ไร้ความยุติธรรมทั้งสิ้น

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ล็อคหัวข้อ
ใครก็ตาม

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 6:11 pm

ตลกดีนะคนเรา เข้าข้างตัวเองชมัด แก้ต่างเสร็จกลัวตอบไม่ได้ ก็ทำเป็นล็อกกระทู้ เราก็ชื่นชมนางมารีย์ แต่ให้รับไว้ในฐานะเป็นพระเจ้าด้วย รับไม่ได้จริงๆ พวกคุณอาศัยตีความพระคัมภีร์ต่อจากศาสนจักรอย่างผิดๆ สืบทอดกันมานาน จนไม่รู้ว่าอะไรผิดถูก ไม่สมเหตุสมผลเลย ที่ยกพระคัมภีร์บางตอน เพื่อยกย่องนางมารีย์จนเกินฐานะ ยกมาก็ใช่ว่าจะถูก ไม่ได้หมายความอย่างที่พวกคุณกำลังเข้าใจผิดกันเลย ขอพระเจ้าเมตตา ให้พวกคุณได้เห็นความจริงด้วยเถิด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 6:13 pm

คาทอลิคไม่เคยยกพระนางมารีย์ว่าเป็นพระเจ้านะครับ ใครสอนคุณผิดๆแบบนั้นครับ ถ้าคริสตจักรของคุณสอนแบบนั้น ผมคิดว่าคริสตจักรของคุณใส่ความคนอื่นในแง่ร้ายนะครับ :D
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 6:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
adsfasdf

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 6:17 pm

ก็ใครล่ะที่สอนคุณว่า นางมารีย์อวยพรเรา อธิษฐานกับนางมารีย์ พระบุตรจะเกรงใจพระแม่อะไรน่ะ เฮ้อ เถียงไปก็เท่านั้น พวกคุณตาบอดมานานแล้ว แก้ให้หายคงจะยาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 6:18 pm

เข้าใจผิดมหันต์แล้วครับ กับแม่พระเราใช้คำว่า ช่วยวิงวอน เหมือนที่พวกคุณอธิษฐานเผื่อกันน่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 6:20 pm

ผมไม่ได้ใจแคบว่าจะคุยกันไม่ได้ในความเชื่อที่ต่างกันขนาดคนต่างศาสนายังคุยกันได้ แล้วแค่ต่างนิกายทำไมจะคุยไม่ได้ แต่ต้องไม่มีการทะเลาะหรือดูถูกกัน อย่างที่คุณทำ ในเรื่องแบบนี้ถ้าคุยด้วยการเคารพเหตุผลซึ่งกันและกัน ไม่ดูถูกกัน ก็มีสันติได้ครับ

ตังนั้นผมจะขออธิบายเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าคุณได้ถูกสอนให้เข้าใจพี่น้องต่างนิกายอย่างผิดๆ

ทำไมคริสตชนหลายๆคนจึงรักและนับถือแม่พระ
เป็นที่ทราบกันดีว่าความเชื่อของคริสตชนทุกนิกาย มีจุดยืนรวมกันคือ เราได้รับความรอดพ้นผ่านทางพระเยซูคริสต์ ดังนั้น ถ้าใครไม่เชื่อว่าพระเยซู เป็นพระผู้ไถ่ และเป็นพระบุตรของพระบิดา และเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าพระบิดา พระบุตร พระจิต(หรือที่โปรแตสแตนท์เรียกว่าพระวิญาณ) ก็ไม่น่าจะเรียกตัวเองว่าเป็นคริสตชน หรือผู้นับถือคริสต์ ได้

ดังนั้น ประการแรกเลยเราคงต้องเข้าใจเสียก่อนว่า รูปแบบการนับถือแม่พระหรือพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้านี้ คือการนับถือรูปแบบใดกัน

ในพระศาสนจักรคาทอลิค และออธโธดอค นั้น ให้ความสำคัญกับพระนางมารีย์ในฐานะ “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ดังนั้นพระนางมารีย์ไม่เคยถูกมองหรือเข้าใจว่าเป็น”พระเจ้า” และไม่เคยถูกมองว่าเป็น”พระผู้ไถ่” แม้แต่ว่าจะถูกคิดว่าเป็นเทพ หรือทูตสวรรค์ ก็ยังไม่ใช่ ดังนั้น ถามคริสตชนทุกสายนิกายตรงนี้ว่า การที่คริสตชนจะนับถือใครสักคนเป็นพิเศษ โดยไม่เคยคิดว่าเขาหรือเธอเป็นพระเจ้า แทนพระบิดา หรือเป็นพระผู้ไถ่ แทนพระเยซูนั้น ผิดหลักข้อเชื่ออะไรตรงไหน

เพราะถ้าผิด การที่เรานับถือเปาโลว่าเป็นอาจารย์ หรือนับถือวีรบุรุษของชาติ หรือแม้แต่นับถือพ่อแม่ก็จะพลอยผิดไปหมด ดังที่มีคริสตชนบางกลุ่มบางนิกาย เคยประสบปัญหานี้กับกระแสมโนธรรมของสังคม จนถูกมองว่าเป็นลัทธิอันตรายมาแล้ว

ดังนั้น เรากลับมาดูที่ พระนางมารีย์ เหตุใดพระนางจึงได้รับความรักและการนับถืออย่างมากมาย แต่ก่อนที่เราจะดูข้อพระคัมภีร์ ขอยกตัวอย่างเรื่องที่เป็นคอมมอนเซนส์มากๆ

ในทางหลักข้อเชื่อ, เทวศาสตร์ และทางพระคัมภีร์ พระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ แต่พระอาณาจักรของพระองค์ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ แต่เป็นอาณาจักรสวรรค์เท่านั้น

ทีนี้ เราลองมองกลับไปในประเทศของเรา ที่มีการปกครองระบอบกษัตริย์เป็นประมุข สิ่งนี้นับว่าเป็นโชคดีมากที่คริสตชนคนไทยเราจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

เราทราบดีว่า ในหลวงนั้น คือประมุขของประเทศ เรียกภาษาชาวบ้านว่า เป็นใหญ่สูงสุดในประเทศ และเราก็ทราบดีว่า ในหลวงนั้น มีสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นพระมารดา และเราก็ทราบกันโดยทั่วว่า ไม่มีใครไม่รักและเคารพในหลวง และไม่มีใครเช่นกันที่จะไม่รักและเคารพแม่ของในหลวงคือ พระราชชนนี แต่กระนั้น ตามกฎมณเฑียรบาล ศักดิ์ของพระราชชนนี ก็ยังรองลงมาจากในหลวง ทั้งการใช้ราชาศัพท์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ใช้ราชาศัพท์ในลำดับชั้นที่สูงกว่า สมเด็จพระราชชนนี

สมเด็จพระราชชนนี หรือที่คนไทยเรียกว่าสมเด็จย่านั้น ไม่เคยทรงเป็นพระราชินีมาก่อน แต่เพราะลูกชายหรือพระราชโอรสทั้งสองพระองค์เป็นกษัตริย์ ศักดิ์ของพระมารดาที่เคยเป็นสามัญชนจึงถูกยกย่องสูงเด่น อย่างสมควร และสมเหตุผล

มีเพื่อนที่รักมากคนหนึ่งเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว เขามีทั้งแฟนและเพื่อนที่เป็นคริสตชนนิกายอื่นที่ไม่ให้ความสำคัญกับแม่พระ เขาเคยถามเพื่อนเล่นๆว่า “สุนัขของในหลวงชื่ออะไร” เพื่อนตอบว่า”ชื่อคุณทองแดง” เขาเลยตอบกลับไปว่า “ดีเนอะ ขนาดหมาของในหลวง เอ็งยังเรียกคุณ แต่แม่ของพระเจ้า เอ็งเรียกนาง”

มีพี่สาวโปรแตสแตนท์ที่รักยิ่งของผมคนหนึ่ง เธอจะเรียกแม่พระว่า “พระมารดามารีย์” โดยเหตุผลที่เธอให้เกียรติว่าแม่พระคือมารดาของพระผู้ไถ่ผู้เป็นกษัตริย์ของเธอ

ดังนั้น เมื่อเรารู้ว่าคริสตชนนับถือพระนางมารีย์อย่างไรแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า เหตุใดเราจึงนับถือพระนางมารีย์ อย่างสมกับคำในพระคัมภีร์ที่ว่า “Blessed among women”



1. เพราะพระแม่ทรงเป็นพระมารดาพระเจ้า

ลก 1:39-45 พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ
หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”

รูปภาพ

----ถึงตรงนี้คงไม่มีใครเถียงว่าคนที่กล่าวคำสรรเสริญเสียงดังลั่นว่า “……..พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า……” แท้จริงคือ องค์พระจิตเจ้าหรือพระวิญญาณนั่นเอง เพราะขณะนั้น นางอลิซาเบธ ไม่ใช่พูดด้วยความคิดของนาง แต่นางถูกสวมทับด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม และเปล่งคำสดุดีชัดแจ้งว่า พระนางมารีย์คือ “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

ดังนั้นคริสตชนควรให้เกียรติพระนางมารีย์ตาม "ฐานะ" ที่พระวิญญาณทรงประกาศด้วยเสียงอันดัง


2. เพราะพระมารดามารีย์ถูกทำนายไว้แล้วว่า พระนางจะได้รับเกียรติสูงสุดกว่าสตรีทั้งมวลในโลก

Luke 1:46
ิ(46)พระนางมารีย์ ตรัสว่า
วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
(47)จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้กอบกู้ข้าพเจ้า
(48)เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์
ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข
(49)พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้า
พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์

(48) For he hath regarded the low estate of his handmaiden; for, behold, from henceforth all generations shall call me blessed.

ดังนั้น ชนทุกสมัย จะลืมชื่อของเธอได้อย่างไร ถ้าประโยคนี้เลื่อนลอย พระวิญญาณหรือพระจิตเจ้าจะดลใจให้ลูกาใส่คำๆนี้ลงมาในพระคัมภีร์หรือ ดังนั้น ถ้าเธอสมควรถูกลืมๆไปซะให้มากที่สุดในหมู่คริสตชน พระคัมภีร์ข้อนี้ ก็ไม่เป็นจริง

รูปภาพ

3. เพราะพระนางมารีย์เป็นสตรีคนเดียวในโลกที่ได้รับการรับรองจากพระเจ้าพระบิดาว่าทรงโปรดปรานเธอยิ่งนัก

มธ 3:16
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างแล้ว เสด็จขึ้นจากน้ำ ทันใดนั้นท้องฟ้าเปิดออก พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระจิตของพระเจ้าเสด็จลงมา เหนือพระองค์ดุจนกพิราบ และมีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา

ลก 1:26
เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้วพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร
แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ พระเจ้าจะประทานพระที่นั่งของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย”

---------เราคงจำได้ดีว่า คำว่า “เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า” นี้ พระเยซูถูกเรียกถึง 2ครั้ง ครั้งหนึ่งเมื่อทรงรับพิธีล้าง อีกครั้งเมื่อสำแดงพระกายอย่างรุ่งโรจน์บนภูเขาทาบอร์ และที่น่าพิศวงยิ่งนัก สตรีคนเดียวในโลกตั้งแต่ทรงเนรมิตสร้างโลก คือพระนางมารีย์ ถูกย้ำ2ครั้งเช่นกันว่า เป็นที่ “โปรดปราน”

แล้วเราจะปฎิเสธได้อย่างไรว่าพระนางมารีย์ ไม่ได้รับความรักอย่าง “พิเศษยิ่ง” ในสายพระเนตรของพระบิดา พระนางไม่ใช่เพียงผู้หญิงที่พระบุตรใช้อาศัยท้องเกิด แต่พระนางพิเศษกว่าหญิงอื่นๆ ที่พระบิดาตระเตรียมนางไว้ตั้งแต่นิรันดรในสายพระเนตรของพระบิดา สมคำว่า “เธอมีบุญยิ่งกว่าหญิงใดๆ” ที่พระจิตเจ้าประกาศด้วยเสียงอันดังก่อนหน้านี้ โดยแท้จริง

รูปภาพ

4. เพราะพระนางมารีย์คือมารดาของมนุษย์ทุกคน และของผู้ที่เชื่อในคำพยานของพระเยซูเจ้า

ในปฐมกาล………..
นางเอวา ผู้เป็นมารดาของเหล่ามนุษย์คนบาป
1)หญิงคนหนึ่ง เกิดจากชาย(เพียงคนเดียว)คนหนึ่ง
2)หญิงคนนั้นเชื่องูและจองหอง
ผล-->มนุษย์ทั้งหมด พลัดพรากจากพระเจ้า

ในหน้าแรกของพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่…………..
หญิงพรหมจารีย์ชื่อมารีย์ ผู้ถูกเลือกเป็นมารดาพระผู้ไถ่
1)หญิงคนนั้นเชื่อทูตสวรรค์ และนบนอบ
2)ชายคนหนึ่ง เกิดจากหญิงพรหมจารี(เพียงคนเดียว)คนหนึ่ง
ผล--->มนุษย์ทั้งมวลได้รับความรอดพ้นผ่านทางพระเยซูคริสต์ได้กลับไปหาพระบิดา

1คร 15: 22
มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น


-----อาดัมร่วมทำพลาดกับนางเอวาเพราะเชื่องูฉันใด พระเยซูได้ทำการทรงไถ่โดยมีพระนางมารีย์ผู้นบนอบร่วมแผนการฉันนั้น

น่าอัศจรรย์พระเจ้าได้ย้อนกลับขบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาในสมัยปฐมกาล ผลของบาปคือความตาย กลับใช้การตายไถ่บาป แบบหนามยอกเอาหนามบ่ง ก็เห็นเด่นชัดอยู่ แล้วยังใช้การกลับสมการนี้ กับนางเอวาและพระนางมารีย์ด้วย

Genesis 3:15
I shall put enmity between you and the woman, and between your offspring and hers; it will bruise your head and you will strike its heel.'

เราจะให้เจ้ากับ “สตรี” เป็นศัตรูกัน และระหว่างพงศ์พันธุ์ของเจ้ากับนางด้วย นาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)จะบดขยี้หัวเจ้า และเจ้าจะฉกกันส้นเท้าของนาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)


-----ถ้าใครได้มีโอกาสดูหนัง the Passion of the Christ คงได้เห็นฉากที่ซาตานจ้องหน้าพระแม่มารีย์อย่างมุ่งร้ายระหว่างทาง ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามันจะเกลียดพระแม่มากแค่ไหน ก็มันถูกกำหนดให้เป็นศัตรูกับ “สตรี” คนหนึ่งที่จะต้องเกิดมาเพื่อแก้สิ่งที่นางเอวาทำมิใช่หรือ

วว 12:1-17 นิมิตเรื่องสตรีและมังกร
12 (1)เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือ “สตรี” ผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ (2)นางมีครรภ์แก่ กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจะคลอดบุตร (3)เครื่องหมายอีกประการหนึ่งปรากฏในสวรรค์ คือมังกรใหญ่สีแดง มีเจ็ดหัวและสิบเขา แต่ละหัวสวมมงกุฎ (4)หางของมันตวัดดวงดาวหนึ่งในสามบนท้องฟ้าให้ตกลงมาบนแผ่นดิน มังกรยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่กำลังจะคลอดบุตรเพื่อจะกินบุตรของนางทันทีที่คลอด (5)นางคลอดบุตรเป็นชาย ซึ่งจะต้องปกครองชาติทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก แต่บุตรของนางถูกคว้าตัวขึ้นไปเฝ้าพระเจ้ายังพระบัลลังก์ของพระองค์ (6)ส่วนสตรีนั้นหลบหนีไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นั่นนางมีที่พำนักซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อนางจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นเวลาหนึ่งพันสองร้อยหกสิบวัน (7)สงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของเขาต่อสู้กับมังกร มังกรพร้อมกับบริวารของมันก็ต่อสู้ด้วย (8)แต่มันพ่ายแพ้และไม่มีที่พำนักในสวรรค์อีกต่อไป (9)มังกรใหญ่ คืองูดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อว่าปีศาจและซาตาน ผู้ล่อลวงผู้อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินให้หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็ถูกโยนลงมาด้วย (10)ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและพระราชอาณาจักรเป็นของพระเจ้าของเราแล้ว และอำนาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ เพราะผู้กล่าวหาบรรดาพี่น้องของเรา คือผู้ที่กล่าวหาเขาทั้งกลางวันกลางคืนเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าของเราก็ถูกโยนลงไปแล้ว (11)บรรดาพี่น้องของเราชนะผู้กล่าวหา เดชะพระโลหิตของลูกแกะและอาศัยคำพยานของตน เพราะเขาไม่หวงแหนชีวิตแม้เมื่อเผชิญความตาย (12)ดังนั้น สวรรค์และท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ จงชื่นชมเถิด วิบัติจงเกิดแก่แผ่นดินและทะเล เพราะปีศาจลงมายังแผ่นดินและทะเลด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เพราะมันรู้ว่ามีเวลาเหลือน้อยแล้ว (13)เมื่อมังกรหรืองูเห็นว่าตนถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน ก็เริ่มเบียดเบียนสตรีที่คลอดบุตรชาย (14)แต่สตรีนั้นรับปีกนกอินทรีใหญ่สองปีกเพื่อจะได้บินไปยังถิ่นทุรกันดารที่พำนักของนาง ที่นั่นนางจะได้รับการเลี้ยงดูพ้นสายตาของงูเป็นเวลาสามปีครึ่ง (15)งูพ่นน้ำออกจากปากเหมือนแม่น้ำตามหลังสตรี เพื่อให้นางถูกกระแสน้ำพัดไป (16)แต่แผ่นดินช่วยนางไว้ แผ่นดินอ้าปากออกและดื่มแม่น้ำที่มังกรพ่นออกมาจากปากของมัน (17)มังกรโกรธสตรี และออกไปทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ที่เหลือของนาง คือผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า และยึดมั่นในคำพยานถึงพระเยซูเจ้า

---------ใช่แล้ว ซาตานมันเกลียดแม่พระ มันต้องการทำลายพระนางทุกวิถีทาง ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ “สตรี” นี้ ต้องถูกยกย่อง และต้องถูก “โจมตี” เพราะมันคอยฉกกัดพระนางอยู่ แต่วันหนึ่ง หัวของมันต้องโดนบดขยี้

ใครเล่า จะได้สวมมงกุฎแห่งดวงดาว มีดวงอาทิตย์เป็นเสื้อผ้า และมีดวงจันทรารองพระบาท สตรีที่พระบิดาเจ้าทรงโปรดปราน ให้ทรงครรภ์พระผู้ไถ่ ได้รับเกียรติ เป็ น “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ก็สวมควรมีมงกุฎและประดับด้วยจักรวาลมิใช่หรือ หญิงสามัญชนต่ำต้อยที่ลูกของนางเป็นกษัตริย์ นางก็คือพระชนนีของเขามิใช่หรือ แม้ว่าพระนางจะไม่ใช่องค์พระประมุข ไม่ใช่ผู้ที่เป็นกษัตริย์เสียเอง แต่พระนางก็ได้รับเกียรติตามฐานะที่พระบิดาประทานให้อย่างสมควรมิใช่หรือ นางถูกประกาศไว้แล้วมิใช่หรือว่าจะถูกชื่นชมยกย่องทุกกาลสมัย ด้วยว่าแม้แต่การเยี่ยมเยียนของพระนางยังนำพาให้นางอลิซาเบธชื่นชมยินดีเหลือเกินและเปี่ยมด้วยพระวิญาณมิใช่หรือ นางต้องเป็นศัตรูกับงูร้ายคือมารซาตานตามที่พระเจ้าตรัสมิใช่หรือ

แต่ยิ่งไปกว่านั้น พระวาจาที่บันทึกโดยท่านยอห์น ได้ประกาศสิ่งยิ่งใหญ่ที่ว่า แม่พระไม่เพียงเป็นมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ จะเป็นมารดาของผู้ที่เชื่อในคำพยานของพระเยซูเจ้าด้วย!!!

ดังนั้น คริสตชนทั้งหลาย ผู้ปรารถนาจะเป็นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก ท่านไม่จำเป็นต้องคิดว่าพระแม่มารีย์คือพระเจ้า เทพธิดา หรือจะมาแทนที่พระผู้ไถ่อะไรทั้งนั้น เพียงแค่คุณรู้ว่าพระนางเป็น “แม่” ของคุณอีกคนนึงในสวรรค์ รักพระนางเหมือนแม่ของคุณ เพราะคุณเป็นน้องของพระเยซู แค่นั้นก็คือการให้ความสำคัญกับพระนางอย่างถูกต้องที่สุดของคริสตชนทุกกาลสมัยแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 7:58 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 6:23 pm

ยน 2:1-12 งานสมรสที่หมู่บ้านคานา
2 (1)สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น (2)พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย (3)เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” (4)พระเยซูเจ้าตรัสว่า “สตรีเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” (5)พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” (6)ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร (7)พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ (8)แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ (9)ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา (10)พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” (11)พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์ (12)หลังจากนี้ พระเยซูเจ้าเสด็จไปเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับพระมารดาญาติพี่น้องและบรรดาศิษย์ ทุกคนพำนักอยู่ที่นั่นเพียงสองสามวัน


------อีกครั้งที่เราเห็นพระเยซูเรียกแม่พระว่าสตรี แต่ศิษย์ผู้บันทึกก็ยังประกาศชัดว่า “มารดาของพระเยซู” เพื่อยืนยันว่า พระเยซูไม่เคยคิดว่ามารีย์ไม่ใช่แม่ และที่สำคัญ เราได้เห็นความน่ารักที่สุดในโลกของครอบครัวอันศักดิ์สิทธิ์นี้

รูปภาพ

ดูเถิด แม่ผู้โอบอ้อมอารี เป็นห่วงเป็นใยคนอื่นที่เดือดร้อน ไปบอกกระซิบลูก ว่าแต่ทำไมต้องมาบอกลูกล่ะไม่ใช่งานของลูกซะหน่อย นั่นคงเพราะแม่รู้ว่าลูกนั้นไม่คนธรรมดาและสามารถช่วยได้น่ะสิ แต่หลังจากลูกพูดเชิงปฎิเสธ แถมมีเหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลา โอ้ พระบิดาเจ้า ใครเล่าจะเปลี่ยนพระทัยพระเจ้าได้ เมื่อเวลามาไม่ถึง เราคงต้องรอ แต่ดูเถิด แม่คนนี้กลับวางใจในลูกชายเหลือล้น ก็ทำไมล่ะ เธอกับลูกรักกันมาก มีใจที่มาจากหัวใจดวงเดียวกันนี่ แม้ลูกจะพูดเชิงปฐิเสธ แต่แม่ก็รู้หรอกว่าลูกก็ใจอ่อนแล้ว แม่รู้ว่าลูกแม่น้ำพระทัยดีเพียงไร แม่เดินไปบอกเด็กคนใช้ราวกับรู้ล่วงหน้าว่า ให้ฟังท่านเถิด ฝ่ายพระบุตรเล่า ก็รู้ว่าแม่นั้นยังคงเชื่อสิ้นสุดใจว่าจะได้รับสิ่งที่วอนขอ ทรงวางใจในความรักที่พระบุตรจะมีต่อแม่ของพระองค์อย่างมั่นคง และพระเยซูทรงทำสิ่งนี้ แม้นยังไม่ถึงเวลา!!!!!!!

ตั้งแต่เนรมิตสร้างโลกมีมนุษย์คนใดที่โน้มน้าวใจพระบิดาให้เปลี่ยนพระทัยได้ สิ่งที่ตรัส ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมิใช่หรือ แต่เราจะแปลกใจอะไร ถ้าเรารู้ พระบิดา “ทรงโปรดปรานพระนางมารีย์ยิ่งกว่าหญิงใดๆ” และรู้ว่าพระบุตร ก็รักแม่ของพระองค์ที่สุดเหมือนมนุษย์ทั้งหลาย

เพราะพระบิดาทรงสร้างพระบุตรไม่ต่างจากมนุษย์เรา มีศิษย์ที่ทรงรักเป็นพิเศษ3คน ทรงเสียใจที่โดนทรยศ ทรงเจ็บปวดกลัวตาย ทรงต้องการกำลังใจเหมือนเรา เแล้วจะบอกว่าพระองค์ไม่มีความรู้สึกที่สวยงามที่สุดที่มนุษยืมีที่เรียกว่ารักแม่กระนั้นหรือ พระองค์จะไม่เคยเป็นสุข ที่ได้รับการดูแลจากแม่ที่แสนดีงั้นหรือ จะไม่รักแม่ที่พระบิดาโปรดปรานพิเศษเช่นกันงั้นหรือ เวลาพระองค์หกล้ม แล้วแม่วิ่งถลาเข้ามาอุ้ม พระองค์จะไม่รู้สึกรู้สางั้นหรือ ถ้าพระองค์เคยพิโรธ ทำไมถึงคิดว่าพระองค์จะไม่เคยรักแม่เป็นพิเศษ มนุษย์ที่รักพระเยซูที่สุดจะใครเล่าถ้าไม่ใช่พระแม่มารีย์ แล้วมนุษย์ที่พระเยซูรักมากที่สุดจะใครเล่าถ้าไม่ใช่พระแม่มารีย์

ดูจากพระคัมภีร์บทนี้ คุณได้เห็นความรักกุ๊กกิ๊กน่ารัก ของแม่ลูกคู่นี้ไหม แม่เองโดนลูกปฏิเสธมาไม่โกรธไม่งอน กลับเชื่อมั่นในลูก เดินหน้าต่อ ส่วนลูกเล่า ปากบอกไม่ แต่ก็ทำเพื่อแม่ ความจริงแม่ลูกคู่นี้ เขาไม่ได้คุยกันด้วยปากนะครับ เขาคุยกันด้วยหัวใจ

มธ 21:28
(28)“ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน เขาไปพบบุตรคนแรกพูดว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด” (29)บุตรตอบว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจและไปทำงาน (30)พ่อจึงไปพบบุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่สองตอบว่า “ครับพ่อ” แต่แล้วก็ไม่ได้ไป (31)สองคนนี้ใครทำตามใจพ่อ” พวกเขาตอบว่า “คนแรก”


-----พระเยซูเจ้าคือแบบอย่างของความรักและเคารพบิดามารดา อย่าให้ใครได้เอาไบเบิ้ลไปอ้างเลยเชียวว่าศาสนาเราสอนไม่ให้นับถือพ่อแม่ ลบหลู่พระคริสต์นัก

กลับมาดูที่พระแม่มารีย์ “สตรี” ผู้นี้ พระเจ้าได้เลือกไว้ประเสริฐนัก พระนางเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าจริงๆ พระนางไม่เคยเอาความดีใส่ตัว สิ่งเดียวที่พระนางทำในพระศาสนจักรคือสิ่งเดียวกับที่พระนางทำที่คานา และเป็นสิ่งเดียวกับที่พระบิดาตรัสบนภูเขาคือ “จงฟังท่าน(พระเยซู)เถิด…”จะเป็นไปได้อย่างไรถ้าเราจะรักแม่พระโดยไม่รักพระเยซู การไม่รักพระเยซูคือการผิดต่อพระนางมารีย์อย่างยิ่ง พระนางเกิดมาเพื่อพระเยซู ดังนั้น คริสตชนทุกคนย่อมต้องตระหนักว่า สิ่งที่แม่พระจะพอพระทัยที่สุดคือการที่เราทำตามที่พระนางบอกคือ “จงฟังลูกของแม่เถิด”

แม่เรียกร้องสิ่งนี้ในพระคัมภีร์ และแม่เรียกร้องสิ่งนี้ไม่เคยหยุดในพระศาสนจักร

ถ้าแม่คนหนึ่ง เจ็บที่สุดเวลาเห็นลูกตายต่อหน้า เจ็บขนาดพร้อมตายแทนได้ แม่คนเดียวกัน ก็มีความสุขที่สุดที่เห็นใครต่อใครมารักลูกของแม่ มาสรรเสริญลูกของแม่ ให้ลูกของแม่มามีชีวตในตัวเขา ถ้าแม่คนหนึ่งเจ็บปวดเหลือแสนที่เห็น คนทรยศลูกของแม่ แม่ก็ย่อมปลาบปลื้มปิติเหลือแสนที่เห็นคนมารักมาเชื่อลูกของแม่
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 8:02 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 6:24 pm

ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกรักพระองค์ ลูกรักทุกอย่างของพระองค์ รักพระวาจาของพระองค์ รักกางเขนของพระองค์ รักพระกายและพระโลหิตของพระองค์ รักรอยยิ้มของพระองค์(แม้พระคัมภีร์ไม่เขียน แต่ลูกรู้ว่าพระองค์ยิ้มเก่งไม่งั้นเด็กๆคงไม่ตามติดพระองค์) และลูกก็รักพระมารดาของพระองค์ ลูกจะไม่ยอมเสียสิ่งใดเลยที่พระองค์ทรงมอบแก่ลูก พระเจ้าแห่งดวงใจ พระผู้ไถ่สุดที่รักของลูก

พระแม่มารีอา พระมารดาที่น่ารักยิ่งของลูก เพราะลูกคือผู้ที่เชื่อในการทรงไถ่ของพระบุตรของแม่ ลูกจึงเป็นลูกของแม่ด้วย แม่จ๋า แม่โปรดภาวนาวิงวอนพระบุตรของแม่เพื่อลูก เหมือนที่แม่เคยทำที่งานสมรสคานา แม่โปรดช่วยดูแลลูกในหนทางที่ลูกเดินคือพระบุตรของแม่ เพื่อกลับไปหาพระบิดา ลูกจะรักและเทิดทูนพระเยซูพระบุตรของแม่ เพราะลูกรู้ว่านี่คือยอดปรารถนาของแม่ ลูกเป็นสุขที่รู้ว่ามีคนรักลูกมากมายนัก แม่จ๋าความรักคือยอดปรารถนาของพระบิดาใช่ไหมแม่ ดังนั้นลูกจะรักให้มากขึ้น จะรักพระแม่ และจะรักพระบุตรของพระแม่มากขึ้นอีก ความนบนอบของแม่สอนลูกมากมาย และความรักของแม่ที่มีต่อลูกก็ช่วยประคับประคองลูก แม่ที่รักของลูก แม่รักลูกก็เพราะพระเยซู ลูกรักแม่ก็เพราะพระเยซูเช่นเดียวกัน ใครเล่า จะพรากความรักในพระเยซูออกไปจากผู้ที่รักแม่ได้

1ยน 4:16
พระเจ้าทรงเป็นความรัก ผู้ใดดำรงอยู่ในความรัก ย่อมดำรงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเขา
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 7:39 pm

สันติสุขจงมีแด่ จขกท.
การตีความในพระคัมภีร์ต้องมีความรักเป็นตัวตั้ง หรือคุณคิดว่า พระบิดาจะโยนชาวคาทอลิกลงนรก เพียงเพราะพระองค์อิจฉาพระแม่มารีอาที่ชาวคาทอลิกให้ความเคารพในฐานะพระมารดาของพระเจ้า และของมนุษยชาติหรือ ผมว่าอย่างนั้นเป็นการดูถูกความรักและความดีอย่างหาที่สุดมิได้ของพระองค์เกินไป และเป็นพระแม่ที่ประจักษ์มาบนโลกแต่ละครั้งก็ได้เรียกร้องให้เรากลับใจ กลับไปหาพระบุตร คุณไม่รู้สึกหรือว่าพระแม่ทรงเป็นห่วงลูกๆ ของท่านแค่ไหน และท่านรักพระเยซูเจ้าแค่ไหน คุณลองใช้ความรักเป็นตัวตั้งสิครับ ขอพระเป็นเจ้าอวยพรแก่คุณ *no1


+++++++++++++++
ขออณุญาติตัดข้อความบางคำออกครับ

Holy

Defender of lawS

+++++++++++++++
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 7:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 7:51 pm

http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 96;start=0

ลองอ่านบทความเกี่ยวกับทัศนคติต่อพระแม่มารีย์ที่กำลังเปลี่ยนไปของชาวโปรแตสแตนท์นี้ดูซิครับ
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 7:51 pm

อย่างที่พี่ Holy บอก ว่าเรามิได้นับถือพระแม่มารีอา เป็นพระเจ้า เพราะพระเจ้าของเรามีเพียง องค์เดียว คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต แต่เราให้เกียรติพระมารดามารีอา, บรรดานักบุญ หรือแม้แต่ฑูตสวรรค์ ในเมื่อเราเคารพลูก เราก็ย่อมต้องให้ความเคารพมารดาของเขา เช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าเองก็รักพระแม่ และปรารถนาให้เรารักพระแม่ด้วย เหมือนถ้าเรามีเพื่อน แล้วเพื่อนรักแม่เขา เขาก็ย่อมอยากให้เรารักแม่เขาด้วย นี่คือความรักที่พระเป็นเจ้าทรงสอนไว้ไม่ใช่หรือครับ :D
claustrophobia

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 8:07 pm

พระเเม่มารีย์ได้ทรงรับพระพรอย่างยิ่งใหญ่จากจากพระบิดาเเละพระจิตคับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 8:21 pm

ขอย้ำตรงนี้อีกสักครั้งนะครับว่า

ก่อนจะโพสอะไรควรอ่านกฎของบอร์ดก่อน และปฏิบัติตามกติกาและมารยาทด้วย และให้ใช้ความคิดและเหตุผล ขอพระปรีชาญาณของพระวิญญาณทรงนำ ไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์เข้าว่านะครับ

ก่อนจะเรียกหาความยุติรรม ควรรู้จักคำว่า กฎ กติกา และมารยาทก่อน

และควรรู้จักคำว่า สุภาพ และไม่ก้าวร้าว

สุดท้ายนี้ขอฝากพระวาจาสำหรับใครก็ตามที่คิดว่าจะเข้ามาเพื่อพูดจาก้าวร้าวและโจมตีความเชื่อผู้อื่น

กท 5:14
ธรรมบัญญัติทั้งหมดสรุปได้เป็นข้อเดียวว่า จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ถ้าท่านกัดกันและกินกัน ก็จงระวังตัวไว้เถิดว่า ท่านจะทำลายกันจนหมดสิ้น…


รม 14:2 จงเคารพมโนธรรมของพี่น้อง
คนหนึ่งเชื่อว่ากินทุกอย่างได้ แต่อีกคนหนึ่งยังมีความเชื่อไม่มั่นคง กินแต่ผักเท่านั้น ผู้ที่กินทุกอย่าง อย่าดูถูกผู้ที่ไม่กิน และผู้ที่ไม่กินก็อย่าตัดสินประณามผู้ที่กิน เพราะพระเจ้าทรงยอมรับเขาแล้ว ท่านเป็นใครกันที่จะตัดสินคนรับใช้ของผู้อื่น เขาจะยืนอยู่หรือล้มลงก็เป็นเรื่องของนายของเขา แต่เขาจะยืนอยู่ได้เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขายืนอยู่ได้ คนหนึ่งคิดว่าวันหนึ่งสำคัญกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งคิดว่าทุกวันมีความสำคัญเท่ากัน แต่ละคนจงปฏิบัติตามความเชื่อมั่นของตน ผู้ที่ถือวันสำคัญ ก็ถือเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่กิน ก็กินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระองค์ ผู้ที่ไม่กิน ก็งดกินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระองค์เช่นกัน เพราะไม่มีพวกเราคนใดที่มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองเช่นเดียวกัน ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้เอง พระคริสตเจ้าจึงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อจะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของผู้ตายและของผู้เป็น แล้วท่านเล่า ทำไมจึงตัดสินพี่น้องของท่าน หรือท่านเล่า ทำไมท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน ในเมื่อเราทุกคนจะต้องไปยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนฉันใด ก็เป็นที่แน่นอนฉันนั้นว่า ทุกคนจะคุกเข่าลงกราบเรา และทุกคนจะกล่าวสรรเสริญพระเจ้า” ดังนั้น เราแต่ละคนต่างจะต้องทูลรายงานเกี่ยวกับตนเองต่อพระเจ้า ดังนั้น เราจงเลิกตัดสินกันเถิด และจงเลิกคิดที่จะเป็นอุปสรรคให้พี่น้องสะดุดล้ม ข้าพเจ้ารู้และแน่ใจในองค์พระเยซูเจ้าว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นมลทินในตัวเอง แต่ถ้าใครคิดว่าเป็นมลทินก็เป็นมลทินสำหรับเขา

1คร 1:10 คริสตชนแตกแยกกัน
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าใคร่ขอร้องท่านในพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ให้ท่านปรองดองกัน อย่าแตกแยก แต่จงมีจิตใจและความเห็นตรงกัน พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้จากคนในครอบครัวของคะโลเอว่า ท่านทั้งหลายทะเลาะวิวาทกัน ข้าพเจ้าหมายความว่าดังนี้ ท่านต่างก็พูดว่า “ฉันเป็นพวกของเปาโล” “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” “ฉันเป็นพวกของเคฟาส” “ฉันเป็นพวกของพระคริสตเจ้า” มีการแบ่งแยกในองค์พระคริสตเจ้ากระนั้นหรือ เปาโลถูกตรึงกางเขนเพื่อท่านกระนั้นหรือ ท่านได้รับพิธีล้างบาปในนามของเปาโลกระนั้นหรือ

ยก 3:13-18 ปรีชาญาณแท้และปรีชาญาณเทียม
ใครบ้างคิดว่าตนฉลาดและมีปรีชาญาณ จงแสดงความฉลาดและปรีชาญาณนั้นอย่างอ่อนโยนด้วยการกระทำและความประพฤติดี แต่ถ้าใจของท่านขมขื่นด้วยความอิจฉาริษยา และมีความทะเยอทะยาน จงอย่าโอ้อวดและอย่ามุสาต่อต้านความจริง ปรีชาญาณเช่นนี้มิได้มาจากเบื้องบน แต่เป็นปรีชาญาณตามธรรมดาโลก ตามแบบวัตถุนิยมและตามแบบปีศาจ ที่ใดมีความอิจฉาริษยาและความทะเยอทะยาน ที่นั่นย่อมมีแต่ความวุ่นวายและความชั่วร้ายนานาชนิด ส่วนปรีชาญาณที่มาจากเบื้องบน ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำเอียง ไม่เสแสร้ง ผู้ที่สร้างสันติย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม
ยก 4:1-12 ความแตกแยกในกลุ่มคริสตชน
การต่อสู้และการทะเลาะวิวาทในหมู่ท่านนั้นมาจากที่ใด มิใช่มาจากกิเลสตัณหาซึ่งต่อสู้อยู่ภายในร่างกายของท่านหรือ ท่านอยากได้ แต่ไม่ได้ จึงฆ่ากัน ท่านอยากได้ แต่ไม่สมหวัง จึงทะเลาะวิวาทและต่อสู้กัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้วอนขอ ท่านวอนขอ แต่ไม่ได้รับ เพราะท่านวอนขอไม่ถูกต้อง คือวอนขอเพื่อนำไปสนองกิเลสตัณหาของท่าน ท่านที่ไม่ซื่อสัตย์เหมือนหญิงคบชู้ ท่านไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลกคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า ฉะนั้นผู้ใดต้องการเป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับพระเจ้า ท่านคิดว่าพระคัมภีร์กล่าวไร้สาระหรือว่า “พระเจ้าทรงรักจิตอย่างหวงแหน จิตที่พระองค์ประทานให้สถิตในเรา” พระองค์ยังประทานพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านั้นอีก ฉะนั้นพระคัมภีร์จึงกล่าวอีกว่า “พระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่ง แต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน” ท่านทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า จงต่อต้านปีศาจ แล้วมันจะหลบหนีไปจากท่าน จงเข้าใกล้พระเจ้าแล้วพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลาย จงล้างมือให้สะอาด คนใจโลเลทั้งหลาย จงทำใจให้บริสุทธิ์เถิด จงคร่ำครวญจงเป็นทุกข์โศกเศร้าและร้องไห้เถิด จงให้การหัวเราะของท่านกลายเป็นความเศร้าโศก จงให้ความยินดีของท่านกลายเป็นความเศร้าใจ จงถ่อมตนลงเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า และพระองค์จะทรงยกย่องท่าน พี่น้องทั้งหลาย อย่าใส่ร้ายกัน ผู้ใดพูดใส่ร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน ผู้นั้นย่อมกล่าวร้ายต่อธรรมบัญญัติและตัดสินธรรมบัญญัติ ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสินธรรมบัญญัติ ผู้ทรงตั้งธรรมบัญญัติและผู้ทรงพิพากษาตัดสินมีเพียงพระองค์เดียว คือพระองค์ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้นได้ และทรงทำลายเราได้ ท่านเป็นใครเล่าจึงตัดสินพี่น้องของท่าน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 11:34 pm

มาถึงคุณก็ใส่ๆ ใหญ่เลยนะครับ ใจเย็นๆ แล้วมานั่งคุยกันดีๆไหม ไปสมัคร Member แล้วมาคุยกันดีๆแบบเป็นเรื่องเป็นราว
บอกความคิดคุณที่สงสัย แล้วให้พี่ๆในนี้อธิบายดีไหมครับ สันติสุข ครับ สันติสุข
Lazy Buddy

ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 11:38 pm

One question na ka.. Infact, I asked this with someone from Issara board..

I don't understand why Mother Mary has to be the target for all the times. What's wrong with her??

And they just talk for so mcuh about her virginty.. What's wrong with that? .. I mean I believe she's a Virgin Mother of God... but that's not my condition to love her at all... Jesus told us She is our Mother, right? So, I just love my mother..... whatever she is..
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

เสาร์ เม.ย. 30, 2005 1:06 am

คนเราเข้าใจผิดกันได้ครับผมเพราะเราเป็นมนุษย์นี่นา ค่อยๆหาเหตุผลมาพูดกันดีกว่าเน๊อะ :)
ล็อคหัวข้อ