..“ทำไมพวกคาทอลิกจึงสวดขอนางมารีย์?”
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
ตัวอย่างนี้ชัดแจ้งดีมากค่ะ
อธิบายแล้วเห็นภาพ เข้าใจทันทีไม่ต้องคิดมาก
เชื่อว่าตัวอย่างนี้จะทำให้พี่น้องโปรฯ หลายๆ ท่าน
เข้าใจพี่น้องคาทอลิกมากขึ้นค่ะ
อธิบายแล้วเห็นภาพ เข้าใจทันทีไม่ต้องคิดมาก
เชื่อว่าตัวอย่างนี้จะทำให้พี่น้องโปรฯ หลายๆ ท่าน
เข้าใจพี่น้องคาทอลิกมากขึ้นค่ะ
ตีมากคะ เห็นด้วย รักแม่พระที่สุดเลยPhulasso เขียน: เปิดเข้ามาด้วยความไม่พอใจ
ใครนะ มาเรียกแม่เราว่า นาง อีกแล้ว
แป่ว
ขอบคุณสำหรับตัวอย่าง
แต่ไม่ต้องเหมือนจริงนักทุกคำก็ได้
เอาอย่างที่เราเรียก แม่พระ ดีไหม
เยซู มารีอา ยอแซฟ โปรดช่วยให้ข้าพเจ้า
สิ้นใจอย่างราบรื่น ในศีลและพระพรของท่าน
อาเมน
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ignatius เขียน:ตีมากคะ เห็นด้วย รักแม่พระที่สุดเลยPhulasso เขียน: เปิดเข้ามาด้วยความไม่พอใจ
ใครนะ มาเรียกแม่เราว่า นาง อีกแล้ว
แป่ว
ขอบคุณสำหรับตัวอย่าง
แต่ไม่ต้องเหมือนจริงนักทุกคำก็ได้
เอาอย่างที่เราเรียก แม่พระ ดีไหม
เยซู มารีอา ยอแซฟ โปรดช่วยให้ข้าพเจ้า
สิ้นใจอย่างราบรื่น ในศีลและพระพรของท่าน
อาเมน
ฟัง อ.ฟู เทศนา (ดูผ่านแผ่น) เรื่อง ชีวิตที่เป็นแบบอย่าง "นางมารีย์"
ตอนเทศน์ เสียงพี่ท่าน เน้นดี "นางมารีย์"
ปล.แต่เทศน์ดีนะฮะ
อย่าถือเคืองใจกัน
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ก็..สวดขอทีไรก็ได้ทุกที .. แม่ช่วยทุกครั้งเลย .. ก็เลยสวดขอให้แม่มารีย์ช่วยเสมอ ๆ
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
แม่พระเราใจดีออก
เนอะ
เนอะ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เป็นพยานด้วยคนครับkroksomboon เขียน: ก็..สวดขอทีไรก็ได้ทุกที .. แม่ช่วยทุกครั้งเลย .. ก็เลยสวดขอให้แม่มารีย์ช่วยเสมอ ๆ ::011::
อุปสรรคและปัญหาที่น่าจะเป็นทางตันแล้ว.. ด๊านนน มีทางออกได้อีก
ด้วยคำภาวนาจริงๆ ใครไม่เชื่อก็ว่ากันไป แต่ใครที่ภาวนาขอในยามคับขัน โดยเฉพาะคนที่คับขันบ่อยๆ จะรู้อ่ะ ว่าอุปสรรคและปัญหาที่ได้รับการช่วยแก้นั้น มันออกมาดีอย่างไม่คาดเลยแหละ แต่ว่าไม่ทันใจนะ อันนี้จริงๆ แต่ว่าทันเวลา
-
- โพสต์: 133
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 11:42 am
- ที่อยู่: > <" Xiah Junsu Fightingg g!!!
ซึ้งเจ้าค่ะ ^^
-
- โพสต์: 1
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 23, 2009 6:21 pm
คาทอลิกจะภาวนาขอพระเป็นเจ้าโดยผ่านทางคำเสนอวิงวอนของพระนางมารีอา
พี่น้องคริสตชนอาจจะเข้าใจว่า คาทอลิกภาวนาอ้อนวอนขอความต้องการจากพระนางมารีอา
แต่ความเป็นจริงพระนางมารีอเป็นผู้ที่ช่วยเสนอคำวิงวอนแทนเรา เนื่องจากเราอาจจะไม่เหมาะสม
เราอาจจะอ่อนแอตามประสามนุษย์ เลยต้องอาศัยความบริสุทธิ์ของพระนางมารีอาเสนอความต้องการแทนเรา
พี่น้องคริสตชนอาจจะเข้าใจว่า คาทอลิกภาวนาอ้อนวอนขอความต้องการจากพระนางมารีอา
แต่ความเป็นจริงพระนางมารีอเป็นผู้ที่ช่วยเสนอคำวิงวอนแทนเรา เนื่องจากเราอาจจะไม่เหมาะสม
เราอาจจะอ่อนแอตามประสามนุษย์ เลยต้องอาศัยความบริสุทธิ์ของพระนางมารีอาเสนอความต้องการแทนเรา
- Slave of God
- โพสต์: 336
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm
ผมเคยสงสัยเหมือนกันนะ และก็ถามพระเลยตรงๆว่าพระนางมารีอา เป็นที่โปรดปรานของพระองค์จริงหรือปล่าว ได้รับขึ้นสวรรค์จริงไหม และควรจะเชื่อถือหรือไม่ คำตอบที่พระให้แบบทันควันเลยก็ตอนเดินออกจากวัดแล้วไปหยิบใบพระวาจามาอ่านนั้นแหละ ในนั้นเขียนว่า "บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟังคำเตือนของบิดาเจ้า และอย่าละเลยคำสั่งสอนของมารดาเจ้า" สภษ 1:8 ความจริงแล้วไม่ได้เกี่ยวกับแม่พระเลยนะข้อความตอนนี้ แต่แหม ดันมาหยิบได้ตอนถามเกี่ยวกับแม่พอดี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละทีนี้ หลังจากนั้นไม่เคยสงสัยอีกเลย อาเมน
-
- โพสต์: 133
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 11:42 am
- ที่อยู่: > <" Xiah Junsu Fightingg g!!!
ขอยืมคำตอบของทุกๆคนละกัล อิๆ
เป็นคำตอบที่ยอดเยี่ยม อย่าง ยิ่งยวด
|
( เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่ละๆ นั่นมันเรื่องไฟฟ้าไม่ใช่เหรอ -*- )
เป็นคำตอบที่ยอดเยี่ยม อย่าง ยิ่งยวด
|
( เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่ละๆ นั่นมันเรื่องไฟฟ้าไม่ใช่เหรอ -*- )
-
- โพสต์: 37
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 18, 2008 1:13 am
ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ
ผมไม้ได้อยู่ในโปรนะครับ
แต่ผมคิดว่าทุกท่านเชื่อเรื่อง ตรีเอกานุภาพ
พระเจ้า พระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์
ไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่บอกให้เราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้า
เราเป็นวิหารของพระเจ้าใน 1โกริณโท และเราเป็นวิหารของพระคริสต์(พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผู้เป็นเจ้านั้น เป็น 1 เดียวกัน และที่แน่นอน ตรีเอกานิภาพ คือ 3 ไม่ไช่ 4
เราค้นพบข้อพระคัมภีร์ในกิจการที่พูดถึงพระวิญญาณได้ทรงทูลขอแทนเราในยามที่เราอ่อนกำลัง
พระเยซู คือพระเจ้า ท่านทั้งหลายเข้าใจข้อนี้ดี ฉะนั้น พระแม่มารีย์ไม่เกี่ยวเลยในการทูลขอต่อพระเจ้า
ใน1 ธก บทที่4 ข้อ 15 ในข้อนี้เราขอบอกให้ท่านทราบตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เราผู้ยังเป็นอยู่และเหลืออยู่จนถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หามิได้
4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน
4:17 หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์
พิจรณาข้อความข้างต้นนี้ สำหรับมนุยษ์แล้วไม่มีไครไปแผ่นดินสวรรค์ก่อนผุ้อื่นหรอกครับ
พระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ผมไม้ได้อยู่ในโปรนะครับ
แต่ผมคิดว่าทุกท่านเชื่อเรื่อง ตรีเอกานุภาพ
พระเจ้า พระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์
ไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่บอกให้เราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้า
เราเป็นวิหารของพระเจ้าใน 1โกริณโท และเราเป็นวิหารของพระคริสต์(พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผู้เป็นเจ้านั้น เป็น 1 เดียวกัน และที่แน่นอน ตรีเอกานิภาพ คือ 3 ไม่ไช่ 4
เราค้นพบข้อพระคัมภีร์ในกิจการที่พูดถึงพระวิญญาณได้ทรงทูลขอแทนเราในยามที่เราอ่อนกำลัง
พระเยซู คือพระเจ้า ท่านทั้งหลายเข้าใจข้อนี้ดี ฉะนั้น พระแม่มารีย์ไม่เกี่ยวเลยในการทูลขอต่อพระเจ้า
ใน1 ธก บทที่4 ข้อ 15 ในข้อนี้เราขอบอกให้ท่านทราบตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เราผู้ยังเป็นอยู่และเหลืออยู่จนถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หามิได้
4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน
4:17 หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์
พิจรณาข้อความข้างต้นนี้ สำหรับมนุยษ์แล้วไม่มีไครไปแผ่นดินสวรรค์ก่อนผุ้อื่นหรอกครับ
พระเจ้าอวยพรทุกท่าน
มาอีกรายละ!!!vpjkmesivp เขียน: ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ
ผมไม้ได้อยู่ในโปรนะครับ
แต่ผมคิดว่าทุกท่านเชื่อเรื่อง ตรีเอกานุภาพ
พระเจ้า พระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์
ไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่บอกให้เราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้า
เราเป็นวิหารของพระเจ้าใน 1โกริณโท และเราเป็นวิหารของพระคริสต์(พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผู้เป็นเจ้านั้น เป็น 1 เดียวกัน และที่แน่นอน ตรีเอกานิภาพ คือ 3 ไม่ไช่ 4
เราค้นพบข้อพระคัมภีร์ในกิจการที่พูดถึงพระวิญญาณได้ทรงทูลขอแทนเราในยามที่เราอ่อนกำลัง
พระเยซู คือพระเจ้า ท่านทั้งหลายเข้าใจข้อนี้ดี ฉะนั้น พระแม่มารีย์ไม่เกี่ยวเลยในการทูลขอต่อพระเจ้า
ใน1 ธก บทที่4 ข้อ 15 ในข้อนี้เราขอบอกให้ท่านทราบตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เราผู้ยังเป็นอยู่และเหลืออยู่จนถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หามิได้
4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน
4:17 หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์
พิจรณาข้อความข้างต้นนี้ สำหรับมนุยษ์แล้วไม่มีไครไปแผ่นดินสวรรค์ก่อนผุ้อื่นหรอกครับ
พระเจ้าอวยพรทุกท่าน
-
- โพสต์: 37
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 18, 2008 1:13 am
อะเค งง ๆ นิสหน่อยPhulasso เขียน:และไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่ห้ามเราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้าvpjkmesivp เขียน: ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ
ไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่บอกให้เราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้า
เป็นคำถามที่ใช้ปัญญาของมนุดครับ (คำถามโลกแตก)แต่ผมก็ตอบได้
นางมาเรียเป็นมนุดที่ตายแล้ว
เราอาจจะขอให้ผู้นำหรือพี่น้องอธิษฐานเผื่อ แต่การที่เราขอ ให้ คนตาย อธิษฐานเผื่อเนี่ย มันผิดพระคัมภีร์ และถ้าคิดในแง่นี้
คงมีอีกหลายสิบข้อที่ผิดพระคัมภีร์
ถามคำถามแบบนี้ ระวังจะโดนคำถามโลกแตกกลับบ้างนะครับ
พวกป่วยทางใจ ไม่มีที่ระบาย ปล่อยๆ ไปให้เพ้อเจ้อซะบ้างก็ดี
ไม่ใช่ตามความเชื่อของคาทอลิกครับvpjkmesivp เขียน:อะเค งง ๆ นิสหน่อยPhulasso เขียน:และไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่ห้ามเราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้าvpjkmesivp เขียน: ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ
ไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่บอกให้เราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้า
เป็นคำถามที่ใช้ปัญญาของมนุดครับ (คำถามโลกแตก)แต่ผมก็ตอบได้
นางมาเรียเป็นมนุดที่ตายแล้ว
เราอาจจะขอให้ผู้นำหรือพี่น้องอธิษฐานเผื่อ แต่การที่เราขอ ให้ คนตาย อธิษฐานเผื่อเนี่ย มันผิดพระคัมภีร์ และถ้าคิดในแง่นี้
คงมีอีกหลายสิบข้อที่ผิดพระคัมภีร์
ถามคำถามแบบนี้ ระวังจะโดนคำถามโลกแตกกลับบ้างนะครับ
สำหรับคาทอลิกแล้ว แม่พระได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
เรื่องนี้มาจากหนังสือที่ "ทุกวันนี้" ถูกรวบเข้่าในหมวด Apocrypha
สำหรับ อธิกธรรม ในศัพท์คาทอลิก หลายถึง หนังสือที่ไม่ใช่พระคัมภีร์ แต่มีคุณค่าต่อการศึกษา
ไม่ใช่หมวดหนังสือนอกรีต หรือหมวดหนังสือขัดความเชื่อเหมือนกรณีที่คริสเตียนให้คำอธิบายไว้
ทั้งนี้่ การอ้างว่าอธิกธรรมไม่ใช่พระคัมภีร์และเอามาอธิบายไม่ได้นั้น เห็นจะไม่ได้ เพราะ น.เปาโลก็เคยใช้เรื่องราวจาก เอโนค มาอธิบายเช่นกัน
ส่วนเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับแม่พระนั้น ให้กลับไป "ค้น" กระทู้อื่นๆ ที่เคยมีมาแล้วครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคุณไม่เชื่อคาทอลิกยุคกลางที่เรียกแม่พระว่า Dei Genetrix หรือ Mater Dei ลองกลับไปดูไปดูสภาแต่โบราณว่า Theotokos คืออะไรนะครับ
ถ้าคริสตชนทุกรุ่นนับเป็นเวลา 1900 กว่าปีมาแล้วผิดหมด ก็คงไม่มีคริสตชนยุคไหนสมควรจะอ้างตัวเองว่าถูกได้เลยซักคนเดียว
ยน 2:1-12 งานสมรสที่หมู่บ้านคานา
2 (1)สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น (2)พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย (3)เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” (4)พระเยซูเจ้าตรัสว่า “สตรีเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” (5)พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” (6)ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร (7)พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ (8)แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ (9)ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา (10)พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” (11)พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์ (12)หลังจากนี้ พระเยซูเจ้าเสด็จไปเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับพระมารดาญาติพี่น้องและบรรดาศิษย์ ทุกคนพำนักอยู่ที่นั่นเพียงสองสามวัน
------ เราได้เห็นความน่ารักที่สุดในโลกของครอบครัวอันศักดิ์สิทธิ์นี้
ดูเถิด แม่ผู้โอบอ้อมอารี เป็นห่วงเป็นใยคนอื่นที่เดือดร้อน ไปบอกกระซิบลูก ว่าแต่ทำไมต้องมาบอกลูกล่ะไม่ใช่งานของลูกซะหน่อย นั่นคงเพราะแม่รู้ว่าลูกนั้นไม่คนธรรมดาและสามารถช่วยได้น่ะสิ แต่หลังจากลูกพูดเชิงปฎิเสธ แถมมีเหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลา โอ้ พระบิดาเจ้า ใครเล่าจะเปลี่ยนพระทัยพระเจ้าได้ เมื่อเวลามาไม่ถึง เราคงต้องรอ แต่ดูเถิด แม่คนนี้กลับวางใจในลูกชายเหลือล้น ก็ทำไมล่ะ เธอกับลูกรักกันมาก มีใจที่มาจากหัวใจดวงเดียวกันนี่ แม้ลูกจะพูดเชิงปฏิเสธ แต่แม่ก็รู้หรอกว่าลูกก็ใจอ่อนแล้ว แม่รู้ว่าลูกแม่น้ำพระทัยดีเพียงไร แม่เดินไปบอกเด็กคนใช้ราวกับรู้ล่วงหน้าว่า ให้ฟังท่านเถิด ฝ่ายพระบุตรเล่า ก็รู้ว่าแม่นั้นยังคงเชื่อสิ้นสุดใจว่าจะได้รับสิ่งที่วอนขอ ทรงวางใจในความรักที่พระบุตรจะมีต่อแม่ของพระองค์อย่างมั่นคง และพระเยซูทรงทำสิ่งนี้ แม้นยังไม่ถึงเวลา!!!!!!!
ตั้งแต่เนรมิตสร้างโลกมีมนุษย์คนใดที่โน้มน้าวใจพระบิดาให้เปลี่ยนพระทัยได้ สิ่งที่ตรัส ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมิใช่หรือ แต่เราจะแปลกใจอะไร ถ้าเรารู้ พระบิดา “ทรงโปรดปรานพระนางมารีย์ยิ่งกว่าหญิงใดๆ” และรู้ว่าพระบุตร ก็รักแม่ของพระองค์ที่สุดเหมือนมนุษย์ทั้งหลาย
เพราะพระบิดาทรงสร้างพระบุตรไม่ต่างจากมนุษย์เรา มีศิษย์ที่ทรงรักเป็นพิเศษ3คน ทรงเสียใจที่โดนทรยศ ทรงเจ็บปวดกลัวตาย ทรงต้องการกำลังใจเหมือนเรา เแล้วจะบอกว่าพระองค์ไม่มีความรู้สึกที่สวยงามที่สุดที่มนุษยืมีที่เรียกว่ารักแม่กระนั้นหรือ พระองค์จะไม่เคยเป็นสุข ที่ได้รับการดูแลจากแม่ที่แสนดีงั้นหรือ จะไม่รักแม่ที่พระบิดาโปรดปรานพิเศษเช่นกันงั้นหรือ เวลาพระองค์หกล้ม แล้วแม่วิ่งถลาเข้ามาอุ้ม พระองค์จะไม่รู้สึกรู้สางั้นหรือ ถ้าพระองค์เคยพิโรธ ทำไมถึงคิดว่าพระองค์จะไม่เคยรักแม่เป็นพิเศษ มนุษย์ที่รักพระเยซูที่สุดจะใครเล่าถ้าไม่ใช่พระแม่มารีย์ แล้วมนุษย์ที่พระเยซูรักมากที่สุดจะใครเล่าถ้าไม่ใช่พระแม่มารีย์
ดูจากพระคัมภีร์บทนี้ คุณได้เห็นความรักกุ๊กกิ๊กน่ารัก ของแม่ลูกคู่นี้ไหม แม่เองโดนลูกปฏิเสธมาไม่โกรธไม่งอน กลับเชื่อมั่นในลูก เดินหน้าต่อ ส่วนลูกเล่า ปากบอกไม่ แต่ก็ทำเพื่อแม่ ความจริงแม่ลูกคู่นี้ เขาไม่ได้คุยกันด้วยปากนะครับ เขาคุยกันด้วยหัวใจ
มธ 21:28
(28)“ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน เขาไปพบบุตรคนแรกพูดว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด” (29)บุตรตอบว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจและไปทำงาน (30)พ่อจึงไปพบบุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่สองตอบว่า “ครับพ่อ” แต่แล้วก็ไม่ได้ไป (31)สองคนนี้ใครทำตามใจพ่อ” พวกเขาตอบว่า “คนแรก”
-----พระเยซูเจ้าคือแบบอย่างของความรักและเคารพบิดามารดา อย่าให้ใครได้เอาไบเบิ้ลไปอ้างเลยเชียวว่าศาสนาเราสอนไม่ให้นับถือพ่อแม่ ลบหลู่พระคริสต์นัก
กลับมาดูที่พระแม่มารีย์ “สตรี” ผู้นี้ พระเจ้าได้เลือกไว้ประเสริฐนัก พระนางเปี่ยมด้วยพระวิญญาณจริงๆ พระนางไม่เคยเอาความดีใส่ตัว สิ่งเดียวที่พระนางทำในพระศาสนจักรคือสิ่งเดียวกับที่พระนางทำที่คานา และเป็นสิ่งเดียวกับที่พระบิดาตรัสบนภูเขาคือ “จงฟังท่าน(พระเยซู)เถิด…”จะเป็นไปได้อย่างไรถ้าเราจะรักแม่พระโดยไม่รักพระเยซู การไม่รักพระเยซูคือการผิดต่อพระนางมารีย์อย่างยิ่ง พระนางเกิดมาเพื่อพระเยซู ดังนั้น คริสตชนทุกคนย่อมต้องตระหนักว่า สิ่งที่แม่พระจะพอพระทัยที่สุดคือการที่เราทำตามที่พระนางบอกคือ “จงฟังลูกของแม่เถิด”
แม่เรียกร้องสิ่งนี้ในพระคัมภีร์ และแม่เรียกร้องสิ่งนี้ไม่เคยหยุดในพระศาสนจักร
---ดังนั้นคำเสนอวิงวอนของพระนางนั้นได้รับฟังโดยพระเจ้า แน่นอน การให้นักบุญ หรือแม่พระอธิษฐานเผื่อของคาทอลิค ไม่ใช่ให้พวกเขาทำหน้าที่แทนพระเยซู แต่ให้พระเยซู พร้อมทั้งทูตสวรรค์ และบรรดานักบุญ ร่วมอธิษฐานเผื่อเป็นกลุ่มใหญ่ ดังนั้นความเข้าใจของคุณที่หลับหูหลับตาพูดยังกับว่าถ้าให้แม่พระช่วยวิงวอนแล้ว เป็นการแย่งงานพระเยซู มันเป็นความเข้าใจผิดๆของคุณเองมาแต่ต้นแล้ว
จากการมองตามประสามนุษย์นะครับ คุณตอบไม่ได้เรื่องเลยครับ เกรียน กำปั้นทุบดิน ไม่มีเหตุผล
ถ้าการขอให้พระมารดามารีย์อธิษฐานเผื่อนั้นผิด การขอให้ศิษยาภิบาลคริสตจักรคุณอธิษฐานเผื่อก็ผิดด้วย คำพูดมั่วๆของคุณที่บอกว่า การให้มนุษย์ที่จากโลกนี้ไปสวรรค์แล้วอธิษฐานเผื่อเป็นการผิดพระคัมภีร์ คุณลองมาอ่านการสอนเรื่องนี้ โดยคนที่เขาจัดสาระบบพระคัมภีร์ให้คุณอ่านซะก่อนดีไหม เพราะว่าความเข้าใจและความรู้ในพระคัมภีร์ของเขากับของคุณมันคนละชั้น และถ้าคริสตชนคิดจะเชื่อการตีความพระคัมภีร์ของใคร ก็ควรเชื่อเขา ไม่ใช่คุณ
------------------------------------
ค.ศ. 384 พระสันตะปาปา ดามาซัส มีคำสั่งให้ นักบุญ เยโรม ผู้เป็นนักบวชของพระศาสนจักร รวบรวมคัมภีร์ทั้งหมดที่ยอมรับกัน เป็นสาระบบ พระคัมภีร์พระธรรมใหม่ ให้แปลเป็นภาษาละตินอย่างเป็นทางการ และเรียกส่วนที่เป็นสาระบบรอง ว่า อธิกธรรม(Aprocypha) และพระคัมภีร์ไบเบิ้ลในการแปลครั้งนี้เป็นฉบับมาตรฐานของพระศาสนจักรคาทอลิค และนิกายอื่นๆจนปัจจุบัน
และเมื่อมาร์ติน ลูเธอร์แยกนิกายก็เอาสาระบบจากคาทอลิคนี้แหละไปใช้แปลเป็นภาษาเยอรมัน
นักบุญเยโรม ปิตาจารย์ของพระศาสนจักร ผู้จัดสาระบบพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่คริสตชนทุกนิกายใช้กันอยู่ทุกวันนี้ กล่าวได้ว่าคัมภีร์เล่มไหนจริงไม่จริงท่านเป็นคนคัด และจัดเป็นไบเบิ้ลที่ใช้กันมาจนปัจจุบัน ท่านได้ตอบคำถามเรื่องการให้ความเคารพนักบุญ และพระธาตุนักบุญไว้ด้วย (ถ้าคำตอบท่านไม่น่าเชื่อถือ พระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่คริสตชนทุกนิกายใช้คงไม่น่าเชื่อถือเหมือนกัน)
"เราไม่ได้นมัสการพระธาตุ หรือนมัสการนักบุญ แต่เราให้เกียรติพวกท่านในการนมัสการพระองค์ผู้ซึ่งเหล่านักบุญได้ยึดเป็นแบบอย่าง เราให้เกียรติผู้รับใช้พระเจ้า เพื่อสะท้อนความเคารพนั้นไปยังองค์พระผู้เป็นเจ้าเอง"
ท่านยังกล่าวอีกว่า
"การให้เกียรติพวกท่าน(นักบุญ) ไม่ใช่การนมัสการรูปเคารพ เพราะไม่เคยมีคริสตชนคนไหนเห็นนักบุญเป็นพระเจ้า ในทางกลับกัน เราขอให้ท่านเหล่านั้น วิงวอนพระเจ้าเพื่อเรา เพราะว่า หากเมื่อเหล่านักบุญอัครสาวก และบรรดามรณสักขี ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ท่านยังสามารถอธิษฐานภาวนาเพื่อมนุษย์คนอื่นได้ ภายหลังจากที่ท่านชนะโลกนี้(ไปสวรรค์)แล้วพวกท่านจะมีพลังอธิษฐานมากกว่าสักเพียงไร พวกท่านเหล่านั้นจะมีพลังอธิษฐานน้อยลงหรือ ในเมื่อขณะนี้พวกท่านกำลังอยู่กับพระเยซูคริสตเจ้า?"
ดังนั้นหากการขอให้บรรดานักบุญและแม่พระช่วยวิงวอน นั้น ผิด และต้องทำให้คาทอลิคตกนรกเพราะการนี้ ตามที่คริสตจักรสายสุดโต่งบางแห่งสอน จงบอกให้สมาชิกคริสตจักรนั้นเลิกอ่านพระคัมภีร์และเลิกอ้างพระคัมภีร์ไบเบิ้ลซะ เพราะคนจัดสาระบบพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่อยู่ในมือพวกเขา ที่พวกเขาอ่านและอ้างมาด่าคาทอลิคเสมอนั้น ตอนนี้คงอยู่ในนรก เพราะท่านเห็นดีเห็นงามและยังสอนให้เราเสนอวิงวอนผ่านนักบุญ และให้ความเคารพนักบุญด้วย และการอ่านหนังสือที่คนฝ่ายนรกเลือกให้คงจะพาท่านตกนรกตามเขากันหมด ไม่กลัวเหรอ
ส่วนเราที่เป็นคาทอลิคนั้นนั้น เชื่อว่าท่านอยู่ในสวรรค์ และคงกำลังอธิษฐานให้คนที่อ่านไบเบิ้ลเล่มที่ท่านจัดสาระบบโดยองค์พระวิญญาณดลใจนี้ ได้เข้าใจและตีความไบเบิ้ลอย่างถูกต้องกันทุกคน จะได้เลิกยกไบเบิ้ลที่ท่านอุตส่าห์คัดและรวบรวมมาทะเลาะกันเองซะที
-------------------------------------------
อ่านบทความนี้จะได้เข้าใจวิธีอธิษฐานของคาทอลิคครับ
†เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน†
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5477.0
2 (1)สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น (2)พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย (3)เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” (4)พระเยซูเจ้าตรัสว่า “สตรีเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” (5)พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” (6)ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร (7)พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ (8)แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ (9)ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา (10)พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” (11)พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์ (12)หลังจากนี้ พระเยซูเจ้าเสด็จไปเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับพระมารดาญาติพี่น้องและบรรดาศิษย์ ทุกคนพำนักอยู่ที่นั่นเพียงสองสามวัน
------ เราได้เห็นความน่ารักที่สุดในโลกของครอบครัวอันศักดิ์สิทธิ์นี้
ดูเถิด แม่ผู้โอบอ้อมอารี เป็นห่วงเป็นใยคนอื่นที่เดือดร้อน ไปบอกกระซิบลูก ว่าแต่ทำไมต้องมาบอกลูกล่ะไม่ใช่งานของลูกซะหน่อย นั่นคงเพราะแม่รู้ว่าลูกนั้นไม่คนธรรมดาและสามารถช่วยได้น่ะสิ แต่หลังจากลูกพูดเชิงปฎิเสธ แถมมีเหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลา โอ้ พระบิดาเจ้า ใครเล่าจะเปลี่ยนพระทัยพระเจ้าได้ เมื่อเวลามาไม่ถึง เราคงต้องรอ แต่ดูเถิด แม่คนนี้กลับวางใจในลูกชายเหลือล้น ก็ทำไมล่ะ เธอกับลูกรักกันมาก มีใจที่มาจากหัวใจดวงเดียวกันนี่ แม้ลูกจะพูดเชิงปฏิเสธ แต่แม่ก็รู้หรอกว่าลูกก็ใจอ่อนแล้ว แม่รู้ว่าลูกแม่น้ำพระทัยดีเพียงไร แม่เดินไปบอกเด็กคนใช้ราวกับรู้ล่วงหน้าว่า ให้ฟังท่านเถิด ฝ่ายพระบุตรเล่า ก็รู้ว่าแม่นั้นยังคงเชื่อสิ้นสุดใจว่าจะได้รับสิ่งที่วอนขอ ทรงวางใจในความรักที่พระบุตรจะมีต่อแม่ของพระองค์อย่างมั่นคง และพระเยซูทรงทำสิ่งนี้ แม้นยังไม่ถึงเวลา!!!!!!!
ตั้งแต่เนรมิตสร้างโลกมีมนุษย์คนใดที่โน้มน้าวใจพระบิดาให้เปลี่ยนพระทัยได้ สิ่งที่ตรัส ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมิใช่หรือ แต่เราจะแปลกใจอะไร ถ้าเรารู้ พระบิดา “ทรงโปรดปรานพระนางมารีย์ยิ่งกว่าหญิงใดๆ” และรู้ว่าพระบุตร ก็รักแม่ของพระองค์ที่สุดเหมือนมนุษย์ทั้งหลาย
เพราะพระบิดาทรงสร้างพระบุตรไม่ต่างจากมนุษย์เรา มีศิษย์ที่ทรงรักเป็นพิเศษ3คน ทรงเสียใจที่โดนทรยศ ทรงเจ็บปวดกลัวตาย ทรงต้องการกำลังใจเหมือนเรา เแล้วจะบอกว่าพระองค์ไม่มีความรู้สึกที่สวยงามที่สุดที่มนุษยืมีที่เรียกว่ารักแม่กระนั้นหรือ พระองค์จะไม่เคยเป็นสุข ที่ได้รับการดูแลจากแม่ที่แสนดีงั้นหรือ จะไม่รักแม่ที่พระบิดาโปรดปรานพิเศษเช่นกันงั้นหรือ เวลาพระองค์หกล้ม แล้วแม่วิ่งถลาเข้ามาอุ้ม พระองค์จะไม่รู้สึกรู้สางั้นหรือ ถ้าพระองค์เคยพิโรธ ทำไมถึงคิดว่าพระองค์จะไม่เคยรักแม่เป็นพิเศษ มนุษย์ที่รักพระเยซูที่สุดจะใครเล่าถ้าไม่ใช่พระแม่มารีย์ แล้วมนุษย์ที่พระเยซูรักมากที่สุดจะใครเล่าถ้าไม่ใช่พระแม่มารีย์
ดูจากพระคัมภีร์บทนี้ คุณได้เห็นความรักกุ๊กกิ๊กน่ารัก ของแม่ลูกคู่นี้ไหม แม่เองโดนลูกปฏิเสธมาไม่โกรธไม่งอน กลับเชื่อมั่นในลูก เดินหน้าต่อ ส่วนลูกเล่า ปากบอกไม่ แต่ก็ทำเพื่อแม่ ความจริงแม่ลูกคู่นี้ เขาไม่ได้คุยกันด้วยปากนะครับ เขาคุยกันด้วยหัวใจ
มธ 21:28
(28)“ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน เขาไปพบบุตรคนแรกพูดว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด” (29)บุตรตอบว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจและไปทำงาน (30)พ่อจึงไปพบบุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่สองตอบว่า “ครับพ่อ” แต่แล้วก็ไม่ได้ไป (31)สองคนนี้ใครทำตามใจพ่อ” พวกเขาตอบว่า “คนแรก”
-----พระเยซูเจ้าคือแบบอย่างของความรักและเคารพบิดามารดา อย่าให้ใครได้เอาไบเบิ้ลไปอ้างเลยเชียวว่าศาสนาเราสอนไม่ให้นับถือพ่อแม่ ลบหลู่พระคริสต์นัก
กลับมาดูที่พระแม่มารีย์ “สตรี” ผู้นี้ พระเจ้าได้เลือกไว้ประเสริฐนัก พระนางเปี่ยมด้วยพระวิญญาณจริงๆ พระนางไม่เคยเอาความดีใส่ตัว สิ่งเดียวที่พระนางทำในพระศาสนจักรคือสิ่งเดียวกับที่พระนางทำที่คานา และเป็นสิ่งเดียวกับที่พระบิดาตรัสบนภูเขาคือ “จงฟังท่าน(พระเยซู)เถิด…”จะเป็นไปได้อย่างไรถ้าเราจะรักแม่พระโดยไม่รักพระเยซู การไม่รักพระเยซูคือการผิดต่อพระนางมารีย์อย่างยิ่ง พระนางเกิดมาเพื่อพระเยซู ดังนั้น คริสตชนทุกคนย่อมต้องตระหนักว่า สิ่งที่แม่พระจะพอพระทัยที่สุดคือการที่เราทำตามที่พระนางบอกคือ “จงฟังลูกของแม่เถิด”
แม่เรียกร้องสิ่งนี้ในพระคัมภีร์ และแม่เรียกร้องสิ่งนี้ไม่เคยหยุดในพระศาสนจักร
---ดังนั้นคำเสนอวิงวอนของพระนางนั้นได้รับฟังโดยพระเจ้า แน่นอน การให้นักบุญ หรือแม่พระอธิษฐานเผื่อของคาทอลิค ไม่ใช่ให้พวกเขาทำหน้าที่แทนพระเยซู แต่ให้พระเยซู พร้อมทั้งทูตสวรรค์ และบรรดานักบุญ ร่วมอธิษฐานเผื่อเป็นกลุ่มใหญ่ ดังนั้นความเข้าใจของคุณที่หลับหูหลับตาพูดยังกับว่าถ้าให้แม่พระช่วยวิงวอนแล้ว เป็นการแย่งงานพระเยซู มันเป็นความเข้าใจผิดๆของคุณเองมาแต่ต้นแล้ว
อะเค งง ๆ นิสหน่อย[size=13pt]และไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่ห้ามเราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้า[/size]ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ
ไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่บอกให้เราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้า
เป็นคำถามที่ใช้ปัญญาของมนุดครับ (คำถามโลกแตก)แต่ผมก็ตอบได้
นางมาเรียเป็นมนุดที่ตายแล้ว
เราอาจจะขอให้ผู้นำหรือพี่น้องอธิษฐานเผื่อ แต่การที่เราขอ ให้ คนตาย อธิษฐานเผื่อเนี่ย มันผิดพระคัมภีร์ และถ้าคิดในแง่นี้
คงมีอีกหลายสิบข้อที่ผิดพระคัมภีร์
ถามคำถามแบบนี้ ระวังจะโดนคำถามโลกแตกกลับบ้างนะครับ
จากการมองตามประสามนุษย์นะครับ คุณตอบไม่ได้เรื่องเลยครับ เกรียน กำปั้นทุบดิน ไม่มีเหตุผล
ถ้าการขอให้พระมารดามารีย์อธิษฐานเผื่อนั้นผิด การขอให้ศิษยาภิบาลคริสตจักรคุณอธิษฐานเผื่อก็ผิดด้วย คำพูดมั่วๆของคุณที่บอกว่า การให้มนุษย์ที่จากโลกนี้ไปสวรรค์แล้วอธิษฐานเผื่อเป็นการผิดพระคัมภีร์ คุณลองมาอ่านการสอนเรื่องนี้ โดยคนที่เขาจัดสาระบบพระคัมภีร์ให้คุณอ่านซะก่อนดีไหม เพราะว่าความเข้าใจและความรู้ในพระคัมภีร์ของเขากับของคุณมันคนละชั้น และถ้าคริสตชนคิดจะเชื่อการตีความพระคัมภีร์ของใคร ก็ควรเชื่อเขา ไม่ใช่คุณ
------------------------------------
ค.ศ. 384 พระสันตะปาปา ดามาซัส มีคำสั่งให้ นักบุญ เยโรม ผู้เป็นนักบวชของพระศาสนจักร รวบรวมคัมภีร์ทั้งหมดที่ยอมรับกัน เป็นสาระบบ พระคัมภีร์พระธรรมใหม่ ให้แปลเป็นภาษาละตินอย่างเป็นทางการ และเรียกส่วนที่เป็นสาระบบรอง ว่า อธิกธรรม(Aprocypha) และพระคัมภีร์ไบเบิ้ลในการแปลครั้งนี้เป็นฉบับมาตรฐานของพระศาสนจักรคาทอลิค และนิกายอื่นๆจนปัจจุบัน
และเมื่อมาร์ติน ลูเธอร์แยกนิกายก็เอาสาระบบจากคาทอลิคนี้แหละไปใช้แปลเป็นภาษาเยอรมัน
นักบุญเยโรม ปิตาจารย์ของพระศาสนจักร ผู้จัดสาระบบพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่คริสตชนทุกนิกายใช้กันอยู่ทุกวันนี้ กล่าวได้ว่าคัมภีร์เล่มไหนจริงไม่จริงท่านเป็นคนคัด และจัดเป็นไบเบิ้ลที่ใช้กันมาจนปัจจุบัน ท่านได้ตอบคำถามเรื่องการให้ความเคารพนักบุญ และพระธาตุนักบุญไว้ด้วย (ถ้าคำตอบท่านไม่น่าเชื่อถือ พระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่คริสตชนทุกนิกายใช้คงไม่น่าเชื่อถือเหมือนกัน)
"เราไม่ได้นมัสการพระธาตุ หรือนมัสการนักบุญ แต่เราให้เกียรติพวกท่านในการนมัสการพระองค์ผู้ซึ่งเหล่านักบุญได้ยึดเป็นแบบอย่าง เราให้เกียรติผู้รับใช้พระเจ้า เพื่อสะท้อนความเคารพนั้นไปยังองค์พระผู้เป็นเจ้าเอง"
ท่านยังกล่าวอีกว่า
"การให้เกียรติพวกท่าน(นักบุญ) ไม่ใช่การนมัสการรูปเคารพ เพราะไม่เคยมีคริสตชนคนไหนเห็นนักบุญเป็นพระเจ้า ในทางกลับกัน เราขอให้ท่านเหล่านั้น วิงวอนพระเจ้าเพื่อเรา เพราะว่า หากเมื่อเหล่านักบุญอัครสาวก และบรรดามรณสักขี ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ท่านยังสามารถอธิษฐานภาวนาเพื่อมนุษย์คนอื่นได้ ภายหลังจากที่ท่านชนะโลกนี้(ไปสวรรค์)แล้วพวกท่านจะมีพลังอธิษฐานมากกว่าสักเพียงไร พวกท่านเหล่านั้นจะมีพลังอธิษฐานน้อยลงหรือ ในเมื่อขณะนี้พวกท่านกำลังอยู่กับพระเยซูคริสตเจ้า?"
ดังนั้นหากการขอให้บรรดานักบุญและแม่พระช่วยวิงวอน นั้น ผิด และต้องทำให้คาทอลิคตกนรกเพราะการนี้ ตามที่คริสตจักรสายสุดโต่งบางแห่งสอน จงบอกให้สมาชิกคริสตจักรนั้นเลิกอ่านพระคัมภีร์และเลิกอ้างพระคัมภีร์ไบเบิ้ลซะ เพราะคนจัดสาระบบพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่อยู่ในมือพวกเขา ที่พวกเขาอ่านและอ้างมาด่าคาทอลิคเสมอนั้น ตอนนี้คงอยู่ในนรก เพราะท่านเห็นดีเห็นงามและยังสอนให้เราเสนอวิงวอนผ่านนักบุญ และให้ความเคารพนักบุญด้วย และการอ่านหนังสือที่คนฝ่ายนรกเลือกให้คงจะพาท่านตกนรกตามเขากันหมด ไม่กลัวเหรอ
ส่วนเราที่เป็นคาทอลิคนั้นนั้น เชื่อว่าท่านอยู่ในสวรรค์ และคงกำลังอธิษฐานให้คนที่อ่านไบเบิ้ลเล่มที่ท่านจัดสาระบบโดยองค์พระวิญญาณดลใจนี้ ได้เข้าใจและตีความไบเบิ้ลอย่างถูกต้องกันทุกคน จะได้เลิกยกไบเบิ้ลที่ท่านอุตส่าห์คัดและรวบรวมมาทะเลาะกันเองซะที
-------------------------------------------
อ่านบทความนี้จะได้เข้าใจวิธีอธิษฐานของคาทอลิคครับ
†เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน†
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5477.0
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ส.ค. 10, 2009 4:09 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 37
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 18, 2008 1:13 am
ผมพยายามพูดอ้อมค้อมเพื่อไม่ให้ เป็นคำพูดโดย ตรงน่ะครับ กลายเป็นว่า ไม่เข้าใจไป
ทุกสิ่งที่ท่านกล่าวมานั้น ผมไม่เข้าใจอยู่เพียงแค่จุดเดียว ท่านก็คงรู้ คือ ทำไมเราต้องอธิษฐานขอต่อพระแม่มารี เพื่อให้ ท่านไป ทูลต่อพระเจ้าให้
ทั้งๆ ที่ ท่านทั้งหลายเป็นวิหารของพระเจ้า ผมอ้างถึงว่า นางมาเรียเป็นมนุด ซึ่งตายไป เป็น พัน ปีแล้ว ซึ่ง ผู้ที่ตายไปแล้ว ไม่สามารถที่จะ
ช่วยทำการงานของพระเจ้าได้ครับ ท่านให้ประโยนช์ไว้สูงสุดในการเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้รับใช้ของพระเจ้าเท่านั้น
มนุษย์ที่ตายไปแล้วเป็นอย่างไร ใน 1ธก บทที่ 4 ตอนปลาย - บทที่ 5 ตอนต้น นั้น ก็บอกชัดเจนครับ
นางมาเรียไม่ได้ถูกยกขึ้นให้สูงกว่า คริสสชน ทั่วไปครับ
ในเรื่อง ยอน บทที่ 2 ข้อ 1-12 เป็นตัวอย่างที่ดีของพระเยซู ที่กตัญญู รู้คุณต่อผู้เลี้ยงท่านมา มันแปลกตรงไหนครับ
ผมไม่ได้ พยายามขัดแย้งที่ ท่านให้ความศรัทธา ต่อนางมาเรีย ครับ แต่ ไม่เห็นด้วย ที่ ต้องให้ นางมาเรีย มาเป็น สพาน ระหว่าง เรากับพระเจ้า
เพราะเรา คือบุตร ของพระเจ้า เช่นเดียวกับ นางมาเรียครับ
ทุกสิ่งที่ท่านกล่าวมานั้น ผมไม่เข้าใจอยู่เพียงแค่จุดเดียว ท่านก็คงรู้ คือ ทำไมเราต้องอธิษฐานขอต่อพระแม่มารี เพื่อให้ ท่านไป ทูลต่อพระเจ้าให้
ทั้งๆ ที่ ท่านทั้งหลายเป็นวิหารของพระเจ้า ผมอ้างถึงว่า นางมาเรียเป็นมนุด ซึ่งตายไป เป็น พัน ปีแล้ว ซึ่ง ผู้ที่ตายไปแล้ว ไม่สามารถที่จะ
ช่วยทำการงานของพระเจ้าได้ครับ ท่านให้ประโยนช์ไว้สูงสุดในการเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้รับใช้ของพระเจ้าเท่านั้น
มนุษย์ที่ตายไปแล้วเป็นอย่างไร ใน 1ธก บทที่ 4 ตอนปลาย - บทที่ 5 ตอนต้น นั้น ก็บอกชัดเจนครับ
นางมาเรียไม่ได้ถูกยกขึ้นให้สูงกว่า คริสสชน ทั่วไปครับ
ในเรื่อง ยอน บทที่ 2 ข้อ 1-12 เป็นตัวอย่างที่ดีของพระเยซู ที่กตัญญู รู้คุณต่อผู้เลี้ยงท่านมา มันแปลกตรงไหนครับ
ผมไม่ได้ พยายามขัดแย้งที่ ท่านให้ความศรัทธา ต่อนางมาเรีย ครับ แต่ ไม่เห็นด้วย ที่ ต้องให้ นางมาเรีย มาเป็น สพาน ระหว่าง เรากับพระเจ้า
เพราะเรา คือบุตร ของพระเจ้า เช่นเดียวกับ นางมาเรียครับ
ไม่ทราบว่า น้องกำลังเรียนอยู่หรือเปล่า คำว่า มนุด นั้นเขาเขียนกันแบบนี้ "มนุษย์"vpjkmesivp เขียน: ผมพยายามพูดอ้อมค้อมเพื่อไม่ให้ เป็นคำพูดโดย ตรงน่ะครับ กลายเป็นว่า ไม่เข้าใจไป
ทุกสิ่งที่ท่านกล่าวมานั้น ผมไม่เข้าใจอยู่เพียงแค่จุดเดียว ท่านก็คงรู้ คือ ทำไมเราต้องอธิษฐานขอต่อพระแม่มารี เพื่อให้ ท่านไป ทูลต่อพระเจ้าให้
ทั้งๆ ที่ ท่านทั้งหลายเป็นวิหารของพระเจ้า ผมอ้างถึงว่า นางมาเรียเป็นมนุด ซึ่งตายไป เป็น พัน ปีแล้ว ซึ่ง ผู้ที่ตายไปแล้ว ไม่สามารถที่จะ
ช่วยทำการงานของพระเจ้าได้ครับ ท่านให้ประโยนช์ไว้สูงสุดในการเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้รับใช้ของพระเจ้าเท่านั้น
มนุษย์ที่ตายไปแล้วเป็นอย่างไร ใน 1ธก บทที่ 4 ตอนปลาย - บทที่ 5 ตอนต้น นั้น ก็บอกชัดเจนครับ
นางมาเรียไม่ได้ถูกยกขึ้นให้สูงกว่า คริสสชน ทั่วไปครับ
ในเรื่อง ยอน บทที่ 2 ข้อ 1-12 เป็นตัวอย่างที่ดีของพระเยซู ที่กตัญญู รู้คุณต่อผู้เลี้ยงท่านมา มันแปลกตรงไหนครับ
ผมไม่ได้ พยายามขัดแย้งที่ ท่านให้ความศรัทธา ต่อนางมาเรีย ครับ แต่ ไม่เห็นด้วย ที่ ต้องให้ นางมาเรีย มาเป็น สพาน ระหว่าง เรากับพระเจ้า
เพราะเรา คือบุตร ของพระเจ้า เช่นเดียวกับ นางมาเรียครับ
ที่น้องบอกว่า "นางมาเรียเป็นมนุด ซึ่งตายไป เป็น พัน ปีแล้ว ซึ่ง ผู้ที่ตายไปแล้ว ไม่สามารถที่จะ
ช่วยทำการงานของพระเจ้าได้ครับ"
ขอบอกว่าผิดเต็มๆ ครับ ทุกวันนี้ พระแม่มารี ได้ช่วยงานพระเป็นเจ้าตลอดเวลา
พระแม่ได้ประจักษ์มาให้มนุษย์เห็น หลายต่อหลายครั้งแล้ว!!!
ไม่ว่าจะเป็นที่ ฟาติมา ประเทศโปรตุเกส, ที่เมือง ลูร์ด ประเทศฝรั่งเศส หรือแม้กระทั่งในประเทศไทยของเราด้วย !!!
ถ้าไม่เชื่อ ลองเอาไปดูครับ
http://www.google.com/search?hl=en&q=ma ... pp&aqi=g10
และถ้าน้องจะบอกว่า เป็นซาตานแปลงร่างมาหลอกลวงล่ะก็ ขอบอกว่า
ผิดอีกนั่นแหละ เพราะว่า ทุกครั้งของการประจักษ์ของพระแม่ พระแม่ได้ขอร้องให้กลับใจมาหาพระเป็นเจ้า
สวดภาวนาและใช้โทษบาป ทุกครั้ง !!!
ซาตานไม่มีทางบอกให้มนูษย์กลับใจมาหาพระเป็นเจ้าแน่นอนครับ
และขอให้น้องพิจารณาดูพระคัมภีร์ข้อเหล่านี้ให้ดีๆ
บทที่ / ข้อที่ : มัทธิว 17:1 ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้วพระเยซูทรงพาเปโตรยากอบและยอห์นน้องของยากอบขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง..
บทที่ / ข้อที่ : มัทธิว 17:2 แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขาพระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง..
บทที่ / ข้อที่ : มัทธิว 17:3 โมเสสและเอลียาห์ก็มาปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านั้นกำลังเฝ้าสนทนากับพระองค์..
บทที่ / ข้อที่ : มัทธิว 17:4 "ฝ่ายเปโตรทูลพระเยซูว่าพระองค์เจ้าข้าซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดีถ้าพระองค์ต้องพระประสงค์ข้าพระองค์จะทำเพิงสามหลังที่นี่สำหรับพระองค์หลังหนึ่งสำหรับโมเสสหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง"..
บทที่ / ข้อที่ : มัทธิว 17:5 "เปโตรทูลยังไม่ทันขาดคำก็บังเกิดมีเมฆสุกใสมาปกคลุมเขาไว้แล้วมีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่าท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเราเราชอบใจท่านผู้นี้มากจงเชื่อฟังท่านเถิด"..
บทที่ / ข้อที่ : มัทธิว 17:6 ฝ่ายพวกสาวกเมื่อได้ยินก็ซบหน้ากราบลงกลัวยิ่งนัก..
บทที่ / ข้อที่ : มัทธิว 17:7 "พระเยซูจึงเสด็จมาถูกต้องเขาแล้วตรัสว่าจงลุกขึ้นเถิดอย่ากลัวเลย"..
บทที่ / ข้อที่ : มัทธิว 17:8 เมื่อเขาเงยหน้าดูก็ไม่เห็นผู้ใดเห็นแต่พระเยซูองค์เดียว..
พี่ขอถามน้อง 2 ข้อว่า
โมเสสกับเอลียาห์ คือมนุษย์ที่ตายไปแล้วรึยัง?
โมเสสกับเอลียาห์ กำลังช่วยกิจการงานของพระเป็นเจ้าอยู่หรือไม่?
สุดท้ายนี้ พระแม่ถูกยกให้สูงกว่าคริสตชนทุกคนครับ จริงๆแล้วถูกยกให้สูงกว่าบรรดาทูตสวรรค์ด้วยซ้ำ!!!
เพราะพระแม่ปราศจากบาปใดๆ
บทที่ / ข้อที่ : ลูกา 1:41 เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำปราศรัยของมารีย์ทารกในครรภ์ของเขาก็ดิ้นและนางเอลีซาเบธก็เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์..
บทที่ / ข้อที่ : ลูกา 1:42 จึงร้องเสียงดังว่าในบรรดาสตรีท่านได้รับพระพรมากและทารกในครรภ์ของท่านก็ได้รับพระพรด้วย..
บทที่ / ข้อที่ : ลูกา 1:43 เป็นไฉนข้าพเจ้าจึงได้ความโปรดปรานเช่นนี้คือมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าได้มาหาข้าพเจ้า..
บทที่ / ข้อที่ : ลูกา 1:44 เพราะดูเถิดพอเสียงปราศรัยของท่านเข้าหูข้าพเจ้าทารกในครรภ์ของข้าพเจ้าก็ดิ้นด้วยความยินดี..
ขออวยพระพรให้น้องพบกับสันติสุขในองค์พระเป็นเจ้าที่แท้จริงนะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ จันทร์ ส.ค. 10, 2009 10:56 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-ตกลงว่าไม่ได้อ่านข้อความผมและคนอื่นๆ หรือว่าจงใจเพิกเฉยล่ะครับ-vpjkmesivp เขียน: ผมพยายามพูดอ้อมค้อมเพื่อไม่ให้ เป็นคำพูดโดย ตรงน่ะครับ กลายเป็นว่า ไม่เข้าใจไป
ทุกสิ่งที่ท่านกล่าวมานั้น ผมไม่เข้าใจอยู่เพียงแค่จุดเดียว ท่านก็คงรู้ คือ ทำไมเราต้องอธิษฐานขอต่อพระแม่มารี เพื่อให้ ท่านไป ทูลต่อพระเจ้าให้
ทั้งๆ ที่ ท่านทั้งหลายเป็นวิหารของพระเจ้า ผมอ้างถึงว่า นางมาเรียเป็นมนุด ซึ่งตายไป เป็น พัน ปีแล้ว ซึ่ง ผู้ที่ตายไปแล้ว ไม่สามารถที่จะ
ช่วยทำการงานของพระเจ้าได้ครับ ท่านให้ประโยนช์ไว้สูงสุดในการเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้รับใช้ของพระเจ้าเท่านั้น
มนุษย์ที่ตายไปแล้วเป็นอย่างไร ใน 1ธก บทที่ 4 ตอนปลาย - บทที่ 5 ตอนต้น นั้น ก็บอกชัดเจนครับ
นางมาเรียไม่ได้ถูกยกขึ้นให้สูงกว่า คริสสชน ทั่วไปครับ
ในเรื่อง ยอน บทที่ 2 ข้อ 1-12 เป็นตัวอย่างที่ดีของพระเยซู ที่กตัญญู รู้คุณต่อผู้เลี้ยงท่านมา มันแปลกตรงไหนครับ
ผมไม่ได้ พยายามขัดแย้งที่ ท่านให้ความศรัทธา ต่อนางมาเรีย ครับ แต่ ไม่เห็นด้วย ที่ ต้องให้ นางมาเรีย มาเป็น สพาน ระหว่าง เรากับพระเจ้า
เพราะเรา คือบุตร ของพระเจ้า เช่นเดียวกับ นางมาเรียครับ
ไม่ใช่ตามความเชื่อของคาทอลิกครับ
สำหรับคาทอลิกแล้ว แม่พระได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
เรื่องนี้มาจากหนังสือที่ "ทุกวันนี้" ถูกรวบเข้่าในหมวด Apocrypha
สำหรับ อธิกธรรม ในศัพท์คาทอลิก หลายถึง หนังสือที่ไม่ใช่พระคัมภีร์ แต่มีคุณค่าต่อการศึกษา
ไม่ใช่หมวดหนังสือนอกรีต หรือหมวดหนังสือขัดความเชื่อเหมือนกรณีที่คริสเตียนให้คำอธิบายไว้
ทั้งนี้่ การอ้างว่าอธิกธรรมไม่ใช่พระคัมภีร์และเอามาอธิบายไม่ได้นั้น เห็นจะไม่ได้ เพราะ น.เปาโลก็เคยใช้เรื่องราวจาก เอโนค มาอธิบายเช่นกัน
ส่วนเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับแม่พระนั้น ให้กลับไป "ค้น" กระทู้อื่นๆ ที่เคยมีมาแล้วครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคุณไม่เชื่อคาทอลิกยุคกลางที่เรียกแม่พระว่า Dei Genetrix หรือ Mater Dei ลองกลับไปดูไปดูสภาแต่โบราณว่า Theotokos คืออะไรนะครับ
ถ้าคริสตชนทุกรุ่นนับเป็นเวลา 1900 กว่าปีมาแล้วผิดหมด ก็คงไม่มีคริสตชนยุคไหนสมควรจะอ้างตัวเองว่าถูกได้เลยซักคนเดียว
-ผมอธิบายโดยอาศัยพื้นฐานคำสอนของพระศาสนจักรเป็นหลัก
-ที่จริงแล้ว "พระคัมภีร์" ที่ถูกอ้างในพันธสัญญาใหม่ทุกอัน หมายถึง พันธสัญญาเ้ก่า
-พันธสัญญาเก่าตามการสังคายนาโบราณที่ได้รับการยอมรับทั่วไปเว้นหลังมาร์ตินลูเธอร์ ต้องประกอบไปด้วยส่วนที่เรียกว่า ส่วนสาระบบที่สอง
-ส่วนที่ถือได้ว่า ขัดมิได้ และ เปลี่ยนแปลงมิได้ ของภาคพันธสัญญาใหม่ คือ พระวรสารทั้ง 4 ฉบับ
-วิวรณ์เป็นส่วนเดียวของพันธสัญญาใหม่ที่มิใช่คำสอนโดยตรง แต่เป็นการพยากรณ์อนาคต โดยไม่ระบุวันเวลาที่จะเกิดขึ้น
-ส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็น "คำสอนพระศาสนจักร" หมายถึง พระศาสนจักรเป็นผู้ให้คำสอนนี้ โดยมีเหตุผลอันเป็นไปตา่ม/ไม่ขัดต่อพระวรสารทั้งสี่
-ทั้งหมดนี้ ผมกำลังพูดถึงความชอบธรรม "Authenticity" ของการให้/ห้าม ใดๆ ที่พระศาสนจักรกระทำ
-เรื่องของคนเป็น/คนตาย ถ้าคุณเอาแต่ข้อพระคัมภีร์ข้อนั้น ข้อนี้มากล่าวอ้าง โดยละเลยบริบทของข้ออื่นๆ เล่มอื่นๆ หรือแม้แต่พระคัมภีร์เก่าที่คุณตัดออกไป คุณก็ไม่อาจทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้
-เรื่องการยกย่อง (venerate) การให้ความเคารพ (Hyperdulia) การสรรเสริญ (Praise) พระนางมารีย์ มีัตั้งแต่คริสต์ศตวรรษแรกๆ ไม่เชื่อลองไปหาอ่าน
-เหตุผลที่พระนางได้รับการยกย่อง และคริสตชนมากมายให้ความเคารพอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ ลองไปหาอ่านครับ อย่ายืนเป็นกระต่ายขาเดียว
-เมื่อไม่มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องใด ควรเริ่มด้วยการถามแบบให้อิสระ ไม่ใช่การถามโดยจำกัดกรอบ หรือตีเส้นขอบเขตก่อนที่จะได้รับคำอธิบาย เพราะคำอธิบายอาจอยู่นอกเหนือกรอบนั้น
-ความจริงแล้ว โปรแตสแตนต์หลายสายให้ความสำคัญพระนางมารีย์น้อยลง หรือเพิกเฉยต่อการให้ความสำคัญ เป็นเพราะต้องการลดบทบาท/อิทธิพลของความเป็นคาทอลิกในหมู่ศาสนิกของตน
-เรื่องราวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระศาสนจักรที่เป็นความตกต่ำในอดีตอาจสามารถโต้แย้งได้ เนื่องจากเราทุกคนที่เป็นพระกายของพระคริสต์ก็เป็นมนุษย์
-แต่เรื่องของพระนางมารีย์นั้น มีบันทึกถึงความศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์ เรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับประวัติ และงานของพระนางอยู่ในหนังสืออธิกธรรมหลายเล่ม เช่น Protevangelion Gospel of Mary ฯลฯ
-ถ้าคุณจะบอกว่า หนังสืออื่นๆ นอกจากพระคัมภีร์แล้วไม่มีค่า ดังนั้นหนังสือที่คริสตชนทุกคน ทุกยุค ทุกสมัย ก็สมควรถูกทำลายเช่นกัน
-ตราบใดก็ตามที่คุณนิยามคำว่า Worship ให้เท่ากับ Venerate/Dulia/Hyperdulia คาทอลิก และ ออร์ทอดอกซ์ ก็จะผิดในสายตาของคุณวันยังค่ำ
-ตราบใดที่คุณยังคิดว่า คาทอลิก/ออร์ทอร์ดอกซ์เห็นแม่พระเป็น consultant ของพระเจ้า หรือ เป็นเหมือนเมียตำรวจ (ขออภัยที่ต้องยกตัวอย่างนี้) ที่บอกให้พระเจ้าลดหย่อนผ่อนโทษได้ คุณก็จะเข้าใจเราแบบผิดๆ ต่อไป
-นอกจากเรื่อง ตัวเรา-ของเรา-ความคิดเรา แล้ว ผมยังไม่เห้นประเด็นอื่นที่เราเถียงกันอยู่เลย
ถ้าคุณ ไม่เปิดใจที่จะเข้าใจ เรา ซึ่ง เป็นรากฐานและ วัฒนธรรมที่แท้จริง ของชาวคริสเตียน มากว่า สองพันกว่าปี คุณ ก็ไม่มีวันเข้าใจถึง น้ำพระทัยของพระเจ้า ฉันนั้นvpjkmesivp เขียน: ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ
ผมไม้ได้อยู่ในโปรนะครับ
แต่ผมคิดว่าทุกท่านเชื่อเรื่อง ตรีเอกานุภาพ
พระเจ้า พระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์
ไม่มีพระคัมภีร์ข้อไหนที่บอกให้เราขอให้พระแม่มารีย์ ช่วยทูลขอต่อพระเจ้า
เราเป็นวิหารของพระเจ้าใน 1โกริณโท และเราเป็นวิหารของพระคริสต์(พระเยซู) และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผู้เป็นเจ้านั้น เป็น 1 เดียวกัน และที่แน่นอน ตรีเอกานิภาพ คือ 3 ไม่ไช่ 4
เราค้นพบข้อพระคัมภีร์ในกิจการที่พูดถึงพระวิญญาณได้ทรงทูลขอแทนเราในยามที่เราอ่อนกำลัง
พระเยซู คือพระเจ้า ท่านทั้งหลายเข้าใจข้อนี้ดี ฉะนั้น พระแม่มารีย์ไม่เกี่ยวเลยในการทูลขอต่อพระเจ้า
ใน1 ธก บทที่4 ข้อ 15 ในข้อนี้เราขอบอกให้ท่านทราบตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เราผู้ยังเป็นอยู่และเหลืออยู่จนถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หามิได้
4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน
4:17 หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์
พิจรณาข้อความข้างต้นนี้ สำหรับมนุยษ์แล้วไม่มีไครไปแผ่นดินสวรรค์ก่อนผุ้อื่นหรอกครับ
พระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ถูกต้องครับ พระนางเสด็จขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกายและจิตวิญญานสำหรับคาทอลิกแล้ว แม่พระได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
มาหาว่าแม่พระเป็น"นาง!!" อีกรายละ ก็อย่างที่ผมบอกละครับ พระนางเสด็จขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาน และคาทอลิคเราให้เกียรติพระนางรองจากพระเจ้าครับ และออเทอดอกซ์ ก็เช่นเดียวกันครับ จริงไหมละครับ?นางมาเรียเป็นมนุดที่ตายแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ส.ค. 10, 2009 5:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 37
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 18, 2008 1:13 am
ครับ คุณ โฮลี่
แต่ ที่ผมโพส ต่อเพราะที่ท่านอ้างมานั้น มันไม่มีในพระคัมภีร์นิครับ
ยอมรับว่า พระคัมภีร์เขียนไว้ น้อยมาก และไม่ได้เขียนในหลายๆเรื่อง
ก่อนอื่น ต้องขอ อภัย ที่เรียกว่านางมาเรียนะครับ ผมอ่านพระคัมภีร์ ยังไม่เห็น คำว่า พระแม่มารีย์เลย
เช่น
- นางมาเรียรับบัพติสมา หรือยัง แต่ผม ไม่แหนงใจเท่าไร เพราะ ท่าน สนิทอยู่กับพระเยซู
- นางมาเรียตายอย่างไร ไม่มีพระคัมเล่มไหนบอกไว้
แต่ที่ท่านอ้างว่า
ถ้าคุณอ้างตามหนังสือ ของคณะนิกาย ของท่าน ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะในคริสตจักรของผมไม่มี
หนังสือที่เพิ่มข้อความไว้นอกจากพระคัมภีร์
ถ้าเป็นความ เชื่อ ตามหนังสือของท่าน ผมก็เถียงความเชื่อไม่ได้ครับ
แต่ จากคำที่ ว่า ถ้าคริสตชนทุกรุ่นนับเป็นเวลา 1900 กว่าปีมาแล้วผิดหมด ก็คงไม่มีคริสตชนยุคไหนสมควรจะอ้างตัวเองว่าถูกได้เลยซักคนเดียว
คาทอลิกตั้งขึ้น เมื่อ ประมาณ ค.ศ. 400 ปี และ คริสตจักร ที่พระเยซูได้ทรงตั้งไว้ ก่อนจะเกิดคาทอลิก
ก็ยังคงอยู่ ถึงปัจจุบัน นี้ ครับ
ฉะนั้น คุณ น่าจะบอกว่านับเป็น 1600 กว่าปีมาแล้ว มากกว่า ครับ
แต่ ที่ผมโพส ต่อเพราะที่ท่านอ้างมานั้น มันไม่มีในพระคัมภีร์นิครับ
ยอมรับว่า พระคัมภีร์เขียนไว้ น้อยมาก และไม่ได้เขียนในหลายๆเรื่อง
ก่อนอื่น ต้องขอ อภัย ที่เรียกว่านางมาเรียนะครับ ผมอ่านพระคัมภีร์ ยังไม่เห็น คำว่า พระแม่มารีย์เลย
เช่น
- นางมาเรียรับบัพติสมา หรือยัง แต่ผม ไม่แหนงใจเท่าไร เพราะ ท่าน สนิทอยู่กับพระเยซู
- นางมาเรียตายอย่างไร ไม่มีพระคัมเล่มไหนบอกไว้
แต่ที่ท่านอ้างว่า
เป้นความเชื่อของคาทอลิก (ซึ่งผมก็ยอมรับว่าเป็นความเชื่อ) แต่ความเชื่อกับความจริงคนละเรื่องกันEdwardius เขียน:vpjkmesivp เขียน:
-ตกลงว่าไม่ได้อ่านข้อความผมและคนอื่นๆ หรือว่าจงใจเพิกเฉยล่ะครับ-
ไม่ใช่ตามความเชื่อของคาทอลิกครับ
สำหรับคาทอลิกแล้ว แม่พระได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
เรื่องนี้มาจากหนังสือที่ "ทุกวันนี้" ถูกรวบเข้่าในหมวด Apocrypha
สำหรับ อธิกธรรม ในศัพท์คาทอลิก หลายถึง หนังสือที่ไม่ใช่พระคัมภีร์ แต่มีคุณค่าต่อการศึกษา
ไม่ใช่หมวดหนังสือนอกรีต หรือหมวดหนังสือขัดความเชื่อเหมือนกรณีที่คริสเตียนให้คำอธิบายไว้
ทั้งนี้่ การอ้างว่าอธิกธรรมไม่ใช่พระคัมภีร์และเอามาอธิบายไม่ได้นั้น เห็นจะไม่ได้ เพราะ น.เปาโลก็เคยใช้เรื่องราวจาก เอโนค มาอธิบายเช่นกัน
ส่วนเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับแม่พระนั้น ให้กลับไป "ค้น" กระทู้อื่นๆ ที่เคยมีมาแล้วครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคุณไม่เชื่อคาทอลิกยุคกลางที่เรียกแม่พระว่า Dei Genetrix หรือ Mater Dei ลองกลับไปดูไปดูสภาแต่โบราณว่า Theotokos คืออะไรนะครับ
ถ้าคริสตชนทุกรุ่นนับเป็นเวลา 1900 กว่าปีมาแล้วผิดหมด ก็คงไม่มีคริสตชนยุคไหนสมควรจะอ้างตัวเองว่าถูกได้เลยซักคนเดียว
ถ้าคุณอ้างตามหนังสือ ของคณะนิกาย ของท่าน ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะในคริสตจักรของผมไม่มี
หนังสือที่เพิ่มข้อความไว้นอกจากพระคัมภีร์
ถ้าเป็นความ เชื่อ ตามหนังสือของท่าน ผมก็เถียงความเชื่อไม่ได้ครับ
แต่ จากคำที่ ว่า ถ้าคริสตชนทุกรุ่นนับเป็นเวลา 1900 กว่าปีมาแล้วผิดหมด ก็คงไม่มีคริสตชนยุคไหนสมควรจะอ้างตัวเองว่าถูกได้เลยซักคนเดียว
คาทอลิกตั้งขึ้น เมื่อ ประมาณ ค.ศ. 400 ปี และ คริสตจักร ที่พระเยซูได้ทรงตั้งไว้ ก่อนจะเกิดคาทอลิก
ก็ยังคงอยู่ ถึงปัจจุบัน นี้ ครับ
ฉะนั้น คุณ น่าจะบอกว่านับเป็น 1600 กว่าปีมาแล้ว มากกว่า ครับ