ความจริง

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร ธ.ค. 30, 2008 8:28 pm

honeypor เขียน:
จริงๆแล้วต้องบอกก่อนนะว่าในเรื่องนี้เราไม่คิดว่าผิดหรือถูก เพราะบ้านเราก็มีรูปพระแม่มาเรียเยอะ รูปไม้กางเขนก็เยอะ รูปพระเยซูอีก เราเคยไปวัดมอนเซอราทที่สเปนมีคนมากมายบนขอพระแม่มาเรีย พอสมหวังเค้าก็เอาของมาถวาย (คล้ายๆพุทธเลย) เราก็ยังขอพรท่านสมหวังไปแล้ว เรื่องความศักดิ์สิทธิ์และการมีอยู่จริงของท่านเราแน่ใจว่ามีจริงแน่

มีคนพูดว่าเราเชื่อสิ่งใดก็เป็นความจริงสำหรับเรา แต่ถ้าเขาไม่เชื่อแม้แต่สิ่งที่มีอยู่จริงก็ไม่เป็นจริงสำหรับเขา อาจจะใช้ได้กับกรณีนี้ไหมคะ และบางทีประสบการณ์ก็สร้างความเชื่อได้เหมือนกัน เพราะคุณประสบกับมันคุณจึงเชื่อ

สำหรับตัวเรานะ เชื่ออย่างไรก็ได้ ตราบใดที่เป็ทำให้จิตวิญญาณคุณเติบโต ขอให้เชื่อด้วยความรักเป็นพื้นฐาน


ตอบคุณ holy  เราอ่านแล้วค่ะ แต่เราฟังจากหลายมุมมอง ทั้งจากคุณที่เป็นcatholic และนิกายอื่นๆ
ถ้าจำไม่ผิด ลักษณะแบบนี้จะเรียกว่า ex voto ครับ


Ex voto มาจากภาษาละตินที่ว่า ex voto suscepto หมายถึง ซึ่งคำปฏิญาณอันสัมฤทธิ์ผล

ซึ่ง Ex voto นี้เป็นคำนามที่หมายถึง ของแก้บน ที่มอบให้แก่นักบุญ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

โดยมาก Ex voto จะประดับอยู่ตามอาคารวัด หรือวัดน้อยที่ผู้ให้ความเคารพต้องการ "แสดงออก" ถึงคารวะจิต และความขอบคุณ

ในสมัยโบราณนั้น Ex voto จะประดับอยู่ที่อาคารวัดทีุ่จุดหมายปลายทางของการเดินทาง (โดยสวัสดิภาพ--จากผู้แปล)

Ex voto นี้มีรูปแบบลักษณะ และเป้าประสงค์ที่ต่างกันไป อาจเป็นในรูปของ ภาพวาด กิตติกรรมประกาศ ฯลฯ ที่ืยืนยันว่าได้รับการช่วยเหลือจริง

ทั้งนี้ Ex voto เป็นประโยชน์ในทางเทววิทยาหลายประการ เช่น ทำให้สามารถสืบหาพยานบุคคลที่ได้รับความช่วยเหลือจากการวิงวอนต่อผู้ล่วงลับ หรือแม่พระได้จริง (ผู้แปลสรุปความเอา)

ตัวอย่าง เช่น ที่มุมหนึ่งของมหาวิหารภาวนสถานของนักบุญโจเซฟ ในมอนทริออล นั้นมีกำแพงสูงเต็มไปด้วยไม้ค้ำยัน และเครื่องพยุงต่างๆ ที่เชื่อว่าเป็นอารรักษาโดยบราเดอร์อังเดร (Brother André)

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
มั่นใจ

พฤหัสฯ. มิ.ย. 11, 2009 6:51 pm

พระแม่มารีคือผู้ที่พระเจ้าเลือกเท่านั้นนะค่ะ และในbbก็ระบุว่าให้มีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นก็คือพระเยซู  ถ้าคุณเชื่อแม่พระด้วยก็เท่ากับว่าคุณไม่ได้เชื่อพระเจ้า ไม่ได้รักพระองค์จริงๆ
ผู้ซึ่งยอมตายเพื่อคนบาปอย่างเราโดยไม่มีเงื่อนไข ถ้าไม่มีพระองค์ต่อให้เราทำดีแค่ไหนเราก็ต้องตกนรกนะค่ะ เพราะพระเจ้าทรงมีแผนการของพระองค์ตั้งแต่แรกแล้วที่จะเลือกแม่พระไม่มีเหตุผลใดนอกจากนี้  พระเยซูคือพระเจ้าที่สมควรได้รับการสรรเสริญและเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว เหนือฟ้าสวรรค์และสิ่งอื่นใดในโลกนี้  เอเมน ::031::
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

พฤหัสฯ. มิ.ย. 11, 2009 10:37 pm

เรียน คุณ จขกท. ครับ

   คาทอลิกเรานับถือพระบิดา พระบุตร และพระจิต (พระวิญญาณบริสุทธิ์) เป็นพระเจ้าสูงสุดครับ  แต่เราจะให้เกียรติพระแม่มารีด้วย รองจากพระเจ้าแล้ว ก็มีพระแม่นี่แหละครับ ที่รักคุณ รักผม รักทุกๆคน  มิใช่พระแม่หรือ  ที่ยอมให้พระบุตรลงมาบังเกิดในครรภ์ และเลี้ยงดูพระองค์ให้เติบโตขึ้นมาด้วยความรัก  ถ้าไม่มีพระแม่ การไถ่บาปก็ไม่เกิดขึ้น  และที่สำคัญ พระเยซูเจ้ารักพระแม่ครับ และปรารถนาให้เรารักพระแม่ด้วย  ทุกครั้งที่พระแม่ประจักษ์มาหามนุษย์  พระแม่จะให้เรากลับใจและสวดภาวนาต่อพระเจ้ามากขึ้นเสมอ

  ส่วนเรื่องรูปเคารพ รูปปั้นพระเยซูเจ้า, รูปปั้นพระแม่มารี หรือแม้กระทั่งรูปวาดต่างๆ ก็ตาม เป็นเพียงสัญลักษณ์ เพื่อที่ระลึกถึงท่านผู้นั้น

เปรียบได้กับภาพที่ถ่ายจากกล้อง ภาพบุคคลที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ คุณแม่ พี่น้องเรา หรือแฟนของเรา (เขินจัง อิๆ  : xemo017 :)

คราใดที่เราอยู่ห่างไกลกัน พลันเกิดความคิดถึง ก็หยิบภาพถ่ายนั้นขึ้นมา หยิบขึ่นมากอด หยิบขึ้นมาจูบ

แน่นอนว่าเราไม่ได้รักหรือพิศวาส เนื้อกระดาษที่เป็นภาพถ่ายนั้นเลย หากแต่เป็นเรารักและคิดถึงผู้ที่อยู่ในภาพถ่ายนั้นต่างหาก

เฉกเช่นเดียวกัน การที่คาทอลิกเรา สร้างรูปปั้น พระเยซูเจ้า ขึ้นมา ก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์เพื่อระลึกถึงพระองค์...

เมื่อมองดูรูปปั้นนี้ ก็เสมือนได้มองดูพระองค์ ...
เมื่อได้กอดรูปปั้นนี้ ก็เสมือนได้กอดพระองค์ ...
และเมื่อจูบพระบาทรูปปั้น ก็เสมือนได้จูบพระบาทพระองค์ ...

ทั้งหมดนี้ คือการแสดง ความรัก ต่อพระองค์ เพราะว่าเราไม่สามารถเห็นพระองค์ได้เลย

และแน่นอนว่า มันไม่ต่างกับการที่เราจินตนาการว่า พระองค์ทรงอยู่ข้างหน้า เราได้กอดพระองค์ ในขณะที่กอดอากาศที่ว่างเปล่าข้างหน้าเรา

ผม อยากให้คุณ ลองพิจารณาดูว่า พระเยซูเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ซึ่งล่วงรู้ทุกสิ่งในภายในจิตใจมนุษย์ จะทรงมองผมอย่างไร?

ระหว่าง ผมกำลังแสดงความรักต่อหินกับปูน หรือ
ผมกำลังแสดงความรักต่อพระองค์

พระองค์ทรงมองการกระทำภายนอก หรือ ว่าทรงมองเห็นถึงความรู้สึกข้างในใจของผม?

แล้วเมื่อพระองค์รู้ว่า ผมรักพระองค์แล้ว คุณคิดว่า พระองค์จะทรงตัดสินว่าการที่ผมทำแบบนี้ เป็น บาป หรือไม่ครับ?

ก่อนจาก ผมขอถามคำถามสุดท้ายกับคุณครับว่า

ถ้าคุณกำลังเดินไปตามถนนเส้นหนึ่ง แล้วคุณพบไม้กางเขนอันหนึ่งตกอยู่

และไม้กางเขนนั้น มีชายผู้หนึ่ง ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนนั้น

ถามว่า คุณจะเดินข้ามไปอย่างไม่สนใจ

หรือว่า ......

คุณจะ หยิบไม้กางเขนขึ้นมาจูบ ครับ 
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 11, 2009 10:43 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 12:27 am

มั่นใจ เขียน: พระแม่มารีคือผู้ที่พระเจ้าเลือกเท่านั้นนะค่ะ และในbbก็ระบุว่าให้มีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นก็คือพระเยซู  ถ้าคุณเชื่อแม่พระด้วยก็เท่ากับว่าคุณไม่ได้เชื่อพระเจ้า ไม่ได้รักพระองค์จริงๆ
ผู้ซึ่งยอมตายเพื่อคนบาปอย่างเราโดยไม่มีเงื่อนไข ถ้าไม่มีพระองค์ต่อให้เราทำดีแค่ไหนเราก็ต้องตกนรกนะค่ะ เพราะพระเจ้าทรงมีแผนการของพระองค์ตั้งแต่แรกแล้วที่จะเลือกแม่พระไม่มีเหตุผลใดนอกจากนี้  พระเยซูคือพระเจ้าที่สมควรได้รับการสรรเสริญและเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว เหนือฟ้าสวรรค์และสิ่งอื่นใดในโลกนี้  เอเมน ::031::
เอ่อ คนนี้นี่มาแบบไม่ได้อ่านความเห็นคนอื่นใช่ไหม


คำว่าเชื่อพระแม่มารีย์ของคาทอลิค คือเชื่อว่าแม่พระคือมารดาพระเจ้า มารดาของพระเยซูพระผู้ไถ่ที่มาเกิดเป็นมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่เชื่อว่าเป็นพระเจ้าอีกองค์

เข้าใจใหม่ให้ถูกต้องด้วยนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 10:37 am

Holy เขียน:
มั่นใจ เขียน: พระแม่มารีคือผู้ที่พระเจ้าเลือกเท่านั้นนะค่ะ และในbbก็ระบุว่าให้มีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นก็คือพระเยซู  ถ้าคุณเชื่อแม่พระด้วยก็เท่ากับว่าคุณไม่ได้เชื่อพระเจ้า ไม่ได้รักพระองค์จริงๆ
ผู้ซึ่งยอมตายเพื่อคนบาปอย่างเราโดยไม่มีเงื่อนไข ถ้าไม่มีพระองค์ต่อให้เราทำดีแค่ไหนเราก็ต้องตกนรกนะค่ะ เพราะพระเจ้าทรงมีแผนการของพระองค์ตั้งแต่แรกแล้วที่จะเลือกแม่พระไม่มีเหตุผลใดนอกจากนี้  พระเยซูคือพระเจ้าที่สมควรได้รับการสรรเสริญและเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว เหนือฟ้าสวรรค์และสิ่งอื่นใดในโลกนี้  เอเมน ::031::
เอ่อ คนนี้นี่มาแบบไม่ได้อ่านความเห็นคนอื่นใช่ไหม


คำว่าเชื่อพระแม่มารีย์ของคาทอลิค คือเชื่อว่าแม่พระคือมารดาพระเจ้า มารดาของพระเยซูพระผู้ไถ่ที่มาเกิดเป็นมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่เชื่อว่าเป็นพระเจ้าอีกองค์

เข้าใจใหม่ให้ถูกต้องด้วยนะครับ
ด้วยเหตุท่านเป็นมารดาพระเยซู              เราจึงรู้ว่ามารีย์มีเกียรติล้น
ผิจงฟังบทเพลงท่านนิพนธ์                  ฟังอีกหน Magnificat ได้แถลง
ว่าพระนางได้รับเกียรติเพราะผู้ใด            ผู้นั้นไซร้คือพระคริสต์มิผิดแผลง
ท่านมีเกียรติตามกาเบรียลมาสำแดง        พระจะแปลงมาอาศัยในครรภา

แม้อาภรณ์ของเยซูยังศักดิ์สิทธิ์              หญิงหม้ายจิตมีความเชื่อไม่กังขา
ด้วยเชื่อว่าผ้าสัมผัสพระกายา                อันโรคาเรานี้จึงมลาย
ดูเถิดหนาแม้ผ้ายังศักดิ์สิทธิ์                  แล้วมารดาประทับจิตจักสลาย?
จะหมดซึ่งความดีกระนั้นกลาย?              เราบอกให้ท่านนั้นไซร้ยังสำคัญ

หากเช่นนั้นประโยชน์ใดในชุมนุม            ที่มีกลุ่มอธิษฐานเพื่อพวกฉัน
ก็เขาไซร้พูดได้เองไม่พึ่งกัน                บ้านใครนั้นก็ไปร้องวิงวอนเอง
แต่เพราะพระคัมภีร์มีกล่าวไว้                คนชอบธรรมมีใจไม่ข่มเหง
ใจนอบน้อมในพระเจ้าเขายำเกรง            พระจึงฟังเสียงเพลงที่เขาขาน

คนชอบธรรมมีเสียงดังถึงสวรรค์            เพราะพระกรรณของพระองค์แสวงหา
เสียงของคนชอบธรรมที่ร้องมา              ด้วยเหตุว่าใจเขาอยู่กับพระองค์
เราจึงยังวิงวอนกันและกัน                    อธิษฐานเผื่อฉันสิ่งประสงค์
มีสิ่งใดกล่าวด้วยกันและกันลง              พระท่านคงเห็นใจและให้มา

เพราะข้าฯ นั้นถือว่าข้าฯ คนบาป            เกรงว่ากราบกรานแล้วไม่สมหวัง
ขอพี่น้องผู้เชื่อพระนั้นจงฟัง                ภาวนาให้เสียงดังเพื่อข้าฯ ที
สำเร็จใดเป็นไปมิใช่ท่าน                    แต่การนั้นพระบิดาประเสริฐศรี
ทรงประทานลงมาตามฤดี                  พระองค์ที่ประสงค์ให้ปลงตาม

---

ถ้าคิดแค่ว่า ไม่ควรอ้อนวอนคนอื่นให้สวดขอพระเจ้าให้แล้ว การอธิษฐานในที่ชุมนุมเพื่อกันและกันก็ไม่มีความหมาย

การที่ผู้ปกครองจะอธิษฐานเพื่อคนทั้งปวงก็ไม่มีความหมาย เพราะเขาเป็นผู้อธิษฐานแทนท่าน มิใช่ท่านอธิษฐานแทนเอง

เหตุใดเมื่อมีผู้ขอให้ท่านอธิษฐาน ท่านจึงอธิษฐานให้เขา แต่ไม่บอกให้เขาอธิษฐานเอง? ท่านว่าผู้อืน แต่ท่านก็เป็นเอง จะมีประโยชน์อันใด

ท่านยอมรับว่าผู้รับใช้ในยุคของท่านว่าดี ว่ามีความเชื่อ ว่าเป็นคนของพระเจ้า

แล้วคนจากยุคก่อนไม่ใช่คนของพระเจ้าหรือกระนั้น? เขาตายแล้ว หรือกระนั้น?

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของผู้เป็นมิใช่ผู้ตาย พี่น้องที่หลับใหลไปในพระพรก็มิใช่ผู้ตาย แต่ได้กลับเป็นขึ้นกับองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว

จงอธิษฐานเพื่อผู้อื่น จงอธิษฐานเพื่อผู้ที่มาของให้่ท่านอธิษฐานให้ และจงมีใจนบนอบต่อพระเจ้า

อย่าได้ใช้พระนามของพระองค์เพื่อติเตียนว่ากล่าวผู้อื่น เพราะท่านก็ไม่อาจรู้ได้ว่า ท่านนั้นดีพร้อม หรือชอบธรรมอย่างแท้จริง
APaladin
โพสต์: 204
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 1:59 am

อังคาร มิ.ย. 16, 2009 9:31 pm

น่าเบื่อจิง....ความจริงคือเราไม่ค้นหาความจริงให้มาก แต่เรากลับค้นหาความผิดของคนอื่นเพื่อสนองความต้องการของเราเอง ว่าคนอื่นผิดเราถูกแล้วเราจาได้มั่นใจได้ว่าเราทำถูกแล้วมันเป็นความเขลาของเรามิใช่ความเขลาของใครอื่น มีแต่คนเขลาเท่านั้นที่ค้นหาว่าสิ่งผิดนั้นมีกี่อย่างใครผิดบ้าง
มันไม่ได้ช่วยให้เราสูงส่งขึ้นแม้แต่น้อย คนที่เข้าใจความจริง(จริงๆ)และมีศรัทธาที่ถูกต้อง(จริงๆ) ย่อมรู้ว่าไม่สามารถบอกได้หมดทุกอย่างว่าสิ่งใหนผิดถูก การตัดสินพิพากษาเป็นงานของพระเจ้ามิใช่กงการอะไรของเราที่จะไปบอกว่าเขาผิดเพราะเขาไม่ต้องการจากเราสักนิด สิ่งที่เราควรคิดเสมอคือเรายังไม่สมบูรณแบบเดินตามพระคริสต์ต่อไปทำงานของเราเพิ่มศรัทธาและค้นหาความจริง แบ่งปันความจริง มิใช่ตำหนิติเตือนความไม่รู้ของคนอื่น
ก่อนจะตำหนิคนอื่นนั้นจงพึงระลึกเสมอว่าท่านจะถูกพิพากษาตามคำตำหนินั้นด้วย ประวัติศาสต์ที่ผ่านมาไม่เพียงพอหรือว่าการตำหนิและพิพากษาความรู้ของคนอื่นนั้นสร้างความพินาศเพียงไร กลับใจจากปาปของท่านเพราะท่านกำลังพิพากษาพี่น้องของท่านอยู่
vpjkmesivp
โพสต์: 37
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 18, 2008 1:13 am

เสาร์ ส.ค. 08, 2009 5:06 pm

ตลกดีครับที่เถียงกัน ในเรื่องนี้ เถียงกันมา กี่ปีแล้วละ

ท่านทั้งหลายๆ ที่เป็นโปรควรจะเข้าใจ คำว่ารูปเคารพของ คาทอลิก

เค้าไม่ได้มีไว้เพื่อนมัสการ มีไว้เพื่อระลึกถึง อาทิเช่น หลุมฝั่งศพของพวกท่าน

ในวันอีสเตอร์พวกท่านไปทามอะไรหน้าหลุม ฝั่งศพของ บรรพบรุษละ

ตามพระคำภีร์ใหม่ได้เขียนเรื่องรูปเคารพว่า รูปเคารพคือสิ่งไหนก็ตามที่เรายกมันไว้สูงกว่าพระเจ้า

คุณจะมีสร้อยกางเขน ใส่ไว้เต็มคอ ก็ไม่ได้ผิด คุณจะตกแต่งบ้านด้วยรูปแม่พระของคุณก็ไม่ผิด

แต่ถ้าเมื่อไร คุณคิดว่ามันมีค่ามากกว่าสิ่งของนั้นแหละผิด

ผมงง ในรีเพย ของสตรีท่านหนึ่งที่พูดว่ามีการ ขอพรต่อรูปนั้นด้วย ผมจะพยายามเข้าใจว่าคุณขอพรต่อพระเจ้า
ตรงหน้ารูปนั้นน่ะครับ

พระเจ้าอวยพรครับ
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

เสาร์ ส.ค. 08, 2009 8:47 pm

วันนี้พ่อชัยยะ เพิ่งจะพูดเรื่องของแม่พระตอนเย็นนี้เอง

พ่อบอกว่าที่เรานับถือแม่พระ เพราะว่า

แม่พระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

คงไม่ต้องไปค้นพระคัมภีร์นะว่าบทไหนเพราะเราก็รู้ๆ กันอยู่

การทำตามน้ำพระทัยโดยมีความเชื่อที่บริสุทธิ์ น่ะ  เข้าใจมั๊ยคะ
แก้ไขล่าสุดโดย sinner เมื่อ เสาร์ ส.ค. 08, 2009 8:49 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ ส.ค. 08, 2009 11:18 pm

sinner เขียน: วันนี้พ่อชัยยะ เพิ่งจะพูดเรื่องของแม่พระตอนเย็นนี้เอง

พ่อบอกว่าที่เรานับถือแม่พระ เพราะว่า

แม่พระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

คงไม่ต้องไปค้นพระคัมภีร์นะว่าบทไหนเพราะเราก็รู้ๆ กันอยู่

การทำตามน้ำพระทัยโดยมีความเชื่อที่บริสุทธิ์ น่ะ  เข้าใจมั๊ยคะ
เวลาที่เอามาจับผิดคาทอลิก ผมว่า เอามาอ่านชีวิตของแม่พระดีกว่ามั๊ยครับ ว่าเค้าทำอะไรที่เราสมควรเอาเป็นแบบอย่างบ้าง?

เวลาที่จะเอามาเถียงแบบข้างๆ คูๆ ว่า ไม่ได้ พระคัมภีร์ฺห้ามไว้ อย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาดูชีวิตของคุณก่อนดีมั๊ยครับ ว่าวันนี้ คุณทำได้เศษเสี้ยวของคนที่ยอมเป็นแม่ของพระเยซูหรือยัง?

เวลาที่จะเอามาบอกต่อกับพี่น้องในที่ชุมนุมถึงเรื่องเกี่ยวกับคาทอลิกที่ได้ยินมา ผมว่า เอาไปถามพระสงฆ์คาทอลิกดูดีกว่ามั๊ยความ ว่าเขาสอนว่าอย่างไรบ้าง?

เวลาที่เอามาคิดเองเออเองว่า คาทอลิกนมัสการพระแม่มารีย์แทนพระเจ้าอย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาเรียนคำสอนเรื่อง "พระคริสตสมภพ" แบบคาทอลิกดีกว่าครับ?

เวลาคนไม่รู้ ได้ยินจากคนที่ตัวเองเชื่อ ก็มักจะเชื่อตาม โดยไม่คิดคำนึงถึงเหตุผล ความจริง และข้อเท็จจริง

คาทอลิกก็เคยผิดพลาดในแบบคล้ายๆ กัน ก็คือ สักแต่ทำตาม สักแต่ฟัง แล้วพูดต่อ โดยไม่ได้รู้จักสาระแท้จริงมาหลายร้อยปะ

ทุกวันนี้เราเปลี่ยนแปลงไปมาก ในขณะที่พี่น้องอื่นๆ ของเราก็ยังคิดว่า เราเป็นแบบเดิมๆ เหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา

ลองเปิดใจดูสิครับ แล้วจะรู้ว่า ที่คนที่ท่านนับถือพร่ำบอกท่านมา เขาก็ไม่ได้รู้จริงเลยสักคน...
ภาพประจำตัวสมาชิก
My Hope
โพสต์: 735
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 8:42 am
ติดต่อ:

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 2:02 pm

เวลาที่เอามาจับผิดคาทอลิก ผมว่า เอามาอ่านชีวิตของแม่พระดีกว่ามั๊ยครับ ว่าเค้าทำอะไรที่เราสมควรเอาเป็นแบบอย่างบ้าง?

เวลาที่จะเอามาเถียงแบบข้างๆ คูๆ ว่า ไม่ได้ พระคัมภีร์ฺห้ามไว้ อย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาดูชีวิตของคุณก่อนดีมั๊ยครับ ว่าวันนี้ คุณทำได้เศษเสี้ยวของคนที่ยอมเป็นแม่ของพระเยซูหรือยัง?

เวลาที่จะเอามาบอกต่อกับพี่น้องในที่ชุมนุมถึงเรื่องเกี่ยวกับคาทอลิกที่ได้ยินมา ผมว่า เอาไปถามพระสงฆ์คาทอลิกดูดีกว่ามั๊ยความ ว่าเขาสอนว่าอย่างไรบ้าง?

เวลาที่เอามาคิดเองเออเองว่า คาทอลิกนมัสการพระแม่มารีย์แทนพระเจ้าอย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาเรียนคำสอนเรื่อง "พระคริสตสมภพ" แบบคาทอลิกดีกว่าครับ?

เวลาคนไม่รู้ ได้ยินจากคนที่ตัวเองเชื่อ ก็มักจะเชื่อตาม โดยไม่คิดคำนึงถึงเหตุผล ความจริง และข้อเท็จจริง

คาทอลิกก็เคยผิดพลาดในแบบคล้ายๆ กัน ก็คือ สักแต่ทำตาม สักแต่ฟัง แล้วพูดต่อ โดยไม่ได้รู้จักสาระแท้จริงมาหลายร้อยปะ

ทุกวันนี้เราเปลี่ยนแปลงไปมาก ในขณะที่พี่น้องอื่นๆ ของเราก็ยังคิดว่า เราเป็นแบบเดิมๆ เหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา

ลองเปิดใจดูสิครับ แล้วจะรู้ว่า ที่คนที่ท่านนับถือพร่ำบอกท่านมา เขาก็ไม่ได้รู้จริงเลยสักคน...
เห็นด้วยครับ!!!!!!!!!  ::031::อย่าหาว่าผมงั้นงี้เลยนะครับ แต่เท่าที่ผมเห็นเนี่ย พี่น้องโปรฯชอบมาจับผิดคาทอลิคครับ ::037:: น่าจะเอาเวลาที่มานั่งจับผิดไปศึกษาถึงประวัติของแม่พระน่าจะดีกว่าครับ ::016:: จะได้ทราบว่าแม่พระ เสียสละเพียงใด แม่พระทำสิ่งใดมาบ้าง เพื่อจะได้ลดความคิดที่อคติต่อแม่พระลงบ้างครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
My Hope
โพสต์: 735
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 8:42 am
ติดต่อ:

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 2:04 pm

ออ เอากระทู้นี้ http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=7989.0
ไปดูด้วยก็น่าจะดีครับ
vpjkmesivp
โพสต์: 37
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 18, 2008 1:13 am

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 5:12 pm

Edwardius เขียน:
sinner เขียน: วันนี้พ่อชัยยะ เพิ่งจะพูดเรื่องของแม่พระตอนเย็นนี้เอง

พ่อบอกว่าที่เรานับถือแม่พระ เพราะว่า

แม่พระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

คงไม่ต้องไปค้นพระคัมภีร์นะว่าบทไหนเพราะเราก็รู้ๆ กันอยู่

การทำตามน้ำพระทัยโดยมีความเชื่อที่บริสุทธิ์ น่ะ  เข้าใจมั๊ยคะ
เวลาที่เอามาจับผิดคาทอลิก ผมว่า เอามาอ่านชีวิตของแม่พระดีกว่ามั๊ยครับ ว่าเค้าทำอะไรที่เราสมควรเอาเป็นแบบอย่างบ้าง?

เวลาที่จะเอามาเถียงแบบข้างๆ คูๆ ว่า ไม่ได้ พระคัมภีร์ฺห้ามไว้ อย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาดูชีวิตของคุณก่อนดีมั๊ยครับ ว่าวันนี้ คุณทำได้เศษเสี้ยวของคนที่ยอมเป็นแม่ของพระเยซูหรือยัง?

เวลาที่จะเอามาบอกต่อกับพี่น้องในที่ชุมนุมถึงเรื่องเกี่ยวกับคาทอลิกที่ได้ยินมา ผมว่า เอาไปถามพระสงฆ์คาทอลิกดูดีกว่ามั๊ยความ ว่าเขาสอนว่าอย่างไรบ้าง?

เวลาที่เอามาคิดเองเออเองว่า คาทอลิกนมัสการพระแม่มารีย์แทนพระเจ้าอย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาเรียนคำสอนเรื่อง "พระคริสตสมภพ" แบบคาทอลิกดีกว่าครับ?

เวลาคนไม่รู้ ได้ยินจากคนที่ตัวเองเชื่อ ก็มักจะเชื่อตาม โดยไม่คิดคำนึงถึงเหตุผล ความจริง และข้อเท็จจริง

คาทอลิกก็เคยผิดพลาดในแบบคล้ายๆ กัน ก็คือ สักแต่ทำตาม สักแต่ฟัง แล้วพูดต่อ โดยไม่ได้รู้จักสาระแท้จริงมาหลายร้อยปะ

ทุกวันนี้เราเปลี่ยนแปลงไปมาก ในขณะที่พี่น้องอื่นๆ ของเราก็ยังคิดว่า เราเป็นแบบเดิมๆ เหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา

ลองเปิดใจดูสิครับ แล้วจะรู้ว่า ที่คนที่ท่านนับถือพร่ำบอกท่านมา เขาก็ไม่ได้รู้จริงเลยสักคน...
มุมมองอย่างเป็นกลางมองว่า ไม่ไช่เรื่องแปลกเลย ที่โปรแตสแตนจะมองคาทอลิกแบบเดิม ๆ
เพราะวีรกรรมของ คาทอลิก ในหลายๆเรื่อง ก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปเลย
ท่านจะศรัทธาแม่ของพระเยซูในฐานะแม่พระ ตามความหมายโดยตรงแล้ว มันผิดอย่างชัดเจน
เพราะเท่ากับท่านบอกว่านางมาเรียเป็นแม่ของพระเจ้า ซึ่งขัดกับ ตรีเอกานุภาพ เพราะนางมาเรียนไม่ไช่พระเจ้า

แต่ถ้าผมมอง ดูแล้วเห็นว่า ผู้นำหลายๆ คนใน คาทอลิกเข้าใจเรื่องนี้ดีครับ ส่วนที่ว่ามีไครสามารถทำเหมือน
พระแม่มารีย์ได้มัย เรื่องนี้ ผมว่า ควรจะไปอ่าน ชีวิตของ เอลียา เอลีชา ท่านผู้พยากรณ์ทั้งหลาย
จะทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าไม่ได้มีแค่ตัวเลือกเดียวครับ พระองค์มีหลายตัวเลือก นางมาเรียก็คือตัวเลือกหนึ่ง
ที่พระเจ้าเลือกใช้ในงานของพระองค์

ถ้าคิดแบบข้อความข้างต้น นางมาเรียก็ไม่ได้ต่างจากคนที่พระเจ้าทรงใช้คนอื่นๆเลย และผู้ที่พระเจ้าทรงใช้
อื่นๆ ยังได้รับความทุกข์ยาก ความลำบากมากกว่านางมาเรียก็มี(อับราฮาม เปาโล ดาวิด ฯลฯ )
1:38 ส่วนมารีย์จึงทูลว่า "ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นหญิงคนใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าตามคำของท่านเถิด" แล้วทูตสวรรค์นั้นจึงจากเธอไป

ความดีที่นางมาเรียทำ

ผมคิดว่าทุกท่านคงรู้และเข้าใจดี การอุ้มท้องด้วยความกลัว ว่าจะโดนสามี ต่อว่า สังคมไม่ยอมรับ
การคลอดในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมของมนุด แต่เหมาะสมสำหรับพระเจ้า
การเลี้ยงดู จนถึงอายุ 30 ปี

เมื่อพระเยซูต้องทำงานของพระองค์พระองค์ทรงมองนางมาเรียอย่างไร
มัทธิว
12:46 ขณะที่พระองค์ยังตรัสกับประชาชนอยู่นั้น ดูเถิด มารดาและพวกน้องชายของพระองค์พากันมายืนอยู่ภายนอกประสงค์จะสนทนากับพระองค์
12:47 แล้วมีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า "ดูเถิด มารดาและพวกน้องชายของพระองค์ยืนอยู่ข้างนอกประสงค์จะสนทนากับพระองค์"
12:48 แต่พระองค์ตรัสตอบผู้ที่ทูลพระองค์นั้นว่า "ใครเป็นมารดาของเรา ใครเป็นพี่น้องของเรา"
12:49 พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ไปทางพวกสาวกของพระองค์ และตรัสว่า "ดูเถิด นี่เป็นมารดาและพี่น้องของเรา
12:50 ด้วยว่าผู้ใดจะกระทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา"

จะเห็นได้เลยว่า ในสายตาของพระเจ้าไม่มีคริสเตียนคนไหนพิเศษไปว่าคนอื่น ทุกคนคือคนงานของพระเจ้า

พระเจ้าอวยพรครับ
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 7:15 pm

vpjkmesivp เขียน: เมื่อพระเยซูต้องทำงานของพระองค์พระองค์ทรงมองนางมาเรียอย่างไร
มัทธิว
12:46 ขณะที่พระองค์ยังตรัสกับประชาชนอยู่นั้น ดูเถิด มารดาและพวกน้องชายของพระองค์พากันมายืนอยู่ภายนอกประสงค์จะสนทนากับพระองค์
12:47 แล้วมีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า "ดูเถิด มารดาและพวกน้องชายของพระองค์ยืนอยู่ข้างนอกประสงค์จะสนทนากับพระองค์"
12:48 แต่พระองค์ตรัสตอบผู้ที่ทูลพระองค์นั้นว่า "ใครเป็นมารดาของเรา ใครเป็นพี่น้องของเรา"
12:49 พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ไปทางพวกสาวกของพระองค์ และตรัสว่า "ดูเถิด นี่เป็นมารดาและพี่น้องของเรา
12:50 ด้วยว่าผู้ใดจะกระทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา"
ที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสเช่นนั้นเพื่อเป็นการสอนประชาชนให้ทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา ซึ่งก็ถูกต้องแล้วล่ะครับ

และสิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ

นอกจากพระเยซูเจ้าแล้ว แม่พระเป็นผู้ที่กระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดามากที่สุดเลยครับ

เพราะเหตุนี้  แม่พระจึงสมควรที่จะเป็นพระมารดาของพระองค์มากที่สุดเลยยังไงครับ

ใครหนอ ที่ยอมรับพระประสงค์ของพระบิดา เพื่อปฏิสนธิพระผู้ไถ่?

ใครหนอ ที่อยู่เคียงข้างพระบุตร จนวาระสุดท้าย ณ เชิงไม้กางเขน ในยามที่มนุษย์ทุกคนละทิ้งพระองค์?

ใครหนอ ที่มาประจักษ์ลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อบอกให้มนุษย์กลับใจมาหาพระบุตร?

นั่นคือ พระแม่มารีอา มารดาของพระเจ้าและของเรามนุษย์ทุกคน  ราชินีแห่งสวรรค์

ผู้ที่เป็นบุคคลที่พระเยซูเจ้ารักมากที่สุดในโลกนี้... 

และผมยืนยันได้ด้วยชีวิตว่า

พระเยซูเจ้าทรงรักพระแม่ เละปรารถนาให้เราทุกคนรักพระแม่เหมือนที่พระองค์รักด้วย

พระองค์เป็นองค์แห่งความรักเที่ยงแท้ 

และถ้าพระองค์ไม่กระทำตามบัญญัติ 10 ประการ ข้อที่ 4  จงนับถือบิดา มารดา  แล้ว

พระองค์ก็คงไม่ใช่ พระบุตรของพระบิดาแล้วล่ะครับ

และขอย้ำเป็นครั้งที่ 100 ครับว่า  คาทอลิกไม่ได้นับถือพระแม่เป็นพระเจ้า แต่เราให้เกียรติพระแม่เป็นพิเศษครับ

เรารักพระเป็นเจ้าเหมือนเดิม และยังรักพระแม่ด้วย

การยิ่งรักพระแม่ ยิ่งทำให้รักพระเป็นเจ้ามากขึ้น รักพระเยซูเจ้ามากขึ้น

เพราะพระแม่ได้เรียกร้องให้เรารักพระบุตร และดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระบิดาเสมอ

ขอพระเป็นเจ้าอวยพร
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 7:53 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Léon
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 8:43 pm
ที่อยู่: แผ่นดินโลก
ติดต่อ:

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 11:14 pm

พระคัมภีร์หอมหวานมาก ก็ชงทานเป็นชาเสียเถิด ดูโลกหน่อยยยยยยยยยดิ
ดูบริบทหน่อย อย่าเอาแต่ใจ เดี๋ยวโบกกกกกก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 11:27 pm

vpjkmesivp เขียน:
Edwardius เขียน:
sinner เขียน: วันนี้พ่อชัยยะ เพิ่งจะพูดเรื่องของแม่พระตอนเย็นนี้เอง

พ่อบอกว่าที่เรานับถือแม่พระ เพราะว่า

แม่พระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

คงไม่ต้องไปค้นพระคัมภีร์นะว่าบทไหนเพราะเราก็รู้ๆ กันอยู่

การทำตามน้ำพระทัยโดยมีความเชื่อที่บริสุทธิ์ น่ะ  เข้าใจมั๊ยคะ
เวลาที่เอามาจับผิดคาทอลิก ผมว่า เอามาอ่านชีวิตของแม่พระดีกว่ามั๊ยครับ ว่าเค้าทำอะไรที่เราสมควรเอาเป็นแบบอย่างบ้าง?

เวลาที่จะเอามาเถียงแบบข้างๆ คูๆ ว่า ไม่ได้ พระคัมภีร์ฺห้ามไว้ อย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาดูชีวิตของคุณก่อนดีมั๊ยครับ ว่าวันนี้ คุณทำได้เศษเสี้ยวของคนที่ยอมเป็นแม่ของพระเยซูหรือยัง?

เวลาที่จะเอามาบอกต่อกับพี่น้องในที่ชุมนุมถึงเรื่องเกี่ยวกับคาทอลิกที่ได้ยินมา ผมว่า เอาไปถามพระสงฆ์คาทอลิกดูดีกว่ามั๊ยความ ว่าเขาสอนว่าอย่างไรบ้าง?

เวลาที่เอามาคิดเองเออเองว่า คาทอลิกนมัสการพระแม่มารีย์แทนพระเจ้าอย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาเรียนคำสอนเรื่อง "พระคริสตสมภพ" แบบคาทอลิกดีกว่าครับ?

เวลาคนไม่รู้ ได้ยินจากคนที่ตัวเองเชื่อ ก็มักจะเชื่อตาม โดยไม่คิดคำนึงถึงเหตุผล ความจริง และข้อเท็จจริง

คาทอลิกก็เคยผิดพลาดในแบบคล้ายๆ กัน ก็คือ สักแต่ทำตาม สักแต่ฟัง แล้วพูดต่อ โดยไม่ได้รู้จักสาระแท้จริงมาหลายร้อยปะ

ทุกวันนี้เราเปลี่ยนแปลงไปมาก ในขณะที่พี่น้องอื่นๆ ของเราก็ยังคิดว่า เราเป็นแบบเดิมๆ เหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา

ลองเปิดใจดูสิครับ แล้วจะรู้ว่า ที่คนที่ท่านนับถือพร่ำบอกท่านมา เขาก็ไม่ได้รู้จริงเลยสักคน...
มุมมองอย่างเป็นกลางมองว่า ไม่ไช่เรื่องแปลกเลย ที่โปรแตสแตนจะมองคาทอลิกแบบเดิม ๆ
เพราะวีรกรรมของ คาทอลิก ในหลายๆเรื่อง ก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปเลย
ท่านจะศรัทธาแม่ของพระเยซูในฐานะแม่พระ ตามความหมายโดยตรงแล้ว มันผิดอย่างชัดเจน
เพราะเท่ากับท่านบอกว่านางมาเรียเป็นแม่ของพระเจ้า ซึ่งขัดกับ ตรีเอกานุภาพ เพราะนางมาเรียนไม่ไช่พระเจ้า

แต่ถ้าผมมอง ดูแล้วเห็นว่า ผู้นำหลายๆ คนใน คาทอลิกเข้าใจเรื่องนี้ดีครับ ส่วนที่ว่ามีไครสามารถทำเหมือน
พระแม่มารีย์ได้มัย เรื่องนี้ ผมว่า ควรจะไปอ่าน ชีวิตของ เอลียา เอลีชา ท่านผู้พยากรณ์ทั้งหลาย
จะทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าไม่ได้มีแค่ตัวเลือกเดียวครับ พระองค์มีหลายตัวเลือก นางมาเรียก็คือตัวเลือกหนึ่ง
ที่พระเจ้าเลือกใช้ในงานของพระองค์

ถ้าคิดแบบข้อความข้างต้น นางมาเรียก็ไม่ได้ต่างจากคนที่พระเจ้าทรงใช้คนอื่นๆเลย และผู้ที่พระเจ้าทรงใช้
อื่นๆ ยังได้รับความทุกข์ยาก ความลำบากมากกว่านางมาเรียก็มี(อับราฮาม เปาโล ดาวิด ฯลฯ )
1:38 ส่วนมารีย์จึงทูลว่า "ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นหญิงคนใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าตามคำของท่านเถิด" แล้วทูตสวรรค์นั้นจึงจากเธอไป

ความดีที่นางมาเรียทำ

ผมคิดว่าทุกท่านคงรู้และเข้าใจดี การอุ้มท้องด้วยความกลัว ว่าจะโดนสามี ต่อว่า สังคมไม่ยอมรับ
การคลอดในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมของมนุด แต่เหมาะสมสำหรับพระเจ้า
การเลี้ยงดู จนถึงอายุ 30 ปี

เมื่อพระเยซูต้องทำงานของพระองค์พระองค์ทรงมองนางมาเรียอย่างไร
มัทธิว
12:46 ขณะที่พระองค์ยังตรัสกับประชาชนอยู่นั้น ดูเถิด มารดาและพวกน้องชายของพระองค์พากันมายืนอยู่ภายนอกประสงค์จะสนทนากับพระองค์
12:47 แล้วมีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า "ดูเถิด มารดาและพวกน้องชายของพระองค์ยืนอยู่ข้างนอกประสงค์จะสนทนากับพระองค์"
12:48 แต่พระองค์ตรัสตอบผู้ที่ทูลพระองค์นั้นว่า "ใครเป็นมารดาของเรา ใครเป็นพี่น้องของเรา"
12:49 พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ไปทางพวกสาวกของพระองค์ และตรัสว่า "ดูเถิด นี่เป็นมารดาและพี่น้องของเรา
12:50 ด้วยว่าผู้ใดจะกระทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา"

จะเห็นได้เลยว่า ในสายตาของพระเจ้าไม่มีคริสเตียนคนไหนพิเศษไปว่าคนอื่น ทุกคนคือคนงานของพระเจ้า

พระเจ้าอวยพรครับ
นี่ขนาดเป็นกลางนะเนี่ย จิกกัดซะขาขาด หูแหว่งไปละนั่น

น่าสงสัย อะไรคือ วีรกรรมที่ยังอยู่ไม่หายไปไหน?

ศีลมหาสนิท? การล้างบาป? การภาวนาเพื่อมวลชน? ศีลอภัยบาป? การสวดสายประคำ? การนับถือแม่พระ?

งั้นผมก็ขอทำวีรกรรมด้วยคนครับ

ส่วนเรื่องการเลือกสรรเนี่ย กลับไปดูนะครับ ว่าสมัยของ OT น่ะ พระเจ้าให้อำเภอใจประกาศกแต่ละคนที่จะเลือก หรือ บังคับเลือกเอาครับ

ไม่มีตัวอย่างไหนที่แสดงถึงความร่วมมือร่วมใจของมนุษย์ที่มีต่อพระเจ้าได้ดีเท่าแม่พระแล้วหละครับ

ดังนั้น เราจึงควร "เอาเป็นเยี่ยงอย่าง" และ "ให้ความเคารพนับถือ" ในฐานะของผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ดี

ให้ความเคารพนับถือ หรือ Respect ไม่ใช่การนมัสการบูชา หรือ Worship นะครับ เดี๋ยวจะเข้่าใจแบบผิดๆ อีก

การอ่านพระคัมภีร์แบบ Fundamentalist ไม่ได้เกิดประโยชน์มากไปกว่าชาวยิวสมัยนั้น ที่อะไรๆ ก็ต้องตีความเป็นกฎ ข้อบังคับ ห้ามทำ ให้ทำไปหมด

ถ้า NT ไม่บอกว่า ให้่กินข้าวได้ ให้อาบน้ำได้ ให้คุยกับเพื่อนได้ ให้หัวเราะได้ ให้ซักผ้าได้ ให้แปรงฟันได้ ก็จะไม่ทำใช่ไหมครับ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 1:27 am

vpjkmesivp เขียน:
Edwardius เขียน:
sinner เขียน: วันนี้พ่อชัยยะ เพิ่งจะพูดเรื่องของแม่พระตอนเย็นนี้เอง

พ่อบอกว่าที่เรานับถือแม่พระ เพราะว่า

แม่พระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

คงไม่ต้องไปค้นพระคัมภีร์นะว่าบทไหนเพราะเราก็รู้ๆ กันอยู่

การทำตามน้ำพระทัยโดยมีความเชื่อที่บริสุทธิ์ น่ะ  เข้าใจมั๊ยคะ
เวลาที่เอามาจับผิดคาทอลิก ผมว่า เอามาอ่านชีวิตของแม่พระดีกว่ามั๊ยครับ ว่าเค้าทำอะไรที่เราสมควรเอาเป็นแบบอย่างบ้าง?

เวลาที่จะเอามาเถียงแบบข้างๆ คูๆ ว่า ไม่ได้ พระคัมภีร์ฺห้ามไว้ อย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาดูชีวิตของคุณก่อนดีมั๊ยครับ ว่าวันนี้ คุณทำได้เศษเสี้ยวของคนที่ยอมเป็นแม่ของพระเยซูหรือยัง?

เวลาที่จะเอามาบอกต่อกับพี่น้องในที่ชุมนุมถึงเรื่องเกี่ยวกับคาทอลิกที่ได้ยินมา ผมว่า เอาไปถามพระสงฆ์คาทอลิกดูดีกว่ามั๊ยความ ว่าเขาสอนว่าอย่างไรบ้าง?

เวลาที่เอามาคิดเองเออเองว่า คาทอลิกนมัสการพระแม่มารีย์แทนพระเจ้าอย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่า เอามาเรียนคำสอนเรื่อง "พระคริสตสมภพ" แบบคาทอลิกดีกว่าครับ?

เวลาคนไม่รู้ ได้ยินจากคนที่ตัวเองเชื่อ ก็มักจะเชื่อตาม โดยไม่คิดคำนึงถึงเหตุผล ความจริง และข้อเท็จจริง

คาทอลิกก็เคยผิดพลาดในแบบคล้ายๆ กัน ก็คือ สักแต่ทำตาม สักแต่ฟัง แล้วพูดต่อ โดยไม่ได้รู้จักสาระแท้จริงมาหลายร้อยปะ

ทุกวันนี้เราเปลี่ยนแปลงไปมาก ในขณะที่พี่น้องอื่นๆ ของเราก็ยังคิดว่า เราเป็นแบบเดิมๆ เหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา

ลองเปิดใจดูสิครับ แล้วจะรู้ว่า ที่คนที่ท่านนับถือพร่ำบอกท่านมา เขาก็ไม่ได้รู้จริงเลยสักคน...
มุมมองอย่างเป็นกลางมองว่า ไม่ไช่เรื่องแปลกเลย ที่โปรแตสแตนจะมองคาทอลิกแบบเดิม ๆ
เพราะวีรกรรมของ คาทอลิก ในหลายๆเรื่อง ก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปเลย
ท่านจะศรัทธาแม่ของพระเยซูในฐานะแม่พระ ตามความหมายโดยตรงแล้ว มันผิดอย่างชัดเจน
เพราะเท่ากับท่านบอกว่านางมาเรียเป็นแม่ของพระเจ้า ซึ่งขัดกับ ตรีเอกานุภาพ เพราะนางมาเรียนไม่ไช่พระเจ้า

แต่ถ้าผมมอง ดูแล้วเห็นว่า ผู้นำหลายๆ คนใน คาทอลิกเข้าใจเรื่องนี้ดีครับ ส่วนที่ว่ามีไครสามารถทำเหมือน
พระแม่มารีย์ได้มัย เรื่องนี้ ผมว่า ควรจะไปอ่าน ชีวิตของ เอลียา เอลีชา ท่านผู้พยากรณ์ทั้งหลาย
จะทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าไม่ได้มีแค่ตัวเลือกเดียวครับ พระองค์มีหลายตัวเลือก นางมาเรียก็คือตัวเลือกหนึ่ง
ที่พระเจ้าเลือกใช้ในงานของพระองค์

ถ้าคิดแบบข้อความข้างต้น นางมาเรียก็ไม่ได้ต่างจากคนที่พระเจ้าทรงใช้คนอื่นๆเลย และผู้ที่พระเจ้าทรงใช้
อื่นๆ ยังได้รับความทุกข์ยาก ความลำบากมากกว่านางมาเรียก็มี(อับราฮาม เปาโล ดาวิด ฯลฯ )
1:38 ส่วนมารีย์จึงทูลว่า "ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นหญิงคนใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าตามคำของท่านเถิด" แล้วทูตสวรรค์นั้นจึงจากเธอไป

ความดีที่นางมาเรียทำ

ผมคิดว่าทุกท่านคงรู้และเข้าใจดี การอุ้มท้องด้วยความกลัว ว่าจะโดนสามี ต่อว่า สังคมไม่ยอมรับ
การคลอดในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมของมนุด แต่เหมาะสมสำหรับพระเจ้า
การเลี้ยงดู จนถึงอายุ 30 ปี

เมื่อพระเยซูต้องทำงานของพระองค์พระองค์ทรงมองนางมาเรียอย่างไร
มัทธิว
12:46 ขณะที่พระองค์ยังตรัสกับประชาชนอยู่นั้น ดูเถิด มารดาและพวกน้องชายของพระองค์พากันมายืนอยู่ภายนอกประสงค์จะสนทนากับพระองค์
12:47 แล้วมีคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า "ดูเถิด มารดาและพวกน้องชายของพระองค์ยืนอยู่ข้างนอกประสงค์จะสนทนากับพระองค์"
12:48 แต่พระองค์ตรัสตอบผู้ที่ทูลพระองค์นั้นว่า "ใครเป็นมารดาของเรา ใครเป็นพี่น้องของเรา"
12:49 พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ไปทางพวกสาวกของพระองค์ และตรัสว่า "ดูเถิด นี่เป็นมารดาและพี่น้องของเรา
12:50 ด้วยว่าผู้ใดจะกระทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา"

จะเห็นได้เลยว่า ในสายตาของพระเจ้าไม่มีคริสเตียนคนไหนพิเศษไปว่าคนอื่น ทุกคนคือคนงานของพระเจ้า

พระเจ้าอวยพรครับ
โอ้โห ขนาดนั้นเลยใช้คำว่า วีรกรรมของคาทอลิค แบบนี้เราต้องมาคู่กับ วีรเวรของโปรแตสแตนท์ ด้วยไหมครับ




สิ่งที่น่าเศร้าคือ ความเข้าใจผิดว่า
ท่านจะศรัทธาแม่ของพระเยซูในฐานะแม่พระ ตามความหมายโดยตรงแล้ว มันผิดอย่างชัดเจน
เพราะเท่ากับท่านบอกว่านางมาเรียเป็นแม่ของพระเจ้า ซึ่งขัดกับ ตรีเอกานุภาพ เพราะนางมาเรียนไม่ไช่พระเจ้า
คนที่สอนว่าให้เคารพพระนางในฐานะมารดาพระเจ้าคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์เองนะครับ อ่านพระคัมภีร์ไม่ครบหรือเปล่า

ทราบไหมครับว่า สิ่งหนึ่งที่คริสตจักรคุณไม่เคยสอนให้คุณทำ แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำคืออะไร ....

คือการทำตามสิ่งที่เขียนอย่างจะแจ้งที่สุดในพระคัมภีร์ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ เรียกพระมารดามารีย์ว่า "มารดาพระเจ้า"

พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ประกาศไว้ในพระคัมภีร์ด้วยเสียงอันดังแล้วแท้ๆ ผู้มีหูจงฟังเถิด

ลก 1:39-45 พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ
หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”

----ถึงตรงนี้คงไม่มีใครเถียงว่าคนที่กล่าวคำสรรเสริญเสียงดังลั่นว่า “……..พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า……” แท้จริงคือ องค์พระจิตเจ้าหรือพระวิญญาณนั่นเอง เพราะขณะนั้น นางอลิซาเบธ ไม่ใช่พูดด้วยความคิดของนาง แต่นางถูกสวมทับด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม และเปล่งคำสดุดีชัดแจ้งว่า พระนางมารีย์คือ “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

ดังนั้น ไม่มีใครในโลกที่จะบังอาจเถียงองค์พระจิตหรือพระวิญญาณได้ในข้อนี้ว่า พระนางเป็นมารดาพระเยซูเจ้าครบครันทั้งในฐานะมนุษย์ และ พระเจ้า!!!

เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่เราจะเถียงพระวิญญาณในการห้ามเรียกพระนางว่ามารดาพระเจ้า ซึ่งก็คือคำว่าแม่พระ นั่นเอง



ในการสังคยนาที่เมืองเอเฟซัส ค.ศ. 431 ซึ่งหลังการจัดสาระบบพระคัมภีร์ใหม่ไม่ถึง100ปี พระศาสนจักรถวายพระนามอีกพระนามหนึ่งให้กับพระแม่มารีย์อย่างเป็นทางการคือ "มารดาพระเจ้า" (Sancta Dei Genetrix) (ภาษากรีก Theotokos) และใช้มานานเป็นพันปี ตรงกันข้ามการเรียกพระมารดาอย่างไม่ให้เกียรติเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ร้อยปี หลังจากสมัยมาตินลูเธอร์(ตัวเขาเองก็ยังให้เกียรติแม่พระอย่างยิ่ง) ในยุคช่วง ค.ศ.1900 ราว300ปี หลังการแยกนิกาย ที่มีการรณรงค์การตีความพระคัมภีร์โดยเสรี เป็นช่วงที่โปรแตสแตนท์สมัยหลังๆลดเกียรติแม่พระลงอย่างมาก โดยตัดรากถอนโคนประวัติศาสตร์พระศาสนจักรและตีความตามบริบทตัวเอง บรรดาฝรั่งตะวันตกที่ไม่มีวัฒนธรรมการให้เกียรติบิดามารดาเท่าชนเอเชีย พร้อมที่จะกดฐานะแม่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของพระนางลงเหลือเป็นแค่หญิงไร้คุณค่าคนหนึ่ง

ดังนั้นกล่าวโดยสรุป พระมารดามารีย์ เพิ่งถูกเรียกโดยไม่ให้เกียรติจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนเมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้เอง และนี่ไม่ใช่พฤติกรรมของคริสตชนในยุคแรกเริ่มครับ

[hr]

อ้างอิงจากนิตยสารTime March 2005

เป็นเวลากว่า 300 ปี ก่อนช่วงค.ศ. 1900 โดยประมาณ ที่ชาวโปรแตสแตนท์ยกพระนางมารีย์ให้เป็นพระมารดาของพระเยซูคริสต์อย่างมิอาจปฏิเสธได้ โดยไม่มีความคิดที่จะยกเทิดทูนแม่พระแบบแนวคิดมารีย์นมัสการ (Mariolatry) ที่ยกพระมารดามารีย์อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับพระเยซูคริสต์ ที่บางคนเข้าใจว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งกับฝั่งคาทอลิก

เบเวอร์รี่ กาเวนต้า ศาสตราจารย์ภาควิชาพระคัมภีร์ศึกษา ภาคพันธสัญญาใหม่ ที่พรินเซตอน ได้ให้คำจำกัดความว่าพระแม่มารีย์นั้นเป็นเหยื่อแห่ง “การสมคบคิดกันที่จะนิ่งเงียบเฉยของทางโปรแตสแตนท์ ทั้งในด้านศาสนศาสตร์ การนมัสการ และการตีความพระคัมภีร์”

รูปภาพ

เรายืนยันเรื่องนี้ได้จากประสบการณ์ของ แคธลีน นอริส นักประพันธ์ผู้เคยเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่เธอถูกสั่งสอนมาว่า “เราดึงพระแม่มารีย์ออกจากคริสต์มาส (ดึง Mary ออกจาก Christmas) และแพ็คพระนางลงในกล่องจนกว่าจะถึงปีหน้า เราปฏิเสธบทบาทของพระนางในระบอบธรรมประเพณีของโปรแตสแตนท์ และรังเกียจเหยียดหยามการเคารพยกย่องพระนางอย่างออกนอกหน้าของชาวคาทอลิก”

ในยุคแรกเริ่มพระศาสนจักร บรรดาคริสตชนยังได้ให้ความสำคัญต่อพระนางเป็นพิเศษ ในปี 431 สภาแห่งเอเฟซัส ได้ให้การรับรองพระนางว่าทรงเป็น “Theotokos” หรือ พระมารดาของพระเจ้า แต่เป็นที่ยอมรับกันว่าการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในเรื่องของพระนางมารีย์นั้นมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับเรื่องของพระเยซูเจ้าที่ถูกเน้นหนักมากกว่าเป็นพิเศษ การมีแนวคิดว่า “พระบุตรของพระนางมารีย์” กับ “พระผู้ไถ่” เป็นคนละคนกัน ถูกถือว่าเป็นแนวความคิดที่นอกรีตเทียมเท็จ

ข้อเชื่อนี้ทำให้ ข้อเชื่อเรื่อง “การที่พระเจ้าทรงรับเอากายเนื้อหนังมาบังเกิดเป็นมนุษย์”กลายเป็นเรื่องที่เป็นนามธรรมน้อยลงด้วยการยอมรับว่าพระองค์มีพระมารดาเป็นมนุษย์ และ ข้อเท็จจริงว่าทรงประสูติจากพระนาง
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ส.ค. 10, 2009 3:21 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 1:39 am

---และการพยายามตีความพระคัมภีร์ว่า พระเยซูไม่คิดหรือไม่มองว่าแม่ตัวเองเป็นแม่ จากฝ่ายโปรแตสแตนท์ที่ต้องการลดเกียรติพระมารดามารีย์ ที่พยายามเอ่ยอ้างเอาตอนนี้

ลก 8:19-21
พระมารดาและพี่น้องของพระเยซูเจ้ามาเฝ้าพระองค์ แต่ไม่อาจเข้าถึงพระองค์ได้ เพราะมีประชาชนจำนวนมาก มีผู้ทูลพระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องของท่านกำลังยืนอยู่ข้างนอก ต้องการพบท่าน” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มารดาและพี่น้องของเราคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติ”


---คิดว่าใครคือ คริสตชนคนแรกของโลกครับ คนที่รับเชื่อว่าพระเยซูคริสต์คือพระผู้ไถ่คนแรกคือใคร ไม่ใช่เปโตร และไม่ใช่แม้แต่ยอห์นผู้ทำพิธีล้าง แต่คือหญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ทูตสวรรค์ทักทายเธออย่างสุภาพว่า "เธอผู้ซึ่งพระเจ้าโปรดปราน" เธอคนนี้คือคริสตชนคนแรก และเป็นคนแรกของโลกที่รับเชื่อ และล้างโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และร่วมสายพระโลหิตเดียวกับพระเยซูเจ้าในทันที คือการล้างโดยพระโลหิตประเสริฐเป็นคนแรกของโลก ก่อนเกิดการสิ้นพระชนม์บนกางเขนซะอีก และด้วยการตอบรับครั้งนั้น พระมารดามารีย์ผู้สุภาพ ไม่ใช่ ผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำไปปฏิบัติตรงไหน??

ถ้ามาจากการอ่านพระคัมภีร์โดยซื่อสัตย์จริงๆ ไม่ใช่ถูกชี้นำจากคนบางคน ตัวพระวาจาบทนั้น พระองค์ไม่เคยพูดพระวาจาอันน่าเกลียดว่า "ไม่ใช่แม่" พระองค์ไม่เคยมีจุดประสงค์ที่จะปฎิเสธครอบครัวแท้ๆของตัวเอง แต่ทรงตรัสถึงครอบครัวที่ใหญ่กว่า คือ ทรงนับผู้เชื่อทุกคนเป็นญาติพี่น้องด้วย

ดังนั้นใครก็ตามที่อ่านพระคัมภีร์บทนั้นอย่างซื่อสัตย์ เช่นผมเองอ่านมันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยคิดออกไปได้ว่าบทนี้คือบาป ชื่อ การปฎิเสธแม่ตัวเอง แต่พบแต่ความสวยงามของพระเมตตาที่ พระองค์ทรงรับเราเป็นพี่น้อง เท่านั้น

และพระคัมภีรระบุชัดเจนว่า พระเยซูคริสต์ปฎิบัติต่อพระมารดามารีย์เยี่ยงบุตรที่ดีปฎิบัติต่อมารดา เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและน่ารัก ไม่ใช่ครอบครัวประหลาดที่ลูกอวดเบ่งกับแม่ตัวเองตลอดเวลาแบบที่โปรแตสแตนท์ที่ต้องการลดเกียรติพระมารดามารีย์พยายามยัดเยียดบทนี้ให้พระเยซู

อ่านพระคัมภีร์ตอนที่เอามาจับผิดพระมารดามารีย์แล้ว ลองอ่านตอนนี้บ้างครับ

ลก 2:51
พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปที่เมืองนาซาเร็ธกับบิดามารดาและเชื่อฟังท่านทั้งสอง
พระมารดาทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัย พระเยซูเจ้าทรงเจริญขึ้นทั้งในพระปรีชาญาณ พระชนมายุ และพระหรรษทานเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าและต่อหน้ามนุษย์



---พระบัญญัติที่ว่าจงนับถือบิดามารดา พระเยซูไม่เคยทำผิดบัญญัติสักข้อเลย ทรงดีครบทั้งต่อหน้าพระเจ้าและมนุษย์ และต่อให้คุณได้ชื่อว่าเป็นญาติพี่น้องของพระองค์ พระองค์ก็ไม่ต้องเคารพเชื่อฟังคุณหรอกนะครับ สุดท้ายเราคริสตชนทุกคนถูกนับญาติในเฉพาะฐานะลูกของพระองค์ครับ และเมื่อเราเป้นน้องของพระองค์แล้ว แม่ของพระองค์ย่อมเป็นแม่ของเราครับ

เพราะการตีความอะไรแบบนี้ (จะเรียกว่าวีรเวรของโปรแตสแตนท์มั่งได้ไหม แต่ไม่เอาดีกว่านะ ไม่ได้อคติอะไรขนาดนั้น) หรือเปล่า ที่บังเกิดลัทธิโปรแตสแตนท์สายพิศดาร ที่พยายามบอกว่าพระเจ้าสอนว่า พ่อแม่ที่ให้กำเนิดเราไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง ไม่ต้องเคารพให้ไปนับถือเจ้าลัทธิซึ่งเป็นพระผู้ไถ่กลับมาเกิดแทน ที่ทำให้คนชอบคิดเหมารวมว่า ศาสนาคริสต์สอนให้ไม่นับถือพ่อแม่


[hr]

ผมขอถามคำถามตอบง่ายๆมายังคุณ vpjkmesivp ด้วยนะครับ

คำว่า "บุตรมนุษย์" ที่พระเยซูใช้เรียกตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนในพระคัมภีร์ ทรงหมายถึงทรงเป็นลูกของมนุษย์คนไหน ยอแซฟหรือ? ตัวคุณหรือ?

คำตอบมีอยู่ใน Reply ที่แล้ว พระวิญญาณตรัสชัดแจ้งในพระคัมภีร์แล้วว่า "มารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า" คือใคร และพระเยซูเจ้าเองทรงเป็นองค์เดียวกับพระวิญญาณ ไม่มีวันที่จะทรงตรัสอะไรขัดกับพระวิญญาณไปได้ จึงทรงยืนยันฐานะของพระมารดาของพระองค์ซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดานี้ โดยการ เรียกตัวเองว่า บุตรแห่งมนุษย์ นับครั้งไม่ถ้วนในพระคัมภีร์เอง

ข้อความเดียวที่อาจเข้าใจบิดเบือนว่าพระเยซูไม่นับถือแม่ตัวเอง แต่กับข้อความแสนสั้นจำง่ายที่ปรากฎหลายครั้งตลอดทั้งช่วงพระคัมภีร์ทำไมกลับจำไม่ได้ซะละครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ส.ค. 10, 2009 3:38 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 1:47 am

ตายไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละ จขกท


"แต่สบายใจได้ผมเชื่อว่าคุณไม่ตกนรกหรอก แต่พวกคุณเชื่อว่าพวกผมจะตกนรกใช่มั้ย? "

แค่ความคิดนี้ก็รู้แล้ว ว่าใครรักพระเจ้ามากกว่ากัน  พระเจ้าอวยพรนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 2:22 am

มุมมองต่อพระมารดามารีย์ของคุณvpjkmesivp ที่บอกว่าแม่พระมีดีแค่เลี้ยงพระเยซูมา30ปี สะท้อนถึงความผิวเผินและไม่ลึกซึ้งทางความเข้าใจพระคัมภีร์(อย่างน้อยในแง่มุมเรื่องพระมารดามารีย์)นะครับ และผมจะขอตอบว่าสาเหตุเพราะอะไร โดยงานวิจัยชิ้นนี้ที่ลงในนิตยสาร Time

[hr]

อ้างอิงจากTime magazine เล่มเดิม

มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้กำเนิดนิกายโปรแตสแตนท์ เป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชมพระนางมารีย์ เขามองว่าพระนางเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของผู้ที่สุภาพถ่อมตนอย่างยิ่ง ผู้พร้อมที่จะยอมรับและทำตามน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเป็นผู้ที่พระเป็นเจ้าได้เสด็จมาหาเธอด้วยพระมหากรุณาอันล้นพ้นของพระองค์

พระผู้ก่อตั้งนิกายท่านนี้ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า

“พระนางมารีย์ได้มอบน้ำนมของพระนางให้แก่องค์พระผู้เป็นเจ้า กล่อมองค์พระผู้เป็นเจ้าจนหลับ และเตรียมซุปอร่อย ๆ ให้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า”

รูปภาพ

แต่บรรดาผู้สืบทอดนิกายของเขากลับประนาม ดูหมิ่น บทบาทผู้ร้องขอวิงวอนเพื่อชาวเราในสวรรค์ของพระนาง เป็น “การเคารพรูปเคารพอันไม่สมควร” และกล่าวหาว่าสิ่งนี้ไปลดบทบาทของพระเยซูในฐานะคนกลางอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ต้องเสื่อมถอยลง

บูคานัน ผู้เป็นโปรแตสแตนท์เพรสไบทีเรียนรุ่นที่4 ได้ข้อสรุปจากการสังเกตของเขาว่า

“พระนางมารีย์เป็นบุคคลที่เป็นสัญญลักษณ์อันโดดเด่นของนิกายคาทอลิก และนั่นเป็นสาเหตุที่พระนางตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักอยู่เสมอ”


เบาะแสในพระคัมภีร์ : กาเวนต้า นักเทววิทยาแห่งโรงเรียนสอนศาสนา พรินเซต้อน แปลกใจมากเมื่อพบว่าเรื่องของพระนางมารีย์ถูกพูดถึงน้อยเพียงไรในหมู่นักวิชาการโปรแตสแตนท์

ในปี 1989 เบเวอรี่ กาเวนต้า ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ แห่ง พรินเซตอน ได้รับการติดต่อให้เขียนบทความเกี่ยวกับพระนางมารีย์ เพื่อนำไปรวมกับบทความงานเขียนอื่นๆของหนังสือ “บุคคลสำคัญในพันธสัญญาใหม่” (Personalities of the New Testament) ตัวเธอนั้นไม่ค่อยรู้อะไรมากเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องของพระนางเลย แต่เธอยิ่งแปลกใจมากกว่านั้นที่เพื่อนๆของเธอคนอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เช่นกัน

“เรายินดีมากกว่าที่จะพูดพรรณนาถึง มารีย์ มักดาลีน หรือพูดถึงใครก็ตามที่เรารู้จักมากกว่านี้”เธอกล่าว

“คุณสามารถหาบทความ งานเขียน จำนวนนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ อย่างเรื่องความสงสัยของนักบุญโทมัส แต่เรื่องของพระนางมารีย์ที่เชิงกางเขนกลับมีอยู่น้อยเอาเสียมาก ๆ “

เธอยังมีเรื่องที่น่าตกตะลึงเสียยิ่งกว่านี้อีก ในตอนที่เธอได้รับเชิญให้ไปกล่าวบรรยายที่โบสถ์ของพวกเขา

“ดิฉันจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับพระนางมารีย์เสียหน่อย” เธอกล่าวก่อนเริ่มบรรยาย ก่อนจะตามมาด้วยความเงียบตะลึงงงงันของผู้ฟัง

“คือว่า พวกเราเป็นโปรแตสแตนท์กันเกือบทั้งหมดนะครับ” ผู้ฟังตอบกลับมา


เรื่องนี้อาจดูเป็นเรื่องน่าอายสำหรับตัวเธอ แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอบอกว่าเธอพยายามจะสื่อถ่ายทอดเรื่องของพระแม่มารีย์ลงไปในวิธีแบบโปรแตสแตนท์

“เรา โปรแตสแตนท์ ภูมิใจที่เราเป็นคนรู้พระคัมภีร์ หมั่นอ่านพระคัมภีร์อยู่เป็นนิจ ดังนั้นเรามาอ่านพระคัมภีร์กันเถอะ และดูสิว่าเราพบอะไรในนั้นบ้าง”

รูปภาพ

เรื่องที่เธอได้พูดออกไป และ เรื่องที่ชาวโปรแตสแตนท์ละเลยมาเป็นเวลาร่วมศตวรรษ เป็นเรื่องของสตรีผู้หนึ่ง ที่ถูกพูดถึง และ ปรากฏในพระคัมภีร์ ในแบบที่แยบยล และ เด่นชัดยิ่งกว่าบุคคลอื่นใดในพระคัมภีร์ รองจากพระเยซูเจ้า ใช่แล้ว จากเหตุการณ์เทวทูตแจ้งสารแก่พระนางนั่นเอง จากคำถามของพระนางที่ถามว่า

“เหตุการณ์นี้จะเกิดกับข้าพเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าไม่มีสามี”
กับการตามมาด้วยการยินยอมอย่างเต็มตัวของพระนาง (หลังได้รับคำตอบจากเทวดากาเบียรล)
จากคำสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่แสดงถึงการถวายตัวของพระนาง ว่า

“ขอให้เป็นไปตามนั้นเถิด”
(Let it be)


และบทที่เด่นชัดรองลงมาคงไม่พ้นเรื่องที่พระนางเสด็จไปเยี่ยมนางเอลีซาเบ็ธ

รูปภาพ

กับบทสดุดีของพระนางที่เริ่มต้นว่า

“วิญญาณข้าพเจ้าถวายสดุดีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า...” (ที่มาของบท Magnificat)

ตามมาด้วยการพยากรณ์ว่า

“ตั้งแต่นี้ต่อไปคนทุกยุคทุกสมัยจะเรียกข้าพเจ้าว่าเป็นผู้มีบุญ”


บททั้งหมดนี้มีกล่าวถึงในพระคัมภีร์อย่างชัดเจน และ แยบยล โดยไม่อาจจะปฏิเสธหรือละเลยไปได้
ทั้งหมดนี้สื่อแสดงอย่างชัดเจนว่า “ทรงคว่ำผู้ทรงอำนาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น
พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า”

รูปภาพ

ในขณะที่ทุก ๆ คนจำบทบาทของพระนางมารีย์ในฐานะผู้ให้กำเนิดพระผู้ไถ่ ได้ในเดือนธันวาคมของทุกปี แต่หลาย ๆ คน กลับลืมบทบาทของพระนางหลังจากนั้นเสียสิ้น เหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดตามมาหลังจากนั้น การถวายพระกุมารในพระวิหาร กับการเข้าเฝ้าพระกุมารของ ซีเมโอน และประโยคที่เขาพูดว่า “ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน”

รูปภาพ

เช่นกัน ในบทบาทของพระนางในการตามหาพระกุมารวัย 12 ที่หายตัวไป และบทบาทของพระนางที่ด้วยการขอร้องของพระนาง พระเยซูจึงได้ทรงกระทำการอัศจรรย์ครั้งแรกในการเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่นที่งานแต่งงานที่คานา แต่การละเลยแสร้งทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจในเหตุการณ์ และบทบาทของพระนางทั้งหมดนี้ยังไม่เท่ากับการละเลยต่อเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด คือ บทบาทของพระนางแทบเชิงกางเขน แม้พระวรสาร 3 บทแรกจะไม่ได้กล่าวตรง ๆ ถึงพระนาง แต่เราก็แน่ใจได้ว่าพระนางอยู่ด้วยตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นและสัมผัสถึงพระมหาทรมานทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพระบุตรของพระนาง

รูปภาพ

ก่อนยามที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ตรัสกับพระนางว่า

“หญิงเอ๋ย จงแลดูบุตรของท่านเถิด”

แล้วจึงตรัสกับอัครสาวกยอห์นว่า

“บุตรเอ๋ย จงแลดูมารดาของท่านเถิด”



ส่วนบทบาทสำคัญสุดท้ายของพระนางคือการได้รับพระจิตเจ้าร่วมกับบรรดาอัครสาวก ในฐานะสตรีเพียงคนเดียว ณ ที่นั้น ที่ได้รับพระจิตเจ้า ทั้งหมดนี้คือบทบาทสำคัญของพระนางมารีย์ที่ปรากฏอย่างเด่นชัดในพระคัมภีร์ แต่บทบาทเหล่านี้ของพระนางกลับถูกละเลยมองข้าม หรือไม่ให้ความสำคัญที่คู่ควรเพียงพอ ไปอย่างน่าเสียดาย
รูปภาพ


วันเพนเทคอส: หลังจากพระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ หนังสือกิจการอัครสาวก บันทึกว่า บรรดาศิษย์ได้มาชุมนุนกันในห้องชั้นบนในเยรูซาเลม กลุ่มนี้สามารถเข้าใจในธรรมประเพณีได้ว่าเป็นศูยน์กลางของคริสตจักรใหม่ที่พระเยซูตั้งขึ้น พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือทุกคน ในการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของพระนางในพระคัมภีร์ พระนางมารีย์ เป็นสตรีเพียงคนเดียวในห้องนั้นที่ถูกระบุชื่อ นี่เป็นสัญญาณว่าเธอเป็นศิษย์คนสำคัญยิ่ง


กาเวนต้าได้ข้อสรุปว่าถึงแม้ไม่มีการบันทึกประวัติ หรือ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพระนางเอาไว้ แต่“ไม่มีตัวอย่างของใครอื่นใดเลยที่สามารถเทียบกับพระนางได้”

เธอกล่าว พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ไม่เคยมีใครเลยแม้แต่คนเดียวทั้งก่อนหน้านี้และตลอดไปที่จะ

“ปรากฏอยู่ใน 3 เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของพระเยซูเช่นพระนาง คือ ยามพระองค์ประสูติ ยามพระองค์สิ้นพระชนม์ และ หลังพระองค์สิ้นพระชนม์และประทานพระจิตเจ้าลงมา”

รูปภาพ

กาเวนต้ายืนยันว่าโปรแตสแตนท์พยายามที่จะเลี่ยงที่จะไม่รับรู้ถึงสิ่งสารพันที่พระเป็นเจ้าได้ทรงกระทำต่อพระนางมารีย์ มากกว่าจะพูดถึงพระนางมารีย์

[hr]


อ่านบทความเต็มได้ที่นี่ครับ http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=696.0


และขอแนะนำบทความนี้ครับ

แม่พระในมุมมองนักศาสนศาตร์สตรีคริสเตียน โปรแตสแตนท์
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=280.0

หญิงเอ๋ย...จงดูบุตรของท่านเถิด
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=127.0
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ส.ค. 10, 2009 3:30 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 2:48 am

ทำไมคริสตชนหลายๆคนจึงรักและนับถือแม่พระ

เป็นที่ทราบกันดีว่าความเชื่อของคริสตชนทุกนิกาย มีจุดยืนรวมกันคือ เราได้รับความรอดพ้นผ่านทางพระเยซูคริสต์ ดังนั้น ถ้าใครไม่เชื่อว่าพระเยซู เป็นพระผู้ไถ่ และเป็นพระบุตรของพระบิดา และเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าพระบิดา พระบุตร พระจิต(หรือที่โปรแตสแตนท์เรียกว่าพระวิญาณ) ก็ไม่น่าจะเรียกตัวเองว่าเป็นคริสตชน หรือผู้นับถือคริสต์ ได้

ดังนั้น ประการแรกเลยเราคงต้องเข้าใจเสียก่อนว่า รูปแบบการนับถือแม่พระหรือพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้านี้ คือการนับถือรูปแบบใดกัน

ในพระศาสนจักรคาทอลิค และออธโธดอค นั้น ให้ความสำคัญกับพระนางมารีย์ในฐานะ “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ดังนั้นพระนางมารีย์ไม่เคยถูกมองหรือเข้าใจว่าเป็น”พระเจ้า” และไม่เคยถูกมองว่าเป็น”พระผู้ไถ่” แม้แต่ว่าจะถูกคิดว่าเป็นเทพ หรือทูตสวรรค์ ก็ยังไม่ใช่ ดังนั้น ถามคริสตชนทุกสายนิกายตรงนี้ว่า การที่คริสตชนจะนับถือใครสักคนเป็นพิเศษ โดยไม่เคยคิดว่าเขาหรือเธอเป็นพระเจ้า แทนพระบิดา หรือเป็นพระผู้ไถ่ แทนพระเยซูนั้น ผิดหลักข้อเชื่ออะไรตรงไหน

เพราะถ้าผิด การที่เรานับถือเปาโลว่าเป็นอาจารย์ หรือนับถือวีรบุรุษของชาติ หรือแม้แต่นับถือพ่อแม่ก็จะพลอยผิดไปหมด ดังที่มีคริสตชนบางกลุ่มบางนิกาย เคยประสบปัญหานี้กับกระแสมโนธรรมของสังคม จนถูกมองว่าเป็นลัทธิอันตรายมาแล้ว

ดังนั้น เรากลับมาดูที่ พระนางมารีย์ เหตุใดพระนางจึงได้รับความรักและการนับถืออย่างมากมาย แต่ก่อนที่เราจะดูข้อพระคัมภีร์ ขอยกตัวอย่างเรื่องที่เป็นคอมมอนเซนส์มากๆ

ในทางหลักข้อเชื่อ, เทวศาสตร์ และทางพระคัมภีร์ พระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ แต่พระอาณาจักรของพระองค์ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ แต่เป็นอาณาจักรสวรรค์เท่านั้น

ทีนี้ เราลองมองกลับไปในประเทศของเรา ที่มีการปกครองระบอบกษัตริย์เป็นประมุข สิ่งนี้นับว่าเป็นโชคดีมากที่คริสตชนคนไทยเราจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

เราทราบดีว่า ในหลวงนั้น คือประมุขของประเทศ เรียกภาษาชาวบ้านว่า เป็นใหญ่สูงสุดในประเทศ และเราก็ทราบดีว่า ในหลวงนั้น มีสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นพระมารดา และเราก็ทราบกันโดยทั่วว่า ไม่มีใครไม่รักและเคารพในหลวง และไม่มีใครเช่นกันที่จะไม่รักและเคารพแม่ของในหลวงคือ พระราชชนนี แต่กระนั้น ตามกฎมณเฑียรบาล ศักดิ์ของพระราชชนนี ก็ยังรองลงมาจากในหลวง ทั้งการใช้ราชาศัพท์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ใช้ราชาศัพท์ในลำดับชั้นที่สูงกว่า สมเด็จพระราชชนนี

สมเด็จพระราชชนนี หรือที่คนไทยเรียกว่าสมเด็จย่านั้น ไม่เคยทรงเป็นพระราชินีมาก่อน แต่เพราะลูกชายหรือพระราชโอรสทั้งสองพระองค์เป็นกษัตริย์ ศักดิ์ของพระมารดาที่เคยเป็นสามัญชนจึงถูกยกย่องสูงเด่น อย่างสมควร และสมเหตุผล

มีเพื่อนที่รักมากคนหนึ่งเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว เขามีทั้งแฟนและเพื่อนที่เป็นคริสตชนนิกายอื่นที่ไม่ให้ความสำคัญกับแม่พระ เขาเคยถามเพื่อนเล่นๆว่า “สุนัขของในหลวงชื่ออะไร” เพื่อนตอบว่า”ชื่อคุณทองแดง” เขาเลยตอบกลับไปว่า “ดีเนอะ ขนาดหมาของในหลวง เอ็งยังเรียกคุณ แต่แม่ของพระเจ้า เอ็งเรียกนาง”

มีพี่สาวโปรแตสแตนท์ที่รักยิ่งของผมคนหนึ่ง เธอจะเรียกแม่พระว่า “พระมารดามารีย์” โดยเหตุผลที่เธอให้เกียรติว่าแม่พระคือมารดาของพระผู้ไถ่ผู้เป็นกษัตริย์ของเธอ

ดังนั้น เมื่อเรารู้ว่าคริสตชนนับถือพระนางมารีย์อย่างไรแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า เหตุใดเราจึงนับถือพระนางมารีย์ อย่างสมกับคำในพระคัมภีร์ที่ว่า “Blessed among women”



1. เพราะพระแม่ทรงเป็นพระมารดาพระเจ้า

ลก 1:39-45 พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ
หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”

รูปภาพ

----ถึงตรงนี้คงไม่มีใครเถียงว่าคนที่กล่าวคำสรรเสริญเสียงดังลั่นว่า “……..พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า……” แท้จริงคือ องค์พระจิตเจ้าหรือพระวิญญาณนั่นเอง เพราะขณะนั้น นางอลิซาเบธ ไม่ใช่พูดด้วยความคิดของนาง แต่นางถูกสวมทับด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม และเปล่งคำสดุดีชัดแจ้งว่า พระนางมารีย์คือ “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

ดังนั้นคริสตชนควรให้เกียรติพระนางมารีย์ตาม "ฐานะ" ที่พระวิญญาณทรงประกาศด้วยเสียงอันดัง


2. เพราะพระมารดามารีย์ถูกทำนายไว้แล้วว่า พระนางจะได้รับเกียรติสูงสุดกว่าสตรีทั้งมวลในโลก

Luke 1:46
ิ(46)พระนางมารีย์ ตรัสว่า
วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
(47)จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้กอบกู้ข้าพเจ้า
(48)เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์
ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข
(49)พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้า
พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์

(48) For he hath regarded the low estate of his handmaiden; for, behold, from henceforth all generations shall call me blessed.

ดังนั้น ชนทุกสมัย จะลืมชื่อของเธอได้อย่างไร ถ้าประโยคนี้เลื่อนลอย พระวิญญาณหรือพระจิตเจ้าจะดลใจให้ลูกาใส่คำๆนี้ลงมาในพระคัมภีร์หรือ ดังนั้น ถ้าเธอสมควรถูกลืมๆไปซะให้มากที่สุดในหมู่คริสตชน พระคัมภีร์ข้อนี้ ก็ไม่เป็นจริง



3. เพราะพระนางมารีย์เป็นสตรีคนเดียวในโลกที่ได้รับการรับรองจากพระเจ้าพระบิดาว่าทรงโปรดปรานเธอยิ่งนัก

มธ 3:16
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างแล้ว เสด็จขึ้นจากน้ำ ทันใดนั้นท้องฟ้าเปิดออก พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระจิตของพระเจ้าเสด็จลงมา เหนือพระองค์ดุจนกพิราบ และมีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา

ลก 1:26
เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้วพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร
แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ พระเจ้าจะประทานพระที่นั่งของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย”

---------เราคงจำได้ดีว่า คำว่า “เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า” นี้ พระเยซูถูกเรียกถึง 2ครั้ง ครั้งหนึ่งเมื่อทรงรับพิธีล้าง อีกครั้งเมื่อสำแดงพระกายอย่างรุ่งโรจน์บนภูเขาทาบอร์ และที่น่าพิศวงยิ่งนัก สตรีคนเดียวในโลกตั้งแต่ทรงเนรมิตสร้างโลก คือพระนางมารีย์ ถูกย้ำ2ครั้งเช่นกันว่า เป็นที่ “โปรดปราน”

แล้วเราจะปฎิเสธได้อย่างไรว่าพระนางมารีย์ ไม่ได้รับความรักอย่าง “พิเศษยิ่ง” ในสายพระเนตรของพระบิดา พระนางไม่ใช่เพียงผู้หญิงที่พระบุตรใช้อาศัยท้องเกิด แต่พระนางพิเศษกว่าหญิงอื่นๆ ที่พระบิดาตระเตรียมนางไว้ตั้งแต่นิรันดรในสายพระเนตรของพระบิดา สมคำว่า “เธอมีบุญยิ่งกว่าหญิงใดๆ” ที่พระจิตเจ้าประกาศด้วยเสียงอันดังก่อนหน้านี้ โดยแท้จริง

รูปภาพ

4. เพราะพระนางมารีย์คือมารดาของมนุษย์ทุกคน และของผู้ที่เชื่อในคำพยานของพระเยซูเจ้า

ในปฐมกาล………..
นางเอวา ผู้เป็นมารดาของเหล่ามนุษย์คนบาป
1)หญิงคนหนึ่ง เกิดจากชาย(เพียงคนเดียว)คนหนึ่ง
2)หญิงคนนั้นเชื่องูและจองหอง
ผล-->มนุษย์ทั้งหมด พลัดพรากจากพระเจ้า

ในหน้าแรกของพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่…………..
หญิงพรหมจารีย์ชื่อมารีย์ ผู้ถูกเลือกเป็นมารดาพระผู้ไถ่
1)หญิงคนนั้นเชื่อทูตสวรรค์ และนบนอบ
2)ชายคนหนึ่ง เกิดจากหญิงพรหมจารี(เพียงคนเดียว)คนหนึ่ง
ผล--->มนุษย์ทั้งมวลได้รับความรอดพ้นผ่านทางพระเยซูคริสต์ได้กลับไปหาพระบิดา

1คร 15: 22
มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น


-----อาดัมร่วมทำพลาดกับนางเอวาเพราะเชื่องูฉันใด พระเยซูได้ทำการทรงไถ่โดยมีพระนางมารีย์ผู้นบนอบร่วมแผนการฉันนั้น

น่าอัศจรรย์พระเจ้าได้ย้อนกลับขบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาในสมัยปฐมกาล ผลของบาปคือความตาย กลับใช้การตายไถ่บาป แบบหนามยอกเอาหนามบ่ง ก็เห็นเด่นชัดอยู่ แล้วยังใช้การกลับสมการนี้ กับนางเอวาและพระนางมารีย์ด้วย

Genesis 3:15
I shall put enmity between you and the woman, and between your offspring and hers; it will bruise your head and you will strike its heel.'

เราจะให้เจ้ากับ “สตรี” เป็นศัตรูกัน และระหว่างพงศ์พันธุ์ของเจ้ากับนางด้วย นาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)จะบดขยี้หัวเจ้า และเจ้าจะฉกกันส้นเท้าของนาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)


-----ถ้าใครได้มีโอกาสดูหนัง the Passion of the Christ คงได้เห็นฉากที่ซาตานจ้องหน้าพระแม่มารีย์อย่างมุ่งร้ายระหว่างทาง ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามันจะเกลียดพระแม่มากแค่ไหน ก็มันถูกกำหนดให้เป็นศัตรูกับ “สตรี” คนหนึ่งที่จะต้องเกิดมาเพื่อแก้สิ่งที่นางเอวาทำมิใช่หรือ


นักบุญ อีเรเนอุสเกิดที่เมืองสมีร์นา ประมาณปี ค.ศ. 130 และได้รับการศึกษาอบรมจากนักบุญ โปลีการ์ป ซึ่งเป็นศิษย์ของ นักบุญ ยอห์น อัครสาวก ผู้รับพระมารดามารีย์เป็นมารดาของตน โดยนัยนี้ท่านจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลสุดท้ายในแวดวงของบรรดาอัครสาวก และสืบทอดแนวคิดของพระวรสาร น. ยอห์นอย่างลึกซึ้ง ท่านได้ประกาศว่า

พระคริสตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลในประวัติศาสตร์จริงๆ เป็นผู้ไขแสดงสูงสุดของพระบิดาเจ้าทรงเป็นพระผู้ไถ่ และพระศาสนจักรเองก็ได้เจริญชีวิตพระคริสตเจ้าและได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระองค์ ทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งไปหาพระคริสตเจ้า และจะต้องได้รับการปฏิรูปปรับปรุงใน[size=15pt]พระองค์ซึ่งเป็นอาดัมคนใหม่ และพระนางมารีอาทรงเป็นเอวาคนใหม่ [/size]




วว 12:1-17 นิมิตเรื่องสตรีและมังกร
12 (1)เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือ “สตรี” ผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ (2)นางมีครรภ์แก่ กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจะคลอดบุตร (3)เครื่องหมายอีกประการหนึ่งปรากฏในสวรรค์ คือมังกรใหญ่สีแดง มีเจ็ดหัวและสิบเขา แต่ละหัวสวมมงกุฎ (4)หางของมันตวัดดวงดาวหนึ่งในสามบนท้องฟ้าให้ตกลงมาบนแผ่นดิน มังกรยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่กำลังจะคลอดบุตรเพื่อจะกินบุตรของนางทันทีที่คลอด (5)นางคลอดบุตรเป็นชาย ซึ่งจะต้องปกครองชาติทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก แต่บุตรของนางถูกคว้าตัวขึ้นไปเฝ้าพระเจ้ายังพระบัลลังก์ของพระองค์ (6)ส่วนสตรีนั้นหลบหนีไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นั่นนางมีที่พำนักซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อนางจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นเวลาหนึ่งพันสองร้อยหกสิบวัน (7)สงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของเขาต่อสู้กับมังกร มังกรพร้อมกับบริวารของมันก็ต่อสู้ด้วย (8)แต่มันพ่ายแพ้และไม่มีที่พำนักในสวรรค์อีกต่อไป (9)มังกรใหญ่ คืองูดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อว่าปีศาจและซาตาน ผู้ล่อลวงผู้อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินให้หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็ถูกโยนลงมาด้วย (10)ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและพระราชอาณาจักรเป็นของพระเจ้าของเราแล้ว และอำนาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ เพราะผู้กล่าวหาบรรดาพี่น้องของเรา คือผู้ที่กล่าวหาเขาทั้งกลางวันกลางคืนเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าของเราก็ถูกโยนลงไปแล้ว (11)บรรดาพี่น้องของเราชนะผู้กล่าวหา เดชะพระโลหิตของลูกแกะและอาศัยคำพยานของตน เพราะเขาไม่หวงแหนชีวิตแม้เมื่อเผชิญความตาย (12)ดังนั้น สวรรค์และท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ จงชื่นชมเถิด วิบัติจงเกิดแก่แผ่นดินและทะเล เพราะปีศาจลงมายังแผ่นดินและทะเลด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เพราะมันรู้ว่ามีเวลาเหลือน้อยแล้ว (13)เมื่อมังกรหรืองูเห็นว่าตนถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน ก็เริ่มเบียดเบียนสตรีที่คลอดบุตรชาย (14)แต่สตรีนั้นรับปีกนกอินทรีใหญ่สองปีกเพื่อจะได้บินไปยังถิ่นทุรกันดารที่พำนักของนาง ที่นั่นนางจะได้รับการเลี้ยงดูพ้นสายตาของงูเป็นเวลาสามปีครึ่ง (15)งูพ่นน้ำออกจากปากเหมือนแม่น้ำตามหลังสตรี เพื่อให้นางถูกกระแสน้ำพัดไป (16)แต่แผ่นดินช่วยนางไว้ แผ่นดินอ้าปากออกและดื่มแม่น้ำที่มังกรพ่นออกมาจากปากของมัน (17)มังกรโกรธสตรี และออกไปทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ที่เหลือของนาง คือผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า และยึดมั่นในคำพยานถึงพระเยซูเจ้า

---------ใช่แล้ว ซาตานมันเกลียดแม่พระ มันต้องการทำลายพระนางทุกวิถีทาง ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ “สตรี” นี้ ต้องถูกยกย่อง และต้องถูก “โจมตี” เพราะมันคอยฉกกัดพระนางอยู่ แต่วันหนึ่ง หัวของมันต้องโดนบดขยี้

ใครเล่า จะได้สวมมงกุฎแห่งดวงดาว มีดวงอาทิตย์เป็นเสื้อผ้า และมีดวงจันทรารองพระบาท สตรีที่พระบิดาเจ้าทรงโปรดปราน ให้ทรงครรภ์พระผู้ไถ่ ได้รับเกียรติ เป็น “พระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ก็สวมควรมีมงกุฎและประดับด้วยจักรวาลมิใช่หรือ หญิงสามัญชนต่ำต้อยที่ลูกของนางเป็นกษัตริย์ นางก็คือพระชนนีของเขามิใช่หรือ แม้ว่าพระนางจะไม่ใช่องค์พระประมุข ไม่ใช่ผู้ที่เป็นกษัตริย์เสียเอง แต่พระนางก็ได้รับเกียรติตามฐานะที่พระบิดาประทานให้อย่างสมควรมิใช่หรือ นางถูกประกาศไว้แล้วมิใช่หรือว่าจะถูกชื่นชมยกย่องทุกกาลสมัย ด้วยว่าแม้แต่การเยี่ยมเยียนของพระนางยังนำพาให้นางอลิซาเบธชื่นชมยินดีเหลือเกินและเปี่ยมด้วยพระวิญาณมิใช่หรือ นางต้องเป็นศัตรูกับงูร้ายคือมารซาตานตามที่พระเจ้าตรัสมิใช่หรือ

แต่ยิ่งไปกว่านั้น พระวาจาที่บันทึกโดยท่านยอห์น ได้ประกาศสิ่งยิ่งใหญ่ที่ว่า แม่พระไม่เพียงเป็นมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ จะเป็นมารดาของผู้ที่เชื่อในคำพยานของพระเยซูเจ้าด้วย!!!

ดังนั้น คริสตชนทั้งหลาย ผู้ปรารถนาจะเป็นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก ท่านไม่จำเป็นต้องคิดว่าพระแม่มารีย์คือพระเจ้า เทพธิดา หรือจะมาแทนที่พระผู้ไถ่อะไรทั้งนั้น เพียงแค่คุณรู้ว่าพระนางเป็น “แม่” ของคุณอีกคนนึงในสวรรค์ รักพระนางเหมือนแม่ของคุณ เพราะคุณเป็นน้องของพระเยซู แค่นั้นก็คือการให้ความสำคัญกับพระนางอย่างถูกต้องที่สุดของคริสตชนทุกกาลสมัยแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ส.ค. 10, 2009 3:00 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
vpjkmesivp
โพสต์: 37
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 18, 2008 1:13 am

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 6:56 pm

ขอตอบคุณ holy แบบ ธรรมดา นะครับ เห็นว่าหลายกระทู้ แล้ว ตอบซ้ำไป

บุตรมนุษย์ ที่พระเยซู พูด ใน พระคำภีร์นั้น อย่างที่ หลายท่านเข้าใจ แล้ว
คือ พระเจ้าในสภาพของมนุษย์ เกิดแต่ นางมาเรีย ฉะนั้นการจะเรียกนางมาเรียว่า แม่พระ
เป็นเรื่อง ไม่ผิด แต่ เรียก พระแม่ เนี่ยผิด

และการจะแต่ง ตั้ง ตามความคิดของมนุดนั้น มันผิดกับพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง

แล้วใน ข้อที่ คุณอ้างในกระทู้ สุดท้าย 1-4 นั้น มัน ไม่เกี่ยวกับ ในเรื่องของ การเป็นพระแม่เลย คือแม่พระ ทั้งนั้น

นางควรได้รับการยกย่องและเป็นที่จดจำนั้นถูกตามพระคัมภีร์ แต่ไม่ไช่เรื่อง ที่จะ ขอ พร จากพระเจ้าผ่านทางนาง
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 8:45 pm

vpjkmesivp เขียน: ขอตอบคุณ holy แบบ ธรรมดา นะครับ เห็นว่าหลายกระทู้ แล้ว ตอบซ้ำไป

บุตรมนุษย์ ที่พระเยซู พูด ใน พระคำภีร์นั้น อย่างที่ หลายท่านเข้าใจ แล้ว
คือ พระเจ้าในสภาพของมนุษย์ เกิดแต่ นางมาเรีย ฉะนั้นการจะเรียกนางมาเรียว่า แม่พระ
เป็นเรื่อง ไม่ผิด แต่ เรียก พระแม่ เนี่ยผิด

และการจะแต่ง ตั้ง ตามความคิดของมนุดนั้น มันผิดกับพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง

แล้วใน ข้อที่ คุณอ้างในกระทู้ สุดท้าย 1-4 นั้น มัน ไม่เกี่ยวกับ ในเรื่องของ การเป็นพระแม่เลย คือแม่พระ ทั้งนั้น

นางควรได้รับการยกย่องและเป็นที่จดจำนั้นถูกตามพระคัมภีร์ แต่ไม่ไช่เรื่อง ที่จะ ขอ พร จากพระเจ้าผ่านทางนาง


จำพระวาจานี้ได้ไหมครับ  อย่าตัดสินพี่น้อง แล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน

เรื่องผิดหรือไม่ผิด เรื่องควรหรือไม่ควรขอพรผ่านพระแม่  เป็นหน้าที่ของพระเป็นเจ้าครับ ไม่ใช่เรามนุษย์

และที่สำคัญ เราคาทอลิกได้ขอพรผ่านทางพระแม่กันมานานเป็นพันปีกว่าแล้ว และพระเยซูเจ้าก็

ได้ทรงประทานพระพรผ่านทางพระแม่แก่พวกเราคาทอลิกมาเสมอ

ในชีวิตผมเอง พระแม่ได้ช่วยวิงวอนมาแล้ว และได้ผลตามคำขอแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง!!!!

ผมขอถามคุณว่า ถ้าคาทอลิกทำผิดจริง พระเป็นเจ้าจะทรงประทานให้สมหวังไหมครับ

ถ้าผิดจริง พระองค์ก็ไม่ควรประทานพระพรให้เลยจะดีกว่าไหม


และอีกอย่าง ในไบเบิ้ลไม่สามารถบรรจุรายละเอียดปลีกย่อนในทุกๆเรื่องลงไปได้หรอกครับ

สาระสำคัญจะเป็นเรื่องข่าวดีเกี่ยวกับความรอดเป็นหลัก

แต่สิ่งที่อยากบอกคือ หลังจากสมัยเหตุการณ์ไบเบิ้ลจนมาถึงทุกวันนี้

พระเป็นเจ้ายังทรงทำงานของพระองค์อยู่เสมอ พระวาจาของพระองค์ยังตรัสสอนเราอยู่เสมอ

พระองค์ทรงส่งพระแม่มารีย์ มาเตือนเรามนุษย์เสมอ...

ขอแนะนำให้คุณลองอ่าน link เหล่านี้ดูก่อน แม้คุณจะไม่เชื่อก็ไม่้เป็นไรครับ

ผมเชื่อว่า สักวันคุณจะเข้าใจทุกสิ่งเป็นอย่างดี และจะรักพระแม่เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงรักเช่นกัน

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=3174.0

http://www.catholic.or.th/document/convinced

ขอพระเป็นเจ้าอวยพระพรครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ จันทร์ ส.ค. 10, 2009 8:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 10:44 pm

เฮ้อ! สงสัยว่าคนเดี๋ยวนี้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ไม่ต้องกินนมแม่กันแล้วหรืออย่างไร

อีกสองวันก็วันแม่เนอะ หันมารักแม่กันเหอะ ถ้ารักแม่แล้วตกนรกเนี่ย เราก็ยอมนะ

ค่าน้ำนมนี้ มีบุญคุณอันใหญ่หลวง เนอะ เนอะ  : emo045 :: xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 11:02 pm

vpjkmesivp เขียน: ขอตอบคุณ holy แบบ ธรรมดา นะครับ เห็นว่าหลายกระทู้ แล้ว ตอบซ้ำไป

บุตรมนุษย์ ที่พระเยซู พูด ใน พระคำภีร์นั้น อย่างที่ หลายท่านเข้าใจ แล้ว
คือ พระเจ้าในสภาพของมนุษย์ เกิดแต่ นางมาเรีย ฉะนั้นการจะเรียกนางมาเรียว่า แม่พระ
เป็นเรื่อง ไม่ผิด แต่ เรียก พระแม่ เนี่ยผิด

และการจะแต่ง ตั้ง ตามความคิดของมนุดนั้น มันผิดกับพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง

แล้วใน ข้อที่ คุณอ้างในกระทู้ สุดท้าย 1-4 นั้น มัน ไม่เกี่ยวกับ ในเรื่องของ การเป็นพระแม่เลย คือแม่พระ ทั้งนั้น

นางควรได้รับการยกย่องและเป็นที่จดจำนั้นถูกตามพระคัมภีร์ แต่ไม่ไช่เรื่อง ที่จะ ขอ พร จากพระเจ้าผ่านทางนาง
พระแม่ กับ แม่พระ เป็นคำคุ้นชินครับ

คำที่ถอดจาก Mother of God ก่อนก็คือคำว่า แม่พระ อันหมายถึง แม่ของพระ

คำว่า พระแม่ในวงการคาทอลิกถูกใช้แรกๆ ในวรรณกรรม เช่น บทกลอน บทสวด หรือบทเพลง

ซึ่งความหมายก็คือ คำเดียวกันครับ อันนี้เป็นการเถียงเรื่องการใช้คำ ซึ่ง พระแม่ ไม่เท่ากับ เจ้าแม่ครับ

การใช้่ พระ- ในภาษาไทย เป็นคำยกย่องเกียรติของบุคคล หรือ ใช้เรียกบุคลากรทางศาสนาที่ผ่านการบวชแล้ว

เช่น มารดา แต่ใช้ พระมารดา ก็เป็นการให้เกียรติด้วยราชาศัพท์ หรือ เยซูคริสต์ ก็ใช้เป็น พระเยซูคริสต์

ทั้งนี้ ตามคำสอนแล้ว ผม็ยังไม่เห็นว่า คาทอลิก จะสอนให้ขอพรผ่านพระนางมารีย์ตรงไหน?

กลับไปดูความแตกต่างระหว่าง Mercy on us กับ Pray for us ด้วยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร ส.ค. 11, 2009 1:35 am

ขอตอบคุณ holy แบบ ธรรมดา นะครับ เห็นว่าหลายกระทู้ แล้ว ตอบซ้ำไป

บุตรมนุษย์ ที่พระเยซู พูด ใน พระคำภีร์นั้น อย่างที่ หลายท่านเข้าใจ แล้ว
คือ พระเจ้าในสภาพของมนุษย์ เกิดแต่ นางมาเรีย ฉะนั้นการจะเรียกนางมาเรียว่า แม่พระ
เป็นเรื่อง ไม่ผิด แต่ เรียก พระแม่ เนี่ยผิด

และการจะแต่ง ตั้ง ตามความคิดของมนุดนั้น มันผิดกับพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง

แล้วใน ข้อที่ คุณอ้างในกระทู้ สุดท้าย 1-4 นั้น มัน ไม่เกี่ยวกับ ในเรื่องของ การเป็นพระแม่เลย คือแม่พระ ทั้งนั้น

นางควรได้รับการยกย่องและเป็นที่จดจำนั้นถูกตามพระคัมภีร์ แต่ไม่ไช่เรื่อง ที่จะ ขอ พร จากพระเจ้าผ่านทางนาง


สรุปว่าใครโพสอะไรมาก็ไม่อ่านใช่ไหม

พระเยซูคริสต์ตั้งพระศาสนจักรบนพื้นฐานที่ศิลาหลักคือมนุษย์ โดยยืนยันว่าพระวิญญาณจะทรงกระทำผ่านมนุษย์ ไม่ได้สั่งให้ใครเขียนคัมภีร์ และไม่ได้สั่งให้ตั้งพระศาสนจักรบนคัมภีร์ ไม่เคยบอกว่า อะไรจริงให้ไปเช็คคัมภีร์ แต่บอกว่า

มธ 16:17
พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านคือศิลาและบนศิลานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเราประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย"


กล่าวคือให้อำนาจไว้ที่พระศาสนจักร ไม่ใช่ที่คัมภีร์

พระศาสนจักรคาทอลิคเกิดก่อนพระคัมภีร์ และพระศาสนจักรเขียนพระคัมภีร์ และต่อมาพระศาสนจักรรวบรวมพระคัมภีร์ เพื่อใช้เป็นหลักการอ้างอิงในการเรียนรู้และเข้าใจ แต่ไม่ได้ใช้ตัดสินทุกอย่าง แบบที่ฟาริสีชอบทำเวลาตัดสินพระเยซู

แต่ดุเหมือนต่อมา คริสตชนยุคหลังๆบางพวกก็กลับไปใช้ระบบเดียวกับฟาริสี คือเอาพระคัมภีร์อย่างเดียว(สมัยนั้นคือพระธรรมเดิม)มาตัดสินการงานของพระเจ้า แทนการใช้พระวิญญาณในการตัดสินสิ่งที่มาจากพระเจ้า

ก็ย่อมหลงผิดคิดตีความเอาเองแบบผิดๆ และก่อแต่ปัญหาอย่างที่คุณทำ

วิธีการเอาไบเบิ้ลอย่างเดียวมาตัดสินทุกอย่างแบบที่คริสตจักรคุณทำนั้น มันผิดหลักพระคัมภีร์เองมาแต่แรกแล้ว

2ธส 2:15
ดังนั้น พี่น้องทั้งหลายจงยืนหยัดมั่นคงและยึดถือธรรมประเพณีที่ท่านเรียนรู้มาทั้งด้วยวาจาและด้วยจดหมายของเรา

---อ่านเข้าใจไหม พระศาสนจักรแรกเริ่มไม่ได้มีพฤติกรรมแบบคริสตจักรของคุณ เขาใช้ทั้งประเพณี และใช้ทั้งการสืบทอดผ่านวาจาด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะพระคัมภีร์อย่างเดียวแล้วตัดสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้องมากมายออกโดยอ้างเพียงว่าไม่มีเขียนในพระคัมภีร์

สรุป

พระศาสนจักรคาทอลิค ใช้วิธีเดียวกับที่พระศาสนจักรแรกริ่มใช้ คือเอาธรรมประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา และสิ่งที่สืบทอดทางวาจาที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย

แต่คริสตจักรของคุณ ไม่ได้เป็นแบบพวกเขา คุณเอาไบเบิ้ลของคาทอลิคมาใช้อย่างเดียว ซึ่งไม่ครบทุกแง่ ก็คือ คุณใช้วิธีตัดสินที่ผิดมาแต่แรกครับ


จบนะ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ส.ค. 11, 2009 1:37 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

อังคาร ส.ค. 11, 2009 9:20 am

Holy เขียน:
vpjkmesivp เขียน: ขอตอบคุณ holy แบบ ธรรมดา นะครับ เห็นว่าหลายกระทู้ แล้ว ตอบซ้ำไป

บุตรมนุษย์ ที่พระเยซู พูด ใน พระคำภีร์นั้น อย่างที่ หลายท่านเข้าใจ แล้ว
คือ พระเจ้าในสภาพของมนุษย์ เกิดแต่ นางมาเรีย ฉะนั้นการจะเรียกนางมาเรียว่า แม่พระ
เป็นเรื่อง ไม่ผิด แต่ เรียก พระแม่ เนี่ยผิด

และการจะแต่ง ตั้ง ตามความคิดของมนุดนั้น มันผิดกับพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง

แล้วใน ข้อที่ คุณอ้างในกระทู้ สุดท้าย 1-4 นั้น มัน ไม่เกี่ยวกับ ในเรื่องของ การเป็นพระแม่เลย คือแม่พระ ทั้งนั้น

นางควรได้รับการยกย่องและเป็นที่จดจำนั้นถูกตามพระคัมภีร์ แต่ไม่ไช่เรื่อง ที่จะ ขอ พร จากพระเจ้าผ่านทางนาง


สรุปว่าใครโพสอะไรมาก็ไม่อ่านใช่ไหม

พระเยซูคริสต์ตั้งพระศาสนจักรบนพื้นฐานที่ศิลาหลักคือมนุษย์ โดยยืนยันว่าพระวิญญาณจะทรงกระทำผ่านมนุษย์ ไม่ได้สั่งให้ใครเขียนคัมภีร์ และไม่ได้สั่งให้ตั้งพระศาสนจักรบนคัมภีร์ ไม่เคยบอกว่า อะไรจริงให้ไปเช็คคัมภีร์ แต่บอกว่า

มธ 16:17
พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อังคาร ส.ค. 11, 2009 11:15 am

คุณ vpjkmesivp มีข้อบกพร่องทางความเชื่ออย่างร้ายแรงนะครับ

เพราะคุณไม่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าเป็นมนุษย์แท้และพระเจ้าแท้  แต่คุณเชื่อว่าเป็นพระเจ้าแท้แต่เพียงอย่างเดียว

หากพระเยซูเจ้าเป็นพระเจ้าแท้เพียงอย่างเดียว พระองค์จะทรงตายมิได้  แต่ถ้าเป็นมนุษย์อย่างเดียวพระองค์ก็ไม่สามารถกลับคืนพระชนม์ชีพ

ในฐานนันดรของความเป็นพระเจ้านั้นไม่สามารถมีมารดาได้ก็จริงครับแต่พระแม่มารีย์เป็นมารดาของพระเยซูที่เป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์

ถ้าจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจง่ายก็จงจะอธิบายได้ว่า พระนางได้รับเกียรติมารดาพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสเจ้าครับ   
vpjkmesivp
โพสต์: 37
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 18, 2008 1:13 am

อังคาร ส.ค. 11, 2009 9:31 pm

เอาแล้วไง ครับ ขอตอบกระทู้สุดท้ายก่อน เดี๊ยวจะมองผมกลายเป็น พยานพระยะโฮวาไป

ถ้าคุณจะ บอกผมว่า ผมไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นมนุดแท้ เพราะผมไม่เชื่อว่า นางมาเรียเป็นแม่ของพระเยซูนั้น
ถ้าคุณจะถามใน ทำนองนี้ ผมก็ละไว้ใน ฐานที่คนทั่วไปเข้าใจแล้วกัน

แต่ถ้า จะมาบอกว่า ผมไม่เชื่อว่าพระเยซู เป็นมนุษย์แท้และเป็นพระเจ้าแท้ นั้นไม่สมควรครับ
เพราะถ้าอย่างนั้นผมจะเชื่อพระเยซูได้อย่างไร

ต้องขอโทษ ท่าน โฮลี่เป็นที่ยิ่ง ที่ทำให้ท่านเข้าใจว่าผมไม่ได้อ่าน ผมชอบที่จะโพส วกวน ไปเพื่อให้ได้คำตอบ
ที่ดีกว่าเก่า

แต่ แล้ว ในกระทู้ ล่า สุด ก็กับ มาเรื่อง รากฐานของคริสตจักรซะอีก ซึ่งกลายเป็นว่า ถ้า รากฐาน ยังไม่เหมือนกัน
จะไปเอาอะไรกับ ลำต้นและผลของมัน


ที่คุณโพสมาในกระทู้holy สุดท้าย นี้ มันก็ เป็นการมอง คนละเรื่องกับ ที่โปรมองแล้ว
ผมก็ไม่ขอพูดอะไรในเรื่องนี้ครับ เพราะ คงมีหลายท่าน พยายามพูดแล้ว


แต่ผมก็จะตอบในสิ่งที่ท่านต่อว่า มาทางโปร ครับ (แม้ผมจะไม่ไช่โปร)
2ธส 2:15
ดังนั้น พี่น้องทั้งหลายจงยืนหยัดมั่นคงและยึดถือธรรมประเพณีที่ท่านเรียนรู้มาทั้งด้วยวาจาและด้วยจดหมายของเรา

---อ่านเข้าใจไหม พระศาสนจักรแรกเริ่มไม่ได้มีพฤติกรรมแบบคริสตจักรของคุณ เขาใช้ทั้งประเพณี และใช้ทั้งการสืบทอดผ่านวาจาด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะพระคัมภีร์อย่างเดียวแล้วตัดสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้องมากมายออกโดยอ้างเพียงว่าไม่มีเขียนในพระคัมภีร์

สรุป

พระศาสนจักรคาทอลิค ใช้วิธีเดียวกับที่พระศาสนจักรแรกริ่มใช้ คือเอาธรรมประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา และสิ่งที่สืบทอดทางวาจาที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย

แต่คริสตจักรของคุณ ไม่ได้เป็นแบบพวกเขา คุณเอาไบเบิ้ลของคาทอลิคมาใช้อย่างเดียว ซึ่งไม่ครบทุกแง่ ก็คือ คุณใช้วิธีตัดสินที่ผิดมาแต่แรกครับ
เท่าที่ผมอ่านพระคัมภีร์ ในสมัยของ การประกาศ ในหนังสือกิจการ ใน จดหมายต่างๆ ของท่านเปาโล
ผมไม่เห็นประเพณี ที่ต้อง มีบาทหลวง ล้าง บาป หรือประเพณี ที่ต้องมีโบสถ์ มีผู้ทำงาน แม่ชี
การ ให้บาทหลวงอยู๋ใน ตู้ และ ให้ คน มาสารภาพ แล้วการ ใช้เครื่องดนตรีในการนมัสการพระเจ้า
การอธิษฐานขอต่อพระแม่มารี การมีรูปปั้น ต่างๆ

ประเพณีเริ่มแรกไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย และแน่นอน ไม่มีสันตะปาปา หรือการตั้งของเปโตรเกิด ขึ้นเลย
อัครสาวกเปโตร ก็ไม่ได้ ยกตัวเอง ขึ้นเป็นสันตะปาปา เลย

เราทุกคนต่างเห็นได้ชัด ถึง ประเพณี ที่เปลี่ยนแปลงของคาทอลิก ต่อประเพณีดั้งเดิม นั้น
และมากมาย มากกว่าเดิม มีการ ตั้งกฏใหม่ขึ้นมา มากมาย

นี้หรือ ประเพณีเดิมๆ ของท่าน ในเริ่มแรกเป็นแบบนี้หรือ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร ส.ค. 11, 2009 9:48 pm

vpjkmesivp เขียน: เอาแล้วไง ครับ ขอตอบกระทู้สุดท้ายก่อน เดี๊ยวจะมองผมกลายเป็น พยานพระยะโฮวาไป

ถ้าคุณจะ บอกผมว่า ผมไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นมนุดแท้ เพราะผมไม่เชื่อว่า นางมาเรียเป็นแม่ของพระเยซูนั้น
ถ้าคุณจะถามใน ทำนองนี้ ผมก็ละไว้ใน ฐานที่คนทั่วไปเข้าใจแล้วกัน

แต่ถ้า จะมาบอกว่า ผมไม่เชื่อว่าพระเยซู เป็นมนุษย์แท้และเป็นพระเจ้าแท้ นั้นไม่สมควรครับ
เพราะถ้าอย่างนั้นผมจะเชื่อพระเยซูได้อย่างไร

ต้องขอโทษ ท่าน โฮลี่เป็นที่ยิ่ง ที่ทำให้ท่านเข้าใจว่าผมไม่ได้อ่าน ผมชอบที่จะโพส วกวน ไปเพื่อให้ได้คำตอบ
ที่ดีกว่าเก่า

แต่ แล้ว ในกระทู้ ล่า สุด ก็กับ มาเรื่อง รากฐานของคริสตจักรซะอีก ซึ่งกลายเป็นว่า ถ้า รากฐาน ยังไม่เหมือนกัน
จะไปเอาอะไรกับ ลำต้นและผลของมัน


ที่คุณโพสมาในกระทู้holy สุดท้าย นี้ มันก็ เป็นการมอง คนละเรื่องกับ ที่โปรมองแล้ว
ผมก็ไม่ขอพูดอะไรในเรื่องนี้ครับ เพราะ คงมีหลายท่าน พยายามพูดแล้ว


แต่ผมก็จะตอบในสิ่งที่ท่านต่อว่า มาทางโปร ครับ (แม้ผมจะไม่ไช่โปร)
2ธส 2:15
ดังนั้น พี่น้องทั้งหลายจงยืนหยัดมั่นคงและยึดถือธรรมประเพณีที่ท่านเรียนรู้มาทั้งด้วยวาจาและด้วยจดหมายของเรา

---อ่านเข้าใจไหม พระศาสนจักรแรกเริ่มไม่ได้มีพฤติกรรมแบบคริสตจักรของคุณ เขาใช้ทั้งประเพณี และใช้ทั้งการสืบทอดผ่านวาจาด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะพระคัมภีร์อย่างเดียวแล้วตัดสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้องมากมายออกโดยอ้างเพียงว่าไม่มีเขียนในพระคัมภีร์

สรุป

พระศาสนจักรคาทอลิค ใช้วิธีเดียวกับที่พระศาสนจักรแรกริ่มใช้ คือเอาธรรมประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา และสิ่งที่สืบทอดทางวาจาที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย

แต่คริสตจักรของคุณ ไม่ได้เป็นแบบพวกเขา คุณเอาไบเบิ้ลของคาทอลิคมาใช้อย่างเดียว ซึ่งไม่ครบทุกแง่ ก็คือ คุณใช้วิธีตัดสินที่ผิดมาแต่แรกครับ
เท่าที่ผมอ่านพระคัมภีร์ ในสมัยของ การประกาศ ในหนังสือกิจการ ใน จดหมายต่างๆ ของท่านเปาโล
ผมไม่เห็นประเพณี ที่ต้อง มีบาทหลวง ล้าง บาป หรือประเพณี ที่ต้องมีโบสถ์ มีผู้ทำงาน แม่ชี
การ ให้บาทหลวงอยู๋ใน ตู้ และ ให้ คน มาสารภาพ แล้วการ ใช้เครื่องดนตรีในการนมัสการพระเจ้า
การอธิษฐานขอต่อพระแม่มารี การมีรูปปั้น ต่างๆ

ประเพณีเริ่มแรกไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย และแน่นอน ไม่มีสันตะปาปา หรือการตั้งของเปโตรเกิด ขึ้นเลย
อัครสาวกเปโตร ก็ไม่ได้ ยกตัวเอง ขึ้นเป็นสันตะปาปา เลย

เราทุกคนต่างเห็นได้ชัด ถึง ประเพณี ที่เปลี่ยนแปลงของคาทอลิก ต่อประเพณีดั้งเดิม นั้น
และมากมาย มากกว่าเดิม มีการ ตั้งกฏใหม่ขึ้นมา มากมาย

นี้หรือ ประเพณีเดิมๆ ของท่าน ในเริ่มแรกเป็นแบบนี้หรือ
งั้นเี่ราคงคุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆ แหละครับ

ในเมื่อคุณไม่ใช่โปรฯ คุณก็คงตอบอะไรที่โปรฯ เขาเชื่อกันจริงๆ ไม่ได้

ซึ่งมันก็ทำให้คุณมองคาทอลิกแบบที่เราเป็นไม่ได้เช่นกัน

ถ้าคุณจะฟังแต่สิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวมา โดยไม่ได้ดูว่า บริบทของผู้เขียนพระคัมภีร์ สถานการณ์ และสิ่งต่างๆ ในขณะนั้นเป็นอย่างไร

ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดที่จะทุ่มเถียง หรือแถลงไขให้กระจ่างไป

ถ้าคุณอ้างเรื่องธรรมประเพณีของการ "ไม่มีอยู่" ในพระคัมภีร์แล้ว

นอกจากขนมปัง เหล้าองุ่น ลูกแกะปัสกา มานา เนื้อนก หรือ อาหารอื่นๆ ที่มีในพระคัมภีร์ เราคงไม่มีสิทธิกินอะไร

หรือในเมื่อพระคริสต์ไม่ให้พกอุปกรณ์ต่างๆ และปัจจัยต่างๆ ไปแพร่ธรรม เราคงไม่มีสิทธิหยิบพระคัมภีร์ไปพูดคุยกับใครเช่นกัน

ไม่ว่าพวกผมจะพูดอะไรออกไป คุณก็จะบอกว่า ไม่ใช่ ไม่ตรง ไม่ได้

มันไม่ใช่ประเด็นของความจริง ความเชื่อ หรือความถูกต้องแล้วหละครับ

มันคือ ประเด็นที่ไม่เป็นแก่นสารและสาระ ที่จะเป็นไปเพื่อรักษาความเชื่ออีก

ดังนั้น ขออนุญาตไม่ตอบคำถามต่อครับ เสียเวลาแปลหนังสือ...
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

อังคาร ส.ค. 11, 2009 9:51 pm

พิจารณามโนธรรมตัวเองยากจริงหนอ : xemo023 :

แต่เอามโนธรรมตัวเองมาตัดสินคนอื่นช่างง่ายดาย

ทั้งๆ ที่มโนธรรมต่างกัน เราเนี่ยโง่จริง จริง

ต้องหัดพิจารณาตัวเองทุกวัน บ้างแล้ว

ว่างๆ เรามาเรียนเรื่องนโมธรรม กับพ่อไพบูลย์ อุดมเดชดีกว่า

จะได้พิจารณาตัวเองเป็น เนอะ เนอะ

รักแม่จริง จริง ทั้งแม่บนดิน และบนสวรรค์

: xemo026 : : xemo026 : : xemo026 :
ตอบกลับโพส