนละเรื่องกัน

รูปภาพกับรูปปั้นเรื่องเดียวกัน แค่2D กับ 3D

รูปภาพ รูปภาพ
ตอบกลับโพส