อยากถามคำถามเกี่ยวกับคาทอลิกครับ

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
Panukorn
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 25, 2007 5:04 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 5:43 pm

ผมเป็นคริสเตียนคนหนึ่งแต่ผมไม่เข้าใจ ช่วยอธิบายทีนะครับ
1.ทำไมถึงเชื่อพระแม่มารีย์ด้วย
ทำไมเราอธิษฐานกับพระแม่มารีย์ และคิดว่าพระแม่เป็นแม่ของพระเจ้าและเป็นพระอีกองค์หนึ่ง ซึ่งคัมภีร์Bible ของพระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้ว่า
"อย่ามีพระเจ้าอื่นนอกเหนือจากเรา" เรามีพระเจ้าองค์เดียว และในคัมภีร์แทบมิได้กล่าวถึงพระแม่เลย พระเยซูไม่ได้บอกให้เราอธิษฐานกับพระแม่มารีย์เลย หรือว่าเรามีพระเจ้า 2 องค์  (2ทิโมธี3:16 คัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า)
2.ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างเสี่ยงต่อการเป็นรูปเคารพ
ผมเห็นกระทู้เหรียญแม่พระอัศจรรย์ คำว่าอัศจรรย์อาจบ่งบอกถึงว่าถ้ามีเหรียญนี้ติดตัวจะเกิดการอัศจรรย์ได้ แต่ถ้าไม่มีเหรียญนี้ก็อาจไม่เกิดอะไรขึ้น บางคนอาจไม่เข้าใจว่าถ้าได้เหรียญนี้มาแล้ววันไหนออกนอกบ้านลืมพกเหรียญไปด้วย กลัวว่าเขาจะจิตความเชื่ออ่อนกำลังลง เช่นเดียวกับกระทู้แหวนภาวนาแล้วให้บอกวิธีใช้ด้วย และรูปปั้นต่างๆ เหมือนทำให้คนภายนอกสะดุดยังไงก็ไม่รู้ คนศาสนาอื่นอาจคิดเอาเองว่าคริสเตียนมีรูปเคารพด้วยเหรอ ผมกลัวคนภายนอกสะดุดเท่านั้นเอง
3.การมีนักบุญประจำตัว
พระคัมภีร์มิได้กล่าวเรื่องนี้เลย มีบางคนในกระทู้บอกว่านักบุญที่ตนเองเลือกไว้จะคุ้มครองและทำการอัศจรรย์ให้ตนเองได้เห็น เหมือนเรามิได้พึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าองค์เดียวของเราไงก็ไม่รู้
4.ทำไมต้องมีบาทหลวงเหรอครับ ในพระคัมภรีตอนหนึ่งบอกว่าเราทุกคนเป็นปุโรหิตของพระเจ้าเหมือนกันทุกคน ถ้าไม่มีบาทหลวงคอยทำให้หลายๆอย่างเช่นทำพีธีล้างบาปให้ หรืออื่นๆ ถ้าเกิดผมหลงป่าอยู่คนเดียวแล้วใครจะชำระบาปให้ผมในวันนั้น หรือพิธีกรรมอื่นๆผมไม่รู้
5.ผมเคยได้ยินว่าบางที่ไม่ให้คริสเตียนอ่านคัมภีร์แต่บาทหลวงเท่านั้นที่มีสิทธิ์

หลายๆคนก็ไม่ใช่คาทอลิกไม่ใช่เหรอคับ พี่บอย โกสิยพงศ์ ปุ๊ อัญชลี โต๋ ศักสิทธิ์ นักการเมืองคุณหญิงจารุวรรณ โบว์ไทรอัมคิงดอม บอยพีซเมกเกอร์ หรือ บิลลี่ เกรแฮม นักประกาศข่าวประเสริฐคนเป็นล้านๆคน พี่หยุนคนจีนจากหนังสือเรื่อง บุรษจากสวรรค์ ทำไมเหรอคับ

ปล.ผมสงสัยนะ อยากทราบเหตุผล มิได้สร้างความแตกแยก เมื่อคนไม่รู้ก็ย่อมอยากทราบข้อมูล เมื่ออยากทราบจึงต้องถาม ไม่ถามเมื่อไหร่จะรู้จริงไหมครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Panukorn เมื่อ พุธ ก.ค. 25, 2007 6:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zaliaus
โพสต์: 640
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 07, 2007 1:03 am
ที่อยู่: ...

พุธ ก.ค. 25, 2007 7:36 pm

สวัสดีครับคุณ Panukorn (ภาณุกร หรือเปล่า)
  ผมเป็นคริสเตียน(โปรฯ)เหมือนกับคุณ และเป็นคริสเตียนตั้งแต่เด็ก ได้รับการปลูกฝังความเชื่อแบบคริสเตียน(ไม่ใช่แนวหัวรุนแรง) ตั้งแต่แรกรู้เดียงสา แต่ในบัดนี้ผมมีความสนใจในความเป็นคาทอลิก มิใช่เพราะที่เดิมของผมไม่ดี หรือไม่ถูกใจ และไม่ได้เกิดอาการหน่ายเบื่อใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะผมเบื่อกับการวิวาททางนิกาย ซึ่งพบเห็นได้บ่อยๆทางอินเตอร์เน็ต และคริสตจักรบางแห่ง(ไม่ใช่ที่ผมอยู่) ผมเลยได้รับการเปิดใจจากพระเจ้าให้มีความสนใจที่จะเรียนรู้ความเชื่อต่างนิกายมากขึ้น ในขณะนี้ผมกำลังศึกษาคำสอนคาทอลิกอยู่ และพยายามที่รับศีลล้างบาปคาทอลิกครับ สรุปคือผมกำลังที่จะเข้าไปอยู่ในตำแหน่งเดียวกับพี่น้องคาทอลิก เพื่อที่จะได้เห็นจากมุมมองนั้นบ้าง ดีกว่าอยู่ในตำแหน่งของโปรฯเพียงข้างเดียวและเห็นแค่มุมมองเดียว ดังเช่นคำถามของคุณก็พอจะบอกได้ว่า คุณใช้แค่มุมมองของคุณเท่านั้นพิจารณาคนอื่น โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดหรือมุมมองของพี่คาทอลิกที่คุณกำลังถาม (ไม่ได้เข้าข้างใครนะ...แต่เรียนมานุษยวิทยามา ก็ทำให้พอคิดอะไรออกมั่ง) ฉะนั้นผมจะขอตอบอย่างกลางๆ ตามความคิดเห็นของผมเองนะครับ (ผมเองก็ไม่ค่อยมีความรู้มากเท่าไหร่)
 
1.เชื่อว่าชาวคาทอลิกได้ไม่ได้ยกพระแม่มารีย์เป็นพระเจ้าอีก 1 องค์แน่นอนครับ(วางใจได้) สำหรับผมนั้นพระนางเป็นหญิงอันเป็นที่รัก ในฐานะแบบอย่างคริสตชนที่ดีและควรเอาอย่าง..
2.ข้อนี้ก็ยอมรับว่ามีความเสี่ยงอยุ่เหมือนกันที่ "คนนอก" จะสะดุดได้ แต่เราต้องอธิบายให้เค้าเข้าใจครับ เช่น ในขณะที่ทางโปรฯกำลังประกาศข่าวประเสริฐอย่างเอาเป็นเอาตายและตะโกนว่า "ศาสนาเราไม่มีรูปเคารพ" แต่ขณะเดียวกับในวัดคาทอลิกกลับมีรูปปั้นเต็มไปหมด คนอื่นก็จะงงว่า "ตกลงศาสนาเดียวกันหรือเปล่า" ตรงนี้แหละครับเป็นสิ่งที่เราขาดอยู่--นิกายสัมพันธ์
3.ยังไม่ได้เรียนเรื่องนักบุญครับ ไม่มีความเห็นใดๆ
4.ชาวคาทอลิกเชื่อว่า บาทหลวงมีสิทธิอำนาจที่พระเยซูให้ผ่านมาทางเปรโตน่ะครับ อยู่ในคัมภีร์ข้อไหนสักแห่ง แต่ผมก็ยังเชื่อว่าเราเป็นปุโรหิตหลวงได้ทุกคน แต่เราก็ต้องเคารพท่านในฐานะแบบอย่างการเป็นคริสตชน..
5.นั่นคงเป็นสมัยก่อนนะครับ ยุคมืดที่ศาสนจักรมีอำนาจเหนืออาณาจักร หรือยุคกลางอ่ะ สมัยนี้ไม่มีแล้วครับ แต่ขอเสริมว่า จากภาพเท่าที่ได้สัมผัสมา พี่น้องคาทอลิกอาจไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นที่จะศึกษาพระคัมภีร์ร่วมกันหรือศึกษาผ่านคู่มือต่างๆเหมือนกับที่ทางโปรฯชอบเน้นอ่ะ เค้าจะเน้นไปทางการสวด อะไรทำนองนั้นมากกว่า (เพราะไปวัดไม่เห็นมีใครถือพระคัมภีร์ไปเลย---คงจะคนละแนวกันอ่ะ)
Panukorn เขียน: หลายๆคนก็ไม่ใช่คาทอลิกไม่ใช่เหรอคับ พี่บอย โกสิยพงศ์ ปุ๊ อัญชลี โต๋ ศักสิทธิ์ นักการเมืองคุณหญิงจารุวรรณ โบว์ไทรอัมคิงดอม บอยพีซเมกเกอร์ หรือ บิลลี่ เกรแฮม นักประกาศข่าวประเสริฐคนเป็นล้านๆคน พี่หยุนคนจีนจากหนังสือเรื่อง บุรษจากสวรรค์ ทำไมเหรอคับ
>>>เกี่ยวอะไรหรือ งง??

ผมเห็นว่าทางโปรฯของเราเน้นความเชื่อตามหลักพระคัมภีร์เพียงอย่างเดียว และบางครั้งก็มีการตีความพระคัมภีร์ตรงตามตัวอักษรและแบบขวานผ่าซาก แล้วก็สอนๆกันมาตามนั้น เมื่อเราเห็นอะไรที่ขัดตาจึงกล่าวว่าขัดพระคัมภีร์ แทนที่จะกลับไปอ่านแล้วคิดดีดี "2ทิโมธี3:16 คัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า" แต่พระคัมภีร์ก้ต้องได้รับการตีความก่อน แต่ว่าการตีความจะได้รับการดลใจจากพระเจ้าหรือไม่นั้นไม่มีใครู้ (ไม่ได้เข้าข้างใครนะ)

คุณลองเปิดใจให้กว้างอีกนิดส์ครับ ไม่มีใครดีกว่าใคร ใครถูกกว่าใคร ยกเว้นพระเจ้า 
     
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พุธ ก.ค. 25, 2007 8:04 pm

เรื่องนักบุญหรือทางโปรฯ เรียก ธรรมิกชน  เค้าเป็นเหมือนเพื่อนเราน่ะค่ะ  เพื่อนที่ไปรอเราอยู่แล้วในสวรรค์  การอธิษฐานผ่านนักบุญ  เหมือนกับการที่เราขอเพื่อนเราช่วยอธิษฐานให้  เพียงแต่เพื่อนเหล่านี้เป็นคนดี  น่ารัก  ใจดี พระเป็นเจ้าโปรดปราน  การมีนักบุญประจำตัว  เหมือนเราเลือกที่จะมีเพื่อนสนิทไว้ซักคน  ที่คอยอยู่ข้่างเรา  คอยเดินไปกับเรา  พระองค์ก็บอกใช่มั้ยคะว่า  ทางไปสวรรค์นั้นแคบ และมีอุปสรรค  มีเพื่อนเดินไปด้วย  ไม่น่าเสียหายอะไร  และที่สำคัญ  เพื่อนคนนี้ยังเป็นคนที่อยู่กับพระเจ้าแล้ว  เค้ารู้ว่า  ต้องทำอย่างไรจึงจะไปหาพระองค์ได้  และเค้าก็จะคอยสวดให้เราตลอด  และที่สำคัญ  เค้าก็จะมีวิถีชีวิตบนโลกนี้ที่น่ายกย่อง  และก็สอนเราได้  เหมือนกับการที่เราเรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์ชีวิตน่ะค่ะ
หลายๆคนก็ไม่ใช่คาทอลิกไม่ใช่เหรอคับ พี่บอย โกสิยพงศ์ ปุ๊ อัญชลี โต๋ ศักสิทธิ์ นักการเมืองคุณหญิงจารุวรรณ โบว์ไทรอัมคิงดอม บอยพีซเมกเกอร์ หรือ บิลลี่ เกรแฮม นักประกาศข่าวประเสริฐคนเป็นล้านๆคน พี่หยุนคนจีนจากหนังสือเรื่อง บุรษจากสวรรค์ ทำไมเหรอคับ


ยกย่องเหมือนเป็นนักบุญเลยนะคะ  ::011::  การที่คุณปลื้มคนเหล่านี้  เพราะเป็นคนดัง  ก็เหมือนกับที่เราปลื้มนักบุญของเรา  เราไม่ได้ปลื้มเพราะเค้่าดัง  แต่ปลื้มเพราะเค้าอยู่กับพระเจ้า  หลายคนมีชีวิตที่เงียบมาก  ปกปิดตัวเอง  แต่สุดท้่าย  พระเป็นเจ้าทำให้เค้ารู้จัก  ::001::  อย่างพี่หยุนจีน  เค้าประกาศข่าวดีนะคะ  แต่เค้าไม่ได้สวดให้คุณเป็นพิเศษใช่มั้ย  เพราะคุณไม่ใช่เพื่อนเค้า  ก็จะต่างกับนักบุญตรงนี้ล่ะค่ะ  ::001::

เรื่องแม่พระเดี๋ยวคงมีคนมาตอบเยอะนะคะ  ::001::

แม่พระ นักบุญ  เป็นความอบอุ่นเล็กๆน้อยๆของเรา  คาทอลิก ค่ะ  เป็นครอบครัวใหญ่  ที่ขยายไปถึงสวรรค์  ::001::
Panukorn
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 25, 2007 5:04 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 9:04 pm

อย่างที่บอก ผมไม่ได้มาสร้างความแตกแยกทะเลาะวิวาทนะครับ ผมเพียงอยากรู้ เพราะผมไม่รู้ ตอนนี้ผมยังอาจรู้ฝ่ายเดียวอยู่ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องขอให้ทุกคนให้ความรู้อีกฝ่ายแก่ผม เป็นสิ่งที่ดีใช่ไหมครับ ที่ผมจะรับฟังไม่ปิดตัวเองแค่ความรู้ฝ่ายเดียว ผมจึงออกมาถาม ถ้าไม่ถามก็ไม่รู้ แล้วคำถามที่ผมถามนั้นตรงมาก ก็อยากให้เข้าใจนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 9:11 pm

อ่านได้เลยครับ

ทำไมเรียกพระมารดามารีย์ว่ามารดาพระเจ้า

ลก 1:39-45 พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ
หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ ก.ค. 25, 2007 9:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 9:14 pm

ผมจะขออธิบายเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าคุณได้ถูกสอนให้เข้าใจพี่น้องต่างนิกายอย่างผิดๆ

ทำไมคริสตชนหลายๆคนจึงรักและนับถือแม่พระ
เป็นที่ทราบกันดีว่าความเชื่อของคริสตชนทุกนิกาย มีจุดยืนรวมกันคือ เราได้รับความรอดพ้นผ่านทางพระเยซูคริสต์ ดังนั้น ถ้าใครไม่เชื่อว่าพระเยซู เป็นพระผู้ไถ่ และเป็นพระบุตรของพระบิดา และเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าพระบิดา พระบุตร พระจิต(หรือที่โปรแตสแตนท์เรียกว่าพระวิญาณ) ก็ไม่น่าจะเรียกตัวเองว่าเป็นคริสตชน หรือผู้นับถือคริสต์ ได้

ดังนั้น ประการแรกเลยเราคงต้องเข้าใจเสียก่อนว่า รูปแบบการนับถือแม่พระหรือพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้านี้ คือการนับถือรูปแบบใดกัน

ในพระศาสนจักรคาทอลิค และออธโธดอค นั้น ให้ความสำคัญกับพระนางมารีย์ในฐานะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 9:22 pm

ทำไมเราให้แม่พระช่วยอธิษฐานเผื่อได้

ยน 2:1-12 งานสมรสที่หมู่บ้านคานา
2 (1)สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น (2)พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย (3)เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 9:24 pm

†เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน†

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ ที่คาทอลิคโดนโจมตีจากนิกายอื่นเสมอ ในเรื่องการวอนขอผ่านแม่พระ และบรรดานักบุญ และหลายๆครั้ง เราให้คำตอบเขาได้บ้างไม่ได้บ้าง และหลายๆครั้ง คาทอลิคเราเองก็มีความเชื่อในบรรดาแม่พระและนักบุญ ในแบบซูแปร์ติซัง และบางครั้งก็เชื่อแบบพ่อแม่ปู่ย่าตายายสอนต่อๆกันมา จึงทำให้เมื่อถูกโจมตีขึ้นมา ไม่อาจหาคำตอบที่ดีพอมาอธิบายได้ว่าทำอย่างนั้นทำไม และเชื่อแบบนั้นเพราะอะไร ดังนั้น ในกรณีนี้ เราจึงกลับมาวิเคราะห์รูปแบบการวอนขอ ของคาทอลิค ซึ่งแยกย่อยได้2ประเด็นที่สำคัญดังนี้

1.วอนขอแม่พระและนักบุญผิดหรือไม่
2.ทำไมไม่ขอกับพระเจ้าเอง ทำไมต้องขอผ่านคนอื่น

1.วอนขอแม่พระและนักบุญผิดหรือไม่

ในประเด็นแรกนั้น เราจำต้องเรียนรู้ก่อนว่า พระศาสนจักรคาทอลิคจริงๆสอนเสมอว่า การวอนขอผ่านแม่พระแลนักบุญ เป็นการขอให้ "ช่วยวิงวอนเทอญ" ดังที่เราเห็นเสมอในบทเร้าวิงวอนต่างๆ กับพระบิดา พระบุตร และพระจิตนั้น เราจะรับด้วย "ทรงเมตตาเทอญ" แต่กับบรรดาแม่พระและนักบุญนั้น เราใช้ว่า "ช่วยวิงวอนเทอญ" หรือแบบที่คาทอลิคใช้ภาษาชาวบ้านกับกรณีของคนที่ยังไม่ตายด้วยกันว่า "ช่วยสวดให้ด้วย" ซึ่งไม่ใช่การขออะไรจากท่านโดยตรง แต่เพียงขอท่านให้ช่วยสวดให้เราในสวรรค์อีกแรง ดังนั้นคาทอลิคจึงมีคนช่วยสวดให้ได้ทั้งในโลกนี้ และในสวรรค์

ดังนั้น สิ่งนี้ เป็นสิ่งเดียวกับที่โปรแตสแตนท์ใช้คำว่า "อธิษฐานเผื่อ" โดยอาจขอเพื่อน หรือศิษยาภิบาล ซึ่งยังเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ช่วยอธิษฐานเผื่อกันอยู่เสมอๆ แต่จะไม่ขอให้แม่พระและบรรดานักบุญ "อธิษฐานเผื่อ" โดยผมเคยฟังคำตอบว่าทำไม จากสมาชิกคริสตจักรสายสุดโต่งแห่งหนึ่งแบบง่ายๆว่า เพราะพวกนั้นตายไปแล้ว ทำไม่ได้แล้ว

ซึ่งมาถึงคำถามง่ายๆต่อมาว่า มีพระคัมภีร์บทไหนข้อไหนที่สอนเราว่า คนที่ไปสวรรค์แล้ว อธิษฐานหรือสวดให้ใครไม่ได้ หรือจะถามให้ง่ายกว่านั้นคือ ถ้าไปสวรรค์แล้วสวดภาวนาไม่ได้แล้วเหรอ ซึ่งเป็นเรื่องตลกมากถ้าจะตอบว่าใช่ เพราะการสวดภาวนา คือกิจกุศลที่ดีที่พระเจ้าพอพระทัย แต่พอไปสวรรค์ ดันทำไม่ได้ หรือจะคิดต่อว่า ในโลกนี้คุณสงสารเห็นใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่พอคุณไปสวรรค์แล้ว คุณห้ามเห็นใจ หรือสงสารใครอีก และห้ามช่วยใครอีก เพราะเดี๋ยวพระเยซูจะอิจฉา??? ตกลงสวรรค์มีแต่พวกขี้อิจฉา และเป็นที่ห้ามมีความรักต่อเพื่อนมนุษย์งั้นหรือ??? งั้นเราจะไปที่ห่วยๆแบบนั้นทำไมล่ะ ข้าพเจ้าพูดตามวิสัยมนุษย์(รม 3:6)

ในทางกลับกัน เราพบหลายบทหลายตอน โดยเฉพาะในบทพระวิวรณ์ ที่ในสวรรค์ ยังมีการสรรเสริญพระเจ้า และการอธิษฐานภาวนาอยู่ ทั้งจากทูตสวรรค์ และบรรดานักบุญ (ที่พระคัมภีร์โปรแตสแตนท์แปลว่า ธรรมิกชน และภาษาอังกฤษใช้อย่างโจ่งแจ้งว่า Saint)

ดังนั้นถ้าพระคัมภีร์ไม่ได้ห้าม แล้วทำไม เราจึงขอให้บรรดาผู้ชอบธรรมที่อยู่ในสวรรค์ อธิษฐานเผื่อเราบ้างไม่ได้ ในเมื่อกับมนุษย์อึเหม็น ยังตกในบาปเป็นว่าเล่น เรายังไปขอให้เขาช่วยวิงวอนพระเจ้าให้บ่อยๆ?

ดังนั้นบรรดานักบุญ (ที่พระคัมภีร์โปรแตสแตนท์แปลว่า ธรรมิกชน และภาษาอังกฤษใช้อย่างโจ่งแจ้งว่า Saint) นั้น ย่อมมีพลังอธิษฐานภาวนายิ่งกว่าคนบาปอย่างเราหรืออย่างคนรอบข้างเรามากมาย เพราะ  คำอ้อนวอนของผู้ชอบธรรมมีพลังทำให้เกิดผลมากมาย (ยก 5:16)

ดังนั้น เราสามารถขอให้ใครก็ได้ จะอยู่ที่ไหน ในโลกนี้หรือในสวรรค์ อธิษฐานเผื่อเรา หรือภาษาคาทอลิคคือ ช่วยวิงวอนเพื่อเรา นั้น ไม่ผิด อย่างแน่นอน

2.ทำไมไม่ขอกับพระเจ้าเอง ทำไมต้องขอผ่านคนอื่น

หลายๆครั้ง ผมพบว่า แม้แต่คาทอลิคเอง ก็ยังเข้าใจผิด ว่า ถ้าตัวเองขอผ่านแม่พระหรือนักบุญแล้ว แปลว่าไม่ได้ขอกับพระเจ้าโดยตรง

ซึ่งนั่นก็แปลว่า เราลืมไปใช่ไหมว่า ทั้งก่อนสวดและหลังสวดทุกชนิด เราทำสำคัญมหากางเขนโดยพูดว่า เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษที่ว่า In the name of the Father and of the Son and of the Holy Spirit. ซึ่งแปลเป็นไทยอย่างง่ายๆว่า ในพระนามของ พระบิดา และพระบุตร และพระจิต ซึ่งแปลว่า คาทอลิคนั้น ทุกครั้งที่จะสวดอะไร และทุกครั้งที่จะขออะไร ต่อให้ขอให้ใครช่วยอธิษฐานเผื่อหรือไม่ ก็จะขอสิ่งนั้นๆในพระนามของพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์สุงสุดครบครันทั้งพระบิดา พระเยซู และพระจิตเจ้า เสมอ

พี่สาวโปรแตสแตนท์คนหนึ่งที่ผมรู้จัก ทุกครั้งเมื่อเธออธิษฐาน เธอจะจบด้วยคำว่า กราบทูลพระบิดาเจ้า ในพระนามพระเยซูคริสต์ อาแมน ซึ่งมันไม่ได้ต่างอะไรกับคำว่า ในพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน ของคาทอลิคเลย

แต่สิ่งที่เราต้องกลับมามองเราเองคือ หลายๆครั้ง คาทอลิคเราเอง กล่าวคำนี้แบบเลื่อนลอย และกระทำสำคัญมหากางเขน แบบเหมือนไม่สำคัญ ขอไปที หลายๆครั้งเราจะพบเด็กๆ หรือวัยรุ่น ทำ สำคัญมหากางเขนแบบเร็วมาก ชนิดที่ว่าดูก็รู้ว่าทำแต่ท่า แต่ไม่เคยแม้แต่ออกเสียงคำๆนี้ในใจจริงๆ 

ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นลูกทูนหัวผมเข้าวัดแล้วแตะน้ำเสกทำเดชะพระนามแบบรวดเร็วจนดูเหมือนรีบทิ่มๆ4จุดบนร่างกายมากกว่า ผมเลยสั่งว่า "ทำใหม่นะ แล้วลองพูดด้วยว่า เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน" เขาก็ทำช้าลงโดยอัตโนมัติ ผมเลยบอกว่า ให้ทำให้เร็วเท่าตอนแรกแล้วพูดให้ครบซิ ซึ่งทำยังไงก็ไม่ทัน ผมเลยบอกว่า "แปลว่า ปรกติเวลาทำเดชะพระนามน่ะ ไม่ได้นึกถึงคำเลยใช่ไหม ทำแต่ท่า ทีหลังทำช้าลงนะ คิดคำตามด้วยเพราะการทำสำคัญมหากางเขน ไม่ได้สำคัญที่ท่า แต่ถ้อยคำนั้นสำคัญกว่า เพราะเป็นการเอ่ยพระนามพระตรีเอกภาพเชียวนะ"

ดังนั้น คาทอลิคที่ทำสำคัญมหากางเขนอย่างดี และกล่าวครบถ้อยคำเสมอทุกครั้งก่อนและหลังสวดภาวนา ไม่ว่าขอเรื่องอะไร และไม่ว่าขอผ่านใคร คุณจะสามารถบอกทุกคน และตอบใครก็ตามได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า

"ฉันสวดในพระนามพระบิดา พระบุตร พระจิต โดยตรง ด้วยตัวเองทุกครั้ง และยังมีบรรดาผู้ชอบธรรมมากมายช่วยอธิษฐานเผื่อฉันอีกด้วย"

เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 9:25 pm

รูปภาพ

นักบุญเยโรม ปิตาจารย์ของพระศาสนจักร ผู้จัดสาระบบพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่คริสตชนทุกนิกายใช้กันอยู่ทุกวันนี้ กล่าวได้ว่าคัมภีร์เล่มไหนจริงไม่จริงท่านเป็นคนคัด และจัดเป็นไบเบิ้ลที่ใช้กันมาจนปัจจุบัน ท่านได้ตอบคำถามเรื่องการให้ความเคารพนักบุญ และพระธาตุนักบุญไว้ด้วย (ถ้าคำตอบท่านไม่น่าเชื่อถือ พระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่คริสตชนทุกนิกายใช้คงไม่น่าเชื่อถือเหมือนกัน)

"เราไม่ได้นมัสการพระธาตุ หรือนมัสการนักบุญ แต่เราให้เกียรติพวกท่านในการนมัสการพระองค์ผู้ซึ่งเหล่านักบุญได้ยึดเป็นแบบอย่าง เราให้เกียรติผู้รับใช้พระเจ้า เพื่อสะท้อนความเคารพนั้นไปยังองค์พระผู้เป็นเจ้าเอง"

ท่านยังกล่าวอีกว่า

"การให้เกียรติพวกท่าน(นักบบุญ) ไม่ใช่การนมัสการรูปเคารพ เพราะไม่เคยมีคริสตชนคนไหนเห็นนักบุญเป็นพระเจ้า ในทางกลับกัน เราขอให้ท่านเหล่านั้น วิงวอนพระเจ้าเพื่อเรา เพราะว่า หากเมื่อเหล่านักบุญอัครสาวก และบรรดามรณสักขี ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ท่านยังสามารถอธิษฐานภาวนาเพื่อมนุษย์คนอื่นได้  ภายหลังจากที่ท่านชนะโลกนี้แล้วพวกท่านจะมีพลังอธิษฐานมากกว่าสักเพียงไร พวกท่านเหล่านั้นจะมีพลังอธิษฐานน้อยลงหรือในเมื่อขณะนี้พวกท่านกำลังอยู่กับพระเยซูคริสตเจ้า?"


ดังนั้นหากการขอให้บรรดานักบุญและแม่พระช่วยวิงวอน นั้น ผิด และต้องทำให้คาทอลิคตกนรกเพราะการนี้ ตามที่คริสตจักรสายสุดโต่งบางแห่งสอน จงบอกให้สมาชิกคริสตจักรนั้นเลิกอ่านพระคัมภีร์และเลิกอ้างพระคัมภีร์ไบเบิ้ลซะ เพราะคนจัดสาระบบพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่อยู่ในมือพวกเขา ที่พวกเขาอ่านและอ้างมาด่าคาทอลิคเสมอนั้น ตอนนี้คงอยู่ในนรก เพราะท่านเห็นดีเห็นงามและยังสอนให้เราเสนอวิงวอนผ่านนักบุญ และให้ความเคารพนักบุญด้วย และการอ่านหนังสือที่คนฝ่ายนรกเลือกให้คงจะพาท่านตกนรกตามเขากันหมด ไม่กลัวเหรอ

ส่วนเราที่เป็นคาทอลิคนั้นนั้น เชื่อว่าท่านอยู่ในสวรรค์ และคงกำลังอธิษฐานให้คนที่อ่านไบเบิ้ลเล่มที่ท่านจัดสาระบบโดยองค์พระจิตเจ้าดลใจนี้ ได้เข้าใจและตีความไบเบิ้ลอย่างถูกต้องกันทุกคน จะได้เลิกยกไบเบิ้ลที่ท่านอุตส่าห์คัดและรวบรวมมาทะเลาะกันเองซะที
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 9:33 pm

2.ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างเสี่ยงต่อการเป็นรูปเคารพ
ผมเห็นกระทู้เหรียญแม่พระอัศจรรย์ คำว่าอัศจรรย์อาจบ่งบอกถึงว่าถ้ามีเหรียญนี้ติดตัวจะเกิดการอัศจรรย์ได้ แต่ถ้าไม่มีเหรียญนี้ก็อาจไม่เกิดอะไรขึ้น บางคนอาจไม่เข้าใจว่าถ้าได้เหรียญนี้มาแล้ววันไหนออกนอกบ้านลืมพกเหรียญไปด้วย กลัวว่าเขาจะจิตความเชื่ออ่อนกำลังลง เช่นเดียวกับกระทู้แหวนภาวนาแล้วให้บอกวิธีใช้ด้วย และรูปปั้นต่างๆ เหมือนทำให้คนภายนอกสะดุดยังไงก็ไม่รู้ คนศาสนาอื่นอาจคิดเอาเองว่าคริสเตียนมีรูปเคารพด้วยเหรอ ผมกลัวคนภายนอกสะดุดเท่านั้นเอง


อ่านที่นี่ครับ
The Protestant "Graven Images" Honoring Mary and The Saints
ภาพสลักเทิดเกียรติแด่พระแม่มารีย์และบรรดาสหพันธ์นักบุญ ใน โปรแตสแตนท์
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5539.0

และอันนี้ ที่ Reply #3 เป็นต้นไป
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=3026.0


โลกตะลึง"รูปเคารพ"ในมุมมองของยิวที่ต่างจากอิสลามและfundamentalist Christian
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5830.0


4.ทำไมต้องมีบาทหลวงเหรอครับ ในพระคัมภรีตอนหนึ่งบอกว่าเราทุกคนเป็นปุโรหิตของพระเจ้าเหมือนกันทุกคน ถ้าไม่มีบาทหลวงคอยทำให้หลายๆอย่างเช่นทำพีธีล้างบาปให้ หรืออื่นๆ ถ้าเกิดผมหลงป่าอยู่คนเดียวแล้วใครจะชำระบาปให้ผมในวันนั้น หรือพิธีกรรมอื่นๆผมไม่รู้
ทำไมต้องมีศิษยาภิบาลครับ แล้วถ้าคุณหลงป่าคนเดียว คงไม่มีใครทำให้คุณหรอกครับ เพราะไม่มีพิธีบัสติสมาตัวเองในโลก สำหรับคาทอลิคถ้าไม่มีบาดหลวง ฆารวาสทำแทนได้ครับ แต่ถ้ามีบาดหลวงก้ใช้บาดหลวงสิ

5.ผมเคยได้ยินว่าบางที่ไม่ให้คริสเตียนอ่านคัมภีร์แต่บาทหลวงเท่านั้นที่มีสิทธิ์
เรื่องโกหกครับ เป็นนิทานใส่ความที่โปรฯบางโบสถ์กุมาด่าคาทอลิคหลายสิบปีแล้ว ป่านนี้ยังไม่เลิก
Panukorn
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 25, 2007 5:04 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 10:44 pm

1.แล้วพระแม่มารีย์เป็นแม่ของพระเจ้าได้ไงอ่ะคับ พระเจ้าเป็นผู้ดำรงอยู่ไม่มีกาลเวลา ก่อนสร้างโลกพระเจ้าก็ดำรงอยู่แล้ว แสดงว่าก่อนสร้างโลกพระแม่มารีย์ก็ดำรงอยู่กับพระเจ้าอยู่แล้วเหรอคับ แล้วมีแม่ของพระเจ้าจะมีพ่อของพระเจ้าด้วยไหมคับ งงมาก แล้วทำไมคัมภีร์ไม่เคยสอนให้เราอธิษฐานผ่านคนที่อยู่ในสวรรค์ แต่มีหลายตอนบอกว่าจงอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน และมีตอนที่อาจารย์เปาโลบอกส่งท้ายที่จดหมายว่า ขอท่านทั้งหลายจงอธิษฐานเผื่อข้าพเจ้าด้วย ไม่มีคำไหนกล่าวเลยว่าให้คนในสวรรค์ช่วยอธิษฐาน
2.เรื่องบาทหลวง ของโปรมีศิษยาภิบาลก็จริงแต่เขาก็เหมือนพวกเรา แค่ดูแลพวกเราเฉยๆ เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งเราสามารถอธิษฐานกับพระเจ้าได้ เราทำบาปเราก็สารภาพกับพระเจ้าโดยตรง พิธีรับบัพติสมาจะรับไม่รับก็ได้ แต่ควรจะรับเพื่อประกาศตนเอง ฉะนั้นเมื่อหลงในป่าคนเดียวทั้งชีวิต ไม่จำเป็นต้องมีศิษยาภิบาล เพราะเราสามารถมีสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าโดยการคุยหรืออธิษฐานกับพระเจ้าได้ตลอดเวลา
ภาพประจำตัวสมาชิก
~KaThaRoS~
โพสต์: 792
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
ที่อยู่: Bkk
ติดต่อ:

พุธ ก.ค. 25, 2007 10:55 pm

Panukorn เขียน: 1.แล้วพระแม่มารีย์เป็นแม่ของพระเจ้าได้ไงอ่ะคับ พระเจ้าเป็นผู้ดำรงอยู่ไม่มีกาลเวลา ก่อนสร้างโลกพระเจ้าก็ดำรงอยู่แล้ว แสดงว่าก่อนสร้างโลกพระแม่มารีย์ก็ดำรงอยู่กับพระเจ้าอยู่แล้วเหรอคับ แล้วมีแม่ของพระเจ้าจะมีพ่อของพระเจ้าด้วยไหมคับ งงมาก แล้วทำไมคัมภีร์ไม่เคยสอนให้เราอธิษฐานผ่านคนที่อยู่ในสวรรค์ แต่มีหลายตอนบอกว่าจงอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน และมีตอนที่อาจารย์เปาโลบอกส่งท้ายที่จดหมายว่า ขอท่านทั้งหลายจงอธิษฐานเผื่อข้าพเจ้าด้วย ไม่มีคำไหนกล่าวเลยว่าให้คนในสวรรค์ช่วยอธิษฐาน
2.เรื่องบาทหลวง ของโปรมีศิษยาภิบาลก็จริงแต่เขาก็เหมือนพวกเรา แค่ดูแลพวกเราเฉยๆ เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งเราสามารถอธิษฐานกับพระเจ้าได้ เราทำบาปเราก็สารภาพกับพระเจ้าโดยตรง พิธีรับบัพติสมาจะรับไม่รับก็ได้ แต่ควรจะรับเพื่อประกาศตนเอง ฉะนั้นเมื่อหลงในป่าคนเดียวทั้งชีวิต ไม่จำเป็นต้องมีศิษยาภิบาล เพราะเราสามารถมีสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าโดยการคุยหรืออธิษฐานกับพระเจ้าได้ตลอดเวลา
โห พี่โฮลี่ยกมาให้ขนาดนี้แล้วยังจะมาถามอีก ไม่เข้าใจกลับไปอ่านค่ะ สิ่งที่พี่โฮลี่ยกมาเป็นคำตอบในสิ่งที่คุณถามทั้งหมด
เป็นกำลังใจในการอ่านนะ รู้ว่ามันเยอะมากมาย แต่ถ้าไม่อ่าน ไม่ศึกษาก็คงไม่รู้ จิงมั๊ยค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พุธ ก.ค. 25, 2007 10:56 pm

Panukorn เขียน: 1.แล้วพระแม่มารีย์เป็นแม่ของพระเจ้าได้ไงอ่ะคับ พระเจ้าเป็นผู้ดำรงอยู่ไม่มีกาลเวลา ก่อนสร้างโลกพระเจ้าก็ดำรงอยู่แล้ว แสดงว่าก่อนสร้างโลกพระแม่มารีย์ก็ดำรงอยู่กับพระเจ้าอยู่แล้วเหรอคับ แล้วมีแม่ของพระเจ้าจะมีพ่อของพระเจ้าด้วยไหมคับ งงมาก แล้วทำไมคัมภีร์ไม่เคยสอนให้เราอธิษฐานผ่านคนที่อยู่ในสวรรค์ แต่มีหลายตอนบอกว่าจงอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน และมีตอนที่อาจารย์เปาโลบอกส่งท้ายที่จดหมายว่า ขอท่านทั้งหลายจงอธิษฐานเผื่อข้าพเจ้าด้วย ไม่มีคำไหนกล่าวเลยว่าให้คนในสวรรค์ช่วยอธิษฐาน
2.เรื่องบาทหลวง ของโปรมีศิษยาภิบาลก็จริงแต่เขาก็เหมือนพวกเรา แค่ดูแลพวกเราเฉยๆ เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งเราสามารถอธิษฐานกับพระเจ้าได้ เราทำบาปเราก็สารภาพกับพระเจ้าโดยตรง พิธีรับบัพติสมาจะรับไม่รับก็ได้ แต่ควรจะรับเพื่อประกาศตนเอง ฉะนั้นเมื่อหลงในป่าคนเดียวทั้งชีวิต ไม่จำเป็นต้องมีศิษยาภิบาล เพราะเราสามารถมีสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าโดยการคุยหรืออธิษฐานกับพระเจ้าได้ตลอดเวลา
พระคัมภีร์บันทึกไว้ครับ^^


1.
เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม
ร้องเสียงดังว่า "เธอมีบุญยิ่งกว่าหญิงใดๆ และบุตรของเธอก็มีบุญด้วย
ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงมาเยี่ยมเยียนข้าพเจ้าเล่า?
ลูกา1:41-43


2.ดังนั้น จงสารภาพบาปแก่กัน และจงอธิษฐานให้กันเพื่อท่านจะหายจากโรค คำอ้อนวอนของผู้ชอบธรรมมีพลังทำให้เกิดผลมากมาย
ยากอบ 5:16
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.ค. 25, 2007 10:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Panukorn
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 25, 2007 5:04 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 11:03 pm

คุณ~KaThaRoS~ โปรดสรุปให้ผมฟังสักหน่อยนะครับ ตอบตามคำถามใหม่ที่ผมเพิ่งพิมพ์
พวกเราจะยึดตามคัมภีร์เท่านั้นสิ่งที่มิได้มีในคัมภีร์เราจะไม่ทำครับ สำหรับที่อลิซาเบธบอกว่า พระมารดาของพระเป็นเจ้าเสด็จมาหาข้าพเจ้า ลองคิดดูดีๆมีความหมายหลายมุม อาจเป็นแม่ที่ตั้งครรภ์ผู้ให้กำเนิดพระเยซูมาหาก็ได้   
สำหรับจงสารภาพบาปแก่กัน แต่คัมภีร์ไม่ได้บอกว่าจงตั้งบาทหลวงไว้สูงสุดเพื่อทุกคนที่ทำผิดต้องไปสารภาพกับบาทหลวง แต่ให้สารภาพกันและกันฉันพี่น้องใครก็ได้มากกว่า แล้วถ้าอยู่มนป่าคนเดียวละผมจะสารภาพกับใคร
แก้ไขล่าสุดโดย Panukorn เมื่อ พุธ ก.ค. 25, 2007 11:09 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Panukorn
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 25, 2007 5:04 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 11:05 pm

อ่านดูนะครับผมถามว่าก่อนสร้างโลกพระเจ้ากับพระแม่มารีย์อยู่ด้วยกันก่อนแล้วหรือไม่
ภาพประจำตัวสมาชิก
Big_TC29
โพสต์: 333
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 17, 2006 12:34 am
ที่อยู่: ในรู

พุธ ก.ค. 25, 2007 11:26 pm

กระทู้นี้เริ่มแรงซะแล้วแฮะ
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

พุธ ก.ค. 25, 2007 11:28 pm

Panukorn เขียน: 1.แล้วพระแม่มารีย์เป็นแม่ของพระเจ้าได้ไงอ่ะคับ พระเจ้าเป็นผู้ดำรงอยู่ไม่มีกาลเวลา ก่อนสร้างโลกพระเจ้าก็ดำรงอยู่แล้ว แสดงว่าก่อนสร้างโลกพระแม่มารีย์ก็ดำรงอยู่กับพระเจ้าอยู่แล้วเหรอคับ แล้วมีแม่ของพระเจ้าจะมีพ่อของพระเจ้าด้วยไหมคับ งงมาก แล้วทำไมคัมภีร์ไม่เคยสอนให้เราอธิษฐานผ่านคนที่อยู่ในสวรรค์ แต่มีหลายตอนบอกว่าจงอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน และมีตอนที่อาจารย์เปาโลบอกส่งท้ายที่จดหมายว่า ขอท่านทั้งหลายจงอธิษฐานเผื่อข้าพเจ้าด้วย ไม่มีคำไหนกล่าวเลยว่าให้คนในสวรรค์ช่วยอธิษฐาน
2.เรื่องบาทหลวง ของโปรมีศิษยาภิบาลก็จริงแต่เขาก็เหมือนพวกเรา แค่ดูแลพวกเราเฉยๆ เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งเราสามารถอธิษฐานกับพระเจ้าได้ เราทำบาปเราก็สารภาพกับพระเจ้าโดยตรง พิธีรับบัพติสมาจะรับไม่รับก็ได้ แต่ควรจะรับเพื่อประกาศตนเอง ฉะนั้นเมื่อหลงในป่าคนเดียวทั้งชีวิต ไม่จำเป็นต้องมีศิษยาภิบาล เพราะเราสามารถมีสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าโดยการคุยหรืออธิษฐานกับพระเจ้าได้ตลอดเวลา
แล้วทำไมเราถึงได้เป็นปุโรหิตของพระเจ้า แล้วทำไมสิ่งสร้างอย่างเราพระองค์จึงรับสิ่งสร้างอย่างเราเป็นลูกของพระองค์ ทั้งๆที่สิ่งสร้างอย่างอื่นก็มีมากมายกายกอง นก เป็ด หมู หมา ฯลฯ....


เพราะฐานะเหล่านั้น พระเจ้าพอพระทัยที่จะประทานให้ไงล่ะคับ
Panukorn
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 25, 2007 5:04 pm

พุธ ก.ค. 25, 2007 11:44 pm

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5323.0

นอกจากนี้ เรายังมีเหรียญแม่พระอัศจรรย์ที่เสกแล้ว สำหรับไว้คุ้มครอง และสำหรับสวดวอนขอ ใครสนใจก็พิมพ์ชื่อที่อยู่ พร้อมเบอร์โทรกลับ ส่งมาที่ kingkarnbee@yahoo.com นะคะ เราจะส่งไปรษณีย์ไปให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายค่ะ
และเรายังมีคู่มือเกี่ยวกับเหรียญแม่พระอัศจรรย์ และบทภาวนาขอพระเยซูเจ้าทุกวัน เป็นบทภาวนาที่ดีมาก เราสวดทุกวัน บทภาวนานี้พบในคูหาพระเยซูเจ้า ในปี ค.ศ. 803 เป็นบทภาวนาที่สั้นๆ ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที เราจะเล่าเกี่ยวกับอัศจรรย์จากบทสวดนี้ที่เกิดกับเืพื่อนสนิทของเราที่เป็นพุทธให้ฟังก็แล้วกันนะ
 
ใครก็ตามที่ห้อยเหรียญแม่พระอัศจรรย์ พระแม่มารีอาจะอวยพรและคุ้มครองเป็นพิเศษ

พระบัญญัติ 10 ประการ

8
แก้ไขล่าสุดโดย Panukorn เมื่อ พุธ ก.ค. 25, 2007 11:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~KaThaRoS~
โพสต์: 792
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
ที่อยู่: Bkk
ติดต่อ:

พุธ ก.ค. 25, 2007 11:56 pm

ก่อนอื่นคุณก็ต้องเข้าใจคำว่ารูปเคารพในที่นี้ก่อนค่ะ
รูปเคารพในที่นี้หมายถึง รูปเคารพของพระอื่นๆ ศาสนาอื่นๆ ที่ไม่ใช่พระเป็นเจ้าของเราค่ะ
อย่าเอาไปเหมารวมหมด ... งั้นกานเขนที่เราใส่ๆกันก็เป็นรูปเคารพด้วยแหละค่ะ
การที่เรามีเหรียญ มีกางเขน มีรูปปั้นต่างๆ ไม่ใช่เพื่อความสิริมงคลในบ้าน หรือเป็นสิ่งคุ้มครองตนแต่อย่างใด
แต่คือสิ่งที่เราสามารถมองเห็นและ สามารถระลึกถึงได้
เราเคยเป็นโปรมาก่อนนะ ซึ่งเมื่อก่อนเราก็ไม่เข้าใจคาทอลิคเรื่องรูปเคารพเหมือนกัน
เราเลยลองนั่งอธิษฐานต่อหน้ารูปพระเยซู ความรู้สึกคือ มันสัมผัสได้อ่ะ เหมือนพระมองเราอยู่ ดูเราอธิษฐานอยู่
มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ... เราก็เลยเข้าใจ
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 12:10 am

[quote="Panukorn"]
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5323.0

นอกจากนี้ เรายังมีเหรียญแม่พระอัศจรรย์ที่เสกแล้ว สำหรับไว้คุ้มครอง และสำหรับสวดวอนขอ ใครสนใจก็พิมพ์ชื่อที่อยู่ พร้อมเบอร์โทรกลับ ส่งมาที่ kingkarnbee@yahoo.com นะคะ เราจะส่งไปรษณีย์ไปให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายค่ะ
และเรายังมีคู่มือเกี่ยวกับเหรียญแม่พระอัศจรรย์ และบทภาวนาขอพระเยซูเจ้าทุกวัน เป็นบทภาวนาที่ดีมาก เราสวดทุกวัน บทภาวนานี้พบในคูหาพระเยซูเจ้า ในปี ค.ศ. 803 เป็นบทภาวนาที่สั้นๆ ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที เราจะเล่าเกี่ยวกับอัศจรรย์จากบทสวดนี้ที่เกิดกับเืพื่อนสนิทของเราที่เป็นพุทธให้ฟังก็แล้วกันนะ
 
ใครก็ตามที่ห้อยเหรียญแม่พระอัศจรรย์ พระแม่มารีอาจะอวยพรและคุ้มครองเป็นพิเศษ

พระบัญญัติ 10 ประการ

8
Dis volentibus

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 12:19 am

Panukorn เขียน: 1.แล้วพระแม่มารีย์เป็นแม่ของพระเจ้าได้ไงอ่ะคับ พระเจ้าเป็นผู้ดำรงอยู่ไม่มีกาลเวลา ก่อนสร้างโลกพระเจ้าก็ดำรงอยู่แล้ว แสดงว่าก่อนสร้างโลกพระแม่มารีย์ก็ดำรงอยู่กับพระเจ้าอยู่แล้วเหรอคับ แล้วมีแม่ของพระเจ้าจะมีพ่อของพระเจ้าด้วยไหมคับ งงมาก
อ่า รู้ปัญหาเเล้วค่ะ ปัญหาทั้งหมดที่คุณกล่าวๆมาไม่ได้เกี่ยวเเม่พระเลยนะ จริงๆเเล้ว
น่าจะเกี่ยวกับความเข้าใจผิดในการเรียงลำดับเหตุการณ์มากกว่า

พระเจ้าให้พระเยซูทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์
เเล้วตอนที่พระเยซูทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ได้บังเกิดจากครรภ์ของพระนางมารีอา พรหมจารีย์
"มนุษย์ผู้หนึ่ง" ผู้ที่พระเจ้าได้ชำระเเละเลือกสรรค์ให้เป็น มารดาของพระเยซู โดยการปฏิสนธินิรมล
(ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ใดเเต่ตั้งครรภ์(ถ้าจะอธิบายจริงๆมันยาว))

เเล้วเพราะว่า พระเยซูได้ทรงบังเกิดจากพระนางมารีอา พระนางจึงเป็นมารดาของพระเยซู
เเล้วเพราะว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระนางจึงเป็น มารดาของพระเจ้า

มารดาของพระเจ้าเมื่อครั้นถึงเวลาที่พระองค์เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์

เข้าใจ๊???

ที่คุณว่า "พระเจ้าดำรงอยู่ไม่มีกาลเวลา พระเจ้าอยู่ก่อนสร้างโลกเเล้ว" จริงค่ะ ถูก...เห็นด้วย
เเต่ในเรื่องนี้ เราพูดถึงตอนที่พระองค์เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ตอนที่พระองค์สร้างโลก
คนละเวลา คนละปีเเสง คนละพันธะสัญญา กันเลย

โปรดเห็นเเก่พระเจ้า "อย่าเอามารวมกัน" จะงงเองเปล่าๆ

เรื่องพื้นฐานอย่างนี้ ที่โบสถ์คุณก็น่าจะสอนนะคะ เพราะเรื่องนี้ข้าพเจ้ารู้ตั้งเเต่ไปศึกษาที่โบสถ์โปรฯเเล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Ecclēsia เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 12:35 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 12:35 am

Panukorn เขียน: คุณ~KaThaRoS~ โปรดสรุปให้ผมฟังสักหน่อยนะครับ ตอบตามคำถามใหม่ที่ผมเพิ่งพิมพ์
พวกเราจะยึดตามคัมภีร์เท่านั้นสิ่งที่มิได้มีในคัมภีร์เราจะไม่ทำครับ สำหรับที่อลิซาเบธบอกว่า พระมารดาของพระเป็นเจ้าเสด็จมาหาข้าพเจ้า ลองคิดดูดีๆมีความหมายหลายมุม อาจเป็นแม่ที่ตั้งครรภ์ผู้ให้กำเนิดพระเยซูมาหาก็ได้   
สำหรับจงสารภาพบาปแก่กัน แต่คัมภีร์ไม่ได้บอกว่าจงตั้งบาทหลวงไว้สูงสุดเพื่อทุกคนที่ทำผิดต้องไปสารภาพกับบาทหลวง แต่ให้สารภาพกันและกันฉันพี่น้องใครก็ได้มากกว่า แล้วถ้าอยู่มนป่าคนเดียวละผมจะสารภาพกับใคร
ทำไมโกหกตัวเองได้ขนาดนั้นครับ คุณพูดว่าไม่มีในพระคัมภีร์ ไม่ยอมรับ แต่พอมีในพระคัมภีร์ คุณก็พยายามหนีไปตีความให้มันแปลกใหม่ ทั้งที่จริง มันตรงตัวไม่ต้องตีความ แต่ทีบางประโยคต้องตีความดันว่าตรงตามตัวอักษรซะงั้น

เอาอย่างนี้แล้วกันว่า ถ้าคุณไม่เชื่อพระจิตเจ้า ก็ไม่ต้องคุยกันแล้วครับ พฤติกรรมของคุณในเวลานี้คือ การคิดเอาเอง และเอาสิ่งที่คริสตจักรคุณสอน มาบิดเบือนพระคัมภีร์ อันไหนตรงก้เอามาอิง อันไม่ไม่โดนใจตัวเอง ก็แกล้งไม่เห็นทำเหมือนไม่มีหรือไม่เขียน

ถ้าคุณอ้างว่า พระแม่มารีย์ต้องแม่พระบิดาด้วย ผมก็คงต้องบอกว่า คุณช่างไม่มีความเข้าใจเรื่องพระตรีเอกภาพเอาซะเลย ถามง่ายๆถ้าคิดแบบคุณ คนที่ตายบนกางเขนคือพระเจ้าพระบิดา หรือพระเจ้าพระบุตร

พระเจ้าตายได้ไง ถึงจะบอกว่ากลับคืนชีพทีหลังแต่ก็ตายไปแล้วจริงๆ3วัน

ตกลงพระเจ้าผู้ทรงเป็นอมตะ เคยตายหรือ

พระเจ้าพระบิดาไม่เคยตาย แต่พระเจ้าพระบุตรตายจริง และกลับคืนชีพจริง และพระบุตรพระเจ้า ก็เรียกตัวเองตลอดเวลาในพระคัมภีร์ว่า บุตรมนุษย์ พระองค์ไม่ได้เป็นบุตรมนุษย์เพราะโยแซฟ แต่เป็นบุตรมนุษย์เพราะพระมารดามารีย์คนเดียว สิ่งที่ผมกล่าวไปทั้งหมดคือความเชื่อแต่แรกเริ่มของคริสตชน ที่แม้แต่มาร์ตินลูเธอร์ยังยอมรับ และไม่เคยเปลี่ยน แต่โปรแตสแตนท์สมัยการตีความแบบเสรีนิยมสมัยต่อมาไม่กี่ร้อยปีมานี่เอง ที่พยายามไม่ยอมรับ และพยายามบิดเบือนคำตรัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปทางอื่น เพียงเพราะพระวิญญาณพูดไม่เข้าทางคริสตจักรตัวเอง



สิ่งที่คุณพูดคือการลบหลู่พระจิตเจ้า หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ครับ ขอให้หยุดเสียเดี๋ยวนี้

มธ 12:30
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 12:41 am

ที่สุด ทุกอย่างที่ผมโพสตอบไปกระจ่างมากแล้ว ในแง่พระคัมภีร์และเหตุผล แต่สิ่งที่ไม่เคยกระจ่างคือใจคุณเองที่ปิด และไม่ยอมยกผ้าคลุมอคติออก ดังนั้น ผมไม่ตอบแล้ว ถ้ายังไม่เข้าใจอะไรให้กลับไปอ่านใหม่อย่างละ3รอบ

2คร 4:12
เรามีความหวังเช่นนี้ เราจึงพูดโดยไม่กลัวสิ่งใด  ไม่เหมือนกับโมเสสซึ่งใช้ผ้าคลุมใบหน้าไว้ เพื่อมิให้ชาวอิสราเอลแลเห็นว่าแสงสว่างรุ่งโรจน์ชั่วขณะหนึ่งนั้นจางหายไปเมื่อใด แต่ปัญญาของพวกเขากลับมืดมัว จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีการอ่านพันธสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนนั้นยังคงอยู่ ยังไม่ถูกเปิด ผ้าคลุมนั้นจะถูกยกออกไปโดยพระคริสตเจ้าเท่านั้น จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสสผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่  แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระจิต และพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ที่ใด เสรีภาพย่อมอยู่ที่นั่น  เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมใบหน้า จึงสะท้อน แสงสว่างรุ่งโรจน์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนกระจกเงา เปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์ เดียวกับพระองค์ ทวีความรุ่งโรจน์ยิ่ง ๆ ขึ้น เดชะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระจิต
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 12:42 am

แล้วทำไมคัมภีร์ไม่เคยสอนให้เราอธิษฐานผ่านคนที่อยู่ในสวรรค์ แต่มีหลายตอนบอกว่าจงอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน และมีตอนที่อาจารย์เปาโลบอกส่งท้ายที่จดหมายว่า ขอท่านทั้งหลายจงอธิษฐานเผื่อข้าพเจ้าด้วย ไม่มีคำไหนกล่าวเลยว่าให้คนในสวรรค์ช่วยอธิษฐาน
คือเราเชื่อแบบนี้น่ะค่ะ  แล้วทำไมอยู่บนสวรรค์แล้วอธิษฐานไม่ได้  ไม่เข้าใจ   :huh:  ถ้ามาอ้างพระคัมภีร์นะ  อยากจะบอกว่า

ยอห์น21:25 ยังมีเรื่องราวอื่นๆอีกมากมายที่พระเยซูเจ้าได้ทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่าโลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น

คนที่รักกันนะ  บางทีเราก็ไม่ต้องบอกกันทุกเรื่อง  ไม่งั้นก็คงไม่ต้องมีพระจิตเจ้า  จริงมั้ยคะ  ถ้างั้นพระองค์ก็ประทานพระคัมภีร์มา  เหมือนให้อัลกุรอ่าน  แบบนั้น  แล้วก็ว่ากันตามนั้น  ไม่ต้องใช้พระจิตเจ้า

เรื่องเหรียญแม่พระนั้น  อย่าเพิ่งถามเลย  อธิบายไปก็ไม่เข้าใจ  เอาประเด็นง่ายๆก่อน   ::001::
Panukorn
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 25, 2007 5:04 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 1:13 am

บอกตรงๆว่าผมเป็นคริสเตียนใหม่ แล้วการที่ผมไม่เข้าใจอยากมาหาความรู้ ในการที่ผมถามตรงๆมันผิดเหรอครับ ผมยิงคำถามในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้และเข้าใจ ผมไม่ใช่คาทอลิกนะครับผมถึงรู้เหมือนคุณ ทำไมต้องมาพูดจารุนแรงใส่กันด้วยครับ ที่คุณกำลังอธิบายกันนี่เป็นความรู้ใหม่สุดๆของผมเลยนะครับ ผมเป็นคนชอบถามคำถามตรงๆไม่อ้อมค้อม และไม่ได้มาทะเลาะนะ
ผมพอจะเข้าใจพวกคุณแล้วล่ะที่อ่านๆมา ถ้าผมไม่ถามผมจะรู้ได้ไง มันก็เหมือนกับที่คุณไปโบสถ์แล้วอธิบายให้รุ่นน้องฟังหรือผู้เชื่อใหม่ฟัง น้องเขาก็ต้องถามๆๆ ในสิ่งที่เค้าไม่รู้ หรือเข้าใจยังไม่ถูก ผมผิดตรงไหน
ผมบอกคุณตั้งแต่ ปล. กระทู้แรกแล้วว่าผมมาหาความรู้ เพื่อให้เข้าใจ นี่เป็นความรู้ใหม่เพื่อจะเข้าใจเพื่อนคาทอลิกให้มากขึ้น
แก้ไขล่าสุดโดย Panukorn เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 1:17 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 1:29 am

ทำไมมันสวนทางกันนักล่ะครับ ผมไม่เห้นว่าคุณจะถามเหมือนเอาความรู้เลย เพราะพอให้ความรู้แล้ว คุณก็เถียงต่อไปในแนวว่า คำตอบของเราผิด ผมถึงอัศจรรย์ใจว่า คุณสับสนหรือเป็นจริงๆ ที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรกันแน่ ระหว่างเถียงเอาชนะกับถามตรงๆ เพราะตอนแรกถามจริง ตอนหลังนี่เรียกเถียงนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 1:42 am

เรื่องนักบวชนะครับ คำว่าผู้อาวุโสในพระคัมภีร์

ทต 1:5-9  การแต่งตั้งผู้อาวุโส
(5)ข้าพเจ้าทิ้งท่านไว้ที่เกาะครีต เพื่อท่านจะได้จัดการเรื่องที่ยังค้างอยู่ให้เรียบร้อย และเพื่อแต่งตั้งกลุ่มผู้อาวุโสทุกเมืองตามวิธีการที่ข้าพเจ้าบอกไว้  (6)ผู้อาวุโสแต่ละคนจะต้องประพฤติดีไม่มีที่ตำหนิ ต้องแต่งงานเพียงครั้งเดียว และบุตรของเขาก็ต้องมีความเชื่อ ไม่ถูกครหาว่าประพฤติเสเพลและดื้อรั้น  (7)ส่วนผู้ปกครองดูแลต้องประพฤติดีไม่มีที่ตำหนิ เพราะเขาเป็นผู้ดูแลบ้านของพระเจ้า ต้องไม่หยิ่งยโส ไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่เป็นนักดื่ม ไม่ชอบใช้ความรุนแรง ไม่โลภ  (8)แต่ต้องมีอัธยาศัยไมตรี รักคุณงามความดี มีเหตุผล เที่ยงตรง มีศรัทธาและรู้จักบังคับตนเอง  (9)เขายังต้องยึดมั่นในหลักคำสอนที่ถูกต้องตามที่ได้รับสืบทอดต่อกันมา เพื่อเขาจะตักเตือนผู้อื่นได้ ทั้งให้คำแนะนำด้วยคำสอนที่ถูกต้อง ตอบโต้ผู้ที่คัดค้านคำสอนนั้นได้


คำว่าผู้อาวุโสนั้น คือคำว่า Presbyters ในภาษากรีก ซึ่งในภาษาอังกฤษคือคำว่า Priest ที่แปลว่าบาดหลวงในภาษาอังกฤษครับ ดังนั้น จึงมีระบบการแต่งตั้งบาดหลวงมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มแล้ว ส่วนพระพรในการยกบาปเป็นพระพรที่พระเยซูประทานให้ผ่านการวางมือของอัครสาวกครับ ซึ่งปรกให้กับ Presbyters (Priest) นั่นเอง นี่จึงไม่ใช่พระพรที่มีทั่วไปในผู้เชื่อทุกคนอย่างพระพรอื่นๆ

ยน 20:22
พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 1:43 am

เอางี้ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ เรามาเจอกันแล้วคุยกันเลยดีกว่าไหมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 1:47 am

ผมเห็นว่าถ้าคุณยืนยันว่าอยากเข้าใจจริงๆ  ซึ่งผมน่ะชอบนะการมีคนเข้าใจเรามากขึ้น เพียงแต่ที่ผ่านมา คุณโพสตอบเหมือนไม่อ่านหรืออ่านผ่านแบบเร็วๆไม่พิจารณาในสิ่งที่ผมอุตส่าห์หลังขดหลังแข็งตอบ ดังนั้น เรามาเจอตัวเป็นๆแล้วคุยกันเลยดีกว่าครับ
Panukorn
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 25, 2007 5:04 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2007 2:02 am

ผมเพิ่งมาเข้าใจเรื่องทั้งหมดตอนโพสหน้า 2 นี้เองครับ ผมพยายามอ่านแล้วอ่านทั้งหมดเลยแต่มันเยอะมาก ผมเริ่มปะติดปะต่อกดกระทู้linkไปมาจนเข้าใจแล้ว ผมยอมรับเลยว่ามีความรู้คาทอลิกน้อยมากๆ มีแต่ความรู้ที่เคยเข้าใจในอีกแง่มุมนึง และผมก็เป็นคริสเตียนใหม่ด้วย เวลาถามหรือคุยกันผมชอบดึงเหตุผลที่ผมเข้าใจมาประกอบด้วย และถามจนเข้าใจ
ผมอยู่บางแสนคับ ที่นั่นก็มีโบสถ์คาทอลิกเหมือนกัน ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่มาสอนนะครับ 
ตอบกลับโพส