Apocrypha ???

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 10:26 pm

ถูกต้องค่ะ  คิดมาก ศึกษามาก  ค้นหามาก  กลุ้มเอง เครียดเองใช่มั๊ยคะ

จงมีความเชื่อในพระเจ้าแบบเด็ก ๆ ค่ะ 
คุณรู้มาก ค้นหามาก  แล้วคุณก็พบว่า  ยิ่งคุณรู้มาก  ปัญหาก็ยิ่งเยอะขึ้น ๆ

คนที่เข้าสววรค์ได้คือคนที่เป็นเหมือนเด็กเล็ก ๆ
ไม่ใช่รู้มันทั้งกะบิ  ปรุมันทุกธรรมบัญญัติ  ฉลาดรอบรู้เหมือนฟาริสี

ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ  :angel:
Johannes W. Pariwat

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 10:34 pm

ฮ่าๆๆๆ+++  ถุๆๆๆ...ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ.............

โดนใจมากๆ จริงๆแล้วผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมเป็นแค่เด็กธรรมดาคนนึงเท่านั้น ยิ่งผมชอบทำงานพวกกิจกรรมเด็กๆอยู่ด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 10:51 pm

Johannes W. Pariwat เขียน:
sakda88 เขียน:
Holy เขียน: โปรดจำความจริงข้อนี้ไว้เสมอ

คริสตศาสนาไม่ใช่ศาสนาแห่งหนังสือ แต่เป็นศาสนาแห่งความรักและความจริง

ขอพระเจ้าอวยพรครับ
และการให้อภัยด้วย

เหรอครับ ผมคิดว่าคริสตศาสนาเป็นศาสนาแห่งความเชื่อในพระเจ้าพระบิดา พระบุตร(พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์ซะอีก และถ้าคุณไม่ได้รู้สิ่งเหล่านี้มาจากหนังสือ(พระคัมภีร์ไบเบิ้ล) แล้วคุณรู้มาจากใหน จากบาทหลวง? จากวัด? แล้วเค้าเหล่านั้นไม่ได้เรียนสิ่งเหล่านี้จากพระคัมภีร์มาสอนพวกเราเหรอ ผมไม่ได้นับถือหนังสือเล่มนี้เป็นพระเจ้า(มันก็แค่กระดาษที่มีหมึกเปื้อนอยู่เป็นตัวหนังสือมากมาย) แต่มันเป็นเข็มทิศที่ชี้ทางเราไปยังทางที่ถูกต้อง พระศาสนจักรช่วงที่จมดิ่งสุดกู่ ก็มีเหตุมาจากคริสตชนขาดการอ่านพระคัมภีร์ให้เข้าใจด้วยตนเองนี่แหล่ะ พอพระสันตะปาปา(ในสมัยนั้น สมัยนี้คงไม่มีแบบนั้นแล้ว ขอบคุณพระเจ้า) บอกว่าไปทำสงครามกับพวกซาราเซ็นเป็นหนทางแห่งการไปสวรรค์ ผู้คนที่ไม่รู้อีดโหน่อีเหน่ ก็แห่กันไป อย่าว่าแต่ยอมหันแก้มอีกข้างให้โดนตบเลย นี่ไปทั้งฆ่า ข่มขืน เผาบ้านเผาเมือง และอีกสารพัดบรรยายไม่จบ แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว ผมมักจะคิดเสมอว่าพระเจ้าอนุญาติให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในอดีตเพื่อให้คนในยุคปัจจุบันอย่างเราได้เรียนรู้ เรียนรู้ไว้เถอะครับ ถ้าเราเพิกเฉยต่อนำหมึกที่เปอะเปลื้อนอยู่บนกระดาษที่เย็บรวมกันแล้ว เราเรียกว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์ ผลมันจะเป็นยังไง หนังสือนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง(หรืออาจจะโดนเปลี่ยนมาแล้วมั่งหว่า สังคยานาบ่อยจัง) แต่คน(คริสตจักรหรือพระศาสนจักรตามแต่เค้าจะเรียกกัน)อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ผมว่าชัวส์สุดๆ คือพระเจ้าเลยครับ (แต่มันแย่ตรงที่ พระองค์ไม่พูดกับเราตรงๆนี่สิ เราเลยยังต้องพึ่งหนังสือและครัสตจักรหรือพระศาสนจักรตามแต่เค้าจะเรียกกัน)
คุณเข้าใจอะไรผิดไปมากครับ สมัยนั้นปัญหาไม่ได้มาจากการไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ และการเมืองเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่จะเอาเหตุเล็กๆบางเหตุมาเหมารวม

และผมเห็นว่าคุณอาจไม่ได้อ่านข้อความขนาดยาวของผมอย่างแจ่มแจ้งดีพอ เลยมาเหมาตอบข้อความสั้นเอาง่ายๆแบบนี้

โดยเฉพาะที่คุณคิดว่าต้องอ่านพระคัมภีร์เองเข้าใจเองปัญหาจะไม่เกิด การอ่านพระคัมภีร์เข้าใจเองได้ถูกต้องทั้งหมดแทบเป็นไปไม่ได้เลย และที่โปรแตสแตนท์เอง แตกนิกายย่อยออกไปอีเกเป้นพันๆทั้งที่ทุกคนอ่านพระคัมภีร์เล่มเดียวกันนั้น มันเพราะอะไรล่ะ

ถ้าไม่ใช่เพราะการตีความที่เข้าใจต่างๆกัน

คริสตชนสมัยแรกเริ่มอย่างน้อย50ปีแรกไม่มีคัมภีร์พระธรรมใหม่สักเล่ม เขาสอนกันด้วยปากเท่านั้น และอีกเกือบ400ปีต่อมา ก้ยังไม่มีสาระบบคัมภีร์ที่แน่นอน ใครจะอ่านอะไรก็อ่าน

จดจำความจริงที่แน่ชัดข้อนี้ไว้ว่า พระศาสนจักร เกิดมาก่อนพระคัมภีร์ และพระศาสนจักรคือผู้เขียน และผู้รวบรวมคัมภีร์

แต่ความจริงของพระเจ้ามาก่อนทุกอย่าง

ถ้าสมัยนั้นมีวีดีโอ เขาคงใช้วีดีโอ แล้วมันน่าจะชัดเจนกว่าหนังสือด้วยเพราะคงได้ครบทั้งบรรยากาศ น้ำเสียง ท่าทาง ฯลฯ ถ้าสมัยนั้นเรามีวีดีโอ เราคงมีพระวีดีโอ แทนการมีพระคัมภีร์

ดังนั้นหนังสือก็แค่ สื่อชนิดหนึ่ง มันบรรจุเหตุการณ์ไว้ได้จริง แต่มันก้เป็นสื่อที่มีความบกพร่องยังไม่ใช่สื่อที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นไม่ได้บอกให้เพิกเฉยกับมัน แต่กำลังบอกให้รู้จักลำดับความสำคัญ

สรุปว่าคุณกลับไปอ่านข้อความขนาดยาวตั้งแต่ Reply #9 ที่ผมยกมาให้อย่างช้าๆอีกครั้ง พระคัมภีร์ชี้ทางได้ ก็ทำให้หลงทางได้ถ้าใช้ผิด ดังนั้นสำคัญที่อะไรคิดดูดีๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร ก.ย. 25, 2007 1:03 am

Holy เขียน:
Johannes W. Pariwat เขียน:
sakda88 เขียน: และการให้อภัยด้วย

เหรอครับ ผมคิดว่าคริสตศาสนาเป็นศาสนาแห่งความเชื่อในพระเจ้าพระบิดา พระบุตร(พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์ซะอีก และถ้าคุณไม่ได้รู้สิ่งเหล่านี้มาจากหนังสือ(พระคัมภีร์ไบเบิ้ล) แล้วคุณรู้มาจากใหน จากบาทหลวง? จากวัด? แล้วเค้าเหล่านั้นไม่ได้เรียนสิ่งเหล่านี้จากพระคัมภีร์มาสอนพวกเราเหรอ ผมไม่ได้นับถือหนังสือเล่มนี้เป็นพระเจ้า(มันก็แค่กระดาษที่มีหมึกเปื้อนอยู่เป็นตัวหนังสือมากมาย) แต่มันเป็นเข็มทิศที่ชี้ทางเราไปยังทางที่ถูกต้อง พระศาสนจักรช่วงที่จมดิ่งสุดกู่ ก็มีเหตุมาจากคริสตชนขาดการอ่านพระคัมภีร์ให้เข้าใจด้วยตนเองนี่แหล่ะ พอพระสันตะปาปา(ในสมัยนั้น สมัยนี้คงไม่มีแบบนั้นแล้ว ขอบคุณพระเจ้า) บอกว่าไปทำสงครามกับพวกซาราเซ็นเป็นหนทางแห่งการไปสวรรค์ ผู้คนที่ไม่รู้อีดโหน่อีเหน่ ก็แห่กันไป อย่าว่าแต่ยอมหันแก้มอีกข้างให้โดนตบเลย นี่ไปทั้งฆ่า ข่มขืน เผาบ้านเผาเมือง และอีกสารพัดบรรยายไม่จบ แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว ผมมักจะคิดเสมอว่าพระเจ้าอนุญาติให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในอดีตเพื่อให้คนในยุคปัจจุบันอย่างเราได้เรียนรู้ เรียนรู้ไว้เถอะครับ ถ้าเราเพิกเฉยต่อนำหมึกที่เปอะเปลื้อนอยู่บนกระดาษที่เย็บรวมกันแล้ว เราเรียกว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์ ผลมันจะเป็นยังไง หนังสือนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง(หรืออาจจะโดนเปลี่ยนมาแล้วมั่งหว่า สังคยานาบ่อยจัง) แต่คน(คริสตจักรหรือพระศาสนจักรตามแต่เค้าจะเรียกกัน)อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ผมว่าชัวส์สุดๆ คือพระเจ้าเลยครับ (แต่มันแย่ตรงที่ พระองค์ไม่พูดกับเราตรงๆนี่สิ เราเลยยังต้องพึ่งหนังสือและครัสตจักรหรือพระศาสนจักรตามแต่เค้าจะเรียกกัน)
คุณเข้าใจอะไรผิดไปมากครับ สมัยนั้นปัญหาไม่ได้มาจากการไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ และการเมืองเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่จะเอาเหตุเล็กๆบางเหตุมาเหมารวม

และผมเห็นว่าคุณอาจไม่ได้อ่านข้อความขนาดยาวของผมอย่างแจ่มแจ้งดีพอ เลยมาเหมาตอบข้อความสั้นเอาง่ายๆแบบนี้

โดยเฉพาะที่คุณคิดว่าต้องอ่านพระคัมภีร์เองเข้าใจเองปัญหาจะไม่เกิด การอ่านพระคัมภีร์เข้าใจเองได้ถูกต้องทั้งหมดแทบเป็นไปไม่ได้เลย และที่โปรแตสแตนท์เอง แตกนิกายย่อยออกไปอีเกเป้นพันๆทั้งที่ทุกคนอ่านพระคัมภีร์เล่มเดียวกันนั้น มันเพราะอะไรล่ะ

ถ้าไม่ใช่เพราะการตีความที่เข้าใจต่างๆกัน

คริสตชนสมัยแรกเริ่มอย่างน้อย50ปีแรกไม่มีคัมภีร์พระธรรมใหม่สักเล่ม เขาสอนกันด้วยปากเท่านั้น และอีกเกือบ400ปีต่อมา ก้ยังไม่มีสาระบบคัมภีร์ที่แน่นอน ใครจะอ่านอะไรก็อ่าน

จดจำความจริงที่แน่ชัดข้อนี้ไว้ว่า พระศาสนจักร เกิดมาก่อนพระคัมภีร์ และพระศาสนจักรคือผู้เขียน และผู้รวบรวมคัมภีร์

แต่ความจริงของพระเจ้ามาก่อนทุกอย่าง

ถ้าสมัยนั้นมีวีดีโอ เขาคงใช้วีดีโอ แล้วมันน่าจะชัดเจนกว่าหนังสือด้วยเพราะคงได้ครบทั้งบรรยากาศ น้ำเสียง ท่าทาง ฯลฯ ถ้าสมัยนั้นเรามีวีดีโอ เราคงมีพระวีดีโอ แทนการมีพระคัมภีร์

ดังนั้นหนังสือก็แค่ สื่อชนิดหนึ่ง มันบรรจุเหตุการณ์ไว้ได้จริง แต่มันก้เป็นสื่อที่มีความบกพร่องยังไม่ใช่สื่อที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นไม่ได้บอกให้เพิกเฉยกับมัน แต่กำลังบอกให้รู้จักลำดับความสำคัญ

สรุปว่าคุณกลับไปอ่านข้อความขนาดยาวตั้งแต่ Reply #9 ที่ผมยกมาให้อย่างช้าๆอีกครั้ง พระคัมภีร์ชี้ทางได้ ก็ทำให้หลงทางได้ถ้าใช้ผิด ดังนั้นสำคัญที่อะไรคิดดูดีๆ
เป็นตรรกะที่รู้ดี แต่คิดไม่ถึงจริงๆ
ขอบคุณที่แบ่งปันครับคุณโฮลี่
Johannes W. Pariwat

อังคาร ก.ย. 25, 2007 11:54 am

ขอบคุณมากครับคุณโฮลี่สำหรับความรู้ดีๆที่มีให้เสมอ ผมก็ยอมรับครับ ว่าผมผิดเองน่ะ ต้องขอโทษทีที่ทำให้วุ่นวาย จริงๆแล้ว ที่ผมโพสต์กระทู้นี้ ไม่ได้เพราะมีเรื่องอคติอะไรหรอกครับ เหตุผลมันออกๆจะติงต๊องๆด้วยซำ คือเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่ผมร่วมเดินทางกับคณะมิชชันนารีคณะนึง ไปช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่จังหวัดเลย ผมทำพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาษาอังกฤษฉบับNIVหายไประหว่างทาง หายังไงก็หาไม่เจอ ก็เลยว่าจะไปหาซื้อใหม่ ไปแวบๆที่ร้านคิโนะคุนิยะมา แพงโคตรๆ กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อฉบับ New International Version อย่างเดิมดี(ซึ่งไม่มีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) หรือว่าจะเปลี่ยนมาซื้อฉบับ Standard Revised Version (ซึ่งมีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) ผมมีหนังสือ Apochypha ฉบับภาษาไทยอยู่แล้วครับ แต่แยกออกมาจากฉบับมาตรฐานที่สมาคมพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้จัดทำเอาไว้ จริงๆแล้วผมก็ชอบอ่านหนังสือ Apochypha เหมือนกันนะ ไม่ได้มีอคติอะไร แค่อยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ได้ถูกจัดไว้ในสารบบปกติน่ะ ผมกำลังจะซื้อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มใหม่เวอร์ชั่นเยอรมันด้วย เล่มเก่าที่คุณพ่อชาวเยอรมันให้ผมมา(มี Apochypha) ผมกำลังจะยกให้รุ่นน้องที่เรียนภาษาเยอรมันคนนึงที่จุฬา ซึ่งเพิ่งมาทำความรู้จักกับศาสนาคริสต์ พอจะซื้อเล่มใหม่ก็ต้องคิดด้วยเหมือนกัน ว่าจะซื้อฉบับที่มี Apochypha ด้วยดีหรือไม่ ฉบับที่มีแพงกว่าฉบับที่ไม่มีตั้งเกือบ 10 ยูโร แหะๆๆๆ แบบว่า สองเล่มรวมกัน เกือบสี่พันบาทแหน่ะ ผมก็เลยต้องคิดให้ดีๆหน่อย ถ้าต้องจ่ายเงินมากมายขนาดนั้น แบบว่าผมจนน่ะ ที่บ้านไม่มีเงินล้นฟ้าให้ผลาญเล่น ที่ต่างประเทศพระคัมภีร์เค้าขายกันเป็นหลักพันขึ้น ไม่เหมือนบ้านเรา เดินแจกแทบตาย ยังไม่มีใครอยากเอา เอาไปก็ทิ้งเกลื่อนกราดกันเต็มถนน เฮ้อ.....
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร ก.ย. 25, 2007 2:49 pm

Johannes W. Pariwat เขียน: ขอบคุณมากครับคุณโฮลี่สำหรับความรู้ดีๆที่มีให้เสมอ ผมก็ยอมรับครับ ว่าผมผิดเองน่ะ ต้องขอโทษทีที่ทำให้วุ่นวาย จริงๆแล้ว ที่ผมโพสต์กระทู้นี้ ไม่ได้เพราะมีเรื่องอคติอะไรหรอกครับ เหตุผลมันออกๆจะติงต๊องๆด้วยซำ คือเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่ผมร่วมเดินทางกับคณะมิชชันนารีคณะนึง ไปช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่จังหวัดเลย ผมทำพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาษาอังกฤษฉบับNIVหายไประหว่างทาง หายังไงก็หาไม่เจอ ก็เลยว่าจะไปหาซื้อใหม่ ไปแวบๆที่ร้านคิโนะคุนิยะมา แพงโคตรๆ กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อฉบับ New International Version อย่างเดิมดี(ซึ่งไม่มีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) หรือว่าจะเปลี่ยนมาซื้อฉบับ Standard Revised Version (ซึ่งมีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) ผมมีหนังสือ Apochypha ฉบับภาษาไทยอยู่แล้วครับ แต่แยกออกมาจากฉบับมาตรฐานที่สมาคมพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้จัดทำเอาไว้ จริงๆแล้วผมก็ชอบอ่านหนังสือ Apochypha เหมือนกันนะ ไม่ได้มีอคติอะไร แค่อยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ได้ถูกจัดไว้ในสารบบปกติน่ะ ผมกำลังจะซื้อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มใหม่เวอร์ชั่นเยอรมันด้วย เล่มเก่าที่คุณพ่อชาวเยอรมันให้ผมมา(มี Apochypha) ผมกำลังจะยกให้รุ่นน้องที่เรียนภาษาเยอรมันคนนึงที่จุฬา ซึ่งเพิ่งมาทำความรู้จักกับศาสนาคริสต์ พอจะซื้อเล่มใหม่ก็ต้องคิดด้วยเหมือนกัน ว่าจะซื้อฉบับที่มี Apochypha ด้วยดีหรือไม่ ฉบับที่มีแพงกว่าฉบับที่ไม่มีตั้งเกือบ 10 ยูโร แหะๆๆๆ แบบว่า สองเล่มรวมกัน เกือบสี่พันบาทแหน่ะ ผมก็เลยต้องคิดให้ดีๆหน่อย ถ้าต้องจ่ายเงินมากมายขนาดนั้น แบบว่าผมจนน่ะ ที่บ้านไม่มีเงินล้นฟ้าให้ผลาญเล่น ที่ต่างประเทศพระคัมภีร์เค้าขายกันเป็นหลักพันขึ้น ไม่เหมือนบ้านเรา เดินแจกแทบตาย ยังไม่มีใครอยากเอา เอาไปก็ทิ้งเกลื่อนกราดกันเต็มถนน เฮ้อ.....
ปกติถ้าเป็นภาษาตลาด หรือภาษาที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากๆ เช่น อังกฤษ หรือ สเปน เนี่ยราคาจะไม่แพงครับ เพราะสำนักพิมพ์ที่ทำสามารถผลิตออกมาแต่ละรอบได้เป็นจำนวนมาก เรียกว่า ประหยัดจากขนาดการผลิตได้ แต่ภ้าเป็นภาษาที่มีน้อย + ขายในประเทศอื่นๆ เนี่ย มันก่อจะแพงขึ้นไปอีกครับ เท่าที่เจอมาเนี่ย ในสหรัฐอเมริกา Bible หลาย Version มาก ส่วนใหญ่ราคามาตรฐานอยู่ที่ 8-20 เหรียญสหรัฐ ส่วนของโรมันคาทอลิกนี่จะอยู่ที่ 20-35 เหรียญสหรัฐ (อันนี้อ้างอิงจากประสบการณ์นะครับ) ความที่ว่า ประชากรเกินร้อยละ 50 เนี่ยเป็นคริสตชน ทำให้การกระจายของ bible ในตลาด (ภาษาวิชาการนะครับ) ถูกดูดซับสู่ครัวเรือนอย่างเหมาะสม แต่ในขณะที่ประเทศไทยต้องบอกว่ามีคริสตชนไม่ถึงร้อยละ 30 ด้วยซ้ำ แต่อุปทานกลับสูงมากๆ การดูดซับเข้าสู่ครัวเรือนจึงไม่มากอย่างที่คิดน่ะครับ ไม่ต้องแปลกใจไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zaliaus
โพสต์: 640
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 07, 2007 1:03 am
ที่อยู่: ...

อังคาร ก.ย. 25, 2007 5:26 pm

Edwardius เขียน:
Johannes W. Pariwat เขียน: ขอบคุณมากครับคุณโฮลี่สำหรับความรู้ดีๆที่มีให้เสมอ ผมก็ยอมรับครับ ว่าผมผิดเองน่ะ ต้องขอโทษทีที่ทำให้วุ่นวาย จริงๆแล้ว ที่ผมโพสต์กระทู้นี้ ไม่ได้เพราะมีเรื่องอคติอะไรหรอกครับ เหตุผลมันออกๆจะติงต๊องๆด้วยซำ คือเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่ผมร่วมเดินทางกับคณะมิชชันนารีคณะนึง ไปช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่จังหวัดเลย ผมทำพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาษาอังกฤษฉบับNIVหายไประหว่างทาง หายังไงก็หาไม่เจอ ก็เลยว่าจะไปหาซื้อใหม่ ไปแวบๆที่ร้านคิโนะคุนิยะมา แพงโคตรๆ กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อฉบับ New International Version อย่างเดิมดี(ซึ่งไม่มีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) หรือว่าจะเปลี่ยนมาซื้อฉบับ Standard Revised Version (ซึ่งมีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) ผมมีหนังสือ Apochypha ฉบับภาษาไทยอยู่แล้วครับ แต่แยกออกมาจากฉบับมาตรฐานที่สมาคมพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้จัดทำเอาไว้ จริงๆแล้วผมก็ชอบอ่านหนังสือ Apochypha เหมือนกันนะ ไม่ได้มีอคติอะไร แค่อยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ได้ถูกจัดไว้ในสารบบปกติน่ะ ผมกำลังจะซื้อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มใหม่เวอร์ชั่นเยอรมันด้วย เล่มเก่าที่คุณพ่อชาวเยอรมันให้ผมมา(มี Apochypha) ผมกำลังจะยกให้รุ่นน้องที่เรียนภาษาเยอรมันคนนึงที่จุฬา ซึ่งเพิ่งมาทำความรู้จักกับศาสนาคริสต์ พอจะซื้อเล่มใหม่ก็ต้องคิดด้วยเหมือนกัน ว่าจะซื้อฉบับที่มี Apochypha ด้วยดีหรือไม่ ฉบับที่มีแพงกว่าฉบับที่ไม่มีตั้งเกือบ 10 ยูโร แหะๆๆๆ แบบว่า สองเล่มรวมกัน เกือบสี่พันบาทแหน่ะ ผมก็เลยต้องคิดให้ดีๆหน่อย ถ้าต้องจ่ายเงินมากมายขนาดนั้น แบบว่าผมจนน่ะ ที่บ้านไม่มีเงินล้นฟ้าให้ผลาญเล่น ที่ต่างประเทศพระคัมภีร์เค้าขายกันเป็นหลักพันขึ้น ไม่เหมือนบ้านเรา เดินแจกแทบตาย ยังไม่มีใครอยากเอา เอาไปก็ทิ้งเกลื่อนกราดกันเต็มถนน เฮ้อ.....
ปกติถ้าเป็นภาษาตลาด หรือภาษาที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากๆ เช่น อังกฤษ หรือ สเปน เนี่ยราคาจะไม่แพงครับ เพราะสำนักพิมพ์ที่ทำสามารถผลิตออกมาแต่ละรอบได้เป็นจำนวนมาก เรียกว่า ประหยัดจากขนาดการผลิตได้ แต่ภ้าเป็นภาษาที่มีน้อย + ขายในประเทศอื่นๆ เนี่ย มันก่อจะแพงขึ้นไปอีกครับ เท่าที่เจอมาเนี่ย ในสหรัฐอเมริกา Bible หลาย Version มาก ส่วนใหญ่ราคามาตรฐานอยู่ที่ 8-20 เหรียญสหรัฐ ส่วนของโรมันคาทอลิกนี่จะอยู่ที่ 20-35 เหรียญสหรัฐ (อันนี้อ้างอิงจากประสบการณ์นะครับ) ความที่ว่า ประชากรเกินร้อยละ 50 เนี่ยเป็นคริสตชน ทำให้การกระจายของ bible ในตลาด (ภาษาวิชาการนะครับ) ถูกดูดซับสู่ครัวเรือนอย่างเหมาะสม แต่ในขณะที่ประเทศไทยต้องบอกว่ามีคริสตชนไม่ถึงร้อยละ 30 ด้วยซ้ำ แต่อุปทานกลับสูงมากๆ การดูดซับเข้าสู่ครัวเรือนจึงไม่มากอย่างที่คิดน่ะครับ ไม่ต้องแปลกใจไป
งง!!
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

อังคาร ก.ย. 25, 2007 7:03 pm

Zaliaus เขียน:
Edwardius เขียน:
Johannes W. Pariwat เขียน: ขอบคุณมากครับคุณโฮลี่สำหรับความรู้ดีๆที่มีให้เสมอ ผมก็ยอมรับครับ ว่าผมผิดเองน่ะ ต้องขอโทษทีที่ทำให้วุ่นวาย จริงๆแล้ว ที่ผมโพสต์กระทู้นี้ ไม่ได้เพราะมีเรื่องอคติอะไรหรอกครับ เหตุผลมันออกๆจะติงต๊องๆด้วยซำ คือเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่ผมร่วมเดินทางกับคณะมิชชันนารีคณะนึง ไปช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่จังหวัดเลย ผมทำพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาษาอังกฤษฉบับNIVหายไประหว่างทาง หายังไงก็หาไม่เจอ ก็เลยว่าจะไปหาซื้อใหม่ ไปแวบๆที่ร้านคิโนะคุนิยะมา แพงโคตรๆ กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อฉบับ New International Version อย่างเดิมดี(ซึ่งไม่มีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) หรือว่าจะเปลี่ยนมาซื้อฉบับ Standard Revised Version (ซึ่งมีฉบับApochyphaอยู่ด้วย) ผมมีหนังสือ Apochypha ฉบับภาษาไทยอยู่แล้วครับ แต่แยกออกมาจากฉบับมาตรฐานที่สมาคมพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้จัดทำเอาไว้ จริงๆแล้วผมก็ชอบอ่านหนังสือ Apochypha เหมือนกันนะ ไม่ได้มีอคติอะไร แค่อยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ได้ถูกจัดไว้ในสารบบปกติน่ะ ผมกำลังจะซื้อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มใหม่เวอร์ชั่นเยอรมันด้วย เล่มเก่าที่คุณพ่อชาวเยอรมันให้ผมมา(มี Apochypha) ผมกำลังจะยกให้รุ่นน้องที่เรียนภาษาเยอรมันคนนึงที่จุฬา ซึ่งเพิ่งมาทำความรู้จักกับศาสนาคริสต์ พอจะซื้อเล่มใหม่ก็ต้องคิดด้วยเหมือนกัน ว่าจะซื้อฉบับที่มี Apochypha ด้วยดีหรือไม่ ฉบับที่มีแพงกว่าฉบับที่ไม่มีตั้งเกือบ 10 ยูโร แหะๆๆๆ แบบว่า สองเล่มรวมกัน เกือบสี่พันบาทแหน่ะ ผมก็เลยต้องคิดให้ดีๆหน่อย ถ้าต้องจ่ายเงินมากมายขนาดนั้น แบบว่าผมจนน่ะ ที่บ้านไม่มีเงินล้นฟ้าให้ผลาญเล่น ที่ต่างประเทศพระคัมภีร์เค้าขายกันเป็นหลักพันขึ้น ไม่เหมือนบ้านเรา เดินแจกแทบตาย ยังไม่มีใครอยากเอา เอาไปก็ทิ้งเกลื่อนกราดกันเต็มถนน เฮ้อ.....
ปกติถ้าเป็นภาษาตลาด หรือภาษาที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากๆ เช่น อังกฤษ หรือ สเปน เนี่ยราคาจะไม่แพงครับ เพราะสำนักพิมพ์ที่ทำสามารถผลิตออกมาแต่ละรอบได้เป็นจำนวนมาก เรียกว่า ประหยัดจากขนาดการผลิตได้ แต่ภ้าเป็นภาษาที่มีน้อย + ขายในประเทศอื่นๆ เนี่ย มันก่อจะแพงขึ้นไปอีกครับ เท่าที่เจอมาเนี่ย ในสหรัฐอเมริกา Bible หลาย Version มาก ส่วนใหญ่ราคามาตรฐานอยู่ที่ 8-20 เหรียญสหรัฐ ส่วนของโรมันคาทอลิกนี่จะอยู่ที่ 20-35 เหรียญสหรัฐ (อันนี้อ้างอิงจากประสบการณ์นะครับ) ความที่ว่า ประชากรเกินร้อยละ 50 เนี่ยเป็นคริสตชน ทำให้การกระจายของ bible ในตลาด (ภาษาวิชาการนะครับ) ถูกดูดซับสู่ครัวเรือนอย่างเหมาะสม แต่ในขณะที่ประเทศไทยต้องบอกว่ามีคริสตชนไม่ถึงร้อยละ 30 ด้วยซ้ำ แต่อุปทานกลับสูงมากๆ การดูดซับเข้าสู่ครัวเรือนจึงไม่มากอย่างที่คิดน่ะครับ ไม่ต้องแปลกใจไป
งง!!
คือตามที่ผมเข้าใจนะครับ  Bible ภาษาไหนคนไม่ค่อยนิยมมักจะราคาแพง +หายาก  เพราะขายได้น้อย

ส่วนภาษาไหนคนนิยมซื้อ  จะราคาถูก +หาง่าย  เพราะขายออก และพิมพ์ได้ต้นทุนถูก

ในสหรัฐ โปรจะมีมากกว่าคาทอลิก  ทำให้Bible คาทอลิกแพงกว่า

ส่วนในประเทศไทย  ชาวคริสต์มีน้อย  ความต้องการซื้อ(อุปสงค์)มีน้อย  แต่ความต้องการขาย(อุปทาน)มีมาก
เลยทำให้Bible ขายออกได้น้อย

ปล. แปลไทยเป็นไทยตรงไหนผิดพลาด  ก็ขออภัยด้วยนะครับ 
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร ก.ย. 25, 2007 8:26 pm

Suchan เขียน: คือตามที่ผมเข้าใจนะครับ  Bible ภาษาไหนคนไม่ค่อยนิยมมักจะราคาแพง +หายาก  เพราะขายได้น้อย

ส่วนภาษาไหนคนนิยมซื้อ  จะราคาถูก +หาง่าย  เพราะขายออก และพิมพ์ได้ต้นทุนถูก

ในสหรัฐ โปรจะมีมากกว่าคาทอลิก  ทำให้Bible คาทอลิกแพงกว่า

ส่วนในประเทศไทย  ชาวคริสต์มีน้อย  ความต้องการซื้อ(อุปสงค์)มีน้อย  แต่ความต้องการขาย(อุปทาน)มีมาก
เลยทำให้Bible ขายออกได้น้อย

ปล. แปลไทยเป็นไทยตรงไหนผิดพลาด  ก็ขออภัยด้วยนะครับ 
ขอบคุณที่แปลเป็นภาษาสุภาพชนครับ ขอโทษทีที่อธิบายแล้วงง

ปล. บวกเพิ่มครับ อุปทานในประเทศไทยถูก Susidies จากองค์กรช่วยเหลือต่างๆ เช่น Gideon
ตอบกลับโพส