ตรงไหนในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงไฟชำระบ้างคะ

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
malangpor24

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 4:39 am

ตรงไหนในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงไฟชำระบ้างคะ  เอาแบบละเอียด  ถ้าเป็นภาษาอังกฤษได้ยิ่งดีค่ะ  แล้วช่วยอธิบายด้วยนะคะว่าทำไม คาทอลิกถึงเชื่อว่ามีไฟชำระ  เป็นภาษาอังกฤษได้ก็ยิ่งดีค่ะ    คือมีคนที่เป็นโปรเตอสแตนท์เค้าถามมาอ่ะค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 5:46 am

พระเยซูเจ้าสามารถปลดปล่อยวิญญาณออกจากที่คุมขังได้แม้เขาจะตายไปแล้วครับ แสดงว่าไม่ใช่นรก เพราะนรกไม่มีทางกลับ

1ปต 3:18
พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียวเพราะบาป พระองค์ผู้ทรงชอบธรรมสิ้นพระชนม์เพื่อคนอธรรม พระองค์จะทรงนำเราไปเฝ้าพระเจ้า พระองค์ทรงถูกประหารในสภาพมนุษย์ แต่พระจิตเจ้าประทานชีวิตให้พระองค์อีก  พระจิตเจ้ายังทรงนำพระองค์ไปประกาศความรอดพ้นแก่จิตที่ถูกจองจำ ในกาลก่อน จิตเหล่านี้ไม่ยอมเชื่อฟังเมื่อพระเจ้าทรงอดทนรอคอย ขณะที่โนอาห์กำลังต่อเรือ ซึ่งช่วยชีวิตคนจำนวนน้อย นั่นคือเพียงแปดชีวิตให้รอดพ้นจากน้ำวินาศ 


พระเยซูเจ้าตรัสถึงที่ชำระความผิดที่มีกำหนดเวลา

มธ 5:25
จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำลังเดินทางไปศาลด้วยกัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านในคุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย


นักบุญเปาโลกล่าวถึงการชำระบาปให้ผู้ตาย

1คร 15:29
บางท่านรับศีลล้างบาปเพื่อผู้ตาย ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ จะมีประโยชน์ใดที่จะรับศีลล้างบาปเพื่อเขาเหล่านั้น ถ้าไม่มีการกลับคืนชีพ


นักบุญเปาโลกล่าวถึงความรอดที่ผ่านไฟ

1คร 3:15
แต่ถ้าผลงานของผู้ใดถูกไฟผลาญ เขาก็ไม่มีผลงานใดเหลือ เขารอดพ้นได้ก็จริง แต่ก็เหมือนกับคนที่หนีไฟรอดมาได้เท่านั้น


พระเยซูเจ้าตรัสถึงการให้อภัยในชีวิตหลังความตาย

มธ 12:31
ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า มนุษย์จะได้รับการอภัยบาปทุกชนิดรวมทั้งคำดูหมิ่นพระเจ้าด้วย แต่คำดูหมิ่นพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย  ใครที่กล่าวร้ายต่อบุตรแห่งมนุษย์จะได้รับการอภัย แต่ใครที่กล่าวร้ายต่อพระจิตของพระเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลยทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า


มีความเชื่อกันมาแต่เดิมอยู่แล้วว่าสวรรค์คือที่บริสุทธ์อย่างยิ่ง คนที่เชื่อในพระเจ้า(อย่างชาวยิวทั้งหลาย) แต่อาจทำบาปเล็กๆน้อยๆ ย่อมจะต้องชำระวิญญาณให้บริสุทธิ์

ฮบ 1:3
บัดนี้ พระบุตรทรงลบล้างมลทินแห่งบาปเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จขึ้นสวรรค์ประทับ ณ เบื้องขวาแห่งพระมหิทธานุภาพ

ดังนั้นมุมมองของคาทอลิคจึงไม่ได้มองไฟชำระเป็นอะไรที่มากไปว่าที่ทำความสะอาดวิญญาณก่อนเข้าสวรรค์นั่นเอง

C.S. Lewis  นักเขียนชาวอังกฤษ ผู้แต่งเรื่องนาร์เนีย เขายังเป็นนักเขียนหนังสือเกี่ยวกับศาสนามากมายหลายเล่ม และเขาเป็นแองกลีกัน แต่มีทัศนคติที่ยอมรับเรื่องไฟชำระ โดยเปรียบเทียบว่า เหมือนคุณรู้สึกอยากบ้วนปากก่อนพบปะพูดคุยกับคนสำคัญนั่นแหละ



ในพระคัมภีร์ส่วนอธิกธรรมที่ มาร์ติน ลูเธอร์ตัดทิ้ง แต่คาทอลิคยังคงไว้ คือ ในหนังสือมัคคาบี ซึ่งเป็นส่วนของพระธรรมเก่า

๒ มัคคาบี ๑๒.๔๒-๔๕
42: Betook themselves unto prayer, and besought him that the sin committed might wholly be put out of remembrance. Besides, that noble Judas exhorted the people to keep themselves from sin, forsomuch as they saw before their eyes the things that came to pass for the sins of those that were slain.
43: And when he had made a gathering throughout the company to the sum of two thousand drachms of silver, he sent it to Jerusalem to offer a sin offering, doing therein very well and honestly, in that he was mindful of the resurrection:
44: For if he had not hoped that they that were slain should have risen again, it had been superfluous and vain to pray for the dead.

เหตุการณ์ในมัคคาบีเปนเหตุการณ์ก่อนพระเยซูประสูติ สรุปแปลท่อนนี้คือเราพบว่าชาวยิวมีการทำสิ่งหนึ่งขึ้นคือการอธิษฐานและทำบุญเพื่อผู้ตายครับ


ผมแนะนำอย่างหนึ่งว่า ทัศนคติที่ว่า ถ้าหาคำในพระคัมภีร์ตรงๆไม่เจอแปลว่าไม่มี ก็วานเขาหาคำว่าพระตรีเอกภาพในพระคัมภีร์ให้ด้วย เพราะมันก็ไม่มีในพระคัมภีร์เหมือนกัน แต่โปรแตสแตนท์ยังเชื่อยังสอนกันได้นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 7:27 am

2มัคคาบี 12:42-45

เขาอธิษฐานภาวนาวอนขอพระเจ้าให้ทรงลบล้างบาปให้หมดสิ้นไป ยูดาสผู้ทรงศักดิ์เตือนบรรดาทหารให้รักษาตนให้พ้นจากบาป
เพราะเขาทั้งหลายได้เห็นกับตาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นแก่ผู้ที่ตายเพราะได้ทำบาป

ยูดาสจึงเรี่ยไรเงินจากทหารแต่ละคน ได้เงินจำนวนสองพันเหรียญดรักมา ส่งไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อจัดให้มีการถวายบูชาชดเชยบาป นับว่า
เป็นการกระทำที่งดงามและน่ายกย่อง โดยคำนึงถึงการกลับคืนชีพของผู้ตาย


เพราะถ้าเขาไม่มีความหวังว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพอีก การอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้ตายคงไม่มีประโยชน์และไร้ความหมาย

แต่ถ้าเขาทำไปเพราะคิดว่าผู้ที่ตายขณะที่ยังเลื่อมใสต่อพระเจ้าจะได้รับบำเหน็จรางวัลงดงาม ก็เป็นความคิดที่ดีและศักดิ์สิทธิ์
เขาสั่งให้ถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปของผู้ตาย เพื่อจะได้พ้นจากบาป
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 9:06 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 8:35 am

ลองไปอ่านที่นี่ดูนะครับ

http://www.catholic.or.th/article/subar ... cle24.html
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 2:13 pm

และธรรมเนียมการสวดอุทิศให้กับผู้ตายก็มีมาตั้งแต่สมัยยิวโบราณแล้วด้วยครับ
ของแองกลิกลันก็เชื่อเรื่องไฟชำระเช่นกัน แต่เค้าไม่ใช้คำว่าไฟชำระ (Purgatory) เหมือนของคาทอลิก แต่ concept อะไรเหมือนกัน คือ เป้นดินแดนแห่งการชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ที่อยู่ระหว่างสวรรค์กับนรก ที่เราเต็มใจยอมไปเองเพื่อชำระล้างตนให้สะอาดสมควรจะเข้าเฝ้าพระเป็นเจ้าได้

และลองคิดอย่างตรรกะง่าย ๆ อย่างหนึ่งนะครับ ถ้าไม่มีไฟชำระ คือ มีแค่สวรรค์กับนรก คนเราไม่ตกนรกกันหมดรึครับ เพราะจะเข้าสวรรค์ได้ทันทีต้องสะอาดบริสุทธิ์พร้อม ดังนั้นคิดอย่างตระกง่าย ๆ ก็ต้องมีดินแดนที่เป็นไฟชระกึ่งกลางสำหรับผู้ยังมีมลทินอยู่ หากแต่ไม่ใช่บาปความผิดหนักที่ทำให้ตาย (mortal sin) ไม่ใช่บาปที่ผิดต่อพระจิตเจ้า ที่ไม่ยอมสำนึกเสียใจ
ตอบกลับโพส