หน้า 1 จากทั้งหมด 2

คริสเตียนทุกนิกายต่างหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพแม่พระ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 3:56 am
โดย Holy
ชาว คริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของ พระเยซูเจ้า


จาก Time Magazine
March 2005


รูปภาพ

วันทามารีอา
ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเยซูเจ้า


การเปลี่ยนแปลงในเชิงเทววิทยา ชาวโปรแตสแตนท์หันมาให้ความสำคัญ และ ความเคารพต่อพระนางพรหมจารีย์มารีอา พระมารดาของพระเยซูเจ้า

รูปภาพ

วันทามารีอา

พระนางประทับแทบเชิงกางเขน แต่ชาวโปรแตสแตนท์แทบจะไม่เคยเอ่ยถึงพระนางเลยในช่วงอีสเตอร์ หรือช่วงเวลาอื่นๆ แต่ทั้งหมดกำลังจะเปลี่ยนไป


โดย เดวิด วาน เบียมา

ศิษยาภิบาล ไบรอัน แมคไกวร์ ได้รู้ล่วงหน้าเมื่อ30ปีก่อนหรือเปล่าหนอ ว่าตัวเองอาจต้องเผชิญหน้ากับสมาชิกโบสถ์บางคนที่น่ารำคาญจริงๆ เพราะใครบางคนเมื่อ445ปีก่อนได้ทำให้ความเชื่อพื้นๆบางอย่างคาราคาซังจนทุกวันนี้

ศิษยาภิบาลอายุ 35 ปี กำลังสังเกตที่ปฏิทินและพบว่าวันฉลองเทวดาแจ้งสารในปีนี้ดูแปลกไป เพราะปรกติวันฉลองเทวดา กาเบรียล แจ้งสารแก่พระนางพรหมจารีมารีอามักจะเป็นวันที่ 25 มีนาคม นั่นคือ 9 เดือนก่อนวันคริสต์มาส แต่ในปีนี้วันที่ 25 เมษายน กลับตรงกับวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์(วันที่พระเยซูสิ้นพระชนม์)ด้วย ในขณะที่คริสตชนทุกนิกายระลึกถึงวันพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนกางเขนในวันเดียวกัน

นิกายโรมันคาทอลิกให้ความสำคัญทั้งสองวันสำคัญนี้ ในปีนี้ทางคาทอลิคจึงเลื่อนวันฉลองเทวดาแจ้งสารแก่พระนางมารีย์เป็นวันที่ 4 เมษายน แทน

แม็คไกวร์ ศิษยาภิบาลของคณะเพรสไบทีเรียน แห่ง เวสท์ มินสเตอร์ ในเซเนีย โอไฮโอ นั้นไม่ใช่คาทอลิก แต่ในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะมาถึงนี้ เขาคิดว่าแทนที่จะเทศนาเรื่องของพระเยซูเพียงอย่างเดียว เขาน่าจะรวมเรื่องของพระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์เข้าไปในบทเทศน์ด้วย

“นี่เป็นโอกาสแห่งบทเทศน์ที่ไพเราะห์สวยงามยิ่ง ถ้าคุณพบว่าวันที่พระองค์เสด็จมาในโลกและเสด็จออกจากโลกเผอิญเป็นวันเดียวกัน” แม็คไกวร์อธิบาย “พระนางมารีย์ก็ทรงมีส่วนร่วมในทั้งสองเหตุการณ์ เพราะพระนางคือสานุศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตของพระองค์”

การตัดสินใจประสาน วันฝังสิ้นพระชนม์พระเยซูบนปฏิทินคริสเตียน เข้ากับวันฉลองของพระนางมารีย์ของแม็คไกวร์นั้น ได้สร้างความตกตะลึงให้กับคริสต์ศาสนิกชนโปรแตสแตนท์ที่ร่วมฟังการเทศนาเป็นพิเศษ

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:01 am
โดย Holy
เป็นเวลากว่า 300 ปี ก่อนช่วงค.ศ. 1900 โดยประมาณ ที่ชาวโปรแตสแตนท์ยกพระนางมารีย์ให้เป็นพระมารดาของพระเยซูคริสต์อย่างมิอาจปฏิเสธได้ โดยไม่มีความคิดที่จะยกเทิดทูนแม่พระแบบแนวคิดบูชาแม่พระ (Mariolatry) ที่ยกแม่พระอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับพระเยซูคริสต์ ที่บางคนเข้าใจว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งกับฝั่งคาทอลิก

เบเวอร์รี่ กาเวนต้า ศาสตราจารย์ภาควิชาพระคัมภีร์ศึกษา ภาคพันธสัญญาใหม่ ที่พรินเซตอน ได้ให้คำจำกัดความว่าพระแม่มารีย์นั้นเป็นเหยื่อแห่ง “การสมคบคิดกันที่จะนิ่งเงียบเฉยของทางโปรแตสแตนท์ ทั้งในด้านศาสนศาสตร์ การนมัสการ และการตีความพระคัมภีร์”

รูปภาพ

เรายืนยันเรื่องนี้ได้จากประสบการณ์ของ แคธลีน นอริส นักประพันธ์ผู้เคยเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่เธอถูกสั่งสอนมาว่า “เราดึงพระแม่มารีย์ออกจากคริสต์มาส (ดึง Mary ออกจาก Christmas) และแพ็คพระนางลงในกล่องจนกว่าจะถึงปีหน้า เราปฏิเสธบทบาทของพระนางในระบอบธรรมประเพณีของโปรแตสแตนท์ และรังเกียจเหยียดหยามการเคารพยกย่องพระนางอย่างออกนอกหน้าของชาวคาทอลิก”

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:04 am
โดย Holy
แต่เรื่องทั้งหมดนี้กำลังเริ่มที่จะเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ในเชิงเทวศาสตร์ หรือ ในหมู่บรรดานักเทววิทยาเท่านั้น ที่ เซเนีย โอไฮโอ นั้น รายการวิทยุช่วงครึ่งเช้าจะเป็นเรื่องสนทนาเกี่ยวกับเรื่องทางศาสนา ใน เวสท์มินสเตอร์ สมาชิกคณะสงฆ์ที่มีสมาชิกร่วม 300 ชีวิต ที่ปกติล้วนมีสมาชิกเป็นผู้สูงอายุและวัยกลางคนเสียส่วนมาก แต่ก็มีคนหนุ่มสาวอยู่บ้างจำนวนหนึ่ง พักหลังพวกเขาได้มาร่วมในชั่วโมงพระคัมภีร์ของ รีฟ แม็คไกวร์ ร่วมกับคนอื่นๆ ด้วยความซาบซึ้งตรึงใจในทัศนคติที่แม็คไกวร์มีต่อพระแม่มารีย์

“ฉันคิดมาเสมอว่าพระนางคือสานุศิษย์คนแรกของพระเยซูคริสตเจ้า”
โครินเน่ ไวท์เซล วัย 74 กล่าว


“การสวดสายประคำ และ บทวันทามารีอา อาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสม แต่ความอ่อนน้อมถ่อมตน ถวายทุกอย่างตามน้ำพระทัยพระเป็นเจ้าของพระนางนั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่งดงามที่สุดของพระนาง”
กลอเรีย วูลฟ์ วัย 78 กล่าว


“เราเติบโตมาในยุคที่สตรีเพศไม่มีสิทธิที่จะได้รับเลือกเป็นผู้อาวุโสของโบสถ์ ดังนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่จะสอนเด็กสาวสมัยนี้ถึงตัวอย่างของวีรสตรีที่เป็นแบบอย่างดีๆของชาวเราอย่างพระนาง”
จอห์น เบิร์ทช วัย 75 กล่าว“แม็คไกวร์ คนนี้เป็นหน้าใหม่ แต่เขามีความคิดที่น่าสนใจมากทีเดียว ดังนั้นเราจึงฟังสิ่งที่เขาพูดด้วยความตั้งใจ และเปิดใจของเราพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง”


รูปภาพ
การตอบรับความเชื่อ
แม็คไกวร์ผู้ก่อตั้งคณะเพรสไบทีเรียนใน โอไฮโอ ได้เปิดรับ และ เน้นย้ำบทบบาทของพระนางมารีย์ในพระคัมภีร์มากขึ้น

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:07 am
โดย Holy
การเปลี่ยนแปลงนี้ดูจะเป็นเรื่องที่แปลกของทางโปรแตสแตนท์ กำแพงยาวที่ปิดกั้นเรื่องแม่พระดูเหมือนค่อยๆถูกกรัดกร่อนผุพังลงทีละน้อย ๆ ไม่ใช่ว่า ชาวโปรแตสแตนท์จะจู่ ๆ เปลี่ยนมาเป็นคาทอลิกกันหมด แต่เป็นการค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง เปิดใจยอมรับทีละนิดผ่านการแสดงออกต่างๆ ไม่ใช่ด้วยการร้องเพลง วันทาพระราชินี(Salve Regina) รำพึงสายประคำ การวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระนางผ่านคำขึ้นต้น วันทามารีอา จนจบ “โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย” แต่การเติบโตเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ค่อย ๆ เกิดเพิ่มขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย ในกลุ่มนักคิดคริสตศาสนิกชนนิกายอื่นๆที่ไม่ใช่คาทอลิก หรือ ออร์โธด๊อกซ์ ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ธรรมประเพณีที่หลากหลาย ได้ค่อย ๆ เปลี่ยนและนำพระนางเข้าสู่สนามที่ชาวโปรแตสแตนท์ภูมิใจมากที่สุด คือ “การอ่านพระคัมภีร์ให้ครบถ้วน ตีความพระคัมภีร์อย่างระมัดระวัง”

มีข้อถกเถียง การพูดถึง เรื่องของพระนางมารีย์ปรากฏบนหน้าหนังสือ งานเขียน และ บทความวิชาการดัง ๆ ต่าง ๆ เรื่องนี้เคยถูกนำขึ้นปกนิตยสาร คริสเตียนวันนี้ (Christianity Today) โดยพาดหัวว่า “พระแม่มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งพันธสัญญาใหม่” รวมถึงมีการลงนิตยสาร คริสเตียนศตววรษนี้ (Christian Century) กับหัวข้อว่า “พระแม่มารีย์สำหรับชาวโปรแตสแตนท์” การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเกิดกับที่โบสถ์ในเซเนีย กับกรณีของศิษยาภิบาล แม็คไกวร์ นั้นเท่านั้น ที่โบสถ์ในชิคาโก้ ศิษยาภิบาล จอห์น บูคานัน ก็มักจะปิดท้ายข้อความด้วย “วันทามารีอา… ผู้เปี่ยมด้วยพระพรท่ามกลางพวกเราทั้งหลาย”

สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้ถ้าเป็นในช่วงเวลาอื่น โรเบิร์ต จอห์นสัน ผู้ประพันธ์ตำราเทววิทยาอย่างเป็นระบบ (Systematic Theology) ได้หัวเราะ หึ หึ เบา ๆ เมื่อเขาถูกถามว่าจะเป็นไปได้ไหมที่ศิษยาภิบาลเยาวชนลูเธอร์รันของเขา จะยอมรับและภาวนาวิงวอนกับพระนางมารีย์

“ศิษยาภิบาลของผมคงจะรู้สึกตกใจกลัวน่าดู”
เขากล่าว และเสริมว่า
“ศิษยาภิบาลที่ว่าคือพ่อของผมเองแหละ”

รูปภาพ

เทวทูตถือสารแจ้งข่าวประเสริฐ : ชาวโปรแตสแตนท์จำนวนมากมองเรื่องเทวดากาเบรียลถือสารมาแจ้งเรื่องการตั้งครรภ์พระผู้ไถ่นี้ในฐานะตัวอย่างของการประสานสัมพันธ์กับองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ประทานของขวัญแห่งพระเมตตาลงมายังผู้ต่ำต้อยที่สุภาพถ่อมตนที่สุด ข้อสงสัยและคำถามของพระนางที่มีกับเทวดากาเบรียล และการยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมานั้นเป็นการยอมรับที่จะเชื่อและวางใจในพระบุตรของพระนาง และนี่แหละทำให้พระนางเป็นผู้ที่รับเชื่อเป็นคริสตชนคนแรกของโลก และเป็นสานุศิษย์คนแรกของพระเยซู

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:14 am
โดย Holy
แต่กระนั้นก็ดี ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นคาทอลิกหรือโปรแตสแตนท์มีอิสระมากขึ้นที่จะสำรวจความเชื่อ และ ธรรมเนียมปฏิบัติของกันและกัน ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดใจและยอมรับกันและกันมากขึ้น

รูปภาพ

   การที่สิทธิสตรีมีบทบาทมากขึ้นก็ทำให้เรื่องราวชีวิตของสตรีคนต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น ความสนใจของทางโปรแตสแตนท์ต่อเรื่องนี้ทวีมากขึ้นขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในเชิงปฏิบัติ และ ในทางพระคัมภีร์ เนื้อหาเมื่อกว่า 1,500 ปีก่อน ทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับเรื่องของแม่พระในยุคสมัยก่อนมากยิ่งขึ้น การอพยกเข้ามาของพวกชนชาวสเปน และแถบลาตินอเมริกา จากสังคมวัฒนธรรมของทางคาทอลิก มาอยู่ร่วมกับสังคมของโปรแตสแตนท์ มีส่วนช่วยหล่อหลอมและทำให้บทบาทการเคารพพระนางมารีย์มีมากขึ้นไปด้วย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ใช่เกิดแค่กับบทเทศน์ที่มีการหยิบยกพูดถึงพระนางมากขึ้น แต่รวมถึงพิธีกรรม ความศรัทธาส่วนบุคคล และ มุมมองที่เปลี่ยนไปด้วย
   
   แต่กระนั้นก็ดีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงนี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตอบกลับมามากเช่นกัน

อัลเบิร์ต โมเลอร์ ผู้นำของ เซาท์เธิร์น บัพติส คอนแวนต์ ได้กล่าวโจมตีผู้ที่กล่าวแสดงประวัติของพระนางเพื่อที่จะสร้างแนวคิดใหม่ทางเทวศาสตร์ขึ้นมาเกี่ยวกับพระนางมารีย์นั้นผิด ในข้อหา “ถลำลึกเกินไป” และ “คิดปรารถนาเอาเอง” และ “ไปประนีประนอมกับทางคาทอลิก”

คาร์ล บราทเท็น นักเทววิทยาของทางลูเธอร์ลัน กล่าวว่า
“เราไม่ จำเป็นต้องย้อนกลับไปหาทางคาทอลิก เราสามารถกลับยังรากเหง้า ต้นกำเนิดที่แท้จริงของเราได้ เรื่องนี้สามารถทำได้ง่ายๆโดยไม่ต้องกระทบต่อสภาคริสตจักรเลย ผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา บางสิ่งอาจจะดี บางสิ่งอาจจะเลวร้าย แต่ผมคิดว่ามันจะต้องเกิดขึ้นแน่”

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:17 am
โดย Holy
ในยุคแรกเริ่มพระศาสนจักร บรรดาคริสตชนยังได้ให้ความสำคัญต่อพระนางเป็นพิเศษ ในปี 431 สภาแห่งเอเฟซัส ได้ให้การรับรองพระนางว่าทรงเป็น “Theotokos” หรือ พระมารดาของพระเจ้า แต่เป็นที่ยอมรับกันว่าการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในเรื่องของพระนางมารีย์นั้นมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับเรื่องของพระเยซูเจ้าที่ถูกเน้นหนักมากกว่าเป็นพิเศษ เรื่องแนวคิดว่า “พระบุตรของพระนางมารีย์” กับ “พระผู้ไถ่” เป็นคนละคนกัน ถูกถือว่าเป็นแนวความคิดที่นอกรีตเทียมเท็จ

ข้อเชื่อนี้ทำให้ ข้อเชื่อเรื่อง “การที่พระเจ้าทรงรับเอากายเนื้อหนังมาบังเกิดเป็นมนุษย์”กลายเป็นเรื่องที่เป็นนามธรรมน้อยลงด้วยการยอมรับว่าพระองค์มีพระมารดาเป็นมนุษย์ และ ข้อเท็จจริงว่าทรงประสูติจากพระนาง


รูปภาพ

เมื่อเวลาผ่านไป บทบาทพระนางมารีย์พระมารดาของพระเจ้าก็ถูกรวมเข้ากับบทบาทในฐานะอื่นๆเพิ่มมากขึ้น เช่นในยามที่นักบวชได้ทำรำพึงจิตภาวนาถึงพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์ พระนางมารีย์ก็มีบทบาทในฐานะผู้ร่วมในพระมหาทรมานอย่างพิเศษ จากนั้นจึงมีการเรียกแม่พระว่า “มารดามหาทุกข์” และพระนางมารีย์ก็ได้ถูกเรียกว่า “ราชินีสวรรค์” “พระชนนีของพระเป็นเจ้า” “พระแม่แห่งความเมตตากรุณา” และอื่น ๆ โดยแต่ละพระนามก็สะท้อนแต่ละคุณลักษณะของพระนาง แต่ฉายาที่สำคัญที่สุดคือ คนกลางผู้เปี่ยมเมตตาของมวลมนุษย์ ในขณะที่ทางศาสนจักรก็เติบโตขึ้นโดยเน้นบทบาทของพระคริสต์ในฐานะผู้พิพากษาที่เที่ยงธรรม ผู้ตัดสินที่เข้มงวดในวันพิพากษาครั้งสุดท้ายได้ทำให้เกิดช่องว่างขึ้น และบรรดาผู้เชื่อมองพระแม่มารีย์ว่าเป็นผู้ช่วยแก้ต่างคนพิเศษของพระเยซู ที่จะช่วยเป็นทนายให้เรา ในปี 1568 สมเด็จพระสันตะปาปา ปิอัส ที่ 5 ได้ทรงเติมประโยค “โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย” เข้าไปในบทสวดวันทามารีอา ซึ่งประชาชนอาจเพียงสวดด้วยความเคยชิน

ฟิลิป เมลังค์ทอน นักปฏิรูปศาสนาหัวรุนแรงในช่วงปี 1500 กล่าวว่า ผู้ศรัทธาพากันร้องเพลงสวดสรรเสริญว่า “ข้าแต่พระมารดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระนางสถิตในสวรรค์…” เขาแสดงความคิดเห็นอีกว่า “ความจริงเรื่องนี้คือ ผู้คนแทนที่พระเยซูด้วยพระนางมารีย์”

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:23 am
โดย Holy
มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้กำเนิดนิกายโปรแตสแตนท์ เป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชมพระนางมารีย์ เขามองว่าพระนางเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของผู้ที่สุภาพถ่อมตนอย่างยิ่ง ผู้พร้อมที่จะยอมรับและทำตามน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเป็นผู้ที่พระเป็นเจ้าได้เสด็จมาหาเธอด้วยพระมหากรุณาอันล้นพ้นของพระองค์

พระผู้ก่อตั้งนิกายท่านนี้ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า

“พระนางมารีย์ได้มอบน้ำนมของพระนางให้แก่องค์พระผู้เป็นเจ้า กล่อมองค์พระผู้เป็นเจ้าจนหลับ และเตรียมซุปอร่อย ๆ ให้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า”

รูปภาพ

แต่บรรดาผู้สืบทอดนิกายของเขากลับประนาม ดูหมิ่น บทบาทผู้ร้องขอวิงวอนเพื่อชาวเราในสวรรค์ของพระนาง เป็น “การเคารพรูปเคารพอันไม่สมควร” และกล่าวหาว่าสิ่งนี้ไปลดบทบาทของพระเยซูในฐานะคนกลางอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ต้องเสื่อมถอยลง

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:27 am
โดย Holy
บูคานัน ผู้เป็นโปรแตสแตนท์เพรสไบทีเรียนรุ่นที่4 ได้ข้อสรุปจากการสังเกตของเขาว่า

“พระนางมารีย์เป็นบุคคลที่เป็นสัญญลักษณ์อันโดดเด่นของนิกายคาทอลิก และนั่นเป็นสาเหตุที่พระนางตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักอยู่เสมอ”

คาทอลิกได้ให้ความสำคัญกับพระนาง ยกพระนางให้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการประกาศข้อความเชื่อ 2 ข้อ คือ ข้อความเชื่อเรื่องการปฏิสนธินิรมล ในปี 1854 และ ข้อความเชื่อเรื่องการได้รับการยกเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ ในช่วงปี 1950

รูปภาพ

เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ของชาวโปรแตสแตนท์ที่มีต่อแม่พระก็ทำให้พวกเขาค่อย ๆ ละเลยแม่พระไปทีละน้อย ๆ ซึ่งเป็นที่รู้กันในกลุ่มโปรแตสแตนท์หลายๆกลุ่ม เช่น คริสตจักรโปรแตสแตนท์ เพรซไบทีเรียน ในปี 1991 ประกาศข้อความเชื่อในการยกย่องเทิดทูนบรรดา ประกาศก อัครสาวก จนแม้แต่นางซาราห์ว่าเป็นสตรีคนสำคัญ แต่กลับจงใจตัดชื่อของพระนางมารีย์ออกไป

ปีเตอร์ โกเมส ศาสนจารย์ของ ฮาวาร์ด เคยพูดมุขตลกมุขหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ว่า

“นักเทววิทยาโปรแตสแตนท์คนหนึ่งได้เสียชีวิตลง เขาได้ขึ้นสวรรค์ และที่ประตูสวรรค์พระเยซูรอรับเขาอยู่ พระเยซูเมื่อเห็นเขาก็ตรัสออกมาในทันทีว่า “โอ ศาสตราจารย์ เรารู้ดีว่าท่านรู้จักพระบิดาของเรา แต่เราไม่คิดว่าท่านจะรู้จักพระมารดาของเราหรอกนะ

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:41 am
โดย Holy
รูปภาพ
เบาะแสในพระคัมภีร์ : กาเวนต้า นักเทววิทยาแห่งโรงเรียนสอนศาสนา พรินเซต้อน แปลกใจมากเมื่อพบว่าเรื่องของพระนางมารีย์ถูกพูดถึงน้อยเพียงไรในหมู่นักวิชาการโปรแตสแตนท์

ในปี 1989 เบเวอรี่ กาเวนต้า ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ แห่ง พรินเซตอน ได้รับการติดต่อให้เขียนบทความเกี่ยวกับพระนางมารีย์ เพื่อนำไปรวมกับบทความงานเขียนอื่นๆของหนังสือ “บุคคลสำคัญในพันธสัญญาใหม่” (Personalities of the New Testament) ตัวเธอนั้นไม่ค่อยรู้อะไรมากเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องของพระนางเลย แต่เธอยิ่งแปลกใจมากกว่านั้นที่เพื่อนๆของเธอคนอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เช่นกัน

“เรายินดีมากกว่าที่จะพูดพรรณนาถึง มารีย์ มักดาลีน หรือพูดถึงใครก็ตามที่เรารู้จักมากกว่านี้”เธอกล่าว

“คุณสามารถหาบทความ งานเขียน จำนวนนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ อย่างเรื่องความสงสัยของนักบุญโทมัส แต่เรื่องของพระนางมารีย์ที่เชิงกางเขนกลับมีอยู่น้อยเอาเสียมาก ๆ “

เธอยังมีเรื่องที่น่าตกตะลึงเสียยิ่งกว่านี้อีก ในตอนที่เธอได้รับเชิญให้ไปกล่าวบรรยายที่โบสถ์ของพวกเขา

“ดิฉันจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับพระนางมารีย์เสียหน่อย” เธอกล่าวก่อนเริ่มบรรยาย ก่อนจะตามมาด้วยความเงียบตะลึงงงงันของผู้ฟัง

“คือว่า พวกเราเป็นโปรแตสแตนท์กันเกือบทั้งหมดนะครับ” ผู้ฟังตอบกลับมา


เรื่องนี้อาจดูเป็นเรื่องน่าอายสำหรับตัวเธอ แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอบอกว่าเธอพยายามจะสื่อถ่ายทอดเรื่องของพระแม่มารีย์ลงไปในวิธีแบบโปรแตสแตนท์

“เรา โปรแตสแตนท์ ภูมิใจที่เราเป็นคนรู้พระคัมภีร์ หมั่นอ่านพระคัมภีร์อยู่เป็นนิจ ดังนั้นเรามาอ่านพระคัมภีร์กันเถอะ และดูสิว่าเราพบอะไรในนั้นบ้าง”

รูปภาพ

เรื่องที่เธอได้พูดออกไป และ เรื่องที่ชาวโปรแตสแตนท์ละเลยมาเป็นเวลาร่วมศตวรรษ เป็นเรื่องของสตรีผู้หนึ่ง ที่ถูกพูดถึง และ ปรากฏในพระคัมภีร์ ในแบบที่แยบยล และ เด่นชัดยิ่งกว่าบุคคลอื่นใดในพระคัมภีร์ รองจากพระเยซูเจ้า ใช่แล้ว จากเหตุการณ์เทวทูตแจ้งสารแก่พระนางนั่นเอง จากคำถามของพระนางที่ถามว่า

“เหตุการณ์นี้จะเกิดกับข้าพเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าไม่มีสามี”
กับการตามมาด้วยการยินยอมอย่างเต็มตัวของพระนาง (หลังได้รับคำตอบจากเทวดากาเบียรล)
จากคำสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่แสดงถึงการถวายตัวของพระนาง ว่า

“ขอให้เป็นไปตามนั้นเถิด”
(Let it be)


และบทที่เด่นชัดรองลงมาคงไม่พ้นเรื่องที่พระนางเสด็จไปเยี่ยมนางเอลีซาเบ็ธ

รูปภาพ

กับบทสดุดีของพระนางที่เริ่มต้นว่า

“วิญญาณข้าพเจ้าถวายสดุดีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า...” (ที่มาของบท Magnificat)

ตามมาด้วยการพยากรณ์ว่า

“ตั้งแต่นี้ต่อไปคนทุกยุคทุกสมัยจะเรียกข้าพเจ้าว่าเป็นผู้มีบุญ”


บททั้งหมดนี้มีกล่าวถึงในพระคัมภีร์อย่างชัดเจน และ แยบยล โดยไม่อาจจะปฏิเสธหรือละเลยไปได้
ทั้งหมดนี้สื่อแสดงอย่างชัดเจนว่า “ทรงคว่ำผู้ทรงอำนาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น
พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า”

รูปภาพ

ในขณะที่ทุก ๆ คนจำบทบาทของพระนางมารีย์ในฐานะผู้ให้กำเนิดพระผู้ไถ่ ได้ในเดือนธันวาคมของทุกปี แต่หลาย ๆ คน กลับลืมบทบาทของพระนางหลังจากนั้นเสียสิ้น เหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดตามมาหลังจากนั้น การถวายพระกุมารในพระวิหาร กับการเข้าเฝ้าพระกุมารของ ซีเมโอน และประโยคที่เขาพูดว่า “ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน”

รูปภาพ

เช่นกัน ในบทบาทของพระนางในการตามหาพระกุมารวัย 12 ที่หายตัวไป และบทบาทของพระนางที่ด้วยการขอร้องของพระนาง พระเยซูจึงได้ทรงกระทำการอัศจรรย์ครั้งแรกในการเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่นที่งานแต่งงานที่คานา แต่การละเลยแสร้งทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจในเหตุการณ์ และบทบาทของพระนางทั้งหมดนี้ยังไม่เท่ากับการละเลยต่อเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด คือ บทบาทของพระนางแทบเชิงกางเขน แม้พระวรสาร 3 บทแรกจะไม่ได้กล่าวตรง ๆ ถึงพระนาง แต่เราก็แน่ใจได้ว่าพระนางอยู่ด้วยตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นและสัมผัสถึงพระมหาทรมานทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพระบุตรของพระนาง

รูปภาพ

ก่อนยามที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ตรัสกับพระนางว่า

“หญิงเอ๋ย จงแลดูบุตรของท่านเถิด”

แล้วจึงตรัสกับอัครสาวกยอห์นว่า

“บุตรเอ๋ย จงแลดูมารดาของท่านเถิด”

รูปภาพ

ส่วนบทบาทสำคัญสุดท้ายของพระนางคือการได้รับพระจิตเจ้าร่วมกับบรรดาอัครสาวก ในฐานะสตรีเพียงคนเดียว ณ ที่นั้น ที่ได้รับพระจิตเจ้า ทั้งหมดนี้คือบทบาทสำคัญของพระนางมารีย์ที่ปรากฏอย่างเด่นชัดในพระคัมภีร์ แต่บทบาทเหล่านี้ของพระนางกลับถูกละเลยมองข้าม หรือไม่ให้ความสำคัญที่คู่ควรเพียงพอ ไปอย่างน่าเสียดาย
รูปภาพ

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:48 am
โดย Holy
รูปภาพ
วันเพนเทคอส: หลังจากพระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ หนังสือกิจการอัครสาวก บันทึกว่า บรรดาศิษย์ได้มาชุมนุนกันในห้องชั้นบนในเยรูซาเลม กลุ่มนี้สามารถเข้าใจในธรรมประเพณีได้ว่าเป็นศูยน์กลางของคริสตจักรใหม่ที่พระเยซูตั้งขึ้น พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือทุกคน ในการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของพระนางในพระคัมภีร์ พระนางมารีย์ เป็นสตรีเพียงคนเดียวในห้องนั้นที่ถูกระบุชื่อ นี่เป็นสัญญาณว่าเธอเป็นศิษย์คนสำคัญยิ่ง


กาเวนต้าได้ข้อสรุปว่าถึงแม้ไม่มีการบันทึกประวัติ หรือ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพระนางเอาไว้ แต่“ไม่มีตัวอย่างของใครอื่นใดเลยที่สามารถเทียบกับพระนางได้”

เธอกล่าว พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ไม่เคยมีใครเลยแม้แต่คนเดียวทั้งก่อนหน้านี้และตลอดไปที่จะ

“ปรากฏอยู่ใน 3 เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของพระเยซูเช่นพระนาง คือ ยามพระองค์ประสูติ ยามพระองค์สิ้นพระชนม์ และ หลังพระองค์สิ้นพระชนม์และประทานพระจิตเจ้าลงมา”

รูปภาพ

กาเวนต้ายืนยันว่าโปรแตสแตนท์พยายามที่จะเลี่ยงที่จะไม่รับรู้ถึงสิ่งสารพันที่พระเป็นเจ้าได้ทรงกระทำต่อพระนางมารีย์ มากกว่าจะพูดถึงพระนางมารีย์

“คุณก็อาจทำแบบเดียวกันกับอัครสาวกเปโตรได้ โดยการอ้างว่าเขาไม่ใช่สาระสำคัญในบทพระวรสาร และเรื่องที่บันทึกไว้ทั้งหมดก็ไม่ได้เน้นที่ตัวเขาเป็นหลัก “กาเวนต้า กล่าว

“แต่คุณไม่สามารถห้ามไม่ให้คนพูดถึงคุณความดีงามของนักบุญเปโตร ในฐานะแบบอย่างที่ดี ที่เราสามารถเรียนรู้และเอาอย่างท่านได้”


กาเวนต้าได้ประพันธ์หนังสือไว้เล่มหนึ่ง ซึ่งมีชื่อหนังสือว่า “พระนางมารีย์ ชำเลืองดูพระมารดาพระเยซูเจ้า” (Mary : Glimpses of the Mother of Jesus) จากเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นรวมกับงานประพันธ์ และ บทความต่าง ๆ ของเธอ เธอเริ่มที่จะหาชื่อเรียกตำแหน่งแทนพระนางมารีย์ใหม่ ชื่อตำแหน่งที่ไม่ใช่ ราชินีแห่งสวรรค์ แต่ต้องเป็นชื่อที่เข้ากับทางโปรแตสแตนท์มากกว่านี้ และหนึ่งในตำแหน่งฉายาที่เธอใช้เรียกพระนางคือ “ปฐมศิษย์” ซึ่งสื่อถึงความเป็นศิษย์คนแรกของพระนางต่อพระเยซูเจ้า

รูปภาพ

โดยทั่วไปเราจะคิดว่าวลีที่พระนางได้กล่าวไว้ว่า “ขอให้เป็นไปตามนั้น” (Let it be ) แสดงถึงการนบนอบเชื่อฟังในพระเจ้าของพระนาง แต่กาเวนต้ามองตรงจุดนี้ต่างออกไป เธอมองว่าไม่ใช่เพียงแค่การเชื่อฟังพระเป็นเจ้าเท่านั้น แต่เป็นการแสดงการยอมรับ คือ “ยอมรับว่าพระเยซูเจ้าคือพระผู้ไถ่” ยอมรับว่าบุตรที่จะเกิดในครรภ์ของพระนางเป็นพระผู้ช่วยให้รอดจริง ๆ เป็นการแสดงความเชื่อและยอมรับทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เห็นก่อนหน้าผู้ศรัทธาคนอื่น ๆ จะเชื่อเสียอีก

บทความจาก คริสเตียนวันนี้ (Christian Today) ของ ทิโมธี จอร์จ ผู้เป็น คณะบดีของ โรงเรียน บีซัน ดีวินิตี้ ที่ มหาวิทยาลัย แซมฟอร์ด ในเบอร์มิงแฮม อัลบามา ได้แสดงทรรศนะต่อเรื่องนี้เอาไว้ว่า

“ถ้าตอนนั้นพระนางไม่เชื่อ พระนางก็คงไม่ทรงครรภ์”

กาเวนต้ายังพูดเน้นย้ำถึงบท Magnificat อีกด้วย บทสรรเสริญนี้ทำให้เรานึกถึงสำนวนโวหาร บทกวีลำนำที่ปรากฏในพันธสัญญาเดิมของบรรดาประกาศก ซึ่งสะท้อนสภาพสังคม และสื่อความหมายผ่านออกมาในสัมผัสที่ไพเราะของบทกวีนิพนธ์ แต่กาเวนต้ามองว่าสิ่งนี้ทำให้พระนางเป็นประกาศกคนหนึ่งด้วย

ทั้งจากสำนวนโวหาร และเนื้อหาการประกาศของพระนางที่ว่า

“ในพระเยซูคริสตเจ้า พระเป็นเจ้าทรงล้มล้างสิ่งที่เป็นอยู่”

ซึ่งก็เป็นหนึ่งในภารกิจหลักที่พระองค์ได้ทรงทำในเวลาต่อมา

รูปภาพ

สก็อต แม็คไนท์ ได้ประพันธ์บทหนึ่งไว้ในหนังสือของเขา “ข้อความเชื่อของพระเยซูเจ้า” (The Jesus Creed) เอาไว้ว่า บท Magnificat เป็นเสมือนบทสรุปรวมที่รวมคุณธรรม ความดีงาม และคำสั่งสอน ทั้งหมดของพระเยซูเจ้าเอาไว้ โดยเขาเปรียบเทียบกับผ้าอ้อมเด็กในช่วงศตวรรษที่ 1

“ผมคิดว่าพระนางกล่อมพระกุมารให้หลับด้วยบทเพลงสวดบทนี้ บทเพลงสวดอันล้ำลึกที่มีอิทธิพลต่อพระเยซูคริสตเจ้าด้วย” สก็อตกล่าว

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:51 am
โดย Holy
รูปภาพ
พระมารดาผู้ให้กำเนิด : ในการชุมนุมกันของโปรแตสแตนท์ เรื่องของพระนางมารีย์นั้นถูกหยิบยกมากล่าวถึงน้อยมาก เว้นแต่จากบทเทศน์ หรือ ละคร ที่พูดถึงเรื่องการประสูติของพระเยซู แต่มีนักวิชาการและนักเทศน์หลายท่านได้ให้ความสนใจเรื่องราวของพระนางมารีย์ในช่วงชีวิตต่าง ๆ ของพระบุตรของพระนาง ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ ถวายพระกุมารที่พระวิหารหลังการประสูติ เหตุการณ์ที่พระนางขอร้องพระเยซูให้เปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่นที่คานา ที่ซึ่งพระนางได้เร่งเร้าให้พระองค์สำแดงการอัศจรรย์ครั้งแรก

ผลงานของกาเวนต้าช่วยจุดประกายให้นักประพันธ์คนอื่น ๆ มีความกล้ามากขึ้น

จากผลงาน “ผู้มีบุญ: มุมมองโปรแตสแตนท์ต่อพระนางมารีย์” (Blessed One : Protestant Perspectives on Mary) ที่ประพันธ์ร่วมกับ ซินเธีย ริจบี้ ได้นำเสนอมุมมองหลายอย่างเกี่ยวกับสตรีเพศ และหนึ่งในนั้น ได้มีการเปรียบเทียบบทบาทของพระนางมารีย์กับแนวคิดอนุรักษ์นิยมเรื่อง “คุณค่าของครอบครัว” และการตีความใหม่ว่าพระนางเก็บสิ่งต่าง ๆ ไว้ในใจของพระนาง และพินิจพิจารณาสิ่งสารพันเหล่านั้น ในฐานะของแม่บ้านที่ขยันขันแข็ง สู่บทบาทผู้ศรัทธาอย่างแรงกล้า และบทบาทของความเป็นมารดา

จากหนังสือ “มารีย์: พระมารดาของพระเป็นเจ้า” (Mary, Mother of God) ที่ประพันธ์โดย บราอเทน และ เจนสัน ได้นำเสนอแนวคิดที่เชื่อว่า “การเรียกพระนางมารีย์ว่าพระมารดาของพระเป็นเจ้า ทำให้เราพึงระลึกได้ว่า พระเยซูเป็นพระเจ้า” ด้วยเหตุนี้เราจะไม่มองพระองค์ตามกระแสโลกแค่ในฐานะ ศาสดาคนหนึ่ง นักปรัชญาคนหนึ่ง หรือ แค่ ครูคนหนึ่ง ศิษยาภิบาลจอร์จเสริมอีกด้วยว่าสิ่งที่เราควรวิตกกังวล มิใช่คาทอลิกอนุรักษ์นิยม

“ไม่ว่าเราจะเป็นคริสตชนนิกายไหน เรามีศัตรูร่วมกัน นั่นคือกระแสโลก วัตถุนิยม การกีดกันแบ่งแยกทางเชื้อชาติ สีผิว และการบิดเบือนพระคัมภีร์”

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:53 am
โดย Holy
รูปภาพ


เหตุการณ์ของพระนางมารีย์ที่แทบเชิงกางเขน เป็นเหตุการณ์ที่เด่นชัดในตัวเองโดยไม่ต้องเสริมหรืออ้างอิงเนื้อความใดเสริมสนับสนุนเลย เช่นรูปพระมารดาอุ้มพระศพพระบุตรที่ชื่อ ปิเอต้า ของไมเคิ้ล แองเจโล ที่อาจจะไม่ได้มีบันทึกเหตุการณ์นั้นไว้ในพระคัมภีร์ แต่กระนั้นก็ดีข้อความเชื่อในช่วงตอนปลายของยุคกลางเหล่านี้ ไม่ได้มีผลต่อความจริงในเรื่องความเจ็บปวดรวดร้าวอันน่าสะเทือนใจที่พระนางมีต่อพระบุตรที่แทบเชิงกางเขนนี้ และต่อการเป็นพยานคริสตชน ในช่วงเวลาอันมืดมนที่สุดนั้นเลย ในขณะที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า การที่แทบไม่มีอัครสาวกชายคนอื่น ๆ อยู่เลย ทำให้พระนางไม่ใช่เพียงแค่ “ผู้อยู่เคียงข้างกับบรรดาอัครสาวก” หากแต่เป็น “ผู้นำหน้าบรรดาอัครสาวกไปแล้ว” บราเทน กล่าว

หลาย ๆ คนให้ความสนใจกับสิ่งที่พระเยซูตรัสกับพระนาง และ นักบุญยอห์น ก่อนสิ้นพระชนม์ ชาวคาทอลิกเชื่อว่าเนื้อหาตรงนี้มีความหมายว่าพระเยซูทรงฝากฝังพระมารดาของพระองค์ให้เป็นพระมารดาแห่งบรรดา คริสตชนทั้งมวล ขณะที่ทางด้านโปรแตสแตนท์ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดตรงนี้

แต่ จอร์จ ได้แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า มันดูไม่สมเหตุผลถ้าจะสรุปว่าพระองค์จะตรัสเพียงเพื่อฝากผู้อื่นดูแลพระมารดาของพระองค์เพียงแค่นั้น

“ผมคิดว่าอัครสาวก ยอห์น นั้นสื่อแทนถึงพระศาสนจักร และเหตุการณ์นั้นมีความหมายว่า พระนางต้องได้รับการยกย่อง เชิดชู ในฐานะผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งความรอดนี้” เขากล่าว “และผมไม่คิดว่าคุณจะต้องเป็นคาทอลิค ถึงจะพูดประโยคนี้ได้”

รูปภาพ

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:56 am
โดย Holy
รูปภาพ
ผู้สนับสนุนเปี่ยมศรัทธา : เลซี่ คริสเตียนนิกายเมโทรดิส หนึ่งในชาวโปรแตสแตนท์กลุ่มแรกๆ ผู้ต่อสู้สนับสนุนเรื่องพระนางมารีย์ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเขาถูกขับออกจากการเป็นศาสนจารย์ เพราะการพูดอย่างตรงไปตรงมาของเขาเรื่องการให้ความเคารพต่อพระนาง

โดนัลด์ ชาร์ลส เลซี่ ศาสนจารย์โปรแตสแตนท์ นิกายเมโทรดิส วัย 72 อยู่ที่นี่มาก่อนช่วงปี 1960 โดยประมาณ ในฐานะส่วนหนึ่งของสังคยานาวาติกัน ที่ 2 ศาสนจักรคาทอลิกได้ทำการตรวจสอบเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกี่ยวกับแนวคิดการให้ความเคารพพระนางมารีย์ โดยดำรงหัวใจข้อความเชื่อหลักคือ ปฏิสนธินิรมล ดวงหฤทัยนิรมล และ การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณเอาไว้ แต่กระนั้นก็ดีทางศาสนจักรคาทอลิกให้เตือนให้ระวังถึง “ความเชื่อผิดที่ถูกปรุงแต่งจนเกินจริง” เกี่ยวกับพระนางมารีย์

ศาสนจารย์หนุ่มอย่าง เลซี่ ถกเกี่ยวกับเรื่องนี้จากข้อสรุปที่สามารถเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างของแนวคิดเชิงอุดมคติของคาทอลิก ที่ได้รับแรงกระตุ้นให้ในการก่อตั้งกลุ่มใหม่ อย่างเช่น กลุ่มสมานฉันท์แห่งพระนางพรหมจารีย์มารีอา

แต่เรื่องทั้งหมดนี้ผ่านไปแล้ว…

เลซี่ ถูก ปลดออกจากตำแหน่งพระโดยคำสั่งของอธิการผู้ใหญ่ และถูกขับออกไปจากฐานะศาสนจารย์
งานของเขาไม่ได้รับการยอมรบในแวดวงกว้างนัก จนกระทั่ง 4 ปีที่ผ่านมา ผลงานของเขากลับถูกตีพิมพิ์ออกมา

“ผมต่อสู้เพียงลำพังคนเดียวมานานนับหลายปี” เลซี่กล่าว

“แต่อย่างน้อยผมก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นผู้คนเริ่มให้ความสนใจทางนี้”


เลซี่ได้กล่าวถึงบทบาทการกลับคืนชีพว่ามาจากพระจิตเจ้า และพระจิตเจ้าองค์เดียวกันนี้เองก็ยังทรงทำงานมากขึ้นจากการแต่งงานระหว่างผู้มีความเชื่อต่างกันด้วย

รูปภาพ

คาร์ค ยุทส์เลอร์ 4-H ไดเรคเตอร์ ลินเดน อินเดียน่า เป็นแฟนตัวยงของเลซี่
โดยที่เขาเริ่มที่จะสังเกตภรรยาคาทอลิกของเขาว่ามีความศรัทธามากแค่ไหน ในตอนที่ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 17 ปีก่อน นอกจากนี้เขาชื่นชมในความเชื่ออันแน่วแน่ และการยอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้าของพระนางมารีย์ เป็นพิเศษอีกด้วย “คุณเห็นสร้อยข้อมือนี่ไหม มันมีเขียนว่า “พระเยซูจะทำอะไร?”(What Would Jesus Do?) “ เขาถาม “มันควรจะมีอีกอันมาคู่กัน เขียนว่า “พระแม่มารีย์จะตอบว่าอะไร?”(How would Mary react?)

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 4:59 am
โดย Holy
รูปภาพ


ที่โรงเรียนสอนศาสนของทางโปรแตสแตนท์ มีโรงเรียนหลายต่อหลายแห่งที่มีภาพไอคอนของพระนางมารีย์ประดับอยู่บนกำแพงของบรรดาศิษยาภิบาลในอนาคตด้วย นอกจากนี้แม้แต่สำนักพิมพ์พระคัมภีร์ยังให้ความสนใจด้วย แม้ว่าจะมีการหวาดระแวง ถึง หนังสือ ที่อาจจะแนะนำ เรื่องของพระแม่มารีย์ ไปสู่วัยรุ่นโปรแตสแตนท์ ของนักประพันธ์นาม ชานนอน คูบิเอค ซึ่งแม้ผลงานของเขามีการกล่าวถึงพระนางมารีย์อย่างอ้อม ๆ โดยนัยด้วย

“พวกเขาไม่อยากที่จะพูดถึงพระแม่มารีย์ในแง่ที่ยกพระนางให้สูงขึ้น และพูดถึงพระนางด้วยความเคารพและให้เกียรติ แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่รู้ที่จะพูดถึงพระนางอย่างไรโดยไม่ให้เกียรติพระนาง พวกเขาจึงเลี่ยงพยายามไม่พูดถึงพระนางแทน”

คูบิเอค กล่าว และผลงานอันดับ2ที่จะออกมาหลังอีสเตอร์นี้คือ “พระเจ้าทรงเรียกเด็กผู้หญิง: พระนางมารีย์เปลี่ยนโลกของพระนางอย่างไรและคุณเองก็สามารถทำได้เช่นกัน”(God called a girl:How mary Changed her World and Your Can Too)

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 5:03 am
โดย Holy
เป็นเวลา 11 ปี ระหว่างเวลาที่ แมรี่ เบิร์ก ไพรซ์ ผู้จัดการศูนย์การศึกษาศิษยาภิบาล หลุยส์เวล เคนตัคกี้ ที่ โรงพยาบาล ที่ซึ่งเธอให้กำเนิดลูกของเธอ และเป็นที่ซึ่งเรื่องราวของการตาย ได้เข้ามาเยือนชีวิตเธอ แต่ทั้งสองเรื่องกลับทำให้เธอกลายเป็น"โปรแตสแตนท์นิกายแบตติสที่ศรัทธาแม่พระ" (Marian Baptist) ตัว เบิร์ก ไพรซ์ นั้นเติบโตมาโดยไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องของพระนางมารีย์เลย แต่ในปี 1987 ในวันคริสต์มาสอีฟ เธอประสบปัญหาการคลอดยากที่มีความเสี่ยงสูงมาก การคลอดเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ในเวลาต่อมา เธอกำลังนั่งกล่อมทารกวัย 4 เดือนของเธออยู่ที่ม้านั่งในโบสถ์ที่เธอไปประจำในหลุยส์เวล เธอสัมผัสประสบการณ์นั้นทั้งหมด และ ตระหนักด้วยตัวเองว่าการตั้งครรภ์ของพระนางมารีย์นั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก เช่นเดียวกับเรื่องการประสูติของพระเยซู

รูปภาพ

ในปี 1998 เพื่อนสนิทของเธอเสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก เบิร์ค ไพรซ์ ได้เดินทางไปที่ศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยชนบท ที่ดำเนินงานโดยสมาชิกคาทอลิกท้องถิ่นที่อาศัยอยู่แถบนั้น ในคืนหนึ่งขณะที่เธอกำลังเดินร้องไห้สะอื้นคร่ำครวญ ภาวนา และ ถามด้วยความสงสัยในใจว่า “ทำไม” อยู่นั้น เธอพบตัวเองอีกทีอยู่เบื้องหน้ารูปปั้นหินอ่อนขนาดใหญ่ของพระนางมารีย์ที่อยู่ติดกับโรงนา พระหัตถ์ทั้งสองข้างของพระนางแผ่ขยายออก ขณะที่พระพักตร์ของพระนางมองลงมาเบื้องล่าง ก้มลงมามองเธอ กับความรู้สึกเมตตาสงสารอันยิ่งใหญ่ที่เธอสามารถสัมผัสได้จากพระนาง

"ตอนนั้นฉันตระหนักขึ้นมาทันทีว่าพระนางทรงเข้าใจว่าฉันรู้สึกเช่นไร เพราะพระบุตรสุดที่รักของพระนางก็สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และเช่นกันที่พระนางต้องอดทนต่อความรู้สึก ความเจ็บปวด และ ทุกขเวทนาสุดแสนจะพรรณนาออกมาได้ ฉันรู้สึกราวกับว่าพระนางทรงไขแสดงให้ฉันได้ตระหนักถึงพระเมตตาอย่างล้นพ้นที่พระเป็นเจ้าทรงมีให้กับฉัน ด้วยการสัมผัสฉันผ่านประสบการณ์จริง"

รูปภาพ

เบิร์ค ไพรซ์ ยังอยู่ในคริสตจักร แบตติส แต่ออฟฟิซของเธอนั้นเต็มไปด้วยแม่พระแล้ว ไม่ว่าจะเป็น รูปปั้นกระเบื้อง รูปภาพ จนถึงบัตรภาวนา ทั้งหมดล้วนมีภาพพระแม่มารีย์ หรือ เกี่ยวกับพระแม่มารีย์ ด้วยกันทั้งสิ้น เธอจะมีสายประคำเส้นหนึ่งไว้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นคาทอลิค เธอบอกว่า

"และในบางครั้ง ฉันรู้จักบทสวดพวกนั้นดีกว่าพวกเขาเองเสียอีก"

เบิร์ค ไพรซ์ ถูกดึงดูดด้วยสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น เสน่ห์ที่สำคัญที่สุดของพระนางมารีย์ก็ว่าได้ นั่นคือพระนางเป็นศูยน์รวมของภาพลักษณ์แห่งความรักแบบคริสตชนของช่วงเวลาสำคัญสองช่วงคือ ช่วงเวลาแห่งการกำเนิด และช่วงเวลาแห่งความตาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทางโปรแตสแตนท์ออกตัวปฏิเสธอย่างเป็นทางการ แต่ก็เหมือนเป็นการห่างเหินมาแต่แรกแล้วเสียมากกว่า ความกระหายในสิ่งนี้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรมผ่านทางภาพยนตร์ "The Passion of the Christ" ของ เมล กิ๊บสัน ศิษยาภิบาลอนุรักษ์นิยมหลาย ๆ คนได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร คริสเตียนนิตี้ ทูเดย์ ว่า พวกเขารู้สึกดี และชื่นชมกับฉากหลาย ๆ ฉากของพระแม่มารีย์ในภาพยนตร์ ที่ไม่ได้มีกล่าวไว้โดยตรงในพระคัมภีร์ แต่ถูกเพิ่มเข้ามา คือ ฉากที่พระแม่เห็นพระบุตรถูกโบยต่อหน้าต่อตา ฉากที่พระแม่ไปซับพระโลหิตบนพื้น ฉากพระแม่จูบพระพักตร์อาบโลหิตของพระบุตร และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉากตอนที่พระเยซูคริสต์ทรงแบกกางเขนแล้วล้มลง ได้ย้อนความหลังตอนที่พระกุมารเยซูล้มลงและร้องไห้ และพระแม่มารีย์วิ่งเข้าไปอุ้มพระองค์ขึ้นมาในอ้อมแขนของพระแม่

รูปภาพ

���นอกจากนี้ ฉากอันน่าสะเทือนใจจากภาพยนต์ฉากนั้น ยังทำให้ ความเป็นโปรแตสแตนท์ ของบูคานัน รู้สึกกระทบอะไรบางอย่างด้วย

"ผม และ คุณ ต้องมาพิจารณากันถึงเรื่องศรัทธาในแง่ของความคิด และวัตถุประสงค์ ก่อนจะอ้างว่าสิ่งใดจริงหรือเท็จ พระนางมารีย์ได้ทรงเตือนสติเราว่า ศรัทธาของเรานั้นเกิดจากความรัก ความรักที่ไม่ได้มาจากการตีความอันมีเหตุผลจากตัวอักษรในหนังสือ หากแต่มาจากชีวิตของมนุษย์เราเอง"

"เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องของแม่คนหนึ่ง ที่บุตรของนางถูกสังหารลงในอิรักเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อบรรดาเด็ก ๆ ภรรยา และ สามี ซึ่งคอยการกลับมาของผู้อันเป็นที่รักด้วยความกลัว และ ความหวัง ขอให้เรายอมให้พระนางมารีย์เป็นผู้เตือนใจเราถึง ความรัก และพระเมตตาอันล้นพ้น และ ความชิดสนิทกับพระผู้เป็นเจ้าเถิด"

รูปภาพ

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 5:05 am
โดย Holy
แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก นักศาสนศาสตร์แบสติสทางใต้ นาม โมเลอร์ เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเช่นนั้น เขากลับมีทัศนคติที่ขัดแย้งกับการวิเคราะห์พระคัมภีร์ของกาเวนต้า

“ผู้ศึกษาพระคัมภีร์หลาย ๆ คน พยายามลดบทบาทของมารีย์ในพระคัมภีร์ลง ซึ่งมันต้องถูกแก้ไข” เขายอมรับ
“แต่เมื่อผมค้นคว้าพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ผมว่าสาเหตุไม่ใช่เรื่องของการพยายามไม่สนใจ หรือ ทำเป็นไม่สนใจเธอ เราต้องไม่มองข้ามส่วนของเธอ แต่การสร้างบทบาทใหม่ให้เธอนั้นเป็นเรื่องเลยเถิด”

สิ่งที่เขารู้สึกไม่ชอบใจที่สุดคือ “การยกมารีย์เป็นพระฉายาลักษณ์ของของพระเจ้าในด้านความเป็นแม่ ซึ่งในบางมิตินั้นเกินเลยไปกว่าที่พระคัมภีร์ได้เขียนเอาไว้ เรื่องความรักของพระผู้เป็นเจ้านั้นแสดงอยู่ในพระคัมภีร์โดยไม่เห็นจำเป็นต้องให้มารีย์มาเป็นตัวสื่อ การพูดถึงความจำเป็นดังกล่าวของเธอในแง่ สัญลักษณ์ แทนที่จะเป็นในแง่ของ ข้อความเชื่อ” เขาหยุดคิด “นี่คือการปฏิรูปที่ย้อนกลับ สิ่งนี้ไม่มีพระคัมภีร์สนับสนุนเลย และมันจะนำไปสู่การนมัสการมารีย์มากเกินไป”

รูปภาพ

การตัดสินของโมเลอร์อาจจะดูรุนแรงขวานผ่าซาก แต่ประเด็นคำถามของเขาก็เป็นไปตามแบบอย่างปกติของชาวโปรแตสแตนท์ที่เคร่ง การเปลี่ยนแปลงจากการเคารพนับถือพระนางมารีย์กลายเป็นการเทิดทูนเคารพบูชาเกิดขึ้นจากการตีความตามเนื้อหาของนักเทววิทยาได้ง่ายกว่า ที่ผู้ศรัทธาจะทำในทางปฏิบัติ ตัวอย่างนี้เห็นได้จากชาวโปรแตสแตนท์ที่รักแม่พระ ที่ยืนยันว่าจะไม่ใช้พระนางในฐานะผู้ร้องวิงวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ยอมรับอย่างง่ายดายว่าได้กล่าว “โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป” จากบทวันทามารีอาออกมา ซึ่งอาจจะดูเป็นการขัดแย้งในตัวเอง ในทำนองเดียวกัน บรรดานักเรียนศิษยาภิบาลที่ตกแต่งผนังด้วยรูปไอคอนแม่พระ แต่ไม้กางเขนของพวกเขายังเป็นแบบที่ไม่มีรูปพระเยซู (กางเขนแบบโปรแตสแตนท์ทั่วไป) จะสามารถพูดได้หรือไม่ว่าพวกเขาให้ความสำคัญพระเยซูมาเป็นอันดับแรก และเมื่อบทบาทของพระนางในฐานะ “พระมารดาของพระเจ้า” ถูกเน้นหนักขึ้น มีทางง่ายๆบ้างไหมที่จะป้องกันสถานภาพของเธอจากฐานะของมนุษย์ที่นบนอบถ่อมตน ไม่ให้กลายเป็นฐานะกึ่งพระเจ้า

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 5:07 am
โดย Holy
   ท้ายสุด บทบาทของพระนางมารีย์ที่ถูกพูดถึงโดย โมเลอร์ ก็ดี กาเวนต้า ก็ดี อาจไม่มีผลกระทบต่อผู้คนมากเท่ากับกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในปัจจุบัน และทำให้ชาวโปรแตสแตนท์รู้สึกว่าควรพิจารณา ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ โบสถ์ เอล อามอร์ เดอ ดิออส ที่ ชิคาโก้ตอนใต้ และกำลังอ่านบางอย่างในภาษาสเปนอยู่ น้ำตาไหลราดรินลงมาอาบแก้มของเขา สิ่งที่เขากำลังอ่านอยู่เป็นเรื่องของพระนางมารีย์จากพระคัมภีร์นอกสารระบบเล่มหนึ่ง การชุมนุมเกิดขึ้นหลังจากนั้น ในการชุมนุมเขาได้กล่าวบทสวดสรรเสริญพระนางด้วยภาษาในแบบของเขาเอง สองข้างของแท่นบูชามีรูปปั้นพระนางมารีย์ที่มีกุหลาบสดประดับประดาแทบพระบาทพระนาง และสายประคำที่ห้อยอยู่ในพระหัตถ์ของพระกุมาร ในขณะที่แท่นบูชาถูกประดับตกแต่งในแบบที่น่าตกตะลึงที่สุด คือพระนางมารีย์ถูกล้อมรอบด้วยรัศมีหลากสีในแบบเดียวกับรูปพระแม่แห่งกัวดาลูป โดยที่โบสถ์แห่งนั้นเป็นโปรแตสแตนท์ นิกายเมโทรดิส

รูปภาพ

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 5:12 am
โดย Holy
"ตอนนี้เรื่องพระนางมารีย์เหมาะสมหรือไม่อย่างไร ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในนิกายใหญ่ๆ" บราเทน กล่าว

"แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้จะเข้ามาก็เพราะสาเหตุของการไหลบ่าจำนวนมากของคนกลุ่ม สเปน และ ลาตินอเมริกา ที่เข้ามาในโปรแตสแตนท์"

ในความเป็นจริงแล้ว เฉพาะในอเมริกา ตอนนี้ก็มีกลุ่มชาวโปรแตสแตนท์ละตินร่วม 8 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวแมกซิกัน ประเทศซึ่งมีแม่พระแห่งกัวดาลูป ในฐานะป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ พอๆกับ สัญลักษณ์ทางศาสนา และเป็นครอบครัวคาทอลิคกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

"เรื่องของพระนางมารีย์เป็นเสมือนวัฒนธรรมหลักอย่างหนึ่งไปแล้ว" ศาสนจารย์โปรแตสแตนท์ โจเซ่ เลนดาวาร์เด แห่ง คริสตจักร เอล อามอร์ เดอ ดิออส กล่าว "ในสภาพแวดล้อมของเพื่อนบ้านและหลอมรวมผู้คนเหล่าเข้าด้วยกัน นี่จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องมี พระมารดาทรงสร้าง ความหวัง ให้พวกเขา" และ คริสตจักรก็ฟื้นตัวขึ้นมาเหมือนลาซารัสที่ฟื้นคืนชีพจากสมาชิกไม่กี่สิบ กลายเป็นหลายพันทันทีที่เขาเพิ่มบทบาทพระแม่มารีย์เข้าไป

รูปภาพ

   เอนริเก้ กอนซาเลส ศาสนจารย์ของ คริสตจักร เอล เมซิอัส ยูไนเต็ด เมโทดิสต์ ในเขต เอลจิน ได้เขียนผลงานหนึ่งชื่อว่า เรื่องของคริสเตียนศตวรรษนี้กับพระนางมารีย์ (Christian's Century's Mary Story) ซึ่งเนื้อหากล่าวว่า ชาวลาตินโปรแตสแตนท์ระวัดระวังเกี่ยวกับความเชื่อดังกล่าวเป็นพิเศษ เพราะว่า "พระกิตติคุณข่าวดีของพระเยซูคริสต์ ไม่ได้ถูกประกาศต่อคริสต์ศาสนิกชนโรมันคาทอลิกในลาตินอเมริกา เพียงเฉพาะ คำสอนเรื่องพระนางมารีย์อย่างเดียว"

แต่กระนั้นก็ดี เท็ด แคมป์เบล ผู้เป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนสอนพระคัมภีร์นิกายเมโทรดิส ใน เอวานสโตน อิลีนอยส์ ได้กล่าวเอาไว้ว่า "นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับโบสถ์โปรแตสแตนท์หลายต่อหลายแห่ง" ตอนที่เขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่ เอล อามอร์ เดอ ดิออส เขาได้แต่อุทานว่ามันช่างวิเศษเสียนี่กระไร

"สิ่งนี้เพิ่มความน่าสนใจให้กับประเด็นทางเทววิทยามากขึ้น" แคมป์เบล อธิบาย "เรื่องนี้ทำให้เราได้มีโอกาสหันกลับไปมองที่ข้อคำสอนของเราแล้วตั้งคำถาม ว่า จริงๆแล้วเรากำลังสอนอะไรกัน?"

รูปภาพ

มุมมอง และคำถามเหล่านั้นคงจะผุดขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ยินกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบรรดาโปรแตสแตนท์ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง หันกลับมาฟื้นฟู เรื่องพระนางมารีย์ ไม่ใช่เพียงแค่คิดถึงพระนางแค่ตอน คริสต์มาส หรือ อีสเตอร์ แต่เป็นตลอดทั้งปี


ที่มา - Time Magazine

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 6:53 am
โดย Zion
~ Ashira Madonai
โอ้ ศรีพรหมจารีผู้ทรงบุญ ทรงฤทธานุภาพนักหนา

ทรงเป็น มิชชานารี ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

พระองค์ เข้าไปได้ แม้ในที่แม่ถูกเบียดเบียน

นักบุญคารอล วอยตีลา บุตรคนหนึ่งของพระแม่ ได้ ต่อเหล็กออธอดอกซ์ ของวาสุลา แล้ว

ส่วนพระแม่ ก็ได้ต่อ เหล็กของลูเธอร์

กายพระสวามีเจ้าจะได้เป็นหนึ่งเดียว
โอ เดชะพระแม่มารีย์ :-*

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 8:56 am
โดย Buddy
Thanks for a good article ka.. :)

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 9:05 am
โดย kati
อืม แต่ก่อนคริสต์เตียนจะนับถือแต่พระเยซู

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 3:30 pm
โดย Announcer
อ่านตาเปียกเลยอ่ะครับ ยาวดีจริงๆแต่ก็อ่านหมดล่ะ
(No comment)

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 5:11 pm
โดย Pry-Kaew
ขอบคุณมากครับคุณโฮลี่ สำหรับบทความอันซาบซึ่งนี้ ได้เห็นรูปแม่พระที่คุณนำมาโพส ก็ปลาบปลึ้มใจจริงๆ กระทู้นี้อ่านแล้วอบอุ่นจัง

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 5:39 pm
โดย Batholomew
แสดงให้เห็นว่า แม่พระอยากให้พวกเราเป็นเอกภาพร่วมกัน

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 10:39 pm
โดย Buddy
Is it possible that Mother Mary herself will be the one who help unite Christ's body? :)

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 10:59 pm
โดย Claire de Lune
สาส์นของแม่พระเมดจูกอเรเมื่อเดือน ม.ค.2005 เริ่มเป็นความจริงแล้ว เพราะแม่ต้องการเห็นเอกภาพของคริสตชน

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 20, 2005 11:49 pm
โดย ~@Little lamb@~
แม่พระรักทุกคน
แม้ไม่ใช่ทุกคนที่รักแม่

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 21, 2005 4:58 pm
โดย Ot@
to be honest, this is 1 of the very very very long article from this board that I Read completelty

it is so emotional

Thank you P'Por so much

and wish that every one will love our mother like we do >_<

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 22, 2005 3:49 am
โดย Nihil
Ot@ เขียน: to be honest, this is 1 of the very very very long article from this board that I Read completelty

it is so emotional

Thank you P'Por so much

and wish that every one will love our mother like we do >_<
8 หน้า หนังสือ Time แปลกันกระเจิงกว่าจะเสร็จ ::)


"สุดท้ายดวงหฤทัยนิรมลของแม่จะชนะ"

Re:ชาวคริสเตียนทุกนิกายต่างพากันหาเหตุผลของตนเองในการให้ความเคารพต่อมารดาของพระเ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 03, 2005 6:48 pm
โดย kyrie
ขอพระแม่มารีย์โปรดภาวนาให้พวกเราสามคนพี่น้อง ลูกๆที่รักของพระนาง ( คริสตชนทุกนิกาย ) เป็นหนึ่งเดียวคะ รูปแม่พระสวยมากๆๆๆๆๆนะคะ ;)